ภูวนัย วิษณุวัฒน์ สิงห์หนุ่มแห่งตระกูลวิษณุวัฒน์พาตัวเองหนีไปพักร้อนตามลำพังหลังจากประ
มูลงานสำคัญนับพันล้านได้สำเร็จ...
เขาต้องการจะพักผ่อนสักพักหลังจากเครียดมานานจนงานสำคัญมาตกอยู่ในมือของพีวีคอเปอร์เรชั่นเรียบร้อยก็ขอพักยาว
ชายหนุ่มพาร่างสูง...ไหล่กว้างในกางเกงว่ายน้ำเพียงตัวเดียวเดินลงมาจากบ้านพักหลังใหญ่...ผ่านสระว่ายน้ำส่วนตัว...ลงมาถึงทะเลแล้วเดินหายลงไปกับคลื่นที่ถาโถมเข้ามาลูกแล้วลูกเล่า
ภูวนัยไม่ได้ใช้เวลาส่วนตัวตามลำพังมานานแล้ว...และคราวนี้เขาจะใช้มันให้คุ้มโดยไม่รู้เลยว่าไกลจากเขาไปไม่มากมีสายตาคู่หนึ่งในบ้านพักติดกันมองตามเขาไปจนลับตา
ชายหนุ่มใช้เวลาดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำทะเลอยู่นานเลยทีเดียว..กว่าจะเดินเรื่อยๆ กลับมาบ้านแล้วทอดดวงตาสีเข้มของเขาไปเห็นใครคนนั้นเข้าเต็มตา
ภูวนัยยืนตกตะลึงราวกับโดนนะจังงังเข้าอย่างจังเมื่อเห็นผู้หญิงที่อยู่บนบ้านพักหลังนั้นชัดเจน
หล่อนกำลังเดินไปเดินมาบนระเบียงก่อนจะตัดสินใจนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าใบทันสมัยแล้วหลังตาลงกอดหนังสือในมือไว้กับอก
ใช่แล้ว...ต่อให้ตายไปแล้วกลับมาเกิดใหม่ ภูวนัยก็ไม่มีวันลืมหล่อนไปได้ ?มลุลี?
ผู้หญิงที่ทำให้เขารักและต้องเจ็บปวดเพราะการกระทำของหล่อนมาจนถึงบัดนี้...
แม้เวลาจะผ่านมาแล้วเป็นสิบปีตั้งแต่อายุแค่ยี่สิบห้า...แต่ภูวนัยไม่เคยลืม...
เขาจำวันที่หล่อนขับรถชนประสานงากับสิบล้อพ่วงสองคัน ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักได้ดี...
มลุลีไม่รอด...เขาไปดูศพหล่อนด้วยตาตนเองแต่ผู้หญิงบนระเบียงบ้านหลังนั้นเป็นใคร..!?...มาจากไหน..!?..ชื่ออะไร..!?...ทำไมถึงได้เหมือนกันนัก
หล่อนทำให้เขารู้สึกเหมือนเห็นผีมลุลีลุกมาเดินให้เห็นเลยทีเดียว...หรือว่า..ใช่แล้ว...เขาเกือบลืมไปแล้ว..เกือบลืมไปเลย...ภูวนัยนึกขึ้นมาได้...
มลุลีมีน้องสาวนี่นา...ภูวนัยจำได้แล้ว...น้องสาวที่ใครๆ เคยบอกเขาว่าเหมือนกับมลุลีราวกับฝาแฝด...ถ้ามองคนละทีแล้วเกือบเหมือนกันทีเดียว...
แต่เวลานั้นเขาหายใจเป็นมลุลีอย่างเดียวจนไม่ได้สนใจใครอื่น จนกระทั่งบัดนี้
อะไรบางอย่างทำให้ภูวนัยเดินตรงเข้าไปหาหล่อนทันทีโดยไม่ลังเล ไม่ต้องคิด ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องอะไรทั้งสิ้น...ไปหยุดลงตรงหน้าประตูรั้วบ้านหลังนั้นแล้วเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเล...
หญิงสาวที่กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบดึงร่างของหล่อนขึ้นมานั่งตัวตรง ทอดตามองมายังเขาทันทีเมื่อชายหนุ่มเดิน่ผ่านประตูรั้วตรงเข้าไปหา
ยิ่งเข้าไปใกล้หล่อนเท่าไหร่...ยิ่งมองเห็นหล่อนชัดเจนขึ้นเท่าไหร่ ภูวนัยก็ยิ่งแน่ใจว่าหล่อนต้องเป็นน้อง
ของมลุลีอย่างแน่นอน...
เพราะบ้านหลังนี้เป็นของครอบครัวของมลุลี ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย...เขาและหล่อนรู้จักกันที่บ้านหลังนี้เอง
ร่างสูง....ไหล่กว้างแข็งแรงไปด้วยกล้ามเนื้อของบุรุษที่มีพลานามัยดี..ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่ได้สวมอะไรเลยนอกจากกางเกงว่ายน้ำเพียงตัวเดียว และผ้าขนหนูคลุมไหล่อีกผืนเดินตรงเข้าไปหาหล่อน
เส้นผมของเขาเปียกลีบไปกับศรีษะ...อวดให้เห็นใบหน้าอันเข้มคมของผู้ชายรูปงามคนหนึ่งที่มีเครื่องหน้าน่ามองไปหมด ทั้งคิ้วหนาเข้ม...ดวงตาคมกริบปลายจมูกโด่งตรง และริมฝีปากได้รูปไม่แพ้ผู้หญิง...
แต่นั่นแหละ...ภูวนัยแทบจะเลิกมั่นใจในรูปลักษณ์อันหล่อเหลา คมคายของตัวเองไปนานแล้วเมื่อรู้ว่า มลุลีเปลี่ยนใจจากเขาไปชอบหนุ่มใหญ่ที่มีเสน่ห์มากมายอย่างนายอาทิตย์คนนั้น...
มลุลีทำเอา ภูวนัย หมดความมั่นใจในตัวเองไปเลยก็ว่าได้...
เขาไม่ได้สนใจผู้หญิงคนใดอีกเลย จนกระทั่งวันเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้...วันที่ได้เดินเข้ามาหยุดอยู่ในบ้านริมทะเลหลังนี้อีกครั้ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่เหมือนหล่อนราวกับฝาแฝดอย่างจริงจัง
หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้นอนมาหยุดมองเขาจากระเบียง และถามอย่างสงสัยเช่นกัน
? คุณต้องการพบใครหรือคะ...?
? เธอเหมือน มลุลีมาก...? เขาตอบไม่ตรงคำถามหล่อน
? คุณรู้จักพี่สาวฉันหรือคะ..!?..? หล่อนถามอย่างสงสัย...
? เธอเป็นน้องมลุลีรึ...?
? ค่ะ...ฉันชื่อ มัลลิกาค่ะ...แล้วคุณล่ะคะชื่ออะไร...?
? ภูวนัย...?
เขาตอบสั้นๆ แล้วสบตาหล่อนนิ่ง....ก่อนจะกวาดไปทั่วดวงหน้างามไม่แพ้ลุลีเลยแม้แต่น้อย หรือจะงามกว่าด้วยซ้ำ...
? งั้นเราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วค่ะ...?
เพียงแค่ชื่อของเขาก็ทำให้หญิงสาวรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือใคร พูดจบหล่อนก็หมุนตัวเดินเข้าบ้านแล้วปิดประตูกระจกด้านนั้นพร้อมกับล็อคทันทีเหมือนกลัวเขาจะวิ่งไล่ตาม แล้วเดินหายไป...ปล่อยให้ ภูวนัยยืนอยู่ตรงนั้นอีกนาน ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไปจากบ้านหลังนั้น
--------------------------------------------------
? ด็อด...?
? ครับผม...?
? แกรู้จักผู้หญิงที่อยู่ข้างบ้านเราไหม...?
ภูวนัยถามเด็กหนุ่มซึ่งเขาจ้างเอาไว้ทั้งครอบครัว พ่อแม่ลูก ให้ดูแลบ้านริมทะเลหลังนี้มานานแล้ว...
ความจริงภูวนัยขายมันไปนานแล้ว เมื่อตอนที่เขามีเรื่องกับนายอาทิตย์ และซวดเซอยู่พักใหญ่ แต่คนที่ซื้อไปก็ขายกลับมาให้เขาใหม่ ก่อนเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ
ภูวนัยรับซื้อเอาไว้...แล้วไม่ได้มาเลยจนกระทั่งบัดนี้...
?ครับ...?
? เขามาอยู่มานานเท่าไหร่แล้ว...?
? ได้ยินแม่บ้านบอกว่าเพิ่งมาจากต่างประเทศครับ เมื่อปีกว่ามานี่เอง ทำงานเป็นเลขาของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งแถวๆ นี้น่ะครับ...?
ภูวนัยพยักหน้ารับรู้แล้วไม่ถามอะไรอีก จนเย็น...จนค่ำ เขาก็ขับรถออกจากบ้านไปรับประทานอาหารเย็นในโรงแรมใหญ่ใกล้ๆ บ้าน
เขาเกือบจะลืมหล่อนไปแล้วถ้าไม่เห็นหญิงสาวอีกครั้ง...แล้วพบว่าหล่อนมารับประทานอาหารค่ำกับเจ้านายฝรั่งที่เป็นหนุ่มใหญ่รูปหล่อทีเดียว...
มันทำให้ภูวนัยนึกถึงมลุลี กับนายอาทิตย์ขึ้นมาอีก...และรู้เลยว่าถ้าปล่อยเอาไว้ .แม่สาวคนนี้ก็ต้องตกหลุมเสน่ห์ของฝรั่งหนุ่มใหญ่รายนั้น...เหมือนมลุลีแฟนสาวของเขาตกหลุมเสน่ห์ของนายอาทิตย์
เมื่อคิดได้ ภูวนัยก็ไม่อยากรับประทานอาหารในห้องอาหารแห่งนั้นขึ้นมาดื้อๆ.
เขาเดินลงไปยังริมทะเลซึ่งมีห้องอาหารอีกห้องหนึ่ง...เปิดออกสู่ทะเลให้ผู้มาพักได้สัมผัสกับธรรมชาติริมทะเลอย่างใกล้ชิดแทนห้องแอร์ ไปนั่งลงบนโต๊ะร่มสุดด้านนอก หันหน้าไปสู่ความมืดของทะเลยามค่ำ
ชายหนุ่มเพิ่งรู้ตัวเองในเวลานั้นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน...เหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง เขายังไม่ลืม หรือจะพูดให้ถูกก็คือไม่เคยลืมได้เลย...
ยิ่งเห็นหน้าของผู้หญิงคนนั้นเข้าแล้ว เหมือนกับเห็น มลุลีกลับคืนมามีชีวิตอีกครั้งด้วยซ้ำ...
ภูวนัยถึงกับถอนหายใจกับตัวเองหลายต่อหลายเฮือก แล้วพาลกินอาหารมื้อนั้นไม่ลง...
นี่เขาเป็นอะไรไปทำไมถึงโกรธขึ้นมาอีกทั้งๆ ที่คิดว่าทำใจได้แล้วอย่างแน่นอน...แต่พอมาเห็นตัวแทนที่เหมือนกันยังกับแกะ แถมมานั่งกินข้าวกับฝรั่งหนุ่มใหญ่นั่นเข้าอีกทำเอาเขาถึงกับเดือดปุดๆ เหมือนมลุลี มาทำให้เห็นตรงหน้าเลยทีเดียว
ในอดีต ภูวนัยเคยเห็น มลุลีกับอาทิตย์นั่งคอยเขาแบบนี้ แต่ตอนนั้นไม่เคยสงสัยอะไรหล่อนเลย...และยังเคยเห็นทั้งคู่อีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรจนแล้วจนรอด...จนมลุลีสวมเขาให้แล้วก็ยังไม่รู้...
เขายังเจ็บปวดอยู่ทุกครั้งที่คิดถึงสิ่งที่หล่อนทำ...และไม่คิดที่จะอภัยให้แม้หล่อนจะตายไปแล้วก็ตาม...
ผลสุดท้าย ภูวนัยก็ตัดสินใจเดินออกไปจากตรงนั้นเข้าไปในผับที่อยู่อีกด้านหนึ่ง...พาตัวเองเข้าไปซุกลงในมุมมือแล้วสั่งเครื่องดื่มที่เขาคิดว่ามันจะทำให้เขาลืมทุกอย่างได้อย่างทีเคยทำมาแล้วในอดีต
ภูวนัยนั่งอยู่นานพอสมควร...สั่งเครื่องดื่มแบบเดิมมาอีกสองสามแก้ว แล้วจึงทอดสายตาไปเห็นคู่เต้นรำกลางฟลอร์เข้าโดยไม่ตั้งใจ...และจำได้ทันที...
หลังจากกินข้าวแล้วคงจะเข้ามาเต้นรำต่อกันอย่างแน่นอน...ภูวนัยคิดเมื่อทอดตาไปมองเห็นมลุลี และอาทิตย์ยืนกอดกันอยู่กลางฟลอร์โดยไม่อายที่ใครจะเห็น...
เขาขยี้ตาตัวเองแล้วมองให้ชัดๆ อีกครั้ง...คราวนี้เห็นเป็นฝรั่งคนนั้นกับน้องสาวมลุลีชัดเจน แล้วก็เรียกบ๋อยมาเก็บเงิน...พาตัวเองออกไปจากที่นั่น...
ความจริงเหล้าสองสามแก้วไม่น่าจะทำให้เขาเมาได้...แต่มันก็ทำเอาร่างสูงนั้นเดินเซแซดๆ ออกไปจากโรงแรมอันหรูหราแห่งนั้นด้วยความเจ็บปวดทียังค้างคาอยู่ในใจ
แผลที่ยังไม่หายดี...แต่ถูกสะกิดให้เปิดออกอีกครั้งโดยจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เขาเข้าไปนั่งอยู่ในรถนานทีเดียว...แต่ไม่สามารถจะพามันกลับไปบ้านได้
ภูวนัยนั่งนิ่ง...ย้อนความคิดคำนึงกลับไปยังอดีตที่เหลือเอาไว้แต่ความเจ็บปวด...
ไม่น่าเชื่อเลยว่าจนบัดนี้...เขายังไม่ลืมหล่อนเลย...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด...และแล้วภูวนัยก็เห็นหล่อนและฝรั่งคนนั้นเดินกลับออกมาจากผับด้วยกัน...เดินผ่านรถของเขาไปยังรถเบ็นซ์รุ่นใหม่เอี่ยมคันเล็กนิดเดียว แต่ราคาใหญ่โตมโหฬาร...
ฝรั่งคนนั้นเปิดประตูให้หญิงสาวก้าวขึ้นไปนั่ง ก่อนจะอ้อมไปประจำที่คนขับ พารถคันนั้นออกไปช้าๆ...อย่างนุ่มนวล...
ภูวนัยสตาร์ทรถตามไปเงียบๆ...บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าตามไปทำไม...ให้ได้อะไร...เขาจะไปต่อที่ไหนก็ช่างเขา..
แต่ฝรั่งคนนั้นก็พาหล่อนไปส่งบ้านอย่างเรียบร้อย...ก่อนจะขับรถกลับไป..
พอรถเบ๊นซ์คนนั้นแล่นออกไป...รถโฟร์วีลของภูวนัยก็คลานเข้ามาจอด...ทอดตาไปดูประตูบ้านหล่อนที่ปิดลงด้วยมือของแม่บ้าน...หลังจากนั้นเขาจึงพารถคลานกลับเข้าบ้านของตัวเองในเวลาต่อมา...
พอกลับเข้าบ้านเรียบร้อย ก็ยกโทรศัพท์ขึ้นเรียกหาภูวนารถแล้วถามว่า...
? เกาะอะไรนะที่แกซื้อเอาไว้สร้างบ้านพักส่วนตัวน่ะ....?
? ถามทำไม...ไม่สนใจไม่ใช่หรือ...? ภูวนารถตอบมา
? แล้วทำอะไรไว้บ้าง...?
? สร้างบ้านไว้หลังเดียว...อย่างอื่นไม่ได้ทำเลย มัวแต่มาวุ่นกับไอ้โปรเจคของพี่นี่แหละ...?
? มีใครรู้จักทางบ้าง...ส่งมาพาไปดูหน่อยซิ...?
? ทำไม...สนใจขึ้นมาแล้วหรือ...?
? พักได้ไหม...?
? สบายมาก...มีพร้อมทุกอย่าง...ห้องใต้ดินก็มี...แบ่งไว้เป็นห้องเก็บไวน์...เป็นห้องนั่งเล่น เป็นห้องเอนกประสงค์...ไปดูเอาแล้วกัน...ถามจริง...อยากจะทำอะไร...?
? ขอดูก่อน...บางทีอาจจะอยู่ยาวๆ สักพัก...?
? ก็เอาสิพรุ่งนี้จะส่งนัททีให้พาไปดู...รอแล้วกัน...?
ภูวนารถสรุปแล้ววางหู...ภูวนัยก็วางแล้วเดินเซเข้าห้องนอน...
วันรุ่งขึ้นเขาวิ่งออกกำลังจากบ้านมาแต่เช้าเห็นมัลลิกาออกมายืนอยู่ริมถนนตรงหน้ารถจึงหยุดถามหล่อน...
? รถเป็นอะไรหรือครับ...?
? เสียค่ะ...? หล่อนตอบแล้วก็เมินหน้าหนีเขาดื้อๆ...
มันทำให้ภูวนัยนึกถึงมลุลีตอนที่หล่อนงอแงจะเลิกกับเขาให้ได้ขึ้นมาทันที...
ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าหล่อนดิ้นรนจะให้หลุดจากเขาไปหาอาทิตย์คนนั้น...เวลานั้นเขาได้แต่ง้องอนหล่อนทุกอย่างเท่าที่จะทำได้...
? เดี๋ยวผมจะเรียกเด็กมาดูให้...?
? ฉันเรียกช่างมาแล้วค่ะ...ขอบคุณ...?
หล่อนตอบโดยไม่มองหน้าเขาเลย ทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าหล่อนไม่ชอบเขา...ภูวนัยจึงวิ่งต่อไป...
เขาวิ่งหายไปนานจนวนกลับมาอีกครั้งก็เห็นหญิงสาวยังเดินไปเดินมารอช่างอยู่แบบนั้นจึงถามว่า...
? ช่างยังไม่มาอีกหรือครับ...?
? ยังค่ะ...? หล่อนตอบแล้วก็หันหน้าหนีอีก...
ชายหนุ่มวิ่งเข้าบ้าน แล้วใช้ด็อดออกไปดูให้...ไม่นานก็กลับเข้ามาบอกเขาว่า..
? เรียบร้อยแล้วครับ...เธอไปแล้ว...?
เขาพยักหน้ารับ แล้วคิดถึงท่าทีไม่ยอมญาติดีของหล่อนขึ้นมาอย่างโมโหเหมือนกัน แต่เอาเถอะเมินได้ก็เมินไป...หล่อนเมินเขาได้อีกไม่นานหรอก...ภูวนัยบอกตัวเอง...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภูวนัยเห็นมัลลิกาแล้วนึกถึงมลุลี...แฟนเก่าที่ทำให้เขาทั้งรักทั้งแค้นในอดีต เขาลักพาตัวมัลลิกาไปอยู่ด้วย เพื่อสอนให้หล่อนรู้ว่าอย่าได้บังอาจปฏิเสธเขา จนเมื่อมัลลิกาท้อง...ทั้งหล่อนและเขาจึงต้องหันหน้ามาหากันเพราะความรับผิดชอบ หญิงสาวถูกบังคับให้เผยอริมฝีปากนุ่มหวานออกรับริมฝีปากร้อนระอุ ที่ทาบลงมาปิดปากหล่อนไว้แนบสนิทและต้องยอมปล่อยให้ปลายลิ้นอุ่นตามเข้ามาแสวงหาความหวานฉ่ำในปากของหล่อนได้ตามความต้องการครั้งแล้วครั้งเล่า...การลักพาของเขา...ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันลึกซึ้งตามมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ จนมาถึงจุดที่ต้องรับผิดชอบ...ทำให้คนสองคนไม่อาจหันหลังจากกันไปได้ แต่ปัญหามากมายที่ตามมาล้วนทำให้ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างหล่อนและเขาสั่นคลอน...ทั้งคู่จะทำเช่นไรที่จะรักษาความรักที่ต่างมีให้กันไว้ให้ได้
