เด็กสาวผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้นที่เย็นเฉียบ
อายุของเธอน่าจะราวๆ 10 ขวบ ใบหน้าอันน่ารักถูกปิดเหลือเพียงครึ่งเดียวด้วยที่ปิดตาหนังสีดำ
ในมือของเธอมีนาฬิกาจับเวลา เบื้องหน้ามีปืนไรเฟิลดีไซน์ล้าสมัยกับชุดเครื่องมือวางอยู่
?อุนนิ้ว....สตาร์ท!?
สิ้นเสียงตะโกน เด็กสาวกดให้นาฬิกาจับเวลาเริ่มทำงาน พร้อมกับรีบคว้าปืนไรเฟิลที่วางอยู่ตรงหน้าในทันที
มือที่ยังเล็กของเธอขยับอย่างคล่องแคล่วและแม่นยำจนน่าตกใจ
ปืนไรเฟิลถูกแยกชิ้นส่วนภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจ ซองกระสุน พานท้ายปืน โครงปืนด้ามจับ นกปืน ไกปืน แฮนด์การ์ดคันรั้ง ลูกเลื่อน เข็มแทงชนวน ลำกล้อง ชิ้นส่วนต่างๆ ค่อยถูกทยอยนำมาวางเรียงบนพื้นอย่างเป็นระเบียบ
ฝีมืออันยอดเยี่ยมของเธอนี้ แม้แต่ทหารที่มากประสบการณ์ยังอาจจะต้องยกนิ้วให้เลยทีเดียว
?เยี่ยม ต่อไปก็!?
ลักษณะการใช้คำพูดของเด็กสาวช่างขัดกับน้ำเสียงที่ดูอ่อนหวานอย่างสิ้นเชิง มือของเธอเริ่มขยับอีกครั้งหลังแยกชิ้นส่วนเสร็จ คราวนี้เป็นขั้นของการประกอบ
ปืนไรเฟิลถูกประกอบกลับคืนในสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว ราวกับกรอภาพวิดีโอของเหตุการณ์เมื่อสักครู่
?ไง!??
เด็กสาวถอดที่ปิดตา พร้อมกับจ้องไปยังนาฬิกาจับเวลาด้วยนัยน์ตาสีฟ้า ก่อนจะกำหมัดเล็กด้วยความดีใจ
?ไชโย สถิติใหม่!!?
เธอยิ้มอย่างมีความสุข หลังจากได้เห็นความสำเร็จในการเล่นกับของอันตราย และเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ เธอจึงใช้มือดึงคันรั้งอย่างคล่องแคล่ว ทว่า....
แคร้ง
มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้น ก่อนที่น็อตและสปริงจะกระเด็นออกมาจากโครงปืน
?....หมิว??
ที่หลุดร่วงตามมาเป็นเข็มแทงชนวน สุดท้ายปืนทั้งกระบอกก็ค่อยๆ หลุดเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงแต่ด้ามจับกับคันรั้งบนมือของเด็กสาว
?เอะ เอ๋? มันยังไงกันนี่?
เด็กสาวยืนแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากห้องครัว ช่างได้จังหวะเหมาะเจาะเหลือเกิน
?นี่! คลาร่า หัดดูเวลาซะบ้างสิ รีบๆ ลงมากินข้าวเช้าได้แล้ว!?
?ขะ ขะ ขะ เข้าใจแล้วค่ะ หม่าม้า.... ขออีกแป๊บเดียวนะคะ?
คลาร่า เหมาชะงักงันไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมาหาปืนไรเฟิลอีกครั้ง
สุดท้ายเธอต้องใช้เวลาถึง 5 นาทีในการประกอบมันใหม่อีกครั้งอย่างระมัดระวัง
หลังจากวิ่งลงมาถึงห้องครัว เธอก็พบว่าอาหารถูกจัดวางบนโต๊ะเสร็จสรรพ
?นี่ หม่าม้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามวิ่งในบ้าน?
?ก็หม่าม้าเป็นคนสั่งให้รีบลงมาเองนี่นา?
คลาร่าตอกกลับคำพูดของผู้เป็นแม่ ก่อนจะนั่งลงบนที่นั่งของตน
?ให้ตายจริงๆ ลูกคนนี้ เถียงคำไม่ตกฟาก! เหมือนใครกันนะ....?
เมลิสซ่า เหมาชักสีหน้าให้กับท่าทางขัดขืนของผู้ที่เป็นลูก
นอกจากบทบาทในฐานะของประธานบริษัททหารรับจ้างเอกชน (PMC) ที่ชื่อว่า D.O.M.S. แล้วเธอยังเป็นซิงเกิ้ลมัมที่เลี้ยงลูกสาวด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง
รูปร่างหน้าตาและหุ่นของเธอดูอ่อนกว่าวัย แต่ที่คลาร่าไม่เข้าใจยิ่งกว่าคือความพยายามและความมุ่งมั่นของผู้เป็นแม่ในการสงวนไว้ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้
ดูเหมือนเหมาจะตื่นมาออกกำลังกายตั้งแต่เช้าเช่นเคย เนื่องจากโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นที่หน้าจอยังค้างรายการ ?ออกกำลังกายตามจังหวะเพลง? ไว้อยู่
?....ความมุ่งมั่นที่จะกระชากวัยกลับไปเป็นสาวนี่มันสุดยอดจริงๆ แฮะ?
?หม่า-ม้า-ได้-ยิน-นะ คลาร่า?
?นะ หนูล้อเล่นน่ะค่ะ หม่าม้า?
คลาร่าตรวจดูเมนูบนโต๊ะพร้อมกับหวาดระแวงรอยยิ้มอันน่ากลัวของผู้เป็นแม่ไปด้วย ขนมปังปิ้งโปะด้วยเบค่อน กับไข่ สลัด น้ำผักคั้นเอง ปริมาณจัดเต็มตั้งแต่เช้าเลยทีเดียว
?ว้าว ไอ้นี่ดูน่ากินจั.... อึ๋ย?
ใบหน้าที่สดใสแปรสภาพเป็นใบหน้าที่ห่อเหี่ยวในทันทีเมื่อเห็นว่าที่ขอบจานสลัดมีผักสีเขียวชนิดหนึ่งอยู่
?โธ่ หม่าม้า หม่าม้าก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าหนูเกลียดบร็อคโคลี่?
?ไม่ได้จ้ะ ห้ามเลือกกินเด็ดขาด?
?แต่หนูเกลียดตรงที่มันแหยะๆ นี่นา เคี้ยวแล้วเหมือนกำลังกินหนอนผีเสื้อเลย....?
?อื....ม งั้นเอาไปปั่นเป็นน้ำมั้ยล่ะ??
?ยี้ อย่านะ?
ผู้เป็นลูกปฏิเสธอย่างรังเกียจ ส่วนผู้เป็นแม่จ้องดูด้วยความสนุก
?คลาร่า ดูอย่างเดียวไม่ทำอะไร บร็อคโคลี่มันก็ไม่หมดไปหรอกนะ?
?หนูรู้น่า?
คลาร่าเบะปาก ก่อนจะตัดสินใจเข้าประจันหน้ากับคู่ปรับตัวฉกาจ เธอใช้มายองเนสราดลงไปบนตัวมัน จากนั้นจึงบีบจมูก พร้อมกับเคี้ยวมันเข้าไป
?ฮือ~ ไม่อร่อยเลย?
?ห้ามเหลือนะ ว่าแต่ช่วงที่หม่าม้าไม่อยู่นี่คงจะเลือกกินแต่ของที่ชอบอย่างเดียวล่ะสิ อ้วนมาเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะ?
แม้จะเป็นผู้บริหารแต่เหมาก็ไม่ค่อยได้ลงปฏิบัติงานจริงเท่าไรนัก แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังต้องเดินทางไปๆ มาๆ หลายแห่งเพื่อเจรจาเรื่องธุรกิจ ซึ่งในช่วงที่ผู้เป็นแม่ไม่อยู่นี้เอง สำหรับคลาร่าแล้ว ถ้าไม่เข้าไปเล่นในศูนย์ฝึก D.O.M.S. ที่ตนคุ้นเคย เธอก็จะถูกส่งไปฝากกับเพื่อนเก่าของแม่
โดยปกติคลาร่ามักจะได้รับการเอ็นดูและเอาใจจากคนอื่นๆ อยู่เสมอ แต่นั่นไม่ใช่กับผู้เป็นแม่อย่างเหมา
อึก....
แม้จะกลืนบร็อคโคลี่ลงไปได้สำเร็จ 1 ชิ้น แต่ยังคงเหลืออีก 2 ชิ้นบนจาน คลาร่าไหล่ตกพร้อมกับทำหน้าอเนจอนาถใจ
?อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เอางี้มั้ย ถ้ากินหมดทั้งสามชิ้นวันนี้ตอนไปช็อปปิ้ง อยากได้ชุดไหนหม่าม้าจะซื้อให้หมดเลย?
?จริงเหรอคะ เอาเป็นชุดใหม่ของวิเวียนที่เพิ่งออกได้มั้ยคะ!??
?ได้อยู่แล้วจ้ะ เมลิสซ่า เหมา พูดแล้วไม่มี....?
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเหมาก็ดังขึ้น บรรยากาศการสนทนาที่สนุกสนานของสองแม่ลูกถูกขัดจังหวะ ช่างเป็นการโทรเข้าที่ไร้ซึ่งกาลเทศะจริงๆ
?....ให้ตายสิ ใครโทรมาเนี่ย?
เหมาชักสีหน้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดอย่างไม่พอใจนัก
?ฮัลโหล แคมมี่ นี่ฉันเอง....หา จริงเหรอ?....เดี๋ยวสิ ไม่เห็นเหมือนที่เคยพูดไว้เลยนี่นา....ยังไงก็ปรับไม่ได้เลยเหรอ เรื่องกำหนดการ ....งั้นเหรอ เข้าใจละ....จริงๆ เล้ย เจ้าพวกนี้....นั่นสินะ ให้หน่วยสามรับไปแล้วกัน....เรื่องติดต่อ ฉันฝากพวกเขาไปแล้วล่ะ....ฝากด้วยนะ....ไอ้เจ้าลูกค้าปัญญานิ่มเอ๊ย?
คลาร่ามองใบหน้าของเหมาที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นการสนทนาด้วยความสงสัย
?....เดี๋ยวเสร็จนี่หม่าม้ามีงานต่อเหรอ??
?หือ? อ๋อ ไม่ใช่วันนี้หรอก งานน่ะใช่ แต่ก็ต้นเดือนหน้า เดือนกันยานู่นน่ะ?
?จะ จริงนะ!?
?ก็หม่าม้าสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะว่าวันนี้เราจะอยู่ด้วยกันทั้งวัน?
เหมาลูบหัวลูกสาวสุดที่รักที่ยิ้มด้วยความโล่งใจอย่างเบามือ คลาร่าผู้เป็นลูกหลับตาด้วยความดีใจ
?แล้วงานที่ว่าคืออะไรเหรอ?
?อืม แหล่งข่าวจากญี่ปุ่นแจ้งเข้ามา....น่ะ.... เป็นงานที่เงินดี แถมดูท่าทางน่าสนุก แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ....?
ทั้งน้ำเสียงและลักษณะคำพูดของเหมาฟังดูคลุมเครือ ทันใดนั้น ความคิดบางอย่างก็แวบขึ้นมาในหัวของคลาร่า
?หรือว่าจะเป็น AS รุ่นใหม่ที่ว่า??
?....เดี๋ยวสิ นี่ลูกไปรู้เรื่องพวกนี้มาได้ยังไง?
?เอ่อ ก็ช่วงนี้คุณแดเนียล่าบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆ ว่าจะมีหุ่นรุ่นใหม่มาเลยต้องเหนื่อยอีกแล้ว แต่ถึงบ่นก็ยังทำหน้าดูมีความสุขดี?
?ที่แท้ก็ยัยนั่นเองหรอกรึ?
เหมาพูดพร้อมกับใช้นิ้วแตะไปที่หน้าผาก
แดเนียล่า โคลแมน หัวหน้าแผนกซ่อมบำรุงประจำกองพลาธิการของ D.O.M.S. เธอเป็นช่างเครื่องฝีมือดี อีกทั้งยังเป็นคนที่เอาใจใส่ลูกน้อง แต่ข้อเสียคือเป็นพวกที่ปากพล่อยไปนิด
?โอ้ เป็นความจริงซะด้วยสิ แบบนี้นี่เอง?
คลาร่าพูดพร้อมกับยักคิ้วทั้งสองข้างไปด้วย เรียกว่าไม่คิดจะปิดซ่อนท่าทางที่บ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็นเอาเสียเลย
?นี่ หม่าม้า?
?ไม่ได้?
?ยังไม่ได้พูดอะไรเลย?
?หม่าม้าจะไม่ให้ลูกไปญี่ปุ่น ลูกต้องตั้งใจเรียนอยู่ที่นี่ ถึงนี่จะเป็นการเรียนอยู่กับบ้าน แต่ก็มีสอบไม่ต่างจากโรงเรียน?
?หมิว?
คลาร่าเบะปาก ท่าทางเธอคงไม่พอใจนัก
?ก็เดือนหน้าหม่าม้าจะไปธุระที่ยุโรปใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นเรื่องรับ AS ตัวนั้นหนูจะช่วยดูแลแทนให้เอง?
?ลูกจะช่วยหรือไม่ช่วย หม่าม้าว่ามันก็มีค่าเท่ากันนะ?
?ถะ ถ้างั้นล่าม! ให้หนูเป็นล่ามเอามั้ยล่ะ!??
?คนของกองกำลังป้องกันตนเองที่พูดภาษาต่างประเทศได้ก็ไม่ใช่น้อยหรอกจ้ะ?
?ละ แล้วถ้าไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นแต่สื่อสารได้แค่ภาษาฮีสวาลีขึ้นมาจะให้ทำไงล่ะ!??
?เอ่อ นั่น เขาเรียกภาษาสวาฮีลีต่างหาก?
?แม้จะเพียงหนึ่งกระบอก หากแต่เป็นปืนใหญ่ที่ยิงร้อยครั้งโดนร้อยครั้งก็ยังอาจต่อกรกับปืนใหญ่ร้อยกระบอกที่ยิงร้อยครั้งโดนแค่หนึ่งครั้งได้ เมื่อทราบโดยหลักการเช่นนี้ พวกเราเหล่าทหารจึงจำเป็นต้องมุ่งพัฒนาการรบในเชิงนามธรรม แทนที่จะหวังพึ่งพลังในเชิงรูปธรรมแต่อย่างเดียว....?
?ให้ตายสิ นี่ลูกไปจำมาจากที่ไหนกันเนี่ย? เฮ้อ....?
เหมาถอนหายใจให้กับความดื้อด้านของคลาร่าที่เพิ่งจะแสดงความสามารถทางด้านภาษาญี่ปุ่นที่ถนัดไปเมื่อสักครู่
?เข้าใจละ งานนี้หม่าม้าฝากให้หน่วยของแบ็กซ์เตอร์รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นลูกก็ไปกับพวกเขาแล้วกัน?
?โอ๊ะ แสดงว่าจะได้ไปกับลีน่า และนายหน้าใหม่นั่นด้วยน่ะสิ?
?ห้ามไปเพื่อเล่นซนล่ะ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนั้นเมื่อไหร่ หม่าม้าจะสั่งให้กลับทันทีเลย?
?โธ่ เรื่องนั้นไม่ต้องบอกหนูก็รู้น่า หม่าม้า?
คลาร่าลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทว่าใบหน้านั้นกลับแสดงให้เห็นถึงความซาบซึ้งใจอย่างน่าประหลาด
?เป็นอะไรไป??
?ญี่ปุ่น งั้นเหรอ.... จะว่าไปก็นานแล้วเนอะที่ไม่ได้ไปที่นั่น ?แผ่นดินเกิดในดวงใจ? ของปะป๊า?
ทันทีที่คำว่า ?ปะป๊า? หลุดออกมาจากปากของคลาร่า คิ้วขวาของเหมาก็ขมวดขึ้นทันที
?ม้าเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกเรียกเจ้าทึ่มนั่นว่าปะป๊า?
?....ทั้งที่ตัวเองก็ยังอาลัยหาเขาอยู่แท้ๆ.... จะ เจ็บบบ!?
ผู้เป็นแม่ช่างหูทิพย์เสียจริง แม้แต่การพึมพำเบาๆ ก็ยังเก็บได้ทุกอณูเสียง ผลของการนินทาส่งผลให้แก้มเนียนขาวของผู้เป็นลูกถูกหยิกโดยผู้เป็นแม่
?อะ....อามอุนแองอายไออ้อบอัวอั๊ดๆ? (คะ....ความรุนแรงภายในครอบครัวชัดๆ)
?หยิกเพราะรักต่างหาก ว่าแต่แก้มเธอนี่ยืดได้ยืดดีจังเลยนะ?
เหมาพูดอย่างพึงพอใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ดึงแก้มที่ตึ๋งหนืดของคลาร่าไปด้วย
?ขาวบริสุทธิ์ไม่พอ ยังนุ่มอีก อย่างกับ.... ใช่แล้ว อย่างกับขนมโมจิของญี่ปุ่นเลย?
?อะ แอ้มอู๋อะอาดแอ๊ว....? (กะ แก้มหนูจะขาดแล้ว)
?ตะ ตายแล้ว เผลอไปหน่อย?
พอได้สติอีกครั้ง เหมาจึงรีบปล่อยมือจากคลาร่าที่น้ำตาคลอด้วยความตกใจ คลาร่าใช้มือกดลงบนแก้มที่แดงแจ๋พร้อมกับสั่นด้วยความเจ็บปวด
?ฮือ.... โหดร้ายที่สุดเลย?
ทันใดนั้น ดวงตาที่ยังคงหลงเหลือคราบน้ำตาก็ไปหยุดอยู่ตรงลูกโลกที่ถูกใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งภายในห้อง
(จะว่าไป ตอนนี้เจ้าหน้าใหม่เองก็กำลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติภารกิจแรกอยู่นี่นา)
บทสนทนาเมื่อสักครู่ทำให้เธอนึกขึ้นมาได้ ที่ดวงตาสีน้ำเงินจับจ้องอยู่ตอนนี้คือมุมหนึ่งของตะวันออกกลางคาบสมุทรอาหรับนั่นเอง
ตอนที่ 1 ภารกิจแรก
1
พระอาทิตย์กำลังส่องสว่างตั้งฉากเหนือศีรษะขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามที่ปราศจากก้อนเมฆ
แสงแดดอันร้อนแรงส่งผลให้พื้นดินบริเวณนี้แห้งแล้ง กลายเป็นทุ่งรกร้างที่ขรุขระ เต็มไปด้วยทรายและหิน
?นี่มันโลกแบบเดียวกับในเรื่อง ?ลอเรนซ์แห่งอาราเบีย? ชัดๆ?
อิจิโนเสะ ทัตสึยะบ่นพึมพำอยู่ในค็อกพิทที่คับแคบของ AS เขาเป็นคนขับ AS ที่ยังอายุแค่ 18 ปี สังกัดบริษัททหารรับจ้างเอกชน D.O.M.S.
ที่แห่งนี้คือเขตทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ พิกัดของมันอยู่ติดกับใต้เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์พอดี M6AE2 <บุชมาสเตอร์> AS ที่ทัตสึยะขับกำลังยืนตั้งหลักอยู่บนยอดภูเขาหิน
เงาที่สะท้อนลงบนพื้นแสดงให้เห็นถึงรูปร่างที่อ้วนเตี้ยของมัน บนไหล่มีปืนใหญ่สนามที่มีความกว้างของปากลำกล้องขนาดใหญ่กับเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องติดอยู่ มันเป็นหุ่นที่ปรับปรุงมาจาก M6 <บุชเนลล์> AS ยุคสองของสหรัฐ ด้วยการเสริมอำนาจการยิงให้มากขึ้น ส่งผลให้รูปร่างภายนอกของมันดูเทอะทะเป็นอย่างมาก
?ทัตสึยะ นี่เธอเคยดูภาพยนตร์เรื่องนั้นด้วยเหรอ?
เสียงของเด็กผู้หญิงดังขึ้นจากเครื่องส่งสัญญาณวิทยุ ไม่ใช่ของใครที่ไหน แต่เป็นเสียงของลีน่า หรือในชื่อเต็ม อเดลีน่า เคเรนสกาย่า เจ้าหน้าที่แผนกฝึกสอนและเป็นรุ่นพี่ของทัตสึยะ น้ำเสียงของเธอยังคงเรียบและไร้อารมณ์เช่นเคย
ทัตสึยะหันลงไปมองข้างล่าง ที่แสดงบนจอเป็นภาพของ AS สองตัวกำลังยืนเฝ้าระวังอยู่ตรงใต้ภูเขาหิน รูปร่างภายนอกของมันดูรัดกุม โดยเฉพาะตั้งแต่ขาถึงเอวมีการติดตั้งเกราะเข้าไปเป็นจำนวนมาก
มันคือ M9A1 หรือ<อาร์มเมอร์ด เกิร์นส์> หนึ่งในนั้นเป็นหุ่นที่อเดลีน่าขับอยู่
(วันนี้มาแปลกแฮะ ปกติ ?ในระหว่างทำงาน? ยัยนั่นไม่เคยเป็นฝ่ายชวนคุยเลยนี่นา)
แม้จะยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่หาย แต่ทัตสึยะก็ตอบกลับเธอผ่านเครื่องส่งสัญญาณ
?อือ แต่ก็ตั้งนานมาแล้ว เพราะงั้นเนื้อเรื่องเป็นยังไงก็จำไม่ได้แล้วล่ะ ที่จำได้คือเป็นหนังที่ยาวมาก แต่ฉากทะเลทรายกับเพลงทำได้ดีมาก อ้อใช่ อีกอย่าง ดูเหมือนน้ำมะนาวในเรื่องจะน่ากินดี....?
?แบบนี้นี่เอง งั้นจบภารกิจซ้อมรบคราวนี้ กลับไปที่ฐานทัพฉันจะเลี้ยงน้ำมะนาวนาย?
?อะ เอางั้นเลย.... ถ้างั้นก็รบกวนด้วยละกัน?
การเลี้ยงน้ำจากคนที่ไม่ชอบผูกมิตรกับใครอย่างอเดลีน่าถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาด และท่าทีซึ่งต่างออกไปจากปกตินี้เองที่ทำให้ทัตสึยะรู้สึกไม่มั่นใจแปลกๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะแบบไม่เกรงใจใครดังขึ้นมาในค็อกพิท
?หะ หัวเราะเรื่องอะไรเหรอครับ หัวหน้าหน่วยแบ็กซ์เตอร์??
เสียงหัวเราะเมื่อสักครู่เป็นของหัวหน้าหน่วยดักลาส แบ็กซ์เตอร์ ผู้กำกับดูแลหน่วย 3 หรือ OTHILA ของแผนกฝึกสอน ฝ่ายพัฒนาบุคลากรของบริษัท D.O.M.S. ที่พวกทัตสึยะและอเดลีน่าสังกัดอยู่
ร่างที่ใหญ่เกือบสองเมตร กับเสียงหัวเราะที่ทุ้มใหญ่ของเขา ทำให้รู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
?หึหึหึ....ลีน่า เธอรู้ตัวใช่มั้ยว่ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?
?เอ ไม่รู้สิ เรื่องอะไรกันนา?
?.......??
อเดลีน่าตีหน้าซื่อตอบกลับไป ทัตสึยะเอียงคอด้วยความงุนงงไม่เข้าใจในบทสนทนาของทั้งคู่
?พักเรื่องภาพยนตร์ไว้ก่อนดีกว่าครับ....?
เจ้าของเสียงดังกล่าวเป็นชายหนุ่มอายุน้อยที่ฉลาดปราดเปรื่อง เขาคือเบอร์นาร์ด เบอร์ทรันด์ เจ้าหน้าที่แผนกวิเคราะห์กลยุทธ์ ฝ่ายข้อมูลข่าวสารของบริษัท D.O.M.S. ณ ตอนนี้เขากำลังจับตาดูการซ้อมรบจากเฮลิคอปเตอร์
?อย่าลืมสิครับว่าเรากำลังทำภารกิจอยู่ หากแสดงออกถึงความไม่จริงจังต่องาน จะส่งผลกระทบต่อการประเมินค่าแรงนะครับ?
?OTHILA 1 รับทราบ ขอโทษที่ทำให้นายต้องเป็นห่วงนะ เบล?
?OTHILA 3 รับทราบ?
?ขะ ขอโทษครับ เอ่อ OTHILA 4 รับทราบครับ?
แบ็กซ์เตอร์ อเดลีน่า และทัตสึยะ ตอบกลับด้วยคอลไซน์ของแต่ละคน
?โดยเฉพาะอิจิโนเสะคุง วันนี้เป็นภารกิจแรกของเธอ?
?....ใช่ หัดรู้ซะบ้างสิ....ไอ้เด็กเวร....?
เสียงแหบพร่าดังขึ้นแทรกคำพูดของเบอร์ทรันด์ เจ้าของเสียงดังกล่าวคือคาร์ลอส เมนโดซา หนึ่งในสมาชิกหน่วย 3 ที่มีคอลไซน์ OTHILA 2 ที่จริงเขาจะต้องเข้าร่วมในการซ้อมรบครั้งนี้แทนทัตสึยะ
?นี่ ไอ้เด็กเวร....แก คือ....ตัวแทนของฉัน.... ห้ามทำ....ขายหน้า....เด็ดขาดนะโว้ย....?
?พูดโอ้อวดอะไรของแก คาร์ลอส! อย่างน้อยเจ้าหนุ่มนี้ก็ยังดีกว่าคนโง่ๆ อย่างแกที่แฮงค์เหล้าจนมาซ้อมรบไม่ได้!!?
?นะ นายท่าน.... อย่าตะคอกใส่ผม....สิครับ....?
แบ็กซ์เตอร์ตวาดใส่คาร์ลอสที่พยายามพูดจาโอ้อวด ทั้งๆ ที่เสียงของตนก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว
?ก็นึกว่าอะไรซะอีก เฮ้อ?
ทัตสึยะทำหน้าผิดหวัง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็กลับไปเคร่งเครียดอีกครั้ง เมื่อสัญญาณแจ้งเตือนว่ามีศัตรูเข้ามาดังขึ้นในค็อกพิทของ<บุชมาสเตอร์>
?นะ ไหน!? มาจากทางไหน!??
ทัตสึยะพูดเสียงหลง พร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วหน้าปัดอย่างลนลาน
?ใจเย็นก่อนไอ้หนุ่ม.... ยืนยันพบ AS ศัตรู 8 ตัว ทิศทาง 2-2-5 ระยะ 2000 ตั้งชื่อเป้าหมายเป็น M1 ถึง 8 เดี๋ยวทางนี้จะส่งข้อมูลไปให้?
สิ้นเสียงพูดแบบสุขุมของแบ็กซ์เตอร์ เนื้อหาที่แสดงอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นข้อมูลที่ส่งมาจาก<อาร์มเมอร์ด>
เมื่อเทียบกับหุ่นรุ่นใหม่ที่มีสมรรถนะสูงอย่าง M9 เซ็นเซอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ M6 นั้นถือว่าด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งตัวมันก็ไม่ได้ติดตั้ง AI ที่มีประสิทธิภาพสูงลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม การแชร์ข้อมูลจากหุ่นตัวอื่นก็ช่วยกลบจุดอ่อนเหล่านี้ได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
?ท....ทราบแล้ว?
?งานนี้องค์เหนือหัวฟัยศ็อลทรงเสด็จมาด้วย เพราะงั้นอย่าทำเป็นเล่นกันล่ะ?
?ที่เข้าประชิดได้ถึงขนาดนี้....เพราะว่าเปิดใช้ ECS (ระบบอำพรางตัวโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) มาตลอดเลยงั้นสิ ช่างไม่กลัวสิ้นเปลืองเลยทีเดียว?
?คงเพราะตั้งแต่วันนี้ไปจะเป็นการฝึกซ้อมในแบบ A ที่จะมีการใช้กระสุนสี องค์ชายเลยเอาจริงน่าดู เพราะฉะนั้นพวกนายห้ามประมาทเด็ดขาด?
?เอ ที่ว่าเอาจริงนั่นคือยังไง??
?อืม ถ้างั้นจะอธิบายให้ฟังละกัน?
อเดลีน่าตอบทัตสึยะที่พึมพำออกมาเมื่อสักครู่ ด้วยน้ำเสียงที่เรียบ เรียกได้ว่าสงวนเอกลักษณ์ของตนได้คงเส้นคงวาแม้จะตกอยู่ในสภาวการณ์เช่นนี้ก็ตาม
?ว่าแต่ ทัตสึยะ เธอคิดว่าการใช้ ECS ในสถานการณ์แบบนี้จะทำให้เกิดอะไรตามมา??
?เอะ เอ....?
ทัตสึยะถึงกับอึ้งเมื่อเจอคำถามฉับพลันเข้าไป
ECS คือระบบอำพรางตัวหุ่นจากคลื่นเรดาห์ หรือเครื่องมือตรวจจับอื่นๆ ด้วยการใช้โฮโลแกรม และเลเซอร์ชนิดพิเศษ ในการใช้งานจะต้องมีการเปิดเกราะเพื่อเปิดแผ่นเลนส์ที่ติดตั้งอยู่ภายในออกไปด้านนอก?
เส้นทางที่ ?ศัตรู? เคลื่อนผ่านเป็นทางเลียบหุบเขา ทำให้เป็นเรื่องปกติที่จะมีกระแสลมพัดผ่าน การใช้ ECS ในสถานการณ์นี้....
?จะทำให้เลนส์ที่สัมผัสกับอากาศเปื้อนฝุ่นทราย ใช่รึเปล่า??
?ได้แค่ 50 คะแนนนะ ไม่ใช่แค่เลนส์อย่างเดียว แต่ส่วนอื่นก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย และถ้าโชคไม่ดีอาจต้องเปลี่ยนเลนส์ที่สึกหรอด้วย การทำแบบนี้ยังไงก็ต้องใช้คุ้มค่าบำรุงรักษาที่สูงมาก?
?สมกับที่เป็นพวกพ่อค้าน้ำมัน?
ทัตสึยะพูดพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่แบ็กซ์เตอร์จะพูดผ่านเครื่องส่งสัญญาณขึ้นมาบ้าง
?นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมนะ ไอ้หนุ่ม เตรียมรับมือด้วยแผน B-2 ได้แล้ว?
?บะ....B-2....? อ....อ๋อ ไอ้นั่นสินะ รับทราบ!?
แผน B-2 คือการเสริมอำนาจการยิงให้กับแนวหน้า โดยการเล็งยิงใส่ฝ่ายศัตรูโดยตรงด้วยปืนใหญ่สนาม ทัตสึยะเริ่มทบทวนเนื้อหาของแผนดังกล่าวในหัว
เมื่อเทียบกับอเดลีน่า หรือแบ็กซ์เตอร์ที่ยังอยู่ในอาการสงบ ทัตสึยะรู้สึกอายกับเสียงที่แหบพร่าของตนเมื่อสักครู่เป็นอย่างมาก เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากให้กลับมาชุ่มอีกครั้ง
(กะ ก็แค่ทำไปตามที่เคยซ้อม ทำไปตามที่เคยซ้อม....)
<อาร์มเมอร์ด>ทั้ง 2 ตัวกำลังซ่อนตัวอยู่ในสนามเพลาะที่ขุดเตรียมไว้ก่อนหน้า ส่วน<บุชมาสเตอร์>ของทัตสึยะก็ใช้ขอบผาหินเป็นที่กำบัง
ทัตสึยะหันปืนใหญ่สนาม M119A3 ที่ติดอยู่ตรงส่วนหลังทางด้านขวาไปทาง ?หุ่นศัตรู? เมื่อเทียบกับขนาดของ AS ปืนใหญ่สนามขนาด 105 มม. ถือว่าใหญ่เกินกว่าปืนใหญ่สนามแบบที่ใช้กันทั่วไป แต่ด้วยความสามารถของระบบจ่ายกระสุนอัตโนมัติ กับอุปกรณ์ลดแรงสะท้อนรุ่นใหม่ การติดตั้งปืนใหญ่กระบอกนี้ลงบนตัว AS จึงเป็นเรื่องที่ทำได้
?เริ่มการตั้งป้อม?
เมื่อสั่งเริ่มกระบวนการก็มีชิ้นส่วนที่คล้ายกับคังจิกิยื่นออกมาจากเท้าทั้งสองข้างของ<บุชมาสเตอร์> ช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสของเท้ากับพื้นดินให้มากขึ้น นอกจากนี้ตรงส่วนเอวด้านหลังก็มีขาตั้งเสริมยื่นออกมา เพื่อช่วยในการพยุงร่างเอาไว้
?OTHILA 4 เรียก ขณะนี้อยู่ในโหมดเตรียมพร้อมยิงปืนใหญ่?
?OTHILA 1 รับทราบ รอฉันให้สัญญาณ แล้วเริ่มเปิดฉากยิงถล่มได้เลย?
?OTHILA 4 รับทราบ?
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพื่อช่วยเรื่องหนี้สินของทางบ้าน อิจิโนเสะ ทัตสึยะ นักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายจินได ชั้นปีที่ 3 จึงตัดสินใจเข้าไปทำงานกับบริษัททหารรับจ้างเอกชนนามว่า D.O.M.S. ในที่สุดการฝึกซ้อมที่โหดร้ายก็สิ้นสุดลง เขาได้กลับโตเกียว และเริ่มต้นชีวิตของการเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายอีกครั้ง ทว่า...
?ได้เวลางานแล้ว ทัตสึยะ?
มีคนสองคนเดินเดินเข้ามาในห้องเรียนของเขาโดยไม่สนใจคนรอบข้างที่พากันซุบซิบ คนแรกเป็นเด็กสาวผมทองหุ่นดี อีกทั้งยังเป็นคนขับ AS ที่เก่งกาจนามว่าอเดลีน่า ส่วนอีกคนเป็นเด็กสาววัยสิบขวบ ยอดนักแม่นปืนนามว่าคลาร่า! และแล้วชีวิตของทัตสึยะก็ต้องพบกับความยุ่งอีกครั้ง เมื่อภารกิจที่พวกเธอนำมาให้กับเขาคือ ?การขนส่ง AS สีน้ำเงิน? ที่จริงมันก็น่าจะจบแค่นั้น แต่กลายเป็นว่าเฮลิคอปเตอร์ที่พวกเขานั่งไปถูกมิสไซล์โจมตีเข้า...!?
นวนิยายแนวไซไฟสุดมัน เปิดฉากแล้ว!
