?จัสติน จะเติมน้ำตาลในชาอีกนิดไหม?
รู้สึกว่าได้ยินเสียงอันอ่อนโยนอยู่ใกล้ๆ ทำให้จัสตินต้องกะพริบตาปริบๆ
ภาพของผ้าปูโต๊ะสีขาวล้วนค่อยๆ ปรากฏเข้ามาอยู่ในสายตาของเธอ
เครื่องเคลือบดินเผาและเครื่องเงินซึ่งวางเรียงกันอยู่บนโต๊ะกลมเบื้องหน้าสะท้อนแสงอาทิตย์ยามบ่ายเป็นประกายแวววาวเล็กๆ
(อ๊ะ! จริงสิ ได้เวลาน้ำชาแล้วนี่นา อากาศอบอุ่นสบายแบบนี้ทำให้เผลอนั่งเหม่อลอยไปหน่อย)
จัสตินอมยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ มือหยิบถ้วยน้ำชากับจานรองมาถือไว้
?ขอบคุณมากนะ เร็กซ์ น้ำตาลที่เธอพูดถึงนั้น.... เดี๋ยวก่อน นั่นน่ะเหรอ น้ำตาลที่ว่าน่ะ!??
?ถูกแล้ว ก็น้ำตาลยังไงล่ะ มีอะไรแปลกเหรอ? รึว่าจะให้ใส่เกลือ สารแต่งกลิ่น หรือว่าดินระเบิดลงไปดีล่ะ?
ผู้ที่กล่าวเช่นนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยอยู่ตรงด้านข้างของเด็กสาว คือปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นามว่าเร็กซ์ที่รู้จักและสนิทสนมกับเธอเป็นอย่างดี
วันนี้เขายังคงแต่งกายแบบสบายๆ ในชุดทหารสีดำล้วน ผมสีดำของเขายาวห้อยปรกลงมาขณะที่เจ้าตัวกำลังนั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะ ถึงแม้จะแต่งกายแบบเรียบๆ โดยไม่ได้เสริมแต่งอะไรเป็นพิเศษเลย แต่เขาก็ยังหล่อเว่อร์อยู่เหมือนเดิม
ใบหน้าสีขาวผ่องใสกิ๊กที่แลดูเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด อีกทั้งองค์ประกอบทุกส่วนของใบหน้าก็ล้วนแต่ละเอียดอ่อนไปเสียหมด ทำให้มองดูแล้วราวกับว่าเจ้าตัวน่าจะมีอายุเพียงแค่สิบห้าถึงสิบเก้าปีเท่านั้น
แต่ทว่าความอ่อนหวานของรอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากอันแบบบาง กับดวงตาคู่สีแดงเข้มอันลึกล้ำจนน่าหวาดกลัวคือสิ่งที่ผิดแผกไปจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังบ่งบอกให้ทราบถึงช่วงเวลาอันยาวนานที่เร็กซ์ดำรงชีวิตอยู่มาตลอด
ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานจนแทบจะลืมไปว่าเมื่อไหร่กันแน่ ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาถึงหยิบยื่นตุ๊กตาตัวเล็กๆ สีชมพูขึ้นมาแล้วส่งมันให้กับจัสติน
?ฉันไม่ใช่เธอสักหน่อยนี่ ขืนดื่มอะไรที่มีดินปืนผสมอยู่ด้วยละก็มีหวังคงได้เกิดเรื่องใหญ่แน่ แต่ปัญหาที่สำคัญกว่านั้นก็คือเจ้าตุ๊กตาตัวนี้! มันอะไรกันแน่ มิหนำซ้ำพอดูให้ดีๆ แล้วรูปร่างของมันเหมือนกับคุณตามีหนวดเลยนี่นา....!?
?ผลงานชิ้นนี้ทำได้ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ การแปรรูปน้ำตาลอย่างมีศิลปะไงล่ะ พอปล่อยให้เจ้านี่ละลายในน้ำชาแบบนี้แล้วนะ เวลาที่มันดิ้นรนและส่งเสียงกรีดร้องในช่วงสุดท้ายก่อนจะตายนั้น....?
?รสนิยมแย่ที่สุดเลย?
ยังไม่ทันจะพูดจบ เร็กซ์ก็ถูกจัสตินคว้าเอาถาดเงินบนรถเข็นซัดเปรี้ยงเข้าที่คางเสียก่อน
เสียงปึ้ก! ดังฟังชัด พร้อมกับร่างของราชาปีศาจที่แอ่นหงายไปด้านหลัง แต่แล้วเร็กซ์ก็กลับมาวางมาดยืดอกตัวตรงได้เหมือนเดิมในฉับพลันด้วยสีหน้าที่จริงจัง
?ฉันสนุกกับงานอดิเรกจนดัดแปลงมากเกินไปหน่อยรึเปล่านะ ตอนแรกก็ยังคิดอยู่แวบหนึ่งเหมือนกันว่า....ถ้าหากทำให้น้ำตาลก้อนมีรูปร่างแบบมันดราโกร่า แล้วส่งเสียงกรีดร้องได้ก็คงจะดีกว่านี้?
?ทำแบบนั้นมันอาจจะดูน่ารักขึ้นมาอีกนิดก็จริง....แต่ว่าคงไม่มีใครเขาดีใจกันหรอก เธอรีบรู้ตัวซะทีเถอะว่างานอดิเรกของตัวเองมันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากเกินไปหน่อยแล้ว ก่อนที่วัตถุดิบทั้งหลายจะต้องสูญเปล่าไปเสียก่อน?
พอเห็นเด็กสาวตะโกนร้องเสียงดังออกมาจนตัวสั่น เร็กซ์ก็วางเจ้าตุ๊กตาที่ทำจากน้ำตาลก้อนตัวนั้นลงบนฝ่ามือแล้วจ้องดูมันด้วยใบหน้าจริงจัง
?ฉันแค่รู้สึกว่าถ้าทำให้เธอดีใจได้ก็น่าจะพอแล้ว แต่ว่าเราก็ไม่ควรทำให้วัตถุดิบต้องสูญเปล่าไปจริงๆ นั่นแหละ เพราะดูเหมือนพวกมนุษย์ต้องทุ่มเททั้งหยาดเหงื่อและแรงกายเป็นอย่างมาก กว่าจะสร้างตุ๊กตาแบบนี้ขึ้นมาสำเร็จสักตัวหนึ่ง?
(เอ๋? เดี๋ยวนี้เร็กซ์คิดเรื่องแบบนี้ได้แล้วเหรอเนี่ย)
ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถครอบครองโลกได้โดยการขยับนิ้วเพียงแค่นิดเดียว เข้าใจถึงความยากลำบากของมนุษย์ที่แฝงอยู่ในน้ำตาลก้อนเดียวได้แล้วอย่างงั้นเหรอ
ยอดไปเลย! ทันทีที่คิดอย่างนั้นขึ้นมา จัสตินก็รู้สึกว่าในส่วนลึกของจิตใจเธอกำลังถูกบีบรัดเอาไว้แน่น
(เอ๋? เดี๋ยวก่อน นี่มันอะไรกัน ความรู้สึกแบบนี้ ในเมื่อเรากำลังดีใจอยู่นี่นา)
หลังจากที่รู้ว่าความรู้สึกปวดร้าวลึกๆ ในอกทวีความรุนแรงมากขึ้น จัสตินก็เริ่มสับสน
ตอนนี้เราน่าจะมีแต่เรื่องดีใจทั้งนั้นเลยนี่นา แต่เพราะอะไรถึงยังรู้สึกปวดร้าวใจอยู่อีกล่ะ ลมหายใจก็เริ่มติดขัดทรมาน รวมทั้งยังค่อยๆ หนาวสั่นสะท้านไปทั้งตัวอีกด้วย
....เศร้าจังเลย
(เอ๊ะ? เอ๋ เมื่อกี้นี้เราคิดว่าเศร้าอยู่อย่างงั้นเหรอ ทำไมล่ะ เพราะอะไรกัน)
?จัสติน??
ครั้นได้ยินเสียงอันอ่อนหวานเรียกชื่อเบาๆ จัสตินก็เงยหน้าขึ้น เธอเห็นเร็กซ์กำลังจ้องมาทางนี้ด้วยแววตาที่แลดูเศร้าสร้อยนิดๆ
เขาวางน้ำตาลก้อนนั้นลงและยื่นมือสีขาวผ่องมาจับมือเธอไว้อย่างนุ่มนวล
ทันทีที่สัมผัสอันเย็นเฉียบถ่ายทอดมาสู่ปลายนิ้ว เด็กสาวก็ตัวสั่นไปเล็กน้อย
(ชอบ)
เพียงแค่ได้สัมผัสถึงกันนิดเดียวจัสตินก็คิดว่าเธอชอบคนผู้นี้
รู้สึกราวกับตัวเองจะค่อยๆ ละลายหายไปจากส่วนที่ได้สัมผัสกัน รู้สึกราวกับว่าถึงแม้จะละลายหายไปก็ไม่เป็นไรหรอก
(แต่ทว่า เพราะอะไรกันนะ ทำไมเราถึงยังรู้สึกเศร้าซึมอยู่อีก)
ครั้นพยายามจะกำมือของเขาตอบ เร็กซ์ก็ค่อยๆ ยกมือของเธอขึ้นจรดริมฝีปากอันแบบบางของตนเอง ชั่ววินาทีนั้นจัสตินรู้สึกว่าจิตใจสั่นไหวจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป และแล้วน้ำตาของเด็กสาวก็ไหลรินออกมา
หลังจากที่เร็กซ์ขยับริมฝีปากห่างไปนิดหน่อย เขาก็เงยหน้าขึ้นจ้องตาเธอพร้อมกับเอ่ยขึ้นแผ่วๆ ว่า
?ร้องไห้อยู่เหรอ?
?ขอโทษนะ ไม่รู้เพราะอะไร....ทั้งที่ตอนนี้ฉันกำลังมีความสุขมากแท้ๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้รู้สึกเศร้าซึมอยู่ด้วย?
เสียงของจัสตินที่กล่าวออกมาฟังดูขาดเป็นห้วงๆ ด้วยเหตุที่เธอไม่สามารถจะสกัดกั้นน้ำตาซึ่งไหลพรากได้อีกต่อไป
?ก็คงจะเป็นอย่างนั้น?
?เอ๋??
คำตอบของอีกฝ่ายที่ได้รับมาอย่างผิดคาดทำให้ดวงตาของจัสตินเบิกโตขึ้นนิดๆ
เร็กซ์ระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ดูเศร้าสร้อยเป็นอย่างมากขณะที่เอ่ยว่า
?เพราะฉันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วน่ะสิ?
?....!?
จัสตินนิ่งอึ้งไปทันที ไม่ได้นะ! เราจะนึกออกไม่ได้เด็ดขาด
ไม่จริงใช่ไหม? เธอยังอยู่ที่นี่ต่างหากล่ะ ช่วยบอกอย่างงั้นหน่อยสิ ขอร้องล่ะนะ....
?เร็กซ์!?
พอเอ่ยปากเรียกชื่อเขาออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า จัสตินก็ลืมตาขึ้น
พลันนั้นเองภาพของเวลาน้ำชาอันแสนสงบสุขก็มลายหายวับไป เปลี่ยนเป็นภาพสีน้ำเงินรางๆ ปรากฏเข้ามาแทนที่
สีน้ำเงินเหรอ สีน้ำเงินอันลึกล้ำที่ท่านย่าโปรดปราน
ที่นี่คือห้องนอนของท่านย่านี่นา ห้องนอนสีน้ำเงินซึ่งอยู่ในปราสาทเชอร์สวานของจัสตินนั่นเอง
ณ ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องสีน้ำเงิน
(....นี่เราฝันไปเหรอเนี่ย)
ขณะที่ยังรู้สึกมึนงงศีรษะอยู่นิดหน่อย จัสตินก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยแว่วเข้ามาใกล้ๆ
?ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วสินะ จัสติน รู้สึกอาการเป็นยังไงบ้างล่ะ?
?....ท่านพ่อ?
พอค่อยๆ กวาดสายตามองไปรอบๆ เธอก็พบว่ามีสุภาพบุรุษผู้สูงสง่าท่านหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงนอน ผมของเขาสีทองยาวสลวย แม้จะมีสีขาวปะปนอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก ดวงตาสีฟ้าครามสดใส ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็เป็นสุภาพบุรุษผู้มีใบหน้าหล่อเหลา รวมทั้งยังมีนิสัยร่าเริงอีกด้วย แต่ตอนนี้เจ้าตัวคงจะเหน็ดเหนื่อยอยู่จึงทำให้มองเห็นรอยหมองคล้ำที่ใต้ดวงตาคู่นั้น และเสื้อเชิ้ตอันโก้เก๋ที่สวมใส่อยู่ก็ปลดกระดุมหน้าไว้
ท่านดยุคเชอร์สวานผู้เป็นพ่อสุดที่รักของจัสตินหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาจากด้านข้างของเตียงนอนเพื่อซับเหงื่อให้ลูกสาว พร้อมกับกล่าวว่า
?โชคดีแล้วล่ะ ลูกอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ แถมยังมีไข้สูงมากทีเดียว แต่ว่าลูกคงจำไม่ค่อยได้แล้วกระมัง?
?หนึ่งสัปดาห์เลยเหรอคะ....??
พอได้ยินท่านดยุคบอกเช่นนั้น จัสตินก็รู้สึกว่าความทรงจำในระยะนี้ค่อนข้างจะเลือนรางอยู่มากพอสมควร
สิ่งที่พอจะนึกได้มีเพียงภาพทิวทัศน์ต่างๆ ที่ผ่านแวบเข้ามาราวกับรูปถ่ายเท่านั้น ในบรรดาภาพที่มองเห็นรางเลือนอยู่เบื้องหน้าในขณะนี้มีใบหน้าของท่านพ่อที่จ้องมองลงมาด้วยความห่วงใย กับสุภาพบุรุษอีกท่านหนึ่งที่ไม่รู้จักกำลังยื่นหน้าเข้ามาตรวจดูอาการพร้อมกับถือผ้าปิดแผลซึ่งดูคล้ายกับปลาสเตอร์อยู่ นอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มผมสีบลอนด์แกมน้ำตาลอีกคนหนึ่งกำลังคุยกับท่านพ่อด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด
(แสดงว่าเราจะต้องป่วยหนักพอสมควรเลยสินะ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเราแทบจะไม่เคยเจ็บป่วยเลยด้วยซ้ำ ว่าแต่ป่วยเป็นโรคอะไรกันนะ)
ระหว่างนึกทบทวนความจำที่ยังคลุมเครืออยู่และพยายามจะขยับตัวลุกขึ้น ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็พลันแล่นเข้ามาที่หัวไหล่อย่างกะทันหัน
?อ๊ะ....อุ๊ก....!?
?เดี๋ยวก่อน ไม่ได้นะ! ลูกยังต้องนอนพักผ่อนต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของปีศาจ?
ท่านพ่อรีบกดตัวเธอลงให้นอนราบเหมือนเดิม จัสตินสะดุ้งตกใจนึกขึ้นได้
(จริงสินะ เราถูกปีศาจ....ถูกคิวริออสทำร้ายที่ไหล่ด้วยที่ความร้อนสูงมากเลยนี่)
ความทรงจำเกี่ยวกับความเจ็บปวดในอดีตทำให้ความทรงจำอื่นๆ ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาผุดเข้ามาในสมองมากมายพร้อมกัน
ไม่ว่าจะเป็นภาพบรรยากาศอันคึกคักในเมืองหลวง ภาพชิงช้าสวรรค์ซึ่งประดับไฟส่องสว่าง เสียงหัวเราะเย้ยหยันของคิวริออส กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ
(ใช่แล้ว พวกเราถูกล่อลวงให้ไปติดกับดักของหน่วยปราบปีศาจและคิวริออสนี่นา ทำให้ทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งหนังสือเวทมนตร์ก็สูญสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียแล้ว ส่วนเร็กซ์....เร็กซ์ก็)
เร็กซ์สูญสิ้นพลังปีศาจไปเกือบหมด เขาจึงถูกพาตัวกลับไปยังโลกปีศาจ
ทันทีที่นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาได้ จัสตินก็น้ำตาไหลพรากออกมา ความทรงจำที่เห็นราชาปีศาจต้องหลั่งเลือดทำให้บาดแผลที่หัวไหล่ของเธอยิ่งทวีความเจ็บปวดมากขึ้น เจ็บจังเลย ทรมานเหลือเกิน แต่ว่าเร็กซ์คงจะต้องเจ็บปวดมากกว่านี้แน่ และคงจะทรมานมากกว่าเราอย่างแน่นอน
(เร็กซ์ อยากเจอจังเลย อยากเจอเธอตัวจริงไม่ใช่ในฝัน อยากกอดเธอไว้ให้แน่นๆ)
อยากจะโอบกอดเร็กซ์ไว้เดี๋ยวนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าเขายังปลอดภัยดีอยู่ หากรับเอาความเจ็บปวดของเขามาไว้ที่เธอได้ จัสตินก็อยากจะทำเช่นนั้น ถึงแม้จะไม่สามารถทำอะไรได้ แต่อย่างน้อยได้อยู่เคียงข้างกันก็ยังดี
ทว่าหลังจากที่เร็กซ์ถูกพาตัวกลับไปยังโลกปีศาจก็ไม่มีข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่
พอคิดเช่นนั้นภาพที่อยู่เบื้องหน้าก็มืดมัวไปในทันที จัสตินจึงพยายามปิดหูทั้งสองข้างไว้ด้วยความไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น
(ไม่นะ....ทำยังไงดีล่ะ รู้สึกทรมานเหลือเกิน เราไม่อาจหยุดคิดเรื่องนี้ได้....จนแทบจะเสียสติไปอยู่แล้ว)
ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากจะนึกถึงมัน แต่ในหัวก็ยังคิดแต่เรื่องราวอันน่าหวาดกลัวอยู่ตลอด ภาพของเร็กซ์ที่ได้รับบาดเจ็บผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ทำให้น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างไม่สิ้นสุด รวมทั้งตัวเธอเองก็พลอยสั่นเทิ้มไปด้วย
?จัสติน ไม่เป็นไรใช่ไหมลูก?
ท่านพ่อเอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่เห็นลูกสาวยังคงร้องไห้อยู่เงียบๆ
เมื่อรู้ว่าน้ำเสียงของท่านพ่อแฝงความเหน็ดเหนื่อยปนอยู่ด้วย จัสตินจึงกัดริมฝีปากที่สั่นเอาไว้
(ท่านพ่อ....! จริงสินะ ท่านพ่อคอยเฝ้าดูอาการของเรามาตลอดเลยนี่ เราจะทำให้ท่านเป็นห่วงมากไปกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด ถึงแม้จะเศร้าปานใจจะขาดก็ตาม....แต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่ ร่างกายของเรายังขยับได้ แน่นอนล่ะ รวมทั้งจิตใจด้วย)
พอคิดว่านี่เป็นการทำเพื่อท่านพ่อแล้ว ลมหายใจก็ค่อยสงบลงมานิดหน่อย ขณะเดียวกันเสียงตะโกนอย่างสนุกสนานของพวกเด็กนักเรียนที่ดังเข้ามาก็ช่วยทำให้ภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเริ่มสว่างสดใสขึ้นมาเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ
เธอไม่ได้อยู่ลำพังคนเดียวหรอกนะ รู้สึกเหมือนกับว่าใครบางคนกระซิบบอกมาอย่างนั้น
(....จริงสินะ เราไม่ได้อยู่คนเดียวนี่ ที่นี่คือปราสาทและโรงเรียนของเรา มีพวกเด็กนักเรียน คนรับใช้ รวมทั้งท่านพ่อก็อยู่ด้วย เรายังไม่ได้สูญเสียไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง นับว่ายังอยู่ในสภาพที่ดีกว่าเร็กซ์มากนัก....ดังนั้นเราน่าจะพยายามทำอะไรได้อยู่)
หลังจากที่พูดให้ตัวเองฟังอย่างหนักแน่นจัสตินก็พยายามเช็ดน้ำตาด้วยนิ้วข้างที่ไม่เจ็บปวด ไม่เป็นไรหรอก ถึงแม้จะยังรู้สึกทรมานอยู่มากจนแทบใจจะขาดเลยก็ตาม แต่อย่างน้อยน้ำตาก็หยุดไหลแล้ว
?ค่ะ หนูไม่เป็นไรแล้วล่ะ?
เธอบอกเหมือนกับตอกย้ำกับตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง
จัสตินรับรู้ได้ว่าขณะนี้แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาจากหน้าต่างรูปยาวรี เสียงของพวกเด็กนักเรียนที่ได้ยินเมื่อสักครู่นี้ดังขึ้นมาอีกครั้ง คงจะกำลังเล่นสนุกกันอยู่ในสวนกลางปราสาทนั่นเอง
เห็นแล้วทำให้ดูเหมือนกับว่า....โลกนี้ยังคงสงบสุขอยู่เหมือนเดิม
?อากาศดีจังเลยนะคะ ท่านพ่อ?
พอเห็นจัสตินเอ่ยพึมพำขณะจ้องมองหน้าต่าง ท่านดยุคจึงหันไปมองดูข้างนอกด้วยเช่นกัน
?ถูกแล้ว อากาศดีมากเลยทีเดียว เหมือนกับเช้าของวันที่สงบสุขยังไงยังงั้น?
?แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยใช่ไหมคะ?
เมื่อถูกลูกสาวถามกลับมาดังนั้น ท่านดยุคก็จ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
?ตอนนี้ลูกอยู่ในสภาพที่สามารถคุยเรื่องนั้นได้แล้วรึยังล่ะ?
แม้จะรู้สึกดีใจที่ท่านพ่อแสดงความห่วงใย แต่จัสตินก็พยักหน้ารับ เพราะหากเธอยังขืนนิ่งอยู่ต่อไปแบบนี้ละก็คงจะกลับไปนึกถึงเรื่องของเร็กซ์ขึ้นมาอีกแน่ ดังนั้นพยายามคิดอะไรบางอย่างให้เต็มที่ในเวลานี้จะดีกว่า
?หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ ในเมื่อเวลาต้องสูญเปล่าไปตั้งหนึ่งสัปดาห์เลยนี่นา ดังนั้นหนูจึงอยากรีบทำอะไรกับหน่วยปราบปีศาจสักอย่าง และพาเร็กซ์กลับคืนมาให้ได้ค่ะ?
ครั้นพูดมาถึงตรงจุดนี้ จัสตินก็นึกถึงปัญหาสำคัญขึ้นมาได้
(อูย...แย่ล่ะสิ พอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วท้องก็เริ่มจะร้องจ๊อกๆ ไปด้วย)
เธอถอนหายใจให้กับสุขภาพที่แข็งแรงมากของตัวเอง และถามด้วยรอยยิ้มแหยๆ ว่า
?เอ้อ...แต่ก่อนหน้านั้น....มีอะไรให้ทานบ้างรึเปล่าคะ?
ท่านดยุคกะพริบตาปริบๆ หลายครั้ง ก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
?เห็นลูกแข็งแรงได้มากขนาดนี้พ่อก็รู้สึกสบายใจไปด้วย เอาล่ะ ถ้างั้นเรามาทานอาหารเช้ากันดีกว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องเริ่มต้นจากเติมท้องให้เต็มเสียก่อน?
***
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
และแล้วความรู้สึกของเร็กซ์กับจัสตินก็สื่อถึงกันในที่สุด แต่ทว่าจัสตินเริ่มจะเกิดความรู้สึกกังวลใจขึ้นมา เมื่อได้รับรู้ว่าอายุขัยของเร็กซ์นั้นเหลืออยู่อีกแค่ไม่นาน นอกจากนี้เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายด้วยฝีมือของคิวริออสผู้เป็นราชาปีศาจอีกองค์หนึ่ง พร้อมทั้งยังถูกพาตัวกลับไปที่โลกปีศาจอีกด้วย ในระหว่างนั้นหน่วยปราบปีศาจได้ก่อการปฏิวัติขึ้นมา โดยมีแผนจะให้โลกปีศาจกลายมาเป็นอาณานิคมของโลกมนุษย์ ทำให้ทางฝ่ายโลกปีศาจเริ่มมีการเคลื่อนไหวในเรื่องสงครามขึ้นมาเช่นเดียวกัน!! จัสตินจะสามารถเผชิญหน้าและฝ่าฟันสถานการณ์คับขันในครั้งนี้ได้อย่างไรในยามที่ไม่มีเร็กซ์อยู่ด้วย!?
