ผู้รอดชีวิตที่ถูกไล่ฆ่า
ผ้าพันแผลสีขาวสะอาดปลิวตกลงมาบนโคลนสีดำ หญิงสาวคนหนึ่งคลานตุปัดตุเป๋อยู่ในป่าเขายามค่ำคืนอันมืดมิด แผลบนตัวปริออก เลือดสดๆ ก็ไหลซึมผ้าพันแผลออกมา เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัวขณะที่ฉีกผ้าพันแผลผืนสุดท้ายที่พันมือขวาเอาไว้ออก ถ้าไม่ทำแบบนี้ละก็ แม้แต่จะคลานไปเธอก็อาจจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
?สวรรค์...สวรรค์!? หญิงสาวร้องไห้ไม่เป็นภาษา ?อย่าเป็นแบบนี้สิ! ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย!?
น้ำตาทำให้สายตาของเธอพร่าเลือน ป่าในหุบเขามืดมิดเสียจนยื่นมือออกไปยังมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้าด้วยซ้ำ เธอรู้เพียงว่าตัวเองอยู่บนเชิงเขา ใต้เท้าคือก้อนหินกับดินโคลน รอบตัวมีแต่ต้นไม้สูง แต่เพราะไม่มีแสงใดๆ แม้แต่น้อยเธอจึงกะระยะต้นไม้ได้ไม่ชัดนัก และยิ่งมองไม่เห็น ?คนคนนั้น? อีกด้วย
มือซ้ายของเธอเข้าเฝือกเอาไว้ ทั้งตัวก็มีแต่ผ้าพันแผล เดิมทีนั้นแม้แต่เดินก็ยังเดินไม่ได้ ครึ่งชั่วโมงก่อนเธอยังเป็นผู้ป่วยที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลอยู่เลย
เธอก็แค่...ก็แค่อยากจะไปเดินเล่นเท่านั้น นอนอยู่แต่ในห้องพักฟื้นมันอุดอู้จะตายไป ก็สัญญากันไว้แล้วว่าจะเดินไปแค่สุดทางเดินเท่านั้น แต่เธอยังขยับไม่ค่อยถนัดเลยเดินเซ จึงมีแพทย์มาพยุงเอาไว้ ทว่าพอเงยหน้าขึ้น แพทย์ที่สวมเสื้อกาวน์นั้นกลับมีใบหน้าหล่อเหลาที่เธอคุ้นเคย เพราะเป็นใบหน้าที่ปรากฏในฝันร้ายของเธอทุกคืน!
ทำไม...ทำไมไอ้ฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าคนโดยไม่รู้สึกรู้สมอะไรนั่นถึงไม่ได้รับโทษในสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้สักที!
?ไม่คิดถึงผมเหรอ? เสียงนุ่มรื่นหูดังขึ้นในความมืด...อยู่ด้านหลังของเธอ
?กรี๊ด? เธอหันกลับไปด้วยความตกใจ แต่กลับมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ?อย่าเข้ามานะ! ออกไป! ไป!?
เธอหยิบก้อนหินที่คลำเจอบนพื้นขึ้นมา โบกแขนซ้ายไปข้างหน้าวุ่นวาย
?อย่าทำแบบนี้สิ ที่ผ่านมาเราสองคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจะตายไปไม่ใช่เหรอ? เสียงชายหนุ่มเจืออารมณ์ขำขันเล็กน้อย ?ผมก็แค่อยากรู้ว่าพรุ่งนี้ตอนคุณขึ้นศาลคุณจะพูดอะไรเท่านั้นเอง?
?ออกไปนะ!? เธอกรีดร้องอย่างเสียสติ ?ช่วยด้วย! ช่วยด้วยค่ะ!?
ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้นะ เธอลำบากแทบตายกว่าจะรอดชีวิตมาได้ ไอ้โรคจิตนี่ก็โดนจับไปแล้วแท้ๆ แล้วทำไมยังลอยนวลอยู่ข้างนอกอย่างสบายใจเฉิบได้อีก
เธอต้องเข้ารับการบำบัดจิตตั้งมากมายเท่าไร เผชิญกับการโจมตีจากทั้งสื่อและประชาชนทั่วไปตั้งแค่ไหน ไหนจะต้องซักซ้อมหลายต่อหลายครั้งเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ไปประกาศในศาลว่าตัวเองถูกทำร้ายอย่างไรบ้าง...ผู้ชายคนนั้นล่วงละเมิดเธออย่างไร ทำให้เธออับอายอย่างไร ถึงขั้นจะฆ่าปาดคอเธอด้วยซ้ำไป!
เธอเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวแท้ๆ ก็ควรจะได้เป็นพยานปากเอกในศาลสิถึงจะถูก!
เสียงฝีเท้าดังมาจากทิศหนึ่งนาฬิกา เงาร่างสูงใหญ่เลือนรางปรากฏขึ้นในความมืด ใกล้ขนาดนี้...ถึงขนาดที่เธอมองเห็นเงานั้นสั่นไหวได้อย่างชัดเจน ความกลัวปกคลุมไปทั้งร่างจนเธอไม่อาจขยับเขยื้อน
วาบ...แสงจากไฟฉายสว่างขึ้น ตอนแรกเธอแสบตาจนต้องขมวดคิ้ว แต่ก็ค่อยๆ มองเห็นใบหน้าอันน่าสยดสยองนั้นชัดขึ้น
ไม่ว่าจะมองเมื่อไรก็มักจะรู้สึกว่าใบหน้านั้นดูหล่อเหลาราวกับดาราดัง ความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรกับรูปร่างดีๆ นั้นเมื่อรวมเข้ากับใบหน้าที่ทำให้คนหลงใหลก็ยิ่งทำให้เหยื่อเข้ามาติดกับได้อย่างง่ายดาย
?ผมคิดถึงคุณมากเลยนะ? เขายกมุมปากขึ้นยิ้ม มองเธอทั้งตัว ?คราวที่แล้วที่เจอกัน จำได้ว่าคุณไม่ได้ใส่เสื้อผ้ามากชิ้นขนาดนี้นี่?
?หุบปากๆๆ!? เธอกรีดร้องพลางเขวี้ยงก้อนหินในมือออกไป แต่ไม่ตรงเป้าแม้แต่น้อย ซ้ำยังทำให้เธอเสียหลักล้มลงไปอีก! ?อ๊า!?
ขาที่หักเข้าไปติดระหว่างหินก้อนใหญ่ ตัวของเธอล้มลงบนดินโคลนที่มีก้อนหินน้อยใหญ่เต็มไปหมด แขนขวาที่เต็มไปด้วยรอยแผลจากมีดรับน้ำหนักตัวไม่ไหว หญิงสาวเจ็บปวดจนต้องกัดฟัน ได้แต่ทรุดลงกับพื้น
บาดแผลทั้งหมดบนตัวของเธอล้วนแต่เกิดจากผู้ชายคนนี้ทั้งสิ้น
ชายหนุ่มก้าวยาวๆ มาข้างหน้า หญิงสาวตกใจกลัวจนกรีดร้องเสียสติไม่หยุด เพียงพริบตาเธอก็ตกอยู่ในมือของเขา เขาจับแขนขวาที่เลือดไหลไม่หยุดของเธอขึ้นมาและจับหมับลงตรงแผล จากนั้นก็ดึงขึ้นไปเหนือศีรษะของเธอ
?อ๊า...? ร่างของเธอถูกลากไปบนพื้นที่เต็มไปด้วยหินกับโคลน บาดแผลก็ถูกทั้งหินทั้งโคลนครูดไถลไปด้วย ทำเอาเจ็บปวดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่
แต่ชายคนนั้นเพียงแค่ผิวปากสบายๆ ไม่สนใจความเจ็บปวดของเธอแม้แต่น้อย จนกระทั่งมาถึงพื้นที่ค่อนข้างโล่งว่างแห่งหนึ่งจึงโยนเธอลงไปบนแผ่นหิน
?ฮือ...ฮือ...? เธอเจ็บปวดจนยากจะขยับเขยื้อน ได้แต่นอนขดตัวสั่นไม่หยุด
?ผมคนนี้ไม่ชอบทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ เสียด้วยสิ? ชายหนุ่มโยนเป้บนหลังลงพื้น ของในเป้ส่งเสียงเหมือนโลหะกระทบกันฟังแล้วขนลุก
หญิงสาวเบิกตาโพลง ไม่กล้าจินตนาการว่าในเป้นั่นมีอะไรอยู่บ้าง
ชายหนุ่มเปิดไฟฉายในมืออีกครั้งเพื่อส่องไปยังใบหน้าของหญิงสาว เธอเบี่ยงหน้าหลบเพราะแสงจ้าบาดตา จู่ๆ ชายหนุ่มก็เดินมานั่งคร่อมบนตัวของเธอ ลงมือฉีกทึ้งชุดผู้ป่วยของเธอโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
?ไม่ๆๆๆๆ ไม่นะ!? เธอพยายามปัดป้องแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง ความหวาดกลัวเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ความทรงจำทั้งหลายย้อนคืนมาอีกครั้ง
?เล่นเป็นเพื่อนผมหน่อยเถอะน่า! วันนั้นคุณก็มีความสุขไม่ใช่เหรอ? ชายคนนั้นฉีกชุดผู้ป่วยของเธอออกไปจนหมด เมื่อมองเห็นร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวที่ตนนั่งคร่อมอยู่ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
เพียงแต่ว่า...ดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้มไปด้วย
?ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!? หญิงสาวกรีดร้องอีกครั้ง สองแขนไขว้กันไว้ด้านหน้าเพื่อปกปิดร่างกายตัวเอง เธออยากจะรีบหนีไป แต่ก็เห็นว่าผู้ชายคนนั้นลากกระเป๋าเป้ของตัวเองมาเสียก่อน จากนั้นก็เทของบางอย่างออกมา...มันคือมีดหลากหลายแบบจำนวนนับไม่ถ้วน
อันดับแรก เขาหยิบเหล็กแหลมสำหรับเจาะแล้วก็คว้าข้อมือข้างซ้ายของเธอมา พยายามใช้เหล็กนั้นดึงเฝือกที่แขนซ้ายของเธอออก
?คราวที่แล้วเราเล่นกันถึงไหนแล้วนะ? เขายิ้มอย่างเบิกบาน
?ไม่...อ๊าก...อ๊า...?
บทที่ 1
หญิงสาวผู้เสพจิตชั่วร้าย
ต้นฤดูหนาวปีนี้หนาวกว่าทุกปี หญิงสาวเอาผ้าห่มพันตัวแล้วนั่งขัดสมาธิบนโซฟาอย่างแสนสบาย มือหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ อีกมือยื่นเข้าไปในถุงมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบที่วางอยู่ใกล้เท้า โทรทัศน์ที่สว่างวาบอยู่เบื้องหน้ากำลังถ่ายทอดรายการข่าว แต่สองตาของเธอกลับมองแต่โทรศัพท์มือถือ
ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องหนังสือก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบบางอย่าง เสียงโทรทัศน์ก็ดังพอควรอยู่หรอก แต่เสียงถุงขนมกรอบแกรบกลับดังเข้าหูอย่างชัดเจนไม่แพ้กันเลย ปัญหาก็คือถ้ามองจากตรงนี้ ยัยคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้าเยื้องไปทางขวาเล็กน้อยนี่ไม่ได้กำลังดูโทรทัศน์อยู่เลยสักนิด
?นี่ ทีวีก็ไม่ได้ดูแล้วจะเปิดเสียงดังขนาดนี้ไปทำไม? เขาเดินมาอย่างไม่ค่อยพอใจ พยายามมองหารีโมทคอนโทรล แต่พอมองไปที่โต๊ะเตี้ยกลับเห็นแต่หนังสือ นิตยสาร แถมด้วยถุงขนมกองสุมเต็มโต๊ะเต็มโซฟาไปหมด ไม่รู้ว่าเอารีโมทคอนโทรลไปวางไว้ที่ไหนแล้ว!
?ฉันก็ดูอยู่น่า!? หญิงสาวเงยขึ้นตวัดสายตามองเขา ?ฉันฟังเอาหรอก แค่เมื่อกี้แวบมาดูหนังสือหน่อยเดียวเอง...เอ นายช่วยฉันดูหน่อยสิว่ารูปไหนโอเคกว่ากัน?
เธอยกมือถือในมือขึ้นไปหาชายหนุ่ม เขาดูรูปในนั้น ด้านบนเป็นรูปจักรราศีกับรูปเรือ ดูน่ารักไม่น้อยทีเดียว
?รูปซ้าย? เขาชี้ทางซ้าย ?ใส่รูปยังไงน่ะ?
?ฮิๆ...? เธอยิ้มภูมิใจ ชี้ไปยังแล็ปท็อปที่วางอยู่มุมโต๊ะ ?เห็นมะ! สะดวกจะตาย!?
ชายหนุ่มคุกเข่าลง พินิจพิจารณามือมันแผล็บที่ใช้บังคับเมาส์สร้างเป็นภาพการ์ตูนซึ่งเขาเห็นอยู่ขณะนี้ แถมยังได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังหนวกหู หนวกหูจนเขาทนไม่ไหวต้องขมวดคิ้วมุ่น
?แล้วรีโมทล่ะ แล้วก็...เธอจำเป็นต้องกินถึงขนาดนี้เลยหรือไง โซฟามีแต่มันฝรั่งทอดเต็มไปหมดแล้ว แล้วยังมีแครกเกอร์ครึ่งกล่องบนโต๊ะนี่อีก ป๊อปคอร์นก็ยังเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง...?
?เอาน่าๆ ยังไงฉันก็กินหมดอยู่ดีแหละ รับรองว่าสะอาดเอี่ยมเกลี้ยงเกลาด้วยเอ้า? เธอทำปากยื่น เริ่มคุ้ยข้าวของบนโซฟา ?ก่อนจะย้ายเข้ามาก็เคยพูดแล้วไงว่าฉันกินเก่งน่ะ!?
?แต่ไม่เคยบอกนี่ว่าจะมานั่งกินบนโซฟา? เขาบ่นเสียงเย็น มองเธอหยิบถุงมันฝรั่งทอดโยนส่งๆ ไปมุมหนึ่ง เกิดเสียงดังซ่า มันฝรั่งทอดข้างในหกออกมา ?นี่?
ปกติโซฟาของเขาก็สภาพดูไม่ได้อยู่แล้ว ยัยเด็กนี่พูดอะไรมักง่ายชะมัด รู้หรือเปล่าว่ามันฝรั่งทอดมันเล็กละเอียดแค่ไหน นี่มันโซฟาสำหรับนั่งสามคน แล้วบนโซฟาก็มีร่องเยอะแยะ อย่างน้อยจะทำความสะอาดมันให้สะอาดเอี่ยมได้หรือเปล่าเถอะ!
พอหาด้านซ้ายเสร็จก็มาหาด้านขวา ของอะไรเกะกะก็โยนลงพื้นท่าเดียว ชายหนุ่มกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ เตือนตัวเองว่าอย่าได้หาเรื่องใส่ตัวด้วยการไปช่วยเธอเก็บขยะกองนี้เด็ดขาด!
?อา! หาเจอแล้ว!? เธอตะโกนอย่างดีใจออกมาแล้วก็หยิบรีโมทคอนโทรลออกมาจากร่องโซฟา ?นี่ไง!?
มือมันแผล็บของเหลียงรั่วซียังเปื้อนมันฝรั่งทอดอยู่ด้วยซ้ำตอนที่กำรีโมทคอนโทรลสะอาดเอี่ยมซึ่งเขาหามาตลอดนั่นเอาไว้ วินาทีนี้เหมือนรีโมทคอนโทรลมันจะร้องไห้คร่ำครวญเบาๆ ออกมาจริงๆ
?นิ้วเธอ...? เขาส่ายหน้า ?รบกวนลดเสียงทีวีหน่อยแล้วกัน?
?อ่า...? เธอมองนิ้วมือตัวเองแล้วก็หัวเราะแห้งๆ ?ฉันรับรองนะว่าเดี๋ยวจะเช็ดให้สะอาดเลย! ฉันเป็นคนรับผิดชอบงานปัดกวาดเช็ดถูในบ้านอย่างที่บอกไง?
?อย่าบังคับให้ฉันต้องห้ามเธอกินอะไรบนโซฟานะ? เขาเอ่ยเสียงเย็น มองห้องนั่งเล่นที่ควรจะเป็นระเบียบเรียบร้อยไร้ที่ติแต่ตอนนี้กลับไม่ต่างอะไรกับกองขยะเลยสักนิด
?นี่ ทำงั้นได้ไงเล่า!? เธอรีบประท้วงทันที ?นายพูดไปแล้วนะว่าห้ามกินอะไรในห้องนอน แล้วแบบนี้ฉันจะไปกินที่ไหนได้เล่า!?
ชายหนุ่มหมุนไปทางซ้ายเจ็ดสิบองศา ชี้ไปทางมุมมืดด้านหลังทางซ้าย ?เธอรู้ไหมว่าโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าห้องกินข้าวอยู่น่ะ?
?ไม่เอา!? เหลียงรั่วซีค้านเสียงแข็ง ?นั่งในห้องกินข้าวมันไม่สบาย แถมดูทีวีไม่ได้ด้วย?
?มีมือถือเธอก็อยู่ได้แล้วไม่ใช่หรือไง? เขาเลิกคิ้ว ?ทีวีก็เอาไว้ให้ฉันดูสิ โอเค้?? ว่าพลางก็เบือนสายตาไปทางโทรทัศน์
?นี่ๆ สิทธิ์การใช้ทีวีช่วงสองถึงสี่ทุ่มเป็นของฉันย่ะ! จะทำอะไรฮึ!? เธอแว้ดแหว
เขาไม่พูดอะไร แต่ยื่นมือขวาออกมาจุ๊ปากให้เงียบแล้วดูข่าวในโทรทัศน์อย่างตั้งใจ
เหลียงรั่วซีกลอกตา มองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างตัวพลางงึมงำในใจ อย่างไรเสียห้องนี้ก็เป็นของเขา จะให้เจ้าของห้องยืนดูโทรทัศน์ก็ออกจะไร้มารยาทไปสักหน่อย เธอเม้มปาก รีบยื่นมือไปทำความสะอาดโซฟาเหลี่ยมที่อยู่ใกล้ตัวชายหนุ่ม...ที่บอกว่าทำความสะอาดคือแค่เอาขนมกับของจิปาถะบนนั้นย้ายมากองไว้ข้างตัวเองเท่านั้นแหละ
?อะ นั่งดิ? เธอหรี่ตา ยิ้มสดใส
ชายหนุ่มหันกลับมาเสลงมองด้านล่าง โซฟาตัวนั้นยังมีเศษแครกเกอร์ มันฝรั่งทอด แล้วก็...ไอ้จุดดำๆ นั่นคงเป็นช็อกโกแลตกับถั่วใช่ไหม ใครจะไปนั่งที่แบบนี้ได้เล่า ตาของเจ้าหล่อนออกจะโตขนาดนั้นมองไม่เห็นเลยหรือไง
?กางเกงฉันสะอาด? เขาเอ่ยอย่างเย็นชา
เหลียงรั่วซีขมวดคิ้ว ก่นด่าในใจเป็นชุด แค่เศษเล็กเศษน้อยปัดออกก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ทำมาเป็นไม่พอใจไม่ยอมนั่ง เฮอะ
ข่าวในโทรทัศน์ฉายภาพคนกลุ่มใหญ่กำลังเศร้าโศกเสียใจ พวกเขาอยู่ในงานศพ เธอชักจะสงสัยว่ามันเป็นข่าวการตายของคนดังคนไหนหรือถึงได้กินเวลาออกอากาศนานขนาดนี้ พอดูซับไตเติลที่ขึ้นอยู่ข้างๆ ความทรงจำก็ยังเลือนรางอยู่
?งานศพของผู้พิพากษาอู๋หั่วเย่าจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ทางครอบครัวยังคงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ทุกอย่าง ยืนยันเพียงว่ารู้สึกผิดหวังกับความไร้น้ำยาของตำรวจเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้กินเวลาหลายเดือนแล้วแต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวฆาตกรได้ คดีอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องด้วยฝีมือฆาตกรคนเดียวกันก็ยังไม่ได้รับการคลี่คลายแต่อย่างใด? ภาพจากนอกสถานที่จบลงและตัดกลับมาในห้องส่ง ?คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เป็นที่สะเทือนขวัญเมื่อสามเดือนก่อนนั้น ผู้เสียชีวิตประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวนหนึ่งราย ทนายความสองราย ทั้งยังมีนักข่าวของสถานีเราและสถานีอื่น รวมไปถึงผู้พิพากษาอู๋ซึ่งจัดงานศพขึ้นในวันนี้ รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตต่อเนื่องหกรายภายในระยะเวลาเพียงสามวัน ลักษณะการตายเหมือนกันทั้งหมด แต่จนบัดนี้ตำรวจยังไม่พบแม้แต่อาวุธที่ใช้ในการฆาตกรรม ครอบครัวของผู้พิพากษาอู๋หั่วเย่าต้องทนรับความโศกเศร้ามานานจนครบร้อยวันจึงจัดงานศพขึ้น หวังว่าตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายและทำให้ผู้เสียชีวิตได้นอนตายตาหลับเสียที?
?อา...นึกออกแล้ว นี่มันข่าวที่เห็นก่อนหน้านี้นี่? เหลียงรั่วซีกะพริบตา ชี้ไปที่โทรทัศน์พลางว่า ?ตกลงป่านนี้ยังจับตัวฆาตกรไม่ได้อีกเหรอ นานจนลืมคดีนี้ไปแล้วเนี่ย?
?คนเราก็ลืมง่ายอย่างนี้ล่ะ? โคลบี้พูดเสียงเรียบ ?อย่าว่าแต่เป็นเรื่องเมื่อสามเดือนที่แล้วเลย ครอบครัวของผู้พิพากษาก็ยืนยันว่าต้องปิดคดีให้ได้พวกเขาถึงจะจัดงานศพ แต่ลากยาวมาจนถึงร้อยวันกลับยังไม่คืบหน้า สุดท้ายก็ยอมจัดงานศพจนได้ จะว่าไปปกติแล้วเราก็จำข่าวต่างๆ กันได้ประมาณแค่อาทิตย์เดียวแหละมั้ง?
?ก็น่าจะประมาณนั้น? เธอยักไหล่ ?แต่จะโทษพวกเราก็ไม่ได้ ข่าวสมัยนี้น่าปวดหัวจะตายไป เมื่อก่อนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องแบบนี้รายงานต่อเนื่องยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย รายงานไปเต็มๆ สักสัปดาห์คนก็เอียนจะแย่แล้ว จากนั้นก็เอาอีกข่าวหนึ่งมากลบซะ ทุกคนก็จะรู้สึกเหมือนได้ฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่ อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องเห็นอะไรเดิมๆ แล้ว?
?ฉันจำได้ว่าเหยื่อหลายคนตายด้วยสาเหตุเดียวกันหมด แล้วทุกคนก็น่าจะเกี่ยวข้องกันด้วยนี่ใช่ไหม? ว่ากันตามจริงแม้แต่เขาก็ยังจำไม่ค่อยจะได้แล้ว ?ฆาตกรกล้ามาก อย่างกับว่ากลัวตำรวจไม่รู้อย่างนั้นแหละว่าตัวเองเป็นผู้ร้าย...?
?ก็นั่นน่ะสิ เหมือนว่าตำรวจจะจัดการคดีโรคจิตสุดหล่อฆ่าปาดคอคนไปแล้ว? เหลียงรั่วซีพูดพลางหยิบถุงมันฝรั่งทอดกลับมาแล้วเอาใส่ปากคำโต ?ก็เลยมีคนคิดไปว่าฆาตกรคือคนใกล้ชิดของครอบครัวผู้เสียหาย?
โคลบี้ทนไม่ไหวต้องขมวดคิ้วมุ่น ทำไมกินอีกแล้วล่ะ เขาหันกลับไปมองเธอ ?คดีโรคจิตสุดหล่อฆ่าปาดคออะไรกัน?
?เอ๋ นายไม่รู้เหรอ? เหลียงรั่วซีพูดทั้งที่ขนมยังเต็มปาก ?ก็สวี่เหวยเสียงไง ที่ชอบลากเหยื่อไปในที่ลับตาคนแล้วฆ่าปาดคออย่. จากนั้นก็หั่นศพน่ะ เห็นว่าอย่างน้อยก็ฆ่าไปประมาณสิบแปดคนเลยนะ!?
สวี่เหวยเสียง...ดูท่าจะเป็นชื่อที่เหลือทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์ผู้ต้องหาทีเดียว นี่เขาลืมไปได้ยังไงกันนะ
ตั้งแต่ถูกจับจนกระทั่งถูกตัดสินประหารชีวิต คนคนนั้นยืดอกเชิดหน้าเสมอ เขาใช้รอยยิ้มที่ผู้คนหลงใหลเผชิญกับกล้องของสื่อและประชาชน ใบหน้าอันหล่อเหลานั้น...รวมกับอารมณ์ขันอีกเล็กน้อย ทำให้เจ้าหมอนั่นหาเหยื่อได้อย่างง่ายดาย เขาจึงมักจะพูดว่าผู้เสียหายเป็นผู้เลือกเขา เขาไม่เคยเลือกผู้เสียหายเหล่านั้นเลย
ไม่ว่าหญิงหรือชายเขาก็จะใช้กำลังทำร้าย ข่มขืนกระทำชำเรา ทำให้ผู้เสียหายอยู่ในสภาวะหวาดกลัวจนถึงขีดสุดและเจ็บปวดทรมานจนเสียชีวิต จากนั้นจึงค่อยทำการหั่นแยกชิ้นส่วนศพ กระบวนการทุกอย่างไม่มีการยืมมือคนอื่นแต่อย่างใดเพราะต้องการดื่มด่ำกับความพึงพอใจจากการทำสิ่งเหล่านั้น เจ้าหน้าที่สืบสวนเคยกล่าวเอาไว้ ว่าคดีนี้เป็นคดีที่เกิดจากความผิดปกติทางจิตอย่างแน่นอน เพราะขณะที่ฆาตกรกำลังแยกชิ้นส่วนศพผู้เคราะห์ร้ายนั้น ดวงตาจะเป็นประกายวาววาบด้วยความตื่นเต้นยินดีเสมอ
จำนวนชิ้นส่วนของศพผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกหั่นออกมานั้นแต่ละศพจะไม่เท่ากัน จำได้ว่าเพียงแค่ตำรวจรวบรวมชิ้นส่วนศพให้ครบก็แทบจะต้องพลิกภูเขาทั้งลูกแล้ว สถานที่ฝังศพแต่ละครั้งของเขานั้นส่วนมากจะเป็นตามป่าเขาในชนบท ยากจะป้องกันไม่ให้สัตว์ป่ามาขุดซากศพไปกิน
กระทั่งก่อนถูกตัดสินประหารชีวิตก็ยังมีศพที่หาชิ้นส่วนไม่พบแม้แต่ชิ้นเดียว กลายเป็นความลับที่จะฝังไปพร้อมกับร่างของฆาตกรตลอดกาล
?ฉันก็ต้องรู้จักคนคนนี้อยู่แล้วล่ะ แต่เติมคำว่าสุดหล่อไปด้วยนี่มันยังไงกันแน่? เขาส่ายศีรษะอย่างไม่สบอารมณ์ ?คนพวกนี้มันเป็นไอ้พวกโรคจิตที่ทำให้คนอื่นขนหัวลุก ไม่จำเป็นต้องเติมคำวิเศษณ์ที่ดูดีขนาดนั้นหรอก?
?แต่ว่าเขาหล่อจริงๆ นี่นา? เหลียงรั่วซีทำหน้าตาใสซื่อ ?มันเป็นความจริง ก็หล่อจนคนตั้งมากมายตั้งเป็นกลุ่มแฟนคลับสนับสนุนเขาเลยนะเอ้า!?
?นั่นมันไม่โอเคแล้วนะ? โคลบี้หน้าเครียดขึ้นมาทันที ?ถ้ามีสภาพจิตใจชนิดที่มาตั้งกลุ่มแฟนคลับเพื่อฆาตกรโรคจิตคนหนึ่งเนี่ยก็ยังพอปรับทัศนคติกันได้ แต่ไปสนับสนุนเขาด้วยนี่มันไม่แปลกเหรอ แค่เพราะเขาหล่อ จะทำอะไรไม่ถูกทำนองคลองธรรมหรือไร้เหตุผลแค่ไหนก็ได้หรือไง?
?ถ้าหากคนพวกนั้นคิดได้ถึงขนาดนี้ละก็คงไม่เข้าร่วมกลุ่มแฟนคลับแล้วล่ะ!? เหลียงรั่วซีผายมือ ?นี่แหละความเป็นจริง คนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด นายน่าจะเคยได้ยินนะ? เธอพูดพลางยิ้มกว้างเงยขึ้นมองเขา ?โคลบี้ก็เป็นสุดหล่อคนหนึ่งนา เป็นชายหนุ่มรูปร่างดีมีสไตล์โดดเด่นเฉพาะตัว แถมยังดูดีมีคลาสอีกต่างหาก?
เอ...ทั้งที่หล่อขนาดนี้ แต่น่าเสียดายที่หน้าตาหล่อๆ นั่นเย็นชาอย่างกับแช่เอาไว้ในช่องฟรีซ ถ้ายิ้มให้สักหน่อยคงจะขาดใจตายแน่ จะพูดจะทำอะไรก็เรียบนิ่งเฉยเมยไปเสียหมด แต่...ก็หล่อแหละ
เขาน่ะเหรอ โคลบี้เบือนหน้าหนีช้าๆ รูปลักษณ์มันก็แค่เปลือกนอก ไม่มีอะไรน่าพูดถึงหรอก
เขาดูข่าวในโทรทัศน์ เรื่องมันก็ผ่านมาสามเดือนแล้ว แต่สุดท้ายคดีก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีผู้เคราะห์ร้ายรายใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกเหมือนกัน
ทั้งผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่สืบสวน หรือแม้แต่นักข่าวที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ล้วนแล้วแต่ต้องเสียชีวิตอย่างน่าอนาถภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ลักษณะการตายเหมือนกับผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกสวี่เหวยเสียงฆ่าไม่มีผิดเพี้ยน คือเหลือทิ้งไว้เพียงเลือดกองใหญ่ แล้วหลังจากนั้นภายในหนึ่งสัปดาห์จะพบชิ้นส่วนศพ สาเหตุการตายมาจากการฆ่าปาดคอแล้วจึงหั่นศพออกเป็นชิ้นๆ
เขายังจำได้ว่าตอนนั้นหลายๆ คนบอกว่านี่เป็นคดีเลียนแบบคดีของสวี่เหวยเสียง การฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นก็เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้ไอดอลของตัวเองอีกครั้ง
แต่หลังจากคนหกคนตายไปจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีคดีใหม่เกิดขึ้น หากเป็นคดีฆาตกรรมเลียนแบบจริง ส่วนใหญ่แล้วสภาพจิตใจที่ผิดปกติของคนที่ก่อคดีจะถูก ?กระตุ้น? เช่นเมื่อเห็นเลือดก็จะยิ่งรู้สึกตื่นเต้นยินดี แต่ทำไมสองสามเดือนมานี้ถึงเงียบหายไร้ข่าวคราวไปเลยแบบนี้ล่ะ
?อ๊า มีทริปถูกขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย!? จู่ๆ คนบนโซฟาก็ร้องขึ้นมา ?ยังมีที่ว่าง! วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์นี้ สามวันสองคืน...ฉันอยากไป!?
?ไม่ได้? โคลบี้ไม่ได้หันกลับมามองด้วยซ้ำ ถ้าไม่จำเป็นเขาก็อยากจะอยู่บ้านเฉยๆ
?ขอร้องล่ะ ฉันอยากออกไปเที่ยวเล่นบ้างนี่นา เที่ยวอยู่ในประเทศปลอดภัยออก ก็แค่ไปปีนเขา เที่ยวชมโบราณสถาน เดินเล่นดูโน่นนี่แค่นั้นเอง? เหลียงรั่วซีเสียงอ่อน ?นายก็ไปอยู่ข้างๆ ฉันไง ฉันจะเป็นเด็กดีตามคนอื่นไปเที่ยวอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวเลย!?
?ใครจัด? ตาของโคลบี้ยังจ้องเขม็งอยู่ที่จอโทรทัศน์
?เอ...เดี๋ยวดูก่อนนะ? พอฟังคำถามแล้วเหลียงรั่วซีก็รีบสไลด์หน้าจอโทรศัพท์มือถือ ?เพื่อนแชร์มาอะ เป็นชมรมที่ชื่อชมรมวัดโบราณหมิงซาน ไปแถวๆ สำนักศึกษาวิชาไท่กู่ เขารวบรวมคนที่ต้องการไปเที่ยวเพื่อจะไปด้วยกันน่ะแหละ เช่ารถบัสเล็กคันหนึ่ง แล้วตอนนี้ก็มีที่ว่างสองที่พอดีเลย!?
เห็นเขาไม่พูดอะไร เหลียงรั่วซีก็ชักจะร้อนใจ ?สามวันสองคืนแค่สองพันห้าเองนะ! ขอร้องล่ะ...ก่อนจะเข้ามาอยู่ที่นี่ฉันก็เคยเขียนเรื่องความชอบส่วนตัวเอาไว้แล้วไง ฉันชอบพวกสถานที่ที่มีกลิ่นอายโบราณแบบนั้นมากๆ เลยน้า?
?สถานที่ที่ไม่สะอาด?
?เอ๋? เธอขมวดคิ้ว เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ
?ฉันว่า? ในที่สุดโคลบี้ก็หันกลับมาหาเธอเพื่อยื่นมือขอโทรศัพท์ แต่วินาทีต่อมาเธอก็ชักจะเสียใจแล้วที่ทำอย่างนั้น ?เธอส่งลิงค์มาทางไลน์แล้วกัน ฉันไม่อยากแตะต้องมือถือที่มีแต่น้ำมันจากมันฝรั่งทอดจนเยิ้มไปหมดนั่น?
?ชิ นายเป็นโรครักความสะอาดหรือไง? เหลียงรั่วซีบ่นพึม เอามือถือมาเช็ดกับเสื้อตัวเอง ?เดี๋ยวส่งให้แล้วกัน ฉันจำได้หรอกว่าสองอาทิตย์นี้นายไม่มีธุระอะไร ไปเป็นเพื่อนฉันทีเถอะ?
?ถ้าไม่มีธุระอะไรฉันก็ไม่ชอบออกไปข้างนอก? เขาเองก็พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเหมือนกัน ?ก่อนเธอจะย้ายเข้ามาฉันก็เคยบอกแล้ว?
?แหม ก็นายเป็นผู้ปกครองของฉันนะ ถ้านายไม่ไปฉันก็ไปไม่ได้สิ!? เธอโวยวายขึ้นมาอย่างพาลๆ ?ฉันก็ไม่ได้เลือกนายมาเป็นผู้ปกครองสักหน่อย แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบการปกครองของนายนักหรอกนะ เรื่องทั้งหมดนี่ฉันเลือกเองได้ซะที่ไหน ให้ความร่วมมือกันหน่อยไม่ได้หรือไงเล่า?
โคลบี้มองเธอด้วยดวงตาสีเข้มลึกล้ำคู่นั้น ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์ ?ไม่ได้?
เขาหันกายจากไปเพื่อเดินเข้าห้องตัวเองตั้งแต่ยังพูดไม่จบเสียด้วยซ้ำ ห้องของโคลบี้อยู่ที่มุมขวาด้านหลังของโซฟา เหลียงรั่วซีกระโดดขึ้นนั่งคุกเข่าบนโซฟา มองเขาเดินผ่านหน้าตนไปเต็มตา
?นี่...ไอ้...เคาเอ่อร์ปี่!? เธอเรียกชื่อเขาด้วยสำเนียงจีนจ๋า แถมยังเกือบจะด่าไปแล้วด้วย
?อย่าลืมทำความสะอาดห้องรับแขกให้เรียบร้อยด้วย? โคลบี้ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เขาปิดประตูไปแบบนิ่งๆ โดยไม่สนใจสักนิดเดียว
เฮอะ! เหลียงรั่วซีทรุดตัวกลับมานั่งแหมะบนโซฟาด้วยความไม่พอใจ ก็เธออยากไปนี่นา! นานๆ กรุ๊ปทัวร์อะไรแบบนี้จะประกาศว่ามีที่ว่างเหลืออยู่ เรื่องที่คนอื่นเขาสนใจจนเห็นแล้วตะครุบแทบไม่ทันแบบนี้ทำไมยังไม่ยอมไปอีก ขนาดเรื่องรถที่ใช้เดินทางก็รวมไปกับทริปเรียบร้อยแล้วด้วย จะออกเดินทางเมื่อไรก็ได้เลยนะ!
ตั้งแต่คุณย่าทวดของเธอทิ้งเธอไว้ให้โคลบี้ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว เธอแทบจะต้องแกร่วอยู่แต่ในบ้าน นั่งเล่นอินเตอร์เน็ตหาหนังดูตลอด ถ้าไปเดินเที่ยวเล่นใกล้ๆ นี่ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าต้องออกทริปหรือไปที่ที่ค่อนข้างไกลหน่อยเมื่อไรละก็ จะต้องผ่านการอนุมัติของเจ้าของตึก เจ้าของบ้าน และผู้ปกครองคนนี้ทั้งสิ้น
ผู้ปกครองอะไรกัน...เหลียงรั่วซีเอนตัวลงบนโซฟาที่เต็มไปด้วยข้าวของสารพัดอย่างเบื่อหน่าย เธอก็ไม่อยากจะใช้ชีวิตลำบากแบบนี้หรอก แต่ถ้าโคลบี้ไม่อนุญาตหรือไม่ได้ไปด้วย เธอก็ทำอะไรเองโดยพลการไม่ได้...
คุณย่าทวดต้องใช้พลังมากมายแค่ไหนกว่าจะปกป้องเธอมาได้ เธอจะมาทำตามใจตัวเองไม่ได้หรอก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฆาตกรโรคจิตรูปหล่อ...
ใครกันจะเชื่อว่าผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้จะฆ่าหั่นศพคนมาแล้วสิบกว่าศพ จึงมีกลุ่มคนตั้งตัวเป็นแฟนคลับเพื่อปกป้องเขา แต่ฆาตกรหนุ่มคนนั้นกลับสารภาพออกจากปากเองว่าเป็นคนลงมือ หลังจากหั่นศพเหยื่อรายสุดท้ายไปแล้วสิบหกท่อน เมื่อความจริงเปิดเผย แทนที่แฟนคลับจะกลับความคิด กลับเห็นผิดเป็นชอบ ชื่นชมวิธีการฆ่าของเขา สรรเสริญว่าเขาฆ่าได้ดี จนถึงขนาดจัดทริปเที่ยวชมโบราณสถาน หรือก็คือสถานที่ก่อเหตุฆาตกรรมที่เต็มไปด้วยคาวเลือด เพื่อยกย่องฆาตกรรูปหล่อที่ถูกประหารไปแล้ว และเหยียดหยามเหยื่อ...แล้วในคืนนั้น คนหนึ่งในทริปก็หายตัวไป เหลือไว้เพียงเลือดกองใหญ่ที่สาดกระเซ็นไปทั่ว ไม่มีใครได้ยินเสียงกรีดร้อง ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ แต่พวกเขาที่เหลือรู้สึกได้ว่าคนคนนั้นอาจจะถูกฆ่าตายไปแล้ว...ถูกฆ่าโดยสิ่งที่ไม่ใช่คน เพราะเงาทะมึนที่อาบด้วยเลือดปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาในคืนถัดมา และไล่ล่าจะเอาชีวิตพวกเขาให้ได้!
ใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป...
ที่ถูกมีดทั้งสิบเล่มต่างนิ้วมือกรีดเฉือนลงบนเนื้ออย่างไร้ความปรานี?
