New Release: Overcome Maidอุบายร้าย รักอันตราย เจ้านายตัวแสบ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release: Overcome Maidอุบายร้าย รักอันตราย เจ้านายตัวแสบ

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

กลุ่มควันสีดำทะมึนกำลังพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าสีแดงฉาน ฉันเบิกตากว้างเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่า ณ ที่ตรงนั้นมันคือ...อะไร
?ไม่นะ!!!?
ฉันกรีดร้องเสียงดังลั่น จนฝูงคนมุงด้านหน้าแหวกออกเป็นสองฝั่ง ก่อนวิ่งฝ่าวงล้อมคนพวกนั้นไปยืนเกาะรั้วกั้น แล้วจ้องไปยังบ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่ที่ไฟกำลังลุกโชนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะดับลงง่ายๆ
เปลวสีส้มจ้ากำลังโลมไล้ไปทั่ว เมอร์รี่&คริสต์มาส ร้านอาหารที่ทำจากไม้โอ๊กทั้งหลัง...แหล่งทำมาหากินที่ทุกคนในตระกูลภูมิใจนักภูมิใจหนา ทั้งยังเป็นที่ซุกหัวนอนแห่งเดียวของฉัน...สรุปก็คือ ฉันกำลังจะกลายเป็นยาจกในชั่วพริบตา O[]O;;;
ไม่นะ...นี่มันความฝันใช่มั้ย ทำไมถึงเรียลิตี้ได้ใจขนาดนี้ >O<
โครม!!!
เสียงดังสนั่นเรียกสติที่กำลังหลุดลอยของฉันให้กลับมามองความสิ้นหวังตรงหน้า ระเบียงด้านบนที่เคยเป็นที่นั่งรับลมยามค่ำคืนหน้าห้องนอนของฉันล้มครืนลงมา กลายเป็นเพียงซากไม้ที่กำลังถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
?อันตราย! อย่าเข้าใกล้บริเวณนี้ เจ้าพนักงานกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่?
ก่อนที่ฉันจะโผเข้าในกองไฟเหมือนแมลงเม่าอย่างลืมตัว ร่างสูงใหญ่ของพนักงานดับเพลิงในชุดสีส้มก็เข้ามาขวางเอาไว้ เขาตะคอกเสียงดังก่อนดันร่างบอบบางน่าทะนุถนอมของฉัน (-.,-) ไปยืนหลังเขตรั้วที่กั้นเอาไว้อย่างรวดเร็วจนไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
?ตะ...แต่...?
?เฮ้ย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
จู่ๆ ก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาคว้าไหล่ฉันเอาไว้ แล้วตะโกนกรอกรูหู จนรู้สึกว่าหูดับไปชั่วขณะ
?คริสต์มาส? ฉันเรียกชื่อ 'ไอ้บ้า' ที่บังเอิญเป็นคนรู้จัก
?เมอร์รี่ นั่นฝีมือเธอเหรอ!??
เออ...เอ้ย!!! นอกจากจะไม่เป็นห่วงเป็นใยแล้วยังหาว่าฉันเป็นอาชญากรอีกเรอะ >[]<
?นี่ฉันต้องมีนายเป็นสามีจริงๆ เหรอเนี่ย?
ฉันเหล่ตามองคนที่กำลังสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างดูแคลน
?เมอร์รี่! ตกลงว่าเธอเผาร้านเพราะ...เรื่องนั้น...จริงๆ น่ะเหรอ?
?เรื่องนั้น??
?กะ...ก็เธอโกรธที่ฉันไม่ได้มาหาใช่ไหมล่ะ (_///_)?
?นายคิดว่าฉันจะทำเรื่องสิ้นคิดอย่างนั้นได้ยังไงหา!?
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพ่อกับแม่ของเราเป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่แบเบาะและรักกันกลมเกลียวถึงขั้นมัดสายสะดือหมั้นหมาย วางแผนจับลูกๆ มาแต่งงานกันในอนาคตอันใกล้ พร้อมสัญญาว่าจะยกเรือนหอ (ซึ่งก็คือร้านเมอร์รี่ & คริสต์มาส) อันเป็นสมบัติซึ่งมีมูลค่ามหาศาลให้แล้วล่ะก็...สาบานได้เลยว่าฉันจะไม่มีวันนับหมอนี่เป็นคู่หมั้นเด็ดขาด!
?ก็เมื่อวานตอนเราคุยโทรศัพท์กัน เธอขู่ว่าถ้าวันนี้ฉันไม่กลับมาที่ร้าน เธอจะเผามันทิ้ง แต่นี่ฉันมาสายแค่สิบนาที เธอก็... เธอก็...ทำมันลงไปจริงๆ?
กร๊าซซซ!!!
ถ้าพ่นไฟได้ ฉันจะเผาอีตาคริสต์มาสให้สาบสูญไปพร้อมๆ กับสมบัติชิ้นสุดท้ายซะเลย!
?ฉันรู้นะว่าเราไม่ได้เจอกันนานหลายเดือน เมอร์รี่อาจคิดถึงฉันจนทนไม่ไหว แต่ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้ อ๊ากก!!! นี่เธอจะทำอะไร!?
?ก็จะบีบคอนายให้ขาดคามือน่ะสิ!?
ฉันแสยะยิ้. ^?^
?อ๊าก!!! อย่านะ อย่า! เมอร์รี่ก็รู้ว่าที่ฉันหายหน้าไปก็เพื่ออนาคตของเรา...แอ่กๆๆๆ?
อ้อ ฉันรู้ดีอยู่แล้วว่าที่เขาหายหัวไปมันเพราะอะไร...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ?คนบ้า? อย่างนายคริสต์มาสจะเป็นถึงว่าที่หมอในอนาคต และเท่าที่รู้มา คนพวกนี้แทบจะไม่มีเวลาว่างเงยหน้าขึ้นชมเดือนชมตะวันกันเลย...แต่ว่า...
มันไม่ใช่ประเด็น =*=
?อะไรคืออนาคตของเรากันยะ! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพอพ่อกับแม่ยกร้านให้ฉันเมื่อไหร่ ฉันจะตัดขาดกับนายทันที!?
?อ่อกๆๆ...ระ...รู้ แล้ว...รู้แล้ววว...ยะ...ยอมแพ้แล้ว เมอร์รี่ว่าไง...ก็ว่าตามกันจ้า? เขายกมือยอมแพ้พลางหัวเราะแหะๆ
ว่ากันตามจริงแล้ว ผู้หญิงหลายร้อยล้านคนในโลกคงต้องอิจฉาฉัน เพราะดูดีๆ นายคริสต์มาสก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ผมสีน้ำตาลธรรมชาติของเขาทั้งละเอียดและนุ่มจนผู้หญิงผมดำหยักศกอย่างฉันหมั่นไส้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายกระตือรือร้นดูมีชีวิตชีวา ผิดกับตาของฉันที่ถึงแม้จะโตแต่ไม่ได้มีอะไรสะดุดตาเพราะมันเป็นสีดำสนิท อีกทั้งจมูกของเขาก็โด่งเกินหน้าฉันไปหลายขุม ยิ่งปากสีแดงสดธรรมชาติโดยไม่ต้องแต้มสีเคมีของเขานั่นอีก ยิ่งมองก็ยิ่งหงุดหงิด!
ใช่ ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ นายคริสต์มาสหน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร ผิดกับคู่หมั้นของเขา (ซึ่งก็คือฉันเอง) ที่หน้าตาเบสิกมาก =*=
นอกจากนี้เขายังมีชาติตระกูลดี รวย เนื้อหอม อนาคตไกล และอื่นๆ อีกมากมาย ที่คงสาธยายกันไม่หมดในวันเดียว แต่ถ้าให้เลือกระหว่าง ?หมอนี่? กับ ?ร้านเมอร์รี่&คริสต์มาส?...พ่อกับแม่พวกเราคงเดาได้ว่าฉันจะเลือกอะไร ถึงได้ลดแลกแจกแถมสมบัติล้ำค่ามาพร้อมกับนายคริสต์มาสเสียยกใหญ่
?แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดี ในเมื่อมันไม่เหลืออะไรแล้ว?
นานเท่าไรไม่รู้ที่ฉันกับคริสต์มาสได้แต่เงยหน้าขึ้นมองซากตอตะโกสีดำสนิทตรงหน้า ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงไอควันสีขาวขุ่นแทนที่เปลวไฟสีส้ม เสียงไซเรนของรถดับเพลิงดังไกลออกไปเรื่อยๆ จนเงียบหาย กลุ่มคนค่อยๆ ทยอยกระจายตัวจากไป เพราะโชคดีที่ส่วนที่เสียหายและถูกเพลิงเผาจนวอดวายในครั้งนี้มีเพียงร้านเมอร์รี่ & คริสต์มาสเท่านั้น
ฉันปล่อยมือจากคอเสื้อของนายคริสต์มาส และเพราะอยากเห็นสภาพของสิ่งที่ฉันรักและหวงไม่น้อยไปกว่าทุกคนในครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย เลยลุกขึ้นยืนมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ราวกับจะจดจำบรรยากาศในครั้งนี้เอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฉันเพิ่งรู้ว่าตอนพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้าเหนือร้านเมอร์รี่&คริสต์มาสจะเป็นสีแดงปนส้ม และดวงอาทิตย์ดวงใหญ่นั้นก็คล้อยตัวลงหลังร้านพอดี
?เพิ่งรู้ว่าร้านของเราสวยมากก็ตอนที่จะไม่ได้เห็นมันอีกต่อไปแล้ว?
?เมอร์รี่! นะ นั่น...เธอร้องไห้เหรอ?!?
?ก็จะไม่ให้ร้องได้ยังไงล่ะ ฮือๆๆ TT^TT? สมบัติของช้าน~~
?ตะ...แต่ร้านเรามีประกันนะ?
คำปลอบของนายคริสต์มาสได้ผล เพราะแค่คิดได้ว่าร้านเมอร์รี่&คริสต์มาสทำประกันอัคคีภัยเอาไว้แล้ว น้ำตามันก็ซึมหายเข้าไปตามรูขุมขนซะเฉยๆ
หากทันใดนั้นแสงบางอย่างก็สะท้อนเข้าตา จนฉันต้องยกมือขึ้นบังแสงปริศนา แล้วขยี้ตาติดๆ กันหลายหน
?นั่น...นายเห็นเหมือนที่ฉันเห็นรึเปล่า?
ฉันรีบก้าวยาวๆ เข้าไปในเขตรั้วของร้าน ตรงไปยังแหล่งกำเนิดแสงนั้น
?เดี๋ยวก่อนเมอร์รี่ ฉันรู้ว่าเธอหวงของ แต่ระวังหน่อยนะ ของพวกนั้นอาจจะยังร้อนอยู่ก็ได้?
ตกลงในสายตาหมอนี่...ฉันคงเค็มมากสินะ (= =*)
?นายว่านี่อะไร? ฉันรีบคว้าหมับเข้าที่เป้าหมาย แล้วหันไปชู ?มัน? ให้เขาดู
หมอนั่นจ้องของในมือฉันอยู่ครู่หนึ่ง
?นาฬิกา...สายหนัง?
?ของนายรึเปล่า?
?ฉันไม่มีรสนิยมแบบนั้น เธอก็รู้นี่ว่าฉันแพ้หนัง? คริสต์มาสชูมือข้างซ้ายที่สวมนาฬิกาข้อมือสแตนเลสลายมิกกี้เมาส์เรือนโปรดของเขาให้ดู
?งั้นนายว่านาฬิกาเรือนนี้เป็นของใคร?
?ของคนอื่น? เขาตอบหน้าตาเฉย
ฉันรู้แล้วล่ะย่ะว่ามันเป็นของคนอื่น แต่อย่าบอกนะว่าด้วยไอคิวไฮคลาสอย่างหมอนี่จะมีปัญญาคิดได้แค่นี้ =_=^
?...ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางเพลิงร้านของเรา?
ฮ้า...นั่นค่อยฟังดูฉลาดขึ้นมาหน่อย ฉันพยักหน้าเห็นด้วย
?ขอดูนาฬิกานั่นหน่อยสิ?
ฉันรีบหยิบยื่นนาฬิกาให้คริสต์มาส ว่ากันตามตรง ศัตรูของฉันมีน้อยกว่าของหมอนี่อยู่ประมาณโหลครึ่ง แล้วฉันก็ค่อนข้างแน่ใจว่า...เรื่องคราวนี้ไม่เกี่ยวกับฉันแน่นอน!
?อืม ไม่คุ้นตาเลยแฮะ แต่ฉันว่าถ้าเคยเห็นใกล้ๆ สักครั้งก็น่าจะจำได้ ดูสิ รอบหน้าปัดมันมีลายเหมือนตัวอักษรสลักไว้ด้วย?
หา O_o?? เมื่อกี้ว่าไงนะ!!!
ฉันรีบดึงนาฬิกาจากมือคริสต์มาสกลับมาโดยไม่เอ่ยปากขอ ก่อนใช้สายตาจ้องพิจารณาหลักฐานชิ้นสำคัญ
ใช่แล้ว! ฉันจำได้ จำได้แล้ว!
ฉันรู้ตัวคนร้ายแล้ว!

1

รถสปอร์ตสีเทาอึมครึมซึ่งเร่งมาด้วยความเร็วสูงกำลังพุ่งตรงมายังวิทยาลัย KFC ก่อนที่คนขับจะเบรกกะทันหันปล่อยเสียงห้ามล้อดังออกมาลั่น
เอี๊ยด~~~
ทันทีที่รถปอร์เช่ พานาเมร่า หยุดห่างจากปลายเท้าฉันไปไม่ถึงหนึ่งศอก คนขับรถก็ชะโงกหน้าออกมาทักทายฉันด้วยภาษาดอกไม้
?อยากตายรึไงวะ ถึงมายืนเกะกะถนนขวางทางรถ!?
แน่ล่ะ ฉันยังไม่อยาก -_-^
?ขะ ขอโทษค่ะ พอดีฉัน...? ฉันพยายามจะอธิบาย แต่เขายกมือขึ้นมาเบรกไว้
?เออๆ จะยังไงก็ช่าง ไปไหนก็ไป น่ารำคาญฉิบ @%$$#!+*&%$@? ด่ารัวเป็นกุรุส
เคยได้ยินมั้ยว่า ?อยากรู้จักเจ้านายให้ดูที่คนใช้? น่ะ...คนขับรถยังสุภาพซะขนาดนี้ แล้วเจ้านายจะมารยาททรามขนาดไหน (-*-)
?ขอโทษนะครับคุณชาย เดี๋ยวผมจะเคลื่อนไปจอดที่ประตูให้เร็วที่สุด?
?ช่างเถอะ พวกเราจะลงตรงนี้แหละ?
สิ้นเสียงทุ้มนุ่มนวล กังวาน และอบอุ่นนั้น ร่างสูงใหญ่ของผู้ชาย 3 คนก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาฉัน นัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวเหมือนลูกแก้วทั้งสามคู่จ้องตรงมาเป็นสายตาเดียว
ในชุดเสื้อเชิ้ตขาว ทับด้วยสูทสีแดงเลือดนก กับกางเกงขายาว และเนคไทลายสก็อต เครื่องแบบพื้นๆ ประจำคอลเลจที่เห็นจนชินตา คนกลุ่มนี้กลับดูเจิดจ้าเสียจนฉันไม่กล้าสบตา (_ _;;)
?นี่ ดูผู้หญิงผมดำนั่นสิ ผมเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงที่สภาพเหมือนหลุดออกมาจากหนังผีเกาหลีเป็นครั้งแรก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง? คนตัวบางที่สุดในกลุ่มดูท่าทางจะสนใจฉันเป็นพิเศษ จนฉันต้องเดินตัวลีบออกไปให้พ้นระยะสายตา
ชิ่วๆ อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะ =*=
?นายหมายถึงผู้หญิงที่ชอบทำตัวมืดมนน่ะเหรอ?? ไอ้คนตัวสูงนัมเบอร์ทูหันมามองตาม เขาขยับแว่นตาให้เข้าที่ก่อนวิจารณ์ต่อ ?ผู้หญิงพวกนี้แบ่งได้เป็นสองประเภทเท่านั้นแหละ คือพวกชอบเรียกร้องความสนใจ กับพวกมีปมด้อย?
ขอบอก...ว่าทฤษฎีประเภทนี้เอามาใช้กับฉันไม่ได้ย่ะ =**=
?แต่ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน ผู้หญิงในโลกก็แบ่งได้แค่สองจำพวกเท่านั้น? คราวนี้นายคนตัวใหญ่เหมือนตึกพูดขึ้นห้วนๆ
?สองจำพวก??
?ก็แค่ ?สวย? กับ ?ขี้เหร่? ไง?
?หึ จริงของนาย?
นินทากันจนขนสันหลังฉันไหม้ไปเป็นแถบ แล้วไอ้พวกบ้านั่นก็หัวเราะร่า ก่อนพากันเดินขึ้นตึกเรียนไป
ด้วยสภาพของคนที่เพิ่งถูกไฟไหม้บ้านมาหยกๆ แน่ล่ะว่าพวกเขาคงไม่ได้จัดฉันไว้ในจำพวกแรกแน่ ถึงได้หัวเราะเยาะกันครื้นเครงขนาดนั้น!
ฉันมืดมนแล้วมันไปหนักส่วนไหนของพวกนายยะ >[]<
แต่ก็...เฮ้อ ฉันได้แต่โวยวายอยู่ในใจ คนที่ฉันกล้าหือด้วยคงมีแต่นายคริสต์มาสเท่านั้นแหละ
คนอย่างฉัน...นี่มันมืดมนสุดๆ ไปเลย TT^TT

KFC เป็นวิทยาลัยเอกชนขนาดเล็ก ซึ่งไม่ได้มีแต่คณะทอดไก่ ทำไอศกรีมโคน และอบพายไข่ ว่าตามความจริง...มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับองค์กรไก่ทอดอันลือชื่อนั่นแต่อย่างใด มันย่อมาจาก King Fabulosity College
70% ของนักศึกษา เป็นผู้หญิง ที่ไม่ธรรมดา...
20% ของนักศึกษา เป็นผู้ชาย...ที่ระบุเพศไม่ได้...
10% ที่เหลือ เป็นมนุษย์เพศชายแท้ๆ ทรัพย์สมบัติล้ำค่าของวิทยาลัย...

?ฉันจะพลีกายให้ซัมเมอร์?
?งั้นฉันจองตัวออทั่มย่ะ คอยดูนะ ฉันจะทำให้เขารู้ว่า...สวรรค์บนแดนดินน่ะมีจริง?
?อย่ามาเจ๋อกับวินเทอร์ของฉันก็แล้วกัน เพราะฉันจะยอมถวายตัวรับใช้เขาทั้งวันทั้งคืน?
?น้อยๆ หน่อยย่ะยัยเก้ง ค่าง ชะนีควายทั้งหลาย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันดีกว่า ฉันจะมอบทั้งชีวิตและจิตใจให้หนุ่มๆ บ้านนั้นเชยชม?
ฮิ้ววว~~~
เอิ่ม...ฉันรู้สึกเหมือนกำลังตกข่าว
ไม่รู้ทำไมวันนี้ทั้งวันฉันถึงได้ยินชื่อของคนพวกนั้นตลอดเวลา เหมือนเป็นหัวข้อสุดฮิตที่สาวๆ และเหล่าเก้งศตวรรษที่ 21 ต้องยกขึ้นมาพูดยามว่างปาก
แล้วตกลงมันเรื่องอะไรกันล่ะนี่ =_=??
?เมอร์รี่ หน้าตาเธอเหมือนอยากรู้อยากเห็นเรื่องที่เขาพูดกันมากเลยนะ? ยัยคนที่สะกิดฉันชื่อเบเบ้ เธอเป็นหัวหน้าชมรมประจานชาวบ้านแห่ง KFC
?ฉันแค่สงสัยว่าสามคนที่เขาพูดถึงกันนั่นน่ะ...ใคร??
ยัยเบเบ้เบิกตากว้าง มองฉันเหมือนเห็นโอชินอวตารกลับมาเกิดใหม่ มันแฝงแววสมเพชอยู่เป็นนัยๆ
?ทำไมมองฉันงั้นล่ะ??
?เปล่า?
?พวกนั้นคงฮอตมากใช่มะ ถึงมีคนอยากจะพลีร่างให้เป็นโขยง? ฉันเหล่มองไปที่สาวๆ พวกนั้น
?ก็...ไม่เท่าไหร่หรอก?
?งั้นเหรอ?
?งั้นสิ อย่าไปสนใจเลย ฉันมีอะไรน่าสนใจกว่าให้เธอดู? ว่าแล้วก็ยื่นกระดาษยับๆ แผ่นหนึ่งมาให้

รับสมัครเมดพาร์ตไทม์ประจำบ้านซี ที่มีคุณสมบัติดังนี้...ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน ห้ามเถียง ห้ามบ่น ห้ามมีปากเสียง เรียกหาได้ทุกเวลาไม่มีเกี่ยง ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ สามารถทำงานในเวลา 6 pm-6 am ได้ เงินเดือนตามตกลง ผ่านการสัมภาษณ์เข้าทำงานได้ทันที

?ได้ยินว่าบ้านเธอไฟไหม้ กำลังหางานทำอยู่ใช่มั้ย งานนี้มีที่พักให้ในตัว เหมาะกับคนไม่มีที่อยู่อย่างเธอมากๆ ^o^?
ฉันมองเบเบ้อย่างระแวง อดสงสัยไม่ได้ว่าใครเป็นสายข่าวให้หล่อน ถึงได้รู้เรื่องเร็วปานติดจรวดขนาดนี้
?มีที่พักให้ในตัวด้วย??
?ใช่แล้ว สนใจขึ้นมาล่ะสิ ^o^?
?บ้านซี? ฉันไม่คุ้นหูเลยแฮะ?
?แหม...บ้านซีที่ว่าก็พวกคนที่สาวๆ เขากำลังนินทาอยู่นั่นแหละ?
ฉันรีบยัดใบปลิวคืนใส่มือเบเบ้
?อ้าว! ทำไมล่ะ?
?เธอใจดีผิดปกติ?
แม้เจ้าแม่ข่าวลือจะไม่ได้นิสัยเลวร้ายอะไรนัก แต่การจะคบกันธรรมดาโดยไม่มีเจตนาแอบแฝงอะไรทำนองนั้น...อย่าได้ฝัน
?แหม เมอร์รี่ก็...ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย แค่มีเรื่องให้ช่วยนิดหน่อยหลังจากเธอได้งานนี้แล้ว ก็เท่านั้นเอง?
เห็นมะ!
?ไม่เป็นไร ฉันยังพอนอนค้างที่บ้านคริสต์มาสได้ ถึงมันจะไกลจาก KFC ไปเยอะก็เถอะ?
ฉันหันขวับตั้งท่าจะเดินหนี แต่เบเบ้กระโดดเข้ามาขวาง
?เดี๋ยวก่อน! เรื่องที่ฉันจะขอให้ช่วยมันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยนะ?
?ถ้ามันง่ายนัก ทำไมไม่ทำซะเองล่ะ?
?ถ้าฉันทำ...มันจะไม่เนียนน่ะสิ?
?แล้วถ้าเป็นฉัน มันเนียนตรงไหน?
?ก็บ้านเธอไฟไหม้ พ่อแม่อยู่ต่างประเทศ แถมคู่หมั้นยังหมกมุ่นอยู่แต่กับการเรียน แล้วเธอยังจำเป็นต้องหาเงินใช้อีกด้วย เห็นมั้ยล่ะ ไม่มีใครดูสิ้นไร้ไม้ตอกจนต้องการงานนี้มากเท่าเธออีกแล้ว มันจะไม่เนียนได้ยังไง?
เออ...โทษทีที่อับจนสิ้นหนทางขนาดนั้น (=*=)
?แต่ถึงฉันจะไปสมัคร ก็ใช่ว่าฉันจะได้งานนี่ เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าคู่แข่งเราเยอะขนาดไหน? ฉันเหล่ไปยังสาวๆ กลุ่มนั้น
?.....?
=_=
เกิดระบบสุญญากาศขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่ยัยเบเบ้จะพ่นลมหายใจออกแล้วบอกว่า
?สำหรับเธอ มันไม่ยากอย่างนั้นหรอก?
?ไหงมั่นใจงั้นล่ะ?
เบเบ้ชูใบประกาศหาคนใช้นั่นขึ้นมาอีกรอบ
?พอฉันได้อ่านประกาศ ฉันก็รู้สึกว่ามันเป็นใบประกาศที่เขียนขึ้นมาตามหาเธอโดยเฉพาะเลยล่ะ ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน ไม่เถียง ไม่บ่น ไม่มีปากเสียง เห็นไหมล่ะว่าต้องคนมืดมนระดับเธอเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติตรงตามที่พวกบ้านซีต้องการเป๊ะ ^o^v?
เออ...โทษทีอีกครั้งที่ดันมืดมนระดับนั้นพอดี =*=
?ขอร้องล่ะเมอร์รี่ ได้โปรดช่วยฉันสักครั้งเถอะนะ เธอได้งาน เงิน ที่ซุกหัวนอน ส่วนฉันได้ประโยชน์นิดๆ หน่อยๆ มันก็สมเหตุสมผลดีไม่ใช่เหรอ พลีสสส~~~? ยัยเบเบ้อ้อนวอน
?ขอปฏิเสธ?
?ม่าย!!! อย่าทำอย่างนี้สิเมอร์รี่ เราเคยเป็นเพื่อนรักกันสมัยเรียนเตรียมอนุบาลนะ แล้วจะมาตัดเยื่อใยของเพื่อนเก่าอย่างไร้น้ำใจแบบนี้ มันไม่ดูโหดร้ายไปหน่อยเหรอ?
?โทษนะ เท่าที่จำได้ ฉันไม่เคยมีเพื่อนสักคนตอนเรียนเตรียมอนุบาลล่ะ? ว่าจบฉันก็รีบปลีกตัวออกห่าง ไม่อยากสุงสิงกับยัยเบเบ้ให้เสียอารมณ์

ชั่วโมงเรียนต่อไปเป็นวิชาโปรดของฉัน อันได้แก่ ?สัมมนาธุรกิจพันล้าน? ซึ่งเป็นวิชาที่ได้รับเกียรติจากนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จจะมาเล่าถึงประวัติความเป็นมากว่าจะรวยล้นฟ้าของพวกเขา และที่ฉันชอบมากก็เพราะว่าชั่วโมงนี้เราจะสามารถพักผ่อนหย่อนเปลือกตาหากหามุมอับของห้องบรรยายได้
?เธอรู้ไหมว่าคนบรรยายวันนี้เป็นถึงซีอีโอบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ซี?
ฉันหันหน้าไปมองคนพูด =_=; ไม่รู้ว่าฉันลืมไปได้ยังไงว่ายัยเบเบ้ลงเรียนวิชาเดียวกับฉันด้วย
?เขาเป็นพ่อของพวกบ้านซีล่ะ? เบเบ้พูดต่อ แม้ฉันจะไม่ได้อยากฟัง ?เธอควรทำความรู้จักเขาเอาไว้ ถ้าคิดจะทำงานในบ้านหลังนั้น?
?ฉันคิดว่าพูดชัดแล้วนะว่า...ไม่?
?งานดี เงินดี สวัสดิการเยี่ยม เธอกำลังหางานแบบนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ?
ฉันชำเลืองมองเบเบ้ แล้วเขยิบตัวออกห่าง
?ทะ...ทำไมต้องทำท่ารังเกียจกันอย่างนั้นด้วยล่ะ ฉันไม่เคยทำอะไรให้เธอสักหน่อย >O<?
?อ้อ เท่าที่จำได้...เธอทำไว้เยอะเลยล่ะ?
?.....?
ยัยเบเบ้เงียบไป ไม่รู้เพราะไม่กล้าถามต่อ หรือว่ารู้ตัวกันแน่
ฉันไม่ขอพูดถึงเรื่องอดีตนับครั้งไม่ถ้วนที่โดนยัยเบเบ้หลอกใช้ให้ทำงานให้ฟรีๆ ก็แล้วกัน แต่ถ้าจะให้กลับไปข้องเกี่ยวกับยัยคนนี้อีก โลกของฉันคงมืดมนกว่านี้แน่!
?พูดกันตรงๆ เลยนะ ถึงฉันจะไม่มีที่อยู่ และต้องการเงิน แต่ฉันไม่อยากร่วมงานกับเธอ?
?ใจร้าย ToT?
?งั้นเหรอ =*=?
?ฉันหวังดีนะ ไม่คิดจะเปลี่ยนใจหน่อยเหรอ?
?ไม่ก็คือไม่? ฉันบอกย้ำ
?.....?
(=*=)
?ก็ได้ งั้นฉันจะไปหาคนใหม่? เบเบ้หน้าสลด
?ตกลงตามนั้น? ฉันยักไหล่ ก่อนจะเตรียมตัวพักเปลือกตาที่ทำงานหนักมาตั้งแต่เช้า

?สวัสดีครับนักศึกษาทุกท่าน ผมอลัน เคนนี่ ซี กรรมการผู้บริหารบริษัทซี?
เสียงทุ้มนุ่มนวล กังวาน และอบอุ่นคล้ายกับเคยได้ยินที่ไหน กระตุ้นเปลือกตาที่กำลังจะปิดของฉันให้ปรือขึ้น ก่อนต้องถ่างมันออกกว้างด้วยความตกใจ
?เบเบ้! ฝรั่งผมทองนั่นเป็นพ่อของพวกบ้านซีงั้นเหรอ!?
?หือ? อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้ว่าพวกบ้านซีน่ะเป็นลูกครึ่ง อ้อ...คงไม่เคยสังเกตสินะ เพราะพวกนั้นน่ะชอบย้อมผมสีแปลกๆ แต่ยังไงถ้าดูจากสีตาของพวกเขาแล้ว มันก็ชัดเลยล่ะว่าพวกเขาไม่ใช่คนเอเชีย...?
เบเบ้ยังร่ายยาวอีกหลายเรื่องที่ฉันไม่ได้ใส่ใจฟัง เพราะสำหรับฉัน พวกเขาจะเป็นคนต่างด้าว หรือมนุษย์ต่างดาว...มันก็ไม่ใช่ประเด็น! =*=
?นี่เบเบ้ เธอยังอยากให้ฉันช่วยงานอยู่รึเปล่า? ฉันถาม
เบเบ้หันมามองงงๆ
?หา? เธอว่าไงนะ??
?พอดีฉันเพิ่งคิดขึ้นมาได้น่ะว่าช่วงนี้ฉันจำเป็นต้องใช้เงินด่วนมาก ^_^?
?เอ่อ...O๐O??
?ให้ฉันช่วยงานเธอเถอะนะ เบเบ้~?
?เอ่อ...O๐O????
ฉันเสยะยิ้มหวาน ^?^ คว้ามือเบเบ้มาสมานฉันท์ แล้วบีบมันแน่นๆ
?เลิกงง แล้วตอบตกลงซะทีสิจ๊ะ เพื่อนร้ากกก~?
กร๊อบบบ!!!
สงสัยฉันคงใส่อารมณ์มากไป กระดูกเบเบ้เลยลั่นเสียงดังสนั่น และนั่นก็ทำให้เบเบ้รีบพยักหน้าซีดๆ หงึกๆ ทั้งน้ำตาตอบรับอย่างรวดเร็ว
?ตกลงตามนี้ แต่ก่อนอื่นฉันต้องการรู้ข้อมูลของสามคนนั่นเดี๋ยวนี้ ยิ่งละเอียดเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น!?

?นั่นเธอกำลังทำอะไรน่ะ??
คริสต์มาสมองดูฉันพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยท่าทางแปลกใจ
?ฉันต่างหากที่ควรสงสัยว่าทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ นายควรอยู่ที่หอของมหา?ลัย ไม่ใช่เหรอ??
?ก็...?
?หืม? =o=?
?แหะๆ ถ้าปล่อยเมอร์รี่ไว้ที่บ้านคนเดียวมันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ยังไงฉันก็...(^///^)?
?หืม? =*=? ไม่รู้หมอนี่จะทำท่าเหนียมอายเหมือนสาวแรกรุ่นไปทำไม
?เอ่อ...ช่างเถอะ แล้วทำไมต้องเก็บเสื้อผ้าอย่างกับจะย้ายไปอยู่ที่อื่นด้วยล่ะ??
?ก็เพราะฉันจะย้ายไปอยู่กับเพื่อนน่ะสิ? แน่นอนว่าฉันโกหก
?หา!?
?หอพักยัยเบเบ้ใกล้ KFC มากกว่าที่นี่ จะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย อีกอย่างถ้าอยู่บ้านนี้ นายก็ต้องคอยเป็นห่วงฉันเหมือนวันนี้อีกนั่นแหละ? นี่ก็ข้ออ้างล้วนๆ -.,-
?จริงของเธอ? คริสต์มาสก้มหน้ายอมรับด้วยท่าทางหงอยๆ ก่อนจะเข้ามาช่วยฉันเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าด้วยความสงบ แต่จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น
?เอ่อ...เมอร์รี่?
?หืม??
?เธอเคยบอกว่า...จำนาฬิกาเรือนนั้นได้ มันหมายความว่ายังไง?
?ก็หมายความว่า มันเหมือนกับนาฬิกาของลูกค้าที่เคยมาที่ร้านเราเลยน่ะสิ?
?เธอแน่ใจได้ยังไง!?
?มันเหมือนกับนาฬิกาที่เราเจอมากจนน่าจะเป็นเรือนเดียวกัน? ฉันพยายามทบทวนถึงครั้งแรกที่ได้เห็นหลักฐานชิ้นสำคัญ
?ตอนแรกมันอยู่ในกล่องกระดาษ แต่ฉันซุ่มซ่ามทำน้ำหกใส่กล่องนั่น ทำให้เขาต้องแกะห่อออกเพื่อเช็คของข้างใน ฉันเลยได้เห็นนาฬิกาเรือนนั้น?
?งั้นเขาก็เป็นคนร้ายน่ะสิ!?
?ไม่เชิง -_-?
?หมายความว่ายังไงไม่เชิง ในเมื่อคนร้ายวางเพลิงต้องเป็นคนเดียวกับเจ้าของนาฬิกาที่เคยมาร้านเรา ไม่งั้นนาฬิกาของคนที่ออกจากร้านเราไปแล้วจะมาตกอยู่ที่นี่หลังไฟไหม้ได้ยังไง แล้วเมอร์รี่ก็จำหน้ามันได้ใช่มั้ย ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร เรารีบโทรแจ้งตำรวจไว้ก่อนดีกว่า? คริสต์มาสดูจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
?นั่นแหละ ที่ฉันบอกว่าไม่เชิง เพราะกล่องที่ฉันทำน้ำหกใส่มันเป็นกล่องของขวัญน่ะสิ?
?ของขวัญ? นาฬิกา??
(-_-)(_ _)(-_-) ฉันพยักหน้า
?ละ...แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงของนาฬิกานั่นล่ะ?
?ลูกเขาไง?
?เธอรู้ได้ยังไง!?
?ฉันได้ยินเขาคุยกับคนที่มาด้วยกันว่ามันเป็นของขวัญวันเกิดสำหรับลูกรัก...แล้วฉันก็คิดว่าฉันเจอตัวคนร้ายแล้วล่ะ?
?เธอรู้ตัวลูกเขาแล้วเหรอว่าเป็นใคร OoO!!!?
ฉันกัดฟันกรอด มองคริสต์มาสด้วยสายตาขวางๆ จนเขาหน้าซีดเผือด
?มะ...เมอร์รี่...?
?สามคน?
?หา??
?เขามีลูกชายสามคน แล้วฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครมันบังอาจทำเรื่องบัดซบอย่างนี้กับเมอร์รี่&คริสต์มาสของฉัน!!!?


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เป็นเพราะหลักฐานชี้โยงว่าคนร้ายที่วางเพลิงร้าน ?เมอร์รี่&คริสต์มาส? เป็นคนใน ?ตระกูลซี? ฉันจึงปลอมตัวเข้าไปทำงานที่บ้านนั้น เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมเอาผิดคนที่บังอาจเผาสมบัติสุดรักสุดหวงชิ้นเดียวที่ฉันมี T^T แต่กว่าจะรู้ว่าทั้งหมดเป็นกับดัก ฉันก็ถูก ?คนร้ายตัวจริง? เล่นงานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด โชคยังดีที่ได้ ?วินเทอร์, ออทั่ม, ซัมเมอร์? สามหนุ่มทายาทตระกูลซีช่วยไว้ และยังยอมร่วมมือกับฉันตามหาตัวคนร้าย เพราะพวกเขามั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับที่ทายาทอีกคนของตระกูลซีหายสาบสูญไปแน่ แต่ท่ามกลางเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน...หัวใจไม่รักดีของฉันก็ดันหวั่นไหวไปกับเสน่ห์เหลือร้ายของผู้ชายสามคนนี้ >///< ดูท่าว่าหลังจากคลี่คลายคดีนี้เสร็จแล้ว ที่ต้องทำต่อไปคือแก้ปมหัวใจตัวเองนี่แหละยัย ?เมอร์รี่? เอ๊ย!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”