New Release : เมื่อความรักมาทักทาย season 2 โชคชะตาในมือเธอ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : เมื่อความรักมาทักทาย season 2 โชคชะตาในมือเธอ

โพสต์ โดย Gals »

ฤดูร้อนไฮสคูลปี 2 เป็นฤดูร้อนแรกสำหรับซึบากิ ฤดูร้อนแรกที่ได้เป็นแฟนของเคียวตะคุง
ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างนั้น แต่เพราะเคียวตะคุงอยู่ในระหว่างไปท่องเที่ยวที่อเมริกา ซึบากิจึงต้องอยู่คนเดียว แต่ว่าในคืนที่มีเทศกาลดอกไม้ไฟ เคียวตะคุงก็โทรมาจากต่างประเทศ ซึบากิกดโทรศัพท์แนบหูจนเจ็บ เสียงของเคียวตะที่สดใสเหมือนเคย เสียงของเขาที่ซึบากิคิดถึงจนอยากจะร้องไห้
....คิดถึง
คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในหู ตรงดิ่งเข้ามาที่อก บีบหัวใจของซึบากิ
ทั้งที่มีความรู้สึกเดียวกันแท้ๆ แต่ว่าความห่างทำให้ทรมานใจเหลือเกิน
อยากจะได้ยินเสียงใกล้ๆ มองเห็นหน้าและอยู่ใกล้จนจับมือกันได้
ไม่สิ อยากจะใกล้....ยิ่งกว่านั้น
ซึบากิกำโทรศัพท์มือถือแน่นอีกครั้ง เหงื่อที่ซึมออกมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ไหลจากฝ่ามือไม่หยุด
อยากจะพูดแต่ว่ายังกล้าๆ กลัวๆ
แต่ก็อยากจะพูดเหลือเกิน
ในที่สุดซึบากิก็ตัดสินใจจะเอ่ยปาก แต่กลับรู้สึกหายใจไม่ออกคล้ายมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ รู้สึกเหมือนต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้
?คราวหน้า....ที่พบกัน ฉันมีเรื่องอยากจะบอกซึบากิคุง....? เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบจะถูกเสียงหัวใจที่เต้นแรงกลบเสียหมด มือที่จับโทรศัพท์นั้นสั่นระริก
ขนาดตัวซึบากิเองยังรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองหน้าแดงก่ำ
แต่ว่า....
ดอกไม้ไฟดอกใหญ่เบ่งบานท่ามกลางฟากฟ้าในยามค่ำคืน แสงที่วูบลงมาเหมือนดาวตกที่ทั้งสองเคยดูด้วยกันที่เกาะฮาเทรุมะ เมื่อจ้องดูดอกไม้ไฟนั้น ซึบากิก็คิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติว่า
?ขอให้ได้อยู่กับคนที่รักตลอดไป?


ตอนที่ 1 ฤดูร้อนที่แตกต่าง

ในขณะที่คิดว่านี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญนั้น
?ฉันกับซึบากิคุงจะ....? พึมพำออกมาแล้วซึบากิก็รู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว ซึบากิคว่ำหน้าลงกับสมุดจดที่กางอยู่ ใจเต้นแรงจนรู้สึกอึดอัดในอก
ซึบากิรู้สึกว่าทั้งที่แค่คิดก็ยังอาการหนักขนาดนี้ แล้วจะทำได้จริงๆ เหรอ
เพราะเรื่องการจูบในแง่ทฤษฎีที่รู้มา มันต่างจากเวลาปฏิบัติจริงมาก
ทั้งความนุ่มนวลและรุนแรงจากริมฝีปากของเคียวตะทำให้ซึบากิทำอะไรไม่ถูก รวมทั้งความร้อนและความนุ่มของลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดด้วย
เสียงจูบที่ดังเข้าหูทำให้ซึบากิเขินอายจนรู้สึกว่าอยากจะหนีไป แต่อีกใจกลับไม่อยากจะหนี
อยู่ๆ ซึบากิก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนกลางคืนที่เกาะฮาเทรุมะได้อย่างแจ่มชัด
อกเปลือยเปล่าล่ำสันของเคียวตะห่อหุ้มผิวที่สั่นระริกของซึบากิ ริมฝีปากบางนั้นและเล็มอกของซึบากิ ส่วนปลายนิ้วที่เรียวยาวก็....
?ยะ....หยุดคิดเพ้อเจ้อได้แล้ว!? ซึบากิตะโกนดุตัวเอง แล้วลุกพรวดจนเก้าอี้แทบจะกระเด็น ในหัวรู้สึกพลุ่งพล่าน
ซึบากิเขินจนไม่สามารถคิดถึงเรื่องต่อจากนั้นได้ ยิ่งกว่านั้นยังเคยได้ยินมาว่ามันจะเจ็บมากจึงรู้สึกกลัวด้วย
ที่สำคัญคือตัวเองยังเป็นนักเรียนไฮสคูล ยังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีทางที่จะมีลูกได้ สรุปก็คือนั่นเป็นความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่ถูกต้อง
(คะ....ความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่ถูกต้อง?)
ซึบากิตกใจกับคำพูดของตัวเองที่ชวนให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรม เพราะเป้าหมายไม่ใช่เรื่องของการสืบพันธุ์อย่างแท้จริง ถ้าเช่นนั้นเป้าหมายคืออะไร
?เพื่อความสนุก....??
เมื่อพูดอย่างที่คิดออกมาแล้ว ซึบากิก็สะบัดศีรษะอย่างแรงเหมือนจะให้คำพูดนั้นหลุดไป
ไม่ใช่สิ พูดอย่างนั้นเหมือนมันเป็นเรื่องลามก จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่บริสุทธิ์
มันไม่ใช่อย่างนั้น ก็แค่อยากจะใกล้ชิดผูกพันกับคนที่รัก
(....ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่การที่ไม่คิดหน้าคิดหลังก็เป็นเรื่องจริงอยู่ดีสินะ)
ทั้งที่ไม่ได้มีการคุมกำเนิด หากมีลูกขึ้นมาย่อมไม่สามารถรับผิดชอบได้ พ่อกับแม่ก็คงจะร้องไห้ เรื่องจะขอโควตาเข้ามหาวิทยาลัยก็จะเป็นไปไม่ได้ เพื่อนบ้านคงจะนินทาลับหลังว่า ?ทั้งที่คิดว่าเป็นเด็กที่จริงจังแท้ๆ? ทำให้แม่คิดมากว่า ?เป็นเพราะฉันเลี้ยงลูกไม่ดี? จนเป็นโรคประสาท ส่วนซากุระน้องสาวคงจะเจ็บปวดเมื่อถูกมองอย่างมีอคติว่า ?เป็นน้องสาวของเด็กคนนั้น? จนเสียคน และทำให้คุณพ่อไม่อยากจะเหลียวแลครอบครัวที่เป็นแบบนั้น....
?มะ....ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้จริงๆ? ซึบากิพึมพำหน้าซีด
ทุกอย่างมีความเกี่ยวพันกันอย่างคาดไม่ถึง เหมือนดังคำว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว และถ้าหากซึบากิมีความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่ถูกต้อง บ้านฮิบิโนะก็คงจะพังทลาย
?ใช่ เดิมทีเวอร์จิ้นโรดก็ควรจะเดินตอนเวอร์จิ้นสิ?
เมื่อเคียวตะกลับมา ซึบากิตั้งใจจะทำเหมือนว่าเรื่องที่พูดไปในวันที่มีงานดอกไม้ไฟไม่มีอะไร
ซึบากิพยักหน้าอย่างแน่วแน่เมื่อตัดสินใจอย่างนั้น แล้วทันใดนั้นภาพรอยยิ้มเขินๆ ของเคียวตะก็ปรากฏขึ้นมาทันที
?ฉันดีใจมาก....?
ในคืนนั้นที่กายต่อกายแนบกันบนเกาะฮาเทรุมะ เคียวตะพูดแบบนั้นแล้วยิ้ม
ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ซึบากิจึงรู้สึกเข่าอ่อนทรุดนั่ง
ใบหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นแรงจนได้ยิน
เสียงของเคียวตะกับรอยยิ้มนั้นยังไม่จางไปจากใจของซึบากิ
เรื่องของเคียวตะเข้ามาอยู่ในหัวเต็มไปหมด ภาพการล่มสลายของครอบครัวลบเลือนไปอย่างสิ้นเชิง
ซึบากิรู้สึกทนรอไม่ไหวจริงๆ และไม่อาจคิดหน้าคิดหลังต่อไปได้ อยากจะแน่วแน่กับความรู้สึกที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ซึบากิกางสมุดบันทึกประจำวันที่วางเอนอยู่บนโต๊ะแล้วจ้องมองจนกระดาษแทบจะทะลุ หนึ่งเดือนที่รอการกลับมาของเคียวตะทำให้ซึบากิรู้สึกอ่อนแอ ระหว่างนั้นจะต้องเตรียมสิ่งที่จำเป็น
เมื่อคิดอย่างนั้น อยู่ๆ แม่ก็เข้ามา ในมือถือถาดซึ่งมีกาแฟเย็นกับเยลลี่ถั่วแดงที่ได้รับมาเป็นของขวัญสำหรับช่วงโอบ้ง
ซึบากิรีบพับสมุดบันทึกประจำวันใส่ชั้นไว้เหมือนเดิม
?ซึบากิจัง ดูหนังสือไปได้เยอะแล้วใช่ไหม?
?เอ่อ ค่ะ?
?สมแล้วที่เป็นซึบากิจัง แม่เคาะประตูแล้ว แต่สงสัยซึบากิจังจะจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือจนไม่ได้ยินน่ะ?
?คะ....คงจะเป็นอย่างนั้นน่ะค่ะ?
ซึบากิไม่กล้าบอกว่าเป็นเพราะกำลังจ้องสมุดบันทึกประจำวันและวางแผน ?วันนั้น? กับซึบากิคุงอยู่ต่างหาก
?แบบนี้แม่ค่อยหายห่วงหน่อยว่าผลการเรียนจะไม่น่าอายเหมือนกับการสอบปลายภาคเทอมสองตอนปีหนึ่งน่ะ ตอนนั้นแม่เป็นห่วงจนแทบจะเป็นโรคประสาทเลย อย่าทำให้แม่ต้องคิดมากแบบนั้นอีกเลยนะ?
?ขอโทษด้วยค่ะ?
?ซากุระจังก็เหมือนกัน ถ้าหัดดูพี่สาวเป็นตัวอย่างแล้วตั้งใจเรียนบ้างก็คงดีหรอก เข้าโรงเรียนเดียวกับซึบากิจังได้ก็ดี แต่ว่าแค่เข้าโรงเรียนปลายแถวไม่สามารถการันตีอนาคตได้ใช่ไหมล่ะ ไม่เอ่ยปากให้วางเป้าหมายในการเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างซึบากิจังหรอก แต่อย่างน้อย....?
ท่าทางแม่จะเริ่มบ่นยาว ซึบากิแอบถอนหายใจอยู่ในใจ
หมู่นี้แม่อารมณ์ไม่ค่อยดี และเป็นมากขึ้นทุกวันๆ เพราะว่าใกล้ถึงวันที่คุณย่าจะมาเยี่ยมแล้ว
คุณย่าซึ่งก็คือคุณแม่ของคุณพ่อ สรุปแล้วก็คือแม่สามีของคุณแม่นั่นเอง
คุณพ่อเป็นลูกชายคนรอง แยกจากบ้านพ่อแม่และบ้านเกิดมาอยู่ต่างหาก ไม่ได้อยู่กับคุณย่า แต่ก็ไม่ได้ขาดการติดต่อกันไป
ตั้งแต่ซึบากิอยู่ประถมจนถึงไฮสคูลจะต้องไปเยี่ยมที่บ้านคุณย่าทุกปีใหม่ และฤดูร้อนในแต่ละปีจนถึงตอนนี้คุณย่าก็จะมาเยี่ยมที่บ้าน ซึ่งมักจะเป็นเวลาที่เลยช่วงโอบ้งไปแล้ว และปีนี้ก็มีกำหนดการเช่นนั้น ระยะเวลาที่จะมาค้างคือ 4 วัน 3 คืน
คุณแม่เห็นสมุดบันทึกประจำวันที่ถูกวางตั้งอยู่ก็ขมวดคิ้ว
?คุณพ่อบอกว่าไม่ต้องทำอะไรก็ได้ แต่จะไม่ทำอะไรได้ยังไงกันล่ะ บอกว่าเพราะเป็นญาติ ไม่ต้องคิดมากก็ได้ แต่ว่าไม่ใช่ญาติแม่สักหน่อย ไหนจะต้องทำอาหารวันละสามมื้อ ทำความสะอาด ซักผ้า รีดผ้า....น่าปวดหัว?
พูดแล้วคุณแม่ก็กดขมับ ก่อนจะหันมามองซึบากิด้วยแววตาดุดัน
?ซึบากิจังก็ต้องช่วยแม่ด้วยนะ แม่คนเดียวไม่ไหวหรอก?
ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าให้ตั้งใจอ่านหนังสือแท้ๆ ซึบากิได้แต่คิดอย่างนั้นแล้วพยักหน้าโดยที่ไม่ได้พูดออกไป
อันที่จริงจะบอกว่าคุณย่าเป็นคนเอาใจยาก....หรือจะเรียกว่าเป็นคนที่พูดจาตรงๆ ไม่เกรงอกเกรงใจคนอื่นก็ได้ ในขณะที่คุณแม่เองเป็นคนที่รักศักดิ์ศรี นิสัยจึงเข้ากันไม่ค่อยจะได้
(อันที่จริงฉันเองก็ไม่ค่อยจะถนัดรับมือคนอย่างคุณย่าสักเท่าไร)
แต่ว่าตั้งแต่พบกับเคียวตะก็มีน้ำอดน้ำทนกับคนปากร้ายขึ้นมาบ้าง เมื่อก่อนเวลาได้ยินแล้วอาจจะรู้สึกเหมือนเส้นเลือดในสมองจะแตก แต่เดี๋ยวนี้พอจะฟังแล้วปล่อยผ่านไปได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ ก็คงจะต้องตายเพราะเส้นเลือดในสมองแตกแน่ๆ ซึบากิคิดว่ามันคงเป็นสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดที่ทำงานอย่างเหมาะสม
เหมือนอย่างแมวน้ำไม่มีหูหรือแมวน้ำขนปุยที่ดูจากลักษณะของกะโหลกศีรษะแล้วน่าจะเป็นสัตว์จำพวกเดียวกับสุนัขหรือแมว แต่ว่ากลับมีเท้าเหมือนครีบปลา ซึ่งเป็นการปรับตัวเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในน้ำได้
(ชีวิตเป็นสิ่งที่น่าทึ่งจริงๆ)
ซึบากิจะไปดู ?ไวลด์ ไลฟ์? ภาพยนตร์สารคดีที่กำลังเข้าฉายอยู่ ความจริงอยากจะไปดูกับเคียวตะ แต่เพราะเป็นภาพยนตร์ที่ฉายในช่วงสั้นๆ ในระหว่างปิดเทอมฤดูร้อนเท่านั้นจึงต้องไปคนเดียว
คุณแม่ซึ่งวางเยลลี่ถั่วแดงกับกาแฟเย็นไว้ให้แล้วทำท่าจะเดินออกไปเหลียวกลับมา
?จริงสิ ลืมบอกไปเลยว่าเมื่อคืนคุณย่าโทรมาบอกว่าปีนี้ฮายาโตะคุงจะมาด้วย?
?ฮายาโตะคุง....เอ่อ??
?ใช่ ฮายาโตะคุงที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของลูกไงล่ะ?
คุณแม่พยักหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ
ฮายาโตะ ฮิบิโนะ
เป็นลูกชายของคุณลุง เป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุเท่ากับซึบากิ ครอบครัวของฮายาโตะคุงอาศัยอยู่กับคุณย่า เมื่อก่อนก็เคยเล่นด้วยกันตอนปีใหม่
ภาพในอดีตของฮายาโตะเป็นเด็กผู้ชายร่างเล็ก แต่ภาพที่นึกขึ้นมาจากความทรงจำนั้นก็เลือนรางเต็มที
ฮายาโตะเตี้ยกว่าซึบากิ และผอมบางจนแทบจะปลิวลม ผิวขาวใสจนมองแทบจะทะลุ ดวงตาโตหวานเยิ้ม และด้วยหน้าตาที่ดูน่ารักอ่อนโยนทำให้ถึงจะบอกว่าเป็นเด็กผู้หญิงก็ไม่มีใครสงสัย
ที่จริงพวกเด็กผู้ชายที่เป็นเพื่อนบ้านก็เคยล้อว่าเหมือนผู้หญิง แต่ว่าฮายาโตะเป็นคนใจไม่สู้ จึงได้แต่ร้องไห้ ไม่กล้าโต้ตอบ
(คิดถึงนะ ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างหนอ)
เมื่อลองจินตนาการดูก็นึกถึงแต่ภาพสาวสวยน่ารักสะอาดสะอ้าน ถ้าหากเป็นอย่างนั้นฉันจะลองทำทรงผมให้หลายๆ แบบเลย แต่ว่า....
?ทำไมฮายาโตะคุงถึงจะมาด้วยล่ะคะ?
?เห็นว่ามีธุระที่โตเกียวน่ะ คุณย่าก็เหมือนกัน แต่ว่าทำเหมือนบ้านเราเป็นโรงแรมที่ไม่ต้องเสียสตางค์เลยนะ? คุณแม่ถอนหายใจอย่างเปิดเผย
เพราะฉะนั้นถึงจะไม่เอ่ยปากออกมา แต่ว่าซึบากิก็ค่อนข้างจะลุ้นระทึกเมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆ อยู่บ้าง
ฮายาโตะคุงเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่น่ารัก ถ้าหากจะให้พูดเป็นคำจำกัดความสั้นๆ ก็คือ ฮายาโตะคุงที่ชอบซ่อนอยู่หลังซึบากิ
คนที่คอยเดินตามหลังและตะโกนซ้ำๆ ว่า ซึบากิจัง ซึบากิจัง....

?ซึบากิจัง!?
แต่ว่าเมื่อฮายาโตะคุงมาถึงจริงๆ ถึงแม้ว่าจะดูน่ารักสะอาดสะอ้าน แต่กลับไม่ใช่สาวสวย
เขาสูงประมาณ 180 เซนติเมตร แขนที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามออกมาดูกำยำ ผิวคล้ำแดดแลดูสุขภาพดี รูปร่างล่ำสัน แก้มที่เคยกลมนุ่มดูคมสันขึ้น
?ไม่ได้เจอกันซะนานนะ? เขาก้าวเข้าประตูบ้านมาด้วยท่าทางเกร็งๆ เล็กน้อย และยิ้มด้วยสีหน้าสดใส
เมื่อมองข้ามศีรษะนั้นไปก็เห็นเมฆก้อนใหญ่ที่อยู่เหนือท้องฟ้าสีฟ้า
?ใครน่ะ....?? ซึบากิพึมพำอย่างลืมตัว
เพราะฮายาโตะคุงที่เห็นนั้นต่างจากฮายาโตะคุงในความทรงจำลิบลับ เพราะชายที่อยู่ตรงหน้าล่ำสันบึกบึน ไม่เหลือเค้าเด็กผู้ชายที่เคยน่ารัก
?ใจร้าย จำฉันไม่ได้เหรอ?
เสียงนั้นทุ้มกว่าที่คิด เมื่อมองดูก็เห็นลูกกระเดือกยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
?ฉันเหรอ....ทั้งที่เมื่อก่อนเคยพูดว่าผมแท้ๆ?
?อะไรกัน จำได้ด้วยเหรอ? เขายิ้มแฉ่ง
รู้จักแสดงออกความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ
ซึบากิจ้องมองฮายาโตะคุงที่อยู่ต่อหน้าจนแทบจะลืมกะพริบตา เขาถอดรองเท้ากีฬาคู่เก่าที่สวมมาวางคู่กับรองเท้าแตะของซึบากิที่วางแอบอยู่ข้างๆ ทำให้เห็นว่ารองเท้าของฮายาโตะใหญ่มากจนรองเท้าของซึบากิดูเหมือนรองเท้าสำหรับเด็กไปเลย
ฮายาโตะคุงก้มลงมองซึบากิด้วยแววตาที่รู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้น แล้วในที่สุดจึงพูดออกมาอย่างจริงจังว่า
?ซึบากิจังไม่เปลี่ยนไปเลยนะ?
?เอ๊ะ?
ซึบากิตกใจกับคำพูดที่ไม่น่าเชื่อ จนต้องมองดูตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกยาวที่วางอยู่บริเวณประตู
เพราะเป็นวันที่จะมีแขกมา จึงตั้งใจว่าจะไม่แต่งตัวอะไรที่แปลกประหลาด ซึบากิจึงสวมชุดวันพีซสายเดี่ยวที่สวมเวลาออกไปข้างนอกกับมิโฮะจัง ทรงผมก็จัดแต่งตามแบบในนิตยสาร ดูแล้วน่าจะเป็นสาวไฮสคูลที่เหมาะสมกับยุคแน่ๆ
ซึบากิที่เคยถักเปีย สวมกระโปรงยาวถึงเข่า ใส่ถุงเท้าพับสามทบจนถูกเรียกว่าเป็น ?สาวโบราณ? เมื่อชอบเคียวตะก็หวังว่าตัวเองจะน่ารักขึ้น
เมื่อยืนข้างๆ เคียวตะ ซึบากิอาจจะยังคงดูด้อยกว่า แต่คิดว่าเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแล้ว และคนรอบข้างเองก็พูดอย่างนั้น แต่ว่า...
?ไม่เปลี่ยนไป เหรอ??
?อือ ที่ห้องนั่งเล่นบ้านฉันมีรูปถ่ายตอนปีใหม่สมัยก่อน ซึบากิจังใส่ชุดวันพีซไหมพรม มัดผมด้วยยางมัดผมน่ารักๆ โตขึ้นมาก็รู้สึกว่ายังเป็นแบบนั้นอยู่เลย?
เป็นเพราะฮายาโตะคุงไม่รู้จักซึบากิที่เป็น ?สาวโบราณ? ภาพซึบากิในความทรงจำของเขาจึงเป็นภาพของซึบากิสมัยที่เป็นนักเรียนประถมแล้วก็ตัดมาเป็นปัจจุบันเลย
?ส่วนมากคนจะชอบพูดว่าตอนเป็นเด็กน่ารักกว่า อะไรแบบนี้ใช่ไหมล่ะ ฉันแค่เป็นห่วงน่ะ แต่ว่าคู่หมั้นฉันยังน่ารักเหมือนเดิมก็ดีแล้ว?
?....หา? เมื่อกี้ว่าไงนะ??
?ดีนะที่น่ารักเหมือนเดิม?
?ก่อนหน้านั้นน่ะ?
?คู่หมั้นของฉัน??
?คะ....คู่หมั้น!??
เสียงทวนคำนั้นดังจนกระจกยาวสะเทือน ซึบากิหันขวับอย่างแรง
คู่หมั้น....สรุปว่าสัญญาว่าจะแต่งงาน
(ถ้าบอกว่าเป็นคู่หมั้น ก็หมายความว่าฉันจะต้องแต่งงานกับฮายาโตะคุง)
เมื่อเห็นซึบากิตะลึงยืนนิ่งอยู่กับที่ ฮายาโตะคุงก็เอียงคอนิดๆ
?อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้ ที่เคยสัญญากันว่าถ้าโตขึ้นแล้วจะแต่งงานกันน่ะ?
สัญญา? แต่งงาน? เคยมีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ
ซึบากิเอาแต่อึ้ง ในขณะที่ฮายาโตะมองอย่างลุ้นๆ หวังจะให้ซึบากินึกออก
ตอนนั้นเองที่มีเสียงตวาดแหวดังมาจากด้านหลังของฮายาโตะคุง
?ตัวก็โต มายืนอยู่หน้าประตูก็เกะกะน่ะสิ เอ้า รีบๆ หลีกทางสิ?
คนที่พูดพลางผลักฮายาโตะคุงด้วยมือที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นอย่างเห็นได้ชัดก็คือคุณย่านั่นเอง ผมหงอกขาว แต่หลังยังไม่โก่ง สวมกระโปรงที่ตัดเย็บด้วยผ้าเจอร์ซี่เนื้อดีและถือกระเป๋าถือ แต่งหน้าอย่างประณีต ทาลิปสติกสีแดง แม้ว่ารูปร่างจะเล็ก ผอมบาง แต่ไม่มีแววของความอ่อนแอให้เห็นเลย
คุณแม่ยื่นมือจะไปรับกระเป๋าถือจากคุณย่า แต่คุณย่ากลับรีบเปลี่ยนไปสวมรองเท้าแตะแล้วเข้ามาในบ้านโดยที่หิ้วกระเป๋าเอง และไม่แม้แต่จะหันไปมองคุณแม่เลย คุณแม่ยิ้มเก้อแต่ก็รีบตามเข้าไป
ซึบากิก็ช่วยอะไรไม่ได้ และนึกถึงเรื่องในอดีตได้รางๆ
?ซึบากิจัง ทำไงดีล่ะ ซึบากิจัง?
เสียงฮายาโตะคุงที่ยังเป็นเด็กร้องไห้แล้วพูดซ้ำๆ
นั่นเป็นวันที่มีเกล็ดหิมะโปรยปราย
ดูเหมือนว่าอะไรสักอย่างที่จะเอาไว้ใส่ในโซนินั้นไม่พอ พวกซึบากิจึงถูกวานให้ออกไปซื้อ เพราะซากุระบอกว่าไม่ชอบอากาศหนาว ซึบากิกับฮายาโตะคุงจึงออกไปกันแค่สองคน
อากาศหนาวจนถึงขนาดว่าแม้จะสวมถุงมือแล้วก็ยังรู้สึกเย็นที่ปลายนิ้ว จึงแทบไม่มีใครออกมาข้างนอกเลย
เรื่องนั้นเกิดขึ้นตอนขากลับจากการไปซื้อของ บริเวณทางที่ตัดผ่านทุ่งซึ่งใช้เป็นทางลัด ทั้งสองพบสุนัขจรจัดตัวใหญ่ยักษ์โดยบังเอิญ เมื่อมันเดินเยื้องย่างเข้ามา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผอมหรืออย่างไร ทำให้เมื่อมองจ้องตานั้นจึงดูเหมือนจะถลนออกมา
ฮายาโตะคุงรีบมาซ่อนหลังซึบากิ จับเสื้อโค้ทเอาไว้แน่น แล้วเบะปากทำท่าจะร้องไห้ ซึบากิก็อยากจะร้องไห้ ฟันกระทบกันกึกๆ แข้งขาก็สั่นไปหมด แต่ถ้าร้องไห้ทั้งสองคนก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ซึบากิคิดว่าจะต้องปกป้องฮายาโตะคุง ซึบากิกางแขนทั้งสองข้างออกปกป้องเขา จ้องมองสุนัขจรจัดจนรู้สึกแสบตา ทั้งที่อากาศหนาวแท้ๆ แต่เหงื่อกลับไหลซึมออกมา
ซึบากิกะคิดว่าถ้าหากมันกระโจนเข้ามาจะใช้ถุงที่ซื้อของมากระแทกใส่ปลายจมูก แล้วจะฉวยจังหวะนั้นดึงมือฮายาโตะคุงหนีพลางขว้างก้อนหินใส่
ขณะที่นึกภาพจำลองเหตุการณ์อยู่นั้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร สุนัขจรจัดดูจะหมดความสนใจ แล้วก็เดินไปทางอื่น ซึบากิรู้สึกโล่งใจ แต่ฮายาโตะคุงกลับร้องไห้หนักยิ่งกว่าเก่า
?ซึบากิจัง ซึบากิจัง?
?อย่าร้องไห้อย่างนั้นสิ ฉันจะ....ปกป้องฮายาโตะคุงเอง?
ขณะที่พูดนั้น อยู่ๆ ซึบากิก็รู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมากลางคัน
(อ้าว) เมื่อตอนที่คิดอย่างนั้นซึบากิก็ทรุดนั่งลงบนทางที่ตัดผ่านทุ่ง
?ซึบากิจัง!??
?มะ....ไม่เป็นไร? ซึบากิตอบไปแบบนั้นแต่กลับไม่มีเรี่ยวมีแรงจะลุกขึ้น
?ฮือๆ? เสียงฮายาโตะคุงร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนดังมาจากที่ไกลขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หายไป ครู่ต่อมาจึงได้ยินเสียงพึมพำเบาๆ
?....ซึบากิจังก็กลัวเหมือนกันสินะ?
ฮายาโตะคุงย่อร่างเล็กบางลงเด็ดดอกแดนดิไลออนสีขาวที่บานอยู่ข้างทาง ดอกแดนดิไลออนสีขาวเป็นพันธุ์ที่บานเร็วกว่าดอกแดนดิไลออนโดยทั่วไป
เขาถอดถุงมือออก เป่าลมหายใจอุ่นๆ ใส่ปลายนิ้วที่กำลังชาเพราะความหนาวเย็น แล้วจับต้นหญ้ามาบิดอย่างคล่องแคล่ว เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นแหวนดอกทัมโปโปะสีขาว
?ซึบากิจัง?
ฮายาโตะคุงยื่นมือมา เมื่อซึบากิจับมือเขาเพื่อจะลุกขึ้นก็รู้ว่ามือของเขาเย็นเหมือนน้ำแข็งจนรู้สึกได้ แม้จะจับผ่านถุงมือก็ตาม
?ฮายาโตะคุง ถ้าไม่รีบใส่ถุงมือเดี๋ยวจะ....?
?ไม่เป็นไรหรอก ซึบากิจังก็ถอดออกเถอะ?
น่าแปลกที่เขาเอ่ยปากเรียกร้องอย่างนั้น



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จากการ์ตูนชื่อดัง ?เมื่อความรักมาทักทาย? สู่นิยายเล่มที่ 2!! ประสบการณ์ครั้งแรกของซึบากิ กลายเป็นนิยายดราม่า ปิดเทอมฤดูร้อนตอนอยู่ไฮสคูลปี 2 ซึบากิกับเคียวตะต้องห่างกัน ยิ่งห่างก็ยิ่งรู้สึกถึงความสำคัญของกันและกัน ซึบากิตัดสินใจจะมอบทุกอย่างให้เคียวตะ...? ห้ามพลาด! กับเรื่องรักครั้งแรกที่น่าตื่นเต้นของซึบากิ

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”