...ออสการ์ รัทเธอร์ฟอร์ดเห็นเวทลมครั้งแรกที่คฤหาสน์ของย่า
หากเทียบกับผู้หญิงทั่วไป เอมิลี รัทเธอร์ฟอร์ด ย่าของออสการ์ถือว่าเป็นคนตัวสูง ร่างกายมีกล้ามเนื้อชัด ใจเด็ดไม่แพ้ผู้ชาย ทั้งยังมีนิสัยไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ อีกด้วย เธอมักทำท่าฮึดฮัดใส่ทั้งปู่ทวด เพื่อนฝูง หรือกระทั่งผู้บังคับบัญชา ถ้าพูดให้ดูดีคือเป็นคนที่ใครๆ ต่างเคารพยำเกรง ทว่าขณะเดียวกันหลายคนกลับไม่ชอบ หาว่าเธอไม่มีสัมมาคารวะ
ย่ามีพี่สาวคนหนึ่งอายุมากกว่าหนึ่งปี เป็นผู้หญิงบอบบางแตกต่างจากย่าโดยสิ้นเชิง เธอมักยิ้มอย่างอ่อนโยนเสมอ ใครไหว้วานอะไรก็ไม่เคยปฏิเสธ ทั้งที่เป็นพี่สาวแต่กลับหลบอยู่หลังเงาของย่าซึ่งเป็นน้องสาวตลอดเวลา งานอดิเรกคือชมดอกไม้และเย็บปักถักร้อย เรียกได้ว่าตรงข้ามกับย่าทุกกระเบียดนิ้ว ย่าโดนคนรอบข้างเปรียบเทียบกับพี่สาวมาตั้งแต่เด็ก แม้แต่ปู่ทวดกับย่าทวดยังพูดติดปากอยู่เสมอ “ถ้าอยากมีความสุขในแบบผู้หญิงก็ต้องเป็นแบบพี่สาว ส่วนเธอน่ะ น่าจะเกิดมาเป็นผู้ชาย”
พี่สาวผู้บอบบางของย่าแต่งงานและคลอดลูกตั้งแต่อายุยังน้อย เธอเสียชีวิตเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนหลังคลอดในวัยยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น ในขณะที่ย่ามีลูกถึงห้าคน กระทั่งตอนนี้ย่าในวัยหกสิบแปดก็ยังสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ความสุขในแบบผู้หญิงอะไรกัน เอาคำนั้นไปให้สุนัขกินเถอะ ย่าได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้ว
ทั้งย่าคนนี้ยังเป็นผู้ใช้เวทลมอีกด้วย
ทันทีที่ลืมตาดูโลกเด็กๆ ในราชอาณาจักรดูรันด์ทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบว่ามีวงจรเวทหรือไม่ การทดสอบคือให้ทารกกำหินเวท และตรวจสอบว่ามีวิญญาณมารวมตัวกันหรือเปล่า
ออสการ์ที่สืบสายเลือดตระกูลรัทเธอร์ฟอร์ดโดยตรงเข้ารับการทดสอบในวันที่สามหลังคลอด มีวิญญาณลมมารวมตัวรอบๆ จริงอยู่ว่าผู้สืบสายเลือดห้าตระกูลใหญ่มีวงจรเวทนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่พี่สาวของออสการ์ไม่สามารถใช้เวทลมได้ ดังนั้นพ่อกับแม่ของเขาจึงดีใจอย่างที่สุด
เนื่องจากสามารถควบคุมเวทลมได้ ออสการ์เลยได้รับเชิญไปคฤหาสน์ของย่าตั้งแต่ยังเด็ก ย่าเป็นหัวหน้าตระกูลรัทเธอร์ฟอร์ด ทั้งยังเป็นผู้ใช้เวทลมฝีมือเยี่ยมชนิดหาตัวจับได้ยากยิ่ง พ่อบอกว่าถ้าจะเรียนรู้ก็ต้องเรียนรู้กับย่านี่แหละ
“ออสการ์ ดูให้ดีล่ะ นี่คือเวทลมที่สืบทอดกันในตระกูลของเรา”
ตอนออสการ์อายุห้าขวบย่าพามายังสวนของคฤหาสน์และกล่าวเช่นนั้น ทันใดนั้นเองในสวนที่ไร้ลมก็มีลมกระโชกแรงพัดเข้ามา ในราชอาณาจักรดูรันด์มีกฎหมายห้ามใช้เวทมนตร์เป็นการส่วนตัวโดยเด็ดขาด เฉพาะในบริเวณคฤหาสน์ของห้าตระกูลใหญ่เท่านั้นที่ได้รับยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ หัวหน้าตระกูลมักจะสอนเวทมนตร์ของตระกูลตัวเองให้กับลูกหลานและผู้เกี่ยวข้องทางสายเลือด
ย่าใช้ไม้กายสิทธิ์วาดสัญลักษณ์บางอย่างบนท้องฟ้า สายลมพัดพากลีบดอกไม้ให้ลอยขึ้นกลางอากาศ กลีบดอกไม้เคลื่อนไหวอย่างอิสระ เดี๋ยวก็เต้นระบำราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต เดี๋ยวก็เรียงตัวเป็นวงกลม เดี๋ยวก็ต่อเป็นแถวอยู่บนท้องฟ้า
“สุดยอด”
ดวงตาของออสการ์ทอประกาย จังหวะนั้นเองจู่ๆ สายลมก็พัดปะทะแผ่นหลัง แรงดันลมผลักตัวเขาให้เอนไปข้างหน้า จะล้มแล้ว วินาทีที่ออสการ์คิดเช่นนั้นร่างกายก็ลอยขึ้นไปในอากาศประหนึ่งถูกจับนั่งบนพรมวิเศษที่มองไม่เห็น
“เป็นไง สุดยอดไหมล่ะ”
ย่ากล่าวอย่างภาคภูมิใจพลางหมุนไม้กายสิทธิ์ เวทลมของย่าทำให้ออสการ์ได้หมุนตัวกลางอากาศ ลอยละล่องโดยมีกลีบดอกไม้รายล้อม
“ย่า! สุดยอด สุดยอดเลย!”
ออสการ์ส่งเสียงร้องพร้อมโบกมือน้อยๆ ด้วยความตื่นเต้น ย่าพาเขาลอยขึ้นสูง ตัวของออสการ์หมุนติ้วจากนั้นก็ร่วงหล่นลงมาเล็กน้อย ออสการ์ปรบมือดีใจ ไม่เคยเล่นอะไรสนุกแบบนี้มาก่อน และในที่สุดคุณย่าก็หมุนไม้กายสิทธิ์พาออสการ์ร่อนลงพื้นหญ้าอย่างนุ่มนวล
“เป็นไง เวทลมสุดยอดเลยใช่ไหม อยากลองทำเหมือนกันละสิ?”
ย่าส่งยิ้มให้ “อยากทำครับ!” ออสการ์ตอบเสียงดัง
“ตอนย่าโบกไม้กายสิทธิ์ ผมเห็นคนตัวเล็กๆ บินไปมาเต็มเลย!”
ออสการ์กอดย่าและบอกเช่นนั้น ย่าทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยแล้วลูบศีรษะของออสการ์
“งั้นเหรอ ดูเหมือนหลานมี ‘ดวงตา’ ที่มองเห็นวิญญาณด้วย แม้แต่นักเวทยังมีน้อยคนที่มองเห็นวิญญาณ แบบนี้ก็เยี่ยมเลย ย่าจะให้หลานเป็นผู้สืบทอดตระกูล”
ย่าเอ่ยด้วยสีหน้าพึงพอใจก่อนก้มลงจูบหน้าผากของออสการ์
“ออสการ์ ย่ามีเรื่องสำคัญจะบอก ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ”
ย่าคุกเข่าให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับออสการ์ สีหน้าแลดูจริงจัง
“เคล็ดลับในการเพิ่มพลังเวทลมให้ได้สูงสุด คือหัวใจต้องประสานเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณแห่งลม ฟังนะ จากนี้ไปถ้าหลานไม่ชอบอะไรก็ไม่ต้องทำสิ่งนั้น ทำแค่เรื่องที่ชอบเป็นพอ หากหลานใช้ชีวิตตามใจปรารถนา ตามสายลมที่พัดผ่าน หลานจะใช้เวทลมได้เก่งยิ่งกว่าใคร เพียงแต่ต้องมีความรักเป็นรากฐานเสมอ อย่าทำอะไรโดยปราศจากความรัก เพราะนั่นจะให้จิตวิญญาณแปดเปื้อน”
ย่าอธิบายช้าๆ ให้ออสการ์เข้าใจ ถึงอย่างนั้นมันก็ยากเกินกว่าออสการ์ในวัยเด็กจะเข้าใจได้ แต่คำพูดที่ว่าถ้าไม่ชอบอะไรก็ไม่ต้องทำสิ่งนั้นสลักลึกในหัวใจของออสการ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ย่าเป็นถึงหัวหน้าตระกูล เป็นผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน เพราะฉะนั้นคำพูดของย่าต้องไม่ผิดแน่นอน จากนี้ไปใช้ชีวิตอย่างอิสระดีกว่า
นับจากวันนั้นเป็นต้นมาย่าก็กลายเป็นอาจารย์สอนเวทลมของออสการ์ เธอเข้มงวด แต่ออสการ์ก็เข้ากับเธอได้เป็นอย่างดี แม้ต้องเรียนเวทลมตลอดทั้งวันออสการ์ก็ไม่รู้สึกทรมานเลย
“ออสการ์ นี่นายมายุ่งกับเพื่อนของฉันเหรอ!”
ยามบ่ายแสนสบาย ออสการ์กำลังดื่มชาสมุนไพรที่พ่อบ้านชงให้ด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย แต่แล้วมิแรนดาผู้เป็นพี่สาวก็เดินดุ่มมายังระเบียงและตะคอกใส่ออสการ์ซึ่งเพลิดเพลินกับชาอยู่ ออสการ์ปิดหนังสือในมือและยิ้มน้อยๆ มิแรนดาที่อายุมากกว่าออสการ์สองปีทำหน้าขึงขัง หางตายกสูง ชุดเดรสลายดอกไม้สีแดงที่เธอสวมใส่ดูเหมาะกับช่วงต้นฤดูร้อนอย่างวันนี้มาก
“อ้าว พี่นี่เอง หมายถึงจูเลียตตาเหรอ? ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเขาเลยนะ แค่ออกเดตกับจูบกัน และบอกไว้เลย ฝ่ายนั้นเข้าหาฉันก่อน”
ออสการ์พูดอย่างไม่สะทกสะท้าน มิแรนดาหน้าแดงก่ำคว้าหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ ออสการ์ถูกหนังสือปกแข็งของนักกวีชื่อดังเขวี้ยงใส่ มันเจ็บนะ เขาบ่นอุบพลางลูบศีรษะ
“ถ้ารู้ว่าเป็นเพื่อนฉันก็อย่าตอบรับคำชวนสิ! เพราะเดี๋ยวเดียวก็เลิกกันแล้ว! ฉันนี่แหละจะมองหน้าเพื่อนไม่ติด!”
มิแรนดาเดือดดาลสุดขีด
ออสการ์เป็นถึงขุนนางจากห้าตระกูลใหญ่ แถมยังหน้าตาดี ตัวสูง ผลการเรียนเป็นเลิศ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นผู้ใช้เวทลม ทำให้เนื้อหอมสุดๆ เขามีประสบการณ์ครั้งแรกตอนอายุสิบสี่ สาวสวยอายุมากกว่าช่วยชี้แนะความรู้เบื้องต้นให้ และนับจากนั้นเขาก็ผ่านประสบการณ์กับผู้หญิงอีกนับไม่ถ้วน
“ท่านมิแรนดา รับชาสมุนไพรไหมครับ จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายลงนะครับ”
พ่อบ้านกล่าวกับมิแรนดาซึ่งกำหมัดแน่น คำแนะนำด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งคงช่วยให้มิแรนดาสงบสติอารมณ์ลงได้นิดหน่อยละมั้ง เธอจึงนั่งตุ้บลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับออสการ์ หากเทียบกับบรรดาบุตรสาวขุนนางห้าตระกูลใหญ่ มิแรนดาไม่ถือว่าเป็นกุลสตรีที่สุภาพเรียบร้อยนัก เวลาโมโหทีไรชอบถือเอกสิทธิ์ว่าเป็นพี่สาวขว้างปาข้าวของใส่ออสการ์เสมอ แน่นอนว่าออสการ์แรงเยอะกว่าพี่สาว แต่เขาไม่อยากทำร้ายพี่สาวสุดที่รักจึงยอมรับหมัดตรงๆ โดยไม่ถอยหนี
“โทษทีนะ พี่ ฉันไม่ได้ยุ่งกับเพื่อนพี่เพราะต้องการเล่นสนุกสักหน่อย? ก็จูเลียตตาน่ารักจะตาย”
ออสการ์ส่งยิ้มให้มิแรนดาซึ่งกระดกชาที่พ่อบ้านชงให้จนหมดถ้วย
“ทำเป็นพูด แป๊บเดียวก็เลิกกันแล้ว! ฉันรู้ว่านายผ่านผู้หญิงมาเยอะขนาดไหน เลยยกเพื่อนคนสำคัญให้ไม่ได้ไง! ฉันเองก็เตือนจูเลียตตาแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเวลาแบบนี้ผู้หญิงถึงมั่นใจในตัวเองเหลือเกินว่า ‘เขาต้องหยุดที่ฉันแน่นอน’ ...”
มิแรนดากุมขมับ
“ฉันไม่เคยคบใครเล่นๆ เลยนะ? ตอนแรกฉันคิดเสมอว่าถ้าเป็นคนนี้ต้องราบรื่นแน่นอน แต่พอคบไปสักพัก อีกฝ่ายกลับเปลี่ยนไป”
ออสการ์โบกมือให้คนสวนในสวนกลางคฤหาสน์ กุหลาบสีขาวกำลังบานสะพรั่ง กุหลาบเป็นพืชที่ดึงดูดแมลงได้ง่าย คนสวนต้องคอยดูแลวันละหลายครั้ง มิแรนดาดึงหูของออสการ์ คนกำลังพูด ช่วยหันมามองทางนี้ด้วย
“ทำไมไม่รู้... พออยู่กับฉันแล้ววิญญาณมักหายไปตลอด...”
ออสการ์พึมพำด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
เวลาเห็นใครน่ารักออสการ์จะเข้าไปทักทายโดยไม่ลังเล ไม่เกี่ยงว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวขุนนาง ลูกสาวคนธรรมดา สาวใหญ่ หรือผู้ชาย เขามีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว นั่นคือจะต้องมีวิญญาณรายล้อม สำหรับออสการ์แล้ว คนที่มีวิญญาณรายล้อมนั้นน่ารักทุกคน พวกเขาดูเปล่งประกายเจิดจ้า ทว่าพอเริ่มคบหากันไปได้สักพักวิญญาณที่เคยรายล้อมอีกฝ่ายกลับค่อยๆ หายไป พอเป็นเช่นนั้นหัวใจของออสการ์จะเริ่มเย็นชาและหมดความสนใจไปในที่สุด
จูเลียตตาก็มีวิญญาณรายล้อมเช่นกัน แม้รู้ว่าเป็นเพื่อนของพี่สาว แต่ออสการ์อดสนใจเธอไม่ได้
“เป็นเพราะเวลาอยู่กับนาย อารมณ์ความรู้สึกมันปั่นป่วนไง วิญญาณน่ะเข้าใกล้แต่คนที่จิตใจบริสุทธิ์ใช่ไหมล่ะ? แต่พอคบกับนายก็ทั้งหึง ทั้งโดนคนอื่นอิจฉา ทั้งเป็นกังวลว่านายรักจริงหรือเปล่า จิตใจเลยว้าวุ่นไปหมดต่างจากเมื่อก่อนไง? จริงๆ เลย ศีลธรรมของน้องชายฉันไปไหนแล้ว? คนที่คบกับนายแล้ววิญญาณไม่หายไป ถ้าไม่ใช่คนที่ความรู้สึกช้ามากๆ ก็เพี้ยนเอามากๆ”
ออสการ์ปรบมือดังป้าบให้คำพูดบ่งชี้แสนเผ็ดร้อนของมิแรนดา
“เป็นความผิดฉันหรอกเหรอ? จะว่าไปคนที่คบได้นานที่สุดค่อนข้างหัวช้าจริงๆ แต่สุดท้ายก็เลิกเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง”
ออสการ์พยักหน้าหงึกๆ ด้วยความประทับใจ ขมับของมิแรนดากระตุกจนเส้นเลือดปูด
“เฮ้อ ฉันละอยากเทน้ำชาร้อนๆ ใส่หมอนี่ซะจริง...”
“คุณหนู อดทนหน่อยนะครับ” พ่อบ้านกระซิบกับมิแรนดาที่โมโหจนไหล่สั่น
“แต่ย่ามีวิญญาณตลอดเลยนะ? ถ้าฉันเจอคนแบบนั้นฉันอยากแต่งงานกับเขา”
พอนึกถึงเวทลมของย่า ออสการ์ก็ยิ้มน้อยๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว ย่าซึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านเวทลมมีวิญญาณวนเวียนอยู่รอบตัวเสมอ เพราะแบบนี้แหละเวลาอยู่ข้างๆ ย่าหัวใจของออสการ์จึงผ่อนคลายและไม่อยากห่างไปไหน จริงด้วย สุดสัปดาห์นี้ไปเที่ยวคฤหาสน์ของย่าดีกว่า พาจูเลียตตาไปด้วยแล้วกัน
“จริงๆ เลย สมกับเป็นหลานรักของย่า แต่ก็ดีกว่าไล่ตามจีบผู้หญิงเป็นร้อยเท่า ฉันควรไปขอร้องย่าดีไหม ว่าช่วยจัดการผู้ชายเจ้าชู้คนนี้ให้หน่อย”
มิแรนดาสีหน้าอ่อนลง สงสัยคงนึกถึงย่าขึ้นมาด้วยเหมือนกัน
“เอาสิ ไปด้วยกันเลย พาจูเลียตตาไปด้วยนะ”
“ห้ามเลยนะ ฉันรู้จักจูเลียตตาดี วิญญาณของเพื่อนฉันจะหายไปในอีกไม่กี่เดือนแน่นอน”
แล้วคำพูดเสมือนคำทำนายของมิแรนดาก็กลายเป็นจริง
ไม่กี่เดือนต่อมาออสการ์เลิกรากับจูเลียตตา ตอนแรกออสการ์ตั้งใจจะบอกเลิกแบบจากกันด้วยดี ทว่าสุดท้ายทั้งสองต่างระเบิดอารมณ์ใส่กัน นั่นส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างมิแรนดาและจูเลียตตาแย่ลงตามไปด้วย เกิดเป็นเรื่องราวดรามาตามมามากมาย
ออสการ์ใช้ชีวิตอย่างอิสระตามที่ย่าบอก แต่มีแค่เรื่องความรักนี่แหละที่ไม่เคยราบรื่นสักครั้ง กับเรื่องที่ต้องฉายเดี่ยว ออสการ์สามารถทำได้ดีแบบไร้ปัญหา ทว่าเรื่องที่ต้องทำร่วมกับคนอื่น เขากลับไม่ถนัดเอาเสียเลย
เมื่ออายุครบสิบแปดปีออสการ์ปฏิบัติตามกฎระเบียบของประเทศ นั่นคือเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารโลเวน มิแรนดาปรบมือด้วยความดีใจ ที่นั่นเป็นโรงเรียนชายล้วน หมายความว่าจากนี้ไปไม่ต้องทนฟังเรื่องซุบซิบนินทาถึงความเจ้าชู้ของออสการ์อีก แต่ในความเป็นจริงชีวิตของออสการ์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก มีแค่เปลี่ยนเป้าหมายเป็นผู้ชายกับอาจารย์ในโรงเรียนเท่านั้น
โรงเรียนเตรียมทหารโลเวนจะรับเฉพาะนักเรียนที่มีวงจรเวท ซึ่งวงจรเวทจะปรากฏกับผู้สืบสายเลือดห้าตระกูลใหญ่เท่านั้น ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วนักเรียนล้วนมีสายเลือดของห้าตระกูลใหญ่ไหลเวียนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม ความแตกต่างระหว่างสายเลือดโดยตรงกับโดยอ้อมนั้นคือมีคนสอนเวทมนตร์ให้ตั้งแต่เด็ก หากสืบสายเลือดโดยตรงหลายคนสามารถร่ายเวทมนตร์ได้แล้วตั้งแต่ก่อนเข้าเรียน โนอาห์ เพื่อนซึ่งเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเซนต์จอนส์นั้นมีความสามารถทางกายภาพสูง การเรียนเพอร์เฟกต์ทุกวิชา แถมยังเป็นผู้ใช้เวทไฟทรงพลังอีก วินาทีแรกที่เจอกันออสการ์โดนวิญญาณแห่งไฟจำนวนมากที่รายล้อมโนอาห์ดึงดูดความสนใจในทันที ยิ่งกว่านั้นหน้าตาของโนอาห์ยังงดงามโดดเด่น ขนาดออสการ์ถึงขั้นอึ้งหน่อยๆ
“ได้ยินจากข่าวลือ นายคือออสการ์แห่งเวทลมสินะ? ฉันรู้จักกับเอมิลี หัวหน้าตระกูลของนาย”
ตอนคุยกันครั้งแรกโนอาห์ที่ปล่อยผมสีน้ำตาลเข้มงดงามยาวเคลียบ่าเอ่ยพร้อมยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มของโนอาห์ทรงพลังมากจนต้องกลั้นหายใจ เขาเป็นแค่ผู้ใช้เวทไฟจริงๆ เหรอ? ออสการ์รู้สึกว่าไม่ใช่แค่นั้นและปรารถนาจะเป็นเพื่อนกับโนอาห์ ถ้าได้คนสวยๆ แบบนี้มาเป็นแฟนต้องยอดเยี่ยมมากแน่นอน ทว่าหลังพูดคุยกันได้เพียงห้านาทีออสการ์ก็รู้ทันทีว่าโนอาห์ไม่ได้สนใจตนในแง่นั้นเลย ไม่สิ เขาไม่สนใจใครทั้งนั้น...
โนอาห์อาจไม่รู้ตัวก็ได้ว่าตัวเองเกลียดชังมนุษย์มากแค่ไหน
หลายคนอยากเข้ามาคุยกับโนอาห์เพราะหน้าตาสวย ทว่าโนอาห์ไม่สนใจใครเลยแม้แต่น้อย เขาจะรักษามารยาทกับคนที่นับถือ แต่กับคนที่เหลือ เขาปฏิบัติตัวแย่แบบสุดโต่งจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเห็นเป็นมนุษย์หรือเปล่า
“โนอาห์ นี่ ฉันมีเรื่องอยากถามเกี่ยวกับวิชาต่อสู้หน่อย...”
“โนอาห์ วันหยุดครั้งหน้าเราไปเที่ยวป่าด้วยกันไหม?”
“โนอาห์ แสดงเวทมนตร์ของนายให้ดูหน่อยสิ?”
คนมากหน้าหลายตาตั้งแต่รุ่นพี่ไปจนถึงรุ่นน้องต่างเข้ามาพูดคุยกับโนอาห์ และนี่คือคำตอบ
“ไม่รู้โว้ย ไปตายซะ”
“ไปคนเดียวสิ เป็นหมูเหรอ”
“ฝันไปเถอะ เจ้าหนอนแมลงวัน”
ปากร้ายอะไรขนาดนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าคำพูดพวกนี้จะมาจากใบหน้าแสนงดงาม โนอาห์อาจเห็นมนุษย์ทุกคนบนโลกเป็นม้าหรือแกะละมั้ง เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอย่างไพเราะหรือหยาบคายเขาก็ตอบกลับอย่างนี้หมด ปกติถ้าทำตัวแบบนี้คงโดนเหม็นขี้หน้าหรือไม่ก็โดนเกลียดไปแล้ว แต่ไม่รู้เป็นเพราะชาติตระกูล หรือความรู้ความสามารถอันดับหนึ่งของชั้นปี ไม่สิ บางทีอาจเป็นเพราะความงามนี่แหละ แม้โนอาห์พ่นวาจาหยาบคายแค่ไหนก็ไม่มีใครเกลียด ดูเหมือนว่าพอเจอความงามสมบูรณ์แบบอยู่ตรงหน้า มนุษย์เราก็ยอมศิโรราบกันทุกคน
“โนอาห์ ทำไมถึงเย็นชากับคนที่เข้าหานายแบบนั้นล่ะ? ยิ้มให้สักหน่อยจะเป็นไร ถ้าทำแบบนั้นฉันว่าพวกเขายอมถวายหัวให้นายเลยนะ?”
ช่วงแรกๆ ที่เพิ่งสนิทกับโนอาห์ ออสการ์เคยถามซื่อๆ ด้วยความสงสัย ตอนนั้นออสการ์กับโนอาห์เป็นรูมเมตกันและมักคุยกันจากที่นอนของตัวเองบนเตียงสองชั้น
“ไร้สาระ นายนั่นแหละทำตัวเป็นมิตรกับคนไปทั่ว ทั้งที่เนื้อแท้ก็เหมือนฉัน”
ตอนโนอาห์พูดอย่างนั้นออสการ์ถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ เขานึกไม่ออกเลยว่าตนซึ่งใจดีกับทุกคน และโนอาห์ซึ่งเย็นชากับทุกคน มีเนื้อแท้เหมือนกันได้อย่างไร
โรงเรียนเตรียมทหารโลเวนเป็นโรงเรียนเตรียมทหารชั้นนำของประเทศ ไม่ใช่เพียงเพราะที่นี่สอนวิชาเวทมนตร์ แต่ยังเป็นเลิศด้านวิชาการอีกด้วย ทำให้มีนักเรียนเก่งๆ มากมาย ในบรรดาเพื่อนร่วมชั้นปี ชายผมสีบลอนด์ที่ชื่อลีออน เอนส์เวิร์ธนั้นโดดเด่นเหนือคนอื่น เขาเป็นคนเอาจริงเอาจัง หน้าตาแลดูฉลาดหลักแหลม ทั้งยังเป็นผู้ใช้เวทน้ำอีกด้วย เขาเข้ากับโนอาห์ไม่ค่อยได้และมักเถียงกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นประจำ แต่การที่โนอาห์โต้เถียงกับเขาก็หมายความว่าชื่นชมในความสามารถ ลีออนเป็นคนจู้จี้เรื่องกฎระเบียบและเกลียดทุกสิ่งที่เบนเฉ แม้มีด้านน่ารำคาญ แต่ความสามารถด้านเวทน้ำเรียกได้ว่าเหนือชั้น
นอกจากลีออนแล้วยังมีผู้ชายอีกคนที่โดดเด่น ซิกฟรีด บอลด์วิน ชายจากตระกูลเวทดิน เป็นรุ่นพี่หนึ่งปี หน้าตาฉลาดหลักแหลม พูดน้อยแต่มีความน่าเกรงขาม เขาอยู่ชมรมเวทมนตร์เหมือนกัน โนอาห์เกลียดเขา แต่ออสการ์ไม่ถึงกับเกลียด
รอบๆ ตัวซิกฟรีดมีอะไรบางอย่างคล้ายๆ วิญญาณ
มันคืออะไร ข้อสงสัยนี้ยังไม่กระจ่าง เนื่องจากซิกฟรีดลาออกจากโรงเรียนและหายตัวไปไร้ข่าวคราว แม้ซิกฟรีดมีบางอย่างคล้ายๆ วิญญาณรายล้อม แต่เหมือนเป็นลางร้าย ทั้งยังมีรัศมีความมืดปกคลุม ออสการ์ไม่ได้บอกใครว่าตัวเองมองเห็นวิญญาณได้ จึงไม่รู้จะไปปรึกษาใครว่าสิ่งที่วนเวียนอยู่รอบตัวซิกฟรีดคืออะไรกันแน่ เลยได้แต่เก็บงำข้อสงสัยนั้นไว้คนเดียว
“ออสการ์ นายมองเห็นวิญญาณเหรอ”
วันหนึ่งโนอาห์ระแคะระคายเรื่องนั้น ออสการ์ลังเลอยู่เสี้ยววินาทีว่าควรปิดบังต่อไป หรือควรเล่าให้ฟังดี เนื่องจากคนเห็นวิญญาณได้นั้นมีอยู่น้อย ดังนั้นหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย หลังเรียนจบต้องถูกบังคับให้เข้าร่วมกองทัพเวทมนตร์ทันทีอย่างแน่นอน ตอนทดสอบเห็นวิญญาณในการสอบเข้าโรงเรียนออสการ์ก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น เรื่องที่ออสการ์มองเห็นวิญญาณนั้นเป็นความลับที่รู้กันเฉพาะคนในครอบครัว ย่าเองก็บอกว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเส้นทางในอนาคตด้วยตัวเอง
“ก็ประมาณนั้นแหละ”
ออสการ์ไม่คิดว่าการเฉไฉจะได้ผลกับโนอาห์จึงปล่อยเลยตามเลย
“งั้นเหรอ นายเลยใช้สิ่งนั้นเป็นเกณฑ์คัดเลือกคนสินะ”
โนอาห์พยักหน้าเหมือนว่าพอจะเข้าใจได้ ออสการ์ได้ยินดังนั้นก็กลั้นหายใจด้วยความตื่นตะลึง ที่ผ่านมาตนไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่เป็นอย่างที่โนอาห์พูดจริงๆ เกณฑ์การคัดเลือกคนของออสการ์คือคนคนนั้นมีวิญญาณหรือไม่ ทั้งคนที่ตกหลุมรัก คนที่เลือกคบเป็นเพื่อน ทุกคนล้วนมีวิญญาณรายล้อม
“พอพูดออกมาแล้วดูไร้มนุษยธรรมและน่าขยะแขยงยังไงไม่รู้เนอะ”
“งั้นเหรอ? ฉันว่าก็ไม่เห็นเป็นไร ถึงฉันจะมองไม่เห็น แต่สัมผัสได้...”
ดูเหมือนโนอาห์สามารถรับรู้ถึงวิญญาณผ่านประสาทสัมผัสได้ ไม่ใช่ด้วยดวงตา
“โนอาห์แยกคนที่คุยด้วยได้กับคนที่ไม่ต้องสนใจยังไงเหรอ?”
ความสงสัยผุดขึ้นมา ออสการ์จึงเอ่ยถาม โนอาห์ครุ่นคิดสักพักก่อนตอบ
“เซนส์น่ะ แค่มองตาก็รู้แล้วว่าเป็นมนุษย์หรือศัตรูพืช”
ออสการ์เผลอหัวเราะพรืดออกมา ตอนแรกคิดว่าโนอาห์เห็นคนที่ไม่สนใจเป็นม้าหรือแกะ นึกไม่ถึงว่าเป็นศัตรูพืช มันก็เกินไปหน่อยนะ
“แบบนี้นายจะไปชอบใครได้?”
ออสการ์พูดกลั้วหัวเราะ โนอาห์ขมวดคิ้วแน่น
“...การสนใจใครสักคนมันเป็นเรื่องยากจริงๆ”
คำพูดที่หลุดออกจากปากของโนอาห์จ้วงแทงหัวใจของออสการ์ เพราะเขารู้ว่านั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของโนอาห์ ถ้าชายที่ไม่เคยสนใจมนุษย์คนไหนเกิดตกหลุมรักใครสักคนขึ้นมา ตนอยากรู้เหลือเกินว่าคนคนนั้นจะเป็นอย่างไร มนุษย์ที่งดงามเหนือโนอาห์นั้นหาไม่ได้ง่ายๆ เลย
โนอาห์เป็นลูกชายคนรองของสายหลักตระกูลเซนต์จอนส์ เขาสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก แต่น่าจะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่ขัดสนอะไร ทั้งยังได้ยินมาว่าพี่น้องคู่นี้สนิทสนมกันดีด้วย ถ้าอย่างนั้นอะไรทำให้เขาเกลียดมนุษย์ได้มากมายขนาดนี้ ออสการ์อดอัศจรรย์ใจไม่ได้จริงๆ พอถามโนอาห์ เขาก็ตอบว่าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด
จากมุมมองของออสการ์ โนอาห์กับซิกฟรีดมีบรรยากาศคล้ายคลึงกัน ทั้งสองต่างวางตัวเหนือคนอื่น ไม่ไว้ใจใคร และมีมุมมองเฉพาะตัว
(คนที่เหมือนกันเหม็นหน้ากันสินะ)
ออสการ์มองทั้งสองคนแบบนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ถ้าต้องโดนหมอนั่นพรากไป ฆ่านายให้ตายซะยังดีกว่า
ปีที่อายุครบ 18 ปี มาโฮโระเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารโลเวน และนับจากนั้นโชคชะตาก็เปลี่ยนไป โนอาห์ บุตรชายจากตระกูลเวทไฟผู้ไม่ธรรมดาทั้งความงามและความสามารถหลงใหลมาโฮโระอย่างหัวปักหัวปำ ซิกฟรีด ผู้สืบสายเลือดตระกูลเวทมืดคอยปกป้องและเลี้ยงดูมาโฮโระมาตั้งแต่เด็ก ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นศัตรูไปแล้ว ซิกฟรีดใช้ทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้แย่งชิงมาโฮโระกลับคืนมาจากโนอาห์ให้ได้ ส่วนโนอาห์ก็ไม่ซ่อนเร้นความอยากเป็นเจ้าของและความหลงใหลต่อตัวมาโฮโระเลย แม้มาโฮโระเริ่มตกหลุมรักโนอาห์ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้ว่าซิกฟรีดคือศัตรู ระหว่างนั้นเองออสการ์ เพื่อนของโนอาห์ซึ่งมองมาโฮโระด้วยสายตาพิเศษก็พูดกับเขาว่า “นี่ ฉัน...ขอชอบนายได้ไหม?” หรือออสการ์จะเข้าร่วมการต่อสู้แย่งชิงครั้งนี้ด้วย!?
องก์ที่สองของเวทมนตร์ การต่อสู้ ความรัก และการทรยศ เปิดฉากขึ้นแล้ว!!
(เล่ม 2) ต่อจากสายเลือดมนตรา เพลิงพิโรธ
