Page 18 - อ่านฟรี ม่านมายาชายาผู้ถูกลืม
P. 18
16 ม่านมายาชายาผู้ถูกลืม
เย้ยหยันอยู่สามส่วน เขามิได้เอ่ยอันใดอีก เพียงแค่บีบแก้มทั้งสองข้างของนาง
เล็กน้อย เขาอยากจะก�าชับนางอีกสักสองสามประโยค ทว่านอกเรือนมีคนมาเร่ง
ให้หลี่เซวียนออกเดินทางเสียก่อน
หัวใจพลันเย็นเยียบระลอกหนึ่ง ความเย็นยะเยือกแล่นจากฝ่าเท้าเข้าสู่
หัวใจ นางจงใจเมินเฉย จงใจยักไหล่ และจงใจโบกมืออ�าลาให้เขาอย่างกล้าหาญ
ในชั่วพริบตานั้นหัวใจของโจวซวี่ยงพลันหนาวสะท้าน ในเสี้ยวเวลาที่นาง
หันกายกลับไป เขาก็ดึงนางกลับมา รวบนางเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่นหนา
มือของเขาก�าลังสั่นเทา หัวใจของเขาโกรธแค้น ‘คนผู้นั้น’ ยิ่ง โจวซวี่ยงสาบานว่า
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะท�าเพื่อบิดามากเพียงไร ชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่ขออยู่ร่วมโลกกับ ‘คน
ผู้นั้น’ อีก
นางคลี่ยิ้มในอ้อมกอดของเขา ย้อนนึกเรื่องราวในวันวานขึ้นมา...
คราวนั้นนางถูกท่านรองกอดเอาไว้เช่นนี้ แม่นางอวิ๋นมาเห็นเข้าจึงเอ่ย
หยอกล้อ “พวกท่านนายบ่าวสนิทสนมกันดีจริงๆ”
ท่านรองขัดเขิน ปล่อยมือพลางเอ่ยว่า “ใครใช้ให้หลี่เซวียนขี้อ้อนเล่า”
นางจ�าได้ว่าตอนนั้นใบหน้าของเขาเป็นสีชมพูเปล่งปลั่ง ราวกับแม่นาง
น้อยที่ก�าลังเขินอายก็มิปาน ทั้งที่ดูไม่สมกับเป็นชายชาตรีแต่นางกลับรู้สึกว่า
น่ามองเป็นที่สุด นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาเขาก็จะแอบกอดนางในที่ที่ไม่มีใคร
เห็นเท่านั้น นางเองก็ยินดีให้เขาขโมยกอดในที่ที่ไม่มีคนเห็นเช่นเดียวกัน
มารดานางบอกว่า “เกิดเป็นหญิงต้องรู้จักส�ารวมตน เจ้าเริ่มอายุมากขึ้น
เรื่อยๆ ควรรู้ว่าชายหญิงมิควรใกล้ชิด”
ทว่านางเอาแต่โน้มน้าวตัวเองอยู่ร�่าไปว่ารอจนถึงอายุสิบห้าก็แล้วกัน
หลังจากถึงวัยออกเรือนค่อยคิดเรื่องชายหญิงมิควรใกล้ชิด... เพราะเหตุใดนะหรือ
เพราะว่าอ้อมกอดของเขาเป็นสถานที่ที่ท�าให้นางสุขสงบใจมากที่สุด
เพียงชั่วประเดี๋ยวโจวซวี่ยงก็ปล่อยตัวนาง เขาปลดหินหยกสีม่วงที่ใส่มา
นานปีไม่เคยห่างกายออกจากคอ จากนั้นสวมใส่ลงบนคอของนาง
“นี่เป็นหินหยกที่ผ่านการลงอาคมจากนักพรตผู้มีวิชาแก่กล้า เมื่อเจอ
ภยันตรายเจ้าจงก�ามันไว้แน่นๆ มันจะช่วยให้เจ้ารอดผ่านภัยพาลทั้งปวงไปได้”