New Release : ร้อยรักกุหลาบร้าย (วรรณกรรมชุดมนต์รักบุปผา)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : ร้อยรักกุหลาบร้าย (วรรณกรรมชุดมนต์รักบุปผา)

โพสต์ โดย Gals »

1

กลิ่นหอมของมวลดอกไม้นานาพันธุ์ที่แข่งกันเบ่งบานในสวน ?รักษ์บุปผา? ในเช้าหลังวันฝนพรำ ช่างโชยกลิ่นให้ได้ชื่นใจนัก คนงานเริ่มทำงานของตนเองด้วยความสดชื่น เนื่องจากอากาศหลังฝนโปรยที่แสนสดใส และที่แสนจะชื่นใจมีความสุขยิ่งกว่าอากาศดี นั่นก็เพราะวันนี้เป็นวันสิ้นเดือน...วันเงินเดือนออก การทำงานจึงเป็นไปอย่างกระฉับกระเฉง ทำงานกันไปบ้างพากันคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปบ้างอย่างมีความสุข
สวนรักษ์บุปฝาเป็นสวนดอกไม้เก่าแก่ที่ตกทอดกันมาตั้งแต่รุ่นย่าต่อมาจนถึงรุ่นพ่อ และตอนนี้ก็มีทายาทรับหน้าที่สืบต่อคือมันทนา ลูกสาวคนกลางของครอบครัว ที่ได้รับฉายาจากพี่น้องว่า ?แม่ย่าเฝ้าทรัพย์? เนื่องจากเจ้าหล่อนเกาะติดอยู่แต่กับงานที่สวนดอกไม้ ไม่ได้อยากจะออกไปเป็นอิสระ หางานอื่นทำเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ อย่างทานตะวันและบุษบัน ที่ตอนนี้ต่างคนต่างโบยบินออกไปทำอาชีพที่ตนเองชอบ ทิ้งให้เธอกลายเป็นคนสืบทอดกิจการต่อ งานสวนดอกไม้ไม่ใช่งานเบาๆ เมื่อต้องคุมคนงานนับสิบ ต้องแกร่งและแข็งมากพอสมควร และมันทนาก็ทำได้ดีเสียด้วย
?โรสโอนเงินไปให้แล้วนะพี่บัว ผลกำไรของปีนี้น่ะ แหม...จ้ะๆ เศษสตางค์ก็ไม่ตกหล่นหรอกค่ะ ของยัยตะวันด้วย โรสไม่ได้ว่าพี่บัวงกซะหน่อย...เราก็งกกันทั้งสามคนนั่นแหละ?
ประโยคหลังคนพูดหัวเราะคิก ก่อนที่ปลายสายเองก็หัวเราะเหมือนกัน
?แหม...ก็พี่น้องกันนี่นา แค่นี้นะ เจ้านายพี่เรียกแล้ว ไว้ยังไงถ้าหยุดยาวหนนี้ พี่จะกลับไปเยี่ยมเรา อ้อ...เห็นลุงเบิ้มบอกมาว่า...เรียกว่าฟ้องดีกว่า เรารับคนงานต่างด้าวมาเหรอโรส กดค่าจ้างด้วยหรือเปล่าน่ะ มันบาปนะ?
เสียงเทศนาของพี่สาวที่ดังมาตามสาย ทำให้มันทนาย่นจมูก ใจนึกบ่นคนงานเก่าแก่ที่เธอแต่งตั้งให้เป็นคนช่วยคุมคนงานไปด้วย ว่าช่างฟ้องนัก...เดี๋ยวเดือนนี้เธอจะตัดเงินเดือนให้ โทษฐานที่เอาเรื่องไปฟ้องบุษบัน
ถึงแม้อำนาจสิทธิ์ขาดทุกอย่างจะอยู่กับมันทนาก็จริง แต่เธอก็ยังเกรงใจพี่สาวอยู่บ้าง ถ้าพี่สาวออกปาก เธอก็ไม่กล้าจะทำต่อหรอก
?โรสไม่ได้กดค่าจ้างเสียหน่อยพี่บัว ก็แค่หักค่ากินค่าอยู่ก็เท่านั้นเอง นี่โรสให้เยอะกว่าไร่อื่นอีกนา?
?เขาก็คนทำงานเหมือนกันนะโรส ยังไงก็อย่ากดราคาเขามากล่ะ เดี๋ยวจะไม่มีคนทำงานให้หรอก?
บุษบันว่าอย่างเป็นห่วง นิสัยของน้องสาวคนรองค่อนข้างจะเฮี้ยบ และดีดลูกคิดรางแก้วอยู่ตลอดเวลา การทำงานด้วยกันระหว่างเจ้านายและลูกน้อง ต้องอาศัยทั้งพระเดชและพระคุณ ถึงจะอยู่ด้วยกันได้นานและทำงานให้กันอย่างเต็มที่
?รู้แล้วล่ะน่าพี่บัว โรสก็ให้ปกตินี่แหละ หักค่ากินอยู่นิดหน่อยเองน่า? เจ้าหล่อนลากเสียง ?แล้วคนงานโรสก็นำเข้ามาอย่างถูกกฎหมายนะพี่บัว ไม่รับพวกลักลอบหนีเข้ามา กลัวตำรวจเหมือนกัน?
?อืม...ดีแล้ว แค่นี้ก่อนล่ะ แล้วพี่จะกลับไปเยี่ยม? พี่สาวย้ำแล้ววางสายลง มันทนาถอนใจน้อยๆ พลางยักไหล่ บุษบันก็ขี้บ่นแบบนี้แหละ แม้จะขี้งกจนเป็นนิสัย แต่บุษบันก็ไม่ชอบเอาเปรียบใคร ตัวเธอก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกคนงานพวกนั้นเสียหน่อย มันทนาคิดในใจ ค่าแรงที่เธอให้สูงกว่าไร่อื่นบางไร่ด้วยซ้ำ แถมยังกินอยู่กันอย่างไม่อดยากด้วย เธอเคยได้ยินคนงานบางคนเล่าให้ฟังแล้วก็น่าสลดใจนักกับเจ้านายที่เอาเปรียบลูกน้องที่ไม่มีทางต่อรองผลประโยชน์อะไรให้กับตนเองได้เลย
?ตอนอยู่บ้าน คุณนายให้ตังค์ค่ากับข้าววันละสิบบาท?
คำพูดของคนงานกลุ่มหนึ่งที่เธอรับมาแล้วสัมภาษณ์ถึงความเป็นอยู่และการทำงานก่อนที่จะมาทำงานที่ไร่ ทำให้มันทนาถึงกับคิ้วขมวด
?สิบบาท...ตายล่ะ ซื้ออะไรกินกันได้ล่ะนั่น?
?มันไม่พอบางที พวกเราก็ช่วยๆ กันจ่าย จ่ายไปจ่ายมาเงินเดือนหมด แหะๆ?
?คุณผู้ชายให้ขึ้นไปเขย่าให้ใบไม้แห้งหล่นลงมา เวลากวาดสวน เขย่าทุกต้นเลย ให้ทำทุกวันด้วย กับข้าวกินของเหลือจากโต๊ะ บางวันก็ไม่เหลือ ลออหิวมาก เคยเอาไข่ไปทอด โดนหักเงินเดือนเป็นค่าไข่ไปสองเท่า?
ฟังๆ ดูจากคนงานคนอื่น สวนรักษ์บุปผาของเธอเป็นสวรรค์เลยก็ว่าได้ สำหรับคนงานต่างด้าวพวกนี้ แต่มันทนาก็ไม่ได้รับมาเยอะแยะอะไร เธอรับคนมาแทนคนที่ลาออกไปเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็ต้องการคนงานใหม่อีกประมาณสองสามคน เพราะคนงานต่างด้าวบางคนเก็บเงินได้พอแล้วก็กลับไปอยู่บ้านเดิมของตนเอง
?เดี๋ยวต้องเคลียร์กันกับลุงเบิ้มหน่อยล่ะ ไม่รู้เอาอะไรไปฟ้องพี่บัวบ้าง ป่านนี้คงคิดว่าเรากลายเป็นนายจ้างใจยักษ์ไปแล้วแหงๆ?
หญิงสาวบ่นอุบกับตนเอง พลางลุกขึ้นบิดเนื้อตัวเล็กน้อย หลังจากที่คร่ำเคร่งกับหน้าคอมพิวเตอร์มานาน ปกติเวลานี้เธอจะต้องออกไปดูแลคนงานจัดการตัดดอกไม้และส่งดอกไม้ประจำวัน แต่วันนี้เป็นวันปิดงบประจำเดือน รวมถึงจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วย เธอก็เลยออกไปทำงานสายกว่าเวลาเดิมเล็กน้อย ร่างเพรียวลุกขึ้นยืน ตาเหลือบมองปฏิทินโดยไม่ได้ตั้งใจพลางถอนใจน้อยๆ ด้วยความลืมตัว
คำพูดของอรลดาเพื่อนหญิงของเธอเมื่อวานนี้ แวบเข้ามาในมโนนึก
?ใกล้จะวันเกิดของโรสแล้วนะ อายุจะเต็มยี่สิบเจ็ดแล้วนะนี่ เอ...แต่โรสไม่ยักกะมีแฟนเสียที ไม่เหงาเหรอจ๊ะ?
ยี่สิบเจ็ดแล้วไงฟ่ะ...
มันทนาคิดในใจ ก่อนจะคว้าหมวกฟางมาสวม แล้วมองตัวเองในกระจกเงาที่สะท้อนภาพของหญิงสาวร่างเพรียวเล็กในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มแขนยาวกับกางเกงยีนสีซีด ใบหน้าเรียวแต่งแต้มด้วยเครื่องหน้าจิ้มลิ้ม หากแต่นัยน์ตาคมหวานมีประกายตาดุดันเอาจริงตามนิสัยของเจ้าตัว
มันทนาเป็นหญิงสาวสวยแต่แกร่งแถมดุเฮี้ยบ เนื่องด้วยต้องควบคุมคนจำนวนมาก และช่วยบิดามารดาทำงานมาตั้งแต่อายุยังน้อย จึงกลายเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุแถมยังห้าวเกินหญิง ไม่ได้สวยใสเรียบร้อยมากมายนัก เมื่อบิดามารดาเสียชีวิตไป และเธอได้สืบทอดสวนดอกไม้นี้ต่อ มันก็ยิ่งทำให้มันทนาต้องเพิ่มความแกร่งมากยิ่งขึ้น
ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่มีความฝันเหมือนกับพี่สาวและน้องสาว คือบุษบันและทานตะวัน ลึกๆ แล้วเธอก็มีเรื่องที่อยากจะทำ แต่มันก็แค่ความฝันเล็กๆ ที่มองแล้วสาวจริงจังอย่างมันทนามองว่าสิ่งที่เธออยากทำ...อยากเป็นมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน จึงเลือกทำงานอดิเรกเสียดีกว่า อีกอย่างหนึ่งเธอก็แอบอายที่มีอารมณ์อ่อนไหวขนาดนี้ มันเลยเป็นความฝันที่ดูลับๆ ล่อๆ ยังไงพิกล
เธออยากเป็นศิลปินวาดภาพ ศิลปินในดวงใจของมันทนาก็คืออาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ คนนี้เรียกได้ว่าขวัญใจทั้งการใช้ชีวิตและแนวงาน ท่านดูเป็นอิสระ แตกต่าง และน่าทึ่งมาก แต่มันทนาคงจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น ในเมื่อเธอรับภาระมาแล้วเต็มบ่า ภาระที่เลือกรับมาเพื่อให้บุษบันและทานตะวันได้บินไปในทางของตนเองอย่างอิสระเสรี
คนงานที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกัน บางคนก็ถือโอกาสอู้งานของตัวเองไปด้วย ต้องรีบเงียบและขยันขันแข็งทำงานตรงหน้า เมื่อร่างเพรียวเล็กเดินมาทางที่พวกเขากำลังจัดดอกไม้ลงกล่องเพื่อนำไปส่งยังตลาด นัยน์ตาคมหวานที่กวาดมองความเรียบร้อยของงาน ทำให้คนงานถึงกับตัวแข็งทื่อ บางคนที่ขวัญอ่อนหน่อยถึงกับมือไม้สั่น เมื่อคุณโรสมาตรวจงาน เพราะแม้เจ้าของสวนรักษ์บุปผาจะสวยมาก แต่ก็ดุมากแถมท้ายมาด้วย ปืนผาหน้าไม้คุณโรสใช้เป็นหมด แถมท้ายด้วยศิลปะป้องกันตัวอย่างมวยไทยก็ฝีมือถึงขนาดน็อกคู่ต่อสู้คาเวทีด้วยจระเข้ฟาดหางมาแล้ว
สวย...เผ็ด...ดุ...ครบครันในตัวขนาดนี้ หนุ่มๆ หลายคนจึงขยาดในการจะเข้ามาจีบ มันทนาเป็นสาวฮอทของจังหวัดเลยก็ว่าได้ ในเมืองกาญจน์ สวนดอกไม้ของเธอมีชื่อมากเนื่องจากอยู่มานาน ชื่อเสียงของมันขจรขจายไปไกล พอๆ กับเจ้าของสวนดอกไม้เลยทีเดียว
?ลุงเบิ้ม?
ชายร่างใหญ่ที่ถูกเรียกชื่อ กำลังนั่งฟังวิทยุเพลินๆ ถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันมาตามเสียงเรียก เมื่อเห็นว่าเป็นใคร แกก็ยิ้มกว้างให้ ก่อนจะทักเสียงลั่น อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เบิ้มหูตึงมาก ต้องเรียกกันหลายรอบนั่นแหละถึงจะหัน
?มาเงียบๆ คุณโรส ลุงตกใจหมด?
มันทนาเกือบจะยิ้มออกมากับคำพูดนั้น เธอเดินเข้ามาในบ้านพักเบิ้มแถมปิดประตูดังลั่น ตะโกนเรียกอีกตั้งหลายครั้งจนคอแทบจะแหบ นั่นแหละ...เบิ้มถึงได้ยินที่เธอเรียกเสียที
?คุยกันหน่อยสิลุงเบิ้ม? เจ้าหล่อนทำเสียงจริงจัง ขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตรงหน้าลูกจ้างเก่าแก่ของครอบครัว เบิ้มทำงานที่นี่มาตั้งแต่รุ่นพ่อของเธอแล้ว และสนิทสนมกับทายาทของสวนรักษ์บุปผาทุกคน เห็นพวกเธอมาแต่เล็กแต่น้อยเลยก็ว่าได้
?เรื่องอะไรคุณโรส? เบิ้มยิ้มกว้าง ?เรื่องกับข้าวเย็นนี้หรือเปล่า ลุงสั่งหมูมาเยอะหน่อย เกินงบไปนิด คงไม่ว่ากันนา อยากทำหมูแดงอบอร่อยๆ ให้พวกคนงานได้ลองกินกัน พอดีเพิ่งได้สูตรมาใหม่?
?ไม่ใช่เรื่องนั้น เรื่องคนงานต่างด้าวต่างหาก ลุงไปฟ้องอะไรพี่บัวน่ะ? มันทนาว่า ?ป่านนี้พี่บัวคงเห็นโรสเป็นนายจ้างใจดำไปแล้ว เฮ้อ...?
?ไม่ได้ฟ้องนะ? เบิ้มหัวเราะ ?แค่อำเล่นเฉยๆ ว่าตอนนี้คุณโรสจ้างคนงานต่างประเทศมาเพราะค่าตัวถูก กดได้ตามใจชอบเลย ก็เท่านั้นแหละครับ คุณบัวก็บ่นใหญ่เลย ฮ่าๆ?
?ลุงเบิ้มนะลุงเบิ้ม?
มันทนาส่ายหน้าพลางถอนใจ แต่แล้วก็ยิ้มออกมา เวลาเจ้าหล่อนยิ้มแย้มแบบนี้ หน้าตาสวยคมก็ดูงดงามจับใจมากเสียจริง
เบิ้มมองรอยยิ้มของมันทนาแล้วก็นึกเสียดายแทนบรรดาภมรหนุ่มทั้งหลายนัก ที่ไม่กล้าเข้ามาไต่ตอมดอกกุหลาบดอกสวยดอกนี้ อย่างว่า...เจ้าหล่อนมีหนามแหลมคมเป็นอาวุธป้องกันตัว ใครจะกล้ากันหนอ...
?รู้อยู่ว่าพี่บัวเชื่อคนง่าย นี่ก็บ่นโรสใหญ่เลยล่ะ แล้วคนงานใหม่ที่บัวให้รับสมัคร พอจะหาได้ไหมจ๊ะ?
?คนแถวนี้ไม่มีใครมาสมัครเลยคุณโรส? เบิ้มยักไหล่ ?สงสัยจะต้องใช้บริการนายหน้าเจ้าเดิม เราถึงจะได้คนงานใหม่มาเพิ่ม?
?นั่นสิ...ใจโรสอยากจะจ้างคนไทยเหมือนกันนะ เห็นมีแต่คนบ่นๆ ตกงานบ้างอะไรบ้าง งานมีให้ทำแต่คนเลือกงาน คนเราก็อยากจะทำแต่งานสบายเงินเยอะ ซึ่งมันก็แล้วแต่ความสามารถของคนด้วย แต่จะให้รอก็รอไม่ไหวหรอก เราขาดคนมานานแล้ว ลุงเบิ้มติดต่อไปเลยก็ได้ โรสอยากได้อีกสักสองสามคน เอาเป็นผู้ชายหมดเลยก็ดี?
?เดี๋ยวลุงจัดการให้ด่วนเลย คนพวกนี้อยากได้งานทำกันจะตาย ยิ่งงานไม่หนักมากแต่ค่าจ้างพอสมน้ำสมเนื้ออย่างที่สวนเรา...หายากสำหรับพวกเขามาก คิดๆ ไปก็น่าสงสารพวกนี้นะครับ ต้องมาทำงานพลัดบ้านพลัดเมืองแบบนี้?
?อื้อ...ถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครอยากมาทำงานต่างถิ่นไกลครอบครัวหรอกจ้ะ ลุงเบิ้มจัดการไปเลยนะ?
มันทนาสั่งแล้วชวนเบิ้มพูดคุยอีกสักพัก เธอก็เดินออกมาจากบ้านพักของคนงานเก่าแก่
หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ สวนดอกไม้ มีดอกไม้ปลูกไว้หลากพันธุ์ ทั้งแบบตัดดอกขายและแบบที่ขายเป็นต้น ส่วนใหญ่จะมีไม้ดอกที่ตัดขายได้ทุกวัน อย่างกุหลาบ มะลิ กล้วยไม้ ดาวเรือง จำปี กินเนื้อที่เสียส่วนใหญ่ สวนแห่งนี้มีเนื้อที่เกือบร้อยไร่ งานเรียกได้ว่าทั้งหนักและเหนื่อย สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างมันทนาแต่เธอก็พร้อมจะสู้เสมอ
ไม่มีอะไรที่สาวแกร่งอย่างเธอจะต้องมาท้อหรือทำไม่ได้...นี่คือสิ่งที่มันทนาบอกกับตัวเองเสมอ และเธอก็พร้อมจะประคับประคองธุรกิจครอบครัวให้เจริญก้าวหน้าสืบต่อไปจนถึงรุ่นหลาน...
เอ่อ...รุ่นหลานอย่างนั้นหรือ?
สาวสวยย่นจมูกแล้วยักไหล่ เมื่อคิดถึงความเป็นจริงของตนเองที่ยังโสดสนิทไม่มีใครสักคนมาสนใจ คบหาดูใจด้วยสักคน เหมือนกุหลาบดอกสวยที่ถูกปลูกไว้บนหอคอยรอเจ้าชายขึ้นมาเด็ดดม แต่ไอ้เจ้าชายที่ว่านี่ก็คงจะหลงทางในปราสาทหรือหาทางปีนขึ้นมาไม่ได้ เธอถึงได้สวยอยู่บนที่สูงจน ณ บัดนี้
เอาน่า...จะยังไงตระกูลรักษ์บุปผารุ่นนี้ ถึงแม้จะไม่มีชายหนุ่มเลยแม้แต่คนเดียว แต่ก็มีกันตั้งสามสาวสามพี่น้อง แถมหนึ่งในนั้นอย่างทานตะวันก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว เหลือเพียงแค่เธอและพี่สาวคนโต บุษบันที่ยังคงโสดสนิท
เฮ้อ...
แม้จะแอบกลุ้มใจและเหงา แต่บางทีมันทนาก็รู้สึกดีที่ยังเกาะความโสดไว้จนถึงตอนนี้ แหม...ก็ขนาดคนอายุหกสิบเจ็ดสิบบางคนก็ยังเพิ่งแต่งงานนี่นา เธอก็แต่งกับงานไปก่อน...มันจะเป็นอะไรไป

2...

ฮ่องกงยามค่ำคืนที่ไม่เคยหลับใหล เมืองแห่งการช้อปปิ้งและอาหารอร่อย หากแต่มีมุมมืดบางมุมซุกซ่อนอยู่ มหานครเมืองใหญ่ อดีตเมืองขึ้นของอังกฤษที่ส่งมอบคืนให้กับจีน รัฐบาลจีนจึงให้อิสระกับฮ่องกงในการปกครองตนเองอย่างเต็มที่ โดยใช้การปกครองแบบหนึ่งประเทศสองระบบ
มุมมืดมิดของเมืองใหญ่แห่งนี้มีหลากหลาย ทั้งบ่อนการพนัน การค้ายา โสเภณี อีกทั้งกลุ่มแก๊งมาเฟีย และหนึ่งในแก๊งมาเฟียที่ทรงอิทธิพลในแถบเกาลูนไม่มีใครไม่รู้จักแก๊งมาเฟียของตระกูลฉี โดยมีฉี เฟย เป็นหัวหน้าแก๊ง
เขามีธุรกิจร้านอาหารที่เป็นธุรกิจแบบถูกกฎหมายควบคู่ไปกับธุรกิจผิดกฎหมายอย่างการเปิดบ่อน และเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากผู้ค้าแถบนั้น รวมถึงการค้าสิ่งผิดกฎหมาย สิ่งที่เฟยไม่ได้ทำนั่นก็คือการค้ายา เนื่องจากเขาเกลียดยาเสพติด เพราะมันเคยคร่าชีวิตคนที่เขารักต่อหน้าต่อตา
เขาห้ามเด็ดขาดไม่ให้คนในแก๊งยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด แต่สิ่งนี้มันก็ช่างเป็นไปได้ยากนัก เพราะธุรกิจด้านมืดมันมักจะดึงดูดกันนั่นเอง
อาคารสูงห้าชั้นตกแต่งเป็นรูปมังกรเกล็ดสีหยก ทำจากหินอ่อนแท้ๆ เป็นสถานที่เลื่องชื่อในเกาลูน เนื่องจากความอร่อยของอาหารของที่นี่ ภัตตาคารมังกรหยกที่กรุ๊ปทัวร์มาเยือนต้องไม่พลาด และขณะเดียวกันนั้น...ที่นี่ก็เป็นที่ตั้งลับๆ ของแก๊งมาเฟียฉีอีกด้วย
วันนี้ป้ายขึ้นที่หน้าภัตตาคารมังกรหยกว่าปิดหนึ่งวัน ทำให้ลูกค้าต้องผิดหวัง เนื่องจากมีการรวมกันเฉพาะกิจขึ้น ณ ชั้นบนสุดของอาคาร
ฉี หยงฟาง ชายวัยกลางคนหน้าตานิ่งขรึม กำลังจ้องมองคนที่ได้รับเกียรติเป็นประธานนั่งหัวโต๊ะในการประชุมของวันนี้ แก๊งมาเฟียของพี่ชายเขามีการประชุมใหญ่เกิดขึ้น เนื่องจากการเสียชีวิตของเฟย ผู้เป็นหัวหน้าแก๊ง สมาชิกในแก๊งต้องการหัวหน้าเพื่อสั่งการและผู้สืบทอด
ว่าที่หัวหน้าแก๊งมาเฟียฉีคนต่อไปสร้างความขัดเคืองเล็กๆ ให้กับหยงฟางยิ่งนัก เขามองคนที่กำลังยิ้มแย้มทักทายใครต่อใครด้วยสายตาคมจัด ซึ่งซ่อนไว้ด้วยความไม่พอใจ มือหนาหยิบกาแฟดำเข้มขึ้นมาจิบพลางเมินมองไปทางอื่น อารมณ์เขาไม่ค่อยคงที่นักหลังจากที่ยังทำ ?อะไร? บางอย่างยังไม่สำเร็จเสียที
ชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในการประชุมหนนี้ หากแต่กลับได้รับเกียรติให้นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานในการประชุม กำลังโต้ตอบกันกับชายร่างใหญ่ผิวขาวจัดตามแบบเชื้อชาติ เขามีรอยสักทั่วทั้งตัวและตัดผมแบบสกินเฮด นัยน์ตาของชายร่างใหญ่มีแววเห็นใจเมื่อกล่าวถึงบิดาของเขา
?อาเฟยอายุสั้นนัก ไม่น่าเชื่อว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้ อากับอาเฟยฝ่าฟันอะไรมาด้วยกันมากมาย ขนาดแก๊งมังกรดำเรายังไปลุยด้วยกันมาแล้ว โดนเย็บเกือบทั้งตัวมันยังไม่ตาย กลับมาตายเพราะมอเตอร์ไซค์ชน เฮ้อ...อนาถแท้ จุดจบของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่?
?มอเตอร์ไซค์คุณป้าเสียด้วยสิครับ? ฉี เหวินอี้ถอนใจเมื่อนึกถึงบิดาของตนเอง
เหตุการณ์ในวันที่เฟยเสียชีวิตเป็นวันที่เขาไม่เคยลืม เหวินอี้ได้ข่าวเรื่องการเสียชีวิตของบิดาในตอนเช้า แทบจะนึกว่าตัวเองหูฝาดไปเสียแล้วที่ได้ยินข่าวว่าบิดาเสียชีวิตแล้ว เพราะท่านผ่านเหตุการณ์มาแล้วหลายสิ่งในชีวิต ทั้งเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างที่หลี่ผิงว่า แต่ท่านก็ไม่เคยเป็นอะไร ดังนั้นการที่หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่โดนมอเตอร์ไซค์อีแก่ที่วิ่งได้ไม่เกินหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงชนแล้วเสียชีวิต...ไม่ให้ตกใจได้ยังไงไหว
?ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตายนะ?
เสียงทุ้มๆ นี้ดังมาจากทางขวามือของเหวินอี้ คนพูดถอนใจเล็กน้อยก่อนจะบ่นเบาๆ
?อาก็เตือนพ่อของเราแล้ว ว่าอย่าไปวิ่งจ๊อกกิ้งแถวๆ นั้น คนแถวนั้นขับรถดูคนที่ไหนกัน นึกแล้วอาก็เสียใจ นี่ถ้าไม่แวะซื้อของก็คงจะช่วยพ่อของเราทัน?
?ถึงคราวเคราะห์น่ะครับอาหยงฟาง?
คนอายุอ่อนกว่าเอ่ย เขาประสานมือกันบนโต๊ะ แล้วมองไปรอบๆ ตอนนี้ผู้เข้าประชุมเกือบครบแล้ว เหลือเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นเอง เหวินอี้เม้มริมฝีปากเมื่อทุกสายตาเริ่มจับจ้องมองมายังเขา วันนี้เป็นวันสำคัญของแก๊งมาเฟียฉี นั่นก็เพราะเป็นวันประกาศตัวของผู้สืบทอดคนใหม่
นัยน์ตาคมยาวรีหลุบลงพร้อมกับอาการลอบถอนใจน้อยๆ แสดงถึงความในใจว่ากำลังกลัดกลุ้ม เหวินอี้ไม่ได้อยากรับตำแหน่งนี้ รวมถึงไม่ได้อยากสืบทอดกิจการมืดของบิดาต่อเลยแม้แต่น้อย แม้ว่ามันจะหวานหอมไปด้วยอำนาจ และเงินจำนวนมหาศาลแต่เขาไม่เคยต้องการมัน
เหวินอี้เป็นทายาทคนเดียวของเฟย เขาเป็นลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง มารดาของเขาเลิกกับท่าน เพราะอาชีพที่ท่านทำนี่แหละ เมื่อเกตุนิภาขอร้องให้เฟยเลือกระหว่างงานผิดกฎหมายของตนและตัวเธอ ทว่าเฟยเลือกงาน เธอจึงกลับไปเมืองไทย โดยมีเงื่อนไขคือต้องทิ้งบุตรชายไว้กับเฟย เกตุนิภายอมให้เฟยเลี้ยงดูลูก โดยเธอมาเยี่ยมบ้างเป็นบางคราว
เจ้าพ่อมาเฟียใหญ่ไม่เคยมีภรรยาออกนอกหน้าอีกเลย เขาเลือกที่จะเลี้ยงสาวๆ ไว้แทนที่จะมีความรักจริงจังกับใคร เพราะหัวใจสลายไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่เลือกเดินทางนี้ต่อ ส่วนเกตุนิภาเธอมีครอบครัวใหม่ที่มีความสุข มีบุตรกับสามีใหม่อีกสองคน ทางสว่างที่เธอเลือกต่างจากหนทางของเฟยยิ่งนัก เขาอ้างว้างและโดดเดี่ยวจึงทุ่มเทความรักทั้งหมดให้กับเหวินอี้ บุตรชายคนเดียวที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ
มรดกทั้งหมดที่ยกให้บุตรชายหลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือการสืบทอดทายาทตำแหน่งของตนเอง งานที่เหวินอี้ไม่เคยคิดอยากจะทำ เขารักในกิจการร้านอาหารของบิดามากกว่า ถ้าเป็นไปได้...หัวโขนนี้เขาอยากให้มีคนมารับไปสวมไว้เสียเหลือเกิน ตัวเขาจะรับเอาแค่กิจการร้านอาหาร ส่วนธุรกิจอื่นเขาไม่อยากจะขอรับไว้
?เอาล่ะ พร้อมกันแล้วสินะ?
หลี่ผิงปรบมือเพื่อเป็นสัญญาณ เมื่อเห็นว่ามีคนนั่งเก้าอี้กันครบทุกตัวแล้ว ทุกคนหันมามองหลี่ผิงเป็นตาเดียว เมื่อยุติการสนทนาพูดคุยกันก็ทำให้ในห้องตกอยู่ในความเงียบ
?อย่างที่เรารู้กัน พี่เฟยของเราเสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นเราจึงต้องการหัวหน้าใหญ่คนใหม่ขึ้นมาสั่งการและดูแลพวกเราแทนพี่เฟย พินัยกรรมของพี่เฟยระบุไว้ชัดเจนว่า...ถ้าเป็นอะไรไปให้ฉัน...หลี่ผิง ช่วยดูแลความเรียบร้อยในเรื่องของแก๊ง และในขณะเดียวกันก็ให้ตำแหน่งหัวหน้านี้ตกเป็นของเหวินอี้?
?เหวินอี้ยังเด็กไปหรือเปล่า? เสียงคัดค้านหนึ่งดังขึ้น หลี่ผิงกระแอมแล้วไหวไหล่พลางหันไปจ้องคนพูดตาเขม็ง ฝ่ายนั้นถึงกับหลบวูบ
?ไม่เด็กไปหรอก เหวินอี้อายุสามสิบเอ็ดแล้ว อีกอย่างหนึ่ง...ก็ช่วยพี่เฟยดูแลเรื่องกิจการร้านอาหารอยู่ ธุรกิจแก๊งเองก็ช่วยดูแลเรื่องบัญชี ทำไมจะทำไม่ได้?
?ความจริงแล้ว น่าจะให้หยงฟางเป็นหัวหน้า? อีกเสียงดังขึ้น เจ้าของชื่อถึงกับลอบยิ้ม นัยน์ตาคมไหวระริกทันที เมื่อได้ยินคนพูดถึงตน ?เหวินอี้เด็กไป และยังไม่มีประสบการณ์อะไรเลย?
?ประสบการณ์ไม่มีก็สอนกันได้? หลี่ผิงว่า ?ยังไงพินัยกรรมของพี่เฟย...ฉันถือว่ามันเป็นคำสั่งคำขาด มีใครอยากคัดค้านอีกบ้างไหม??
น้ำเสียงแบบนั้นรวมถึงหน้าตาแบบนั้นของหลี่ผิง ทำให้สมาชิกในแก๊งคนอื่นๆ ถึงกับเงียบ หลี่ผิงมีอำนาจรองลงมาจากเฟยเลยก็ว่าได้ พวกเขากลัวเกรงชายคนนี้ไม่น้อยไปกว่าเฟย
หลี่ผิงเป็นมังกรหนุ่มแห่งแก๊งฉี ชายหนุ่มผู้ดุดันบ้าดีเดือด สามารถลุยกับคนนับสิบได้โดยไม่มีแผลแม้แต่รอยแมวข่วน ใครเล่าจะกล้าหาเรื่อง ถ้าหลี่ผิงกัดแล้วไม่มีปล่อย สมาชิกในแก๊งส่วนใหญ่ขึ้นกับหลี่ผิง เพราะนับถือในความบ้าบิ่นข้อนี้ของเขา เมื่อเขายืนยันว่าจะสอนเหวินอี้เองกับมือ ทั้งเรื่องบุ๋นเรื่องบู๊ในวงการนักเลง เสียงคัดค้านจึงค่อยๆ เงียบไป
?อาหลี่ผิงครับ?
เหวินอี้เอ่ยขึ้นเสียงเบา หลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลง ตอนนี้เขา หลี่ผิง และหยงฟาง กำลังนั่งจิบชากันพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องบัญชีของแก๊งอยู่
?มีอะไรหรือ??
?เอ่อ...? ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเห็นสายตาคาดหวังจากคนตรงหน้า หลี่ผิงยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก แล้วเอ่ยต่อเสียงห้าว
?ถ้าอยากจะคุยเรื่องแก๊งล่ะก็ อาว่าอาพูดทั้งหมดไปแล้วในที่ประชุม ทุกคนก็ยอมรับเราแล้วนะเหวินอี้ เรื่องงานเลี้ยงเปิดตัวเรากับคนในแก๊งน่ะ อาจะจัดให้ยิ่งใหญ่ แก๊งอื่นจะได้รู้ยังไงกันเล่า ว่าแก๊งฉีมีคนสืบทอดแล้ว?
?อาจะจัดงานเมื่อไหร่ครับ?
คำถามของเขาถูกกลืนลงไปเปลี่ยนเป็นคำถามอื่นแทน ยังไงคนในแก๊งก็ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วแบบนี้ เขาคงจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วสินะ
?คิดว่าน่าจะเป็นอีกสองเดือนข้างหน้า รอให้งานพี่เฟยผ่านไปสักพักหนึ่งก่อน อากลัวว่าแก๊งอื่นๆ มันจะเหิมเกริมมาหากินในถิ่นของเรา จะยังไงก็ต้องประกาศตัวหัวหน้าให้ได้รับรู้กัน?
?อ้อ...ครับ?
?เดี๋ยวฉันจะช่วยดูเรื่องงานให้นะหลี่ผิง? คนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับสมุดบัญชีเงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยยิ้มๆ พลางเอื้อมมือไปตบบ่าหลานชายเบาๆ
?อาจะจัดให้ยิ่งใหญ่เลยล่ะเหวินอี้?
?ขอบคุณครับอาหยงฟาง?
?จริงสิหยงฟาง ฉันได้ข่าวลือมาว่านายติดต่อกับแก๊งมังกรดำอย่างนั้นหรือ?? หลี่ผิงจ้องหน้าหยงฟางด้วยสายตาจ้องจับผิด ฝ่ายนั้นยักไหล่แล้วหัวเราะน้อยๆ
?ข่าวเหลวไหลมากกว่า ฉันจะไปติดต่อกับพวกมันทำไมกัน พี่เฟยเป็นอริกับแก๊งนี้ มันก็เท่ากับเป็นศัตรูกับแก๊งของเรา?
?ฉันก็อยากให้มันเป็นแค่ข่าวลือ ฉันกลัวว่านายจะทำนอกเหนือข้อพันธสัญญาระหว่างแก๊งของเรา?
?ฉันเป็นน้องชายแท้ๆ ของพี่เฟย? คนพูดเน้นเสียง ?ฉันย่อมรักแก๊งนี้มากเท่ากันกับนาย...หลี่ผิง และสิ่งที่พี่เฟยทำฉันก็ตั้งใจจะคงไว้ และทำมันต่อไปให้ยิ่งใหญ่เจริญก้าวหน้า?
?ถ้าอย่างนั้นก็ดี?
หลี่ผิงลอบถอนใจ ?ข่าวลือ? บางอย่างทำให้เขากำลังสังหรณ์ในบางสิ่ง บางสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าคนตรงหน้าจะกล้าทำ
?วันนี้เราอยู่พร้อมหน้ากันแล้วแบบนี้...ไปเที่ยวฉลองกันดีไหม?? หยงฟางปิดสมุดบัญชี แล้วเอ่ยชวนคนทั้งสอง ?คลับของเรามีทีเด็ดเลยล่ะคืนนี้ ฉันไม่อยากให้พวกนายพลาด?
ความหมายนั้นรู้กันดีว่าทีเด็ดที่ว่าคืออะไร ทำให้หลี่ผิงถึงกับยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับแบบไม่ต้องคิด
?ไปสิ ไปกันไหมเหวินอี้?
?ไม่ดีกว่าครับ? ชายหนุ่มโบกมือ ?ผมกับเชฟกำลังช่วยกันคิดเมนูใหม่ในร้านของเรา อาหารไทยก็เข้าท่าดีนะครับอาหลี่ผิง อาหยงฟาง คนกำลังนิยม ผมกำลังคิดจะรับเชฟคนไทยเข้ามาเพิ่ม?
?ดูท่าทางหลานจะชอบกิจการร้านอาหารของเรานะ เห็นสนอกสนใจมากเลยเหวินอี้? หลี่ผิงหัวเราะ ?งานหลักของเรามันไม่ใช่ร้านอาหารนะหลานรัก?
?เอ่อ...ผมชอบน่ะครับ? เหวินอี้พยักหน้ารับพลางเม้มริมฝีปาก
จริงสินะ...ถ้าเขาสืบทอดงานของเฟยแล้ว คงไม่มีเวลามาทำอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ บ่วงที่ใกล้จะคล้องลงมาบนคอ กรงที่ใกล้จะมากักเขาเอาไว้ คำว่าตำแหน่งทายาท มันทำให้เหวินอี้อึดอัดนัก
?ผมอยากจะไปเที่ยวเมืองไทยสักเดือนน่ะครับอาหลี่ผิง ส่วนทางนี้อยากจะฝากให้อาหยงฟางดูแลแทนไปก่อน ได้ไหมครับ?
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา เหวินอี้อยากไปสัมผัสอิสรภาพก่อนที่มันจะหลุดลอยหายไป เขาอยากจะไปท่องเที่ยวให้ลืมเลือนเรื่องตำแหน่งหน้าที่นี้ไปเสียบ้าง อีกอย่างจะได้ไปเยี่ยมมารดาด้วย เขาไม่ได้เจอท่านมาสามปีแล้ว
?ไปสิ? หยงฟางอนุญาต แล้วหันมายิ้มให้กับหลี่ผิงที่ทำท่าว่าจะค้าน ?ปล่อยหลานไปเถอะน่าหลี่ผิง ถือว่าให้ไปพักผ่อนก่อนจะกลับมาฝึกงานกับนายยังไงกันเล่า?
?ก็ได้? หลี่ผิงถอนใจ ?แต่อย่าคิดหนีก็แล้วกันนะเหวินอี้ ยังไงอาจะต้องลากเรามารับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้ได้อยู่ดี เข้าใจใช่ไหม??
คำคาดโทษนั้นเล่นเอาเหวินอี้สะดุ้งเล็กน้อย ความคิดนี้กำลังวาบเข้ามาในสมองเขาจริงๆ ชายหนุ่มไหวไหล่ก่อนจะหัวเราะ
?ไม่หรอกครับ ใครจะหนีกันเล่า ขอตัวก่อนนะครับ อาๆ ก็เที่ยวกันให้สนุกนะครับคืนนี้ อาหลี่ผิงอย่าหักโหมนะครับ?
ชายหนุ่มขยิบตาให้กับหลี่ผิง ซึ่งหัวเราะลั่นเลยทันทีกับคำพูดล้อเลียนนั่น เขาโบกมือให้กับหลานชาย ที่เดินออกไปจากห้อง แล้วหันมายิ้มกว้างให้กับหยงฟาง
?ไปกันเถอะหยงฟาง อยากจะดูว่าทีเด็ดของนายมันแจ๋วขนาดไหนว่ะ?
?รับรองว่าเด็ดจนนายจะต้องร้องดังไปถึงสวรรค์เลยล่ะหลี่ผิง? หยงฟางว่า นัยน์ตาคมกริบแฝงนัยบางอย่างไว้ เมื่อลุกขึ้นแล้วเดินไปกอดคอกันกับชายที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรักของเขาคนหนึ่ง
และแล้วเช้าวันต่อมา ข่าวการตายของหลี่ผิงก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทีเด็ดที่ว่าคือหญิงสาวสวยวัยเยาว์ ที่ทำเอารองหัวหน้าแก๊งฉีถึงกับตายคาอก!


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวย เฮี้ยบ ดุ คือฉายาของมัทนาเจ้าของไร่ดอกไม้รักษ์บุปผา เพราะผู้หญิงตัวบางร่างเล็กแต่ใจแกร่งคนนี้ต้องรับมือกับสารพันปัญหา และตอนนี้มันทนากำลังลับสมองกับแรงงานพม่าที่หล่อกระชากใจ แต่ละวันเธอต้องประลองฝีปากกับนายคนนี้ที่พูดไม่ชัดที่เรียกเธอว่าคุงโละ เหวินอี้ที่ปลอมตัวเข้ามาในนามนายทองแท่งก็ดูจะถูกอกถูกใจที่ได้ยั่วโมโหเจ้านายสาว และในขณะเดียวกันนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกว่าตัวเองตกหลุมรักแม่ดอกกุหลาบสีแดงสดคนนี้เข้าแล้ว หากแต่ภารกิจที่มีเดิมพันเป็นชีวิตซึ่งเหวินอี้จะต้องฝ่าฟันให้สำเร็จนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญ ระยะเวลาที่แฝงตัวอยู่ที่แห่งนี้เขาจึงขอพิสูจน์รักแท้ และจะกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยให้มันทนาได้ภูมิใจ

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”