New Release : เชลยปรารถนา

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : เชลยปรารถนา

โพสต์ โดย Gals »

1
หน้าคฤหาสน์ศัตตานันท์ ห่างจากตัวจังหวัดตราดราวๆ สิบกิโล...
เวลานั้นคุณจีรนันท์ภรรยาคุณคณาธิป ศัตตานันท์ เจ้าของคฤหาสน์ เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในภาคตะวันออกกำลังเดินลงมาจากคฤหาสน์เพื่อไปขึ้นรถกับลูกชายคนเล็ก...
คุณคณาธิปลงมาด้วย?มายืนมองดูภรรยาที่ก้าวขึ้นรถไปกับลูกชาย แล้วดึงประตูลงปิดให้ด้วยตัวเอง ก่อนจะโบกมือตามเมื่อรถสีดำคันใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากบริเวณนั้น...
เวลานั้น...ไม่มีใครได้สังเกตเห็นคนที่ติดตามมาทีหลังสุด...และยืนหลบมุมอยู่บนบันได...มองตามรถคันนั้นไปอย่างหมายหมาดแล้วยิ้มที่มุมปากราวจะเยาะหยัน...
รถคันนั้นแล่นออกมาจนถึงด้านหน้ารั้วไม้สีขาวสะอาดที่มีเป็นระยะทางยาวอ้อมไปรอบเนื้อที่หลายกิโลทีเดียว...ก่อนจะระเบิดขึ้นดังสนั่น...เข้าไปถึงหูของทุกคนในคฤหาสน์ที่จากมา...
มันทำให้คุณคณาธิปที่กำลังจะเดินขึ้นบ้านหันขวับไปมองตามเสียงระเบิดอย่างตกใจก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถแล้วขับตามไปอย่างรวดเร็ว...
***
ร่างกลมกลึงงดงามของสาวสวยในชุดราตรีสั้นสีขาวประดับมุกทั้งตัวที่ถลาลงมาจากบันไดอันกว้างใหญ่ของคฤหาสน์หลังนั้นทำเอารถสปอร์ตราคามากกว่ายี่สิบล้านที่วิ่งผ่านเข้ามาต้องหยุดลงแทบไม่ทัน...
พอทรงตัวได้ผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งต่อจนลับหายไปในสวนหย่อมหน้าคฤหาสน์...แล้วร่างผู้ชายสูงผอมอีกคนที่วิ่งตามกันมา ทำเอาเจ้าของรถสปอร์ตต้องเหยียบเบรกตัวโก่งอีกครั้ง แล้วร่างผอมๆ นั้นก็วิ่งหายตามกันไป
ศดิศ ศัตตานันท์หมดอารมณ์จะขับรถของเขาอีกต่อไปจึงหยุดลงแล้วก้าวออกมาจากรถ ขณะนั้นลูกน้องมารอรับอยู่แล้วก็วิ่งลงมาจากบันไดขั้นบนสุดพอดี...
?สวัสดีครับเจ้านาย...เดี๋ยวผมเอารถไปจอดให้ครับ...?
?เมื่อกี้นี้เป็นใครกัน...วิ่งไล่กันเป็นแมวจับหนู...เกือบชนไปแล้ว...?
ชายหนุ่มบ่นพึม...
?คงจะลูกท่านหลานเธอที่มาในงานนี้แหละครับ...ผมไม่รู้ว่าใครเป็นใครเหมือนกัน...?
ศดิศทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคออย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินเข้างานไปอย่างอารมณ์ไม่ดีนักพร้อมกับกล่องของขวัญสีทองในมือ...
เขาพาร่างสูงก้าวตรงไปหยุดอยู่ตรงประตูหน้าบ้านที่มีบรรดาพนักงานต้อนรับแขกมายืนออกันอยู่เต็ม และทุกคนก็พุ่งความสนใจมายังเขาเป็นจุดเดียว...
?นั่นใคร?...? พนักงานคนหนึ่งถามอีกคนหนึ่งพลางมองเขาอย่างสนใจ
?เดี๋ยว...นึกก่อน...อ้อ...คุณศดิศ ศัตตานันท์ ลูกชายเจ้าพ่อขาใหญ่ฝั่งตะวันออก...เออ...ปกติไม่ค่อยปรากฏตัวที่ไหนนะ อ้อ...คงมาแทนพ่อน่ะ...?
?เรอะ...!?? อีกคนอุทานพลางมองดูลูกชายเจ้าพ่อฝั่งตะวันออกอย่างสนใจในความหล่อเหลาเหนือชายที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก...
ขณะที่ศดิศกำลังลังเลที่จะเข้าไปในงานฉลองแซยิดของเพื่อนบิดาอยู่นั้น...ร่างของหญิงสาวในชุดราตรีสั้นสีขาวกับผมที่หยิกฟูเต็มหัวของหล่อนก็วิ่งมาชนเขาเป็นครั้งที่สอง เล่นเอาชายหนุ่มเซ...แต่พอตั้งตัวได้ไอ้หนุ่มร่างผอมสูงที่วิ่งตามก็มาชนกับเขาเข้าอีก...แล้วหายไปในห้องจัดงานทั้งคู่...
ศดิศก้าวเข้าไปในงานฉลองแซยิดของเพื่อนบิดาในที่สุด พร้อมกับของขวัญในมือเป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่เขาถือติดมือมาด้วย ห่อด้วยกระดาษสีทอง...ผูกโบว์สีทอง?มาส่งให้จนถึงมือของนายสุเมธี บริรักษ์ ผู้เป็นเพื่อนบิดาด้วยความนอบน้อม...
สุเมธี บริรักษ์...เจ้าพ่อภาคกลางที่กำธุรกิจมากมายไว้ในมือเงยหน้าขึ้นมองดูลูกชายเพื่อนที่เติบโตเป็นหนุ่มแล้วอย่างชื่นชม ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะแกะกล่องที่บิดาศดิศฝากมาให้ออกดู...มันเป็นสิงโตทองคำหนักร่วมสิบกิโลล่ะมัง...มีดวงตาเป็นพลอยแท้สีแดงสด...แกะสลักได้อย่างสวยงามมากจนทุกคนที่เห็นทั้งโต๊ะต้องร้อง ?ฮือ? กันออกมาพร้อมๆ กัน...
ศดิศส่งของขวัญของบิดาให้แล้วเขาก็ถอยออกไปยืนดูอยู่ห่างๆ
เห็นว่างานนี้ของเพื่อนบิดาเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดรอบตัว...แล้วก็นึกถึงพ่อของเขาซึ่งมีชีวิตแบบเดียวกัน...
?เชิญทานอาหารด้านนี้ได้เลยค่ะ...?
พนักงานต้อนรับสาวที่ทอดสายตาเล็งมาที่เขาอยู่แล้วตรงมาหาชายหนุ่มทันที แล้วเชิญเขาไปยังซุ้มอาหารมากมายที่เรียงรายอยู่รอบงาน โดยมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง...ทั้งโต๊ะอาหารและบาร์เครื่องดื่มตั้งเรียงรายไว้โดยรอบ...
ศดิศไม่สนใจอาหาร แต่หันไปคว้าแก้วเบียร์สดที่บริกรถือถาดเดินเสิร์ฟไปมากันขวักไขว่มาถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้นวมแสนสบายมุมหนึ่งของงาน...
ขณะที่เขากำลังนั่งจิบเบียร์อยู่นั้น สายตาของชายหนุ่มก็ไปมองเห็นแม่สาวน้อยและเพื่อนชายที่วิ่งไล่ตามกันจนเกือบถูกรถเขาชนเมื่อครู่...
?น้องบูล...น้องบูลต้องใจเย็นนะครับ...?
เสียงฝ่ายชายเรียกแม่สาวน้อยนั้นอย่างออดอ้อนอ่อนโยน ทำเอาศดิศต้องหันหลังให้ทำไม่รู้ไม่ชี้ทันที...
กอไม้ที่ปลูกต้นก้ามปูกำลังออกดอกทิ้งชายลงสวยงามเรียงเป็นแถวกอใหญ่ หนาแน่นพอจะทำให้ทั้งคู่มองไม่เห็นจุดที่ชายหนุ่มกำลังนั่งอยู่นั่น...
?ถ้าน้องบูลยืนยันเรื่องของเรา...คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะไม่ขัดขวางหรอกครับ...น้องบูลอย่าเอาแต่โมโหสิครับ...เรื่องนี้ต้องใจเย็นๆ นะครับ...?
คำเตือนของเนติธร ธุรวิช ทำให้ณิชาบูลพอจะใจเย็นลง ไม่ร้อนเป็นไฟเหมือนเมื่อครู่
?แต่หนูแน่ใจว่าแม่กับพ่อต้องไม่เปลี่ยนใจ...พี่เนตรยังไม่รู้จักพ่อแม่ของหนูดี...?
?แต่พี่เนตรคิดว่ายังไงก็ไม่มีพ่อแม่คนไหนจะทำร้ายหัวใจลูกได้...?
?พ่อแม่หนูนี่แหละจะทำ...?
สาวน้อยเน้นให้เขาฟัง...
?ไม่เชื่อพี่เนตรก็คอยดูสิ...ท่านไม่มีวันเห็นใจเราแน่นอน...?
เสียงของ ?น้องบูล? หรือ ?น้องหนู? คนนั้นแสดงให้รู้เลยว่าหล่อนแน่ใจในตัวบิดามารดาว่าไม่มีทางตามใจหล่อน...
ศดิศแอบฟัง และรู้สึกเห็นใจแม่สาวน้อยผู้นี้อย่างมาก...และนึกอวยพรให้หล่อนและแฟนสามารถเอาชนะความต้องการของผู้ใหญ่ได้สำเร็จด้วยเถิด...
ศดิศคิดและลุกเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ...ไปหยุดอยู่ตรงหน้าร้านอาหารชื่อดังที่ถูกเหมามาในงาน แล้วสั่งอาหารที่เขาชอบ...
เจ้ากรรมเสียเหลือเกินที่ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่นั้นเดินตามมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาอีก และสั่งอาหารชนิดเดียวกันเสียด้วย...
ศดิศจึงมีโอกาสได้มองเห็นแม่สาวน้อยคนนั้นเต็มตา และนึกชมหล่อนในใจว่าหล่อนสวยงามอย่างนี้นี่เล่า...เจ้าหนุ่มนั่นจึงวิ่งไล่ตามไม่ลดละ...เป็นเขา...เขาก็คงไม่ยอมจะเสียหล่อนให้ใครหรอก...คงจะผูกเอาไว้ด้วยกันตลอดชีวิตเชียวล่ะ...
ขณะที่ศดิศคิด...ณิชาบูลย์ก็เหลือบตาขึ้นมามองบุรุษร่างสูงไหล่กว้างที่ยืนสั่งอาหารอยู่ข้างๆ หล่อนโดยไม่ตั้งใจ...
ดวงตาคู่งามและดวงตาคมกว้างใหญ่จึงสบกัน...ทำเอาหล่อนยืนงงไปชั่วขณะ เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีใครมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของหล่อนเพียงแค่มองสบตากันแค่นี้...แต่ในเมื่อมันมีขึ้นมาแล้วโดยไม่ตั้งตัวมันก็ทำให้หล่อนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ จนกระทั่งเสียงของแฟนหนุ่มดังมาปลุกให้ตื่นจากภวังค์หันไปมอง...
?น้องบูลครับ...ได้อาหารแล้วครับ...?
เนติธรเรียกหล่อนแล้วพยักหน้าให้เดินตามกันไป...ปล่อยให้ศดิศมองตามหล่อนไปอย่างเผลอตัวไปชั่วขณะ
?เจ้านายครับ คุณพ่อโทร.มาถามน่ะครับ...ผมบอกว่ามาถึงแล้ว...มอบของขวัญเรียบร้อยแล้วครับ...?
นิเกต...คนของเขาที่รอรับอยู่หน้างานเข้ามารายงานให้ทราบ...จึงเปลี่ยนความสนใจของศดิศจากคนทั้งคู่ไปในเวลาต่อมา...
?คุณศดิศจะกลับเลยไหมครับ...?
นิเกตถามเจ้านายของเขาและรอฟังคำตอบ
?คิดว่ากินอาหารจานนี้หมดแล้วจะไป...?
?ผมเจอปมุต ทินสิริในงานนี้ด้วยครับ...คุณพ่อคุณไม่ค่อยถูกกับมัน...?
?เรอะ...เรื่องอะไร...?
?ธุรกิจน่ะครับ...ผมถึงอยากให้คุณศดิศไปซะก่อนที่มันจะเห็นเรา?
?ไม่เห็นจะกลัว...?
ศดิศพูดตามความรู้สึก...ทำเอานิเกตพูดไม่ออก...ได้แต่ยืนระวังหลังเขาไว้เงียบๆ จนกระทั่งศดิศรับประทานเนื้อย่างจานนั้นแกล้มเบียร์ของเขาเรียบร้อย จึงลุกจากโต๊ะเดินกลับออกไปจากงานเงียบๆ...
ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าณิชาบูลวิ่งเข้าไปหาบิดามารดาหล่อนในเวลาต่อมา โดยดึงมือแฟนหล่อนเข้าไปร่วมโต๊ะด้วย...และไม่ใส่ใจสายตาที่มองมาอย่างไม่พอใจของบิดามารดาเลยแม้สักนิด...
ส่วนเนติธรนั้น...เมื่อรู้ความจริงในวันนี้ว่าบิดามารดาของหญิงสาวที่เขานึกว่าเป็นผู้หญิงธรรมดานั้นคือใครก็ถอนใจเฮือก...
ใจหนึ่งของเนติธรนั้นบอกให้เขาถอยโดยด่วน...แต่อีกใจของเขาบอกตัวเองว่าต้องยึดหล่อนไว้ให้แน่นเพื่อผลประโยชน์ของเขาในอนาคต...และผลประโยชน์นั้นก็มาจริงๆ ในเวลาต่อมา...
***
วันต่อมาเมื่อเนติธรหอบกีตาร์ของเขาออกมาจากรั้วบ้านก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรถเก๋งคันใหญ่มาจอดอยู่ตรงหน้า และลูกน้องของบิดาณิชาบูลสองคนก็ยืนขวางทางเขาอยู่
เนติธรยืนกะพริบตาอยู่หลายอึดใจก่อนจะแข็งใจถามบุรุษท่าทางเป็นนักเลงโตนั้นออกไปว่า...
?ต้องการพบใครหรือครับ...?
?ก็แกนั่นแหละ...? อีกฝ่ายตอบมา...
?จะพบฉันเรื่องอะไร...?
?คุณหนูณิชาบูลไง...เจ้านายให้มาพาตัวแกไปพบ...?
ทั้งคู่ตอบคำถามพร้อมกับเปิดประตูรอให้เนติธรก้าวขึ้นไป แล้วปิดประตูลง...
เวลานั้นแฟนหนุ่มของณิชาบูลนั่งไปกับรถด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นหวาดกลัวไปหมด...ไม่รู้จะไปเจอกับอะไรเข้าในวันนี้
เนติธรมีฐานะครอบครัวค่อนข้างดี...ไม่มีหนี้สิน และใช้ชีวิตของตนเองอย่างสบายๆ ด้วยการตระเวนเล่นกีตาร์อยู่ตามผับทั่วๆ ไป...
เขาเจอกับณิชาบูลตอนไปเล่นกีตาร์ในผับเปิดใหม่แห่งหนึ่ง...ซึ่งหญิงสาวไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนและพบเขาเข้าพอดี...
หลังจากนั้นหล่อนก็ไปทุกวัน...จนวันหนึ่งเนติธรชวนหล่อนออกมาทานข้าวกลางวันในวันต่อมา...แล้วก็คบกันมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้...
เนติธรพอใจหล่อนที่ณิชาบูลเป็นหญิงสาวที่มีฐานะพอควร...การใช้จ่ายของหล่อนไม่ต้องพึ่งเขา...ไม่ต้องคอยเขาให้เป็นผู้จ่ายให้ทุกอย่าง...ซึ่งทำให้เนติธรสบายไปสิบอย่าง
เนติธรคิดว่าเขาจะยื้อณิชาบูลเอาไว้ให้นานที่สุด...ไม่ยอมปล่อยหล่อนกลับคืนไปหาพ่อแม่ง่ายๆ...แต่เนติธรไม่คิดจะยื้อไว้จนตายหรอก...แต่จะดึงแฟนเขาไปทั้งทีก็น่าจะมีข้อแลกเปลี่ยนกันบ้าง
ชายหนุ่มนั่งใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไปตลอดทางจนถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ของณิชาบูลที่เขาได้มาเห็นครั้งแรกตอนมาส่งหล่อนเมื่อคืน
นี่พ่อหล่อนจะพูดกับเขาต่อหน้าหล่อนรึไง...ถึงให้คนไปพาเขามาถึงบ้านแบบนี้...เนติธรถามตัวเองเมื่อเดินตามลูกน้องของพ่อหล่อนเข้าไปในห้องกระจกเล็กๆ ในสวนหลังบ้าน...ที่นั่นทั้งพ่อและแม่หล่อนนั่งรอเขาอยู่พร้อมหน้าแล้ว...
?นั่งสิ...?
พ่อของหล่อนบอกเนติธรและมองเขาอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างที่มองเมื่อคืนทีเดียว...แต่เนติธรไม่สนใจหรอก...เขายกมือไหว้ตามหน้าที่แล้วนั่งลงอย่างเรียบร้อย...
?ฉันจะไม่พูดให้มากความหรอกนะ...แต่อยากให้นายเลิกกับลูกสาวฉันซะ แต่ฉันไม่สั่งให้เลิกกันเฉยๆ หรอก...ฉันมีสิ่งตอบแทนให้...?
พูดจบบิดาของณิชาบูลก็ยื่นเช็คที่เซ็นจ่ายให้เนติธรเป็นจำนวนเงินถึงห้าล้านมาตรงหน้า
เนติธรกะพริบตามองให้แน่ใจในเงินจำนวนนั้น แล้วเงยหน้าขึ้นมองบิดาของหญิงสาวอย่างคิดไม่ถึง...
?นายเพิ่งรู้จักลูกสาวฉันมาไม่กี่เดือนนี่เอง...ไม่ได้รักกันมานานหรือรักกันมากมาย...ฉันคิดว่านายต้องฉลาดที่จะเลือกแน่นอน...ถ้านายเลือกแล้วก็จงไปให้ไกลจากลูกสาวฉัน...อย่ามาให้เธอพบหรือเห็นหน้านายอีก...?
พูดจบ นายวิบูลย์และนางณิชาก็พากันเดินออกไปจากห้องรับแขกแห่งนั้น...ไม่รอฟังคำตอบใดๆ จากเนติธรสักคำ...
ชายหนุ่มนั่งอยู่ในนั้นไม่นาน...ณิชาบูลมาจากไหนไม่รู้ก็เปิดประตูโผล่เข้ามาในห้องกระจกกลางสวนนั้นอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว...
พอเข้ามาเห็นเขาเข้า...ณิชาบูลก็มองเนติธรอย่างงงๆ
?อ้าวพี่เนตรมาได้ยังไงนี่...เราไม่ได้นัดกันนี่...?
หล่อนถามและเหลือบตาลงมองเช็คในมือของเขาที่เนติธรซ่อนไม่ทัน
?นั่นอะไรน่ะ...?
หล่อนถามอีกครั้งก่อนจะก้าวเข้ามาดึงเช็คในมือของเขาไปดู...และยืนนิ่งอยู่นานกว่าจะเงยหน้าขึ้นถามเขา...
?หมายความว่าไงพี่เนตร...พ่อเซ็นเช็คให้พี่เนตรเรื่องอะไร...?
?พ่อน้องจ้างพี่เนตรให้เลิกกับน้องบูล...?
เขาตอบแล้วมองหล่อนนิ่งอยู่นาน...ต่างคนต่างมองกันนิ่งอย่างพิจารณา เหมือนไม่เคยเจอะเจอกันมาก่อนกระนั้น ก่อนณิชาบูลจะถามอีกว่า...
?แล้วพี่เนตรจะเลิกไหม...?
เนติธรไม่ได้ตอบในทันที...เขามองหล่อนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า...
?ถ้าพี่เนตรไม่รับเงินในวันนี้...น้องบูลคิดว่าพ่อน้องบูลจะให้อะไรพี่เนตรพรุ่งนี้ เพื่อจะแยกพี่เนตรจากน้องบูลให้ได้...?
เขาถามให้หล่อนคิด
?ก็ไหนพี่เนตรบอกเมื่อวานนี้ว่า...?
หล่อนเถียงแต่เนติธรตัดบทเสียก่อนว่า...
?ลืมมันซะเถอะน้องบูล...พี่เนตรยังไม่อยากตาย...พี่เนตรยังมีแม่และน้องสาวอีกคนที่ต้องดูแล...พี่เนตรไม่ต้องการให้แม่และน้องสาวพี่เนตรต้องตายเช่นกัน...ลืมพี่เนตรซะน้องบูล...?
พูดจบ...เนติธรก็ถือกีตาร์ของเขาเดินออกไปจากห้องห้องนั้น...ทะลุสวนที่เดินเข้ามาออกไปยังถนนหน้าบ้าน...และขึ้นรถที่รออยู่จากไปเงียบๆ...ปล่อยให้ณิชาบูลทรุดตัวลงนั่งอยู่ในห้องนั้นเพียงลำพังคนเดียวอีกนาน...น้ำตาใสๆ ไม่รู้มาจากไหนมากมายร่วงพลูลงอาบแก้มของสาวน้อยในเวลานั้นด้วยความเสียใจจนสุดประมาณ...


+++++++++++++++++++++++++++++++
?ศดิศ? และ ?ณิชาบูล? ได้พบกันโดยไม่มีใครรู้ว่าต่างคนต่างเป็นลูกของผู้มีอิทธิพลด้วยกันทั้งคู่ จนวันหนึ่ง...ศดิศได้รู้ว่าณิชาบูลคือลูกสาวของคนที่ฆ่าแม่และน้องของเขา แต่หญิงสาวเคยบอกกับเขาว่าถ้าจะฟังอะไรต้องฟังทั้งสองข้างอย่าฟังความเพียงข้างเดียว เขาจึงลักพาตัวหล่อนไปแล้วบอกให้พ่อหล่อนตามมาชี้แจงข้อกล่าวหาจะได้ไม่เป็นการฟังความแต่ข้างเดียว..โดยขู่ไว้ว่าถ้าพ่อหล่อนไม่ไป...เขาจะสับหล่อนส่งคืนมาเป็นชิ้นๆ เลยทีเดียว ศดิศคิดก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตหน้าผากนวลนั้นอย่างรวดเร็วแล้วถอยห่างออกมา เขาทำให้หล่อนตกใจ และงุนงงสงสัย ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องเงียบๆ...ปล่อยให้หญิงสาวยกมือขึ้นแตะหน้าผากตัวเองที่ถูกจูบเอาดื้อๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่า...มันคือจุมพิตของซาตานที่กำลังเตรียมตัวจะพิพากษาหล่อนในอีกไม่กี่เวลาข้างหน้าแล้วนั่นเอง..

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”