?....ไม่อร่อยเลย?
เป็นคำพูดที่โคเรชิน เจ้ากรมขุนนางพูดออกมาทันทีที่อ้าปาก
ริโคยูที่กำลังรินชาอยู่ถึงกับกล้ามเนื้อขมับปูดเพราะโดนต่อว่าด้วยคำพูดนั้น นี่ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่เรชิน โคยูคงสวนไปแล้วว่า ?งั้นก็อย่ากิน!? แต่โชคร้ายที่อีกฝ่ายเป็นเจ้านายที่เขาให้ความเคารพยำเกรงจนไม่กล้าพูดแบบนั้น
?....ก็ท่านบอกให้ทำซาลาเปาให้หน่อยไม่ใช่เหรอ?
โคยูแอบเถียงเบาๆ แต่ก็ต้องเงียบหนักขึ้นไปอีก
?ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าทำซาลาเปาไม่อร่อยให้กินนะ ว่าแต่โคยู นี่เจ้ามองเห็นมันเป็นซาลาเปาเหรอ ข้าว่ามองยังไงก็เป็นเซมเบ้นะ?
นั่นก็เพราะมันแบนเรียบ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เห็นเป็น ?ซาลาเปา? แม้แต่น้อย
แต่โคยูก็ยังมีข้อแก้ตัว
?....ถูกท่านใช้งานตั้งแต่เช้าจนค่ำ ข้าจะเอาเวลาที่ไหนไปฝึกปรือฝีมือในการทำซาลาเปาล่ะ!?
เรชินทำเป็นถอนใจเฮือกใหญ่
?ตัวเองพยายามไม่พอไม่พูดถึง กลับมาโทษคนอื่นเสียนี่ ข้าว่าข้าไม่เคยเลี้ยงดูเจ้ามาให้เป็นเช่นนั้นนะ เจ้าไปเรียนรู้ผิดๆ มาจากที่ไหนกัน?
?......!!?
?ชานี่ก็ไม่ผ่าน ก่อนอื่นต้องหัดกะเวลาที่เหมาะสมที่จะทำให้ความขมและความหวานของชาออกมากลมกล่อมมากกว่านี้ ....เติมชาที?
เรชินบ่นว่าไม่อร่อยพลางกินซาลาเปาและดื่มชาไปด้วย
โคยูที่ขมับยิ่งปูดโปนมากขึ้นรินชาให้เงียบๆ
แล้วเสียงพัดก็ดัง ?ป้าบ? ขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
(....ถึงเวลาแล้วสินะ) โคยูตั้งท่าอยู่ในใจ
ตั้งแต่ตอนที่ถูกเรชินเรียกตัวมา โคยูก็สังหรณ์ใจไม่ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเรชินไล่คนออกไป นั่นยิ่งทำให้โคยูเน่ใจ
โคเรชินหนุ่มเกินกว่าตำแหน่งที่เป็นอยู่ เขาอายุเพียงแค่สามสิบกว่า แต่กลับได้รับตำแหน่งสำคัญในวัง ซึ่งนับว่าเป็นคนหนุ่มที่หาได้ยาก ทว่าโคยูกลับเป็น ?คนหนุ่มที่หาได้ยาก? ยิ่งกว่าเขา
เรชินขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่มีความสามารถและมีความหลักแหลม มีน้อยคนที่จะรู้จักนิสัยที่แท้จริงของเขา และโคยูก็เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนนั้น อย่างเช่น หากเรชินมี ?เรื่อง? จะคุยกับเขาสองต่อสอง นั่นไม่เคยมีเรื่องง่ายๆ สบายๆ เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่โคยูเรียนรู้ด้วยตัวเอง
....คราวนี้จะเป็นอะไรนะ
เมื่อโคยูมองดูเรชินอย่างกึ่งๆ ทำใจรับสภาพ ก็ได้รับรอยยิ้มกว้างๆ กลับคืนมา ช่างน่าเจ็บใจที่สุด
?มีคำร้องขอจากโชไทชิว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปจะให้เจ้าไปเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ เพื่อให้ฮ่องเต้มีความกระตือรือร้นมากขึ้น?
โคยูหน้าถอดสีไปชั่วครู่ เขาพูดอย่างไม่ไยดีด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ขึ้นมาทันควัน
?ไม่ล่ะ ให้ข้าไปทำตำแหน่งอื่นเถอะ?
ป้าบ เสียงพัดของเรชินดังขึ้นอีกครั้ง
?ตอนที่ข้าบอกให้เจ้าทำซาลาเปามาเมื่อวาน เจ้าก็บอกว่า ?ไม่? ใช่ไหมล่ะ?
?หา? มันก็ไม่แปลกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมข้าจะต้องทำซาลาเปาด้วยล่ะ?
?เมื่อวันก่อน ตอนที่ข้าบอกให้เจ้าไปประชุมช่วงเช้าแทนข้า เจ้าก็บอกว่า ?ไม่? ?
?....มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะเจ้ากรมแต่ละกรมต้องเป็นคนเข้าประชุมเองไม่ใช่เหรอ!?
?เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ข้าบอกให้เจ้าแกล้งทำเป็นกระแทกช้องผมของเสนาบดีใหญ่คนหนึ่งที่ข้าเกลียดให้กระเด็น เผยศีรษะล้านต่อหน้าสาธารณชน เจ้าก็บอกว่า ?ไม่? ?
?....ข้า....ก็ต้องพูดแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ?
?แล้วไหนจะตอนที่ข้าบอกให้เจ้าเข้าประกวดชายชาตรีแต่งเป็นสตรีแห่งเมืองหลวง เพื่อแย่งข้าวชั้นดีร้อยกระสอบ เจ้าก็บอกว่า ?ไม่? ?
?........?
?ยิ่งกว่านั้น ตอนเป็นเด็ก ตอนที่ข้าจะเก็บเจ้ามาเลี้ยง เจ้าก็บอกว่า ?ไม่? ?
?........?
?เจ้าบอกว่า ?ไม่? แต่เอาเข้าจริงเจ้าก็ทำใช่ไหมล่ะ หือ??
โคเรชินคลี่พัดอย่างสง่างามราวกับประกาศชัยชนะ เขาเป็นผู้ที่ไม่เคยแพ้อย่างแท้จริง
แต่ว่าคราวนี้โคยูก็ไม่ยอมรับง่ายๆ เช่นกัน
?ไม่ ข้าเป็นลูกน้องของท่านนะ?
?แน่นอนอยู่แล้ว โชไทชิก็แค่ยืมตัวเจ้าชั่วคราวเท่านั้น ชื่อของเจ้าก็ยังอยู่ที่กรมขุนนางไงล่ะ?
?แต่คนที่ข้าต้องไปอยู่ด้วยคือเจ้าบ้านั่นน่ะนะ?
?ไม่เห็นเป็นไรเลย ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ได้ทั้งนั้น ตั้งใจทำไปก่อนเถอะ?
?แต่ว่า!?
เรชินไม่ยอมให้โคยูพูดอะไรไปมากกว่านั้น
?....โคยู นี่เป็นเรื่องที่ข้าตัดสินใจแล้วนะ เจ้ากล้าพูดหรือว่าไม่พอใจ??
?....เอ่อ....?
เห็นเจ้านายยิ้มอย่างดึงดันขนาดนั้น โคยูจึงยอมแพ้
เรชินรับโคยูมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หลังจากนั้นโคยูก็อยู่เคียงข้างเรชินมาสิบกว่าปี ไม่ว่าเรชินจะพูดอะไร เมื่อถึงที่สุดแล้วโคยูก็ไม่สามารถปฏิเสธเรชินได้ ....แต่นั่นเป็นเพราะความเคารพรัก ทำให้จบลงด้วยการที่เขาไม่สามารถจะคัดค้านคำพูดของเรชินได้ แม้ว่าเขาจะไม่พอใจคำสั่งนั้นสักเพียงไหนก็ตาม....
แล้ววันคืนที่แสนเศร้าของริโคยู รองเจ้ากรมขุนนาง (ที่ขณะนี้ได้ตัดสินใจจะโยกย้ายหน้าที่แล้ว) จึงได้เริ่มต้นขึ้น
***
?....ว่างชะมัด?
โคยูส่ายหน้าอย่างไร้ความหมาย....ในหอหนังสือของกรมอาลักษณ์
ครึ่งเดือนที่เขาย้ายมารับใช้ฮ่องเต้....เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีงาน ไม่มีที่อยู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะฮ่องเต้หนุ่มวัย 19 ปีที่เพิ่งจะขึ้นครองราชย์ไม่คิดจะปฏิบัติราชการงานเมืองใดๆ วันๆ เอาแต่เก็บตัวอยู่ในวังหลัง
โคยูได้รับคำสั่งจากหัวหน้าต้นสังกัดโดยตรงให้เขามารับใช้ฮ่องเต้ตั้งแต่เมื่อครึ่งเดือนก่อน ทว่าจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้แม้แต่จะเห็นหน้าค่าตาเจ้านายคนปัจจุบันเลย เนื่องจากโคยูเป็นผู้สอบเข้ารับราชการได้เป็นอันดับที่ 1 ที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีในประวัติศาสตร์ ทำให้หน้าที่การงานเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ได้รับคำชื่นชมว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในวัง และตั้งแต่นั้นมาเขาก็โดดเด่นในฐานะขุนนางหนุ่มที่มาแรงที่สุด แต่ตอนนี้เขากลับต้องลิ้มรสความรู้สึกละอายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ามาทำงาน
?....ข้าใช้เวลาทุกวันอย่างเปล่าประโยชน์โดยไม่ได้ทำอะไรเลย....?
ความโกรธของโคยูมาถึงขีดสุดแล้ว เป็นเพราะเจ้านายคนก่อนใช้งานอย่างหนักหน่วงเกินเหตุ ทำให้เขาต้องทำงานจนแทบไม่มีแม้กระทั่งเวลาจะนอน เขาจึงไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าการที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนั้นจะเจ็บปวดมากเพียงนี้
?....ทั้งนั้นทั้งนี้ ทั้งหมด....เป็นเพราะเจ้าบ้านั่นไงล่ะ....?
ตึง! โคยูทุบโต๊ะ เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวที่ดังก้องไปทั่วหอหนังสือทำให้คนอีกคนที่อยู่ในหอหนังสือเหลียวมามองด้วยความตกใจ
?ท่านโคยู ปะ...เป็นอะไรไปเหรอ??
น้ำเสียงที่นุ่มนวลนั้นทำให้โคยูรีบหันกลับไปหาเขา
?ขะ....ขออภัยครับ ท่านโชกะ ที่ข้าทำเสียงดังแบบนี้ในหอหนังสือ?
?ไม่เป็นไรๆ....แต่ดูท่าทางท่านจะหงุดหงิดมากเลยสินะ?
โคโชกะยิ้มเจื่อนๆ
โคยูชอบสีหน้าที่สงบนิ่งและน้ำเสียงที่อ่อนโยนจริงใจของเขา ทั้งที่โชกะไม่น่าจะแตกต่างกับเจ้านายของเขาสักเท่าไร แต่ในความเป็นจริงนิสัยของเขาช่างตรงกันข้ามกับเจ้านายของเขาราวฟ้ากับดิน ถ้าเป็นทุกที แค่ได้คุยกับโชกะก็ทำให้โคยูรู้สึกดีขึ้นได้แล้ว แต่ว่าคราวนี้มันไม่มีทางที่จะเป็นเช่นนั้น
?เรื่องนี้จะไม่ให้ข้าหงุดหงิดได้ยังไงล่ะครับ!??
โคยูเงยหน้าขึ้น โชคดีที่ในหอหนังสือมีกันอยู่แค่สองคน โคยูที่อัดอั้นมาตลอดครึ่งเดือนนี้จึงระเบิดความโกรธออกมา สำหรับคนอื่นแล้วโคยูต้องรักษาฉายา ?ผู้ยึดถือเหตุผลดุจกำแพงเหล็ก? เอาไว้ แต่กับเจ้ากรมอาลักษณ์ผู้นี้ เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่โคยูนับถือ เขาจึงระบายออกมาอย่างพร่างพรู
?ทั้งที่บอกแล้วว่าไม่ชอบ แต่ก็ยังบังคับให้ข้ามารับใช้ฮ่องเต้อีก ครึ่งเดือนที่ข้าถูกย้ายมานี้ ฮ่องเต้บ้านั่นเอาแต่ขลุกอยู่ในวังหลัง ไม่ยอมออกมาเลย ราชการงานเมืองก็ไม่ทำ เพราะอย่างนี้ ข้า....ถึงไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนดี งานก็ไม่ได้ทำ ไม่มีอะไรที่จะต้องทำ แต่ต้องมาเข้าเฝ้าฯ และที่ร้ายที่สุดคือเจ้าฮ่องเต้บ้านั่นนอนกับผู้ชายด้วยนะ ไม่ใช่ผู้หญิง คิดว่าแบบนี้มันน่าหงุดหงิดจนทนไม่ไหวไหมล่ะครับ!??
?เอ่อ....?
โชกะไม่ได้ตอบอะไร เพราะคำพูดที่รุนแรงของโคยูเป็นความจริงจึงตอบโต้ไม่ได้ด้วย ครั้นจะบอกว่า ?นั่นสินะ น่าสงสารจริงๆ? โคยูก็ไม่กล้าพูดอีกเช่นกัน
?ที่ให้มาอยู่กับฮ่องเต้ อาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างก็ได้?
?เหตุผล!??
โคยูเบิกตากว้าง
?ขึ้นครองราชย์มาครึ่งปี! มาประชุมตอนเช้านับครั้งได้เลย ประทับตราพระราชลัญจกรก็น้อยมาก ที่เหลือเอาแต่ขลุกอยู่ในวังหลังทั้งวัน แล้วที่เรียกทหารยามให้ไปอยู่ด้วยทุกคืนจะมีเหตุผลอะไรอีกเหรอ!??
?เอ่อ....?
โชกะจนคำพูดอีกครั้ง หลังจากกลุ้มใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงคิดว่าควรจะเปลี่ยนเรื่องพูด แล้วโชกะที่ไม่ใช่คนพูดเก่งก็เปลี่ยนเรื่องพูดแบบเป็นคนละเรื่องเลยทีเดียว
?อ๊ะ จริงสิ ท่านโคยู รู้รึเปล่า?
?ครับ??
?ว่าที่จริงที่หอหนังสือนี่มีผีด้วยนะ?
***
....ที่หอหนังสือมีผี
เรื่องนั้นสำหรับโคยูแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ยิ่งกว่าคนทั่วไป ไม่ใช่เป็นเพราะเห็นว่านั่นจะเป็นการรบกวนสมาธิในการอ่านหนังสือ เพราะถึงแม้ว่าจะมีผีโผล่มา โคยูก็ยังสามารถอ่านหนังสือต่อไปได้โดยไม่ไยดี
แต่ปัญหามันเป็นอีกเรื่อง ซึ่งนั่นทำให้เขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
?....โคยู ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเจ้าจะเรียกข้ามาหา?
ขุนนางทหารหนุ่มที่มายังจุดนัดหมายยิ้มกว้างอย่างไม่สนใจเพื่อนที่ทำหน้าตาบูดบึ้งทั้งที่ไม่ได้พบกันนานเลยสักนิด
?อะไรกัน ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเจอข้างั้นแหละ?
?ก็ใช่น่ะสิ ข้าไม่ได้อยากจะเจอเจ้าเลยสักนิด?
โคยูพูดชัดถ้อยชัดคำ
?แต่ที่จำใจเรียกมาเพราะข้าต้องขอให้เจ้าช่วย?
?หา??
?....ช่วยไล่ผีหน่อยสิ?
โคยูบอกกับเขาอย่างจริงจัง
คืนนั้น ชายหนุ่มทั้งสองมุ่งตรงไปยังหอหนังสือ
?....แหม ข้าก็นึกแปลกใจที่เจ้าเรียกข้าไปหา ไม่นึกว่าจะให้มาไล่ผีเลยนะ?
ขุนนางทหารหนุ่ม....รันชูเอพูดกลั้วหัวเราะขณะที่กำลังมุ่งไปยังหอหนังสือ
?ไม่นึกเลยว่าคำพูดเรื่องผีสางจะออกมาจากปากคนหัวดื้อที่ยึดถือเรื่องความเป็นจริงอย่างเจ้า?
?หนวกหูน่ะ เดินไปเงียบๆ เถอะ?
?เย็นชาจังเลยนะ เราสอบเข้ารับราชการมาพร้อมกันไม่ใช่เหรอ โต๊ะก็อยู่ข้างๆ กัน ตอนที่เจ้าไปเข้าห้องน้ำระหว่างสอบแล้วหลงทาง ข้าก็เป็นคนพากลับมาแท้ๆ หลังจากสอบเข้าได้แล้วยังถูกส่งไปฝึกงานที่เดียวกันอีก ทั้งที่พรหมลิขิตขนาดนี้ ทำไมเจ้าถึงได้ทำเย็นชากับข้าอย่างนั้นล่ะ?
?ลิขิตแบบนี้มารลิขิตล่ะไม่ว่า! ถึงได้ลิขิตในทางที่แย่ๆ อยู่ในสภาพที่จะตัดก็ตัดไม่ขาด คราวนี้เป็นเพราะเรื่องด่วนนี่เหมาะกับขุนนางทหารอย่างเจ้าหรอกนะ ข้าถึงได้จำใจขอความร่วมมือ ส่วนเรื่องตอนนั้นข้ายังจำได้ไม่ลืมนะจะบอกให้!!?
ชูเอทำตาโตอย่างตกใจ
?จำได้ไม่ลืมเหรอ เรื่องอะไรน่ะ อย่าคิดมากสิ โคยู เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงใช่ไหมล่ะ แล้วข้าก็แค่คิดว่าถ้าเป็นผู้หญิงต้องทำให้เจ้ามีความสุขได้แน่ๆ แต่ว่า....?
เส้นเลือดของโคยูปูด
....ใช่ หมอนี่เป็นคนแบบนี้แหละ
?เจ้าบ้าเอ๊ย! ในหัวเจ้ามีแต่เรื่องไร้สาระพรรค์นั้นตลอดเวลาเลยหรือไง!!?
?เจ้านั่นแหละจะเกลียดผู้หญิงไปถึงไหน?
ชูเอส่ายหน้า
?ทั้งที่เจ้าไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นสักหน่อย แต่ถ้าพูดแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ อาจจะถูกเข้าใจผิดว่ามีรสนิยมแบบเดียวกับฮ่องเต้ก็ได้ใช่ไหมล่ะ รูปร่างหน้าตาเหมือนฟ้าประทานอย่างเจ้าลองบอกสิว่าเกลียดผู้หญิง คงถูกเจ้าพวกงี่เง่าในกองทัพข้าเล่นงานปางตายแน่ๆ ยิ่งกว่านั้น ถ้าถูกผู้ชายปล้ำขึ้นมา ข้าไม่รู้ด้วยนะ?
ถูกเพื่อนตัวแสบพูดเรื่องน่าขนลุกอย่างไม่กระดากปากเช่นนั้นทำเอาโคยูกัดฟันกรอด
?เจ้านั่นแหละ สักวันคงถูกผู้หญิงบ้าแทงเข้าให้! อ๊ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าจะจุดธูปให้เจ้าดอกหนึ่งก็แล้วกัน แล้วจะแกะสลักป้ายที่หน้าหลุมศพว่า ?ขอแสดงความยินดี! กับเจ้าคนเพ้อเจ้อที่เพ้อจนตายสนิท? ?
?ฮะๆๆ เข้าท่าดีนะ....ว่าแต่ว่า โคยู?
?อะไรอีกล่ะ!! เดินไปเงียบๆ เถอะน่ะ!?
?เอ่อ ข้าจะทำอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าอย่างนั้นเราจะยิ่งเดินไปทางตรงข้ามกับหอหนังสือนะ?
เท้าของโคยูชะงัก
รันชูเอนำไปทางตรงข้ามด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มละไม
?ขอโทษนะที่ขัดจังหวะการเดินอย่างมุ่งมั่นของเจ้า แต่ว่าหอหนังสืออยู่ทางโน้นน่ะ เข้าใจใช่ไหม??
โคยูหันหลังกลับอย่างอึ้งๆ พลางตัวสั่นด้วยความโกรธ
ทั้งที่เงียบไว้เสียก็ได้ แต่ชูเอก็ยังพูดทีเล่นทีจริงเหมือนจะยิ่งยั่วให้โคยูหมดความอดทน
?เรื่องหลงทิศของเจ้านี่ดูเหมือนว่าจะแก้ไม่หายซะทีนะ จะมีสักกี่คนรู้ว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะที่สุดในวัง แท้จริงแล้วเป็นคนหลงทิศอย่างที่สุด ถ้าไม่มีคนคอยประกบ ไม่มีทางเดินถึงจุดหมายได้เลยน่ะ?
ในที่สุดความอดทนของโคยูก็หมดลง....
เมื่อเดินมาถึงหอหนังสืออย่างปลอดภัยแล้ว โคยูก็แอบใช้กุญแจเปิดเข้าไปในหอหนังสือ
ในหอหนังสือมืดสนิท
บรรยากาศเย็นยะเยือก มีกลิ่นหนังสือเก่า ความมืดปกคลุมชั้นหนังสือที่มีมากมายจนนับไม่ถ้วน แม้จะเป็นห้องที่โคยูคุ้นเคยมากอยู่แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกวังเวงเหมือนหลงเข้าไปอยู่ในโลกอื่น
โคยูจุดไฟที่เชิงเทียน แก้ผ้าห่อของบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อเห็นสิ่งที่กลิ้งออกมาจาห่อผ้า ชูเอก็ขมวดคิ้ว
?....นี่มันอะไรน่ะ?
?ดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ ซาลาเปาไงล่ะ?
?เอ๊ะ ซาลาเปาเหรอ รูปทรงมันช่างแปลกใหม่จริงๆ เลยนะ ไปซื้อขนมหน้าตาพิลึกนั่นมาจากที่ไหนล่ะ ถ้ากิจการยังอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ก็นับว่าน่าพอใจแล้วล่ะ?
เส้นเลือดที่ขมับของโคยูปูดโปนขึ้นมา ....แต่ละคนพอกันเลย
?ถ้ากินได้ จะรูปร่างยังไงก็ไม่เกี่ยวหรอกน่ะ!?
?....อย่าบอกนะว่าเจ้าเป็นคนทำ??
?ข้าถูกเขาบังคับให้ทำต่างหากล่ะ!!?
....นับตั้งแต่โคยูโคยูเปิดตัวซาลาเปาเซมเบ้เมื่อครึ่งปีก่อน เขาก็ถูกเจ้านายสั่งให้ทำซาลาเปาแทบทุกวัน แต่ฝีมือก็ไม่ค่อยจะดีขึ้นสักเท่าไร ดูจากรูปทรงที่แบนราบแล้วก็ดูไม่มีวี่แววที่จะพัฒนาเลย โคยูซึ่งเก่งเรื่องการเมืองการปกครองอย่างหาตัวจับยากดูจะไม่มีพรสวรรค์ในการทำขนมจริงๆ
แต่ว่าชูเอที่ได้ยินอย่างนั้นกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขากุมท้องหัวเราะยกใหญ่
?....ฮะ คะ....คนที่ให้เจ้าทำซาลาเปาได้ ในโลกนี้คงมีแต่ท่านเจ้ากรมขุนนางโคคนเดียวสินะ ฮะๆๆๆ!?
?นี่....ซาลาเปาฝีมือเจ้ามันมีค่ายิ่งกว่าผลงานของโรเอเอ นักประดิษฐ์ตัวอักษรที่หายากซะอีกนะ!?
ชูเอหัวเราะจนน้ำตาไหล พลางยื่นมือไปหยิบซาลาเปารูปทรงประหลาด แต่ถูกโคยูปัดหลังมือออกเสียก่อน
?อะไรกันล่ะ แค่ลูกเดียวไม่เห็นเป็นไรไม่ใช่เหรอ นี่เป็นของว่างระหว่างไล่ผีไม่ใช่เหรอ??
?เจ้าโง่! คิดว่าจะมีเวลามากินของว่างระหว่างทำภารกิจสำคัญอย่างนี้น่ะเหรอ?
?........?
ถ้างั้นนี่เอามาทำอะไรล่ะ ชูเอลืมตัวถามด้วยสายตา โคยูจึงตอบกลับอย่างไม่พอใจ
?นี่สำหรับผีต่างหากล่ะ?
?หา??
?ได้ยินว่าผีที่หอหนังสือชอบซาลาเปา ท่านโชกะบอกมา?
ชูเอที่พยายามกลั้นหัวเราะ แต่ในดวงตายังมีแววหัวเราะให้เห็นอยู่ จ้องมองเพื่อนที่คบกันมานานโดยไม่ได้พูดอะไร
?....บ้าชะมัด เจ้าผีบ้า รีบออกมาเร็วๆ สิ?
โคยูรีบจัดวางซาลาเปาที่เตรียมมา แล้วไปแอบหลบมุมที่ชั้นหนังสือ คอยจ้องดูโต๊ะที่วางซาลาเปาทิ้งไว้
ชูเอคิดว่าโคยูทำแบบนี้เหมือนจะจับโจรขโมยขนมในห้องครัวมากกว่าจะมาไล่ผี แต่ด้วยความฉลาดจึงไม่ได้เอ่ยปากออกมา และยังคิดต่อไปอีกว่าผีจะกินซาลาเปาได้จริงๆ เหรอ แต่เรื่องนี้ก็ได้แค่คิดเท่านั้นเหมือนกัน เพราะชูเอรู้ดีว่าโคยูจริงจังมาก
?....ว่าแต่ทำไมถึงได้ใส่ใจผีที่หอหนังสือขนาดนั้นล่ะ??
ชูเอถามในสิ่งที่สงสัย
เพราะว่าเรื่องผีในวังไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณของผู้หญิงที่จมน้ำตายในบ่อที่ไหนสักแห่ง ซึ่งจะลอยขึ้นมาในตอนกลางคืน หรือผีหัวขาดที่โผล่มาจากห้องใดห้องหนึ่งแล้วเที่ยวเดินตามหาหัวของตัวเอง ฯลฯ เรื่องผีจึงถูกขยายและแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
?เรื่องผีเรื่องวิญญาณน่ะจะมีหรือไม่มีข้าไม่ได้สนใจนักหรอก ตราบใดที่ไม่เกะกะการทำงานราชการ?
ในที่สุดโคยูก็พูดความจริงออกมาอย่างชัดเจน
?แต่ว่าการมีผีในหอหนังสือมันเป็นปัญหา?
?ทำไมล่ะ??
?ก็ถ้ามีผีออกมาอาละวาดในหอหนังสือจริง แล้วเกิดอะไรขึ้นกับท่านโชกะจะทำยังไงล่ะ?
โชกะมีหน้าที่ต้องจัดการเอกสารต่างๆ ในหอหนังสือ จึงใช้เวลาเกือบทั้งวันในหอหนังสือ และบางครั้งก็ยังค้างคืนด้วย
ถ้ามีวิญญาณร้ายจะทำอย่างไร โคยูนับถือโชกะ ดังนั้นเรื่องของวิญญาณที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยสนใจ ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วจะให้ทำวางเฉยปล่อยไปต่อหน้าต่อตาเขาย่อมทำไม่ได้
?....เจ้านี่ชอบท่านโชกะจริงๆ เลยนะ?
?หรือว่าเจ้าไม่ชอบล่ะ?
?ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าก็นับถือเขาจากใจด้วยอะไรหลายๆ อย่าง แต่ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมคนอย่างนั้นถึงได้ถูกฝังให้อยู่ในที่แบบนี้นะ?
โชกะเอาแต่ขลุกอยู่ที่หอหนังสือ อ่านหนังสือ ไม่อยู่ในสายตาของขุนนางใหญ่ เพราะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ที่สำคัญ เป็นเพราะนิสัยรักสงบอย่างนั้นน่ะเหรอ แต่ถ้าเป็นคนที่มีสายตาในการมองคนจริงๆ แค่คุยเพียงครั้งเดียวย่อมรู้ได้ทันทีว่าโชกะมีภูมิปัญญามากแค่ไหน และมีความคิดยืดหยุ่นอย่างหาได้ยากอีกด้วย
โคยูที่ว่าตัวเองเป็นผู้มีปัญญาก็ยังรู้ว่าเขาไม่อาจจะเทียบโชกะได้ เรื่องนั้นทำให้เขาไม่เข้าใจและคิดว่าทั้งฮ่องเต้และเหล่าขุนนางที่สำคัญช่างโง่เหลือเกินที่ปล่อยให้โชกะฝังตัวอยู่ในหอหนังสือ
?ยิ่งกว่านั้น ท่านโชกะก็....?
?อะไรเหรอ??
?....เปล่า ไม่มีอะไรหรอก?
โคยูหยุดพูดไปกลางคันอย่างน่าแปลกใจและยังคงเอียงคออย่างสงสัย ชูเอจึงเปลี่ยนเรื่องพูด
?ว่าแต่เจ้าเองก็ว่างเหมือนกันสินะ ไม่ไปอยู่กับฮ่องเต้หรือไง?
?....อย่าพูดเรื่องนั้นน่ะ?
น้ำเสียงของโคยูเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ชูเอหัวเราะแห้งๆ
?เจ้าก็แย่เหมือนกันสินะ?
?เจ้าเองก็ต้องทำหน้าที่คุ้มกันฮ่องเต้บ้านั่นใช่ไหมล่ะ!?
?ใช่ ข้าเองก็ว่างงานอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นถึงได้มาอยู่กับเจ้าได้ไงล่ะ?
ทั้งที่ทั้งสองคนเคยเป็นขุนนางบุ๋นกับขุนนางบู๊ที่ถือว่าประสบความสำเร็จมากแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับไม่มีงานทำทั้งคู่ ถึงสามารถเอาซาลาเปามาเป็นเหยื่อล่อเพื่อจะขับไล่วิญญาณได้....ทำให้โคยูรู้สึกสมเพชตัวเองกับชูเอยิ่งนัก
?แหม ก็แสดงว่าบ้านเมืองสงบสุขดีไม่ใช่เหรอ?
?ข้อแก้ตัวน่ะสิ?
เมื่อโคยูตวาด ก็ถูกชูเอที่อยู่ข้างๆ ปิดปากอย่างกะทันหัน ทำให้โคยูตกใจ
เสียงเลื่อนไถลเบาๆ ดังเข้าหูของโคยู
แอ๊ด ประตูเปิดออก
การเคลื่อนที่ของลม ไม่ใช่การเคลื่อนที่ตามธรรมชาติ
มีสิ่งที่ดูคล้ายเงาคนขาวๆ เข้ามาในหอหนังสือโดยไม่มีเสียง มาอยู่ต่อหน้าทั้งสองคนที่กลั้นหายใจคอยเฝ้าดูอยู่ เพราะเทียนที่เชิงเทียนดับไปแล้ว รอบๆ จึงมืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์นวลเย็นที่ลอดผ่านทางช่องประตูเข้ามา เห็นเป็นเงาสีขาวรางๆ
ทันใดนั้น ที่ข้างๆ เงาสีขาวก็มีเปลวไฟวูบไหว
กระสือเหรอ? โคยูหรี่ตาอย่างใจเย็น แต่เปลวไฟนั้นก็ดับลงก่อนที่โคยูจะทันเห็นเงานั้นได้ชัด
เงาสีขาวรางๆ นั้นยืนอยู่ที่หน้าประตูเหมือนไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง
ไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร....เงาสีขาวนั้นจึงเคลื่อนไหวอย่างไม่คาดคิด
เงานั้นเข้าใกล้โต๊ะที่วางซาลาเปาเอาไว้เหมือนลื่นไถลเข้ามาโดยไม่มีเสียง มองเห็นส่วนที่เป็นแขนเสื้อเอื้อมไปที่ซาลาเปา แล้วก็กัดเข้าไปคำหนึ่ง....
?....ไม่อร่อยเลย....?
เมื่อถูกกระทั่งวิญญาณที่ผ่านมาติรสชาติของซาลาเปาที่ทำ ในที่สุดขีดความอดทนของโคยูก็สะบั้นลง
?แต่ละคนพอกันเลยนะ....ที่สำคัญ เป็นวิญญาณยังจะบ่นเรื่องรสชาติอีกเรอะ!!?
เงาสีขาวมีปฏิกิริยากับเสียงนั้น รีบเคลื่อนตัวไปยังประตูทันที ชูเอข้ามโต๊ะไปอย่างไม่รอช้าและชักดาบออกมา แต่ที่แทงไปกลับเป็นเพียงความว่างเปล่า
....หลบได้เหรอ
ทั้งสองคนพุ่งพรวดออกจากหอหนังสือเพื่อจะตามเงาสีขาวนั้นไป ทว่าเงาสีขาวนั้นกลับหายวับไปไม่เหลือแม้เงา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โคยูเป็นขุนนางพลเรือน ส่วนชูเอเป็นขุนนางทหารที่ถูกคัดสรรให้เป็นคนใกล้ชิดของริวกิ ฮ่องเต้ไม่เอาไหนที่ขึ้นครองบัลลังก์ได้ไม่นานนัก แต่ว่าทุกวันก็ผ่านไปอย่างไม่ก่อเกิดผลดีอันใด เพราะแม้กระทั่งจะขอเข้าเฝ้าฯ ยังทำไม่ได้ เนื่องจากริวกิที่เป็นคนสำคัญเอาแต่หนี ตอนนั้นเองที่เกิดข่าวลือว่ามีผีเกิดขึ้นในวัง....? (เกิดเป็นปฏิบัติการไล่ผีครั้งใหญ่!) นอกจากนั้นยังมีความวุ่นวายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อนอีก อย่างเช่น การได้พบกับโทเอเงซึ และความวุ่นวายรอบตัวเมื่อชูเรเป็นหวัด ฯลฯ รวมเรื่องราวที่เป็นความลับ 4 ภาคที่ถูกซ่อนอยู่เบื้องหลังประเทศไซอุน พบกับเรื่องราวแฟนตาซีหลากสีสันชื่อดังในภาคพิเศษที่น่าติดตามกันได้เลย!!
