New Release : เล่ห์เสน่หา

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : เล่ห์เสน่หา

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1


ไอริณเพิ่งจบปริญญามาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน แล้วก็ต้องรีบกลับมาที่บ้าน เนื่องจากแพทย์แจ้งว่ามารดาของเธอกำลังเป็นโรคอัลไซเมอร์ระยะเริ่มต้น อยากจะให้ลูกหลานคอยดูแลใกล้ชิด
ไอริณยืนอยู่บนถนนที่มีรถแล่นไปมาด้วยความสกปรกเลอะเทอะ เพราะฝนตกหนักมาตั้งแต่เมื่อคืน เธอชะเง้อมองดูนาฬิกาข้อมือ นี่มันบ่ายกว่าๆ แล้ว ร่างบางกำลังรอพี่ชายที่ขับรถมารับ เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วป่านนี้ทำไมยังไม่รีบมาอีก
?ทำไมถึงยังไม่มาอีกนะ? เธอบ่นเบาๆ แล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ กดเบอร์โทรศัพท์ของพี่ชายแล้วเอ่ยว่า ?พี่คะ หนูรอตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะ อะไรนะ...นี่พี่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเหรอ? เธอถอนหายใจยาว ?เร็วๆ นะคะ หนูรอพี่จนหนูเปียกหมดแล้วนะคะ?
บรืนนน
เอี๊ยด... เหมือนกับฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย บริเวณที่เธอยืนอยู่ดันไปตรงกับแอ่งน้ำด้านหน้า ซึ่งรถยนต์สปอร์ตยี่ห้อหรูคันหนึ่งเพิ่งแล่นออกไป หญิงสาวถึงกับหลับตาเพราะใบหน้าเปียกไปหมด
คนขับรถคันนั้นรีบวิ่งลงมาดูพร้อมกับกางร่มให้เธอ
?ขอโทษนะครับ เป็นอะไรหรือเปล่า?
?ไม่เป็นไรค่ะ? ไอริณยิ้มฝืดๆ ?แต่คุณช่วยเอาผ้ามาให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ ฉันอยากจะเช็ดหน้า?
?ครับๆ รอเดี๋ยวนะครับ?
?ไม่ต้องหรอก ยื่นเงินให้สักพันเดียวก็พอ?
ชายสวมชุดสูทเลื่อนกระจกมองดูเธอพร้อมข้อเสนอ สายตาเธอเหลือบไปเห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม นี่หากถ้าไม่รวมเสื้อขาวๆ ภายใต้ชุดสูทราคาแพงล่ะก็ ไอริณเม้มปากแน่นด้วยความโมโห ตั้งใจว่าจะด่าด้วยความโกรธ
?เงินจำนวนหนึ่งพันของคุณมันน้อยไปด้วยซ้ำ? ใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำจนเปียกลู่ส่งสบถออกไป ?ถ้าลองเป็นคุณดูมั่งสิ หน้าคุณเปียกน้ำกับเงินแค่หนึ่งพัน...คุณจะเอาอย่างไหน?
?แล้วคุณจะเอาเท่าไหร่ล่ะ สองพัน?
?เงินสองพันสามพันของคุณน่ะ มันน้อยไปด้วยซ้ำ? เสียงของเธอเข้มขึ้น
?พอเถอะครับ นี่ครับผ้า?
?ขอบคุณค่ะ? เธอหยิบขึ้นมาเช็ดหน้า ?เคยมีใครเคยพูดไหมว่าทำผิดแต่ไม่เคยยอมรับผิด ดีแต่ใช้เงินฟาดหัวคนอื่น เจ้านายของคุณน่ะมันยิ่งใหญ่แค่ไหน ถึงได้ไร้หัวใจนัก?
ไอริณเอ่ยตรงๆ แต่นั่นก็ทำให้เจ้าของนัยน์ตาดุคมเข้มปรายตามองเธอด้วยรอยยิ้ม
?เอาเป็นว่าหนึ่งหมื่นพอไหม?
?เก็บเงินของคุณไว้เถอะ? เธอยอกย้อน
?ทำไม รับไม่ได้งั้นเหรอ หรือว่าเธอจะเอาราคาค่างวดมากกว่านี้ล่ะ?
?คุณ...? ไอริณหน้าแดงจัด เพราะคำพูดของเขาดูเหมือนจะตีราคาค่างวดเอาจากเธอ
คุณคชินทร์เหยียดยิ้มปรายตามองคนอย่างเธอ ไอริณมีใบหน้าที่น่ารัก ผิวขาว ผมยาวประบ่า เอวบาง ดวงตากลมโต ดูแล้วคงเป็นพวกหิวเงินล่ะสิ คนอย่างเขา...ทายาทนักธุรกิจชื่อดังของบริษัทผู้ส่งออกรายใหญ่ของประเทศจะต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงสาวสวยที่มายืนข้างแอ่งน้ำให้รถมันสาดน้ำเข้าใส่ทำไม
ผู้หญิง...มันก็อย่างนี้
?แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง? เขาถามเสียงเรียบ
?ขอโทษแค่คำเดียว...คุณทำเป็นไหม?
จะให้คชินทร์ขอโทษทั้งๆ ที่เขาไม่ผิด เธอต่างหากที่เป็นคนผิด ที่อื่นทำไมไม่ไปยืน ดันมายืนข้างโคลนตมจนน้ำมันกระเด็นเลอะเทอะ
?การขอโทษของผมน่ะมันจำเป็น แต่ผมไม่เอามาใช้กับผู้หญิงอย่างคุณหรอก?
?คำว่าขอโทษมีค่ามากมายกว่าที่คุณคิดไว้ และคงไม่ต่างอะไรจากคนที่ทำผิด? เธอเชิดหน้า ?คำขอโทษ...ฉันจะเอาคำนี้ค่ะ?
?นี่เลยเวลานัดประชุมแล้วด้วย ไปกันเถอะ? คชินทร์ทำเป็นก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ ทำเป็นไม่ได้ยินเสียง
เมื่อรถทำท่าจะออกไป ไอริณก็เกาะกระจกเขา มีอย่างที่ไหนทำผิดไม่รู้จักขอโทษ
?เดี๋ยวก่อนสิ แล้วคำขอโทษจากคุณล่ะ?
?เงินแค่หมื่นเดียวผมให้ได้ แต่คำขอโทษจากผมน่ะยังไงๆ ก็ไม่มีทางหรอก? ใบหน้าคมคายเอ่ยเสียงเรียบปิดกระจกเลื่อนขึ้น คนขับรถรีบขับรถออกทันทีตามคำสั่ง ทั้งๆ ที่ไอริณตะโกนดังลั่น
?นี่คุณ...กลับมาก่อน?
เธอถอนหายใจยาวๆ คนจนกับคนรวยมันมีระยะห่างกันขนาดนี้เชียวเหรอ จนกับรวยมันก็แค่นี้เอง...ไม่มีค่าไม่มีราคาให้ขอโทษ เธอกัดริมฝีปากแน่น เธอได้ยินเสียงแตรรถแป๊นๆ หันกลับมาก็พบว่าพี่ชายขับรถมารับแล้ว
ไอริณหันกลับไป รถเก๋งสีขาวเลื่อนกระจกลงพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มของพี่ชาย
?ขอโทษที นอนตื่นสายไปน่ะ? พี่ชายของเธอตัดผมสั้นหัวเกรียนมาเชียว ?อ้าว นั่นหน้าตาเปียกปอนไปหมด ไปโดนอะไรมาน่ะ?
?เปล่าค่ะ แค่เจอคนไม่สุภาพนิดหน่อย? เธอขี้เกียจเล่า
?ไหน ใครกล้าทำร้ายน้องพี่?
?ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คนอะไรหน้าออกจะหล่อแต่นิสัยชวนโมโห?
?หล่อหรือ? พี่เลิกคิ้ว ?หล่อเหมือนพี่หรือเปล่า?
เธอหัวเราะคิก หันไปมองหน้าพี่ชาย ที่ว่าหล่อน่ะเทียบกันไม่ติดเลย
?พี่คะ บางครั้งคำขอโทษก็มีความหมายสำหรับคนที่ไม่ได้ทำผิด แต่สำหรับบางคนกลับเห็นเงินสำคัญกว่าคำขอโทษ พี่จะทำยังไงคะถ้ามีคนเสนอเงินให้เป็นหมื่นเพื่อแลกกับคำว่าขอโทษคำเดียว?
?อืม...พี่น่ะเหรอ ก็ต้องลองคำนวณดูว่าอย่างไรมันมากกว่ากัน?
?พี่คะ? เธอมองหน้าพี่ชาย
?ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า ถ้าเป็นพี่...มาเสนอให้เป็นหมื่น พี่ก็ขอคำขอโทษอย่างเดียว ถ้ามันไม่ให้ก็ชวนมันลงมาต่อยให้หน้าหันเลย?
ต่อยเหรอ? เธอคิดว่าผู้ที่มีนัยน์ตาคมปลาบราวกับเสือนั่นคงจะยอมลงมาให้พี่เธอต่อยหรอก เขาสวมชุดสูทสามชั้นภูมิฐาน หน้าตาก็หล่อเหลา คิ้วก็ดกหนา จมูกโด่ง เรียวปากหยักเป็นสัน เขาไม่ได้บอกว่าทำงานอยู่บริษัทอะไร แต่ดูจากรถที่เขานั่งท่าทางจะเป็นบริษัทที่ใหญ่มาก
ไอริณไม่ชอบสายตาของร่างสูงที่จ้องมอง...ดูราวกับว่ากำลังประเมินจากรูปร่างหน้าตาเธอ
...และเธอก็ไม่ชอบมัน
?แสดงว่าคนที่ขับรถปาดหน้าเธอ เขาไม่ยอมพูดขอโทษงั้นสิ?
?พี่รู้ได้ไงคะ? เธอรู้สึกอึ้งไปหลายวินาที
?พี่เห็นหน้าเธอพี่ก็รู้แล้ว เอาเถอะนะ..เรื่องอื่นน่ะช่างมันก่อนเถอะ เวลานี้สิ่งที่เราควรทำคือการไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลดีกว่า?
เมื่อได้ยินคำว่าแม่ เธอก็มีดวงตาที่หมองหม่นลงทันที มารดาของเธออายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว หมอตรวจพบอาการโรคอัลไซเมอร์ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เธอที่เพิ่งเรียนจบแล้วก็ต้องมาดูแลมารดา ก็เพราะเธอไม่อยากจากแม่ไปไหนไกล อย่างน้อยคนเป็นลูกก็ต้องดูแลแม่ให้ดีที่สุด
?แม่เป็นยังไงบ้าง? เธอนึกเป็นห่วงมารดาด้วยอาการอัลไซเมอร์ ที่รู้สึกว่าระยะหลังๆ แม่จะเป็นบ่อยขึ้น
?เป็นยิ่งกว่านั้นอีก? พี่ชายถอนหายใจยาว
?พี่รามคะ แม่ของเราเป็นยิ่งกว่านั้นอีกเหรอ...แล้วทีนี้ครอบครัวของเราจะเป็นอย่างไรกันล่ะ? เธอพูดถึงจำนวนหนี้สินที่แม่สร้างเอาไว้ตอนที่ลงทุนเปิดร้านใหม่ๆ ถ้าเธอหามาให้ไม่ทันภายในระยะเวลาสามเดือน มีหวังหญิงสาวต้องล้มละลายแน่ๆ
?พี่ก็ไม่รู้ แต่ว่า...บางทีไอริณอาจช่วยได้นะ?
?ฉันเหรอ... แต่ว่า...ฉันจบบัญชีนะ จะช่วยอะไรแม่ได้ล่ะ? เธอพูดตะกุกตะกัก
?เอาเหอะน่า ลองไปดูเอาเอง? ท่าทางพี่ชายเอ่ยเสียงขุ่น
เมื่อถึงหน้าประตูโรงพยาบาล พอพี่รามเอารถขึ้นไปจอด เธอก็วิ่งเข้าไปถามถึงอาการของแม่ทันที พี่สาวสวมหมวกพยาบาลยิ้มให้เธอแล้วก็สวัสดี ท่ามกลางผู้คนมากมายทั้งมานั่งหาหมอและเข็นใส่รถมา สภาพผู้คนที่มารออยู่ตั้งเยอะแยะ เธอเห็นภาพเหล่านี้มันเป็นสิ่งธรรมดาของโรงพยาบาล แต่ที่สำคัญแม่ของไอริณอยู่ห้องไหนกันนะ
?แม่ของฉันที่เพิ่งเข้ามาเมื่อวันก่อนอยู่ห้องไหนคะ? เธอถามด้วยความร้อนรน
?เป็นโรคอะไรมาคะ? พยาบาลใจดีถาม
?เอ่อ รู้สึกว่าจะเป็นโรคอัลไซเมอร์น่ะคะ? เธอตอบ
?อยู่ทางห้องด้านซ้ายค่ะ หน้าห้องจะมีป้ายชื่อติดไว้? พยาบาลบอกพลางชี้ให้ดูหน้าห้องถัดไปจากทางด้ายซ้ายมือ
?ขอบคุณค่ะ?
เธอไปดูที่ห้องแล้วเคาะประตูสองสามครั้งพี่ชายเธอก็เดินมาถึงพอดี หญิงสาวถอนหายใจยาวเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องมีร่างผอมบางนอนอยู่บนเตียง แม่ของเธอสวมชุดสีขาว จมูกและทรวงอกมีเครื่องตรวจวัดคลื่นหัวใจและความดัน แม่นอนหลับตาอยู่ ไอริณมองแล้วน้ำตาเอ่อล้น
?คุณแม่คะ จำหนูได้หรือเปล่า? เธอเอ่ยเสียงแผ่ว
?ใครน่ะ? ประโยคแรกที่ออกมาจากปากมารดา ทำเอาเธอถึงกับอึ้งไปหลายวินาที นี่อาการของแม่เป็นหนักมากจนจำลูกสาวไม่ได้เลยหรือ
?หนูไงคะ ไอริณ ชื่อนี้แม่เป็นคนตั้งให้ไม่ใช่เหรอ?
?อ๋อ ไอริณ แล้วลูกไม่ได้เอาหลานมาด้วยหรือ?
?หนูยังไม่ได้แต่งงาน แล้วจะมีหลานได้ยังไงล่ะคะ? เธอแก้มร้อนผ่าว
?ยังเหรอ เอ่อ...ยังสินะ?
?แม่ท่าทางอาการไม่ค่อยดีเลย? เธอกระซิบแผ่ว ?แม่จำหนูกับพี่ได้ไหมคะ?
แม่ของเธอยิ้มอย่างสดใส
?จำได้สิ ว่าแต่ในบ้านของเราไม่มีเด็กหญิงหรือเด็กชายเลยหรือ แม่อยากจะเล่นกับเด็กๆ มันบ้าง? คนแก่ผู้หลงลืมมองหาเด็ก
?แม่คะ...หนูยังไม่ได้แต่งงาน ส่วนพี่ก็เอาแต่ถ่ายภาพเลยไม่มีเวลาแต่งงาน แล้วแบบนี้จะเอาเด็กๆ ที่ไหนมาล่ะคะ? ไอริณพูดเบาๆ เธอก็เพิ่งเรียนจบยังไม่ได้สมัครงานที่ไหนเลยแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนล่ะ
?...แม่คิดถึงพ่อ? คุณแม่ความจำสั้นเอ่ย ?พ่อของพวกหนูน่ะเขาเป็นผู้ชายที่ดี ถึงแม่จะเป็นคนพาพวกหนูไปอยู่ที่อื่น แต่เขาก็เป็นคนดีมากเลยนะ?
แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่นึกถึงคนรักตลอด ไอริณทราบว่าพ่อของเธอแต่งงานกับแม่แล้ว แต่ภายหลังรู้มาว่าคุณพ่อของเธอยังไม่ได้หย่ากับภรรยาเก่า แม่ของเธอจึงหอบลูกๆ หนีมา
?แม่ครับ ที่คุณแม่เรียกผมกับไอริณมามีอะไรจะพูดหรือครับ? พี่ชายเกริ่นเรื่องนำก่อน เธอหันไปขมวดคิ้วแต่ถูกกำมือเอาไว้ก่อน
?ใช่ค่ะ แม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับหนูหรือคะ?
?แม่...มีพินัยกรรมจะให้ลูกทั้งสองคน?
?พินัยกรรม? ไอริณเอ่ยเสียงเรียบ ?แม่ทำพินัยกรรมไว้ด้วยเหรอคะ?
?แม่ครับ ผมขออ่านก่อนได้หรือเปล่า? พี่ชายของเธอแย่งไปอ่านก่อน ?...นางนวลจันทร์ได้ยกมรดกก้อนสุดท้ายให้แก่ลูกทั้งสอง ซึ่งเป็นที่ดินจำนวนห้าไร่ติดถนน โดยจะมอบให้ลูกที่...เอ่อ?
ที่ดินตรงนั้นมันประมาณห้าไร่ก็จริงแต่มูลค่ามันมากอยู่
?อะไรเหรอพี่ราม?
?แต่งงาน...แล้วก็มีหลานให้แม่เลี้ยงก่อนตาย?
ไอริณกะพริบตาถี่ หมายความว่ายังไง นี่หมายความว่าแม่จะยกมรดกให้กับลูกชายหรือลูกสาวที่ได้แต่งงานแถมมีหลานให้แม่เลี้ยงอย่างนั้นเหรอ
นี่มันหมายความว่ายังไง เธอก็เพิ่งเรียนจบมา...ยังไม่ได้หางานทำ ยังไม่มีเวลาหาแฟน แล้วแม่จะเอาหลานที่ไหนมาเลี้ยงล่ะ
?อะไรนะคะ พี่ราม? เธอหน้าซีดเผือด
?แต่งงาน แล้วก็มีหลานให้แม่เลี้ยง? พี่รามเอ่ยสรุป
ไอริณทรุดลงไปนั่งบนโต๊ะ
?หมายความว่า...แม่จะยกที่ดินให้เราสองคนที่แต่งงานและมีหลานให้แม่ได้อุ้มเหรอ?
?เห็นทีจะเป็นแกล่ะ ที่ต้องทำอย่างนั้น?
?อะไรนะ นี่พี่จะบ้าเหรอ พี่ต่างหากที่ต้องทำเพราะพี่เป็นผู้ชาย? ไอริณร้องเสียงดัง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมทุกคนถึงได้ชอบยกปัญหาให้เธอนักนะ
พี่ชายรีบลากเธอออกมานอกห้อง ปิดประตูเสียงดัง
?ทำไมคะพี่ ทำไมพี่จึงได้ชอบเอาปัญหามาให้หนูนัก งานช่างภาพน่ะ มันไม่มีคนที่น่าสนใจบ้างเลยหรือไง?
?มีสิ ทำไมจะไม่มี ผู้หญิงสาวๆ สวยๆ น่ะมีตั้งเยอะแยะไป?
?แล้วทำไม?
?พี่เป็นหมันน่ะ?
คำตอบสั้นๆ ทำเอาเธอหน้าซีดเผือด เป็นหมันเหรอ...พี่ชายของเธอเป็นหมัน มันจะเป็นไปได้ยังไง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเห็นพี่พูดเรื่องอย่างนี้เลยสักหน
?ตอนที่พี่ไปตรวจครั้งสุดท้ายพร้อมกับแฟน พี่เป็นหมันตั้งแต่เกิด ยังไงพี่ก็อยากจะช่วยแกนะ แต่ว่าพี่เป็นหมันจริงๆ?
?อะไรนะคะ? เธอหน้าซีดเผือด
?เรื่องนี้เป็นความจริง? เขาถอนหายใจยาว
?ไม่จริง พี่พูดเล่นใช่ไหม? เธอยังไม่อยากเชื่อ
?พี่ไม่กล้าพูดเล่นหรอก เอาเป็นว่าหน้าที่นี้ต้องเป็นแกไม่ใช่ฉัน โอเคไหม?
คำพูดของพี่ชายทำเอาไอริณแก้ปัญหาไม่ตก แล้วทีนี้คนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องพินัยกรรมก็ต้องเป็นเธอเท่านั้นน่ะสิ แล้วอย่างนี้เธอจะไปหาแฟนที่ไหนกันล่ะ
?ทำไมแม่ต้องหาปัญหาหนักๆ มาให้เราด้วย? เธอโอดครวญเสียงแผ่ว
?ไม่รู้สิ มันก็ยังดีกว่ามีหนี้ตั้งสามล้านนั่นแหละ?
?แต่ฉันไม่มีทางเดินแต่งตัวแล้วไปหาหนุ่มๆ ข้างบ้าน แล้วก็ขอให้เขาช่วยทำลูกหรอกนะ? เธอเอ่ยเสียงเครียด
?นี่แกฟังนะ ปัญหาของเราเมื่อเทียบกับของแม่ที่ขาดความรักความอบอุ่นน่ะมันน้อยไป เอาอย่างนี้นะ แกก็หัดไปแต่งตัวเหมือนผู้หญิงธรรมดา แหวกบ้างเว้าบ้างแค่นี้ก็จบ...? พี่รามทำท่ายักไหล่
?ไม่มีทาง บอกได้เลยว่าไม่มีทาง? หญิงสาวเอ่ยเสียงแข็ง ?เงินแค่สามล้านน่ะ ฉันรับผิดชอบเอง?
พี่รามทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ
?เธอน่ะเหรอ?
ไอริณหันหลังหนีเข้าไปในห้องของคุณแม่ แม่ของเธอมีผมสีน้ำตาล แม่นอนมองฝ้าเพดานเหมือนมีอาการเหงาหงอยอย่างนี้แล้วจะให้หญิงสาวบอกกับแม่ว่าอย่างไร ในเมื่อพี่ชายของเธอเป็นหมัน ส่วนไอริณเองก็เรียบร้อยยังกับผ้าพับไว้...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เขาใช้ ?ไอริณ? เป็นตัวแทนในการแก้แค้นผู้หญิงที่เขาเคยรัก ?คชินทร์? เลือกที่จะหมั้นกับเธอและแต่งงานพร้อมการหย่าภายในระยะเวลาสามเดือน เธอจะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอคือคนเดียวกันกับเด็กผู้หญิงคนนั้น เด็กผู้หญิงที่เขาให้สัญญาว่าจะกลับมาหาแต่เขาก็ไม่มาปล่อยให้เธอรออยู่หลายปี ตอนนี้คชินทร์คงไม่รู้ว่าเธอยังมีตัวตนและยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในเมื่อเวลานี้เขาและเธอได้พบกันแล้วก็ควรแยกทางกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะอย่างน้อยคนที่เจ็บปวดมากกว่าก็คือไอริณ...ไม่ใช่เขา หากแต่คชินทร์จับมือเธอทั้งสองข้างและดันหลังเธอชิดฝาผนัง ไอริณพยายามเบี่ยงหน้าหลบเมื่ออกอิ่มเบียดชิดกับแผ่นอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ ร่างบางพยายามฝืนตัวเอาไว้เต็มที่กับสัมผัสของแรงกดที่เรียวปากซึ่งแนบสนิทลงมาอย่างรุ่มร้อน ความอบอุ่นยามสัมผัสกับริมฝีปากสร้างความหวั่นไหวประหลาดให้แก่หญิงสาวอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ ในบางครา...คชินทร์ก็ทำให้เธอรู้สึกราวกับตกอยู่ในห้วงฝันที่ไม่มีความเป็นจริง หากแต่ในบางขณะก็รุ่มร้อนแผดเผาจนยากที่จะควบคุมไม่ให้หลงไฟสวาทนี้ได้เลย

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”