New Release : จุมพิตมาเฟีย

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : จุมพิตมาเฟีย

โพสต์ โดย Gals »

1


กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

บนเนินหญ้าเขียวขจีกว่าร้อยไร่เขียวชะอุ่มไปทั่วบริเวณ เป็นหลุมฝังศพของฟูไดและเรโกะสองสามีภรรยาแห่งตระกูลฟูจิเคดะ ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่และทรงอิทธิพลที่สุดของเกาะญี่ปุ่น ซึ่งคนดูแลนับสิบต่างตั้งอกตั้งใจดูแลบริเวณนี้ด้วยความจงรักภักดี
หน้าหลุมศพรูปกุญแจที่รายล้อมด้วยน้ำ ร่างสูงสง่าของโยชิ ฟูจิเคดะ บุตรชายของคนที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของแม่ธรณียืนสงบนิ่งอยู่หน้าหลุมศพด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แม้ละอองสายฝนจะโปรยปรายลงมาบางเบา หากร่างสูงสง่าก็ไม่สะทกสะท้านสักนิด บอดี้การ์ดผู้จงรักภักดีอย่างจิวฤทธิ์และชุนยืนเงียบอยู่ด้านหลัง ทำให้ร่างสูงที่สวมใส่ชุดดำสนิทน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น
?พ่อกับแม่สบายดีนะครับ ผมกับคุณปู่สบายดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าคนที่ฆ่าพ่อกับแม่ได้รับผลกรรมที่พวกมันทำไว้?
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ มือหนาถึงกับกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาให้เห็น ความคั่งแค้นที่สุ่มแน่นอยู่ในอกตั้งแต่ผู้ให้กำเนิดถูกลอบสังหารเมื่อครั้งที่มีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น จนทำให้เขากลายเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาด้วยความรักของคนเป็นปู่
โยชิถูกทิ้งให้อยู่กับมรดกมหาศาลของตระกูลตั้งแต่อายุสิบแปด เพราะพ่อแม่เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารของกลุ่มนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามขณะไปรณรงค์หาเสียง ทำให้โยชิอยู่ในความดูแลของคนเป็นปู่ ซึ่งตอนนั้นเป็นประธานบริหารธุรกิจของตระกูล
?ถึงเวลาที่พวกมันต้องชดใช้กับสิ่งที่ทำแล้วครับ ผมสัญญาจะลากตัวคนที่ฆ่าพ่อกับแม่มาลงโทษให้จงได้ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม? สิ้นเสียงประกาศกร้าว สายลมหนาวก็พัดวูบเข้ามาปะทะกายคล้ายกับคนที่นอนนิ่งอยู่เบื้องล่างรับรู้ในสิ่งชายหนุ่มบอกออกไป
?ฝนเริ่มลงเม็ดหนักแล้วครับคุณชาย?
จิวฤทธิ์บอกเสียงเรียบ โยชิไม่ตอบแต่มองหลุมฝังศพตรงหน้าแล้วโค้งคำนับด้วยความเทิดทูน
?ผมต้องกลับแล้วนะครับ มีเวลาเมื่อไหร่ผมจะแวะมาเยี่ยมพ่อกับแม่อีก ลาก่อนครับ?
พูดจบร่างสูงก็เดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ริมถนน จิวฤทธิ์และชุนแยกย้ายกันไปนั่งประจำที่ จากนั้นรถก็เคลื่อนตัวไปตามถนนแคบๆ ภายในสุสาน ทิ้งให้แสงสุดท้ายของบอกลาพื้นฟ้าและสายลมอยู่เบื้องหลัง
?ไปโคมแดง? โยชิสั่งสั้นๆ ขณะรถเคลื่อนตัวออกจากประตูสุสาน จากนั้นร่างสูงก็นั่งทอดสายตามองทิวทัศน์นอกตัวรถ
รถของโยชิวิ่งเข้าไปในเมืองคาบูกิโชในเขตชินจูกุยามค่ำคืนที่เต็มไปแสงไฟหลากหลายสีสัน ประดับประดาเพื่อดึงดูดนักท่องราตรีเข้าไปใช้บริการ แม้ย่านนี้จะเต็มไปด้วยอบายมุขและสิ่งล่อลวง แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำเรื่องไม่ดีเพราะสถานบันเทิงเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของตระกูลฟูจิเคดะ
ไม่ใช่แค่ย่านบันเทิงแห่งนี้เท่านั้นที่เป็นของตระกูลฟูจิเคดะ ธุรกิจบนเกาะโอไดบะเกือบทั้งหมดเป็นของฟูจิเคดะภายใต้การบริหารของฟูจิเคดะ โยชิ วัยสามสิบสาม ทายาทคนโตของตระกูลอีกด้วย
ระยะเวลาผ่านไปสิบกว่าปี โยชิถูกหล่อหลอมจากฟูจิเคดะ ทากาโน่ คนเป็นปู่จนเก่งกาจและฉลาดเป็นกรด ชายหนุ่มเป็นคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยไหวพริบและวิสัยทัศน์
ห้าปีที่เขารับช่วงงานต่อจากปู่ ธุรกิจในเครือฟูจิเคดะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ฟูจิเคดะ โยชิจึงกลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเวลานี้
***
ชั้นบนสุดของตึกทำการของฟูจิเคดะทาวเวอร์ ร่างสูงสง่าสวมสูทสีเข้มยืนทอดสายตามองไปที่สะพานแขวนที่โอไดบะ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาออกไปทางยุโรป เพราะเติบโตมาในวัฒนธรรมตะวันตกเกือบสามสิบปี ทำให้โยชิรูปร่างสูงใหญ่กว่าผู้ชายเอเชียปกติ และนั่นส่งให้ทุกส่วนที่ประกอบเป็นเขาดูน่าเกรงและทรงอำนาจมากที่สุด
ขณะที่สายตาคมกริบกำลังมองความงดงามของยามราตรีอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะเปิดเข้ามา จิวฤทธิ์ จิตธานัน และชุน ชิโร เดินมาหยุดกลางห้องพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อย โยชิเอี้ยวตัวไปมองบอดี้การ์ดคนสนิทก่อนจะหันมาหาทั้งตัว
?ข้างล่างเรียบร้อยใช่ไหม?
?เรียบร้อยครับคุณโยชิ ตอนนี้ผมเพิ่มคนไปดูแลความเรียบร้อยที่เขตธุรกิจของเราเพื่อป้องกันเหตุร้าย? ชุนรายงานเสียงเรียบ
?ดี เพราะได้ข่าวว่าโชเดะจะเริ่มรุกหนักขึ้นทุกวัน? โยชิบอกพลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน
?ส่วนสายที่แฝงตัวอยู่ในโชดะส่งข่าวมาบอกว่าทางประมุขโชดะจะมีการประชุมผู้จัดการสาขาวันจันทร์ที่จะถึงนี้ครับ? จิวฤทธิ์ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการสืบข่าวคู่แข่งรายงานบ้าง โยชิครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ยิน
?ขอให้พวกมันทำเลวแค่ในกรอบแคบๆ ของพวกมันก็พอ เราจะได้ไม่ต้องออกแรง? โยชิบอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
โชเดะเป็นคู่แข่งกับฟูจิเคดะมาตั้งแต่รุ่นปู่ที่ตอนนี้การแข่งขันยังตกมาถึงรุ่นหลานอีกด้วย ทามูระ โชเดะ ประธานบริหารกลุ่มโชเดะกรุ๊ป อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาก็เก่งกาจพอตัว และรอโอกาสช่วงชิงพื้นที่ธุรกิจของฟูจิเคดะอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็ส่งคนมาก่อกวนเพื่อลดความน่าเชื่อถือของเขา ทำให้โยชิต้องส่งคนเข้าไปแฝงตัวในโชเดะเพื่อรู้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย
?พวกมันคงไม่เต้นอยู่ในวงแคบๆ แล้วล่ะครับคุณโยชิ เพราะสายเราบอกว่านักฆ่าฝีมือฉกาจหลายคนตบเท้าเข้าออกที่โชเดะเป็นว่าเล่น? จิวฤทธิ์รายงานต่อ โยชิแสยะยิ้มแววตาดุดันและไม่เกรงกลัวสักนิด
?โชดะคงต้องการประกาศศักดาให้ผู้ร่วมทุนรู้ ยังไงให้คนมีสีที่อยู่ฝ่ายเราตรวจสอบประวัตินักฆ่าที่เข้ามาขุดทองในโอไดบะด้วยก็แล้วกัน แล้วนายจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่?
โยชิถามพลางประสานมือไว้บนโต๊ะ จิวฤทธิ์หันไปมองชุนด้วยสีหน้ากังวล ใจก็อยากกลับไปงานรับปริญญาของน้องสาว อีกใจก็ห่วงความปลอดภัยของเจ้านายหนุ่ม
?เอ่อ ผมคงไม่กลับไปแล้วครับ แต่จะให้น้องสาวมาพักผ่อนที่นี่สักระยะ?
?ไม่ต้องห่วงฉัน...ชุนก็อยู่ นายไปทำหน้าที่พี่ชายให้เสร็จแล้วค่อยกลับมา แต่ถ้าอยากให้น้องสาวมาอยู่ใกล้ๆ ก็ให้มาทำงานที่นี่ด้วยกัน?
?ขอบคุณครับที่กรุณา แต่จิน เอ่อ...ผมหมายถึงจินตปาตีน้องสาวผม ต้องใช้ทุนที่เมืองไทยอีกหลายปี?
จิวฤทธิ์โค้งคำนับด้วยความซึ้งใจ สิบเจ็ดปีที่จิวฤทธิ์เดินทางมาขุดทองที่ญี่ปุ่น ทำให้ชีวิตเข้ามาอยู่ในวังวนของดงมาเฟียแดนอาทิตย์อุทัย เพราะบังเอิญไปช่วยชีวิตทากาโน่จากการลอบทำร้ายเอาไว้
ความซื่อสัตย์ที่จิวฤทธิ์แสดงออกมาตลอดหลายปี ทำให้ทากาโน่ไว้ใจจนให้รับหน้าที่สำคัญ นั่นก็คือตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวของโยชิ ฟูจิเคดะ
?อย่าคิดว่าฉันเป็นคนอื่น เพราะนายกับชุนคือเพื่อนแท้ของฉัน? พูดจบร่างสูงสง่าก็ยืนขึ้นเต็มความสูง ทั้งชุนและจิวฤทธิ์โค้งคำนับเจ้านายหนุ่มพร้อมกัน
?ขอบคุณครับ??
โยชิเพียงพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วเดินออกจากห้องไปที่ลิฟต์ส่วนตัวโดยมีจิวฤทธิ์และชุนตามออกมา
?คุณโยชิจะไปที่ไหนต่อหรือเปล่าครับ? ชุนถามเพื่อจัดแผนการอารักขา
?กลับบ้านเลย ไม่ได้เจอคุณปู่หลายวันแล้วท่านคงเหงา?
คำตอบของเจ้านายหนุ่ม ทำให้ชุนหันไปสั่งคนขับรถทันที
?เรื่องกลับเมืองไทย...นายกลับได้เท่าที่ต้องการนะจิว ทางนี้ให้ชุนจัดการงานแทน? โยชิบอกในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอแล็บท็อปเครื่องเล็ก
จิวฤทธิ์ก้มศีรษะรับคำ หากแววตาเต็มไปด้วยความกังวลเพราะห่วงความปลอดภัยของคนพูด
?ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ถ้านายไม่ไป น้องสาวนายคงนั่งเครื่องมาอาละวาดฉันถึงโกเตียวแน่ๆ คราวก่อนแค่ไปเมืองไทยช้ากว่าที่บอก ยัยตัวแสบด่าฉันซะให้คะแนนไม่ทันเลย?
โยชิบอกอย่างอารมณ์ดีเมื่อคิดถึงเด็กสาวรูปร่างผอมโกร่งกะหร่องเมื่อหลายปีก่อน
?นั่นสิ เห็นฤทธิ์น้องสาวนายตอนเราไปเมืองไทยฉันยังขยาดไม่หาย ตัวเล็กแต่เขี้ยวเล็บรอบตัว? ชุนกล่าวเสริม
จิวฤทธิ์คลี่ยิ้มยอมรับเพราะทั้งเจ้านายและเพื่อนพูดไม่เกินจริงเลย ด้วยเพราะจินตปาตีต้องดูแลตัวเองมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เขาจึงให้น้องสาวเรียนการป้องกันตัวทุกรูปแบบ แม้จะไม่เก่งแต่ก็พอเอาตัวรอดได้
?ผมจะรีบไปรีบกลับครับ นายอย่าห่างคุณโยชิเด็ดขาดเลยนะชุน?
คำฝากฝังของจิวฤทธิ์ทำให้โยชิมองคนทั้งสองอย่างซึ้งใจ
เมื่อห้าปีก่อนเขามีโอกาสตามคุณปู่ไปตรวจงานที่เมืองไทย จินตปาตี จิตธานัน น้องสาวของบอดี้การ์ดคนสนิทรู้ว่าพี่ชายจะกลับมาก็ตั้งตารอ แต่หมายกำหนดการก็ถูกเลื่อนเพราะปู่ของเขาติดธุระสำคัญทำเอาคนเฝ้ารอผิดหวัง จนเธอโทร.มาตัดพ้อพี่ชายและวันนั้นเขาเป็นคนรับสายเพราะจิวฤทธิ์ลืมโทรศัพท์เอาไว้ในห้องทำงาน
และการพบกันครั้งแรกเธอก็เลยจัดชุดใหญ่ชนิดไม่เกรงกลัวเขาสักนิด
วันนั้นเป็นงานกีฬามหาวิทยาลัย เธอเป็นตัวแทนกีฬามวยหญิงขึ้นชก พอได้เวลาขึ้นเวทีแห่งการประลอง พี่ชายติดงานไปเชียร์ไม่ได้ แม่เจ้าประคุณมาต่อว่าต่อขานเขาเอาซะเสียความมั่นใจ แถมยังใช้วิชามวยไทยชกเขาอีกต่างหาก พอคิดมาถึงตรงนี้มือหนายกขึ้นถูแก้มซ้ายข้างที่ถูกเธอชก ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มน้อยๆ อย่างขบขันที่ตัวเองเสียท่าให้สาวก๋ากั่นอย่างเธอ
รถยนต์คันหรูวิ่งผ่านประตูอัลลอยขนาดใหญ่เข้าสู่อาณาจักรของฟูจิเคดะ ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ของความคิด สายตาทอดมองต้นดอกซากุระที่กำลังแย้มกลีบเบ่งบาน กลีบดอกเล็กสีขาวโพลน บางส่วนต้องแรงลมก็ปลิดปลิวร่วงลงพื้น บางส่วนก็ล่องลอยไปตามกระแสลมที่โอบล้อมคฤหาสน์หลังใหญ่ รอบบริเวณเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คนที่ผ่านเข้ามารู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายขึ้นจากงานที่เคร่งเครียดมาทั้งวัน
?นายสองคนกลับไปพักผ่อนตามสบาย พรุ่งนี้ฉันไม่ออกไปไหน?
จิวฤทธิ์และชุนก้มศีรษะรับคำ ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องโถง จิวฤทธิ์มองตามแผ่นหลังหนานิ่งนานจนชุนต้องมองตาม
?มีอะไรหรือเปล่าจิว?
?เปล่า ถ้าฉันไม่อยู่นายต้องดูแลคุณโยชิดีๆ นะชุน?
คำพูดเหมือนจะสั่งเสียของจิวฤทธิ์ทำให้ชุนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
?นายจะไปไหน?
?ฉันไม่ได้ไปไหน แต่ห่วงคุณโยชิ? จิวฤทธิ์บอกขณะเดินไปที่รถ
?แกนี่พูดแปลกๆ กลับบ้านไปหาลูกหาเมียได้แล้ว ลูกสาวไม่ค่อยสบายด้วยไม่ใช่เหรอ? ชุนบอกพลางเดินไปส่งเพื่อนที่รถและเปิดประตูให้
?ขอบใจแกสำหรับทุกอย่างนะชุน? จิวฤทธิ์ยกมือเสมออก แม้จะไม่เข้าใจความหมายในคำพูด ชุนก็ยกมือไปประกบและรู้สึกแปลกๆ ในใจ
?กลับบ้านได้แล้ว ฝากบอกโมจิด้วยว่างๆ จะไปเล่นด้วย? ชุนพูดถึงลูกสาววัยสามขวบของจิวฤทธิ์อย่างคุ้นเคย และมองท้ายรถของเพื่อนรักจนกระทั่งหายไปในความมืด
จิวฤทธิ์ขับรถออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ได้ไม่นานก็เปลี่ยนเส้นทางไปที่ไนท์คลับใหญ่ของอยู่ในเขตโคมแดง พอไปถึงจิวฤทธิ์ก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานโดยไม่เอ่ยทักทายใคร ผู้จัดการไนท์คลับเดินเข้าไปหาอย่างแปลกใจ
?คุณจิวฤทธิ์มาตรวจงานหรือต้องการเด็กนั่งเป็นเพื่อนครับ?
?ฉันมาเอาของนิดหน่อยแล้วก็จะกลับ มีอะไรก็ไปทำเถอะ เอาของเสร็จฉันจะกลับเลย?
จิวฤทธิ์บอกพลางดึงลิ้นชักออกมา แต่ทันทีที่ผู้จัดการไนท์คลับออกจากห้องไป จิวฤทธิ์ก็เดินตรงไปที่ตู้เซฟ ซึ่งใช้เป็นที่เก็บเงินของไนท์คลับก่อนจะส่งไปที่สำนักงานใหญ่ของฟูจิเคดะ
จิวฤทธิ์ทำการปลดล็อกรหัสผ่านที่มีเพียงเขา ชุน โยชิ และผู้จัดการร้านเท่านั้นที่รู้ เมื่อประตูเซฟเปิดจิวฤทธิ์ก็หยิบกระเป๋าหนังขนาดย่อมมาใส่เงินออกไปจนหมดตู้แล้วปิดกลับเข้าไปเช่นเดิม จากนั้นก็เดินออกจากไนท์คลับทางประตูหลังแล้วขับรถออกมาด้วยความเร็วสูง
ทันทีที่ออกจากเขตโคมแดง จิวฤทธิ์ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.หาโยโกะภรรยา ถือสายรอไม่นานก็มีคนตอบกลับมา
?คุณถึงไหนแล้วคะจิว?
?ผมกำลังจะไปที่สนามบิน ลูกเป็นไงบ้างโยโกะ?
จิวฤทธิ์ถามถึงบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วเสียงใสกังวานก็ดังมาตามสายทำเอาคนเป็นพ่อน้ำตาซึม
?พ่อคะ โมจิมารอพ่ออยู่สนามบินแล้วค่ะ เราจะไปอยู่กับอาจินใช่ไหมคะ?
?ใช่จ้ะ เราจะไปหาอาจินที่เมืองไทย?
จิวฤทธิ์พูดอีกเพียงสองสามประโยคก็วางสาย ใบหน้าเรียวยาวเคร่งเครียดและเอ่ยคำขอโทษต่อโยชิไม่รู้กี่ร้อยครั้งแล้วในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
?ผมขอโทษนะครับคุณโยชิ...คุณท่าน ผมจำเป็นจริงๆ?
จิวฤทธิ์พูดทั้งน้ำตาก่อนจะเร่งความเร็วของรถขึ้นไปอีก เพราะแต่ละนาทีหมายถึงความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว
ณ สนามบินนานาชาติของกรุงโตเกียว โยโกะนั่งกอดลูกสาวตัวน้อยรอสามีในห้องพักผู้โดยสารเพื่อขึ้นเครื่องไปประเทศไทย
?ทำไมพ่อยังไม่มาคะแม่?
เด็กหญิงโมจิเอ่ยถามขณะนั่งซุกตัวอยู่กับอกมารดา ตากลมใสก็จะปิดเพราะความง่วง โยโกะก้มลงไปจูบกลางกระหม่อมอย่างแสนรัก
?คงใกล้ถึงแล้วจ้ะ? ผู้เป็นมารดาบอกพลางมองไปที่ประตู เสียงประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องก็ดังขึ้น ยิ่งทำให้โยกะไม่สบายใจกลัวว่าสามีจะเป็นอันตราย แต่พอเห็นชายร่างสูงเพรียวคนหนึ่งมีหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าเดินถือกระเป๋าเข้ามาก็จ้องอยู่นานก่อนจะก้มลงไปบอกบุตรสาว
?พ่อมาแล้วจ้ะ เราไปขึ้นเครื่องกันนะ?
โมจิลืมตาขึ้นมองหาบิดาพอเห็นก็ยิ้มจนตาหยีแล้วกางแขนออก จิวฤทธิ์ยกร่างเล็กขึ้นมาอุ้มแล้วเดินนำภรรยาไปขึ้นเครื่อง
***
เมื่อแสงแรกของตะวันแดนอาทิตย์อุทัยส่องสว่างเหนือขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก ผู้จัดการไนท์คลับในเขตโคมแดงก็ต้องมานั่งสั่นงันงกที่หน้าโต๊ะทำงานของโยชิ ทั้งโยชิและชุนต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดพอกันเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปากผู้จัดการ
?นายแน่ใจนะว่าจิวฤทธิ์ไปที่นั่น? โยชิถามเสียงเข้ม
?แน่ใจครับ แต่เงินหายไปตอนไหนผมไม่รู้ครับ แต่ผมไม่ได้เอาเงินไปนะครับโยชิซัง ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเงินมันหายไปได้ยังไง? ผู้จัดการร้านบอกเสียงรัวเร็ว ใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
?กลับไปก่อน แล้วอย่าพูดเรื่องนี้กับใครจนกว่าจิวฤทธิ์จะมาแก้ต่างให้ตัวเอง?
ไม่ต้องให้บอกซ้ำ ผู้จัดการไนต์คลับก็รีบเผ่นออกจากห้องทำงานของโยชิอย่างรวดเร็ว
เมื่อไม่มีบุคคลอื่นโยชิก็มองหน้าชุน
?คนของเราเจอตัวจิวหรือยัง?
?ยังครับ ผมให้คนไปค้นที่บ้านจิวแล้วไม่พบใคร?
?มันมีปัญหาอะไรทำไมไม่บอกวะ? โยชิบอกเสียงเครียด เงินสำหรับเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่คนสนิทที่คิดว่าตายแทนกันได้กลับมาทรยศเสียเองแล้วเขาจะไว้ใจใครได้อีก
?เมื่อคืนก่อนกลับบ้านจิวมันก็พูดอะไรแปลกๆ แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจครับ? ชุนก้มศีรษะรับความผิด
ร่างสูงลุกขึ้นไปยืนกลางหน้าต่างใสบานใหญ่ สายตาคมกริบทอดมองแสงแรกของดวงตะวันด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ขณะที่ห้องปกคลุมไปด้วยความตึงเครียด การ์ดที่ตามไปจับตัวจิวฤทธิ์ก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง
?คนของเราส่งข่าวมาบอกว่าเห็นคุณโยโกะกับบุตรสาวขึ้นเครื่องไปเมืองไทยกับผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อคืนครับ?
การ์ดรายงานพร้อมกับยื่นซองสีขาวให้กับเจ้านายหนุ่ม
?พวกที่ไปบ้านคุณจิวพบจดหมายจ่าหน้าซองถึงโยชิซังครับ?
เจ้าของชื่อรับซองสีขาวมาเปิดอ่าน สายตาคมกวาดมองอักษรทุกตัวอย่างละเอียด ชายหนุ่มกำมือมือเข้าหากันแน่น ดวงตาคมกริบแดงก่ำด้วยความโกรธ
?บอกคนของเราไปดักที่บ้านของจิวฤทธิ์ในเมืองไทย ยังไงมันต้องพาครอบครัวไปที่นั่น ตรวจสอบบัญชีเงินฝากทุกบัญชีของมัน ได้เรื่องยังไงแจ้งฉันด่วน?
การ์ดโค้งรับคำสั่งแล้วเดินออกจากห้องไป ชุนมองแผ่นหลังหนาที่ยืนเงียบอยู่กลางหน้าต่าง ท่าทีเงียบขรึมหลังอ่านจดหมายทำให้ชุนแปลกใจไม่น้อย
?พรุ่งนี้ฉันจะไปเมืองไทยและอยู่ตรวจงานที่นั่นสักระยะ หาประวัติทุกคนที่เกี่ยวข้องกับจิวฤทธิ์ด่วนที่สุด? โยชิบอกเสียงเรียบ แต่ชุนรู้ดีว่าการไปเมืองไทยครั้งนี้ไม่ใช่การตรวจงานธรรมดา
?ในเมืองไทยมีบริษัทไหนที่ยื่นความจำนงให้เราร่วมทุน?
?มีหลายบริษัทครับโยชิ แล้วก็มีสองสามบริษัทที่ต้องการให้เราเทคโอเวอร์?
ชุนรายงานเพราะรู้ว่าเจ้านายต้องการรายละเอียดพวกนี้ก่อนที่จะไปตรวจงานที่เมืองไทย
?หารายละเอียดบริษัทที่ต้องการให้เราเข้าไปเทคโอเวอร์ก็แล้วกัน ฉันชอบทำงานเองมากกว่า?
โยชิบอกขณะทอดสายตาอยู่จุดเดิม ชุนเดินไปนั่งหน้าโต๊ะทำงานแล้วเริ่มหารายละเอียดให้เจ้านายทันที
***
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
สนามบินสุวรรณภูมิช่วงเช้าตรู่ผู้คนยังไม่พลุกพล่านมากนัก จิวฤทธิ์ปลอมตัวด้วยการติดหนวดเครายาว อุ้มลูกน้อยไว้บนบ่า มืออีกข้างก็จับมือโยโกะซึ่งมีผ้าคลุมหน้าปกปิด ทั้งสามเดินออกจากอาคารผู้โดยสารขาออก สายตายาวรีมองซ้ายขวาอย่างระวังตัว
?น้องจินจะมารับเราไหมคะคุณ? โยโกะถามด้วยความกังวลใจ
?มาสิ? จิวฤทธิ์บอกอย่างมั่นใจ ดวงตาภายใต้แว่นดำมองรถที่จอดริมฟุตปาธ ก่อนจะไปหยุดที่หญิงสาวผมยาวสลวย รูปร่างสูงโปร่งยืนชะเง้อมองเข้าไปในตัวอาคาร
?จิน? จิวฤทธิ์เรียกชื่อน้องสาวด้วยความดีใจก่อนจะเดินเข้าไปหา
จินตปาตีจำพี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่ได้ แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มใกล้ๆ ทำให้จินตปาตีตาเบิกกว้าง
?พี่จิว พี่โยโกะ? เธอเข้าไปจับมือพี่ชายและพี่สะใภ้ด้วยความดีใจ
?รีบไปเถอะ เดี๋ยวคนของฟูจิเคดะมาเห็นเข้า?
จิวฤทธิ์บอกพลางเปิดประตูรถให้ภรรยาเข้าไปนั่ง แล้วส่งบุตรสาวให้ภรรยาก่อนจะไปนั่งด้านหน้าคู่กับน้องสาว
จินตปาตีรีบขับรถออกจากสนามบินทันที
?จินดีใจมากเลยคะที่พี่สองคนกับหลานปลอดภัย? จินตปาตีหันไปมองหน้าพี่ชายนิดหนึ่ง
?อีกสองสามวันโยชิซังคงตามมา?
จิวฤทธิ์บอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะรู้จักเจ้านายดีว่าเกลียดคนทรยศหักหลังเป็นที่สุด ยังไงต้องตามมาจัดการเขาแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะเป็นยังไงก็ยอมทั้งนั้นขอเพียงให้ลูกสาวตัวน้อยปลอดภัยก็พอ
จินตปาตีเอื้อมมือไปจับมือพี่ชายบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
?จินรับรองคะว่าที่อยู่ใหม่พี่จิวกับพี่โยโกะจะไม่มีใครรู้เด็ดขาด ส่วนเรื่องผ่าตัดเปลี่ยนใจหัวใจของโมจิ ทางหมออยากตรวจร่างกายหลานอย่างละเอียดก่อนการผ่าตัด ถ้าพรุ่งนี้โมจิพร้อม จินจะพาไปทันทีค่ะ?
?ขอบใจนะจินที่เสี่ยงเพราะพี่? จิวฤทธิ์มองน้องสาวอย่างซึ้งใจ
?เพื่อพี่ที่ไหนคะ เพื่อครอบครัวของเราต่างหาก พี่โยโกะเดินทางเป็นยังไงบ้างคะ ตื่นเต้นตลอดทางเลยสิ?
จินตปาตีคุยกับพี่สะใภ้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม โยโกะยิ้มพลางลูบศีรษะเล็กของลูก
?หายใจไม่ทั่วท้องเลยค่ะน้องจิน สงสารก็แต่โมจิ?
?ไม่ต้องห่วงนะคะ หมอหัวใจคนนี้เก่งมาก จินเชื่อว่าโมจิต้องหายแน่นอน?
จินตปาตีบอกอย่างมั่นใจ หญิงสาวขับรถพาครอบครัวพี่ชายออกนอกเมืองไม่นานก็เลี้ยวเข้าไปในรั้วบ้านทรงไทยหลังหนึ่งที่ดูภายนอกมืดครึ้มด้วยเงาต้นไม้ใหญ่
?บ้านใครจิน?
?พี่จิวจำบ้านอาสมรศรีไม่ได้เหรอคะ ท่านเสียไปเมื่อหลายเดือนก่อนด้วยโรคประจำตัว ท่านเลยยกบ้านหลังนี้ให้จินกับพี่จิวคนละครึ่ง รับรองว่าไม่มีใครรู้แน่นอนว่าที่นี่เป็นบ้านของเราอีกหลังหนึ่ง?
จินตปาตีบอกหลังจากจอดรถที่เชิงบันได จิวฤทธิ์มองประตูไม้สักที่เคลื่อนปิดด้วยรีโมทคอนโทลที่อยู่ในมือน้องสาว โยโกะอุ้มลูกน้อยลงจากรถแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในปอด
?ร่มรื่นมากเลยค่ะน้องจิน? โยโกะบอกด้วยสีหน้าผ่อนคลายขึ้น หากเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาจากด้านหลังทำให้จิวฤทธิ์หยิบปืนที่เอวออกมาแล้วเล็งไปที่คนมาใหม่ เด็กหนุ่มผิวสีกาแฟต้องเบรกจนตัวโก่งพร้อมกับยกมือขึ้น
?อย่าค่ะพี่จิว? จินตปาตีวิ่งเข้าไปจับมือพี่ชายไว้ ?ซูโม่ไงคะพี่ ซูโม่ที่เป็นลูกไล่กับพี่ตอนเด็กๆ ไง?
?ครับเฮียจิว ซูโม่เองครับ?
จิวฤทธิ์ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะลดปืนลง เด็กหนุ่มนามซูโม่ถึงกับเป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอก
?โห?เฮียจิว เล่นซะซูโม่หัวใจวิ่งไปอยู่ตาตุ่มเลย?
?ขอโทษที่ว่ะ เฮียจำไม่ได้ โตขึ้นหล่อกว่าตอนเป็นเด็กเยอะเลยนะเรา? จิวฤทธิ์บอกขณะโอบบ่าซูโม่โยกไปมา
?ขึ้นไปดูบนเรือนดีกว่าค่ะ?
หญิงสาวช่วยพี่ชายถือกระเป๋าเดินขึ้นบันไดไป จิวฤทธิ์ถือกระเป๋าเดินตามน้องสาวเข้าไปในห้องนอนกว้าง โยโกะอุ้มลูกน้อยไปวางบนเตียงเบาๆ แล้วคลี่ผ้าห่มคลุมให้ จินตปาตีนั่งลงริมขอบเตียงแล้วโน้มตัวลงไปหอมแก้มซีดขาวเบาๆ
?พี่พักผ่อนกันตามสบายนะคะ เดี๋ยวจินจะไปดูในครัวก่อนว่ามีอะไรพอทำมื้อเที่ยงได้บ้าง?
หญิงสาวลุกขึ้นยืน จิวฤทธิ์เดินมาหยุดหน้าน้องสาว
?ขอบใจนะจิน พรุ่งนี้พี่คงไปงานรับปริญญาด้วยจินไม่ได้ พี่ดีใจกับจินด้วยนะที่เรียนจบโทได้ด้วยตัวเอง ทั้งเรียนทั้งทำงานไปด้วยจินคงเหนื่อยมากใช่ไหม?
จินตปาตียิ้มให้พี่ชายก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงเพรียว
?จินเหนื่อยแต่น้อยกว่าพี่ เพราะพี่ทำงานส่งจินมาจนจบปริญญาตรี เหนื่อยแค่นี้น้อยกว่าพี่ด้วยซ้ำ? พูดจบจินตปาดตีก็เอนตัวออกจากอ้อมกอดพี่ชาย ?พี่กับพี่โยโกะพักให้หายเหนื่อยก่อนนะคะ แล้วเราค่อยมาช่วยกันคิดว่าจะเอายังไงต่อ?
จินตปาตียิ้มให้พี่ชายและพี่สะใภ้ก่อนจะเดินออกจากห้อง และไม่ลืมปิดประตูให้
โยโกะลูบศีรษะเล็กของลูกด้วยประกายตาหม่นเศร้า จิวฤทธิ์เดินไปวางมือบนบ่าภรรยา
?ลูกจะหายไหมคะจิว โยโกะสงสารลูก? หัวใจของคนเป็นแม่ร้าวรานตั้งแต่รู้ว่าลูกมีโรคประจำตัว
?ต้องหายสิ เรามีหัวใจที่จะเปลี่ยนและมีเงินค่าผ่าตัดแล้ว ยังไงก็ลูกก็ต้องหาย? จิวฤทธิ์ให้กำลังใจทั้งตัวเองและภรรยา โยโกะจับมือสามีมาวางบนตัก
?คุณโยชิจะปล่อยครอบครัวเราไหมคะจิว? โยโกะถามด้วยสีหน้ากังวล เพราะรู้ผลสุดท้ายแล้วว่ายังไงคนของฟูจิเคดะต้องตามหาครอบครัวเธอเจอจนได้ แต่ทั้งเธอและสามีก็ต้องเสี่ยงเพื่อชีวิตของลูกน้อย
?ถ้าไม่มีทางเลือก ผมจะไปพบคุณโยชิด้วยตัวเอง?
?ไม่นะคะจิว ถ้าคุณไปก็ตายเท่านั้น แล้วฉันกับลูกจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีคุณ?
โยโกะมองหน้าสามีผ่านม่านน้ำตา จิวฤทธิ์ประคองหน้านวลของภรรยาแล้วจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากมน
?ผมจะไม่เป็นไร...คุณโยชิเป็นคนมีเหตุผล ผมจะสารภาพกับเขาแล้วทำงานใช้หนี้เอง? จิวฤทธิ์ปลอบภรรยาแต่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าโยชิจะให้อภัยกับความผิดใหญ่หลวงนี้หรือไม่
ความห่วงกังวลที่บอกออกมาทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าห้องได้ยิน จินตปาตีถอนหายใจเบาๆ และพลอยไม่สบายใจไปด้วย
หมอนั่นจะมาเมืองไทย?นั่นคือสิ่งที่เธอรับรู้ในตอนนี้



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพราะความจำเป็นของพี่ชายทำให้เขาต้องขโมยเงินมหาศาล ซึ่งน้องสาวอย่าง ?จินตปาตี? มารู้หลังจากที่พี่ชายหนีกลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือการปกป้องเพราะการผ่าตัดหัวใจของหลานสาวต้องใช้เงิน จินตปาตีรู้ดีว่าคงหนีไม่พ้นจากพวกมาเฟียใจร้ายเป็นแน่แต่หล่อนก็ไม่ยอมแพ้ ในขณะเดียวกัน ?โยชิ? ก็ออกตามล่าลูกน้องทรยศจนมาถึงเมืองไทย ทันทีที่เขาได้พบกับจินตปาตีข้อเสนอใหม่ก็ผุดขึ้นในความคิดทันที การที่เขายอมให้หล่อนเป็นเลขาฯ เพื่อแลกกับเงินสามสิบล้านในเวลาหนึ่งปีมันเสียเปรียบก็จริง แต่โยชิก็คอยหากำไรใส่ตัวด้วยการหาเรื่องใกล้ชิดแบบถึงเนื้อถึงตัวหญิงสาวเสมอ

?ฉันรักเธอและจะรักตลอดไป ยัยตัวแสบของฉัน?
คำบอกรักแม้จะฟังจากเขาอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเบื่อสักครั้ง
ฟังแล้วก็ยิ่งอยากได้ยินทุๆ วัน ร่างงามเบียดตัวเข้าซุกอกอุ่น
?จินก็รักคุณค่ะตาแก่โยชิ?



รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”