[[พันธนาการแห่งบัลลังก์]] (ตอนที่1 : ที่ซึ่งไม่ใช่บ้าน)
Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี
- ==Ashura==
- โพสต์: 9
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 21 พ.ย. 2007 9:55 pm
- ติดต่อ:
[[พันธนาการแห่งบัลลังก์]] (ตอนที่1 : ที่ซึ่งไม่ใช่บ้าน)
?เข้ามาสิ? ชายหนุ่มเชื้อเชิญแขกพิเศษเข้าสู่กระท่อมหลังเล็ก
มันเป็นกระท่อมไม้ที่มีเพียงสองส่วน คือห้องนอนที่ถูกกั้นจากสายตาคนนอกด้วยผนังไม้บางๆ กับผ้าหนังสีน้ำตาลชายรุ่ยขาดเหมือนโดนสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกัดแทะ ในห้องนอนมีเพียงเตียงไม้แข็งๆกับผ้าห่มเก่าๆที่ทำจากหนังกวางที่บ่งบอกว่าที่นี่เป็นห้องนอน อีกส่วนคือที่ที่เขากำลังยืนอยู่ มีโต๊ะไม้จวนผุพังเต็มทีกับตู้ใส่ข้าวของเท่านั้น ดูโดยรวมมันเหมือนกระท่อมถูกทิ้งร้างมากกว่าที่อยู่อาศัยของใครสักคน
?นั่งนี่นะ?
?ขอบคุณ..? เมโลดี้ตอบเสียงเบา นั่งหลังตรงมองสำรวจไปทั่วเหมือนดูทางหนีทีไล่ แต่ดูเหมือนว่าจะมีทางออกแค่ประตูไม้ที่เธอเข้ามาที่เดียว อันที่จริงเธอไม่ควรตามคนแปลกหน้า โดยเฉพาะผู้ชายไปไหนต่อไหนหรอกนะ แต่ดูจากสภาพแล้ว มันไม่มีทางให้เธอเลือกนัก ระหว่างตามคนแปลกหน้ากับนอนกลางดิน
แม่นะแม่.. เด็กสาวส่งเสียงพาลในหัว อยู่กันอย่างนั้นก็ดีแล้ว ทำไมต้องยุ่งยากอะไรด้วย พ่อเหรอ ไม่ได้อยากพบซะหน่อย คนที่ทิ้งแม่ตั้งแต่ข้ายังไม่เกิดมีอะไรให้อาวรณ์อีก
หึ..ส่งลูกสาวมาคนเดียว แต่ไม่ยอมส่งใครมาด้วย คอยดูนะ ถ้ากลับไปได้ จะอาละวาดให้เต็มที่เลย
ชายหนุ่มนั่งลงอีกมุมหนึ่งของโต๊ะ เขาจับจ้องใบหน้าที่เหมือนคนในความทรงจำเหลือเกิน ที่จริงเขาเกือบลืมไปด้วยซ้ำถ้าไม่ได้พบคนหน้าคล้ายกันอีก ดวงตาของหล่อนมีแววหมกมุ่น ดูท่าทางคงกำลังคิดอะไรอยู่ แน่ล่ะ..คงคิดเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เด็กสาวตัวคนเดียวในป่าใหญ่ คิดยังไงก็น่าเป็นห่วงอยู่ดี
?ที่นี่คือป่าแห่งการเปลี่ยนแปลง? เขาเริ่มต้นอธิบาย ดึงถาดทรายที่เก็บเอาไว้มาวาดต่างแผ่นที่ ?ออกจากชายป่าลงไปจะพบทางแพร่งแยกไปสองเมือง คือเมืองแก้วผลึกกับเมืองแก้วคริสตัล ถ้าจะไปแก้วผลึกใช้เวลาเดินเท้าคงไม่เกิน 6วัน ..แต่ถ้ามีผู้พิทักษ์จะง่ายกว่านี้?
?อะไรนะคะ ผู้พิทักษ์??
?พวกภูตที่ทำพันธะสัญญากับเราไง?
?ภูต??
?โธ่เอ้ย.. เมโลดี้? ชายหนุ่มกุมขมับ เมื่อเด็กสาวตรงหน้าที่ต่อไปคงโตเป็นสาวสวยได้ไม่ยาก ไม่รู้จักกระทั่งคำว่าภูต ?เดี๋ยวนี้ข้าเห็นหลายเมืองที่ไกลออกไปก็เริ่มสอนคำนี้กันแล้วนะ แต่..บ้านเมืองเจ้าคงไกลไปหน่อยมั้ง เลยไม่สนใจสิ่งมีชีวิตแถบนี้ ชนภูเขา? ข้าได้ข่าวว่ารบเก่งนิ --แต่เมโลดี้ ข้าอยากเตือนอะไรเจ้าสักหน่อย ที่นี่มันมี..อย่างที่เจ้าก็เห็น..ปีศาจ ถึงจะไม่มาก แต่ก็มีโอกาสพบ เจ้าจะออกจากป่าแห่งการเปลี่ยนแปลงคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้วพอไปถึงเมืองแก้วผลึกได้ เจ้า..จะทำยังไงต่อ บอกทหารยามเหรอว่าพ่อของเจ้าคืออดีตกษัตริย์แห่งแก้วผลึกที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว มันค่อนข้างจะ--?
?ข้าไม่โง่ขนาดนั้นหรอก? เธอส่งเสียงประชด กอดอกไว้แน่น
?แต่ข้าคิดว่าเจ้ากลับบ้านดีกว่านะ แล้วค่อยให้แม่ของเจ้าพามาใหม่ก็ได้ ถ้า..นางเคยเป็นสนมหรือชายา นางควรจะเป็นที่รู้จักของคนในวัง อีกอย่าง..เจ้าเข้าไปในเมืองไม่ได้หรอกนะ?
?ทำไม? เขาห้ามคนต่างแดนเข้าหรือไง?
?ผม..กับตาของเจ้า มันเป็นสีดำ?
?แล้วไง....?? เธอพอจะรู้ว่ามันผิดปกติ ทุกคนที่รายรอบเธอไม่เว้นแม้แต่เจ้าหลวงกับเจ้านางต่างก็มีเส้นผมรวมทั้งดวงตาเป็นสีน้ำตาลที่งดงาม มีเพียงเธอกับแม่เท่านั้นที่เป็นสีดำ ถึงยังไงมันก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลย
เอเรียลส่ายหน้าให้กับความไม่เข้าใจของเด็กสาว
?เมโลดี้ คนที่นี่ถือว่าผู้มีสัญลักษณ์เช่นนั้นเป็น..เอ่อ..แม่มดน่ะ รู้จักไหม? ตัวนำเคราะห์ร้าย คอยสูบเลือดสูบเนื้อมนุษย์ ถ้ามีใครเห็นเข้า อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้แต่ภูตมาเจอ เจ้าก็อาจถึงตายได้?
?แล้วท่านล่ะ..เป็นใครกัน?? เจ้าหล่อนไม่สนใจในสิ่งที่ชายหนุ่มเพียรพยายามอธิบาย อาจเพราะหล่อนไม่เข้าใจสถานการณ์ต่างบ้านต่างเมืองอย่างที่เขาเข้าใจว่ามันเลวร้ายเพียงใด
เอเรียลหัวเราะเสียงแปร่ง
?ไม่รู้สิ.. ปีศาจกระมัง ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดี เมล กลับบ้านเถอะ?
?กลับบ้านๆๆๆ ท่านพูดคำนี้อีกรอบแล้ว! คิดว่าข้าไม่อยากกลับหรือไง คิดว่าข้าอยากมาอยู่ที่แบบนี้หรือไงกัน!?
เมโลดี้ยืนขึ้นด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไว้มานาน ผสมกับความหวาดหวั่นในสิ่งที่เธอไม่เคยเผชิญมาก่อน เก้าอี้ที่นั่งล้มลงไปด้านหลัง
?แล้วท่านจะให้ข้าทำยังไง ท่านแม่ส่งข้ามาโดยไม่ฟังคำคัดค้านอะไรทั้งนั้น คอยดูนะ ป่านนี้ในวังตามหาตัวข้าวุ่นไปหมดแล้ว แม่ไม่บอกใครทั้งนั้นส่งข้ามาตามอำเภอใจ แล้วเจ้าจะให้ข้ากลับไปยังไง!? เมื่ออารมณ์เด็กสาวมาถึงขีดสุดแล้ว หล่อนโวยวายเสียงดัง แม้รู้อยู่เต็มอกว่าควรเก็บอารมณ์ แต่เวลานี้ราวฟางเส้นสุดท้ายขาดสะบั้น ถ้อยคำพร่าพรู
เธอหวาดกลัว..มาอยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จักเพียงลำพังแค่นั้นก็มากเกินพอแล้ว ยังต้องให้ใครมาบอกว่าควรกลับบ้านอีก ถ้ากลับได้..จะไม่มาอยู่ตรงนี้ให้เสียเวลาเลย หยาดน้ำใสเริ่มคลอ แต่ก็สลัดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว
มือใหญ่เอื้อมมาวางหลังมือของเด็กสาว แม้อยากจะชักหนี แต่ใจก็ไม่แข็งมากพอ
?สงบสติก่อนสิ นั่งลงนะจ๊ะ?
เธอทำตามประโยคขอร้องที่แสนหวานนั้น
?ขอโทษถ้าทำให้เจ้าไม่สบายใจ ข้าแค่อยากหาทางที่ดีที่สุดให้จนลืมคิดไป เอาเป็นว่าจะช่วยเจ้าให้ได้เข้าวังเคารพพระศพอดีตกษัตริย์ดีไหม? ข้าได้ข่าวว่าเพิ่งสวรรคตไม่นานคงตั้งพระศพในวังแหละ?
?แค่นี้ข้าก็รบกวนท่านมากพอแล้วค่ะ? เด็กสาวกล่าว แต่ก็รู้ตัวดีว่ายังไงก็ต้องยอมรับความช่วยเหลือจากเขา เพราะเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ แดนดินที่ห่างไกลเช่นนี้..บ้านเกิดที่เธอไม่เคยคิดจะกลับมา ?ผู้มีพระคุณ?
?เรียกเอเรียลดีกว่านะ เมโลดี้..ท่วงทำนอง ถ้าเจ้าเป็นเสียงเพลงคงเป็นเพลงที่ไพเราะอ่อนหวานที่สุด? ราชนัดดาแห่งรูซาเวียเผลอมองลึกเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม ใบหน้าเด็กสาวขึ้นสีระเรื่ออย่างไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ทำไมเมื่อครั้งแรกที่สบนัยน์ตาคู่นี้ พลันความรู้สึกบางอย่างเหมือนจะเอ่อล้น ราวไม่ใช่ครั้งแรกที่พบเจอ เหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่รู้จักกัน มือที่เขากุมอยู่ก็ไม่ยอมปล่อยเสียที ?ไม่ต้องห่วง ยังไงข้าก็ว่างๆ ช่วยเจ้าได้แน่ แต่ว่า..ข้ามีเรื่องจะถามเจ้านิดหน่อย?
?คะ??
?เจ้าเคยมาที่นี่ไหม?
?ข้าไม่เคยออกจากภูผาหอมเลยค่ะ แม้แต่เมืองใกล้ๆอยู่ใต้ภูเขาก็ไม่เคยไป?
?ตอนเด็กๆล่ะ??
?ตอนไหนก็ไม่เคยค่ะ ท่านแม่บอกว่าพาข้าที่เพิ่งเป็นทารกออกจากที่นี่ไปแล้วไม่เคยย้อนกลับมาอีกเลย ทูลหม่อมลุงก็บอกอย่างนั้น ท่านว่าจะไม่ยอมให้ข้ากลับมาหรอก?
หัวใจของคนถามแทบปลิดปลิว เมโลดี้..ไม่ใช่เด็กคนนั้น
?ทำไมแม่เจ้าต้องพาหนี ทะเลาะอะไรกัน??
?ข้าไม่แน่ใจนัก? หล่อนตอบตามตรง ?มีคนบอกข้าว่าท่านพ่อ.. ไม่ยอมรับเรา ทิ้งท่านแม่กับข้าที่เพิ่งเกิดไว้ พอข้าไปถามท่านแม่ ท่านก็เกรี้ยวกราดแล้วบอกว่าพ่อรักแม่กับข้ามากที่สุด แม่สอนให้ข้ารักพ่อให้มากๆ แต่..กับคนที่ไม่รู้จัก ท่านจะรักได้หรือคะ??
เอเรียลพยักหน้า
?เอาล่ะ เจ้าพักอยู่ที่นี่ให้สบายก่อนแล้วกัน? เอเรียลเหลือบมองที่เด็กสาวผมสีดำ ?เจ้าไม่ใช่แม่มดแน่นะ ที่จริงก็มีเด็กเกิดมาผิดปกติแบบนี้เหมือนกัน สงสัยพ่อของเจ้าคงนึกว่าแม่เจ้าเป็นแม่มดในตำนานกระมัง ถึงได้ทิ้งไม่สนใจ แต่ถึงเจ้าจะเป็นมนุษย์จริง ผู้คนคงไม่ยอมรับง่ายๆแน่ ข้าจะหาทางกำจัดสีผมกับม่านตาเจ้าก่อน ข้ารู้ว่าใครทำได้?
ถ้า..นางยอมช่วยนะ เอเรียลต่อในใจอย่างเป็นกังวล มองดูเด็กสาวที่ยังไม่เข้าใจว่าสีผมกับดวงตาของตนจะทำอะไรได้
?จากนั้นเราค่อยคิดหาทางเข้าวังก็ยังไม่สาย? บุรุษหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปที่ประตู เมื่อแสงเริ่มจางลงจนเกือบเป็นมืด ?ที่นี่จะไม่มีปีศาจตนไหนกล้าเข้าใกล้ แต่อย่าพยายามออกไปข้างนอกล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะรีบมาแต่เช้านะ?
?ท่านไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่เหรอคะ?? เมโลดี้ลุกขึ้นยืนทันใด เธอไม่ต้องการอยู่คนเดียวในเวลานี้ ข้างนอกมืดและวังเวงน่ากลัว ป่าทึบทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด เธอควรกังวลว่าเขาเป็นผู้ชาย แต่ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือเธอต้องอยู่คนเดียวงั้นเหรอ? ?ที่นี่ไม่ใช่บ้านของท่านหรือคะ?
?ที่ที่ไม่มีคนอยู่ ไม่มีครอบครัว เจ้ายังจะเรียกมันว่า ?บ้าน? อีกเหรอ? เอเรียลส่ายหน้า ?กระท่อมนี้แม่ข้าปลูกไว้ก่อนข้าเกิดเสียอีก ข้าก็มาพักผ่อนเป็นครั้งคราวเวลาเข้าป่าน่ะ เจ้าอยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ ข้ายังมีบ้านต้องกลับไป? ชายหนุ่มเดินออกจากกระท่อม แล้วกระโจนขึ้นต้นไม้ด้วยความเร็ว กระโดดก้าวไปทีละต้น จนห่างออกไปทุกที่
ทิ้งสาวน้อยไว้ในที่ซึ่งไม่ใช่บ้านเพียงลำพัง
?ที่ซึ่งไม่ใช่บ้าน? เมโลดี้พึมพำหลังจากที่เอเรียลออกไปแล้ว ?ไม่มีที่ไหนเป็นบ้านที่แท้จริงหรอก ถ้าไม่มีครอบครัวของเราอยู่ข้างใน? หล่อนจับต่างหูที่มีขนาดใหญ่กว่าดวงตาของตนเอง มันเป็นสีดำมันวับ กำลังส่องแสงสะท้อนกับแสงจันทร์ในยามค่ำคืน
ร่างบางคลี่ผืนหนังเก่าจวนขาดที่ใช้เป็นผ้าห่มแล้วสอดตัวเข้าไปข้างใน ล้มตัวลงบนที่นอนแข็งๆ จับชายผ้าห่มคลุมปิดถึงคอ ถึงเอเรียลจะบอกว่าไม่ค่อยได้เข้ามาใช้งาน แต่ก็มีกลิ่นจางๆ กลิ่นของบุรุษเพศผู้นั้น เธอค่อยๆเคลิ้มหลับท่ามกลางป่าเงียบสงัด และเต็มไปด้วยภยันตรายแต่นักเดินทางในยามค่ำคืน
?พักก่อน? ปลอบตนเอง ?พรุ่งนี้ค่อยคิดอีกที พักเอาแรงเสียก่อนอย่างที่ทูลหม่อมลุงสอน?
???????????
เสียงขลุ่ยลอยแผ่วครวญไปกับสายลมบนยอดปราสาท ร่างสูงนั่งหมิ่นเหม่บนขอบหน้าต่างของห้องนอนตนเอง ในขณะที่หญิงนางหนึ่งคล้อยหลับไป หารู้ไม่ว่านางทำให้ใครอีกคนนอนไม่หลับทั้งคืน
เอเรียลถอนหายใจ เหม่อมองไปทางกระท่อมน้อย ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรไป ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพียงแรกสบตาเท่านั้น หัวใจก็เต้นระรัวเหมือนจะไม่มีวันสงบลงได้..ดุจต้องมนต์คาถา มนตราแห่งเสน่หาพาให้หลงใหล ราวดวงตาสีรัตติกาลคู่นั้นตรึงเข้าไปในหัวใจ ความงามเปล่งประกายแม้ยามหลับตาก็เห็นภาพได้ชัดเจน
บ้าชะมัด! เขาด่าตัวเอง คิดอะไรกับคนที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกนะ หล่อนไม่ใช่มิล! ไม่ใช่ๆๆ ไม่มีทางใช่ ก็แค่เหมือน..แต่ไม่ทั้งหมด
มิล..เราจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า ที่บอกให้รอ นานแค่ไหนแล้ว จะนานต่อไปอีกถึงเมื่อไร เจ้าบอกว่าจะมอบของสำคัญ..ล้ำค่าที่สุดให้ข้า ยังจำได้หรือไม่
ความทรงจำในวัยเยาว์อันเลือนราง เด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเล่นไปด้วยกันในยามที่เขาต้องการใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน หัวใจว้าเหว่เมื่อมีใครเข้ามาก็ต้องการทั้งนั้น เจอกันครั้งแรกและครั้งเดียวก็ไม่ได้พบอีก เด็กผู้หญิงตัวน้อยในชุดสีน้ำเงินพลิ้วขอสัญญา
ต้องรอ.. รอนะ รอก่อน จะกลับมาแน่ ต้อง..รอ..นะคะ
เสียงยามอ้อนอ่อนหวาน เธอผู้นั้นได้ทุกสิ่งยามที่พูดคำนี้ นะคะๆ ให้ปีนต้นไม้สูงฉะลิ่วเก็บผลสุกอร่ามลงมากิน ให้เด็ดไม้งามที่ลอยตามสายน้ำเย็นเยือก มิล..ถ้าคนที่พบคือเจ้า หรือว่าลืมสัญญากันแล้ว?
ภาพสมัยเด็กในความฝันเริ่มถูกแทนที่ เด็กผู้หญิงที่หันหลังวิ่งจากไปค่อยๆโตขึ้น ทุกย่างก้าวที่ย่ำเหยียบเหมือนเพิ่มอายุจนกลายเป็นหญิงสาว ภาพเลือนรางทับซ้อนจนแยกไม่ออก เส้นผมสีราตรีโบกพลิ้ว ครั้นหันหน้ากลับมาก็ราวเป็นอีกคน
?เมโลดี้!? เสียงตะโกนดังออกจากริมฝีปากบุรุษที่เผลอหลับไหล เขาผุดลุกขึ้นนั่งด้วยสัญชาตญาณ เหงื่อโซมกาย มองไปรอบๆพบว่าตนเองนอนอยู่บนขอบหน้าต่างด้านใน น้ำค้างลงพาความหนาวก่อนรุ่งสางเย็นจับกระดูก
เอเรียลมองหาพระอาทิตย์ที่ยังไม่ขึ้น เร็วเกินไปที่จะไปพบใครสักคน ถอนหายใจพลางขยับยืดแข้งยืดขา เขาคว้าหนังสือใกล้ตัวมาอ่านฆ่าเวลา มือเรียวคล้ายสตรีหรี่ดวงตะเกียงขึ้น ให้แสงไฟมากพอที่จะอ่านหนังสือในตอนเช้ามืดได้
ทว่า..เงาของตะเกียงส่องแสงสลัวก็ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มือเรียวปล่อยหนังสือร่วงกระทบพื้นทันที หันไปทางกระท่อมตามสัญชาตญาณ
?คลูคอน!!?
ร่างสูงกระโจนออกทางหน้าต่างของยอดปราสาท แต่ไม่ได้รับอันตรายยามขาแตะพื้นดิน เขารีบมุ่งไปยัง ?ที่ซึ่งไม่ใช่บ้าน? ทันที