ฝากนิยายตอน 2 Y.W.A.T. (โชคชะตามีจริง)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
ic
โพสต์: 367
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 21 ต.ค. 2006 11:39 pm
ติดต่อ:

ฝากนิยายตอน 2 Y.W.A.T. (โชคชะตามีจริง)

โพสต์ โดย ic »

http://my.dek-d.com/Sixth/story/view.php?id=289941
บทที่สอง : โชคชะตามีจริง

การเดินทางของเรนก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาต้องกลับไปรายงานตัวกับหน่วยงานลับพิเศษพิทักษ์สหพันธรัฐ ที่นครแห่งศูนย์กลางเอนญ่าแต่ทว่าการเดินทางก็กินเวลายาวนานไม่ใช่เล่นเลย เพราะที่ๆเรนอยู่เป็นครั้งสุดท้ายคือหมู่บ้านข้างๆ Rock Village ชายแดนริมสุดทางเหนือของสหพันธรัฐ

เรนต้องเดินทางมาขึ้นรถโดยสารพิเศษที่เมืองซานอส ซึ่งเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางการขนส่งทางเหนือโดยใช้เวลาทั้งสิ้นสามวันเต็มๆ หลังจากนั้นก็ต้องจองตั๋วรถโดยสารพิเศษหมายเลขที่ 24 ราคา 867 เซเรียว(หน่วยเงินตราของที่นี้คิดค่าเงินเหมือนเงินบาท) ถึงจะแพงแต่มันก็ช่วยไม่ได้เพราะที่นี้มีเพียงรถโดยสารปรับอากาศพิเศษชั้น 1ที่เร็วและสะดวกสบายที่สุด

จะถามว่าทำไมเรนไม่หารถส่วนตัวขับไปนะรึ? ก็เพราะว่าที่นี้มีกฎหมายห้ามซื้อขายและขับขี่รถหรือยานพาหนะต่างๆที่ใช้แก๊สหรือน้ำมันนะสิ มีเพียงรถโดยสารพิเศษของรัฐเท่านั้นที่มีได้ ซึ่งรถโดยสารพิเศษนี้ใช้พลังแม่เหล็กไฟฟ้าขับเคลื่อนไปตามรางที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษ จะเรียกว่ารถรางก็ได้ เพื่อป้องกันการจราจรติดขัด และป้องกันปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม จะยกเว้นก็แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ของเผ่าราชันย์ และการใช้งานทางกองทัพแห่งสหพันธรัฐวินดั้มเท่านั้นที่มีข้อแม้อีกว่าต้องผ่านมติของสภาสูง มีมติเสียงข้างมากไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งในแต่ละครั้ง หรือเฉพาะในกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน

การเดินทางโดยรถโดยสารพิเศษหมายเลขที่ 24 นั้นกินเวลาทั้งหมด 7 ชั่วโมง 29 นาที กว่าจะถึงท่าจอดรถที่เมืองเอนญ่า ทำให้ระหว่างเวลาที่โดยสารอยู่นั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อสุดๆ ถึงแม้ว่าจะมีบริการอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมกับการฉายภาพยนต์ไปในตัวแล้วก็ตาม

เรนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เบื่อกับการโดยสารรถในครั้งนี้ เขาพยายามหากิจกรรมแก้เซ็ง ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ กินข้าวกล่อง ฯลฯ ถึงแม้ว่าเขาจะทำกิจกรรมหลายๆอย่างแล้วก็ตาม แต่สภาพในตอนนี้นั้นไม่ได้ทำให้หัวสมองของเรนหยุดคิดเรื่องของริกะได้เลย ทั้งๆที่ตอนพบกันครั้งแรกเรนกลับคิดว่าริกะเป็นเพียงแค่สาวน้อยน่ารักธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่มีความร่าเริงแจ่มใสสมวัย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 13 นั้น กลับทำให้เรนได้เห็นอีกด้านหนึ่ง หรือจะเป็นนิสัยที่แท้จริงของริกะก็ไม่ทราบได้ แววตาที่เยือกเย็น น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ รอยยิ้มที่เป็นเหมือนการยิ้มเยาะมากกว่ารอยยิ้มที่มาจากจิตใจที่บริสุทธิ์ มันทำให้เรนลังเลใจที่จะเชื่อในตัวของริกะอีก แต่อีกใจหนึ่งกลับอยากที่จะหาคำตอบกับความลึกลับซับซ้อนนั้น เป็นดั่งมนต์เสน่ห์ที่คอยดึงดูดจิตใจของเขา เป็นเหมือนเสียงที่คอยกระซิบอยู่ในหัวว่า

?จงค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเธอ?
รึเป็นเพราะว่าริกะจังดูคล้ายกับสาวน้อยในความฝันครั้งนั้นกันแน่นะ

โธ่ว้อย

?บอกว่าถ้ามีโชคชะตาที่จะได้พบกันอีกละก็ จะตอบคำถามนั้นให้ก็ได้ นะรึ?
?ฮึ ฉันจะตามหาเธอให้พบแน่?
?ไม่ต้องห่วง ฉันเจอเธออีกแน่ริกะจัง?
เรนตะโกนก้อง สัญญาไว้กับตัวเค้าเองด้วยความมั่นใจ
และฮึกเหิมที่จะหาคำตอบนั้นโดยที่ลืมไปว่าเขายังอยู่ในรถ!

ห้ามไม่ทันซะแล้ว คนทั้งรถจ้องมองเรนกันเป็นตาเดียวเลย(อีกแล้ว) เรนรีบเอาปูนตราเสือโบกหน้าอย่างหนาพร้อมทั้งใส่หูฟัง นอนฮัมเพลงอย่างไม่รู้ไม่ชี้เหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเค้าเอง เพราะต้องโดยสารรถคันนี้ไปอีกนาน

เมื่อผล็อยหลับไปได้สักพัก เรนก็เริ่มฝันถึงเนินเขาที่มีต้นไม้ใหญ่ยืนต้นอยู่เดียวดาย ออกดอกสีชมพูระเหรื่ออยู่เต็มต้นอีกครั้ง เหมือนเมื่อฝันครั้งที่แล้วที่เขาได้พบกับสาวน้อยผมดำลึกลับคนนั้น ไม่ได้ยินเสียงที่พูด และก็ยังจำหน้าของเธอไม่ได้อีกเช่นเคย เมื่อเรนตื่นจากฝันเขาก็พบว่ารถโดยสารที่เค้านั่งมากำลังจะเทียบท่าโดยสารที่ 24 ณ ท่าขนส่งมวลชนนครแห่งศูนย์กลางเอนญ่าพอดิบพอดี หลังจากที่เรนเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าไปขึ้นรถเมล์ความเร็วสูงต่อเพื่อไปยังเขตนครหลวงที่ 37 ที่ตั้งลับของหน่วยงานลับพิเศษพิทักษ์สหพันธรัฐ

ถึงแม้ว่านครแห่งศูนย์กลางเอนญ่าจะเป็นรัฐใหญ่เพียงรัฐเดียวในแถบดินแดนตอนกลางของสหพันธรัฐวินดั้มก็ตาม แต่ก็ยังแบ่งย่อยออกเป็นเขตเล็กๆอีก 42 เขต โดยถือว่าเขตที่ 1 มีความสำคัญมากที่สุดเพราะเป็นที่ตั้งของพระราชวังแห่งเผ่าราชันย์ และสำนักงานใหญ่สหพันธรัฐแห่งวินดั้ม รวมทั้งสภาสูงอีกด้วย ทั้งนี้จะถือว่าเขตที่ 2 จนถึงเขตที่ 15 เป็นเขตนครหลวงชั้นใน เขตที่ 16 จนถึงเขตที่ 28 เป็นเขตนครหลวงชั้นกลาง เขตที่ 29 จนถึงเขตที่ 36 เป็นเขตนครหลวงชั้นนอก และสุดท้ายเขตที่ 37 จนถึงเขตที่ 42 เป็นเขตนครหลวงรอบนอก แต่รถโดยสารพิเศษสายที่ 24 นั้นมาลงจอดที่ท่าจอดรถในเขตที่ 21 เรนจึงต้องนั่งรถเมล์ความเร็วสูงต่ออีกครึ่งชั่วโมง
เมื่อมาถึงเขตที่ 37 แล้วนั้น เรนก็เดินต่อมาอีกสิบนาทีถึงจะถึงที่ตั้งหน่วยงานลับ เป็นใครก็คงจะประหลาดใจไม่น้อยที่ร้านขายดอกไม้เล็กๆเป็นตึกห้องแถวสามชั้น และร้านกาแฟที่อยู่ข้างๆกันจะเป็นที่ตั้งของหน่วยงานลับพิเศษพิทักษ์สหพันธรัฐ โดยส่วนใหญ่แล้วหัวหน้าโฮอึนจะนั่งเล่นจิบน้ำชาในร้านกาแฟในฐานะลูกค้าประจำ เพราะฉะนั้นเรนจึงตัดสินใจเข้าไปพักเหนื่อยที่ร้านดอกไม้ Just 4 U ก่อนที่จะโดนด่าและเจอเกมลงทัณฑ์อันพิสดารของโฮอึนนั้นเอง

?แอ๊ด? เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้น

?สวัสดีคะ จะรับดอกไม้อะไรดีคะ?
เสียงทักทายของเจ้าของร้านดังขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามา
เธอกำลังยุ่งอยู่กับการจัดดอกไม้พอดี จนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

สงสัยจะเป็นพนักงานคนใหม่แหะ
เอ๊ะ แต่เสียงฟังดูคุ้นๆยังไงชอบกล
เรนคิดอย่างนั้น

เรนเดินเข้าไปในร้านอย่างเนือยๆเพราะอ่อนเพลียจากการเดินทาง
เค้าจ้องมองดอกไม้ที่อยู่ในร้านโดยที่ไม่ได้สนใจมองเจ้าของร้านพร้อมกับบอกรหัสลับ
?กลีบคาร์เนเลียสีน้ำเงินที่บานกลางทุ่งหิมะในคืนวันเพ็ญหลังฝนตก?

?เป็นดั่งใจท่านปรารถนา จงประดับไว้กลางหทัย?
เสียงของเจ้าของร้านสาวตอบรหัสลับกลับไป พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนร่วมงาน

!!!

?ริกะจัง??
?ทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้?
?แล้วนั้นเปลี่ยนสีผมแล้วรึ ทำไมเป็นสีน้ำตาลอ่อนอย่างนี้อ่ะ?
เรนตกใจพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เจ้าของร้านสาวที่เมื่อกี้เค้าไม่ได้สนใจหล่อนเลยทันที

?ฮึ ก็แค่อยากจะเปลี่ยนลุคใหม่ ไม่เห็นต้องตกใจเลยนิ?
หญิงสาวยิ้มแล้วตอบคำถามกลับ

?อ่ะ เดี๋ยวก่อนๆ เธอไม่ใช่ริกะจังนิ เธอเป็นใครกันแน่?

!

ทั้งๆที่หน้าตาก็เหมือนกัน เสียงก็เหมือนกัน ส่วนสูงก็เท่ากัน ต่างกันก็แค่สีผม ดูลักษณะรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ดูยังไงๆก็เป็นริกะที่เรนรู้จักแน่ๆ แต่เรนกลับปฏิเสธว่านั้นไม่ใช่ริกะ

ทำไมน่ะรึ?

นั้นก็เพราะว่าส่วนลึกในจิตใจของเรนย้ำว่า
นั้นไม่ใช่ริกะ คนที่เค้าจะตามหานะสิ

?ทำไมถึงคิดว่า ฉันไม่ใช่ริกะ? จำฉันไม่ได้รึ? หญิงสาวถามต่อทันทีด้วยความสงสัย

?ก็เพราะเธอไม่ใช่ ความรู้สึกของผมมันบอกอย่างนั้น?
เรนตอบตามที่เขาคิดจริงๆ

หญิงสาวอมยิ้มเล็กน้อยอย่างภาคภูมิใจ แล้วพูดว่า
?ถูกต้องนะค่า ว้าวยอดไปเลย
ไม่มีใครทายความแตกต่างของพวกเราได้มากี่ปีกันแล้วนะ?

?กะจะแกล้งเล่นซะหน่อย ทั้งๆที่พี่ชายก็ไม่รู้ด้วยว่าเราเป็นฝาแฝดกัน?
?ฉันแฝดน้อง ฟิน อัสวาร์ล? เธอแนะนำตนเองอย่างดีใจ
?นิๆ พี่ชายชื่ออะไรคะ?
ฟินถามเรนกลับพร้อมกับยื่นมือมาเช็คแฮนด์

?อ่า เรน แม็คไนท์?
?เรียก เรน เฉยๆก็ได้? เรนยังคงงงอยู่เล็กน้อยพร้อมยื่นมือไปเช็คแฮนด์ด้วยใบหน้าแหยๆ

?งั้นขอเรียกว่า เรนคุง ก็แล้วกัน?

เรนตกใจเล็กน้อย แล้วผยักหน้าเป็นเชิงว่าอนุญาตแล้ว คำเรียกชื่อ เรนคุง ของฟินนั้น ทำให้เค้าคิดถึงริกะจังไปด้วย

?นิๆ เรนคุง อยากพบริกะจังมั้ย?
ฟินยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วถามเรนอย่างสนใจใคร่รู้

?เอ๋ เธออยู่ที่นี้ด้วยรึ?
เรนมีอาการสนใจขึ้นมาด้วยทันที

?อืม พักอยู่นะ พึ่งกลับมาจากงานแหละ
ตามมาสิ?
ฟินตอบคำถามนั้นพร้อมกับหันหลังและกวักมือเรียกเรนให้ตามเธอไป

ไม่ทันไรเรนก็ตามฟินไปหลังร้าน แล้วเดินขึ้นบันไดไป ฟินบอกว่าริกะที่เค้าตามหานั้นอยู่บนห้องท้ายสุดของชั้นสาม

อะไรกันเนี้ย ทำไมจะได้เจอกันเร็วอย่างนี้ล่ะ รึเพราะโชคชะตามีจริง
โอ้ ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดก็จะได้รู้ความจริงซะที
ความรู้สึกนึกคิดของเรนในตอนนี้มันช่างลิงโลดเสียเหลือเกิน ช่างต่างกลับกิริยาท่าทางที่เขาแสดงออกในตอนนี้
นั่นก็เพราะ เขาไม่อยากให้ฟินรู้ว่าเขาดีใจมากแค่ไหน(ก็แค่กลัวเสียฟอร์มละว้า)

?ริกะน่ะเป็นชื่อเวลาปลอมตัวของพี่สาวฝาแฝดของฉันเอง
ชื่อจริงของริกะจังคือ เฟรย์ อัสวาร์ล
พวกเราเป็นคนของเผ่าแห่งแสงสว่าง?
ฟินเริ่มเล่าเรื่องของพี่สาวฝาแฝดของเธอให้เรนฟัง

?จะว่าไงดี เอาจริงๆแล้วพวกเราเป็นลูกครึ่งเผ่าแห่งแสงสว่างกับเผ่าแสงจันทร์
ท่านพ่อเป็นหัวหน้าเผ่าแห่งแสงสว่าง
ส่วนท่านแม่เป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าแสงจันทร์คนปัจจุบัน?
เรนเดินตามหลังและฟังเรื่องราวของฟินอย่างตั้งใจไปด้วยอย่างเงียบๆ

?อ่ะ ถึงแล้ว ห้องนี้แหละ?
พร้อมกับที่ฟินมาหยุดชะงักอยู่หน้าประตูห้องท้ายสุดของชั้นสาม

ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มพร้อมกับลูกบิดประตูสีทองตรงห้องสุดท้ายบนระเบียงทางเดินของชั้นสาม ที่หน้าประตูมีพรมเช็ดเท้าสีฟ้า เมื่อมองตรงที่ประตูจะมีป้ายชื่อเจ้าของห้องแขวนอยู่ ป้ายนั้นเป็นไม้ทาด้วยสีขาว และมีคำว่าห้องพักเอนกประสงค์ที่เขียนด้วยสีดำ

เรนกลืนน้ำลายอึกหนึ่งตรงหน้าประตูห้องนั้น เขาตื่นเต้นเกินกว่าที่จะยื่นมือไปบิดลูกบิดประตูสีทองนั้นได้ เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดที่จะใช้พูดกับริกะจังหรือเฟรย์ในขณะนี้ ว่าจะทักทายหรือจะมาทวงคำสัญญาที่เธอเคยให้ไว้ยังไงดี บอกไม่ถูกจริงๆว่าจะทำหน้ายังไงดีด้วย ก็ในเมื่อสีหน้าของคุณเธอในคืนวันที่ 13 นั้น ทำให้เรนสับสนถึงลักษณะนิสัยที่แท้จริง ก็นะสาวน้อยบอบบางที่ร่าเริงสดใสกับสาวน้อยแข็งแกร่งที่ปราบปีศาจเป็นสิบด้วยตัวคนเดียว มันช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว สวรรค์กับนรกซะนิ

ฟินยื่นมือไปทำท่าจะเคาะประตู ในเมื่อเธอเห็นสีหน้าและท่าทางของเรนแล้ว เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังตื่นเต้น

ฟินหันมากระซิบถามเรน
?พร้อมรึยังจะเคาะแล้วนะ?

พอจบประโยคนั้น เธอก็เคาะประตูทันทีทำเอาเรนสะดุ้งทันที(เฮ้ย นี่ยังไม่ทันฟังคำตอบเลย)

ก็อก ก็อก ก็อก
?เฟรย์ นี่ฟินเอง ขอเข้าไปนะ?
เธอบอกให้เจ้าของห้องรับรู้พร้อมทั้งเปิดประตูห้องพาเรนเข้าไปข้างใน

?บิงโก?
เสียงตะโกนลั่นของชายหนุ่มแปลกประหลาดผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ที่ปลายเตียงตะโกนขึ้น
ชายหนุ่มแปลกประหลาดที่ชอบใส่หน้ากากและหมวกไหมพรมอยู่เป็นประจำ
ใช่แล้ว โฮอึน น่ะเอง

ฮะเฮ้ย!
เรนตะโกนด้วยความตกใจทันที ไอเย็นสยองเข้าครอบงำตัวเค้า จนทำให้เสียวสันหลังสะท้าน

?ทะๆทำไมหัวหน้าถึง ยะๆอยู่ทิๆที่นี้ได้ละ
เวลานี้หัวหน้าต้องนะๆนั่งดื่มชาที่ร้านกาแฟไม่ใช่รึ?
เรนถามอย่างติดอ่างเล็กน้อย

โฮอึนลุกขึ้นมาจากเตียง เขาเดินเข้ามาใกล้เรนพร้อมกับยื่นหน้าที่ใส่หน้ากากแสยะยิ้ม(เข้าขั้นหนังสยองคนโรคจิต)
เขาจับไหล่ของเรนแล้วพูดว่า ?นึกว่ากระผม จะไม่รู้ทันท่านเรนอย่างนั้นหรอ~?
?คิดผิด คิดใหม่ซะท่านเด็กน้อย?

?อึ้ย นี่สมรู้ร่วมคิดที่จะแกล้งผมกันหรือครับเนี้ย?
เรนพูดพร้อมหันไปมองหน้าโฮอึนและฟิน(ไม่น่าไว้ใจเลยอ่ะ)

?ขอโทษนะคะ? ฟินทำท่าไหว้ขอโทษ แต่ในมือของเธอมีเชือกอยู่เส้นหนึ่งด้วย

!!!

?ฮึๆ คงจะจำเกมลงทัณฑ์กันได้สินะ จับมันไว้ฟิน? โฮอึนออกคำสั่งให้จับเรนไว้ พร้อมกับที่ตัวเค้ากระโจนไปยึดตัวเรนไว้แน่นไม่ยอมหลุดอย่างกับปลิงดูดเลือด

?เรื่องเด่ะ ใครจะยอม? เรนสะบัดตัวออกพร้อมกับวิ่งหนีออกไป

วินาทีนั้นเองที่ประตูห้องก่อนหน้านั้นก็เปิดออก
?เสียงเอะอะอะไรกัน? เสียงของสาวน้อยคนหนึ่งที่เรนคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังขึ้น น้ำเสียงนั้นแสดงถึงความสงสัยและตำหนิไปในตัว

?ริกะจัง อะเอ้ยเฟรย์จัง?
เรนเอ่ยชื่อของคนที่เค้าตามหาพบแล้วทันที ณ บัดนี้ทั้งคู่ก็ยื่นประจัณหน้ากันพอดี

?เฟรย์ จับหมอนั้นไว้? เสียงของโฮอึนตะโกนไล่หลังมา

เฟรย์ทำตามคำสั่งนั้นทันทีอย่างไม่ลังเลใจ เธอยึดแขนของเรนเข้าหาลำตัวของเธอ แล้วทุ่มเรนลงไปนอนกับพื้น พร้อมทั้งจับเรนหมุนให้หันหลังแล้วเอามือไพล่กัน ล็อคตัวเขาไว้กับพื้นทั้งอย่างนั้นด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่เรนยังไม่ทันตั้งตัวใดๆเลย

และแล้วเรนก็ถูกจับตัวไว้จนได้ ตอนนี้เขาถูกจับมัดไว้บนเก้าอี้ของห้องท้ายสุดบนชั้นสามน่ะเอง สภาพตอนนี้ของเขานะรึ อย่าให้พูดถึงเลย เรนทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยเพราะความขมปี๋ของอมยิ้มรสใหม่ของโฮอึน นั่นคือรสมะระ ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่โฮอึนภาคภูมิใจมาก เขาใช้เวลาคิดค้นถึงเดือนครึ่งเลยทีเดียว และด้วยความเจ็บหลังจากกระแทกพื้นตอนที่โดนทุ่มนั้นเอง ทำให้เขางอนทุกคนหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม

?ฮึ่ม ทุกคนทำกับผมได้นะ? เรนบ่นอุบหลังจากที่พยายามกินอมยิ้มนรกนั้นจนหมด

?ขอโทษนะหัวหน้าลีเค้าขอมา? ฟินทำท่ายกมือไหว้ขอโทษอีกครั้ง

?ฟินจังเล่นละครได้เก่งสุดๆเลย? เรนยังบ่นต่อ
?แต่ที่เก่งที่สุด คงจะเป็นเฟรย์จัง?

?ฉันไม่ได้ชื่อเฟรย์จังซะหน่อย ห้ามเรียกยังงั้นนะ?
?แล้วอีกอย่างเพราะนายไม่ไช่รึที่ทำเสียงเอะอะ แค่โดนจับทุ่มนิดหน่อยก็งอนแล้ว? เฟรย์เถียงกลับด้วยเริ่มฉุนที่ตัวเองยังพักไม่ทันหายเหนื่อย

?ง่ะ ทำไมเย็นชาจังอ่ะ เรียกว่าเฟรย์จัง ฟังดูน่ารักดีออก ทีเมื่อก่อนยังเรียก ริกะจังได้เลย? เรนยิ่งน้อยใจเข้าไปอีก

?จ้าๆงั้นกระผมขอตัวก่อนนะเชิญเถียงกันตามสบายเลย?
โฮอึนรีบพูด เพื่อหาทางปลีกตัวออกไปก่อน

?นายนั่นแหละตัวดี?
คราวนี้ทุกคนประสานเสียงกันเป็นหนึ่งเดียวทั้งเรน ฟินและเฟรย์เพราะมีความคิดเห็นที่ตรงกัน

?จ๊ะเอ๋ ได้ข่าวว่าพี่ชายกลับมาแล้ว? เสียงของเด็กหญิงคนหนึ่งดังขึ้นเป็นเสียงที่แสดงถึงความดีใจเป็นอย่างยิ่ง

ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับเด็กสาวผมซอยสั้นสีส้ม ดวงตาสีเขียวเป็นประกาย ฉายแววแห่งความหวัง เด็กสาวที่อยู่ในร้านกาแฟข้างๆ เธอเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหน่วยงานลับพิเศษพิทักษ์สหพันธรัฐเช่นกัน ชื่อของเธอคือ นาเดีย แม็คไนท์ อือฮึถูกต้องแล้ว เธอเป็นน้องสาวของเรนอายุห่างกันประมาณสามปี และก็เป็นน้องสาวที่ติดพี่ชายมากๆเสียด้วย แต่ดูเหมือนว่าเรนจะไม่ติดน้องสาวคนนี้เลยแม้แต่น้อย ออกจะรำคาญหน่อยๆด้วยซ้ำ

?อุ๊บ โดนเกมลงทัณฑ์อีกแล้วสินะ สมกับเป็นพี่ชายจริงๆ ฮิๆ? นาเดียพูดเยาะเย้ยไปพลางหัวเราะไปอย่างสนุกสนานที่ได้ล่อพี่ชายของตนเอง

?เดี๋ยวเถอะ วันหลังพี่ไม่เอาขนมมาฝากแล้วนะ? เรนโต้กลับบ้าง เขาไม่ยอมเสียฟอร์มอยู่คนเดียวหรอก

?โห ไอ้หนมของพี่ชายนะกว่าจะได้ ก็ต้องรออีกนาน สู้ไปซื้อเองไม่ดีกว่าอีกหรอ? นาเดียประชดกลับ
ทำเอาเรนอึ้งพูดอะไรไม่ออก เพราะนั้นเป็นความจริง

?เออ เดี๋ยวก่อนนะนาเดียจังเป็นน้องของเรนคุงรึ??
?ไหนบอกว่าชื่อนาเดีย ฮัสสัน ไง?
ฟินถามด้วยความสงสัย เพราะจำชื่อที่นาเดียแนะนำตัวครั้งแรกได้

?อ้อ นั้นเป็นชื่อนามสกุลเก่าของนาเดียเอง ตอนนี้ย้ายมาใช้แม็คไนท์เพราะเป็นลูกบุญธรรมนะจิ?
นาเดียยิ้มตอบหน้าเป็น

?เฮ้อ แม่ไม่น่าใจอ่อนรับยัยนี่เป็นลูกบุญธรรมเลย หยั่งกะลูกลิง?
เรนหาโอกาสเหน็บน้องสาวต่อ

?ว่าไงนะ พี่ชายบ้า?นาเดียเอาคืนพร้อมทั้งต่อยท้องพี่ชายเข้าไปเต็มๆ

หมัดของนาเดียทำเอาเรนจุกเลยทีเดียว เรนสาบานว่าต้องแก้เผ็ดยัยเด็กแสบนี่ให้ได้

?เฮ้อ เอาเข้าไป ฉันขอตัวก่อนละ?
เฟรย์เริ่มรำคาญและอยากจะกลับไปพักผ่อนทันที

?อ่ะ เดี๋ยวก่อนเฟรย์จังยังไม่ตอบคำถามผมเลย อย่าบอกนะว่าลืมสัญญาแล้ว?
เรนรีบทวงสัญญาเมื่อครั้งวันที่ 13 ทันที

?เฟรย์ อัสวาร์ล เผ่าแห่งแสงสว่าง แล้วอีกอย่างเรียกฉันว่า เฟรย์ พอ?
เธอตอบคำถามอย่างที่เรนต้องการ

?หา! แค่นี้นะรึ? เรนอุทานด้วยความงง เพราะอึ้งในคำตอบของเฟรย์

?ก็ฉันตอบคำถาม เธอเป็นใครกันแน่ อย่างที่นายต้องการแล้วนิ ยังไม่ถูกใจอีกรึ??
?ไปละ บาย?
เฟรย์โบกมือลาอย่างเซ็งๆ ก็เธอไม่ผิดนิที่ตอบคำถามตรงจุดประสงค์ออกอย่างนั้น

หลังเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบนชั้นสามของร้านดอกไม้ Just 4 U แล้ว ทุกคนก็ได้แยกย้ายไปทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ เฟรย์และเรนไปพักผ่อน โฮอึนกลับไปนั่งดื่มชา ฟินไปทำหน้าที่เฝ้าหน้าร้านเหมือนเดิม และนาเดียเองก็เช่นกันที่ต้องกลับไปเฝ้าร้านกาแฟของเธอ หลังจากที่เธอพยายามตะแง่วๆเพื่ออยู่ใกล้ๆเรน แต่ก็ไม่สำเร็จ

เมื่อนาเดียและโฮอึนช่วยกันปิดร้านเสร็จแล้วในช่วง 2 ทุ่ม ก็มาทานข้าวเย็นกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โดยมีฟินเป็นคนหุงข้าว ทำกับข้าว และเฟรย์ที่ช่วยจัดโต๊ะอาหาร ส่วนเรนในวันนี้นั้นมีหน้าที่เพียงล้างจานเท่านั้น ระหว่างที่รอทานข้าวอยู่นั้น เรนกลับนึกกังวลต่างๆนานา เมื่อรู้ว่าฟินแฝดผู้น้องของเฟรย์เป็นคนทำอาหาร เขาเกรงว่าฝีมือการทำอาหารของฟินจะถอดแบบมาจากพี่สาว เข้าขั้นสุนัขไม่ขอรับประทานหรือเปล่าก็ไม่รู้ และยิ่งมีโฮอึนชูนิ้วโป้งรับประกันความอร่อยด้วยแล้ว มันทำให้เรนรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเก่า แต่หาได้เป็นอย่างนั้นไม่เมื่อเรนได้ลองลิ้มชิ้มรสอาหารฝีมือฟินเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้เขารู้ว่านี่แหละอาหารระดับภัตตาคาร 5 ดาว ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและรสชาติที่กลมกล่อมละมุนละไม พร้อมทั้งกลิ่นที่ชวนน้ำลายสอแล้วด้วยนั้น เป็นตัวชะล้างความขมขื่นจากการกินช็อคโกแลตของเฟรย์และอมยิ้มรสมะระของโฮอึนได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เขาล้างจานอย่างมีความสุข ลืมเรื่องวุ่นวายและความเหนื่อยล้าที่เคยเกิดขึ้นในวันนี้จนหมดสิ้น

หลังจากการทานอาหารมื้อเย็นแห่งความสุขไปแล้ว ทุกคนต่างก็ทำอะไรจิปาถะไปเรื่อย โฮอึนที่บอกว่าจะคุยธุระกับเรนก็ขอคุยในช่วงเย็นวันพรุ่งนี้เพราะอยากให้ประชุมกันพร้อมหน้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดของร้าน จนกระทั่งเลยเวลาสี่ทุ่มไปแล้วที่ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปนอน ยกเว้นแค่เฟรย์กับฟินที่นอนอยู่ห้องเดียวกัน และไม่รู้ทำไมที่เรนเกิดนอนไม่หลับขึ้นมา ทั้งๆที่น่าจะนอนหลับสนิทมากกว่าทุกคน

เรนลุกขึ้นมาจากเตียงทันทีแล้วเดินออกมาเปิดประตูออกไปข้างนอกโดยที่ไม่ได้เปิดไฟ เขากะว่าจะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาซะหน่อย เมื่อลงมาจากชั้นสองของห้องที่เขาอยู่แล้วนั้น เรนก็เหลือบไปเห็นไฟในห้องครัวเปิดอยู่

สงสัยจะลืมปิดไฟละมั้ง เรนคิดเช่นนั้น

แต่ไม่ใช่ เมื่อเขาเดินเข้าไปเพื่อที่จะปิดไฟก็พบว่ามีคนกำลังใช้ห้องครัวอยู่ ไม่ใช่ขโมยหรือใครที่ไหน แต่เป็นเฟรย์นั่นเอง ดูเหมือนว่าเธอกำลังขะมักเขม้นทำอะไรบางอย่างอยู่ เรนแอบหลบอยู่ข้างหลัง เขาพยายามสอดส่ายสายตาดูซิว่า เฟรย์กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ และนั่นก็คือ ช็อคโกแลต !

เธอกำลังทำช็อคโกแลต โอ้ไม่นะ เธอทำไปให้ใครกัน นิเธอกะจะฆาตกรรมใคร?
เรนสะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่เฟรย์กำลังทำ
เขารู้ซึ้งดีถึงรสชาติอันสยองนั้น

คงจะไม่ใช่ทำเพื่อตูหรอกนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เรนเสียวสันหลังวาบเข้าไปอีก

และนั้นทำให้เรนตัดสินใจรีบออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าของวันรุ่งขึ้น เขารีบอาบน้ำแต่งตัว ใส่เสื้อยืดตัวโปรดสีขาวพร้อมกับเสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวสีน้ำเงินเข้มและกางเกงยีนส์ตัวเก่งของเค้า เมื่อ เรนรีบเดินออกมาหน้าร้าน Just 4 U เขาก็โดนฟินทักแต่เช้าว่าจะไปไหน เรนได้แต่อ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะบอกว่าไปเที่ยวนั่งรถเล่น แล้วขอร้องให้ฟินอย่าบอกเฟรย์ว่าเค้าไปไหน คำขอร้องของเรนทำให้ฟิน งงอยู่พอสมควรก็ในเมื่อทำไมเฟรย์ต้องตามหาเรน ไม่ทันที่ฟินจะบอกอะไรเรน เรนก็เดินลิ่วไปที่ป้ายรถเมล์ซะแล้ว แต่ทว่าเฟรย์เองก็มายืนรอรถเมล์เหมือนกัน วันนี้เฟรย์ใส่ชุดสีขาวทั้งตัว(ดูดีไปอีกแบบ) เรนหลบไม่ให้เธอเห็น เห็นได้ชัดเลยว่าในมือของเธอถือถุงผ้าเล็กๆสีขาวที่ใส่อะไรบางอย่างอยู่ และนั้นต้องเป็นช็อคโกแลตแน่ๆ

?แต่ว่านั้นเธอจะเอาไปให้ใครล่ะ ไม่ใช่เราหรอกรึ? เรนดีใจที่ไม่ใช่ตัวเค้า แต่เอ๊ะถ้านั้นจะเป็นช็อคโกแลตที่จะให้แฟนล่ะ !

ไม่ได้ๆ อุตส่าห์ตามจีบทั้งที ยังงี้ต้องไปดูซะหน่อยแล้ว
ความคิดใหม่ในหัวของเรนก็พุ่งขึ้นมาทันที เขาตัดสินใจว่าจะต้องรู้ให้ได้

เรนขึ้นรถเมล์ตามเฟรย์ไปทันที โดยสายที่เธอนั่งนั้นจะไปผ่านเขตที่ 36 ยันเขตที่ 42 เป็นแถบเขตรอบนอกนี้นา แถบบริเวณนั้นคนอยู่อาศัยก็น้อย แถมยังไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวอีก แล้วเฟรย์จะนัดพบแฟนในแถบนั้นจริงๆรึ เรนยิ่งสงสัยในการกระทำของเฟรย์มากขึ้น โดยที่เขานั่งมองเฟรย์ที่นั่งหน้าสุดจากเบาะที่เค้านั่งหลังสุด และเมื่อถึงเขตที่ 41 เฟรย์ก็ได้ก้าวเท้าลงจากรถ เรนรีบตามเธอไปทันที แต่เอ๊ะ เขตที่ 41 เป็นเขตแห่งสุสานไม่ใช่รึ?

!!!

จะนัดแฟนไว้ที่นี้จริงๆหรือเนี้ย เรนยิ่งงงในการกระทำของเฟรย์มากขึ้น

ที่ที่เฟรย์มานี้คือเขตที่ 41 ดินแดนแห่งสุสาน หรือมีอีกชื่อหนึ่งคือ เขตนครขาว เฟรย์มาไม่ผิดที่ ก็ในเมื่อที่นี้เต็มไปด้วยสุสานคนตาย ซึ่งมีด้วยกันหลากหลายตระกูล สุสานของที่นี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครๆคิด ยังดูสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะมีเจ้าหน้าที่สุสานหรือจะเรียกว่าสัปเหร่อก็ได้ที่คอยดูแลทำความสะอาดอยู่เสมอ

จากป้ายรถเมล์ตรงถนนใหญ่ ก็ต้องเดินต่ออีก 20 นาที ถึงจะถึงสุสาน และเขตสุสานแต่ละเขตจะแบ่งเป็นบล็อคๆ แล้วแต่ว่าสุสานของตระกูลไหนจะอยู่บล็อกไหน ที่นี้เปิดเวลา 06.30-19.30 น. จึงจะปิดทำการ แต่ถึงช่วงเวลานั้นจริงๆแล้วก็ไม่มีใครผ่านแล้วละ(หรือว่ากลัวผีกัน) คุณจะเห็นเพียงสองสีในที่นี้คือสีขาว สีที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ และเป็นการไว้อาลัยแด่ผู้ที่ล่วงลับสู่ดินแดนสุขาวดี ได้พักผ่อนอย่างสุขสงบ และสีเขียวของร่มไม้อันเขียวขจี

เฟรย์ที่แต่งชุดขาวทั้งตัวตัดสินใจเดินเข้าไปในสุสานทันที เธอมุ่งหน้าไปยังบล็อคที่ 144 อย่างมุ่งมั่น เรนตามเฟรย์ไปอย่างไม่ลดละ พลางคิดในใจว่า ทำไมเดินเร็วจังเฮ้ย ผู้หญิงปกติเค้าไม่ก้าวเท้าฉับๆอย่างนั้นหรอก แต่ก็นั้นแหละ เฟรย์ใช่ผู้หญิงปกติธรรมดาซะเมื่อรั้ยกันเล่า

เมื่อเฟรย์เข้าไปยังสุสานบล็อคที่ 144 แล้ว เธอก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพป้ายหนึ่ง ป้ายหลุมศพนั้นเป็นปูนซีเมนต์ทาด้วยสีขาวสว่างตาตั้งสูงขึ้นมาระดับประมาณเอวของเฟรย์ ตรงหน้าป้ายหลุมศพนั้น มีดอกไม้สีขาวช่อหนึ่งที่ประดับไว้ในแจกันสีขาวเช่นกัน คงจะมีคนมาเยี่ยมที่ป้ายหลุมศพนี้นานพอสมควร เพราะดอกไม้สีขาวนั้นเริ่มเหี่ยวลงเล็กน้อยถึงแม้ว่าจะมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ก็ตาม และบนป้ายหลุมศพนั้นได้สลักชื่อด้วยสีทอง ชื่อเจ้าของป้ายนั้นก็คือ อัลเบิร์ก วิว(Alberg View)

?ขอโทษนะ ที่มาช้าไป ติดงานอยู่นะ?
?จะหาว่าแก้ตัวใช่ม่า ก็จะครบอาทิตย์นึงแล้วนิ? เฟรย์กล่าวบางสิ่งบางอย่างที่เรนไม่ได้ยิน

เรนจึงตัดสินใจเขยิบเข้าไปใกล้อีก เขาพยายามหาที่ซ่อนที่เหมาะสม คราวนี้เค้าจะไม่พลาดเหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว

และดูเหมือนจะเป็นจริง เพราะคราวนี้เรนได้ที่ซ่อนตัวเหมาะๆ พร้อมกับได้ยินเสียงของเฟรย์
ชัดแจ๋วโดยที่เฟรย์เองก็ไม่รู้ตัว

?ดูสิ ฉันทำได้แล้วนะ พยายามแทบตายแหนะ?
เฟรย์พูดพร้อมกับหยิบกล่องใส่ช็อคโกแลตสีน้ำตาลออกมาจากถุงผ้าเล็กๆสีขาว

?นี่งัย เค้กช็อคโกแลต แต่งด้วยสตรอเบอร์รี่สดที่เธอชอบ คราวนี้กินได้จริงๆนะ?

เมื่อมาถึงตอนนี้เรนก็สังเกตได้ทันทีถึงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเฟรย์ ใบหน้าของเธอช่างเหมือนกับตอนที่เธอปลอมตัวเป็นริกะ แล้วร้องไห้อยู่ตรงริมแม่น้ำที่ Rock Village และเมื่อคิดเช่นนั้นเรนก็จำได้ว่า เฟรย์เคยพูดถึงเพื่อนเก่าที่ตายตอนวันวาเลนไทน์

?ขอโทษนะ ที่ทำให้เธอกินไม่ได้ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอโทษจริงๆ วิว?
เฟรย์ยังคงคร่ำครวญ เธอยืนนิ่งไว้อาลัยแด่เพื่อนเก่าทั้งน้ำตา

เรนตัดสินใจที่จะกลับทันที เขาไม่อยากรบกวนเฟรย์และอยากให้เธอยืนไว้อาลัยแด่คนที่เธอรักอย่างสงบ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บปวด คราวนี้เค้ารู้ดีว่าไม่สามารถเข้าไปพูดคุยปลอบใจได้อีก ก็ในเมื่อเฟรย์เลือกที่จะอยู่กับคนที่เธอต้องการจะพบ และคนๆนั้นก็คงจะไม่ใช่แค่เพื่อนเก่าธรรมดา เป็นคนสำคัญที่เฟรย์จะร้องไห้ให้จากใจจริง

เมื่อเรนจะก้าวเท้าหลบออกมาจากที่ซ่อน แต่เท้าเจ้ากรรมดันสะดุดกันเองซะนี่ ผลของการสะดุดนั้นทำให้เรนล้มหน้าคะมำ ดีที่มือข้างหนึ่งยันพื้นไว้ได้ ไม่งั้นหน้าคงทิ่มกับพื้นปูน หน้าแหกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว และไม่ทันที่เขาจะลุกขึ้น เฟรย์ก็มายืนอยู่ข้างหลังของเค้า สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก แล้วคราวนี้เรนจะโดนจับทุ่มอีกหรือไม่ หรือจะโดนอะไรที่หนักกว่านั้น?

?ตามมาทำไม? น้ำเสียงของเธอแสดงถึงความโกรธดั่งเช่นสีหน้าของเธอ

?เออ อ่า คือว่า? เรนอึกอักที่จะตอบ จะบอกได้ไงว่า
เป็นห่วงคนที่จะได้ช็อคโกแลตจากเธอจนต้องตามมาดู

?พอแล้ว ไม่ต้องตอบหรอก กลับเถอะ? สีหน้าของเฟรย์ดูเย็นลงกว่าครั้งแรก

?เอ๊ะ กลับเลยรึ ไม่ต้องสนใจผมก็ได้ เฟรย์อยู่ต่อเถอะ?
ในที่สุดเรนก็เรียกเฟรย์เฉยๆโดยที่ไม่ต้องเติมคำว่า จัง ได้แล้ว

?จะบ้ารึไง มีประชุมตอนเย็นไม่ใช่รึ ไม่รีบกลับเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก?
เฟรย์หันมาเห็นสีหน้าที่รู้สึกผิดเต็มๆของเรน

?ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่ความผิดของนายซะหน่อย ฉันกะจะอยู่อีกแป๊บเดียว แล้วก็จะกลับแล้ว?

?อืม ขอโทษนะ? เรนขอโทษเฟรย์แล้วรีบตามเธอไป

อาจจะไม่ใช่วันที่โชคร้ายของเรนก็ได้ ในเมื่อเขาได้เห็นสีหน้าที่แสดงอารมณ์อย่างแท้จริงของเฟรย์แล้วนิ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเฟรย์ไม่ใช่นักฆ่าที่ไร้ความรู้สึกเหมือนเมื่อเหตุการณ์คืนวันที่ 13
เรนกลับมาอมยิ้มร่าอีกครั้ง โดยมีเฟรย์มองกลับอย่างงงๆ

หลังจากกลับมาจากเขตนครขาวแล้ว ทุกคนที่ร้าน Just 4 U ก็มองกันเป็นตาเดียว ที่มองก็เพราะ เรนกลับมาพร้อมกับเฟรย์นี่แหละ คงจะไม่ใช่การเปิดตัวคู่แฟนหรอกนะ หลายคนในร้านอาจคิดเช่นนั้น(รวมทั้งเรนเองก็คิดอยากให้เป็นเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน) และเมื่อน้องสาวที่ติดพี่อย่างนาเดียรู้เข้าเรื่องราวที่ดูเหมือนจะมีความสุขก็วุ่นวายขึ้นอีกครั้ง(สงสารเรนจัง)

และเมื่อได้เวลาอันพอสมควรแล้วโฮอึนก็ขอให้ทุกคนที่อยู่ในฐานหน่วยงานลับนี้มาประชุมกัน ซึ่งจะประชุมกันในห้องใต้ดินของร้าน Just 4 U ที่เชื่อมกันกับร้านกาแฟที่อยู่ข้างๆ โดยผ่านทางประตูลับพิเศษ โฮอึนที่เป็นประธานในที่ประชุมลับก็เริ่มกล่าวหัวข้อการประชุมโดยไม่รีรอทันที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

?อืม หวัดดี และขอขอบคุณที่ทุกคนตรงต่อเวลาและมาร่วมประชุมกันในที่นี้
กระผมจะขอเริ่มการประชุมเลยนะ?

?อย่างที่รู้ๆกันว่าการกระทำของสหพันธรัฐแห่งวินดั้มที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 13 กุมภานั้น
เป็นการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสหพันธรัฐขึ้นเป็นอย่างยิ่ง กล่าวคืนละทิ้งชาวบ้านจากการรุกรานของปีศาจจากชายแดน Black Mountain ซ้ำยังปิดข่าวไม่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้

ข่าวสารจากสมาชิกหน่วยที่ 6 ได้รายงานว่า สหพันธรัฐแห่งวินดั้มเริ่มลงมือก่อสร้างฐานลับขึ้นที่ Black Mountain ซึ่งแว่วว่าได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษจากพระราชาองค์ปัจจุบันแห่งเผ่าราชันย์ วัตถุประสงค์นั้นยังไม่แน่ชัด กระผมจึงขอให้หน่วย 6 สืบเรื่องนี้ต่อไป เพื่อการแทรกแซงเข้าไปเจาะฐานข้อมูล

ส่วนเรื่องการขยายพันธมิตรแห่งหน่วยงานลับพิเศษพิทักษ์สหพันธรัฐนั้น ก็กำลังจะกระจายหน่วยต่างๆที่มีอยู่ไปติดต่อสร้างความสัมพันธ์กัน ที่แน่ๆคือ เผ่าสายฟ้า และเผ่าแห่งแสงสว่างยินดีที่จะร่วมมือด้วย

เรื่องสุดท้ายคือการครอบครอง 4 ใน 10 สิ่งของวิเศษในตำนานของผู้บัญชาการใหญ่ทั้งห้าแห่งสหพันธรัฐวินดั้ม การมีอยู่ของสิบสิ่งของวิเศษในตำนานไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งเลวร้าย แต่ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ ทั้งนี้เราจะเฝ้าจับตาดูท่าทีต่อไป ดั่งเช่น ดาบเงาจันทรา ของเฟรย์ที่เป็น 1 ใน 10 ของสิ่งของวิเศษในตำนาน อย่าได้คิดว่าเป็นแค่ตำนานเรื่องเล่าของอดีตสิบสิ่งของวิเศษที่พระเจ้าผู้สร้างโลกสร้างมันขึ้นมา และได้ทิ้งมันไว้ในโลกนี้ เพราะตอนนี้มันได้ถูกค้นพบไปแล้ว 5 ใน 10 อย่างด้วยกัน

อืม เรื่องที่จะบอกก็มีแค่นี้ ตอนนี้ให้ทราบถึงจุดประสงค์ของเราไว้ก่อน กระผมบอกได้แค่ว่าศึกนอกกับเผ่าแห่งความมืดมันหนักแล้ว แต่ศึกในจากสหพันธรัฐหนักยิ่งกว่า เราต้องรีบเคลียร์ศึกในก่อน ก่อนที่ศึกนอกจะโหมกระหน่ำเข้ามา ความเคลื่อนไหวของเผ่าแห่งความมืดนั้นเดาได้ยาก ไม่งั้นจะเป็นดั่งเช่นการแตกสลายของเผ่าแห่งแสงสว่าง?

เมื่อถึงประโยคนี้ทั้งเฟรย์และฟินก็มีสีหน้าเศร้าลงทันที ก็ในเมื่อเผ่าแห่งแสงสว่างถือเป็นบ้านเกิดของพวกเธอนี่นา มีหลายคนที่ต่างก็ไม่รู้ว่าเผ่าแห่งแสงสว่างได้แตกสลายไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เรนก็เหมือนกัน เขาตกใจกับคำพูดของโฮอึนไม่น้อย

ก่อนที่จะเลิกประชุมโฮอึนก็นึกได้ว่ายังมีเรื่องที่จะต้องพูดอีกเรื่อง นั้นก็คือ
?เรน เฟรย์ ฟิน กระผมมีเรื่องจะบอก?

?อะไรหรือคะ หัวหน้าลี? ฟินย้อนถาม

?กระผมอยากให้พวกคุณรวมกลุ่มกันเป็นหน่วยใหม่ แทนหน่วยที่ 5 เดิม เนื่องจากสมาชิกทุกคนจากหน่วยที่ 5 เสียชีวิตกันหมดแล้ว พึ่งได้รับ message จากพิราบแดง(ชื่อหน่วยที่คอยเช็คสมาชิกหน่วยที่เสียชีวิต) เมื่อเย็นวานนี้เอง คงรู้ดีว่าหน่วยที่ 1 ถึง หน่วยที่ 5 คือหน่วยปฏิบัติการ พวกคุณอาจจะเป็นหน่วยที่แกร่งที่สุด ทั้งด้านความสามารถในการต่อสู้ และโดยเฉพาะด้านการป้องกันรักษาของฟิน ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติภารกิจก็ตาม ไม่ช้าไม่นานกระผมจะมอบภารกิจให้พวกคุณ เพราะฉะนั้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วยนะ กระผม? ไม่ว่ายังไงสีหน้าบนหน้ากากของโฮอึนก็ยังคงแสยะยิ้มอยู่เช่นเคย ซึ่งก็ไม่มีใครคาดเดาความคิดของเขาได้เลย

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”