New Release : บุปผาคู่บัลลังก์ ตอน ใจที่เข้มยิ่งกว่าสีคราม

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : บุปผาคู่บัลลังก์ ตอน ใจที่เข้มยิ่งกว่าสีคราม

โพสต์ โดย Gals »

ปีนั้น ฤดูหนาวมาเยือนเร็วกว่าที่เคย....
หิมะขาวบริสุทธิ์โปรยปรายราวกับขนอ่อนของห่าน
ท่ามกลางป้ายหลุมศพอย่างง่ายๆ ที่ปักเรียงรายติดๆ กัน เด็กคนหนึ่งปักป้ายหลุมศพสุดท้ายอยู่คนเดียวเงียบๆ
จำนวนของป้ายหลุมศพที่เปลือกไม้ยังดูใหม่อยู่นั้นมีราวๆ ยี่สิบกว่าป้าย
ท่ามกลางความเงียบสงัดของความมรณะที่กลืนกินทุกเสียง เขาคุกเข่า ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ท้องฟ้าสีขาวสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
เขารับการชำระบาปจากละอองสีขาวและหนาวเย็นโดยไม่ยอมให้มีสิ่งสกปรกใดๆ ได้เกาะอยู่ต่อไป
....เขารู้ว่าเขาทำผิด เป็นการทำผิดเพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น
เอเงซึไม่สามารถลืมภาพหิมะที่ตกกระหน่ำเพราะการควบคุมของราชินีหิมะผู้อำมหิตได้ แล้วหมู่บ้านเล็กๆ กลางป่าลึกก็หมดลมหายใจไปอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครรู้

***

....เป็นเพราะฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปอย่างรวดเร็ว การเก็บของป่าจึงได้น้อยกว่าทุกปีค่อนข้างมาก จนแม้แต่จิ้งจอกหิมะซึ่งปกติอาศัยอยู่เหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไปมากยังลงมาหาอาหารในหมู่บ้าน แม้หมู่บ้านเซกะจะมีแต่ผู้สูงอายุ แต่เพราะมีการระวังตัวและช่วยเหลือซึ่งกันและกันจึงผ่านพ้นฤดูหนาวไปได้อย่างไม่ยากเย็น ความอุดมสมบูรณ์ของอาหารก็มีค่อนข้างมาก ถ้าอดทนสักหน่อยย่อมอยู่ได้หลายเดือนจนกระทั่งหิมะละลาย
สิ่งที่คิดว่าแตกต่างจากทุกทีคงมีแค่นั้น
เขาเชื่อว่าเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นหมุนเวียนมาอีกครั้ง ปัญหาต่างๆ ก็จะหมดไป
....แต่ว่า
?อดทนไว้นะ! กรุณาอดทนไว้นะครับ!?
ผู้เฒ่าที่นอนอยู่ตรงหน้าอยู่ๆ ก็ชักกระตุกขึ้นมา ท้องนั้นบวมขึ้นราวกับกลอง ที่ข้อเท้าก็บวมขึ้นอย่างมาก ผิวเป็นสีเหลืองทั้งตัว แม้แต่ในตาขาวก็ยังเป็นสีเหลืองขุ่น ที่ฝ่ามือเป็นสีแดง นิ้วมือหงิกงอเกร็งจนกระดิกไม่ได้ หายใจติดขัดและอาเจียนออกมาหลายครั้ง แต่เพราะอาเจียนมากเกินไปจึงออกมาแต่น้ำ
เด็กที่อายุไม่น่าจะถึงสิบขวบหยุดมือที่กำลังป้อนยา หันมาลูบหลังและขยับให้นอนตะแคงเพื่อจะได้สบายขึ้น
อยู่ๆ ผู้เฒ่าก็จับมือนั้นไว้ ไม่สิ เป็นการใช้แขนเกี่ยวมือนั้นไว้เหมือนตะขอมากกว่า
ผู้เฒ่าที่ไม่น่าจะมีสติแล้วกลับจ้องมองเด็กคนนั้น
?....ขอโทษนะ เอเงซึ ....ที่ทำให้ต้องมาดูแลข้าเช่นนี้....ทั้งที่เจ้าเหนื่อยที่สุดแท้ๆ....?
น้ำเสียงที่อ่อนโยนดูเหมือนเตรียมพร้อมที่จะตายอยู่แล้ว
น้ำตาเอ่อขึ้นมาจากดวงตาของเด็กคนนั้น
....เขาก็กำลังจะจากไปอีกคนแล้ว
?....จะจากไปหรือ อย่าจากไปได้ไหม....!?
เด็กน้อยจับมือที่คล้องเหมือนตะขอนั้นมาแนบหน้าผากเล็กๆ ของตัวเองเหมือนจะอธิษฐาน พร้อมกับตะโกนสุดเสียงราวกับจะยื้อเอาไว้ ผู้เฒ่าได้แต่ขอโทษอยู่ในใจ ขอโทษที่ทำให้เด็กน้อยซึ่งกลับมายิ้มได้อีกครั้งต้องพบกับความรู้สึกที่โหดร้ายเช่นนี้อีก
ในบรรดาคนในหมู่บ้านราวยี่สิบคน คนที่เหลือมีแค่เขากับผู้ใหญ่บ้าน แม้ว่าตัวเขาเองจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากและมีอำนาจที่สุดในหมู่บ้านก็ยังเหมือนตะเกียงที่กำลังจะมอดลง ....สุดท้ายผู้ใหญ่บ้านที่ถูกโรคร้ายจู่โจมก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน
ตอนนี้มีแต่เจ้าสำนักที่ไม่เป็นโรคเหลือรอดอยู่คนเดียว
ถ้าหากเขาเป็นอะไรไปอีกคน หัวใจของเอเงซึที่บาดเจ็บจนแหว่งวิ่นคงไม่มีแสงสว่างสาดส่องอีกต่อไปแล้ว
?....นี่ เจ้าจะต้องเป็นขุนนางที่เก่งกล้านะ ไม่ว่าเมื่อไรก็อย่าร้องไห้ ตั้งใจร่ำเรียนให้ดีนะ.... ขอบคุณสวรรค์ที่มีแต่เจ้ากับเจ้าสำนักที่ไม่ป่วยด้วยโรคนี้?
ตั้งแต่คนในหมู่บ้านคนแรกล้มป่วยด้วยโรคประหลาดไม่ทราบสาเหตุสองสามเดือนมานี้ เจ้าสำนักและเอเงซึยุ่งวุ่นวายจนไม่ได้หลับได้นอน พวกเขาต้องหมดพลังงานไปแค่ไหน คนในหมู่บ้านทั้งหลายย่อมรู้ดี ท่ามกลางคนที่ล้มป่วยคนแล้วคนเล่า ก่อนที่ทุกคนจะเสียชีวิตไปต่างอวยพรให้เจ้าสำนักที่วัดและเด็กน้อยปลอดภัย ไม่มีใครโทษทั้งสองคนที่เป็นคนนอกและไม่ติดโรค ทุกคนต่างยิ้มให้พวกเขาในวาระสุดท้ายด้วยความยินดีที่พวกเขาไม่ติดโรคไปด้วย
แล้วผู้เฒ่าก็อวยพรให้เจ้าสำนักที่วัดที่แสนใจดีและเด็กที่เขาพามาปลอดภัย
?ขอให้เทพเทวดาคุ้มครองเจ้าและท่านโดชู นะ พวกเจ้ามีเรื่องที่ต้องทำต่อไปใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พวกเราที่จากไปก่อนจะคอยเฝ้ายมบาล....?
คำพูดนั้นขาดหายไปตอนสุดท้ายเหมือนเส้นด้ายแห่งชีวิตของเขาที่ถูกคมเคียวแห่งความตายตัดฉับไป
?....อ๊ะ!?
แม้แต่ในวาระสุดท้ายที่กำลังจะตาย น้ำเสียงก็ยังห่วงใยเขาขนาดนี้ เขาไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะ
จนถึงตอนนี้เอเงซึก็ยังจำเรื่องในวันนั้นที่เกือบจะถูกพี่น้องสายเลือดเดียวกันแท้ๆ ฆ่าได้ ใบหน้าของพี่น้องที่ขาดสติ ใบหน้าของพ่อที่เกือบจะฆ่าตัวเขา หลังจากนั้นถึงแม้ว่าจะได้รับความเมตตาแค่ไหน ลึกๆ ในใจก็ยังหวาดกลัวมนุษย์มาตลอด แต่ว่า
....รัก
เป็นครั้งแรกที่เอเงซึรู้ซึ้งถึงความหมายของคำนั้น
รัก รัก รัก
เขารักทุกคนในหมู่บ้านเซกะที่ยอมรับตัวเขาซึ่งเคยเป็นที่รังเกียจของพ่อแม่พี่น้องอย่างเต็มหัวใจ
รักแล้วก็ต้องสูญเสียสินะ

?ท่านโดชู!?

เขาร้องไห้วิ่งเข้าไปในบ้านของผู้ใหญ่บ้าน
ที่นั่นมีร่างของหญิงชราที่ปัดมือของท่านเจ้าสำนักซึ่งกำลังรักษาพยาบาลจนถึงที่สุดออก
?เก็นก็ไปแล้วใช่ไหม....?
หญิงชรายิ้มอย่างเจ็บปวดนิดๆ ให้กับเด็กที่วิ่งเข้ามา
?ใจร้ายจัง ไปก่อนฉันซะได้ เอาล่ะ ฉันก็คงจะถึงเวลาไปแล้วเหมือนกัน เมื่อกี้ฉันบอกกับโดชูไปแล้ว แต่ว่าเอเงซึ....ไหที่อยู่ทางโน้นน่ะ?
มือที่หงิกงอราวกับกรงเล็บสัตว์เช่นเดียวกับผู้เฒ่ายื่นออกไป
?....นี่เป็นเงินที่ทุกคนในหมู่บ้านรวบรวมเอาไว้ ถึงจะเป็นเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่ทุกคนสะสมเอาไว้ก็ตาม ไม่นึกว่าตัวเองจะมาตายเร็วแบบนี้ ทั้งที่กะว่าจะเก็บให้ได้เป็นเงินก้อนโต จะได้ทำให้เจ้าประหลาดใจแท้ๆ แต่กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้....?
หญิงชราบ่นพึมพำออกมา หลังได้รับยาเต็มที่ไปหนึ่งขนาน แต่มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากราวกับน้ำตก และมีเสียงฮิ้วๆ ดังออกมาจากคอเพราะหายใจไม่ค่อยออก ถึงกระนั้นก็ยังทำเหมือนไม่เป็นไร เงยหน้ามองเอเงซึและเจ้าสำนักหนุ่มที่หน้าซีด และถอนหายใจเป็นพิเศษกับหมอประจำวัดซึยเคียวโดที่ขี้สงสาร
?....เจ้าน่ะ ทั้งที่เป็นหมอแท้ๆ แต่เวลามีคนตายจะต้องร้องไห้น้ำตาร่วงผล็อยทุกครั้ง ไม่รู้จักจำสักที ฉันระอาจนไม่อยากพูดมาตลอด แต่ตอนนี้เจ้าต้องปรับปรุงนะ เวลาดูแลรักษาคน อย่าร้องไห้เด็ดขาด ฉันก็อายุไม่ใช่น้อยแล้ว จะล้มป่วยก็เป็นเรื่องธรรมดาน่ะ?
ริมฝีปากของเจ้าสำนักขยับเล็กน้อย แต่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำได้ ใบหน้าซีดเซียวหันไปมองที่มุมหนึ่งของเชิงเขาเหมือนจะอธิษฐาน หญิงชรายิ้มกับชายหนุ่มที่ไม่ยอมถอดใจจนถึงช่วงเวลาสุดท้าย
?....ขอโทษด้วยนะ ที่ทุกคนยังไม่ทันจะส่งเจ้าถึงฝั่งก็พากันจากไปอย่างง่ายดาย คนเป็นจำนวนมากไม่รู้กระทั่งว่ามีหมู่บ้านนี้อยู่ด้วยซ้ำ เพราะมันช่างอยู่ห่างไกลความเจริญเหลือเกิน?
กว่าจดหมายที่ส่งไปเอนยู เมืองหลวงของมณฑลโคคุจะกลับคืนมาก็ใช้เวลากว่าครึ่งปีแล้ว ยิ่งกว่านั้นความจริงหญิงชรารู้ดีว่าหากเป็นช่วงฤดูหนาว....การที่จะส่งจดหมายไปถึงได้โดยสวัสดิภาพอาจเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนที่เห็นคนป่วยคนแรกเริ่มจากไปในเวลาครึ่งเดือน คนในหมู่บ้านคนอื่นๆ ต่างก็ทยอยล้มป่วยตามมา เธอซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้อย่างเงียบๆ แล้ว
....ที่เคยคิดว่าแค่ฤดูหนาวมาเร็วกว่าปกตินิดหน่อย แต่นั่นกลับกลายเป็นฤดูหนาวสุดท้ายของหมู่บ้านเซกะ
หมู่บ้านเล็กแสนเล็กแห่งนี้ถูกฝังท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมาไม่หยุดเหมือนเป็นการส่งศพ และหายไปอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้
?ฉันรู้ว่าพวกเจ้าพยายามรักษาฉันอย่างสุดความสามารถแล้ว ถ้าหากพวกเรารอจนกว่ายาดีๆ เครื่องมือเครื่องไม้ดีๆ จะส่งมาถึงได้ ฉันแน่ใจว่าเจ้าจะต้องรักษาพวกเราให้หายได้แน่ๆ?
เป็นครั้งแรกที่เจ้าสำนักทำหน้าเหยเก
ชายหนุ่มที่อยู่มาวันหนึ่งก็ร่อนเร่พเนจรมาอยู่ที่วัดร้าง ปกติแล้วมักจะเป็นคนที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอ ทั้งเขาและเด็กที่เขาเก็บจากที่ไหนสักแห่งมาอุปการะต่างก็เป็นที่รักของคนในหมู่บ้านที่มีแต่คนแก่
เด็กน้อยน่ารักที่หมายถึงอนาคตของชาติตอนนี้กำลังกอดผู้เฒ่าร้องไห้โฮ
หญิงชราลูบศีรษะเด็กน้อยแล้วนึกถึงเรื่องเล่าที่ได้ยินจากย่าทวดเมื่อนานมาแล้ว
?....ฉันเคยได้ยินมาว่า....เมื่อฤดูหนาวมาถึงเร็ว จะมีปีศาจโผล่มาจากในน้ำ?
ผู้เฒ่าก้มลงมองเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้
?เจ้าต้องตั้งใจเรียนหนังสือ ขยันหมั่นเพียรนะ หากเป็นเจ้าจะต้องสอบเข้ารับราชการระดับประเทศได้แน่ๆ เจ้าไม่ได้ตัวคนเดียว ต่อให้ไร้โดชู เจ้าก็ยังมีตัวเองอยู่อีกคนนะ?
เอเงซึที่ฉลาดเฉลียว แค่คิดเพียงนิดเดียวก็รับรู้ได้ถึงความจริงอันน่ากลัวนั้น เขาหันขวับไปมองท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าสำนักดูไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแค่หลบตาเล็กน้อย แค่นั้นเอเงซึก็เข้าใจได้ทันที
?....ไม่จริงใช่ไหม....?
?เอเงซึ....?
เสียงกระซิบเหมือนปลอบโยนนั้น ทำให้เอเงซึตาเบิกว้าง ตัวสั่นเทาแล้วตะโกนออกมา
?ไม่จริง! ไม่จริง! ไม่จริงใช่ไหม!? ว่ายังไงล่ะ ท่านโดชู!!?
อกที่เอเงซึจับอยู่นั้นบอบบางเหมือนต้นไม้แห้ง นั่นไม่ใช่ความผอมเพราะกรำงานหนัก
ถ้าหากเป็นท่านเจ้าสำนักที่เชี่ยวชาญการปรุงยาย่อมปรุงยาระงับอาการตัวเหลืองที่เหลืองไปจนถึงตาขาวได้ รวมทั้งยาที่จะทำให้อาการของโรคที่รุนแรงทุเลาลง และยาที่จะทำให้น้ำซึ่งขังอยู่ในท้องระบายออกมาทางปัสสาวะด้วย ท่านเจ้าสำนักปรุงยาอย่างนั้นซ้ำๆ และถ่ายทอดให้เอเงซึด้วย มีเพียงโรคประหลาดซึ่งโจมตีหมู่บ้านที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้
?เขาไม่ได้โกหกเจ้าคนเดียวหรอก โดชู ฉันยอมแพ้ต่อเจ้าจริงๆ แม้ร่างกายจะทรุดโทรมจนถึงที่สุดแล้ว แต่เจ้าก็ยังวิ่งวุ่นรักษาคนโน้นคนนี้ด้วยพลังใจล้วนๆ แต่ว่าคนที่เจ้าจะต้องดูแลก็เหลือเพียงฉันคนเดียวแล้ว จากนี้ไปเจ้าใช้เวลาทั้งหมดเพื่อหนุ่มน้อยที่จะต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเถอะ....?
หญิงชราหรี่ตาลง นึกถึงช่วงเวลาอบอุ่นที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่เจ้าสำนักมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้
?....ที่ผ่านมาฉันมีความสุขมาก ฉันถึงได้ฝันดีในวาระสุดท้ายของชีวิต?
นั่นกลายเป็นคำพูดสุดท้ายของผู้ใหญ่บ้านหญิงคนสุดท้ายของหมู่บ้านเซกะ

....หมู่บ้านที่เหลือกันอยู่เพียงสองคน มัจจุราชกำลังจะมาล่าหัวของคนสุดท้ายไปอีกคน
ท้องที่บวมปูด เท้าที่บวมเป่ง ผิวที่เหลืองขึ้นทุกวันๆ นิ้วมือที่ค่อยๆ หงิกงอขึ้นทีละนิด อาการของโรครุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนหินที่กลิ้งตกหน้าผา จนยาไม่สามารถจะระงับอาการไว้ได้
?....นี่ เอเงซึ อย่าร้องไห้เลย หน้าตาเจ้าดูไม่ได้แล้วนะ?
เจ้าสำนักยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เด็กน้อยน่ารักที่ปรุงยาไปร้องไห้ไปทุกวัน
?ข้าเขียนจดหมายถึงท่านผู้ว่าราชการประจำมณฑลคนใหม่ที่มาดูแลมณฑลโคคุแล้ว ตอนที่เจ้าจะสอบเข้ารับราชการระดับประเทศ จงไปพบท่านผู้ว่าราชการไค เขาจะคอยสนับสนุนเจ้าแทนข้าน่ะ?
แล้ว ?วันนั้น? ก็มาถึง
เมื่อเห็นท่านเจ้าสำนักเริ่มชัก เอเงซึก็สติแตกกระเจิง วิ่งจนแทบจะกลิ้งออกไปนอกวัด
หิมะตกลงมากองสูงจนถึงสะโพกตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เมื่อเหยียบลงไปบนหิมะจึงทำให้หน้าคะมำลงไป
ราชินีแห่งความตายสีขาวกำลังจะพาคนสำคัญสำหรับเขายิ่งกว่าใครจากไปแล้ว
?โยเงซึ....!?
หิมะเม็ดใหญ่กระทบแก้มอย่างไร้ความปรานี เอเงซึตะโกนสุดเสียงท่ามกลางพายุหิมะที่บ้าคลั่ง
?โยเงซึ โยเงซึ โยเงซึ....!?
เอเงซึรู้ว่าทำไมจึงมีแต่ตัวเขาที่ไม่ป่วย
เพราะข้อตกลงแลกเปลี่ยนที่ยาวนานถึงยี่สิบปีกับ ?เขาคนนั้น?
ด้วยร่างกายที่ไม่สามารถตายได้จนกว่าวันนั้นจะมาถึง จึงทำให้เขาไม่เคยคิดถึงวันที่คำสาปจะมาเยือน วันที่ทุกคนทิ้งเขาไปจนเหลือเขาเพียงคนเดียว
ตอนที่เป็นเด็ก เขาปรารถนาไปตามสัญชาตญาณว่าอยากจะมีชีวิตอยู่เป็นอย่างยิ่ง
แต่ว่าตอนนี้เอเงซึรู้แล้วว่าอยากจะมีชีวิตอยู่ ?เพื่ออะไร?
และก็รู้ว่ามันเป็นบาปที่ปล่อยคนอื่นๆ ตายไปโดยไม่ทุกข์ร้อน
ถึงจะเป็นอย่างนั้น....
?ผมรู้ว่าผมเอาแต่ใจ คุณจะเอาชีวิตของผมไปใช้ยังไงก็ได้ แต่ผมขอร้องอีกครั้งล่ะนะ....?
ถ้าตอนนี้ต้องเสียท่านโดชูไป แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง เพราะแสงสว่างทั้งในใจของเขาและในโลกนี้จะต้องดับลง
....เอเงซึกำลังขอร้อง ?เขาคนนั้น? ที่เคยไว้ชีวิตตัวเองอีกครั้ง แค่เพื่อความเอาแต่ใจของตัวเอง

แล้วท่ามกลางโลกที่ขาวโพลน บาปก็กลายเป็นจริง

....ในบรรดาป้ายเหนือหลุมศพของชาวบ้านที่เอเงซึในวัยสิบขวบทำโดยลำพัง ไม่มีการแกะสลักชื่อคาชิน เจ้าสำนักแห่งวัดซึยเคียวโด



บทนำ

ทางตะวันออกของเมืองโคริน มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อว่าหมู่บ้านเซคิเอ ตั้งอยู่ที่เชิงเขาเออิซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเซนริ โดยอีกฟากของเขาเออิก็คือมณฑลโคคุที่ได้ชื่อว่าเป็นที่อยู่ของเซียนทั้งหลายเท่านั้น เทือกเขาเซนริเป็นเทือกเขาที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลจนถึงขนาดว่าน้อยคนนักจะปีนขึ้นไปได้ ตามประวัติศาสตร์ คนแรกที่สามารถข้ามเทือกเขานี้ไปได้ คือโซเง็น จักรพรรดิองค์แรกของประเทศนี้
ถ้าหากข้ามเทือกเขาเซนริไปมาได้อย่างสะดวก การค้าของมณฑลซาจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างมากแน่ๆ แต่เรื่องนั้นดูจะเป็นเพียงความฝันที่ยังไม่มีวิธีการใดๆ ทำให้เป็นจริงได้ ชาวบ้านที่หมู่บ้านก็พอใจกับแค่การขุดหาหินเออิที่นำมาทำแท่นฝนหมึกชั้นดีเท่านั้น แม้ว่ามันจะไม่ได้มีมูลค่ามากมายผิดกับทรัพยากรไม้ของฝั่งมณฑลโคคุก็ตาม แต่ในเมืองโคเรน เมืองหลวงประจำมณฑลซา หินนั้นพอจะมีราคาอยู่บ้าง พวกผักผลไม้ป่าก็พอหาได้ การทำไร่ทำนาก็ทำให้มีอาหารพอจะดำรงชีวิตได้ หมู่บ้านจึงคึกคักอยู่พอสมควร
ปีนี้ฤดูหนาวมาเยือนเร็วกว่าที่เคย จึงหาผักผลไม้ป่าไม่ค่อยได้ แต่หินเออินั้น ถ้ามีความมานะอดทนก็ยังขุดหาได้แม้จะเป็นฤดูหนาว หากเป็นนายพรานฝีมือดีก็ยังสามารถหาหนังจิ้งจอกหิมะที่ราคาดีไปขายได้อีกด้วย ทั้งที่ปกติแล้วไม่ค่อยจะได้เห็นมันในหมู่บ้าน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ปีนี้จึงเห็นมันมาป้วนเปี้ยนได้
ไม่มีใครคิดว่ามีอุปสรรคต่อการดำรงชีพ แต่ว่ามีสิ่งผิดปกติที่มาเยือนพร้อมกับหิมะจริงๆ

***

?ดูเหมือนว่าอีกสักสิบวัน ท่านเมไซจะมาถึงคฤหาสน์โคเรนแล้วนะครับ?
เอเงซึที่อ่านจดหมายจ่าหน้าซองถึงผู้ว่าราชการประจำมณฑลอยู่ที่คฤหาสน์โคเรนยิ้มกว้าง เพราะเมไซซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางมาจากเมืองโคริน ส่งจดหมายมาจากโรงเตี๊ยมอย่างเป็นการเป็นงาน ทำให้ทางนี้เบาใจไปด้วย
?ค่อยสบายใจขึ้นเยอะเลย เพราะนึกว่าจะเดือดร้อนเรื่องค่าเดินทางบ้างรึเปล่า....?
เอนเซระเบิดเสียงหัวเราะใส่เอเงซึที่เป็นห่วงจริงจัง
?เจ้านั่นผ่านงานราชการที่นั่นที่นี่มาเยอะแล้ว ถึงได้ถูกยัดเยียดแต่งานยากๆ ให้ อีกอย่างเพราะสอบผ่านการเข้ารับราชการระดับประเทศแล้ว จึงมีสิทธิ์และคุณสมบัติเหนือกว่าขุนนางประจำมณฑลธรรมดาไงล่ะ?
?อย่างนั้นหรือครับ!?
?เจ้านั่นเองก็เป็นพวกแปลกอยู่แล้วล่ะ.... อ้าว มีจดหมายด่วนส่งมาจากปู่เฮด้วย?
เมไซเลื่อนระยะเวลาในการอยู่ที่เมืองโครินให้นานขึ้นจนน่าสงสัย คนที่ปกครองที่นั่นอยู่ตอนนี้คือเจ้าเมืองเฮ
?แสดงว่าเจอกันแล้ว....ไม่ใช่ว่าสวนทางกัน....งั้นมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ??
?หรือว่าพวกที่ชื่อว่า ?ลัทธิเซียนนอกรีต? มีความเคลื่อนไหวแล้ว....??
มีกลุ่มลัทธิแปลกๆ ที่ตั้งชื่อ ว่า ?ลัทธิเซียนนอกรีต? เริ่มสร้างรังอยู่ในหุบเขาของเทือกเขาเซนริ
เอเงซึก็ลองสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองมาแล้ว
?ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะใช้เรื่องของ ?เซียนสีทั้งแปด? มาอ้างนะ....?
....เมื่อนานมาแล้ว มีเซียนแปดองค์ร่วมกับโซเง็น ฮ่องเต้องค์แรกของประเทศไซอุนก่อร่างสร้างประเทศขึ้น พวกเขาที่ได้รับการขนานนามว่าเซียนสีทั้งแปดได้หายตัวไปจากวังหลังจากที่โซเง็นสวรรคต หลังจากนั้นก็เหลือเพียงหอเซ็นโทที่ฮ่องเต้ได้สร้างไว้ให้แปดเซียน แต่ตามบันทึกประวัติสาสตร์ มีการบันทึกไว้ว่าแปดเซียนได้ปรากฏตัวขึ้นอีกหลายครั้งเพื่อรับใช้ฮ่องเต้ โดยว่ากันว่าจะมาชุมนุมกันที่หอเซ็นโท ทั้งหมดนั่นทำให้โซเง็นเป็นฮ่องเต้ที่มีชื่อเสียง ว่ากันว่าเมื่อมีฮ่องเต้ที่ดีพอที่แปดเซียนจะรับใช้ปรากฏตัวขึ้น แปดเซียนจะมารวมตัวกันที่หอเซ็นโท ดังนั้นหอเซ็นโทจึงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบันโดยไม่ได้มีการเปิดใช้ และมีการตั้งเป็นกระทรวงเซ็นโท ในฐานะองค์กรที่เป็นเอกเทศ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระทรวงมีน้อยมาก และดูเหมือนว่าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเซียนหรือนักประวัติศาสตร์ แต่ข้อมูลลับมีมากจนนับไม่ถ้วน และเหนือสิ่งอื่นใดคือมีอำนาจในการจัดพิธีราชาภิเษกได้ จึงถูกนับเป็นกระทรวงที่สี่เทียบเท่ากับสามกระทรวง หกกรม ที่เป็นหัวใจหลักของประเทศ
?....แต่เห็นว่าพวกเซียนที่มีชีวิตอยู่มานานเกินไป ความเป็นเซียนจะค่อยๆ เสื่อมลงจนกลายเป็นเซียนนอกรีต บ้างก็ต้องการการบูชายัญในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ถ้าหากไม่เซ่นไหว้ก็จะถูกสาป อะไรทำนองนั้นน่ะครับ....?
?นั่นสิๆ แหม ข้าก็คิดว่าตัวเองสติไม่ดีแล้วนะ แต่เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าสินะเนี่ย?
เอนเซเอาแต่หัวเราะ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะจบลงได้ด้วยคำพูดเล่นๆ เพียงไม่กี่คำ
?ยิ่งกว่านั้น พอลองสืบดูก็พบว่าเรื่องแบบนี้มันไม่แปลกสักเท่าไร เพราะถึงชื่อจะต่างกัน แต่พวกที่ลักษณะเหมือนกันนี้ผลุบๆ โผล่ๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพียงแต่....?
?อือ โผล่มาตอนนี้มันแปลกสินะ?
เอนเซดีใจที่เอเงซึขมวดคิ้วคิดหนักขึ้นมาทันที
?ใช่ไหมล่ะ ข้าเห็นนี่แล้วก็คิดว่ามันเหมือนกับตอนที่ข้าเป็นผู้ว่าราชการมณฑลเลยนี่นา สรุปว่าเหมือนพวกหัวขโมยตอนเกิดไฟไหม้ใช่ไหมล่ะ? ฉวยโอกาสเวลาที่กำลังเกิดเรื่องยุ่งๆ ทำตามอำเภอใจ ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน เวลาที่สังคมกำลังสับสนวุ่นวาย ไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าก็จะหลงเชื่อได้ง่าย ข้าเองเวลาหิวแทบตาย ถ้ามีข้าวปั้นก้อนใหญ่ตกลงมาตรงหน้า ต่อให้น่าสงสัยแค่ไหน ข้าก็ต้องกินอยู่ดีใช่ไหมล่ะ??
เอนเซยืดอกประกาศอย่างผึ่งผาย แต่เอเงซึรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ต่างออกไป แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าอะไรที่แปลกไป
?เอ่อ ผมก็คิดแบบนั้นนะครับ เพราะเป็นวิธีปกติของพวกลัทธิความเชื่อที่จะฉวยโอกาสเวลาประชาชนกำลังรู้สึกสับสนเพราะความเป็นอยู่ในชีวิตไม่มั่นคง ถ้าเป็นตอนที่พวกเราเพิ่งได้รับตำแหน่งก็ยังพอเข้าใจได้ แต่นี่พิธีรับตำแหน่งก็จบไปเรียบร้อยจนเริ่มเข้าสู่ช่วงที่มีเสถียรภาพแล้ว จะมาปลุกกระแสตอนนี้ มันหมายความว่ายังไงล่ะครับ....?
?นั่นสินะ เจ้าพวกนิสัยเสียที่มาปาก้อนหินใส่แล้วบอกให้ ?กลับไปอยู่ป่าซะ!? ก็หมดไปแล้วนี่นา?
เอนเซพูดพลางกางจดหมายของเจ้าเมืองเฮออก
เมื่อกวาดตามองคร่าวๆ แล้ว.... ดวงตาก็หรี่ลงอย่างเอาจริงเอาจัง
?ตกลงว่ามีธุระอะไร? ถึงต้องส่งจดหมายด่วนมาล่ะครับ??
?ดูเหมือนว่าที่หมู่บ้านเซคิเอ ติดกับเทือกเขาเซนริ ทางตะวันออกของเมืองโคริน กำลังมีโรคประหลาดที่ทำให้ท้องบวมระบาดอยู่น่ะ?
เอนเซที่กำลังมองจดหมายไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของเอเงซึที่เปลี่ยนไปในตอนนั้น
?ปู่เฮจึงขอให้ช่วยส่งหมอที่มีฝีมือและยาดีจากโคเรนไปให้....?
?....คุณเอนเซครับ!!?
?หือ? อ้าว เป็นอะไรไป ทำไมหน้าเครียดจัง?
?หมู่บ้านนั้นอยู่ตรงไหนของเทือกเขาเซนริครับ!??
เอนเซที่รู้สึกได้ถึงความร้อนใจจนดูน่ากลัวของเอเงซึรีบตอบตรงประเด็น
?อยู่แถวเขตคิซึรินน่ะ ตรงเชิงเขาเออิ หนึ่งในเทือกเขาเซนริ เป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เมือง ที่ภูเขานั้นเป็นแหล่งหินคุณภาพดีสำหรับทำแท่นฝนหมึกจึงมีความรุ่งเรืองมากพอตัว มีข่าวว่าปีนี้ฤดูหนาวมาเร็วกว่าปกติ แต่ปู่เฮก็รายงานมาตอนฤดูใบไม้ร่วงว่าหมู่บ้านเซคิเอไม่จำเป็นถึงขนาดต้องขอความช่วยเหลือจากโคเรน?
เอเงซึหน้าซีดขึ้นมาทันที รีบรับจดหมายของเจ้าเมืองเฮจากเอนเซมาดู เมื่ออ่านถึงส่วนที่เขียนเกี่ยวกับ ?โรคประหลาด? สีหน้าก็ยิ่งขาวราวกับกระดาษ เอนเซก็พลอยหน้าเครียดไปด้วย ....เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
เอเงซึรีบกางแผนที่ของมณฑลซาทั้งหมดลงบนโต๊ะ แล้วชี้นิ้วไปที่หมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งอยู่ติดกับเทือกเขาเซนริไล่ไปเรื่อยๆ
?....ผมจะรีบเขียนจดหมายถึงผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่บ้านในแถบนี้ ช่วยเตรียมม้าเร็วของที่ว่าการมณฑลให้ด่วนเลยนะครับ ถ้ามีข่าวว่าเห็นจิ้งจอกหิมะที่หมู่บ้านในแถบนี้ นั่นก็หมายความว่าเรายิ่งต้องแข่งกับเวลา?
เอนเซไม่พูดแทรกสักคำ
?แล้วเรื่องที่จะทำต่อไปล่ะ??
?....หมอที่โคเรนไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่พอจะระงับการลุกลามได้ เดี๋ยวผมจะเขียนชื่อยาที่จำเป็นออกมา กรุณาตามคุณไซโชมาที ผมจะรีบเตรียมยาและหมอให้เรียบร้อยภายในวันสองวัน แล้วให้สมาคมการค้าช่วยส่งไปให้โดยด่วนที่สุด ถ้า....ถ้าหากว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะรักษาได้ทันท่วงทีนะครับ?
เอเงซึหลับตา ขบฟันกรอด ราวกับกำลังข่มความเจ็บปวดเอาไว้
?....เขียนจดหมายสองฉบับไปนอกมณฑลด้วย หนึ่งในนั้นส่งไปถึงคุณชูเร?
?ถึงคุณหนู??
?ให้คุณชูเร กราบทูลขอฝ่าบาทให้รีบส่งบรรดาหมอชั้นแนวหน้าของประเทศมาโดยเร็วที่สุด?
ดวงตาของเอนเซเบิกกว้าง
เอเงซึกำหมัดแน่นจนขาวซีด
?....การป้องกันยังมีความเป็นไปได้ เพราะไม่ได้ติดต่อจากคนสู่คน แต่การที่มีคนป่วยจำนวนมากพร้อมๆ กันภายใต้สภาพแวดล้อมหนึ่ง ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะระบาดออกไป ช่วงเวลาในการติดเชื้อคือปลายฤดูใบไม้ร่วง และมีระยะฟักตัวเป็นเดือนๆ จนมาแสดงอาการของโรคในฤดูหนาว ถ้าติดเชื้อแล้วเท่าที่ผมรู้คือ ยังไม่มีวิธีที่จะรักษาให้หายขาดได้น่ะครับ?
เอนเซที่เข้าใจความหมายนั้นทันที ถึงกับตบหน้าผากตัวเอง
?ติดเชื้อในฤดูใบไม้ร่วง....นี่ ตอนนี้ทางโน้นก็เข้าฤดูหนาวไปตั้งนานแล้วนะ หมายความว่า....?
?....ใช่ครับ ต่อจากนี้ไปการป้องกันมีความเป็นไปได้สูงว่าจะไร้ความหมาย และคงจะมีรายงานข่าวเรื่องการติดโรคมาถึงเจ้าเมืองเฮมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีที่หมู่บ้านเซคิเอคงจะไม่ทันแล้ว....แต่ถ้าเป็นหมู่บ้านที่ยังไม่มีการยืนยันว่าเห็นจิ้งจอกหิมะ?
?....เมื่อกี้บอกว่าไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ใช่ไหม!??
?เท่าที่ผมทราบนะครับ อาจจะมีหมอที่รู้วิธีรักษาอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้ แต่ว่าเราไม่มีเวลาเหลือเฟือที่จะหาในตอนนี้ ประเทศนี้ในปัจจุบันยังไม่มีองค์กรที่จะช่วยติดต่อประสานงานกับพวกหมอ ถึงจะตามหาหมอเทวดาในตำนานที่ว่าตระเวนไปทั่วประเทศอย่างที่เขาลือกันก็ไม่มีประโยชน์ ความเป็นจริงที่พอจะเป็นไปได้ที่เหลืออยู่มีเพียงในวังที่คิโยซึ่งรวบรวมหมอที่เก่งที่สุดในประเทศเอาไว้?
?....เข้าใจแล้ว รีบเขียนจดหมายเถอะ! นั่นเป็นงานสำคัญของวันนี้ที่ต้องมาก่อน?
เอนเซวิ่งถลาออกไปจากห้องจนแทบจะเตะประตูให้เปิด
เอเงซึรีบเตรียมกระดาษและพู่กัน แต่มือที่จับพู่กันนั้นสั่นหงึกๆ จนรู้สึกได้
....นี่เป็นบาปที่ตัวเองก่อไว้สินะ
(....ท่านโดชู....)
เอเงซึเบิ่งตา กำหมัดพยายามระงับอาการสั่น
....ตอนนี้คนที่จะทำอะไรสักอย่างได้มีแต่ตัวเอเงซึเอง
จะว่าไปเอเงซึก็ไม่คิดว่าหมอที่คิโยซึ่งไม่ได้อยู่ใกล้เทือกเขาเซนริจะมีความรู้เกี่ยวกับโรคนั้นมากไปกว่าตัวเขาเองที่เกี่ยวข้องกับโรคนั้นโดยตรง ถึงกระนั้นด้วยความรู้มากมายและประสบการณ์ที่สั่งสมมา พวกเขาอาจจะค้นพบทางรักษาก็เป็นได้ เอเงซึจึงตั้งใจว่าจะมอบข้อมูลทั้งหมดที่ตัวเองรู้ให้พวกเขา และตัวเองก็จะหาทางทำอะไรสักอย่างก่อนที่พวกหมอที่คิโยจะมาถึง
....ความจริงแล้วเอเงซึเชื่อว่าน่าจะมีตำราที่มีวิธีการรักษาโรคประหลาดนั้นให้หายได้อยู่ที่ไหนสักแห่งในประเทศนี้แน่ๆ
?สัญญานะ ว่าเวลาอื่นนอกจากเวลาเสียใจจะยิ้มเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าถอดใจที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม และข้าเองก็จะสัญญากับเจ้าเช่นกัน?
ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้น้อยมาก แต่เอเงซึก็ลองเสี่ยงเขียนจดหมายไปถึงผู้ว่าราชการมณฑลไคที่คฤหาสน์เอนยูซึ่งเป็นที่ว่าราชการประจำมณฑลของมณฑลโคคุ
....ตอนนี้ดาวตกแล้ว เอเงซึรู้ว่าเวลาที่ตัวเองได้รับมานั้นเหลืออยู่เพียงไม่มากแล้ว
(โยเงซึ....ขอเถอะนะ ขอเวลาให้ผมอีกนิดเถอะนะ....!)
เอเงซึได้แต่อธิษฐานเพียงแค่นั้น

***

คิโย....เขายิ้มอย่างลืมตัวกับข่าวที่ลูกน้องนำมาแจ้ง อาภรณ์ที่สวมอยู่เป็นสีฟ้าสดใส
เส้นผมเงางามดังแสงจันทร์ที่ปล่อยลงมายาวประบ่าแกว่งไกวเป็นจังหวะ
?นี่มันต้องบอกว่าเป็นดวงจริงๆ สินะ....?
ดูเหมือนว่าโทเอเงซึจะเป็นที่รักของราชินีแห่งสีขาวผู้แสนโหดร้าย
เขาไม่ได้ทำอะไร เขารู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะฉะนั้นนั่นแหละถึงเป็นดวง
หลังจากเคลื่อนหมากไปแล้ว ที่เหลือแค่รอ ?เวลานั้น? ก็พอ
ตั้งแต่รู้เรื่องซาชุนกิเปิดเผยความสามารถพิเศษประจำตระกูล เขาก็เจอ ?ของที่หา? โดยบังเอิญสองสิ่ง
หนึ่งในนั้นกำลังจะมาอยู่ในมือเขาเร็วๆ นี้
?ฤดูหนาวมาเยือนตะวันออกของเมืองโคริน มณฑลซาเร็วกว่าปกติ....?
มาพร้อมกับความสิ้นหวังที่โทเอเงซึเคยลิ้มรสมาแล้วอีกครั้ง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โคชูเรที่ยุ่งอยู่กับการทำความฝัน (โครงการ) ให้เป็นความจริงอยู่ที่เมืองหลวงซึ่งจากไปเสียนาน พยายามประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ทำให้ฮ่องเต้ ชิริวกิและคนคนนั้นที่เป็นคู่หมายได้แต่สับสนแต่ก็ให้กำลังใจอยู่ห่างๆ! ทว่าจดหมายที่ส่งมาถึงในตอนนั้น ทำให้ชูเรรู้เรื่องโรคประหลาดที่กำลังระบาดในมณฑลซาจนทำให้ไม่สามารถอยู่เฉยได้ ....และไม่มีเวลาสำหรับความรักด้วย!? พบกับสถานการณ์ไม่คาดฝันในนิยายรักแฟนตาซีหลากสีสันสุดฮิตเล่ม 7!!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”