1
ปารุดานั่งงงอยู่หลายนาที เมื่อนางปราณีมารดาบอกหล่อนว่าจะเดินทางไปนาบีย่าอันเป็นประเทศตะวันออกกลางติดเขตทะเลทรายซาฮาร่า...
?ยัสเซอร์ถูกจ้างให้ไปเป็นผู้ช่วยวิศวกรขุดน้ำมันที่นั่น...รายได้ดีกว่าที่นี่หลายเท่า?
?แต่หนูกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยนะคะ...?
หล่อนค้านมารดาอย่างไม่เห็นด้วยเลยสักนิดที่จะต้องไป
?ไม่ต้องสอบแล้ว....เอาไว้ไปเรียนต่อที่โน่น...?
หล่อนฟังมารดาแล้วถอนใจยืดยาว ก่อนจะยื่นข้อเสนอให้มารดาฟังว่า...
?แม่ไปกับเขาก็ได้นี่คะ แล้วทิ้งหนูไว้เรียนต่อที่นี่...?
?ไม่ได้...แม่ห่วงแก...ไม่อยากทิ้งเอาไว้ที่นี่คนเดียว...?
คำว่า ?ห่วง? ของมารดา ทำให้ปารุดานึกถึงดวงตาของพ่อเลี้ยงยามที่มองหล่อนขึ้นมาทันที...
หญิงสาวคิดว่าแม่ไม่ต้องห่วงหล่อนเลย...หล่อนสามารถอยู่เมืองไทยได้อย่างปลอดภัย แทนที่จะตามไปกับสามีใหม่ของแม่อย่างแน่นอน...
ปารุดาไม่เคยไว้ใจผู้ชายคนนี้เลย ไม่ว่าเขาจะมีเงินทองให้แม่หล่อนใช้จ่ายขนาดไหน เพราะสัญชาตญาณคอยเตือนหล่อนอยู่เสมอเมื่อถูกมองด้วยสายตาของผู้ชายคนนั้น...
?หนูอยู่ได้..ไปเช่าหอพักอยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยก็ได้...แม่ไม่ต้องห่วงเลย...หนูโตแล้ว...?
ปารุดาพยายามพูดให้มารดาทิ้งหล่อนไว้เมืองไทย...แต่ก็ไม่สำเร็จ...
ในที่สุดหล่อนก็ต้องเก็บข้าวของตามมารดาและพ่อเลี้ยงไปในดินแดนอันแสนไกลในความรู้สึกของตัวเอง...
***
เมื่อไปถึง...มีรถของบริษัทมารอรับยัสเซอร์และครอบครัวของเขาอยู่แล้ว
นางปราณีกวาดตาไปรอบๆ ตัวด้วยความตื่นเต้น...เกาะแขนสามีไม่ยอมห่าง
ส่วนปารุดากวาดตาไปรอบๆ ตัวเช่นกัน ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ลูกกะตาของคนขับรถที่มองหล่อนอย่างจริงจัง เพราะปารุดาไม่ได้แต่งตัวด้วยชุดดำปิดหน้าหมดจนเหลือเพียงลูกตาแบบผู้หญิงส่วนใหญ่ของเขา
หล่อนแต่งตัวแบบสาวสมัยใหม่เช่นเดียวกับผู้หญิงสามสิบสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของที่นี่...ด้วยเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนแบบสาวรุ่นทั่วไป...ยกเว้นความสวยงามของหน้าตาที่เรียกให้ผู้ชายทุกคนต้องหันมามองหล่อนอย่างสนใจนั่น...
ลักษณะการมองของคนขับรถไม่ได้แตกต่างไปจากสายตาที่ยัสเซอร์เคยใช้มองหล่อนอยู่บ่อยๆ จึงทำให้ปารุดาต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น แม้ปฏิกิริยาภายนอกจะแสดงออกเพียงเฉยๆ ไม่ให้รู้ว่าหล่อนไม่ชอบใจและหวั่นใจเพียงใดที่ถูกมองแบบนั้น...
จนกระทั่งรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่คันนั้นพาหล่อนและทุกคนมาจนถึงบ้านพักนอกแค้มป์ เพื่อปล่อยให้หล่อนและแม่ลงพักผ่อน ก่อนจะพาพ่อเลี้ยงเข้าไปรายงานตัวในแค้มป์หลังประตูตาข่ายแข็งแรงขนาดใหญ่นั่น...
ปารุดาละสายตาจากรั้วตาข่ายใหญ่มามองรอบๆ บ้านพักขนาดพออยู่อาศัย ไม่ได้ใหญ่โตไปกว่าบ้านพักในประเทศไทยเลยแม้แต่นิดเดียว...
ตรงกันข้าม มันมองดูทรุดโทรมกว่าเยอะแยะ ถ้าจะเปรียบเทียบกับบ้านเช่าในประเทศไทยที่เพิ่งจากมา...
มารดาหล่อน...คุณปราณีก็มีทีท่าไม่สบอารมณ์กับบ้านพักที่ถูกจัดให้นัก เมื่อเดินสำรวจไปจนทั่วก่อนจะเดินกลับมาเหวี่ยงกระเป๋าถือในมือไปบนเบาะชุดรับแขกค่อนข้างเก่ากลางห้อง แล้วยกมือขึ้นเท้าเอวก่อนจะถอนใจเฮือกออกมายืดยาว...
?เฮอะ นึกว่าจะดีกว่าในประเทศไทยอย่างที่คุย...ที่ไหนได้...กระจอกกว่าตั้งเยอะ...?
คุณปราณีบ่นพึมพำอย่างไม่ถูกใจเลยสักนิด...แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อมาถึงแล้วแบบนี้...
?ขนกระเป๋าไปอยู่ห้องข้างๆ นี่นะ...แม่จะเอาห้องนี้แหละ...?
มารดาสั่งหล่อนแล้วคว้ากระเป๋าถือเข้าไปในห้องข้างๆ ปล่อยให้ปารุดาเดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้าไปในห้องข้างๆ อีกห้องแล้วถอนหายใจ...
มันไม่ได้สวยงามหรือดีไปกว่าบ้านเช่าที่แม่และหล่อนเพิ่งจากมาเลยสักนิด...โดยเฉพาะไอ้ลมร้อนๆ ที่พัดผ่านหน้าต่างเข้ามาปะทะลำตัว...ทำให้หล่อนรู้สึกหงุดหงิดจนบอกไม่ถูก
ที่นี่...นอกจากบ้านหลังนี้แล้วยังมีบ้านลักษณะเดียวกันตั้งเรียงกันเป็นแถวในระยะห่างกันราวๆ ยี่สิบเมตรไปตลอด...แล้วก็ไม่เห็นอะไรอีกนอกจากทะเลทรายอันร้อนระอุ และเสียงของเครื่องมือที่กำลังทำงานอยู่ไกลออกไป...
มันเหมือนถูกจับมาปล่อยทิ้งอยู่กลางทะเลทรายแท้ๆ เทียว...
หล่อนคิดและมองดูผ้าม่านแบบครึ่งหน้าต่างที่ปลิวล้อไปกับลมร้อนๆ ที่พัดผ่านเข้ามา...
***
สามีใหม่ของแม่หายไปนานเลยทีเดียว จนเกือบเย็นกว่าจะกลับมาด้วยรถคันเดิมและคนขับคนเดิมที่มองหล่อนด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิดเหมือนเดิม...
เขามาหยุดคุยกันอยู่สักครู่ แม่ก็เข้ามาชวนหล่อนให้ออกไปซื้อข้าวของมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ในยามจำเป็น ทำให้หญิงสาวรีบตามออกไปทันทีโดยไม่เกี่ยงงอน...
ที่นี่มีตลาดตอนเย็น...ซึ่งความจริงเปิดมาตั้งแต่ตอนสายแล้วนั่นแหละ และจะเปิดไปจนถึงสามสี่ทุ่มโน่นจึงจะปิด...
สามีใหม่ของแม่พาหล่อนและแม่ไปรับประทานอาหารพื้นเมืองของเขาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง...ก่อนจะพาไปจ่ายตลาดซื้อข้าวของจำเป็นกลับบ้านพัก...
ความจริง...ยัสเซอร์ถือว่าเป็นผู้ชายที่ใช้ได้คนหนึ่งที่ดูแลมารดาของหล่อนอย่างดี...ถ้าไม่นับสายตาอันไม่น่าไว้ใจยามมองปารุดาเท่านั้น...
เพราะไอ้สายตาแบบนี้นั่นแหละที่มันจะทำให้อยู่ด้วยกันไม่ได้...หญิงสาวคิดเมื่อเดินกลับมาเข้าห้องพักในยามดึกคืนนั้นอย่างเหนื่อยล้า...และหลับไปทันทีในเวลาต่อมา...
***
ความจริง...เมื่อเดินทางมาไกลขนาดนี้ต้องใช้พลังงานไปมากมายทั้งวันแบบนี้ ทุกคนคงจะหลับกันเป็นตายจนกว่าจะถึงวันใหม่...
แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น...
ปารุดาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิด แล้วพบว่าร่างกายของหล่อนกำลังถูกลูบไล้อย่างเมามัน ทั้งๆ ที่ยังสวมชุดนอนอยู่นั่น
การถูกจู่โจมแบบนั้นทำให้หญิงสาวเรียกสติของตัวเองกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว และต่อสู้กับผู้บุกรุกอย่างแตกตื่นตกใจ...
ปากของหล่อนถูกปิดไว้ด้วยมือใหญ่ของอีกฝ่าย แล้วเสียงของยัสเซอร์ก็ดังกรอกหูอยู่ใกล้ๆ...
?อย่าต่อสู้นะอีหนู...ไม่งั้นฉันเอาแกไปขายแน่...แต่ถ้ายอมดีๆ...แกจะได้เรียนมหาวิทยาลัยอย่างที่หวัง...และอยู่ดีกินดีไปตลอดชีวิต...เข้าใจไหม...?
คำขู่นั้นทำเอาหญิงสาวนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ขณะที่ผู้บุกรุกยืดตัวขึ้นอย่างพอใจเพราะคิดว่าหล่อนจะยินยอมแต่โดยดี...
ปารุดาใช้ช่วงเวลานั้นถีบร่างร่างนั้นให้ห่างออกไปจากตัวและพลิกกายลงมาจากที่นอนอย่างรวดเร็ว...หากแต่ไม่เร็วไปกว่ามือของอีกฝ่ายที่ดึงปลายเท้าของหล่อนไว้ได้ทันแล้วลากกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง...
หญิงสาวไม่คิดจะยอม...
หล่อนคว้าขอบเตียงเอาไว้แน่น แล้วตะโกนเรียกมารดาเต็มเสียง...แต่กำปั้นที่ทุบตามมาบนหลังไหล่เต็มแรงทำให้หญิงสาวเจ็บไปหมดเมื่อมันกระชากหล่อนหันกลับไปอีกครั้ง
ถึงกระนั้นหล่อนก็ยังไม่ยอมหยุดเรียกมารดาจนมันชกเข้าเต็มหน้า...ทำเอาปารุดากลิ้งไปบนที่นอนจนแทบจะหมดสติ...
ขณะนั้นประตูห้องของหล่อนก็ถูกเปิดเข้ามาเต็มแรงพร้อมกับร่างของคุณปราณี
มารดาของหล่อนมายืนอยู่ตรงนั้นด้วยดวงหน้าของคนตกใจและคิดไม่ถึงในสิ่งที่เห็น
?นั่นคิดจะทำอะไร...!??
มารดาหล่อนถามพ่อเลี้ยงก่อนจะโผนเข้าไปหาด้วยความโกรธสุดขีด...แล้วฟาดด้วยไม้นวดแป้งที่เพิ่งซื้อมานั่นเอง...
ของทั้งหมดยังกองอยู่ในห้องรับแขกเพราะเหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไร...มันจึงถูกดึงมาใช้อย่างรวดเร็ว...
ปารุดามีสติที่จะวิ่งลงมาจากเตียง...ขณะที่พ่อเลี้ยงยังโซซัดโซเซเพราะถูกตีอย่างแรง...
คุณปราณีปล่อยให้ลูกสาววิ่งออกไปจากห้อง ก่อนจะก้าวเข้าไปซัดหัวสามีใหม่ด้วยไม้นวดแป้งไปทั่วบ่าไหล่ของอีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง....
การระดมตีไปทั่วบ่าไหล่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บก็จริง...แต่ไม่ทำให้หมดสติ...เพียงไม่กี่นาทีต่อมายัสเซอร์ก็ตั้งหลักได้...เขาหันกลับมาชกหน้าคุณปราณีเต็มแรงเกิด...
มันทำให้มารดาของปารุดาหมุนคว้างเหมือนนกปีกหัก จนล้มลงและหมดสติไปทันที
พอเห็นมารดาล้มลงแบบนั้น...ปารุดาก็วิ่งไปยังประตูบ้าน...เปิดแล้วกระโจนออกไปภายนอกโดยไม่ต้องคิด...
หล่อนวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่รู้เหมือนกันว่าจะวิ่งไปไหน...จนกระทั่งถูกกระชากกลับมาเต็มแรงพร้อมกับหมัดที่ถูกเสยเข้าใต้คาง...
หมัดนั้นหมัดเดียวทำให้หล่อนล้มทั้งยืน...แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบอยู่ท่ามกลางความมืด...
ยัสเซอร์เปิดประตูบ้านออกมามองหาแต่ไม่เห็นหล่อนเสียแล้ว....ไม่รู้ว่าหญิงสาววิ่งหนีไปทางไหน...เขาก็ถอยกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง...
ส่วนปารุดา...ร่างของหล่อนถูกช้อนอุ้มไปซ่อนเอาไว้ท้ายรถ...ก่อนที่รถคันนั้นจะค่อยๆ ขยับออกไปจากแค้มป์ที่พักออกไปเรื่อยๆ...ช้าๆ...
เจ้าคนขับรถกวาดสายตาไปโดยรอบอย่างกำลังชั่งใจ ว่าจะเอาเหยื่อที่มันได้มาโดยคาดไม่ถึงนี้ไปที่ไหนดี...
แล้วมันก็ตกลงใจได้ในที่สุด...เมื่อพารถตรงออกไปจากแค้มป์แห่งนั้นแล้วกลับเข้าเมืองไปอย่างรวดเร็ว...
***
เอลบาลา พ่อค้าเฒ่ากำลังนั่งดูระบำหน้าท้องอยู่ในห้องพักส่วนตัว โดยมีสาวๆ คอยรับใช้ใกล้ชิดอยู่สองสามคน...จนกระทั่งลูกน้องซึ่งเป็นยามอยู่ด้านนอกเข้ามากระซิบกระซาบให้รู้ว่ามีแขกมาเยี่ยมในยามวิกาล...
?ปลดอาวุธของมันให้หมดก่อนจะให้เข้ามา...?
เอลบาลาสั่งลูกน้องออกไป...
ไม่ช้าเจ้าคนขับรถก็แบกร่างอันหมดสติเข้ามากองไว้ให้เห็นตรงหน้า...
พ่อค้าเฒ่าพิศดูร่างงามในชุดนอนที่มอมแมมเพราะไปคลุกฝุ่นดินฝุ่นทรายมาอย่างพินิจอยู่ชั่วขณะ...ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนพามาแล้วถามว่า...
?เจ้าจะเอาเท่าไหร่...?
?แล้วแต่ท่านจะให้...?
คำตอบของคนขับรถทำให้เอลบาลาหันไปหยิบธนบัตรย่อยมาปึกหนึ่งแล้วโยนไปให้ตรงหน้า...
เจ้าคนขับรถตะครุบไปนับก่อนจะยัดลงกระเป๋าแล้วรีบออกไปจากที่นั่นโดยเร็ว...ปล่อยให้เอลบาลาหันไปสั่งนางงามที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า.....
?เอามันไปขัดสีฉวีวรรณให้เรียบร้อยด้วย ข้าจะขายมันต่อไป...?
?เจ้าค่ะ....?
นางทาสทั้งคู่พากันขยับตัวลุกขึ้นไปลากร่างหญิงสาวออกไปตามคำสั่ง ขณะที่พ่อค้าเฒ่ากระดิกนิ้วเรียกนางระบำเข้าไปทรุดตัวลงตรงหน้า...แล้วกระตุกเสื้อผ้าของนางออกจากตัวจนหมดทุกชิ้น พร้อมกับทอดดวงตาอันน่ากลัวของตนลงพิศดูนางอย่างพึงพอใจ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความจำเป็นของแม่ทำให้หล่อนต้องเดินทางมาถึงเมืองทะเลทรายแห่งนี้ และสิ่งที่หวาดกลัวในใจก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อสามีใหม่ของแม่หยามน้ำใจหญิงสาว แม้ ?ปารุดา? จะเอาตัวรอดมาได้แต่หล่อนก็หนีไม่พ้นจนถูกจับไปขาย แต่ยังถือว่าโชคดีที่ชายหนุ่มที่ซื้อหล่อนมานั้นไม่หวังจะทำลายให้หล่อนย่อยยับ เพราะจูบแรกจูบเดียวนั้นทำให้ ?อัคบาร์? เลือกที่จะพาปารุดาไปไหนต่อไหนด้วย ภารกิจของเขานอกจากจะจัดการเรื่องเพชรที่ขโมยมาจากพระราชาขี้โกงแล้ว อัคบาร์ยังต้องออกตามหาบิดาที่หุบผาสวรรค์ซึ่งไม่รู้มีจริงหรือเป็นเพียงในฝัน
?คุณคิดจะทำอะไร....? ?คิดจะแสดงความรักกับเจ้าสาวของตัวเองไง.....? เขาตอบและก้มลงมาปิดปากของหล่อนด้วยริมฝีปากสีเข้มร้อนระอุ ขณะที่หญิงสาวยกมือขึ้นดันอกกว้างไว้โดยอัตโนมัติ แต่ดูเหมือนจะขวางเขาไม่ได้เสียแล้ว
