ผลปรากฏว่านักศึกษาหญิงส่วนใหญ่ ชื่นชอบกลิ่นของนักศึกษาชายที่มียีน MHC ต่างจากตน
ยีน MHC เป็นยีนที่สัมพันธ์กับกลิ่นและเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันอย่างลึกซึ้ง ยิ่งเลือกคู่ครองที่มียีนดังกล่าวต่างจากตน ก็ยิ่งมีโอกาสให้กำเนิดทายาทที่แข็งแรงกว่า จึงสันนิษฐานได้ว่า นักศึกษาหญิงใช้กลิ่นเป็นตัวจำแนก เพื่อหาคู่ที่สร้างข้อได้เปรียบทางชีววิทยาให้แก่ตนโดยที่พวกเธอไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
กล่าวคือ มนุษย์ถูกควบคุมด้วยกลิ่นนั่นเอง
1
หลังออกจากช่องเก็บตั๋วรถไฟใต้ดิน เขาเดินไปตามทางเชื่อม จนมาถึงชั้นใต้ดินของอาคาร
แม้จะอยู่ข้างล่าง แต่ก็เป็นสถานที่โปร่งโล่งกว้างขวาง
ครั้งหนึ่ง ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของทบวงป้องกันตนเอง มาก่อน หากย้อนไปถึงสมัยเอโดะ มันคือปราสาทหลังหนึ่งของตระกูลโมริ ผู้ครองแคว้นโจชู ทว่าปัจจุบันกลายเป็นอาคารศูนย์รวมธุรกิจและความบันเทิงอันโดดเด่น มีตั้งแต่ออฟฟิศ ร้านค้า ภัตตาคาร พื้นที่จัดงานกิจกรรม...ทั้งหมดสร้างเสร็จในปี 2007 หนึ่งปีก่อนเกิดวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ ตอนที่เศรษฐกิจยังไม่ซบเซาเท่าปัจจุบันนี้
เขาขึ้นลิฟต์ไปสู่ชั้นบน
มองหาทางเข้าโรงแรมกลางลานอเนกประสงค์ที่ห้อมล้อมด้วยตึกสูง เนื่องจากไม่ใช่ทางเข้าหลัก มันจึงไม่สะดุดตานัก เป็นแค่ประตูเลื่อนอัตโนมัติธรรมดา ไม่มีพนักงานคอยให้บริการ
เมื่อเข้ามาในโรงแรมก็หยุดดูป้ายประกอบแล้วมุ่งหน้าสู่โถงลิฟต์ กรณีที่เข้าจากทางประตูนี้ จะเจอลิฟต์ที่พาไปห้องจัดเลี้ยงก่อน หากต้องการไปล็อบบี้ชั้นสี่สิบห้า ต้องใช้ลิฟต์ที่อยู่ลึกเข้าไปอีก สองปีก่อนเขาเคยมาที่ล็อบบี้แล้ว จึงมีแผนผังติดอยู่ในหัว ไม่มัวสับสนหลงทาง
ตอนนี้บ่ายโมงสี่สิบห้านาที เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนถึงเวลานัด
ที่โถงลิฟต์มีคนยืนรออยู่แล้วสี่คน
เป็นคู่รักชาย-หญิงหนึ่งคู่ เด็กหนุ่ม และผู้หญิงคนหนึ่ง เขาขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกับคนพวกนั้น ก่อนที่ประตูจะปิดลง ผู้หญิงอีกคนก็รีบร้อนเข้ามา
ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นอย่างนิ่มนวล ภายในตกแต่งเรียบหรูดูมีระดับ
เมื่อเลยชั้นสามสิบไปก็เริ่มเกิดอาการหูอื้อเนื่องจากแรงกดอากาศภายนอกเปลี่ยนแปลง ผู้หญิงที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหน้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่
?หูชักมีอาการแปลกๆ แล้วล่ะ?
หญิงสาวคู่รักพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ฝ่ายชายที่มาด้วยกันบีบจมูกให้ดูเล่นๆ แล้วบอกว่า ?ลองแก้หูอื้อดูสิ?
?ผมดำน้ำบ่อย เรื่องนี้ถนัดอยู่แล้ว?
?จริงเหรอ? ปกติดำที่ไหนน่ะ??
?ก็เคยไปหลายที่...ทะเลที่โอกินาว่าสวยมากเลย คราวหน้าเราไปเที่ยวที่นั่นก็ดีนะ?
?เยี่ยมเลย ฉันอยากลองไปสักครั้งเหมือนกัน?
สาวเจ้ายิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ
ลิฟต์ขึ้นไปโดยไม่แวะระหว่างทางท่ามกลางเสียงสนทนาเบาๆ จนถึงชั้นสี่สิบห้า
เขารอให้ทุกคนออกก่อนแล้วจึงลงเป็นคนสุดท้าย เมื่อเดินต่ออีกหน่อยก็พบล็อบบี้ โคมระย้าหรูหราแขวนบนเพดานสูง ที่เลาจน์มีนักดนตรีเล่นเปียโนขับกล่อม
อากัปกิริยาของพนักงานได้รับการขัดเกลามาอย่างดี สมเป็นโรงแรมชั้นแนวหน้าของเมืองหลวง ลูกค้าที่มาใช้บริการดูมีฐานะในระดับหนึ่ง ชาวต่างชาติก็มีให้เห็นจนสะดุดตา
ทางนั้นบอกว่าเมื่อมาถึงนี่ให้โทรหา
เขาย้ายตัวไปที่อื่นไม่ให้เกะกะขวางทาง ถอดแว่นมาเช็กดูว่าเลนส์ไม่มีรอยเปื้อนแล้วจึงใส่กลับไป จากนั้นควักสมาร์ทโฟน เลือกเบอร์ที่บันทึกไว้แล้วโทรออก อีกฝ่ายรับแทบจะทันที
?ถึงแล้วหรือคะ เหนื่อยหน่อยนะคะ?
เสียงของผู้หญิงปลายสายทักขึ้นมาก่อน เขาจึงตอบไปแค่ ?ครับ? พอตั้งท่าจะถามเบอร์ห้อง หล่อนก็ชิงตัดหน้าอีกครั้ง ?ก่อนอื่น ขอถามคำถามสักหน่อยได้ไหมคะ?
?ตอนนี้เลยหรือครับ??
?ค่ะ ตอนนี้เลย?
เจอกันแล้วค่อยถามก็ได้นี่ เขานึกสงสัย แต่เนื่องจากตนไม่อยู่ในฐานะที่จะปฏิเสธได้ จึงตอบกลับไปเรียบๆ ?เชิญครับ? อีกฝ่ายเอ่ยเสียงสดใส ?แค่คำถามง่ายๆ ค่ะ?
?ลิฟต์ที่คุณขึ้นมาเมื่อครู่ นอกจากคุณแล้ว มีผู้โดยสารขึ้นมาด้วยกี่คนคะ?
เขาไม่เข้าใจว่าคำถามนี้ต้องการอะไร แต่ก็รู้คำตอบ
?ห้าคนครับ?
?ชาย-หญิงกี่คนคะ?
?เป็นชายสองคน หญิงสามคน?
?คุณจำลักษณะเฉพาะของแต่ละคนได้ไหมคะ?
?พอได้ครับ?
?ลองว่ามาสิคะ?
เขากะพริบตาอยู่สองที ขุดคุ้ยกล่องความทรงจำในสมองซึ่งยังสดใหม่ เรียบเรียงเรื่องราวที่ได้อีกครั้ง กระทั่งในหัวปรากฏภาพเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีก่อน
?ชาย-หญิงคู่หนึ่งเป็นคนรักกัน ฝ่ายหญิงอายุยี่สิบตอนต้น สวมคาร์ดิแกนไหมพรมสีชมพูอ่อนเข้าชุด และสร้อยไข่มุกเทียม ฝ่ายชายอายุราวสามสิบปี ใส่สูทสีกรมท่า เนคไทและนาฬิกาเป็นของแบรนด์เนม แต่รองเท้ากลับเป็นหนังเทียมราคาถูก ทั้งสองดูตั้งใจแต่งองค์ทรงเครื่องมาเต็มที่ คิดว่าเพิ่งคบกันได้ไม่นานครับ?
?เหตุผลล่ะ??
?เดาจากบทสนทนาครับ ฝ่ายหญิงไม่รู้ว่าฝ่ายชายดำน้ำเป็นงานอดิเรก ตอนนี้เดือนตุลาคม เพิ่งผ่านฤดูร้อนมาไม่นาน หากพวกเขาคบกันก่อนหน้านั้น เรื่องนี้น่าจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปแล้ว?
?แล้วคนอื่นๆ ล่ะคะ?
?เด็กหนุ่มอีกคนอายุประมาณยี่สิบต้นๆ ย้อมผมสีน้ำตาล กันคิ้วได้รูป เล็บมีสีคล้ำนิดหน่อย ดูแล้วน่าจะเป็นช่างเสริมสวย แต่อาจจะยังเป็นแค่ผู้ช่วย?
?เล็บ??
?สีที่ซึมติดมาตอนล้างน้ำยาย้อมผมครับ ปกติแล้ว ถ้ามีลูกค้ามาเจาะจงใช้บริการกับตน ก็ไม่ต้องยุ่งกับงานของผู้ช่วยอย่างสระผมอีก แต่ถ้าบริหารร้านเองก็เป็นอีกเรื่อง ส่วนสุภาพสตรีอีกคนอายุราวสามสิบตอนกลาง สีหน้าไม่สู้ดีนัก รูปร่างปานกลาง สวมชุดวันพีซสีกรมท่าทับด้วยคาร์ดิแกนไหมพรม กางเกงเลคกิ้งสีดำ รองเท้าส้นเตี้ย กำลังตั้งครรภ์อยู่ครับ?
?แค่ดูจากสีหน้ากับรองเท้าส้นเตี้ยก็คิดว่าตั้งครรภ์แล้ว...ไม่ด่วนสรุปไปหน่อยหรือคะ??
เสียงหัวเราะเฝื่อนๆ ของเธอคล้ายจะบอกว่า...มันเป็นการสรุปที่ง่ายดายเกินไปหน่อย ?เปล่าครับ?
?ผมเห็นส่วนหนึ่งของเข็มกลัดสตรีมีครรภ์โผล่มาจากช่องกระเป๋าสะพาย คิดว่าเวลาขึ้นรถไฟหรืออยู่ในที่แออัดเธอคงเอามาติดด้านนอก?
?อ้อ อย่างนี้นี่เอง?
ดูเหมือนปลายสายจะยอมรับแล้ว
จึงถามต่อว่า ?เหลือผู้หญิงอีกคนใช่ไหมคะ?? ถูกต้อง หล่อนเป็นคนตัวเล็ก ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เห็นไม่ถนัดที่สุด ในหัวปรากฏเค้าร่างอวบๆ แต่ความทรงจำที่เหลือพร่ามัว เมื่อคิดดูก็พบว่าตนนึกอะไรที่เป็นรูปธรรมไม่ออก
?หล่อนเป็นคนตัวเล็ก เจ้าเนื้อ มีผ้าคลุมไหล่สีเทา...อายุน่าจะอยู่ระหว่างสามสิบห้าถึงสี่สิบห้าปีครับ?
?ขอบเขตกว้างพอดูเลยนะคะ?
?ผมเห็นแค่ใบหน้าด้านข้างครู่เดียวครับ?
?เธอสวยไหมคะ??
?ถ้าสวยคงจำได้ติดตา เธอเป็นคุณป้าธรรมดาคนหนึ่งครับ?
ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบกลับมา ?เข้าใจแล้วค่ะ?
?คำถามตรงส่วนนี้จบแล้ว คุณมาที่ห้อง 5232 นะคะ มันเป็นชั้นที่ต้องใช้กุญแจเฉพาะ รบกวนไปแจ้งที่เคาน์เตอร์พนักงานก่อนค่ะ?
?ครับ?
เขาตัดสาย หมุนตัวเปลี่ยนทิศเก้าสิบองศา มุ่งหน้าไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ
ชุดคำถามเมื่อกี้คงเป็นบททดสอบบางอย่าง ต้องเป็นทักษะในการสังเกตแน่นอน ถึงจะกะทันหันไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่คำถามยากเย็นอะไร ตอบได้ขนาดนั้นต้องผ่านเกณฑ์อยู่แล้ว
พอแจ้งกับพนักงานที่อยู่ใกล้ๆ อีกฝ่ายก็นำเขาไปขึ้นลิฟต์ที่พาไปสู่ชั้นห้องพัก
พนักงานขึ้นมาด้วยแล้วเสียบคีย์การ์ดเข้าไปในช่อง พูดอีกอย่างคือ มันคงเป็นชั้นพิเศษ ระบบนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คนนอกเข้าได้ ยกเว้นแขกที่มาพัก
พวกเขาลงที่ชั้นห้าสิบสอง
พนักงานอายุน้อยผู้นอบน้อมพาไปถึงหน้าห้อง เมื่อเอ่ย ?ขอบคุณ? เด็กหนุ่มก็ค้อมหัวให้แล้วจากไป
เขากดกริ่งเรียก
ประตูเปิดออกในเจ็ดวินาทีถัดมา ไม่จำเป็นต้องมองนาฬิกาก็รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร
?เชิญค่ะ?
สุภาพสตรีที่ปรากฏตัวด้วยรอยยิ้มทำเอาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย แต่เขาก็ไม่แสดงอาการสับสนผ่านทางสีหน้า ?ยินดีที่ได้รู้จักครับ? เขาเอ่ยพลางก้มศีรษะ
?พอมาอยู่ตรงหน้าแล้วตัวใหญ่จังเลยค่ะ สูงเท่าไรหรือคะ??
?ร้อยแปดสิบหกเซนติเมตร จากที่เคยวัดเมื่อสามปีก่อนครับ?
?สูงกว่าฉันตั้งสี่สิบเซนติเมตรแน่ะ เข้ามาสิคะ?
เมื่อเดินเข้าไปตามคำเชิญ ก็พบห้องนั่งเล่นกว้างขวางกับหน้าต่างบานยักษ์
ทิวทัศน์ใจกลางกรุงโตเกียวแผ่กว้างอยู่หลังกระจก... มองเห็นชินจูกุซึ่งเป็นย่านธุรกิจอีกแห่งอยู่ลิบๆ พระราชวังรับรองแขกบ้านแขกเมืองอันโออ่าแทรกตัวอยู่กลางพื้นที่สีเขียวทางขวามือ ช่างเป็นทัศนียภาพที่งดงามเสียจริง ในห้องไม่มีเตียง แสดงว่าเป็นห้องสวีท ประตูทางขวามือที่อยู่ลึกเข้าไปคงเป็นห้องนอน หากคะเนจากความกว้างของห้องนั่งเล่น ประกอบกับห้องนอนและห้องอาบน้ำ ที่นี่น่าจะกว้างราวร้อยตารางเมตรทีเดียว
?เชิญนั่งค่ะ?
หล่อนนั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟา ผายมือไปทางฝั่งตรงข้ามเยื้องกับตน
?ฉันชื่อโอโทริ อาริค่ะ เป็นหนึ่งในผู้บริหารของ CAS ส่วนใหญ่จะรับผิดชอบงานด้านธุรการมากกว่า...อย่างที่คุณเห็น ฉันเป็นป้าเตี้ยๆ ธรรมดาที่ค่อนข้างเจ้าเนื้อค่ะ?
หล่อนเหน็บเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม ไม่นึกว่าคนสัมภาษณ์จะขึ้นลิฟต์มาด้วย แต่ในเมื่อพูดไปแล้วก็ช่วยไม่ได้ อีกอย่าง เขาไม่ได้พูดอะไรเกินจริงเลย เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ จึงดันแว่นให้เข้าที่แล้วเอ่ยแค่ ?งั้นก็น่าเสียดายนะครับ ถ้ามันทำให้คุณไม่พอใจ?
?ไม่พอใจ? เปล่าเลย ฉันพอใจมากค่ะ ถูกอย่างที่คนแนะนำมาว่าไว้ คุณเป็นคนช่างสังเกตและมีทักษะในการวิเคราะห์เป็นเลิศ น่าประทับใจจริงๆ ค่ะ?
?งั้นหรือครับ?
เอาล่ะ โอโทริเอ่ยพลางปรับตำแหน่งหมอนอิงที่อยู่ด้านหลัง หล่อนเป็นคนตัวสั้น เวลานั่งจึงหาตำแหน่งที่พอดียากหน่อย
?งั้นเรามาเริ่มสัมภาษณ์กันเลยดีกว่าค่ะ คุณได้ยินมาว่า CAS เป็นธุรกิจประเภทไหนคะ??
?เห็นว่าเป็นบริษัทวิเคราะห์และประเมินความเข้ากันระหว่างบุคคลครับ?
?ใช่ค่ะ บางทีก็ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นบริษัทจัดหาทรัพยากรบุคคล ซึ่งเราไม่ได้ไปแนะนำพนักงานให้ใครหรอกค่ะ แต่ก็มีบริษัทมาขอให้สัมภาษณ์ว่าที่พนักงาน เพื่อประเมินความเข้ากันกับองค์กรอยู่บ่อยๆ?
?ความเข้ากันกับองค์กร??
?รวมถึงความเข้ากันกับเนื้องานด้วย ถ้ารู้ว่าบุคคลนั้นขึ้นตรงกับหัวหน้าคนไหน ก็จะประเมินความเข้ากันของทั้งคู่ให้เช่นกัน นอกจากองค์กรต่างๆ แล้ว ลูกค้าที่มาจ้างวานส่วนตัวให้ประเมินความเข้ากันของตนกับคู่หมั้นก็มีไม่น้อยค่ะ...ส่วนเคสที่ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาดก็มีบ้างเช่นกัน?
?เพราะเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหรือครับ??
?ไม่เลยค่ะ ถึง CAS จะดูแปลกกว่าชาวบ้าน แต่เราเป็นธุรกิจที่ถูกต้องขาวสะอาด?
เธอส่งยิ้มนิดๆ มาให้
?บางทีเราก็ให้คำแนะนำว่าลูกค้าเหมาะกับอะไร โดยอ้างอิงจากแบบทดสอบทางจิตวิทยา หรือผลการประเมินลักษณะนิสัย ถ้าจำไม่ผิด คุณจบดอกเตอร์สาขาจิตวิทยามาใช่ไหมคะ??
?ครับ?
?ที่อเมริกา??
?ครับ?
โอโทริหยิบแฟ้มประวัติที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา หล่อนต้องเลื่อนตัวมาด้านหน้าเพราะแขนสั้นจนเอื้อมไม่ถึง
?ฉันอ่านประวัติของคุณแล้วค่ะ...ยอดเยี่ยมจริงๆ คุณจบจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ไปเรียนต่อที่อเมริกาจนได้ปริญญาเอกสาขาจิตวิทยา หลังกลับมาญี่ปุ่น คุณก็สอบเข้ารับราชการ ทำงานในสำนักงานข่าวกรองเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ สังกัดกระทรวงยุติธรรม?
?ครับ?
เขาพยักหน้า เพราะที่ว่ามาไม่ผิด
?หลังจากนั้นสี่ปี หัวหน้าก็บอกคุณว่า คุณไม่เหมาะกับงานนี้ ให้ลาออกซะ?
?ครับ?
นี่ก็ไม่ผิดอีกเช่นกัน แต่ถ้าเล่าให้ละเอียดหน่อย หัวหน้าบอกเขาว่า ?สำนักข่าวกรองเป็นหน่วยงานราชการ ต่อให้นายมีความสามารถแค่ไหน ด้วยนิสัยแบบนี้ไม่มีวันเจริญก้าวหน้าหรอก ออกไปตั้งตัวใหม่ตอนที่ยังไม่สายเถอะ? เพราะเป็นคำแนะนำจากใจผู้มีพระคุณ เขาจึงยอมรับฟัง
?หลังจากนั้น คุณก็เข้า-ออกในบริษัทใหญ่ๆ อยู่หลายครั้ง...ปัจจุบันอายุสามสิบสี่ปีใช่ไหมคะ??
?ครับ?
?ทำไมถึงทำได้ไม่นานล่ะคะ??
?เพราะผมปรับตัวเข้าหาคนอื่นไม่เก่งครับ?
อืม อืม อืม โอโทริพยักหน้าหงึกหงัก มือเล็กพลิกหน้าประวัติเขาเล่นๆ เล็บของเธอก็มีขนาดจิ๋วเช่นกัน
?คงพูดยากจริงๆ นั่นแหละว่าคุณเป็นคนยืดหยุ่นหรือชอบเข้าสังคม ดูท่าจะพูดน้อยเสียด้วย?
ครับ พอตอบไปแค่นั้นดวงตากลมๆ ของโอโทริก็เรียกร้องว่า (พูดมากกว่านี้หน่อยสิ?) เขาจึงเสริมอีกนิด ?ถ้าผมไม่พูด จะมีปัญหาน้อยกว่าครับ?
?ปัญหา??
?ผมโกหกใครไม่เป็นครับ?
?ถ้าเห็นคนโง่ก็บอกว่าโง่ ถ้าเห็นคนหัวล้านก็บอกว่าหัวล้าน แบบนี้หรือคะ??
?ผมไม่ชอบป่าวประกาศปมด้อยทางร่ายกายของใคร แต่ถ้ามีคนถาม ก็จะตอบตามนั้นครับ?
?หมายความว่า ฉันเป็นป้าตัวเตี้ยธรรมดาที่ค่อนข้างเจ้าเนื้อสินะ??
?ครับ?
เขาตอบโดยไม่ลังเล โอโทรินิ่งไปสองวินาทีก่อนจะยิ้ม ?อ๊ะ ชักฉุนขึ้นมานิดๆ แล้วสิ?
?โกหกน่า ฉันล้อเล่นค่ะ จริงอยู่ที่การพูดจาเถรตรงเกินไปทำให้เกิดปัญหาได้ แต่ฉันไม่ได้รังเกียจหรอกนะคะ แล้วข้อเสียอื่นๆ ของคุณล่ะคะ??
?ผมเป็นคนคิดมากครับ?
?สมมติว่าคุณไปข้างนอก แล้วเพิ่งรู้ตัวตอนถึงที่หมายว่าถุงเท้าสองข้างเป็นสีดำกับกรมท่า จะทำอย่างไรคะ??
?สำหรับผม เรื่องนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอนครับ?
?สมมติค่ะ?
?...แม้จะมีโอกาสแค่หนึ่งในล้าน แต่ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์นั้น ผมคงรีบเข้าไปซื้อคู่ใหม่ในร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ?
?แต่เวลาใส่สูท มันแทบมองไม่เห็นถุงเท้าเลยนะคะ??
?ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เห็นหรือไม่เห็นครับ มันรบกวนจิตใจผมจนทนไม่ได้ต่างหาก?
น่าขนลุกจะตายที่ตัวเองใส่ถุงเท้าคนละสี...แค่ลองนึกภาพตาม ก็รู้สึกไม่สบายอารมณ์ขึ้นมา
?คุณเป็นพวกอนามัยจัดสินะคะ?
?ก็ดูมีแนวโน้มไปทางนั้นครับ?
?ต่อไป ลองบอกข้อดีของตัวเองหน่อยสิคะ?
?สุขภาพแข็งแรง การศึกษาสูง นอกจากภาษาแม่แล้วยังพูดได้อีกสามภาษาครับ?
?อังกฤษ จีน และเกาหลีใช่ไหมคะ สมแล้วที่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง แล้วอย่างอื่นล่ะคะ??
?ช่างสังเกต และมีทักษะในการวิเคราะห์พอตัวครับ?
?ค่ะ เรื่องนั้นได้รับการยืนยันแล้ว?
โอโทริวางแฟ้มประวัติลงบนโต๊ะ ยกชาฝรั่งที่มีแค่ส่วนของตัวเองขึ้นจิบ
?เคยเรียนศิลปะการต่อสู้หรือมีทักษะด้านนี้บ้างไหมคะ??
?ได้ยูโดระดับดั้งครับ?
?คุณเป็นคนเลือดร้อนหรือเปล่าคะ??
?ผมไม่ชอบต่อยตีกับใครโดยไร้เหตุผล?
?คำพูดที่ชอบคือ?
?ไม่มีครับ?
?แล้วคำที่เกลียดล่ะ?
?หัดดูบรรยากาศรอบตัวบ้าง?
โอโทริหัวเราะเบาๆ ?ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกันค่ะ?
?งานอดิเรกคืออะไรคะ??
?ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ก็คงเป็นเก็บเงิน?
?ชอบเงินหรือคะ??
?เพราะตัวเลขไม่โกหกใครครับ?
หลังคำถามส่วนใหญ่จบลง โอโทริก็ใช้ปลายนิ้วเคาะแก้มเบาๆ ก่อนพึมพำว่า ?หล่อเสียของเบอร์สองสินะ?
เบอร์สองที่ว่าคืออะไร ระหว่างนึกสงสัย หล่อนก็เหลือบตาขึ้น
?คุณคงไม่เนื้อหอมในหมู่สาวๆ ใช่ไหมคะ??
เธอว่าอย่างนั้น
เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับงาน แต่ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ก็ควรแจ้งไว้ก่อน
?เรื่องเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะผมชอบเพศเดียวกัน?
?เอ๊ะ ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลย?
โอโทริตกใจ ถ้าเป็นเกย์จะมีปัญหาในการว่าจ้างหรือ งั้นก็ช่วยไม่ได้ เขาไม่ไร้เดียงสาถึงขนาดโวยวายว่าเป็นการแบ่งแยกหรอก ถกเถียงไปก็เสียเวลาเปล่า แค่ออกไปหางานใหม่ที่ให้ความสำคัญกับฝีมือมากกว่าก็พอ
?งั้น สเปกผู้ชายที่ชอบล่ะคะ??
?คุณถามเพราะแค่สนใจเฉยๆ หรือเปล่าครับ?
?นี่เป็นคำถามจำเป็นสำหรับพิจารณาว่าจ้างค่ะ ...แต่ที่จริงฉันก็แอบสนใจนิดหน่อย?
โอโทริเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจาชัดเจน ดูท่าจะทำงานด้วยง่ายกว่าพวกที่ชอบใช้คำพูดกำกวม กลบเกลื่อนสถานการณ์ตรงหน้าเพราะกลัวแปลกแยกจากผู้อื่น
?ผมชอบคนฉลาด สะอาดสะอ้าน แล้วก็เรียบร้อยครับ?
?แล้วพวกที่ประสาทสัมผัสดี ไม่มีระเบียบ ชอบทำเป็นเล่น แล้วก็ขี้โวยวายล่ะคะ??
?เกลียดครับ?
?ผ่านค่ะ?
?หา?? เขาถามย้ำเมื่ออีกฝ่ายโพล่งขึ้นมาอย่างง่ายดาย
?คุณสอบผ่านค่ะ คุณทั้งฉลาด หัวไว มีทักษะในการคิดวิเคราะห์เป็นเลิศ มีเหตุผลและไม่อ่อนไหวง่ายๆ ซ้ำยังแข็งแรงด้วย...พวกเรา Chemistry Advisory Service ตามหาพนักงานที่ยอดเยี่ยมอย่างคุณมานานแล้วค่ะ?
?งั้นหรือครับ?
?ในการทำงานกับเรา คุณไม่จำเป็นต้องปรับตัวเหมือนที่คนทั่วไปเรียกร้องขนาดนั้น ต่อให้คุณเป็นคนคิดมาก อนามัยจัด หรือไม่รู้จักดูบรรยากาศก็ไม่เป็นไร แน่นอนว่าเวลาอยู่ต่อหน้าลูกค้าคงต้องมีมารยาทขั้นพื้นฐาน แต่กับคนในบริษัทคุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจค่ะ เพราะถึงอย่างไร ทางนั้นก็คงไม่เกรงใจคุณเหมือนกัน?
?ทางนั้น??
?คนที่จะมาเป็นคู่หูคุณค่ะ โดยทั่วไปจะให้พวกคุณจับคู่ทำงานด้วยกัน?
เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินว่ามีพาร์ทเนอร์ โอโทริสังเกตเห็นทันที
?ไม่อยากมีหรือคะ??
?คนนิสัยอย่างผมคงไม่เหมาะจะมีคู่หูเท่าไร เกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายเกิดความเครียดมากกว่า?
?อ๊ะ ไม่ค่ะ ไม่มีทาง คุณวางใจได้เลยค่ะ?
โอโทริพูดรัวเร็ว ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เธอกล้ารับประกันเช่นนี้ หมายความว่าอีกฝ่ายเป็นคนใจกว้าง มีความอดทนสูงหรือ
?ฉันว่าคุณเหมาะกับงานนี้นะคะ ถึงจะเป็นอาชีพที่ประหลาดสักหน่อย แต่คุณก็เป็นคนที่แปลกนิดๆ เหมือนกัน...ยิ่งกว่านั้น เราให้เงินดีทีเดียว?
?จริงด้วยนะครับ?
เงินเดือนที่อีกฝ่ายเสนอมา ถือว่าสูงเกินมาตรฐานในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ แม้จะเป็นอาชีพดูมีปริศนา แต่เพราะค่าตอบแทนสูง เขาจึงคิดที่จะทำ บริษัทนี้ใช้ห้องสวีทของโรงแรมหรูแทนสำนักงาน แสดงว่าต้องมีรายได้พอดู
?เอาล่ะ...ฉันค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าจะจ้างคุณ แต่คุณจะต้องไปสอบสัมภาษณ์รอบสองก่อน เป็นการทดสอบอะไรนิดหน่อยด้วยค่ะ?
?เหมือนที่ให้จำคนในลิฟต์หรือครับ??
?ออกแนวปฏิบัติจริงมากกว่าค่ะ คุณไปตามที่อยู่นี้นะคะ สักบ่ายสามโมงน่าจะถึง ทางนั้นคงตื่นพอดี?
?ตื่น??
?คู่หูของคุณค่ะ?
?...ผมขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมครับ?
เขาถามด้วยน้ำเสียงที่โดนวิจารณ์บ่อยๆ ว่าเฉยชาเกินไป ?เชิญค่ะ? โอโทริกระตุ้นให้พูดต่อ
?คุณเป็นบริษัทประเมินความเข้ากัน ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ลองประเมินความเข้ากันของผมกับคู่หูดูล่ะครับ??
นี่น่าจะเป็นความคิดที่สมเหตุสมผลแล้ว แต่โอโทริกลับส่ายหน้า ?ทำไม่ได้หรอกค่ะ?
?แหม...ฉันจะอธิบายอย่างไรดีนะ ก็ตดของตัวเองไม่เหม็นนี่คะ??
?...หา??
ขณะนึกสงสัยว่าฟังผิดหรือเปล่า โอโทริก็ย้ำอีกครั้งด้วยใบหน้าแสนจริงจัง
?ตดของตัวเองมักหอมเสมอใช่ไหมล่ะคะ นี่ก็ทำนองเดียวกันค่ะ?
?ขอโทษครับ ผมไม่เข้าใจ?
?เอ่อ ประมาณว่า เราไม่สามารถมองตัวเองด้วยสายตาคนภายนอกได้ค่ะ?
?...สรุปคือ คุณประเมินความเข้ากันของคนในบริษัทไม่ได้??
?จะว่าคนในบริษัทมันก็...คือเขา...แหม เอาเป็นว่า คุณไปสอบสัมภาษณ์รอบสองก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าตกลงจ้างอย่างเป็นทางการแล้ว ฉันจะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียดนะคะ?
เขาโดนเร่งให้ลุกขึ้น รับกระดาษเมโมมา บนนั้นเขียนที่อยู่ในเขตโอตะไว้ด้วยลายมือสวยงาม
?พยายามเข้านะคะ เท่าที่สัมภาษณ์มา คุณเป็นคนที่ดูมีความหวังที่สุดแล้วค่ะ?
?งั้นหรือครับ? เขาตอบด้วยคำพูดที่วันนี้เอ่ยมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
?อย่าหาว่าจู้จี้เลยนะคะ เวลามีคนชม ตอบว่า ?ขอบคุณครับ? ก็ดีนะคะ??
?...ขอบคุณครับ?
?เมื่อกี้คงคิดอยู่ในใจใช่ไหมคะว่า ?คำชมที่สมควรได้รับอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ? ??
?.....?
เขาพูดไม่ออกเพราะที่ว่ามานั้นถูกเผง โอโทริเห็นก็หัวเราะ ?ฮ่าๆๆ? ก่อนจะใช้มือเล็กอวบอูมตบหลังเขาสองทีจนแว่นเอียง แถมเจ็บนิดหน่อย
?ไม่เป็นไรค่ะ! อยู่ที่นี่คุณพูดตามใจคิดได้เลย?
?...งั้นหรือครับ?
เขาเอ่ยพลางขยับขาแว่นให้เข้าที่แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร โอโทริเปิดประตูให้พร้อมรอยยิ้ม ?อ๊ะ ยังข้องใจอยู่ใช่ไหมคะ?
?ฉันเองก็ชอบฟังความรู้สึกที่แท้จริงมากกว่าคำขอบคุณที่ไม่ได้มาจากใจค่ะ ตอนคุณถึงที่นั่น ฉันจะโทรไปนะคะ เอ่อ...เอ๊ะ ว่าแต่...คุณชื่ออะไรนะ?
ในที่สุดก็ถามเสียที
เขาก้มมองร่างเล็กป้อมของโอโทริแล้วตอบว่า ?ทาคาเมะครับ?
?ทาคาเมะ คิซาชิ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ?
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยอดแย่ แต่ก็ยอดเยี่ยม!?
ทาคาเมะ คิซาชิ คืออดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองผู้มีมันสมองเป็นเลิศ เขาเป็นคนจุกจิกคิดมาก อนามัยจัด ไม่เคยดูสถานการณ์ และเกลียดบุหรี่เข้าไส้ งานอดิเรกคือการเก็บเงิน คำพูดที่ไม่ชอบคือ ?หัดดูบรรยากาศรอบตัวบ้าง?
สึบาคุระ จิริ สิงห์อมควันผู้หลงใหลต้นคอ หน้าอก และบั้นท้ายของสาวๆ ประสาทสัมผัสดีและมีร่างกายที่พิเศษกว่าชาวบ้าน แต่ไร้ระเบียบ ชอบทำเป็นเล่น แถมน่ารำคาญ
เมื่อสองหนุ่มผู้ต่างกันสุดขั้วมาเจอกันที่ CAS บริษัทวิเคราะห์และประเมินความเข้ากัน คู่หูลิ้นกับฟันที่ยอดเยี่ยมที่สุดจึงบังเกิดขึ้น!?
