New Release BLY แปล : Don?t Worry Mama series 2

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : Don?t Worry Mama series 2

โพสต์ โดย Gals »

ค้นหัวใจใต้ชุดสูท 2

เป็นเวลาสามวันติดต่อกันแล้วที่ไคทานิได้รับอีเมลจากฟุจิวาระ ข้อความสั้นๆ ในนั้นบอกให้เขารีบส่งแผนลดต้นทุน แต่ไคทานิได้แต่อ่านผ่านๆ ไม่ได้ตอบกลับเลยแม้แต่ฉบับเดียว
?นี่ ไคทานิ...?
เช้าวันหนึ่ง ขณะไคทานิกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่เงียบๆ ที่โต๊ะ เสียงของโอซาดะก็ดังมาจากทางด้านหลัง
?นายส่งแผนลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ให้หัวหน้าแผนกแล้วหรือยัง? ฉันจำได้ว่าส่งเอกสารให้นายไปนายตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว...?
ไคทานินิ่งเงียบส่ายศีรษะ
?ถ้ายังไม่มีแผนเป็นรูปเป็นร่าง ขอแค่แนวทางคร่าวๆ ก็ยังดี พอมีหรือเปล่า??
น้ำเสียงเธอเริ่มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ
?คือว่า...มันยากน่ะครับ...?
?งานของทุกคนก็ยากเหมือนกันนั่นแหละ การประชุมครั้งต่อไปมันวันพุธหน้าแล้วนะ นายต้องรีบแล้ว...?
?ก็รู้อยู่หรอกครับ แต่...?
โอซาดะกระแทกส้นรองเท้าดังตึง บ่งบอกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธจัด
?ถ้าคิดว่ามันยากก็ถามความคิดเห็นของคนอื่นสิ รู้ไหมว่าหัวหน้าแผนกเรียกฉันไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไคทานิถึงไม่ยอมตอบอีเมลสักที?
ไคทานิเอียงศีรษะเล็กน้อย ?หืม? เขาส่งเสียงครางราวกับกำลังฟังเรื่องเม้าท์ของคนอื่นอยู่
?ยังมีหน้ามาหืมอีก เธอเป็นคนรับผิดชอบส่วนนี้ใช่ไหม ช่วยจริงจังให้มากกว่านี้ด้วย?
เธอตะโกนเสียงดังลั่นจนทุกคนหันมามองด้วยความตกใจ ?ขอโทษครับ? ไคทานิก้มศีรษะพลางกล่าวขอโทษ แต่โอซาดะเดินปึงปังกลับไปที่โต๊ะของตัวเองโดยไม่พูดอะไรเสียแล้ว
ไคทานิทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารของบริษัท และกลับเข้าออฟฟิศอีกทีหลังบ่ายโมงเล็กน้อย เขาคิดว่าเวลาผ่านไปพอสมควร อารมณ์ของโอซาดะน่าจะดีขึ้น ?เอ่อ...? เขาส่งเสียงทักทาย แต่เธอกลับทำเฉยราวกับว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากโอซาดะรุนแรงมากจนไคทานิไม่สามารถทนอยู่ในออฟฟิศต่อไปได้ เขาหยิบกระเป๋าเอกสารเตรียมออกไปหาที่นั่งทำงานข้างนอก และจังหวะที่กำลังลุกจากเก้าอี้ ?ไคทานิคุง? เสียงเรียกชื่อของเขาก็ดังขึ้น
ไคทานิกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนค่อยๆ หันไปทางต้นเสียงด้วยอาการหวาดหวั่น ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยแม้แต่คำเดียวตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมากำลังคุยกับเขาอยู่
?โทษทีที่ขัดจังหวะตอนกำลังจะออกไปข้างนอก แต่ฉันมีเรื่องอยากพูดกับเธอ?
ทำไมถึงยังไม่ส่งแผนลดต้นทุนอีก รับรองว่าต้องเป็นเรื่องนี้แน่นอน ไคทานิยืนเผชิญหน้ากับฟุจิวาระ และทั้งๆ ที่รู้เหตุผลอยู่แก่ใจก็ยังไม่วายเอ่ยปากถาม
?มีอะไรเหรอครับ?
?ฉันส่งอีเมลไปตั้งหลายครั้ง แผนลดต้นทุนเป็นอย่างไรบ้าง?
คำพูดที่คาดเดาไว้กลั่นออกมาจากน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับก้อนน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือ ความหนาวเหน็บกระแทกไคทานิเข้าอย่างจัง
?...ยังไปไม่ถึงไหนเลยครับ?
ฟุจิวาระยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมถอนหายใจ
?ฉันบอกในอีเมลแล้วใช่ไหม ว่าถ้ายังไม่คืบหน้าก็ให้รายงานกลับมาว่าไม่คืบหน้า?
?ขอโทษครับ?
ฟุจิวาระเงยหน้าที่ก้มอยู่ขึ้น ดวงตาของเขาโชติช่วงไปด้วยความเดือดดาล เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มฝ่ามือของไคทานิภายในเสี้ยววินาที
?นี่เธอรู้ถึงปัญหาแล้วหรือยัง ว่าอะไรทำให้ลดต้นทุนไม่ได้?
?เอ่อคือ...เรื่องนั้น...?
ความตื่นเต้นทำให้คอแห้งผาก ?เอ่อ...? ?เรื่องนั้น...? หลังไคทานิพูดจาติดขัดราวกับแผ่นเสียงตกร่องอยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็ตอบกลับไปว่า ?ผมไม่ทราบครับ?
?ผมลองคิดหลายๆ แนวทางดูแล้ว แต่บอกตามตรง ผมไม่รู้จะเริ่มจัดการจากอะไรก่อนดี?
?นี่หมายความว่าเธอปล่อยให้เวลาผ่านไปหลายวันโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลยงั้นเหรอ?
ฟุจิวาระกล่าวช้าๆ เน้นย้ำทีละพยางค์ด้วยน้ำเสียงดุดัน ไคทานิปฏิเสธไม่ออกเลยได้แต่นิ่งเงียบ ฟุจิวาระจึงพ่นลมหายใจ หึ เป็นเชิงหัวเราะออกทางจมูก
?ทั้งๆ ที่เธอทำกร่าง ผลักดันงานดีไซน์ที่ตัวเองชอบโดยไม่เห็นหัวฉันแท้ๆ แต่กลับทำได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ...ไม่ได้เรื่อง?
?ก็มันเป็นไปไม่ได้นี่ครับ เป้าหมายลดต้นทุนนี่มันสูงเกินไป แถมยังเกี่ยวพันกับภาพรวมของผลิตภัณฑ์อีกด้วย?
?ถ้าเธอคิดว่าเป้าหมายมันสูงเกินไปจนทำไม่ได้ ทำไมถึงไม่ปรึกษาคนรอบข้างล่ะ ทำไมไม่มาปรึกษาฉัน เธอคิดว่าเราทำงานกันเป็นทีมเพื่ออะไร?
อ๊ะ... ไคทานิฉุกคิดได้เมื่อสายเกินไป ฟุจิวาระพูดถูก แต่ถึงจะพูดถูก เขาก็ไม่อยากยอมรับ
?ถึงจะบอกให้ผมไปปรึกษาก็เถอะ...?
ไคทานิเหลือบตาขึ้นมองฟุจิวาระ
?แต่บรรยากาศดูไม่น่าเข้าไปขอคำปรึกษาเลย?
ปัง เสียงทุบโต๊ะดังสนั่น เล่นเอาไคทานิถึงกับเสียวสันหลังวูบ
?...บรรยากาศอะไร ที่นี่ไม่ใช่บ้านหรือโรงเรียน เป็นสถานที่ทำงาน เลิกทำตัวเป็นเด็กนักเรียนได้แล้ว?
ฟุจิวาระตะโกนลั่นจนคนรอบข้างต่างหันมามองด้วยความตกใจ เขาลุกขึ้น ?ตามฉันมา? แล้วบอกทิ้งท้ายไว้เช่นนั้นก่อนจะเดินดุ่มออกไปนอกออฟฟิศ ดูท่าฟุจิวาระเองก็กำลังของขึ้นด้วยเหมือนกัน ไคทานิคิดว่าอารมณ์เช่นนี้ไม่ควรทำตัวแข็งข้อ จึงจำใจลากเท้าตามไปอย่างเนือยๆ
?ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?
ภายในห้องเอกสารไร้ผู้คน สถานการณ์ที่ได้อยู่กับฟุจิวาระเพียงสองต่อสองทำให้หัวใจของไคทานิเต้นโลดอยู่ได้เพียงเสี้ยววินาที เพราะหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ปิดประตูดังปังและหันขวับมาตะคอกใส่เขาทันที
?เธอถึงกับข่มขู่ฉันเพื่อผลักดันดีไซน์รูปมังกรนั่น แต่ตอนนี้เธอกลับเลิกสนใจมันเสียอย่างนั้น ไม่เข้าใจงานก็ไม่รู้จักถามความคิดเห็นของคนอื่น ถ้าไม่อยากทำงานอยู่ไปก็เกะกะเปล่าๆ รีบลาออกไปซะ?
ไคทานิก้มหน้า ไร้คำพูดโต้กลับใดๆ
?...ขอโทษครับ?
?ฉันไม่ต้องการแค่คำขอโทษ ทำงานซะ ใช้สมองซะ และทำผลงานออกมาให้ฉันเห็น?
ไคทานิถูกทุบตุบๆ ด้วยคำพูดอย่างไร้ความปรานี เป็นความจริงที่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่นั่นเป็นเพราะเขาไม่เข้าใจต่างหาก จึงต้องปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้น นอกจากนี้ตัวเขาเองก็มีข้อแก้ตัวที่พอฟังขึ้นด้วยเหมือนกัน
?ลดต้นทุนตั้งสามสิบเยน มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ตัวเลขที่ผมได้รับมอบหมายมามันไม่เยอะเกินไปหน่อยเหรอครับ ที่หัวหน้าแผนกสั่งให้ผมลดต้นทุนกะทันหันแบบนี้ เป็นเพราะหัวหน้าแผนก ?กังวล? อยู่ใช่ไหมล่ะครับ ทั้งๆ ที่ไม่มีพนักงานคนไหนรู้สึกกังวลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตัวนี้เลยแม้แต่คนเดียว มีแต่คนคิดว่ามันต้องฮิตติดตลาดแน่ๆ?
ท่าทีของฟุจิวระซึ่งเดือดดาลเมื่อสักครู่แลดูหวั่นไหวเล็กน้อย
?คนที่อยากลบความกังวลของตัวเอง โดยสั่งงานที่เป็นไปไม่ได้ให้คนอื่นคือหัวหน้าแผนกไม่ใช่เหรอครับ?
ทั้งสองนิ่งเงียบ จ้องตากันเขม็ง และฝ่ายที่เบือนสายตาหลบก่อนคือฟุจิวาระ
?ถ้าเธอไม่พอใจวิธีการทำงานของฉัน ก็ออกไปจากโปรเจกต์นี้ซะ ตอนนี้เลย?
ทั้งที่ชายตรงหน้าคือคนที่ชอบแท้ๆ แต่ความรู้สึกเกลียดก็พลุ่งพล่านรุนแรงไม่แพ้กัน ไคทานิยักไหล่
?เอาอีกแล้ว แค่ผมไม่เห็นด้วยกับหัวหน้าแผนกนิดๆ หน่อยๆ หัวหน้าแผนกก็เอาแต่บอกว่า ?ลาออกไปซะ? บ้างล่ะ ?ออกจากโปรเจกต์นี้ไปซะ? บ้างล่ะ ไม่เคยฟังความคิดเห็นของลูกน้องเลย บริษัทนี้บริหารด้วยระบบศักดินาหรืออย่างไร?
ไคทานิมองเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นบนหน้าผากของฟุจิวาระ
?ต่อให้เป็นความคิดเห็นของลูกน้อง ถ้าเห็นว่ามีประสิทธิภาพฉันก็พร้อมนำไปใช้ แต่เธอแค่เอาแต่พูดซ้ำซากอย่างไร้ความรับผิดชอบว่า ?แบบนั้นดี? ?แบบนี้ดี? โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ฉันเป็นหัวหน้าแผนก และหัวหน้าแผนกก็มีวิธีปฏิบัติในแบบของหัวหน้าแผนก ฉันจะยอมให้โปรเจกต์นี้ล้มเหลวไม่ได้เป็นอันขาด?
?พล่ามโน่นพล่ามนี่อยู่ได้ สุดท้ายหัวหน้าแผนกก็สนใจแค่ยอดขายอย่างเดียวเท่านั้น ที่คุณทำทั้งหมดก็เพื่อปกป้องตำแหน่งของตัวเอง?
ไคทานิตะโกนก้อง มือทั้งสองข้างกำแน่น เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังหายใจหอบถี่ไม่เป็นจังหวะ ทั้งคู่กลับมาอยู่ในสภาวะหยุดนิ่งอีกครั้ง ต่างจ้องตากันเขม็งโดยไม่พูดอะไร
?...โอซาดะกำลังรับผิดชอบอีกโปรเจกต์หนึ่งอยู่ เป็นซีรี่ส์เครื่องสำอางชะลอวัยและลดเลือนริ้วรอยสำหรับผู้หญิง?
ฟุจิวาระกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งต่างจากเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว ไคทานิไม่เข้าใจว่าจู่ๆ อีกฝ่ายพูดถึงเรื่องโอซาดะออกมาทำไม
?ฉันคิดว่าเป็นโปรเจกต์ที่ไม่เลวเลยทีเดียว แต่ต้องรอให้ซีรี่ส์ KASHA ออกมาก่อน และแน่นอนว่าถ้า KASHA ไม่ประสบความสำเร็จ เบื้องบนอาจลังเลกับแผนการที่จะออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ตามมา นั่นหมายความว่าโปรเจกต์ของโอซาดะต้องถูกพับเก็บ... หรือต่อให้ดำเนินการต่อได้ คงถูกเลื่อนออกไปอีกหลายปี ฝ่ายพัฒนาสินค้าเองก็เช่นกัน ถ้าเนื้อโลชั่นไม่ประสบความสำเร็จ เราคงไม่ได้เห็นผลิตภัณฑ์แบบนั้นอีกเลยอย่างน้อยก็ห้าปี... หรือเลวร้ายกว่านั้นอาจเป็นสิบปี รวมถึงบริษัทดีไซน์ที่เราเพิ่งจ้างให้เขาออกแบบบรรจุภัณฑ์ในงานนี้ด้วย หากดีไซน์ที่ยอมเยี่ยมนั่นประสบความล้มเหลว ทางเราคงไม่สามารถจ้างงานเขาได้อีกเป็นครั้งที่สอง?
ฟุจิวาระหยุดพูดไปชั่วขณะ
?ฉันต้องรับผิดชอบทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ ถ้าเธอทำเสียเรื่อง เธอคงคิดว่าแค่ว่า ?ช่วยไม่ได้? เท่านั้น แต่นี่คือความเสี่ยงอันใหญ่หลวงที่บริษัทและคนอีกมากมายต้องแบกรับเอาไว้?
ไคทานิรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นเฉียบสาดหน้า เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ผ่านมาไม่เคยต้องรับผิดชอบงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักครั้ง แค่พยายามทำอย่างสุดความสามารถตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น นั่นเป็นสาเหตุทำให้เขาไม่เคยฉุกคิดเลยว่า ความดื้อดึงในความคิดของตังเองจะก่อให้เกิดความเสี่ยงหรือผลกระทบใหญ่หลวงมากขนาดไหน
?เรื่องดีไซน์รูปมังกร แม้ฉันจะเลือกใช้มันเพราะถูกข่มขู่ก็เถอะ แต่คิดไปคิดมาฉันว่าก็ดีเหมือนกันที่มีโอกาสได้ลองผลักดันดีไซน์แปลกใหม่ดูบ้าง ที่ผ่านมาฉันยึดมั่นกับแนวคิดอนุรักษนิยมมากเกินความจำเป็นไปหน่อย เพราะมัวแต่กดดันว่างานนี้จะล้มเหลวไม่ได้เป็นอันขาด?
ฟุจิวาระยกมือขวาขึ้น เสยผมหน้าซึ่งเรียบกริบของตัวเอง
?ฉันรู้ดีว่าหลายคนในบริษัทชื่นชอบทั้งดีไซน์รูปมังกรและเนื้อครีมนั่น แต่คนที่ตัดสินใจว่าจะซื้อสินค้าหรือไม่คือลูกค้าต่างหาก ลูกค้าเขาไม่ได้มาเห็นหรอกว่าพวกเรามุ่งมั่นและพยายามกับผลิตภัณฑ์นี้มากขนาดไหน ใช่ว่าเพราะเราพยายามอย่างหนักของจึงขายดี ด้วยเหตุนี้ไง ฉันถึงคิดหาวิธีทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้าเลือกหยิบสินค้าของเรา ซึ่งนั่นก็คือราคา การเลือกสินค้าชิ้นหนึ่งไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าราคาที่ถูกใจแล้ว ถึงนายจะบอกว่าการลดต้นทุนสามสิบเยนเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ แต่ฉันไม่ได้คิดตัวเลขสามสิบเยนนี้ขึ้นมาลอยๆ เพราะฉันคิดแล้วว่ามันเป็นไปได้ ถึงได้ส่งตัวเลขเป้าหมายลดต้นทุนไปให้แต่ละแผนก?
ไคทานิก้มหน้า เขากำมือแน่นจนเป็นรอยเล็บบนฝ่ามือ น่าอายชะมัด... อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อายขนาดที่ว่าถ้าเขาอยู่ตัวคนเดียวคงกระโดดตู้มลงแม่น้ำให้หายไปจากโลกนี้
เขาคิดเองเออเองเฉพาะในขอบเขตที่ตัวเองมองเห็น ตีตราว่าฟุจิวาระว่าเป็นคนไม่ดี แต่ความจริงฟุจิวาระไม่ใช่ทรราชที่ชอบเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล ไม่ใช่คนไร้ความคิด ไม่ใช่จอมละโมบที่คิดแต่หากำไรและลุ่มหลงในเงินตราด้วย
เท่าที่ฟังเมื่อสักครู่ ฟุจิวาระนึกถึงคนอื่นมากเลยทีเดียว แตกต่างจากตัวเขาที่ไม่คิดอะไร ใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปวันๆ แตกต่างกันมากจริงๆ
ไคทานิหวนนึกถึงหน้าร้อนสมัยมัธยมปลายปีสาม ตอนเขาพ่ายแพ้การแข่งขันเบสบอลระดับมัธยมปลายรอบคัดเลือกรอบแรก หลังการแข่งขังอันยาวนานสิ้นสุดลง ทีมเขาก็เป็นฝ่ายแพ้ เขายืนร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนโฮมเบสด้วยความเจ็บใจเมื่อได้ยินเสียงกรรมการประกาศจบเกม แต่เขากลับไม่อายเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาได้พยายามอย่างเต็มกำลัง ได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอายแม้เผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ก็ตาม
แต่ตอนนี้เขาอายมาก เพราะเขารู้ตัวดีว่ากำลังวิ่งหนีความวุ่นวาย เขารู้ตัวว่าไม่ได้ใส่ใจและไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
?อ๊ากกกกก?
ไคทานิตะโกนก้องโดยที่มือทั้งสองยังคงกำแน่น เขาขบฟันกรามกรอดก่อนเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นแนบแก้ม ป้าบๆ เสียงตบใบหน้าตัวเองดังสนั่น ฟู่ ไคทานิผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่พลางเบนสายตามุ่งมั่นไปทางฟุจิวาระ มองเห็นอีกฝ่ายถลึงตาโตมองกลับพร้อมขยับเท้าถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวอย่างหวาดหวั่น
?ผมไม่เคยรู้เลยว่าหัวหน้าแผนกรู้สึกอย่างไร ขอโทษที่พูดจาเอาแต่ใจครับ?
ไคทานิยอมรับผิดจากใจจริง
?จากนี้ไปผมควรทำอย่างไรดี กรุณาสอนผมด้วยครับ?
เขาก้มศีรษะ จดจ้องปลายรองเท้าหนังเงาวับของอีกฝ่าย ตั้งใจว่าจะไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจนกว่าจะได้รับคำตอบ
?ก่อนจะให้ใครมาสอน ลองศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองก่อนดีไหม?
คำพูดแสนเจ็บปวดทิ่มแทงอยู่เหนือศีรษะ
?...แต่ผมไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี?
?เธอไม่มีศักดิ์ศรีบ้างเลยเหรอ?
ฉึก ราวกับโดนเสียดแทงเข้าหน้าอก ทั้งเจ็บปวด น่าอาย ขายขี้หน้า อยากหนีออกไปจากที่นี่เสียให้พ้นๆ แต่ถ้าเขาหนีไปจริงๆ ก็เท่ากับว่าพ่ายแพ้ให้กับความทุเรศของตัวเอง หากถอนตัวจากการแข่งขันไปคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง
?ศักดิ์ศรีขี้ปะติ๋วของผมไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย ตอนนี้ผมไม่มีเวลาแล้วครับ ผมไม่อยากทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนเพราะผมอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นขอความกรุณาด้วยครับ?
...เกิดความเงียบขึ้นปกคลุมอยู่พักใหญ่ ในที่สุด ?เงยหน้าขึ้นเถอะ? ฟุจิวาระก็พึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำ

นับตั้งแต่วันรุ่งขึ้นเป็นต้นมา ชีวิตซึ่งอยู่ไปวันๆ ของไคทานิได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ฟุจิวาระไม่ได้ให้คำตอบเรื่องลดต้นทุนแก่เขาตรงๆ แต่ให้แค่แนวทางปฏิบัติอย่างคร่าวๆ ไคทานิหาเอกสารเก่ามาอ่านตามคำแนะนำที่ได้รับ เขาอ่านหนังสือเยอะมาก เรียกได้ว่าขนาดตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยยังไม่อ่านเยอะขนาดนี้เลย แต่ยิ่งอ่านมากเท่าไร ข้อสงสัยก็ยิ่งพอกพูนโยงใยมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น และเพื่อไขข้อสงสัยเหล่านี้ให้กระจ่าง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดหนังสือเพื่อค้นหาอีกครั้ง
ปกติหากเขาเจอเรื่องไม่เข้าใจ ก็แค่ยอมรับออกไปตรงๆ ว่า ?ไม่รู้? เป็นอันจบ แต่ตอนนี้เขาได้ก้าวเข้ามาในมหาสมุทรซึ่งเต็มไปด้วยความรู้แปลกใหม่... แน่นอนว่าเขาได้แต่ยืนอ้าปากหวออยู่ท่ามกลางท้องทะเลอันกว้างใหญ่แห่งนี้
เนื่องจากไคทานิต้องทำงานเวลากลางวัน เขาจึงสามารถเรียนรู้ได้เฉพาะช่วงหลังเลิกงานเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีเลยจริงๆ ไคทานิอ่านหนังสือบนรถไฟขณะเดินทาง ส่วนระหว่างพักเที่ยงก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มือข้างหนึ่งถือข้าวปั้น ในขณะที่มืออีกข้างพลิกหน้ากระดาษอ่านไปด้วย
?นี่ ไคทานิ ทำอะไรอยู่น่ะ?
?ทำอะไรน่ะเหรอครับ... กำลังค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตนิดหน่อย...?
ในออฟฟิศช่วงบ่าย โอซาดะยืนอยู่ข้างหลังไคทานิ สีหน้าของเธอเหมือนพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่แต่กลับไม่สามารถห้ามหัวไหล่ให้สั่นกระเพื่อมได้
?ใช้สองมือไม่สะดวกกว่าเหรอ??
เมื่อได้ยินดังนั้น ไคทานิจึงหันมามองมือซ้ายของตัวเอง เขาทานข้าวปั้นเป็นอาหารกลางวันไปด้วยค้นหาข้อมูลไปด้วย แต่เพราะจดจ่ออยู่กับการหาข้อมูลเกินไปจึงลืมกินและถือข้าวปั้นค้างเอาไว้เช่นนั้น เมื่อรู้ตัวไคทานิจึงรีบยัดข้าวปั้นที่เหลือเข้าปากทันที
?ช่วงนี้เธอพยายามได้ดีมาก?
?เรียกว่าชดใช้กรรมที่ที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรเลยมากกว่าครับ...?
ไคทานิยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกกราก
?พยายามเต็มที่ก็ดีอยู่หรอก แต่อย่าหักโหมเกินไปล่ะ?
ครับ แม้ปากจะตอบกลับไปเช่นนั้น แต่ในใจไคทานิกลับคิดว่าคงต้องหักโหมนิดหน่อยแหละ ไม่อย่างนั้นคงลดต้นทุนครั้งนี้ไม่สำเร็จอย่างแน่นอน อีกทั้งช่วงนี้เขาเริ่มเข้าใจอะไรต่างๆ มากขึ้นแล้วด้วย คำตอบเหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น อีกนิดเดียว... อีกนิดเดียว เมื่อคิดเช่นนี้ไฟในตัวก็ลุกโชน ซึ่งมาพร้อมกับความร้อนรนในใจ
ในที่สุดไคทานิก็เริ่มลงมือปฏิบัติการลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ซีรี่ส์ KASHA โดยอาศัยความรู้ใหม่ซึ่งอัดใส่เข้าไปจนแน่นสมอง บรรจุภัณฑ์ส่วนโลหะทั้งหมดจะถูกผลิตขึ้นในโรงงานประเทศจีน และเนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเคยติดต่อกับผู้ดูแลโรงงานในจีนอยู่แล้ว การต่อรองราคาจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่น วันถัดมาหลังเจรจาสำเร็จ ผู้ดูแลโรงงานในจีนส่งใบเสนอตัวเลขปรับลดต้นทุนมาให้เขา แต่ไคทานิก็ต้องอึ้งเมื่อพบว่ามันยังห่างไกลจากเป้าหมายที่วางเอาไว้อยู่มาก
ไคทานิค้นหาซัพพลายเออร์ผู้ผลิตวัตถุดิบกับสี และขอราคาต่ำสุดเท่าที่พวกเขาสามารถให้ได้ ตอนแรกฝ่ายผลิตทำท่าไม่พอใจหลังไคทานิร้องขอให้เปลี่ยนบริษัทซัพพลายเออร์ที่ติดต่อกันมานานหลายปี แต่เพราะไคทานิโทรศัพท์ไปตื๊อหลายครั้ง รวมถึงมุ่งมั่นต่อดีไซน์รูปมังกร ในที่สุดพวกเขาก็ยินยอมจัดการเปลี่ยนให้
ยิ่งวันประชุมใกล้เข้ามางานก็ยิ่งล้นมือ ไคทานิเริ่มเสียดายเวลาที่ต้องหายไปกับการเดินทางระหว่างบ้านและบริษัท เขาจึงตัดสินใจนอนค้างที่ออฟฟิศเสียเลย ความจริงบริษัทมีกฎห้ามพนักงานนอนค้าง แต่ในช่วงใกล้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่หรือช่วงสิ้นปีงบประมาณที่งานยุ่งมากๆ เป็นอันรู้กันว่าบริษัทอนุโลมให้นอนค้างได้ ไคทานินำถุงนอนมากางนอนในห้องเก็บเอกสาร ตื่นเช้ามาล้างหน้าในห้องน้ำ เขาไม่ได้อาบน้ำ แต่ก็เปลี่ยนกางเกงในเป็นตัวใหม่ทุกวัน
ไคทานินอนค้างหลายคืนจนสนิทสนมกับลุงยาม คุณลุงซื้อซุปมิโซะถ้วยมาให้เขาตอนเช้าตรู่ด้วย ช่วงแรกไคทานิพอจะได้นอนตอนกลางดึกอยู่บ้าง แต่ก่อนการประชุมสองวัน อย่าว่าแต่เวลานอนเลย ไม่มีเวลาลุกไปห้องน้ำด้วยซ้ำ แถมทางโรงงานในประเทศจีนยังไม่ส่งร่างงบประมาณชุดใหม่มาให้อีกต่างหาก หากไม่มีร่างนั่นก็ทำเอกสารการประชุมไม่ได้ ไคทานิจึงได้แต่พิมพ์เอกสารขึ้นมาคร่าวๆ ขณะรอทางโรงงานในจีนติดต่อกลับมา
กว่าผู้จัดการโรงงานในประเทศจีนจะติดต่อกลับมาก็หลังสองทุ่มของคืนก่อนการประชุม ไคทานิได้รับร่างงบประมาณซึ่งมีตัวเลขต่ำกว่าเป้าหมายต้นทุนที่ตั้งไว้เล็กน้อย เขาดีใจมากและรีบป้อนตัวเลขใส่เอกสารที่เตรียมไว้ก่อนหน้าด้วยอาการเริงร่าสุดขีด
บันทึกเอกสารเรียบร้อย ที่เหลือก็แค่ปริ๊นท์ออกมาชุดหนึ่งและถ่ายเอกสารเท่านั้น เสร็จแล้ว... ทันทีที่สมองรับรู้เช่นนั้น ราวกับว่าพลังงานทั้งหมดได้หลั่งไหลออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว ความง่วงเข้าโจมตีอย่างหนักหน่วง จะเปิดเครื่องถ่ายเอกสารตอนกลางดึกก็กระไรอยู่ เรื่องแค่นี้เอาไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้ เวลามีเหลือเฟือ เอาเป็นว่าค่อยปริ๊นท์เอกสารพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...ก็แล้วกัน... ไคทานิคิดขณะฟุบหน้าลงบนโต๊ะของตัวเองและเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งๆ อย่างนั้น
หลังเจ็ดโมงครึ่งตอนเช้า ลุงยามปลุกไคทานิให้ตื่นด้วยการเขย่าตัวระดับห้าตามมาตราริกเตอร์ เขาล้างหน้า ไปร้านสะดวกซื้อ ทานอาหารเสร็จตอนเกือบแปดโมง ก่อนฟุจิวาระจะมา... ไคทานินึกพลางรีบแปรงฟัน จัดแต่งทรงผมและกลับมานั่งประจำที่ในออฟฟิศตอนแปดโมงสิบนาที ซึ่งเวลานั้นฟุจิวาระมาถึงที่ทำงานและเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว
ไคทานิเดินไปที่โต๊ะและมองดูคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของตัวเอง ?เอ๊ะ?? ตัวเครื่องนิ่งสนิท จำได้ว่าเมื่อวานหลังทำเอกสารเสร็จเขาไม่ได้ปิดเครื่องสักหน่อย ทำไมกันนะ... ไคทานิคิดพลางกดปุ่มเปิดเครื่อง แต่กลับไม่มีเสียงหวืดๆ ตอบสนองกลับมาแต่อย่างใด
หัวใจของเขาร้อนรุ่มด้วยลางสังหรณ์แปลกๆ ไคทานิพยายามเปิดเครื่องอีกหลายต่อหลายครั้ง รุ่นน้องซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคงเห็นท่าทางผิดปกติจึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า ?เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?
?โน้ตบุ๊กเป็นอะไรไม่รู้ เปิดไม่ติดเลย?
?เอ๋ จริงเหรอคะ?
รุ่นน้องชะโงกหน้าดูคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ถ้าฮาร์ดดิสก์พังล่ะ... แค่จินตนาการ ไคทานิก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวแล้ว นั่นหมายความว่าทั้งหยาดเหงื่อและน้ำตาของหลายวันที่ผ่านมาเท่ากับสูญเปล่าไปทั้งหมด ไคทานิกดปุ่มเปิดเครื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าพลางคร่ำครวญ ?ขอร้องล่ะ ได้โปรด? ราวกับกำลังวิงวอนขอความเห็นใจจากอีกฝ่าย แต่เจ้าเครื่องจักรไร้หัวใจกลับนิ่งสนิทดังเดิม
?ก่อนหน้าเคยมีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งอาการประมาณนี้แหละ ปรากฏว่าฮาร์ดดิสก์พังต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่?
ไคทานิหันขวับ พบโอซาดะกำลังยืนอยู่ข้างหลัง
?เปลี่ยนเครื่องใหม่... แล้วข้อมูลข้างในล่ะครับ?
?ก็ใช้ไม่ได้น่ะสิ?
ภาพเบื้องหน้ามืดตึ๊ดตื๋อ ใช้ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลปลิวสลายไป หมายความว่าจะคว้ากลับมาก็ไม่ได้ หมายความว่าอันตรธานหายไปจากโลกนี้อย่างถาวร
ไคทานิอ้าปากหวอจ้องหน้าจอมอนิเตอร์สีดำสนิท ระหว่างนั้นเองก็ถึงเวลามีตติ้งช่วงเช้า วันนี้ผู้จัดการฝ่ายพล่ามยาวผิดปกติ แต่เนื้อหากลับไม่เข้าสมองของไคทานิเลย ในสมองเขาครุ่นคิดถึงแต่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่พังไปแล้ว ไม่สิ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจะเป็นอย่างไรก็ช่าง สิ่งสำคัญคือข้อมูลที่อยู่ข้างในต่างหาก เพราะนั่นคือต้นฉบับแผนลดต้นทุนที่เขาต้องใช้ในการประชุมช่วงบ่ายวันนี้




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไคทานิเข้าร่วมโครงการใหม่ของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจขนาดนี้ แต่ความเห็นของเขากลับถูกฟุจิวาระ หัวหน้าขี้เก๊กจอมบงการเตะทิ้งเสียดื้อๆ ไคทานิอับจนหนทางจึงวางแผนจับจุดอ่อนของฟุจิวาระเพื่อแบล็กเมล์ให้ยอมอนุมัติแผนงาน ทว่าด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจผิด สถานการณ์จึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ! ไคทานิกุมความลับน่าอับอายของฟุจิวาระเอาไว้ได้ แต่เขาก็ตกหลุมเสน่ห์แสนเย้ายวนของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง แล้วจากไปนี้ชะตากรรมของไคทานิจะเป็นเช่นไร...!?
นิยาย BL ที่ได้รับการโจษจันอย่างล้นหลาม! พบกับบทสรุปในเวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่ล่าสุด!! พร้อมเรื่องสั้น ?วันหนึ่งของหัวหน้าฟุจิวาระ? ซึ่งไม่เคยตีพิมพ์ที่ไหนมาก่อน


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”