New Release ร้อยรัก : บอดี้การ์ดสวาทรัก

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release ร้อยรัก : บอดี้การ์ดสวาทรัก

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

เสียงพูดคุยของเหล่าผู้บริหารระดับสูงดังทั่วทางเดิน พวกเขาต่างสนทนาด้วยสีหน้าเครียดเคร่งถึงข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา เกี่ยวกับการประมูลของบริษัทมูนไลน์ ซึ่งแต่ละคนนั้นมีน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง บ้างก็โทรศัพท์ติดต่อกับนักลงทุนร่วมกิจการ บ้างก็สนทนากับเลขาฯ เพื่อเตรียมการในอนาคต
การประมูลเปลี่ยนมือในครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้บริหารและนักลงทุนหลายคน เนื่องจากตัวมูนไลน์เองไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่รุ่งเรืองและสร้างกำไรมหาศาลต่อปีจนยากจะเชื่อว่ากิจการกำลังขาดทุน แต่เหตุผลที่มีการจัดประมูลครั้งนี้เกิดขึ้นนั้น เพียงเพราะเจ้าของกิจการคิดจะเปลี่ยนมือเท่านั้นเอง
ดูเหมือนว่าอิสเรศ เจ้าของมูนไลน์นั้นไม่มีทายาทสืบทอดต่อ จึงคิดจะประมูลกิจการเพื่อใช้ชีวิตบั้นปลายของตนเองประกอบธุรกิจเล็กๆ ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เพราะเหตุนั้นเขาจึงได้เชื้อเชิญนักลงทุนและนักธุรกิจที่รู้จักคบค้ากันมาร่วมในงานประมูลครั้งนี้ และสิ่งนี้ก็ทำให้นักลงทุนหลายคนถึงกับตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
?คุณพิมล เดี๋ยวช่วยต่อโทรศัพท์ทางไกลหามิสเตอร์เทเลอร์ให้ผมด้วยนะ? อดิศร นักธุรกิจวัยห้าสิบปี เจ้าของกิจการโรงแรมแห่งใหญ่ในเมืองเตือนเลขาฯ วัยสี่สิบปีของเขาทันทีเมื่อเดินออกจากห้องสัมมนา ?ผมว่าการประมูลในครั้งนี้อาจจะทำกำไรให้กับเราได้อย่างมหาศาลเลยล่ะ?
?ได้ค่ะ เดี๋ยวพิมลจะติดต่อกับเลขาฯ ของมิสเตอร์เทเลอร์ให้ทันทีเลยค่ะ?
อดิศรเดินไปบริเวณซุ้มเครื่องดื่มซึ่งจัดชุดไว้สำหรับให้ผู้มาสัมมนาบริการตนเอง เขายิ้มกริ่มอย่างมีความสุขพลางฉีกซองกาแฟ ใครจะไปคาดคิดว่าคนอย่างอิสเรศจะขอถอนตัวออกจากวงการธุรกิจ และหันไปใช้ชีวิตอย่างสุขสงบในต่างจังหวัดกับภรรยาเพียงลำพัง ด้วยอายุที่ล่วงเลยเกือบเลขเจ็ดทำให้คนไร้ทายาทสืบสกุลเช่นเขาต้องการปล่อยมือจากมูนไลน์ ไม่ใช่แค่ปล่อยให้พวกบอร์ดบริหารทำงานและกินหุ้นส่วน แต่เป็นการปล่อยมืออย่างถาวรชนิดไม่มีข้อผูกพันใดๆ
อดิศรจะต้องหาทางประมูลชนะนักลงทุนอื่นๆ และเอาบริษัทมูนไลน์มาครอบครองให้จงได้ แต่การจะใช้เงินมหาศาลเอาชนะคู่แข่ง เขาจำเป็นต้องหาสปอนเซอร์ใหญ่มาหนุนหลังเหมือนที่นักลงทุนคนอื่นๆ เองก็คิดเช่นเดียวกัน และคนที่เขานึกถึงก่อนใครก็คือนายทุนที่เคยมาซื้อกิจการของเขาไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน เป็นหุ้นส่วนคนสำคัญที่ให้การสนับสนุนในเรื่องเงินเป็นหลัก
ยอร์ค เทเลอร์จะต้องสนใจในการประมูลครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย หากว่าเขารายงานเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ฟังในงานสัมมนาครั้งนี้ให้ฟัง และสามารถดึงตัวนักธุรกิจต่างชาติคนนั้นมาร่วมงานสังสรรค์ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าได้ ด้วยอำนาจเงินที่ยอร์ค เทเลอร์มี เขาจะชนะการประมูลได้อย่างแน่นอน และอดิศรที่เป็นหุ้นส่วนเพียงคนเดียวของเทเลอร์ในประเทศแห่งนี้ ก็คงจะได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคนดูแลมูนไลน์อย่างไม่ต้องสงสัย
ริมฝีปากหนาขยับยิ้มพร้อมวาดฝันหวาน หากเพียงครู่เดียวเท่านั้น รอยยิ้มที่มีก็หายวับไปทันควันเมื่อมองเห็นคู่แข่งทางธุรกิจที่กำลังเดินตรงมายังจุดพักพร้อมกับรอยกระหยิ่มยิ้มย่องของอีกฝ่าย ที่ไม่ว่าจะเห็นเมื่อใด อดิศรก็ไม่เคยทำใจให้นึกชอบได้แม้แต่ครั้งเดียว
เขาวางถ้วยที่เหลือกาแฟนองก้นไว้ และตั้งใจจะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเพราะไม่อยากเสวนากับคู่แข่งคนนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าชายผู้นั้นส่งเสียงทักทายขึ้นมาเสียก่อนทำให้อดิศรไม่อาจหลบเลี่ยงการสนทนาได้อย่างที่ตั้งใจ
?ผมไม่คิดว่าคุณจะมาร่วมในงานนี้ด้วยเลยนะครับ คุณอดิศร? ชายวัยกลางคนซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอดิศรฉีกยิ้มมาแต่ไกล เขาเดินมาพร้อมกับเลขาฯ ส่วนตัวสาวสวย ที่มองดูแวบแรกก็รู้ว่าเธอเป็นมากกว่าแค่เลขาฯ ในที่ทำงาน
?ยินดีที่ได้พบกันครับคุณจักรพจน์? อดิศรจำเป็นต้องยื่นมือออกไปทักทายและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ?ผมต่างหากที่คาดไม่ถึงว่าจะได้พบคุณจักรพจน์ในงานครั้งนี้ด้วย?
?แหม ผมเองก็เป็นหุ้นส่วนของมูนไลน์สิบห้าเปอร์เซ็นนะครับ แถมได้รับเชิญจากปากเจ้าของงานโดยตรง จะไม่มาได้อย่างไรกันล่ะครับ? จักรพจน์โอ้อวดให้อีกฝ่ายเห็นว่าตนนั้นเหนือกว่านักลงทุนอื่นๆ ที่ได้เพียงแค่จดหมายเชิญ
เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางขยับกรอบแว่นตาสีดำตามนิสัย ?คุณอดิศรเองเถอะครับ ได้ข่าวว่ากิจการเพิ่งถูกซื้อไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนไม่ใช่หรือครับ ดูเหมือนคุณจะยังใจเย็นมาร่วมงานสัมมนาได้ น่าแปลกใจเหลือเกิน?
จักรพจน์พูดจาโดยไม่ปกปิดคำดูหมิ่นแม้แต่นิดเดียว อดิศรจำต้องยิ้มสู้ เส้นผมที่เสยเรียบจนเปิดหน้าผากกว้างกว่าปกติมีรอยย่นให้เห็นเล็กน้อย
?มิสเตอร์เทเลอร์แค่เข้ามาซื้อหุ้นบางส่วนจากผู้ถือหุ้นรายเก่าของผมเท่านั้นครับ แต่อย่างไรหุ้นโดยมากผมเป็นคนถืออยู่ในมือ ดังนั้นถ้าจะพูดว่ากิจการของผมถูกซื้อไป คิดว่าคุณจักรพจน์คงจะใช้คำพูดที่ผิดไปแล้วล่ะครับ?
?อ้าว เป็นแบบนั้นเองหรือครับ แหม ผมก็เข้าใจผิดคิดว่าคุณบริหารงานพลาดจนทำให้ธุรกิจของตัวเองพังจนต้องขายกิจการทิ้งเสียอีก?
?ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ? อดิศรหัวเราะแห้งๆ ความจริงหากไม่ได้ยอร์ค เทเลอร์เข้ามาช่วยซื้อหุ้นไปบางส่วน กิจการของเขาก็คงจะล้มพังไม่เป็นท่าอย่างที่จักรพจน์บอก ?แล้วนี่คุณจักรพจน์คงตั้งใจจะประมูลมูนไลน์ให้ได้ใช่ไหมล่ะครับ ผมเห็นว่าในห้องสัมมนา คุณจริงจังน่าดู?
?มันแน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ ส่วนหนึ่งเพราะผมมีหุ้นอยู่ในมือ หากว่าคุณอิสเรศคิดจะขายกิจการจริง ผมเองก็ต้องประมูลหุ้นที่เหลือทั้งหมดมาให้ได้แน่นอนอยู่แล้ว?
?ผมเองก็คงต้องทุ่มสุดตัวเหมือนกับคนอื่นๆ นั่นล่ะครับ?
คำพูดของอดิศรทำให้จักรพจน์เงยหน้าหัวเราะ เขาดึงแว่นตาออกมาและใช้ผ้าเช็ดกระจกแว่น ก่อนจะสวมกลับไว้ที่เดิม ความแวววับของกระจกทำให้เห็นดวงตาสีดำของเขาชัดขึ้น แววตาของสัตว์ร้ายที่ไม่รู้จักถึงความพอ
?ผมคิดว่าจะประมูลด้วยตัวเลขสักสิบหลัก? เขาข่มขวัญ ?คิดว่าอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำกับการประมูลโรงแรมดีๆ อย่างมูนไลท์ ผมไม่อยากจะให้หุ้นอีกแปดสิบห้าเปอร์เซ็นที่เหลือเป็นของใคร โทษทีนะครับ งานนี้ผมคงไม่ยอมแพ้แน่ๆ?
รอยยิ้มของอดิศรถึงกับกระตุก ?แน่นอนครับว่าผมเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน?
?แต่ถ้าผมจำไม่ผิด รู้สึกกำไรเฉลี่ยของบริษัทคุณจะอยู่ที่สักราวๆ...หกร้อยหรือเจ็ดร้อยล้านต่อปี ใช่ไหมครับ? จักรพจน์พูดพร้อมสายตาที่ยิ้มเยาะ ?อ้อ ไม่สิ นั่นรู้สึกจะเป็นตัวเลขก่อนที่กิจการของคุณจะถูกซื้อไปสัก...หลายปีอยู่เหมือนกัน?
?รู้สึกคุณจักรพจน์จะค่อนข้างรู้รายละเอียดในบริษัทผมดีจังเลยนะครับ?
อดิศรแอบกัดฟันกรอดเบาๆ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะยิ้ม แต่ในใจเขากลับโกรธจนไฟสุมทรวง
จักรพจน์หัวเราะอย่างผู้มีชัย สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงและมองอีกฝ่ายราวกับว่าตนสูงส่งกว่า
?มันก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ ก่อนหน้านี้ทุกคนยังคุยกันอยู่เลยว่าโรงแรมของคุณน่ะ ถ้าไม่ถูกใครเทคโอเวอร์ก็คงจะต้องออกประมูลขาย? เขาขยับกรอบแว่น ?แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยนะครับว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมหุ้นด้วย ทำให้กิจการของคุณดำเนินต่อไปได้ภายใต้ชื่อเดิมได้?
?เขาเรียกว่าดวงหนุน พระคุ้มครองน่ะครับ? อดิศรพยายามหัวเราะทั้งที่ใจกลับนึกแค้น
?คุณอดิศรคะ ดิฉันแจ้งไปทางเลขาฯ ของมิสเตอร์เทเลอร์เรียบร้อยแล้วค่ะ? พิมลพันธ์เดินเข้ามาแจ้งข่าว
?แล้วทางนั้นแจ้งว่าอย่างไรบ้างล่ะ?
?เห็นมิสเตอร์ไซม่อนแจ้งว่าเป็นงานที่น่าสนใจ และจะบอกมิสเตอร์เทเลอร์ให้ทราบค่ะ หากว่าสนใจ คิดว่าน่าจะบินมาเมืองไทยด้วยตนเอง?
?อย่างน้อยนี่ก็ถือเป็นการตกต่ำของผมที่ทำให้ได้พบกับมิสเตอร์เทเลอร์ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีโอกาสได้รู้จักกับมหาเศรษฐีต่างชาติคนนี้ก็เป็นได้? อดิศรยิ้มกริ่ม เขาชำเลืองตามองจักรพจน์ที่ยืนหน้านิ่ง ?เอาล่ะ ผมคงจะต้องขอตัวก่อนครับ จะต้องรีบติดต่อเคลียร์คิวงาน แล้วไหนจะต้องเอาข้อมูลที่เพิ่งสัมมนาไปมาสรุปย่อเพื่อให้มิสเตอร์เทเลอร์อ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ ที่สำคัญ คงจะต้องรีบจัดเตรียมหลายอย่างเผื่ออีกหนึ่งเดือนข้างหน้าด้วยครับ?
?อย่างนั้นหรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมเองก็คงต้องรีบเคลียร์งานเพื่อจะได้ไปร่วมงานสังสรรค์ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าด้วยเช่นกัน?
?หวังว่าเราจะได้พบกันในงานเลี้ยงอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านะครับ? เขายิ้มกริ่ม ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ?อ้อ...จริงสิ คุณจักรพจน์อาจจะประมูลเป็นตัวเลขสิบหลักใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นผมเห็นทีว่าโรงแรมและบริษัทมูนไลท์คงจะเป็นของทางผมแล้วล่ะครับ?
?ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ การประมูลยังไม่ทันจะได้เริ่มเสียหน่อย? แววตาสีดำวาวโรจน์ ?เรายังมีเวลาอีกมากที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับตัวเลขการประมูล?
?แหม ก็ถ้ามิสเตอร์เทเลอร์สนใจขนาดบินมาดูงานถึงเมืองไทยด้วยตนเอง แสดงว่าเขาคงต้องตั้งความหวังเอาไว้มากเลยทีเดียว และด้วยทุนทรัพย์ที่เขามี...ผมคิดว่าแค่เลขสิบหลัก อาจจะดูเหมือนเศษกระดาษไปเลยก็ได้นะครับ? อดิศรฉีกยิ้มกว้างและรู้สึกสะใจเล็กๆ ที่สามารถข่มอีกฝ่ายลงได้ ?บางทีคุณจักรพจน์อาจจะเคยได้ยินชื่อของมหาเศรษฐีชาวอังกฤษอย่าง...ยอร์ค เทเลอร์มาบ้างนะครับ ผู้ชายคนนั้นติดอันดับมหาเศรษฐีลำดับต้นๆ ของโลกด้วย?
?แน่นอนครับ ผมต้องเคยได้ยินชื่อและนามสกุลของเขามาแน่ๆ? จักรพจน์ถึงกับหนังตากระตุก
?ครับ และอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ ทุนทรัพย์ของมิสเตอร์เทเลอร์คงไม่ใช่น้อย หากว่าเขาต้องการมูนไลน์จริง ผมคิดว่างานนี้คงไม่มีพลาด? อดิศรเกทับเข้าไปอีก
เขายิ้มกว้างอีกครั้งเป็นหนสุดท้ายก่อนจะเรียกให้พิมลพันธ์ตามเขาเข้าไปในห้องสัมมนา ทิ้งให้จักรพจน์เก็บงำโทสะและความอับอายที่โดนดูหมิ่นเอาไว้
***
จักรพจน์อยากได้บริษัทและกิจการมูนไลท์มาก เขาได้แต่กำมือแน่นและแอบกัดฟันกรอด เพราะสถานที่แห่งนั้นเป็นแหล่งเดียวที่จะสร้างกำไรมหาศาลให้กับเขาได้ และเขาก็จะยอมลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง
จักรพจน์เชื่อว่าตัวเขาเองจะสามารถชนะงานประมูลในครั้งนี้ได้ เมื่อดูจากสภาพการเงินของนักลงทุนที่มาร่วมสัมมนาด้วยกัน อีกทั้งเขายังมีหุ้นส่วนหนึ่งของมูนไลน์ในกำมือ ไม่ใช่เรื่องยากหากจะเล่นใต้โต๊ะนิดหน่อยเพื่อได้กิจการมาครอง
แต่สำหรับยอร์ค เทเลอร์ นักธุรกิจต่างชาติคนนั้นอยู่นอกเหนือความคิดของเขาไกลโข มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะพลาดโอกาสนี้ หรือไม่เจ้าของมูนไลท์อาจจะกลับลำหันไปหาชาวต่างชาติกระเป๋าหนักคนนั้นแทน เพราะสำหรับแวดวงธุรกิจแล้ว ต่อให้สนิทสนมคุ้นเคยกันมากแค่ไหน ถ้าเพื่อผลประโยชน์ก็อาจมีการหักหลังกันได้ทุกเมื่อ ดังนั้น เขาจะต้องเตรียมการให้ดี หากว่าไม่อยากจะพลาดโอกาสงามครั้งนี้ไป
จักรพจน์ชักสีหน้าครุ่นคิดหนักระหว่างเดินกลับเข้าไปในห้องสัมมนา เขาจะทำการขัดขวางนักลงทุนต่างชาติกระเป๋าหนักคนนั้นอย่างไรดี เป็นไปไม่ได้ที่จะหาวิธีทำให้เทเลอร์เลิกสนใจมูนไลท์ และเป็นไปไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อมให้ผู้ชายคนนั้นหันมาร่วมหุ้นกับเขาเมื่อดูจากลักษณะและหัวคิดทางด้านธุรกิจที่แตกต่าง
จักรพจน์ขบคิด ก่อนจะพบหน้ากันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เขาจะต้องหาวิธีขัดขวางเพื่อไม่ให้ฝ่ายนั้นมาร่วมประมูลได้ และเขาคิดว่าเขาคงจะต้องเตรียมแผนการไว้แต่เนิ่นๆ หากไม่อยากจะพลาดจากงานนี้ไป

บทที่ 1

เสียงนกยักษ์เหล็กกรีดร้องผ่านอากาศ แอนหันมองสภาพท้องฟ้าสดใสผ่านกระจกห้องโดยสาร ก่อนจะเบือนหน้าหันกลับมาพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัยเมื่อมีการแจ้งเตือนจากพนักงานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลงจอด
ร่างบางเอนติดพนักเบาะและเหยียดขาเล็กน้อย การลงจอดของเจ้านกเหล็กทำให้เธอเวียนศีรษะนิดๆ แต่ก็ไม่มากพอจะทำให้เธอเกิดอาการคลื่นเหียนได้ อาจเป็นเพราะเหตุการณ์สยองขวัญบนเครื่องบินจากหนังเรื่องล่าสุดที่เธอเปิดดูก็ได้ เพราะมันทำให้เธอเผลอคิดไปไกลว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเครื่องบินระเบิดทันทีที่ล้อแตะลานจอด
แต่เหตุการณ์ในหนังก็ยังคงเป็นแค่เรื่องในหนัง เพราะในชีวิตจริงนั้นเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัย
หญิงสาวปลดเข็มขัดนิรภัยขณะที่เสียงประกาศขอบคุณดังขึ้น แอนหยิบแว่นกันแดดสีดำมาใส่ แม้ว่ามันจะบดบังดวงตากลมโตสีเขียวสดใสของเธอแต่กลับไม่ได้ทำให้ความน่ารักของเธอลดน้อยลง หมวกผ้ากำมะหยี่สีครีมสวมทับบนเส้นผมสีน้ำตาลที่รวบมวยไว้ด้านหลังศีรษะ ริมฝีปากสีชมพูหยักโค้งเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งมายืนรอรับข้างที่นั่งชั้นโดยสาร
ใบหน้าคร้ามคมคายและดูดีตามแบบฉบับของหนุ่มผู้ดีอังกฤษ เขาสวมทักซิโด้หางยาวและผูกโบหูกระต่ายสีดำ เส้นผมสีทองเสยเรียบแปล้เผยให้เห็นใบหน้าและดวงตาสีฟ้าสดใส ร่างสูงก้มโค้งเล็กน้อยตามมารยาทขั้นสูงที่เขาได้ร่ำเรียนฝึกฝนมา
?เชิญครับ มายเลดี้? ฝ่ามือหนาซึ่งซ่อนภายใต้ถุงมือขาวมาตลอดชีวิตยื่นมาตรงหน้า
หญิงสาวเพียงหันมองก่อนจะวางมือเล็กๆ ของเธอเพื่อให้เขาดึงลุกจากที่นั่ง แอนก็สวมถุงมือเช่นกัน แต่ไม่ใช่เพราะหน้าที่ เธอเพียงแค่ติดใจกับแฟชั่นย้อนยุคที่เพิ่งเปิดอ่านจากนิตยสารไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเท่านั้นเอง
ร่างบางลุกขึ้นยืน หญิงสาวปัดกระโปรงฝ้ายสีครีมตามความเคยชินและดึงชายกระโปรงเล็กน้อยเพื่อให้รับกับเรือนร่างเพรียวบางของเธอ รองเท้าส้นสูงที่สวมใส่ทำให้เธอยิ่งดูสง่า เช่นเดียวกับเครื่องประดับราคาแพงบนลำคอที่ส่องแสงระยับราวกับแสงดาว
แอนปล่อยมือจากชวาน พ่อบ้านส่วนตัวซึ่งมีอายุมากกว่าเธอห้าปี เขารับผิดชอบดูแลเธอแทนพ่อบ้านส่วนตัวคนเก่าที่เพิ่งเกษียณไปได้ปีเศษ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตระกูลมิลเลอร์สืบทอดหน้าที่พ่อบ้านและดูแลรับใช้ตระกูลเทเลอร์ของเธอมานานเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน แอนจะไม่มีวันยอมรับเขาในฐานะพ่อบ้านของเธออย่างเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าเขาทำหน้าที่พ่อบ้านขาดตกบกพร่อง แต่เป็นเพราะว่าเธอชอบพ่อบ้านคนเก่ามากกว่าเท่านั้นเอง
?ได้เวลาลงจากเครื่องแล้ว เลดี้ที่น่ารักของปะป๊า?
ยอร์คยื่นแขนให้ลูกสาวคนสำคัญของเขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าโหนกเป็นสันและจมูกเชิดโด่ง เส้นผมสีบรอนทองเสยเรียบแปล้เพื่อเปิดโลกทัศน์สำหรับสายตา ดวงตาของเขามีสีเขียวเช่นเดียวกับลูกสาวแต่แอนนั้นมีเส้นผมสีดำที่ได้มาจากทางฝั่งแม่ ซึ่งยอร์คไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้ย้อมผมเป็นสีน้ำตาลตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อน
หญิงสาวควงแขนยอร์คที่เสนอให้อย่างไม่ขัดเขิน พร้อมกับรอยยิ้มสดใสตามแบบฉบับของเธอ ?ไปค่ะปะป๊า แอนอยากช้อปปิ้งจะแย่อยู่แล้ว?
?วันนี้ปะป๊าอาจจะยังไปกับแอนไม่ได้นะลูก ปะป๊ามีธุระ?
?ธุระอะไรกันคะ? หญิงสาวทำหน้างอ เธอแสดงอารมณ์ไม่พอใจออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดโดยไม่มีการปิดบัง
นับแต่ยังเด็ก แอนเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน เธอคือทายาทหนึ่งเดียวและลูกสาวคนเดียวของยอร์ค เทเลอร์ ดยุคแห่งเบรฟรอร์ด มาร์ควิสแห่งวิซ เอิร์ลแห่งแซคควินท์ เพราะเหตุนั้น แอนจึงเป็นที่รักและน่าเอ็นดูของทุกคนในครอบครัว จนกระทั่งแม่ของเธอตายจากไป ยอร์คก็ยิ่งทุ่มเทความรักให้เธอมากล้นจนเรียกได้ว่าปรนเปรอความสุขด้วยเงินและทุกอย่างที่เธอพึงพอใจ ไม่เคยขัดใจเธอเลยแม้แต่อย่างเดียว
หญิงสาวได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีตลอดทั้งชีวิตของเธอ ซึ่งไม่ต่างจากกุหลาบงามในเรือนกระจกที่ทุกคนหลงใหล แม้บางครั้งการเอาแต่ใจของเธอจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนรอบข้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าถือสาเอาผิดกับเธอ โดยเฉพาะคนรับใช้ในบ้านเทเลอร์ เพราะเหตุนั้นแอนจึงไม่รู้จักการยับยั้งชั่งใจ ไม่รู้จักการอดทนรอหรือสิ่งที่เรียกว่าความผิดหวัง
?อย่างที่ปะป๊าบอกลูกก่อนหน้านี้แล้วว่าปะป๊ามาคุยเรื่องงาน ดังนั้นปะป๊าคงไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อนลูกไม่ได้?
?แบบนี้ใครจะช่วยแอนเลือกของล่ะคะ? หญิงสาวชักสีหน้า ยอร์คตบหลังมือลูกสาวเบาๆ
?อย่าเพิ่งน้อยใจไปลูกสาวของปะป๊า เดี๋ยวให้ชวานไปช่วยเลือกของเป็นเพื่อนก็ได้ เขาเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของลูก เขาต้องรู้รสนิยมของลูกอยู่แล้ว?
?ถ้าคนก่อนล่ะก็ใช่ค่ะ แต่คนนี้แอนไม่แน่ใจ?
หญิงสาวพูดแขวะอย่างจงใจ ไม่มีการปกปิดในน้ำเสียงและกิริยาของเธอแม้แต่นิดเดียว
?โธ่ลูก ชวานเองก็ได้รับการสั่งสอนจากแมธทิวมาโดยตรง ดังนั้นเขาจะต้องเข้าใจลูกเหมือนอย่างที่แมธทิวเข้าใจนั่นล่ะ? ยอร์คพยายามปลอบซึ่งดูเหมือนว่าแอนจะไม่ใส่ใจ
?ปะป๊าไปกับแอนเถอะนะ น้าๆ? เธอออดอ้อนเสียงหวานจนทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ
?แอนก็รู้ว่าปะป๊ามาเพราะเรื่องงาน นี่ปะป๊านัดเขาไว้แล้ว ถ้าปะป๊าไปสายหรือยกเลิกนัดมันจะดูไม่ดี? เขาพยายามอธิบายโดยใช้เหตุผลเพื่อให้เธอรับฟัง ?แอนก็รู้ว่าปะป๊าเป็นนักธุรกิจ จะให้ปะป๊ายกเลิกนัดสำคัญด้วยเรื่องแค่นี้ไม่ได้หรอก?
?หมายความว่ายังไงคะเรื่องแค่นี้? น้ำเสียงหวานขุ่นมัว ?ไหนปะป๊าเคยบอกว่ารักแอนมากกว่างานยังไงล่ะคะ สุดท้ายแล้วก็ไม่เห็นจะมีใครรักแอนเลยสักคน เชอะ?
หญิงสาวสะบัดหน้า เธอปล่อยแขนจากพ่อและเดินกระแทกส้นสูงไปตามทางด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
เพราะความโกรธจัดที่ถูกขัดใจทำให้แอนไม่ทันได้มองข้างหน้าและระมัดระวังตัวเอง ร่างบางเลยพุ่งเข้าชนกับแผ่นหลังของคนที่เดินอยู่ด้านหน้าอย่างจังจนเธอกระเด็นหงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้า
?โอ๊ย?
?คุณโอเคไหม? ชายหนุ่มหันกลับมา เขายื่นมือเพื่อช่วยเหลือแต่แอนกลับทำสีหน้าหงุดหงิดและปัดมือเขาออก
หญิงสาวลุกขึ้นยืน เธอลูบสะโพกเล็กน้อยเพราะความเจ็บก่อนจะดึงแว่นตากันแดดออกและจ้องมองเขาด้วยสายตายไม่เป็นมิตร
?นายกล้าดียังไงมาทำร้ายฉันแบบนี้ ไม่รู้รึไงว่าฉันเป็นใคร?
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น เขาซ่อนแววตาหงุดหงิดไว้ภายใต้กรอบแว่นกันแดดสีดำ
?คุณต่างหากที่เป็นฝ่ายเดินมาชนผมจนล้มไปเองคุณผู้หญิง และผมก็ไม่สนด้วยว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน?
สำเนียงอังกฤษแปร่งหูและน้ำเสียงทุ้มที่แฝงไว้ด้วยความเย็นชานิดๆ กระตุ้นให้ใจดวงน้อยเต้นสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะกล้ามเนื้อนูนแน่นที่ดูเหมือนเสื้อยืดกับกางเกงยีนจะปกปิดไม่มิด เขาทำให้เธอต้องกัดกระพุ้งแก้มเพื่อห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอยื่นมือไปลูบหน้าอกของเขาเพื่อตรวจดูความฟิตปั๋งของกล้ามเนื้อตรงหน้า
?คิดว่าจะหว่านเสน่ห์ใส่ฉันแล้วทำให้ฉันยอมมองข้ามความผิดของนายไปน่ะเหรอ ฝันไปเถอะย่ะ? แอนเท้าสะเอวและเชิดหน้าใส่เขาอย่างท้าทาย ?ฉันเป็นถึงลูกสาวของดยุคแห่งเบรฟอร์ดเลยนะ ไม่ใช่ผู้หญิงดาษๆ ที่นายคิดว่าหน้าตาหล่อๆ จะทำให้ฉันฝันจนลืมความผิดได้น่ะ?
หญิงสาวข่มขู่เขาด้วยดวงตาสดใสของเธอ ข่มขวัญชายหนุ่มที่มีร่างกายสูงใหญ่กว่าเธอเกือบสิบเซนติเมตรเมื่อนับรวมรองเท้าส้นสูงเข้าไปด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาจะต้องมีส่วนสูงไม่ต่ำกว่าหกฟุตสามนิ้วและคงจะต้องตัวสูงกว่าชวานอย่างไม่ต้องสงสัย เผลอๆ เขาอาจจะสูงกว่าแมธทิวด้วยก็ได้ แต่สิ่งที่เห็นกันชัดๆ คือเขามีร่างกายกำยำและแข็งแรงกว่าแมธทิวหลายเท่า ซึ่งเธอกำลังคิดถึงภาพเปลือยของเขาในสมอง
?ต้องขอประทานโทษด้วยนะครับคุณผู้หญิง แต่ผมผิดด้วยข้อหาอะไรมิทราบ?
?ข้อหาทำร้ายร่างกายและแกล้งหว่านเสน่ห์ใส่ฉันเพื่อบิดเบือนความผิดยังไงล่ะ?
เธอยัดเยียดข้อกล่าวหาด้วยรอยยิ้มสวยๆ ของเธอ
ชายหนุ่มไม่ได้นึกดีใจเลยสักนิดที่เขาดูมีเสน่ห์ในสายตาของเธอ เพราะนั่นหมายความว่าเธออาจจะเปลี่ยนใจมากระพือขนตาดกหนาเพื่อยั่วยวนเขาแทน ซึ่งสิ่งนั้นทำให้เขาชิงชัง
?ขอโทษฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความจับนาย?
?อย่าลืมส่งหมายศาลมาให้ผมด้วยล่ะ? เขาท้าด้วยน้ำเสียงเย็นชา
?นี่นาย?
ชวานรีบวิ่งเข้ามาขวางระหว่างแอนกับชายแปลกหน้าคนนั้น และรีบก้มศีรษะขอโทษอีกฝ่ายทันทีโดยไม่จำเป็นต้องสอบสวนหาคนผิด
?ต้องขอประทานโทษด้วยครับ ขออย่าได้ถือสาเรื่องครั้งนี้เลยนะครับ?
แอนได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจกับท่าทีของชวาน ส่วนชายร่างสูงคนต้นเรื่องก็แค่พยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจก่อนที่เขาจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเธออีกเลย
ท่าทางเย็นชาของชายแปลกหน้าคนนั้นทำให้แอนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เธอเกลียดการถูกเมินเป็นที่สุดและยิ่งกว่าไม่พอใจหากคนที่เมินใส่นั้นเป็นคนที่เธอสนใจ เอ๊ะ ไม่สิ เธอก็แค่สนใจเขาในฐานะคู่กรณีเท่านั้นเอง
?ไปขอโทษตาบ้านั่นทำไมกัน? เธอโวยวายใส่พ่อบ้านส่วนตัว พลางชะเง้อคอมองหาชายแปลกหน้าคนนั้น แต่เธอก็พบว่าเขาหายตัวไปแล้ว ?เป็นเพราะนายทีเดียว ตาบ้านั่นถึงได้หายไปเลย แล้วแบบนี้ฉันจะเอาผิดกับใครล่ะ?
แอนได้แต่กระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ
?ลูกสาวที่แสนดีของปะป๊า? ยอร์ครีบดึงลูกสาวให้เดินผ่านทางเชื่อมและห่างจากสายตาของผู้คนอย่างรวดเร็ว เขาพูดขอบคุณชวานเบาๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้แอนที่มีสีหน้าบึ้งตึง ?ชวานทำถูกแล้วนะลูก อย่าไปโกรธเขาเลยนะ?
แอนสะบัดมือออกก่อนจะกอดอกพร้อมสีหน้าบึ้งตึง ?ปะป๊าไม่รักแอนอยู่แล้วนี่ถึงได้ไปเข้าข้างชวานกับอีตาบ้านั่น เห็นกันชัดๆ ว่าตานั่นทำให้แอนเจ็บตัวก็ยังจะไปขอโทษมันอีก? น้ำเสียงหวานบ่นกระเง้ากระงอด ?ใช่สิ ปะป๊าไม่รักแอนแล้วนี่?
?ใครว่าล่ะ แอนเป็นลูกสาวที่ปะป๊ารักมากที่สุดในโลกเลยนะ? เขาพยายามง้อเธอให้หายโกรธ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าแอนไม่มีทีท่าจะหายโมโหง่ายๆ หากยังไม่ได้สิ่งที่เธอต้องการ
?แต่ปะป๊าก็เลือกงานมากกว่าแอนนี่คะ? สายตาตวัดค้อนใส่จนยอร์คได้แต่ถอนใจ
?เอาแบบนี้นะ วันนี้ลูกก็ไปเลือกซื้อของกับชวานก่อนแล้วก็กลับโรงแรม ส่วนปะป๊าจะรีบคุยธุระให้เสร็จแล้วเราค่อยเจอกันที่โรงแรมนะดีไหม เสร็จแล้วหลังจากนี้ ถ้าแอนอยากได้อะไรนะ ปะป๊าจะซื้อให้หมดทู๊ก...อย่างเลย ขอแค่ลูกสาวของปะป๊าเป็นเด็กดีเชื่อฟังปะป๊าก็พอ?
?ปะป๊าหมายความว่าที่ผ่านมาแอนไม่เป็นเด็กดี ไม่เชื่อฟังปะป๊าหรือคะ? น้ำเสียงหวานแหวใส่ หญิงสาวชักสีหน้าบึ้งตึงพร้อมกับแววตาทั้งสองสั่นระริกราวกับจะร้องไห้
ยอร์คลนลาน หน้าเขาถึงกับถอดสี ?ปะป๊าไม่ได้หมายความแบบนั้น ปะป๊ารู้ว่าแอนเป็นเด็กดี เชื่อฟังปะป๊ามากกว่าใคร แต่ปะป๊าแค่ขอให้แอนเชื่อฟังปะป๊าอีกสักหน ลูกสาวแสนดีของปะป๊าคนนี้ทำได้อยู่แล้วเนอะ? เขาพยายามปลอบเธอและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ดูเหมือนว่าจะใช้ไม่ได้ผล
?แอนเป็นเด็กดีและเชื่อฟังปะป๊ามาตลอด แล้วทำไมเรื่องแค่นี้ปะป๊าทำให้แอนบ้างไม่ได้ล่ะคะ? หยาดน้ำตาหนึ่งหยดเริ่มหลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่สวยทำให้หัวใจเขาแทบสลาย ?โอเคค่ะ แอนไปช้อปปิ้งกับชวานก็ได้ ปะป๊าจะไปไหนก็ตามใจปะป๊าเถอะค่ะ ยังไงแอนก็สำคัญน้อยกว่างานของปะป๊าอยู่แล้วนี่?
คำพูดตัดพ้อและหยาดน้ำตาของเธอทำให้ปราการแข็งแกร่งในจิตใจของยอร์คพังทลายไม่มีชิ้นดี ไม่ใช่ว่ายอร์คกลัวลูกสาวจะเสียใจและร้องไห้ฟูมฟาย แต่ยอร์คกลัวสิ่งที่จะเกิดตามมาหลังจากนั้นต่างหาก
คนเป็นพ่อถึงกับกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เขาขัดใจลูกสาวตัวน้อย ยอร์คจำได้ว่าหนนั้นเขาต้องไปประชุมกับพวกผู้บริหารคนอื่นๆ จนเลยเวลาฉลองวันเกิดครบรอบยี่สิบปีของแอน เธอโทรศัพท์มาหาเขาและร้องไห้ฟูมฟาย แต่เขาก็ทำได้แค่ปลอบโยนเธอและขอให้แมธทิวช่วยดูแลเธอแทนเขาเท่านั้น
เมื่อเขากลับบ้านในคืนนั้นพร้อมสภาพเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ยอร์คตั้งใจว่าจะขอโทษลูกสาวแสนน่ารักของเขาด้วยของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ แต่กลับกลายเป็นว่าตัวเขาเองที่เป็นฝ่ายถูกเซอร์ไพรส์จนพูดไม่ออก เมื่อพบว่าที่นอนของเขาเต็มไปด้วยซอสมะเขือเทศ และสูทราคาแพงตัวโปรดก็ถูกย้อมเป็นสีแดงทั้งตัวด้วยสีย้อมผ้าที่รับประกันความติดแน่นไม่มีสีตกตามราคาคุย จนเขาต้องยอมไปร่วมหุ้นด้วยเพราะมองเห็นประสิทธิภาพของมันทั้งน้ำตา
กระทั่งแมธทิว พ่อบ้านที่ดูแลเธอมาตลอดนับแต่เด็กยังไม่สามารถทำอะไรกับนิสัยนี้ได้ ซึ่งการเรียกร้องความสนใจของเธอนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ และใครที่ทำเมินใส่ก็มีอันต้องเจ็บตัวกันทุกรายไป โดยเฉพาะหลังการตายของภรรยาที่ทำให้แอนยิ่งกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจหนักขึ้นจนแก้ไม่หาย ซึ่งเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจำต้องตามใจเธอ
?ก็ได้ๆ ปะป๊าไปช้อปปิ้งกับแอนด้วยก็ได้? เขาจำต้องตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะยอร์คคงไม่เหลือพื้นที่ในสมองให้คิดเรื่องงานมากไปกว่าคิดว่าลูกสาวของเขาจะก่อเรื่องอะไรหลังจากนี้ และคำตอบของเขาก็ทำให้แอนหันมายิ้มจนแก้มปริ
?แอนกะแล้วว่าปะป๊าจะต้องรักแอนมากกว่างาน? เธอกอดแขนของยอร์คแน่น น้ำเสียงตัดพ้อพลันอ่อนหวานทันที ดวงตาของเธอสดใสร่าเริงขึ้นราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่นั้นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
ยอร์คได้แต่ถอนใจที่เห็นลูกสาวตัวน้อยของเขาร่าเริงขึ้นทันควัน แม้จะรู้ว่าเธอแค่แกล้งทำเป็นเศร้าเสียใจเพื่อหวังจะให้เขาตามใจเธอ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เคยใจแข็งกับเธอได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เหตุผลหนึ่งคือกลัวปัญหาที่เธอจะก่อขึ้นหลังจากที่ผิดหวัง แต่อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะเขารักเธอมากจนปฏิเสธไม่ลง
?ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวปะป๊าจะให้ไซม่อนโทรไปเลื่อนประชุมก็แล้วกัน ส่วนเราก็ไปซื้อของกันดีกว่าเนอะ?
?งั้นไปซื้อเสื้อผ้ากันดีกว่าค่ะปะป๊า แอนอยากได้เสื้อผ้าชุดใหม่?
?ได้สิลูก แอนอยากจะได้อะไรเดี๋ยวปะป๊าจะซื้อให้ทุกอย่างเลย แอนจะได้รู้ว่าสำหรับปะป๊าแล้ว แอนสำคัญที่สุดเสมอ? เขาหัวเราะกับลูกสาวก่อนจะหันมองไซม่อนด้วยแววตาเครียดเคร่ง ?เดี๋ยวนายเอาของไปเก็บแล้วก็ไปจัดการเลื่อนนัดวันนี้ เสร็จแล้วก็ไปจัดการธุระเรื่องนั้นให้ฉันด้วยก็แล้วกัน?
?รับทราบครับมายลอร์ด?
?เรื่องอะไรหรือคะปะป๊า? หญิงสาวหันมาถามด้วยรอยยิ้มสดใส
?ก็...เรื่องงานนั่นล่ะ ลูกอย่าใส่ใจเลย? ยอร์คปัดเพราะไม่ต้องการให้เธอรับรู้ ?เอาล่ะ เดี๋ยวเราไปซื้อของกันดีกว่า ชวานกับชีวาน เดี๋ยวนายสองคนตามฉันกับแอนไปช่วยขนของด้วยนะ?
?ตามบัญชา มายลอร์ด? ชีวานและชวานน้อมรับพร้อมกันในฐานะของพ่อบ้านส่วนตัวที่ติดตามดูแล ซึ่งความเขาไม่มีสิทธิ์คิดเห็นต่างเป็นอื่นนอกเหนือจากต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ชายหนุ่มที่ได้รับฉายาว่าแอนดรอยแมนต้องฝืนใจกับคำสั่งโหด เขาต้องมาดูแล ?แอน เทเลอร์? เลดี้หนึ่งเดียวของตระกูลดังที่ทั้งหยิ่งและแสบพอตัว ทำให้?บดินทร์? ต้องต่อปากต่อคำกับเธอแบบที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน และแอน เทเลอร์เองก็แปลกใจที่ตัวเองยอมเขาเสียดื้อๆ โดยไม่กล้าออกฤทธิ์อย่างที่เคย ทำให้ผู้ชายเฉยชาและนิ่งเงียบที่หล่อร้ายกาจอย่างบดินทร์หัวใจสั่นไหว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่หัวใจเคยปิดตายกลับมาชีวิตชีวาอีกครั้ง หากแต่หน้าที่บอดี้การ์ดทำให้เขาต้องรับผิดชอบชีวิตหญิงสาวและไม่ทำให้เจ็บช้ำเสียเอง ทว่าแอน เทเลอร์คิดว่าการจุมพิตเบาๆ ที่เขาเผลอไผลครั้งนั้นมันคือจุดเริ่มต้นของคำว่ารัก

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”