New Release : มนต์ขลังทะเลทราย

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : มนต์ขลังทะเลทราย

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

?หอยจ้าหอย! หอยถูกๆ จ้า หอยถูกๆ หอยแครง หอยลาย หอยแมลงภู่ หอยอะไรก็ขายถูกๆ จ้า โลละร้อยห้าสิบบาท เร่เข้ามาเอ้าเร่เข้ามา...?
เสียงล้งเล้งเซ็งแซ่ในตลาดเทศบาลของแม่ค้าหลากหลายเจ้าแข่งกันขาย แข่งกันเรียกลูกค้า ขายปู...ขายปลา...ไปจนกระทั่งขายหอย!
หอยที่ว่าน่ารับประทาน น่าซื้อ เพราะแม่ค้าสวย ช่างเจรจา เรียกลูกค้าเก่ง ร้านเลยขายดิบขายดีตั้งแต่เช้า คนสวยๆ เป็นสาวเป็นแส้แต่เป็นแม่ค้าขายหอย ใครได้ยินครั้งแรกก็คงตกใจหูผึ่ง เพราะอยากรู้หอยหรืออะไรน่าสนใจ คนที่นี่คุ้นชินเสียแล้วกับเสียงเรียกลูกค้าที่ออกจะล่อแหลมของเจ้าหล่อน เสียงดังกว่าโทรโข่งยกให้หล่อนที่ปากหวานช่างฉอเลาะจนลูกค้าชอบใจ ทั้งตลาดไม่มีใครไม่รู้จัก
?อีเขียว!? นั่นคือชื่อหล่อน
?เขียว? ชื่อเล่น ?ขจี? ชื่อจริง ...บางคนเรียกหล่อนขจี บางคนก็เรียกเขียว บางคนอุตริหน่อยก็รวมชื่อให้หล่อนเป็น ?เขียวขจี? แต่แม่เรียกอีเขียวหล่อนชักชินเสียแล้วกับสมญานามสารพัดรูปแบบที่สรรหามาเรียกขาน เอาเป็นว่าขอให้ไม่เรียกหล่อนเป็นนังหมู หมา กา ไก่ ก็ถือว่าคุยกันได้แล้วล่ะ
?เอาแบงค์พันมาแลกซิ...?
แม่ตะคั้นตะคอกเสียงดังทั้งที่อยู่ห่างกันเพียงแค่คืบ เรียกได้ว่าถ้าขยับเอนหลังนิดหน่อยแผ่นหลังก็ชนกันได้อย่างสบาย แผงขายของของแม่และเขียวอยู่คนละด้านหันหลังติดกัน แต่แม่ชอบใช้เสียงเข่นเขี้ยวเรียกกันประดุจกำลังดำรงชีวิตอยู่ในยุคพ่อขุนรามจนเขียวชักชิน เขียวหยิบธนบัตรสีแดงจำนวนสิบใบจากในกระเป๋าผูกคาดเอว ก่อนยื่นให้มารดาอันเป็นที่รัก และเพียงยื่นมือออกไปไม่เต็มความยาวของช่วงแขน แดนเรืองก็เอื้อมมือมากระชากเงินจากมือไปเสียก่อน ก่อนจะนับจำนวนเงินทอนให้ลูกค้าอย่างชำนิชำนาญแล้วส่งให้ไปอย่างรวดเร็วทำเวลา
ว่าไปแดนเรืองเคยมีลูกสามคน คนแรกผู้ชายชื่อ ปรีติ รักและภูมิใจนักหนา แต่พออายุได้สามขวบ...ตาย
เสียใจจนไม่เป็นอันทำอะไรเพราะลูกที่รักจากไป นางคร่ำครวญเหตุใดลูกถึงได้อายุสั้นตายจากกันรวดเร็วนัก เสียใจมาได้หลายปีก็คิดว่าจะมีลูกอีกคนเพื่อทดแทนความเสียใจ หลังจากนั้นแดนเรืองมีคนที่สอง อยากได้ลูกชาย พอคลอดออกมาก็ได้สมใจหวัง ตั้งชื่อให้ว่า ปรมินทร์ แต่แล้วก็เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยก็คือ...ตาย เด็กชายปรมินทร์ตายตอนอายุสองขวบ แดนเรืองเสียใจร้องไห้อย่างหนักยิ่งกว่าครั้งแรก รับไม่ได้จนไม่อยากจะมีลูกอีก กลัวลูกตาย กลัวจะมีใครมาพรากไปจากอกอีก แต่จนแล้วจนรอดมารดากับบิดาก็ ?เล่นกัน? จนมีหล่อนจนได้ ลูกคนสุดท้ายเป็นลูกสาว ลูกคนเดียวที่แข็งแรงมีชีวิตอยู่ได้จนถึงบัดนี้ ตอนแรกที่เกิดแม่คิดทันทีว่าจะต้องเจอความเสียใจแบบครั้งที่ผ่านมาอีกหรือไม่ ท่ามกลางความหวาดกลัวและกังวลใจ แม่เลยตั้งชื่อให้ว่า ?เขียว? แม่คิดว่าลูกสองคนที่ตายไปเพราะตั้งชื่อดีเกินเหตุผีเลยมาเอาไปอยู่ด้วย ต้องตั้งชื่อให้ทุเรศทุรังน่าเกลียดน่ากลัวผีจึงจะไม่พรากไปจากอก นั่นล่ะเป็นที่มาของชื่อหล่อน...
เขียวเป็นลูกสาวคนเดียวของ ?แดนเรือง? แม่เรืองเป็นแม่ค้า แม่ม่ายผัวตาย ลูกสาวคนนี้เกิดมาไม่เท่าไหร่พ่อก็ตายไปในปีเดียวกัน ไม่ใช่เพียงแค่เหตุการณ์ของพ่อเท่านั้นในปีที่เขียวเกิด แต่ยังมีเหตุการณ์อีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นช่วงเศรษฐกิจที่ข้าวยากหมากแพงจนครอบครัวไม่มีอันจะกิน แม่ต้องตรากตรำทำงานหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองรวมถึงลูกสาวตัวน้อยๆ ที่แสนจะกินตะกละตะกลาม ค่าน้ำค่านมพาลเปลืองไปหมด ช่วงเวลานั้นแดนเรืองตกต่ำถึงขนาดตัดสินใจหาเงินด้วยวิธีลัด ไปนั่งทำงานร้านบาร์จนมีปัญหากับลูกค้าบ้ากาม เพียงแค่คืนเดียวที่เธอเลือกทำงานแดนเรืองก็คิดว่าเธอทำไม่ได้ จะให้ชายที่ไหนมาเชยชมร่างกายของเธออย่างหยาบโลนแดนเรืองทนไม่ได้ ขอออกไปทำงานอื่นที่มีศักดิ์ศรีกว่านี้ จนสุดท้าย...แดนเรืองหันไปสมัครงานเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ห้างสรรพสินค้า โชคดีที่เธอค้นหาวุฒิการศึกษาเมื่อสิบปีก่อนเจอจึงมีโอกาสสมัครงานพอเลี้ยงชีพได้ หญิงสาวยังจำช่วงเวลาที่แม่ไปทำงานและหล่อนเริ่มเติบโตจนเดินเตาะแตะได้ แม่พาหล่อนไปทำงานด้วยเลี้ยงลูกสาวคนเดียวที่แสนจะดื้อซนด้วย แม่จึงต้องลำบากเป็นสองเท่าทั้งทำงานไปและดูแลลูกไป
เขียวถือว่าเป็นเด็กหญิงที่ซนมาก เรื่องงอแงก็เป็นที่หนึ่งจนแม่เริ่มปริปากบ่นตั้งแต่เธอยังสองสามขวบ แม่ตีเขียวเพราะความซนหลายครั้งเหมือนกัน ทั้งตีทั้งดุ จนพอเขียวเริ่มโตจนจำความได้ชักแน่ใจแล้วว่าตัวเองเป็นเด็กที่ออกนอกกรอบพอสมควร ทำอะไรขัดใจแม่อยู่บ่อยๆ แม่พูดอย่างเขียวจะทำอีกอย่าง หล่อนไม่ได้ดื้อเงียบ...แต่หล่อนดื้อแบบเปิดเผยเลยล่ะ
ด้วยเหตุนี้ล่ะ แดนเรืองจึงไม่ค่อยจะพูดดีกับหล่อนเท่าไหร่นัก อีกอย่างแดนเรืองไม่ชอบลูกสาวอยากได้ลูกชายมากกว่า นางว่ามีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน ครั้งหนึ่งเขียวเคยหนีไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนๆ แดนเรืองโกรธและโกรธมาก กลัวว่าลูกจะหนีตามไปกับผู้ชายกลายเป็นเด็กใจแตก พอกลับจากเที่ยวนางแดนเรืองไม่ยอมพูดอะไรกับลูกสาวซักคำ โกรธลูกสาว ทั้งโมโหนังลูกไม่รักดีริขัดคำสั่งแม่ แดนเรืองถึงกับปฏิญาณกับตัวเองในใจจะไม่พูดกับลูกสาวจนกว่าจะสำนึก และเวลาล่วงเลยจนโกรธอยู่เป็นเดือนๆ เขียวค่อยรู้ตัวและสำนึกคลานเข้าไปกราบขอโทษแม่ นั่นล่ะนางแดนเรืองค่อยเปิดปากพูด ตั้งแต่นั้นเขียวก็ไม่กล้าขัดใจมารดา ถึงจะไม่ค่อยลงรอยกับนางแดนเรืองแต่เขียวก็ไม่อยากให้แม่เกลียด หล่อนมีแม่เพียงแค่คนเดียวถ้าแม่ไม่รักหล่อนก็ไม่มีใคร หลังจากนั้นมารดาให้ทำอะไรเขียวก็จะทำ ให้ขายของก็ยอมขายทั้งที่ในใจไม่ได้ชื่นชมการเป็นแม่ค้าเอาเสียเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนหล่อนคงจะไม่ยอมตามประสาเด็กหัวดื้อ หากแต่เมื่อเติบโตมีความคิดเขียวก็เข้าใจว่า ลึกๆ ในใจแม่ก็คงไม่ได้ชิงชังรังเกียจอะไร ที่แม่ด่าเพราะแม่รัก...หล่อนรู้
?เขียวรักแม่?
คำๆ นี้เขียวเฝ้าแต่เก็บเอาไว้ในใจไม่เคยได้บอกมารดาสักครั้งตั้งแต่เกิดมา จะว่าหล่อนไม่กล้าก็ไม่ผิดนัก เพราะปกติทั้งลูกสาวและมารดาก็ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กันจนหามุมหวานระหว่างลูกกับแม่ไม่เคยเจอ
?เท่าไหร่จ๊ะแม่ค้า?? เอ่ยถามขณะที่เขียวยื่นถุงสินค้าหนักหนึ่งกิโลกรัมให้ลูกค้าวัยกลางคน
?ร้อยห้าสิบหกจ้า ลดหนึ่งบาทขาดตัว? ลดจากร้อยห้าสิบหกบาทเป็นร้อยห้าสิบห้าบาท เขียวลดบาทเดียวลูกค้าหน้าจ๋อยใส่หล่อนก่อนจะรับถุงหอยแครงจากมือแม่ค้า ?หน้าเลือด?
?ร้อยห้าสิบไม่ได้หรือแม่ค้าฉันมาซื้อประจำ?
?แหม...ซื้อกันประจำก็เห็นใจกันหน่อยสิค้า...? ลากเสียงยาวตามอารมณ์ ?ของมันแพง?
เอะอะของแพงๆ นิสัยแบบนี้ล่ะเขียวได้มาจากแดนเรืองมาเชียว เอะอะก็ของขึ้นราคา เอะอะของแพง แต่มันก็จริง เพราะขนาดไข่ไก่เดี๋ยวนี้ยังฟองละห้าบาท มะนาวก็ลูกละห้าบาท แต่ขนาดก็ไม่เห็นจะขึ้นตามราคา ซ้ำร้ายยังเล็กกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าเขียวไม่ได้ปดลูกค้า หล่อนยืนยันว่าราคาของซื้อของขายปัจจุบันมันขึ้นราคาจริงๆ
?เอ้าๆๆ ...ร้อยห้าห้าก็ร้อยห้าห้า!? ลูกค้านักต่อตัวยงต้องยอมลงให้กับเขียว ในใจคงนึกก่นด่าแม่ค้าสาวสวยว่าลดแค่นี้ก็ไม่ได้
จากนั้นก็เดินหนีหน้าบูดหน้าบึ้ง เขียวไม่ได้สนใจที่ลูกค้ารายนั้นจะก่นด่าว่าจะจำไว้ไม่มาซื้อร้านเธออีก เธอไม่ได้แคร์กิริยาผิดหวังของลูกค้ารายนั้นเท่าไหร่ รู้เพียงแค่ว่าเธอขายของเพื่อเอากำไร ถ้าขายแบบลดแลกแจกแถมเธอจะขายไปทำไม ขาดทุนแย่สิ!
เขียวนับเงินยัดใส่กระเป๋าก่อนจะเสยผมเพียงลวกๆ เพราะมันเริ่มจะตกมาระใบหน้า เขียวไม่มีเวลามาใส่ใจ ลืมไปหมดว่าหน้าตาตัวเองเคยเจอะเจอเครื่องสำอางมาบ้างหรือเปล่า
เขียวขลุกแต่อยู่ในตลาดสดจนลืมสนใจความงามไปแล้ว หน้าตาหล่อนก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากสาวชาวบ้านธรรมดา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงยุ่งเหยิง เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เพียงแค่เสื้อยืดคอกลมกางเกงขายาวพื้นๆ ธรรมดา มีกระเป๋าเก็บสตางค์ผูกคาดเอวเป็นภาพซ้ำๆ ทุกๆ วันที่ไม่อาจจะสลัดจากมาด มัดผมเพียงลวกๆ มองหาความงามบนใบหน้าแทบจะไม่เจอ หล่อนมอมแมมและมอซอ!
แต่ก็นั่นล่ะ...จะมัวแต่มารักสวยรักงามแต่งองค์ทรงเครื่องมาขายสิ่งขายของมันจะไปทันกินอะไร แต่งตัวสวยๆ มาตักหอยสอยไส้ปลาคงดูคล้ายกับลิเกหลงโรงก็ไม่ปาน!
หญิงสาวเบ้ปากให้กับชะตาชีวิตของตนเอง หล่อนขาดพ่อแต่เด็กเลยออกจะกร่างๆ กระด้างไปหน่อย แต่ยังไม่ถึงขนาดเป็นเด็กมีปัญหา หล่อนยังสามารถเอาดีได้เพราะเรียนจบมหาวิทยาลัยได้สำเร็จ หล่อนจบปริญญาตรีมาได้สักพัก แต่รู้สึกว่ามิได้มีความหมายสำหรับมารดาเท่าใดนัก แดนเรืองไม่ให้ลูกสาวไปไหนบอกว่าให้มาทำงานดูแลกิจการตัวเอง...เขียวว่าแม่พูดเสียเป็นร้านใหญ่โต...ทั้งที่เป็นแค่แผงลอยในตลาดสด!
ใบปริญญาที่ได้มาเขียวจำต้องเอามาแขวนโชว์ฝาบ้านยังไม่มีโอกาสได้เอาไปใช้สมัครงานที่ไหนเลย หล่อนเรียนครูภาษาอังกฤษ จบครูต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบบรรจุ ปีแรกๆ ที่จบดีใจแทบตายความฝันจะเป็นครูมาถึงแล้ว แต่มารดา...มารดาของหล่อนอีกแล้วที่ขัดขวางไม่ให้ลูกสาวไปทำงานที่ไหน ยังจำได้วันที่จะออกไปสอบได้นางแดนเรืองลงทุนถือปังตอเล่มใหญ่มายืนขวางประตูไม่อนุญาตให้ลูกสาวไปสอบ เขียวจำต้องยอมรับกิจการสืบทอดทายาทแผงขายของในตลาด เพราะมารดาไม่เห็นด้วยบอกว่า...จะเป็นไปทำไมคุณครู เป็นก็ยากสอบก็ยาก สมัยนี้ไม่มีเงินจะไปสู้ใครได้ เงินไม่หนักพออย่าหวังว่าจะสอบติดเสียดายที่เขียวมัวแต่โง่งมอยู่กับอุดมการณ์บ้าบอ!
และก็คงจะเป็นอีกครั้งที่หญิงสาวหัวเราะ ?เฮอะ? ให้กับชะตาชีวิตอันแสนตลบตะแลงแฝงความน่าเบื่อของตัวเอง หล่อนไม่มีทางที่จะได้เดินตามทางความฝันเลยถ้าหล่อนไม่แข็งข้อกับมารดา!
?อะไรกันนังเขียวหน้าเลือดแต่เช้า ประเดี๋ยวลูกค้าก็ไม่มาซื้อของที่ร้านข้ากันพอดี? เสียงแม่ดุ เขียวยักไหล่ให้ไม่แคร์โลก
?ก็เล่นต่อซะแยะใครจะไปลดให้...?
?หกบาท...ไม่อดตายหรอก?
?หกบาทก็เงินนะแม่? เขียวต่อปากต่อคำเป็นประจำ
?นังหน้าเลือด...หน้าเลือดได้ใครนะเอ็ง?
?ได้แม่นั่นล่ะยังจะถาม?
เขียวเกือบหลุดปากเสียแล้วแต่ก็เงียบไว้ ตอบไปโดนมารดาเขกกบาลเป็นแน่
นางแดนเรืองหันหลังไปจัดแผงขายผักข้างๆ กัน ดูเหมือนมารดาของหล่อนจะมีความสุขกับการเป็นแม่ค้ามากกว่าลูกสาว ถึงหล่อนจะมีพรสวรรค์ด้านการเรียกลูกค้า แต่ก็ยังยอมรับกับตัวเองว่าหล่อนไม่ชอบอาชีพนี้ หล่อนไม่ชอบเถียงกับลูกค้าเวลาต่อรองราคาเสียจนแม่ค้าเกือบจะ 'เจ๊ง' หล่อนไม่ชอบแย่งกันกับแม่ค้าในตลาดที่จ้องหล่อนด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อเวลาที่ร้านของหล่อนมีคนเข้ามากกว่า เรียกได้ว่าหล่อนกวาดลูกค้าของคู่แข่งมาได้เสียจนเป็นขาประจำ
ทั้งที่เป็นอาชีพที่ทำให้หล่อนมีโอกาสได้ร่ำเรียนจนจบปริญญาตรี หล่อนก็ไม่อยากจะทำใจยอมรับว่ารักมัน
เขียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ไล่ความเหน็ดเหนื่อยปนเหนื่อยหน่ายจากการขายของ ยังดีที่มารดาเดินออกจากร้านไปคุยกับเพื่อนที่แผงขายของด้านข้างถัดไปสองสามเมตร ไม่อย่างนั้นแม่คงเขกกบาลหล่อนหาว่าลูกสาวขี้เกียจ
สักพักหญิงสาวก็ลุกออกมาลากที่นั่งมายืนจัดของหน้าร้าน แต่ยังไม่ทันได้นั่ง เขียวต้องหันขวับเพราะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เป็นเสียงของคนขอความช่วยเหลือกำลังวิ่งผ่านมาทางนี้แล้ว!
?ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...โจรวิ่งราวกระเป๋าฉัน!? เสียงของหญิงแก่ทำให้เขียวต้องรีบกวาดสายตามองตาม และเพียงไม่นานหล่อนก็เห็นว่ามีโจรตัวผอมหุ่นกะหร่องวิ่งผ่านหน้าหล่อนมาอย่างไม่ได้จงใจ ด้วยความรีบและตกใจหล่อนคิดออกได้เพียงขวางมันไว้
เขียววิ่งไปขวางมันกระชากคอเสื้อโจรจับล็อกคอหันหลังอย่างรวดเร็ว สัญชาตญาณอีกอย่างหนึ่งของหล่อนคือหาอาวุธ แล้วมืออีกข้างของหญิงสาวก็ไวพอกันคว้าปังตอที่ใช้คว้านไส้ปลาเป็นประจำมาจ่อขมับโจรวัยรุ่นทันที
?เอากระเป๋าคืนมา!?
หล่อนสั่งเสียงกรรโชก เด็กหนุ่มวัยกระเตาะกลัวลนลานเพราะถูกจับได้แล้วจึงตัดใจยื่นกระเป๋าคืนให้มือไม้สั่น ท่าทางเหมือนมันไม่เอาไหนสักนิดติดจะดูแหยๆ ไปหน่อยด้วย เขียวมองมันอย่างเข้มขึงพิจารณา ริอ่านจะเป็นโจรแต่กลัวจนขี้หดตดหายคงจะมือใหม่หัดวิ่งราวกระมังนี่!
แต่จะมือใหม่มือเก่าผลกรรมท้ายที่สุดของคนขโมยก็คือต้องจับส่งตำรวจ เข้าคุก...ต้องไปนอนมุ้งสายบัว!
?ขอบใจมากอีหนู...?
หญิงชราหน้าตาแปลกจากหญิงไทยเอ่ยขอบใจยิ้มอวดฟันหลอข้างหน้าให้เขียวด้วย เขียวยื่นกระเป๋าคืนให้เธอผู้นั้น และมือเหี่ยวย่นของหญิงชราก็รับของจากเขียว ความรู้สึกขณะนั้นที่มือแตะโดนหญิงชราโดยบังเอิญ หล่อนรู้สึกเย็นวาบแปลกประหลาดเหมือนมีลมมาปะทะใบหน้าหล่อนจนตึงขึงมึนชา แต่พักเดียวเท่านั้นล่ะมันก็หายไป
เขียวได้สตินึกขึ้นได้รีบยึดมือของเด็กหนุ่มที่ดัดไว้ด้านหลังให้กระชับยิ่งกว่าเดิม กลัวว่ามันจะดิ้นหนีไปได้จนไปก่อคดีวิ่งราวหรือทำร้ายใครอีก ปากก็บอกกับหญิงชรา
?ไม่เป็นไรหรอกจ้ะยาย เอ้านี่จ้ะ...กระเป๋ายายเก็บไว้ให้ดีๆ ระวังพวกขี้ขโมยมันมีอยู่ทุกที่?
เขียวเตือนหญิงชราก็พยักหน้าหงึกหงักพร้อมยิ้มให้หล่อนแบบเย็นวาบเหมือนเมื่อครู่ แต่เขียวก็คิดว่ามันไม่มีอะไร ได้แต่ประหลาดใจ หญิงชราคนนี้คงจะไม่กลัวอะไร ตนเองเจอเรื่องน่าตื่นเต้นยังมีกะใจยิ้มแบบคนไม่ได้เดือดร้อนได้ด้วย
จังหวะเดียวกันที่ตำรวจจราจรแถวนั้นผ่านมาพอดี เขียวมีโอกาสจึงเรียกไว้แล้วยัดเจ้าเด็กโจรให้กับนายตำรวจผู้นั้นทันที
?เอ่อ...ยายมายังไง มาจากไหน...ให้ไปส่งขึ้นรถไหม?
?ยายไม่เป็นไร? ส่ายหน้าเชื่องช้าตามประสาคนแก่ ?แล้วบ้านอยู่ที่ไหนยาย??
?บ้านอยู่ไกล? หญิงชราตอบเสียงเอื่อย ?ไกล? ต่างจังหวัดรึ? ส่ายหน้าให้เขียวหากแต่ยังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
?ยายอยู่ต่างเมือง...?
?เอ้า...แล้วยายมาอย่างไรเล่า ลูกหลานไม่มาด้วยหรือ แล้วจะกลับยังไงให้ฉันจะไปส่งที่หมอชิตให้ก็ได้?
เขียวอาสาอย่างนึกเป็นห่วง หญิงแก่สุขภาพดูไม่ค่อยแข็งแรง รู้สึกเห็นอกเห็นใจบอกไม่ถูก ลูกหลานญาติมิตรก็ไม่เห็นจะมาด้วยยิ่งน่าเป็นห่วงใหญ่ หญิงชราได้แต่ยิ้มและมองหน้าหญิงสาว หญิงผู้นี้เป็นคนดี...นิสัยดี คิดว่าดีอย่างนี้ต้องมีรางวัล แล้วก็ยื่นกระดาษปึกหนึ่งให้เขียวจนอีกคนทำหน้าสงสัย
?ฉันให้? ไม่ให้เปล่ายังยัดใส่มือเขียวราวซาบซึ้งในน้ำใจนักหนา เขียวยกมันขึ้นมาพลิกดู
?ลอตเตอรี่? หญิงชราพยักหน้า หล่อนให้ลอตเตอรี่ชุดกับเขียว
?ฉันไม่เล่นลอตเตอรี่หรอกยาย ฉันว่ามันเสี่ยง...เสี่ยงหมดตัวน่ะ? เขียวติดตลก หล่อนไม่ค่อยให้ความสลักสำคัญกับทุกวันที่หนึ่งและสิบหกของเดือนเท่าไหร่ หล่อนไม่เคยคิดเสี่ยงโชคกับเรื่องแบบนี้...หล่อนเห็นว่ามันไร้สาระ!
สีหน้าของคนรับตอนนี้เหมือนไม่อยากได้แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธ
?ยายเก็บไว้เถอะจ๊ะ ฉันช่วยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนหรอก? เขียวยื่นกลับให้หญิงชรา แต่คนตรงหน้ากลับผลักกลับคืนมาไม่ยอมรับ ?เก็บเอาไว้เถอะ...ข้าให้เอ็งมันจะมีโชค?
?แต่ว่า...? เขียวกำลังจะปฏิเสธ แต่แล้วเมื่อปฏิเสธเสียงแข็งกลับมีลมแบบเมื่อครู่มาปะทะกับใบหน้าอีกแล้ว แต่คราวนี้มันรุนแรงกว่าเดิม ทำเอาเขียวยืนอึ้งขนลุกเกรียวอยู่นานนับนาที
?ข้า...ให้...เอ็ง? เสียงหญิงชราเน้นย้ำชัดเจน เขียวได้แต่ถือกระดาษปึกนั้นไว้ในมืออย่างวางมันไม่ได้ หล่อนกำลังจะอ้าปากปฏิเสธหากเมื่อตั้งสติได้หญิงชราก็เดินจากไปเสียก่อน เขียวเรียกไว้แทบไม่ทัน
?เดี๋ยวสิจ๊ะยาย...เอ่อ...ฉันจะเก็บไว้ก็ได้ แต่ว่า...ยายจะกลับแล้วหรือ...?
?จะกลับแล้ว? หญิงชราหันหน้าไปตอบก่อนจะส่งยิ้มให้พลเมืองดี ?ให้ฉันไปส่งไหม?
?ไม่ต้อง ข้ากลับเองได้สบายกลั้นหายใจแป๊บเดียวถึง?
เขียวหัวเราะขบขันกับสิ่งที่ยายพูด สงสัยท่านจะตลกเกินไปแล้ว ท่าทางหญิงชราคนนี้จะเป็นคนอารมณ์ดี เขียวไม่ใส่ใจ เมื่อไม่พูดอะไรหญิงชราก็เดินจากไป ทิ้งให้คนขบขันยืนเพียงลำพังมองกระดาษปึกในมือของตัวเอง ยังไม่ทันได้ไถ่ถามชื่อหญิงสาวก็พบว่าหญิงชราเดินหายไปเสียแล้ว แล้วก็เดินไวมากจนหล่อนกวาดสายตาหาไม่เจอ เขียวได้แต่ยืนส่ายหน้ากับตัวเองกับคนที่ ?บ้า? เสี่ยงโชค เดาซื้อตัวเลขตั้งหกตัวนี่นะหรือจะกล้าเสี่ยง หล่อนยิ้ม...ให้ตายกี่ชาติก็ไม่สามารถถูกรางวัลที่หนึ่งได้เพราะไม่มีดวงทางนี้ เอาเป็นว่าหล่อนจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกจากยายก็แล้วกัน!

*****

ตอนที่ ๑

?รางวัลที่หนึ่งงวดประจำวันที่...เลขที่ออก...?
กิริยาคนที่รอฟังผลรางวัลหน้าปัดวิทยุเอเอ็ม...ตื่นเต้นแทบลืมหายใจ ทั้งที่ปากก็บอกว่ามัน ?ไร้สาระ? แต่กิริยาเขียวตอนนี้ลุ้นตัวโก่งเสียยิ่งกว่ากำลังรอฟังผลประกาศเอ็นทรานซ์เมื่อสมัยก่อน
ตี้ด... ตี้ด...
เสียงสิ้นสุดสัญญาณ
?400...011?
4?0?0?0?1?1!
หล่อนยกแผ่นกระดาษที่ถือในมือขึ้นมาดู มือไม้เขียวสั่นยิ่งกว่าเจ้าเข้าเมื่อรู้ว่าเลขในกระดาษมันตรงกันกับที่ประกาศเมื่อสักครู่ เขียวไม่อยากเชื่อสายตา หล่อนฝันไปหรือเปล่าที่ว่าตัวเลขมันเหมือนไม่มีผิดเพี้ยน เขียวกำลังฝันไปใช่ไหม หญิงสาวลองหยิกตัวเองแรงๆ แต่มันเจ็บจนน่าดีใจ มันเป็นไปได้? ใช่แล้ว...เขียวถูกรางวัลที่หนึ่งและรางวัลพิเศษรวมเป็นเงินสามสิบกว่าล้านบาท น่าอัศจรรย์จนจะเป็นลมตาย
รวย! เขียวรวยแล้ว เขียวดีใจจนลงไปชักดิ้นชักงอนอนกอดกระดาษลอตเตอรี่ที่หญิงชราให้มาจนได้โชค
จริงสิ! ยาย...คุณยายคุณนั้นทำให้หล่อนนึกถึงวันที่ช่วยจับโจรแล้วคืนกระเป๋าให้ หญิงชราคนนั้นให้ลอตเตอรี่กับเธอจนป่านนี้จะทราบหรือยังว่ากระดาษปึกนี้ที่ให้มา...มันมีค่ากว่าสามสิบล้าน จะมาตามทวงคืนหรือเปล่า? เขียวคิดว่าถ้ามีการทวงคืนหล่อนจะไม่ให้แน่นอนก็ให้หล่อนแล้วไม่มีการให้คืนหรอก โดยเฉพาะลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลใหญ่เช่นนี้เขียวไม่มีทางให้!
หล่อนได้เงินจำนวนมหาศาลแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต หญิงสาววาดฝันไว้แล้วว่าอนาคตจะทำสิ่งใด สิ่งแรกที่หล่อนจะทำคืออะไร...ให้แดนเรือง หล่อนจะมอบเงินจำนวนก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งให้แดนเรือง มารดาคงจะไม่ต้องขายของอีกต่อไปหรือสักพักระยะใหญ่ มารดาของหล่อนจะสบายก็ตอนนี้ล่ะ อยู่กินแบบคุณนายให้ได้พักผ่อนร่างกายเสียบ้าง แค่คิดหล่อนก็ยิ้มภูมิใจ...หล่อนพอใจเหลือเกินกับเงินที่หล่นมาจากฟากฟ้าราวกับฝัน
แล้วหลังจากนั้นล่ะหล่อนจะเอาไปทำอะไร เงินมันเยอะแยะมากมายจนเขียวคิดอะไรไม่ออก นี่ขนาดหล่อนยังไม่เอาไปขึ้นเงินยังมีความสุขขนาดนี้ แล้วถ้าได้เงินมูลค่ามหาศาลมาไว้ในมือหล่อนจะมีความสุขมากขนาดไหน แค่คิดเขียวก็ปริยิ้มเพ้อฝันอย่างดีใจเป็นที่สุด
พรุ่งนี้...ไม่สิ...วันนี้เขียวจะเอามันไปขึ้นเงิน หล่อนคิดไปพลางว่าอยากจะไปไหนเป็นพิเศษแล้วหล่อนก็คิดได้อย่างน่าประหลาด หล่อนอยากไปเที่ยว เกิดมายังไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนไกลนอกจากทะเลใกล้ๆ แถวภาคตะวันออก หล่อนอยากไปเที่ยวต่างประเทศ ตระเวนตั้งแต่ยุโรปยันเอเชีย
หล่อนพยายามคิดหาที่เที่ยวในหัว หล่อนอยากไปตามรอยซีรี่ส์เกาหลีนั่นก็เป็นอีกที่ๆ น่าสนใจ แล้วหล่อนก็อยากไปเมืองปารีสฝรั่งเศส หล่อนอยากไปกระโดดบันจี้จั๊มที่หอไอเฟล อยากเห็น แล้วหญิงสาวก็คิดว่ามีที่ไหนอีกที่อยากจะไป สถานที่น่าสนใจน่าประหลาดใจ จะยุโรปหรือเอเชียก็ได้ ดูไบ!
ใช่...นี่เลย หล่อนจะไปดูไบ หล่อนคิดถึงเมืองที่เป็นทะเลทราย อยากลองไป อยากรู้ว่ามีอะไรดี คงจะมีมนต์ขลังน่าดู หล่อนเคยอ่านในเว็บไซต์ที่ลงบทความเกี่ยวกับธุรกิจที่ดูไบ มันน่าอัศจรรย์และน่าไปเที่ยวชมมากทีเดียว คิดแล้วเขียวตื่นเต้นอยากไปเสียวันนี้พรุ่งนี้ หล่อนตัดสินใจแล้วว่าจะไปดูไบ นี่ล่ะ...สถานที่ที่น่าไปที่สุด!
หล่อนรวยแล้วหล่อนจะทำอะไรก็ได้ อยากไปที่ไหนก็ได้ เขียวมีความสุขที่คิดว่าตัวเองจะได้ไปเปิดหูเปิดตาหลังจากที่มันไม่เคยมีความทรงจำดีๆ ในวัยเด็กเอาเสียเลย หล่อนไม่สนอะไรแล้วเพราะอย่างไรก็จะไป...หล่อนเป็นเศรษฐีแล้วนี่!

*****

มาถึงแล้ว...
เมืองดูไบ หนึ่งในรัฐสำคัญใน ?สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์? มีเมืองอาบูดาบี (Abu Dhabi) เป็นเมืองหลวงและดูไบ (Dubai) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด ปกครองประเทศมาในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีองค์รัฏฐาธิปัตย์อำนาจสูงสุดการปกครอง ในประเทศนี้ต่างเป็นรัฐที่อิสระมีผู้นำการปกครองของแต่ละรัฐ สำหรับสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมัน จึงไม่แปลกที่ประชากรของประเทศจะมีฐานะการเงินและค่าครองชีพที่สูงลิบลิ่ว ผู้คนร่ำรวยมหาศาล มีความสวยงามที่น่าอัศจรรย์และน่าหลงใหล
เขียวมองลงไปยังเบื้องล่างจากหน้าต่างเครื่องบินลำเท่ายักษ์ที่ตัวเองนั่งมา เบื้องหน้าเป็นเมฆที่ลอยละล่องขาวราวปุยนุ่น เครื่องบินลำยักษ์โฉบเฉี่ยวผ่านมันร่ำไปตลอดระยะเวลาที่โบยบินบนท้องฟ้า เขียวมองมันจนหายตื่นเต้นไปแล้ว แต่คราวนี้หล่อนหันมาตื่นเต้นกับเมืองที่อยู่เบื้องล่างมากกว่า มันน่าตื่นตาตื่นใจเพราะความสวยงามวิลาสวิไลที่มนุษย์สร้างมันออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
เครื่องบินลำใหญ่วิ่งผ่านน่านฟ้าเห็นรูปต้นปาล์มที่ก่อสร้างด้วยการถมทะเลเป็นสัญลักษณ์ต้นไม้ประจำชาติ ทั้งเห็นแผนภาพจำลองของแผนที่โลกเป็นเกาะเทียมผุดแทรกสีฟ้าครามตัดกับผืนน้ำกว้างใหญ่ไพศาล ดูแล้วช่างตระการตาสมกับที่ว่าเป็นอภิมหึมามหาโครงการยักษ์สร้างเมืองดูไบให้เป็นเมืองแห่งการลงทุนและการท่องเที่ยว เขียวแทบจะจุ๊ปากร้องอย่างอึ้งทึ่งเมื่อมาเห็นมันเองกับตาตอนนี้...เวลานี้
แล้วใครจะรู้ว่าหล่อนหนีมา เขียวหนีออกมากว่าจะได้มาชื่นชมความงามของประเทศแห่งนี้ กว่าหล่อนจะหนีมาได้ เรียกว่าหนีแดนเรืองมาเที่ยวเหมือนกับคราวที่ไปเชียงใหม่เลย!
เมื่อก่อนหล่อนเคยขออนุญาตแดนเรืองไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัย เขียวอยากไปเพราะเพื่อนๆ ไปกันหมดทั้งภาควิชา หล่อนจึงรวบรวมความกล้าเข้าไปขอมารดาที่นั่งซ่อมเสื้อผ้าอย่างใจจดใจจ่ออยู่ หน้าของมารดาแม้ว่ายามปกติก็ดูดุอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อมารดาทราบว่าหล่อนขออนุญาตไปเที่ยวกับเพื่อนที่ต่างจังหวัดมารดาขมวดคิ้วใส่หล่อนทันที ตอนนี้เขียวรู้แล้วว่ามารดาไม่อนุญาต หล่อนดื้อดึงขอมารดาอยู่นานนับชั่วโมงหากแต่แดนเรืองถึงอย่างไรก็ใจแข็งไม่มีทางยอม วันก่อนนั้นแค่เชียงใหม่ ต่างจังหวัด ต่างเมือง ต่างภูมิภาค...แต่นี่ต่างประเทศมีหรือแดนเรืองจะยอม เขียวย่อมรู้ใจมารดาตัวเองดี หล่อนบอกกับตัวเองว่าแดนเรืองคงโกรธเมื่อตอนเห็นจดหมายที่วางไว้บนโต๊ะ แต่เขียวสาบานเมื่อกลับไปเขียวจะก้มลงกราบที่เท้ามารดาขอโทษให้ท่านหายโกรธ
ตอนนี้หล่อนอยากมาเที่ยวก่อน หญิงสาวถอนหายใจเมื่อคิดถึงเรื่องหนักอกหนักใจเรื่องนี้ หล่อนปลอบใจตัวเองว่าถึงอย่างไรก็มาแค่สามอาทิตย์ สามอาทิตย์เท่านั้นหญิงสาวก็จะกลับเมืองไทย หล่อนควรเลิกคิดเรื่องเศร้าแล้วอยู่กับความสนุกตรงหน้าได้แล้ว
คิดได้เท่านั้นก็สลัดความคิดอันหนักหน่วงออกไปก่อนแล้วหันมาสนใจรูปร่างบ้านเมืองของเมืองสวรรค์
ตอนนี้เขียวเดินทางมาจนถึงสนามบินแล้ว หญิงสาวลงจากเครื่องและไปรอรับกระเป๋าที่จุดรับสัมภาระ เขียวลากกระเป๋าที่มีเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เจ้าตัวชอบซื้อแถว ?ครองถม? เดินหารถแท็กซี่เพื่อไปหาที่พักค้างคืน เมื่อโดยสารแท็กซี่จอดส่งย่านโรงแรมหรูสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวเขียวก็ลงจากรถเดินหาโรงแรมที่คิดว่าสนใจมากที่สุด หญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางความเจริญที่ล้ำสมัย รอบตัวโอบล้อมไปด้วยทรายและทะเลกว้างใหญ่ ที่บัดนี้มันถูกถมจนกลายเป็นศิลปะชั้นยอดของโลก สิ่งปลูกสร้างที่เป็นตึกอาคารมันถูกดีไซน์ออกมาหรูหราจนคนมองอึ้งทึ่ง ไม่เคยคิดว่าหัวสมองของคนจะมีค่าสามารถสร้างเมืองมหัศจรรย์ที่ถูกสร้างและออกแบบมาอย่างงดงามขนาดนี้ ถ้าบอกว่านี่คือสวรรค์หล่อนคงเชื่อ เชื่อสนิทใจ!
เขียวมายืนอยู่แถวย่านความงดงามของตึก เงยหน้ามองตึกสูงใหญ่ระฟ้าจนคอแทบหัก รูปร่างหน้าตามีแปลกประหลาดเป็นการออกแบบที่หล่อนคิดว่ามันคือภาพกราฟฟิกคอมพิวเตอร์ไม่ใช่ภาพจริง เขียวตะลึงตะลานจนอดที่จะหยิบกล้องถ่ายรูปจากกระเป๋าที่เพิ่ง ?ถอย? มาใหม่ๆ มาเก็บภาพความงดงามเอาไว้ เขียวเก็บภาพโรงแรมระดับเจ็ดดาวราคาเป็นหลายล้านต่อคืนสำหรับนักท่องเที่ยว มันช่างหรูหราไฮโซสมกับราคามันเสียจริง พื้นที่เดอะปาล์มนี้คงไม่มีแค่ตึกสูงใหญ่ดีไซน์ล้ำสมัยเท่านั้น ยังมีทั้งคอนโดมิเนียม บ้านพักตากอากาศ รถไฟลอยฟ้า ทุกพื้นตารางวาล้วนแต่เป็นสิ่งอัศจรรย์สวยงามจนตะลึงงันราวสวรรค์สรรเสก มันช่างตระการสำหรับแม่ค้าจนๆ อย่างเขียวที่มีบุญได้มาเห็น
ช่างเป็นโชคดีของแม่ค้าจนๆ อย่างเขียว มันก็เหมือนกับฝันที่หล่อนได้มาที่นี่ด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่ได้มาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ใครจะรู้ว่าจาก ?อีเขียว? ในตลาดจะกลับตาลปัตรมาเป็นมหาเศรษฐีชั่วข้ามคืน ต่อไปนี้หล่อนคงต้อง ?อัพ? ตัวเองเสียใหม่ให้สมกับเป็นเศรษฐีนีใหญ่ หล่อนไม่ใช่ ?นังเขียว? หล่อนเป็นคุณเขียว...คุณเขียวเงินถัง หล่อนยิ้มขันให้ตัวเองพร้อมกับเดินลากกระเป๋าเข้าโรงแรมที่หรูหราระดับปานกลาง หล่อนเดินท่าทางมาดมั่นเชิดคอระหงอย่างไม่เคยทำ
หล่อนเรียกตัวเองว่าคุณเขียว คุณเขียวรึ? ชื่อนี้หล่อนเท่ไม่หยอกเลยล่ะ!
*****

วันนี้หล่อนจะไปเที่ยวทะเลทราย...
เขียววางแผนไว้หลังจากที่นอนพักเอาแรงเต็มอิ่มในเมื่อวาน กินอิ่มนอนหลับอย่างสุขสบายราวอยู่สวรรค์ นี่ล่ะหนาที่เขาว่าเงินทำได้ทุกอย่าง อะไรก็มีบริการจนเขียวคิดว่าถ้าใช้ชีวิตแบบนี้ไปทุกวันหล่อนคงต้องเป็นง่อยตาย จะไม่ให้หล่อนเป็นง่อยได้อย่างไร ข้าวก็มีคนหามาให้ อยากได้อะไรก็สั่งจากพนักงานข้างล่าง หล่อนทำหน้าที่แค่กินกับนอน ติดตามสถานการณ์จากโซเชียลเน็ตเวิร์กนิดหน่อยตามประสาคนเป็นเพื่อนกับเทคโนโลยี พอคิดว่าไม่มีอะไรน่าสนใจหล่อนก็ปิดหน้าต่างอินเตอร์เน็ตคิดหาที่เที่ยว แต่หล่อนก็ไม่เคยรู้จักที่นี่ จะเสิร์จหาหล่อนก็รู้สึกว่าไม่ทันใจเท่ากับสอบถามเอาโดยตรงจากพนักงาน คิดได้เท่านั้นเขียวก็ยกหูโทรศัพท์หาพนักงานสอบถามสถานที่ท่องเที่ยวทันที พนักงานโรงแรมสุดหรูบอกกับหล่อนว่าสายนี้จะมีกรุ๊ปทัวร์เดินทางไปเที่ยวชมทะเลทราย เขียวคิดว่ามันก็น่าสนใจดีเหมือนกัน ?ทะเลทราย? หล่อนเคยได้ ?อ่าน? มาพอสมควร หล่อนชอบอ่านนิยายบางเรื่องเกี่ยวกับทะเลทราย...หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมนักเขียนหลายคนต้องเขียนถึงแต่ทะเลทรายทั้งที่คิดว่ามันคงไม่มีอะไรน่าสนใจ หล่อนอยากรู้มันมีอะไรดี ทำไมบางคนถึงทำตัวเหมือนรู้ดีนัก พวกเขาเคยไปอยู่ที่นั่นกันหรือไรแล้วมันน่าอยู่ขนาดไหนถึงต้องตามไป ?เขียน? ถึงสถานไม่ใช่เมืองไทยแถมยังร้อนระอุกว่าแห่งหนไหนอีกด้วย
เขียวก็ได้แต่ตั้งคำถามปนถากถางน้อยๆ ในใจ แต่ถึงจะอย่างไรหล่อนก็มาถึงแล้ว มาถึงทะเลทรายที่ดูไบ หล่อนและคณะทัวร์อีกกว่าสี่สิบชีวิตลงจากรถยนต์คันสูงที่พาพวกเราออกมาจากโรงแรม เขียวเดินลงไปมองสถานที่อันแสนกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีแต่สีน้ำตาลของเม็ดทรายเต็มไปหมด เขียวเอามือบังแดดไม่ให้แสบตาก่อนจะมองมันไปรอบๆ อย่างประหลาดใจ เหตุใดมันถึงดูลึกลับแปลกประหลาดเหมือนกำลังอยู่ในเมืองเวทมนตร์ หล่อนคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในเมืองเวทมนตร์แสนจะคมขลัง รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายตะวันออกที่เด่นชัด หล่อนจึงเดินสำรวจไปรอบในขณะที่ลูกทัวร์คนอื่นก็เหมือนกันกับหล่อน ต่างคนต่างแยกย้ายสำรวจทะเลทรายอันคล้ายเมืองเวทมนตร์ในนวนิยายแบบการ์ตูนอาละดิน เหมือนการ์ตูนที่หล่อนเคยดูตอนเด็ก
เวทมนตร์? ประหลาด...พอเขียวคิดถึงคำนี้รู้สึกมีแรงลมเย็นวูบวาบมาปะทะใบหน้าทั้งที่ยืนอยู่พื้นดินร้อนๆ...
เขียวมองไปยังเนินทรายสูงไกลลิบลับ หล่อนเห็นอูฐและคณะกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่งที่คงจะเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกันกำลังเดินอยู่ในทะเลทราย ไกลออกไปอีกฝั่งก็มีร้านอาหารสำหรับบริการนักท่องเที่ยว บรรยากาศแบบตะวันออกกลางมีมนต์สะกดน่าหลงใหลไปอีกแบบ
?อยากจะลองไปดูเนินทรายทางด้านโน้นดูไหมครับคุณผู้หญิง? เสียงห้าวของใครบางคนกล่าวกับเขียวเป็นภาษาอังกฤษ โชคดีที่เขียวเรียนครูภาษาอังกฤษมาพอดี ภาษาจึงไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขียวเท่าใดนัก
?ไปได้หรือคะ??
ไม่น่าเชื่อว่าเขียวก็นึกสนใจอยู่เหมือนกัน ทั้งที่มันร้อนและระอุจนหล่อนแทบไหม้แต่หล่อนก็อยากลองไปดู ไหนๆ หล่อนก็ได้มาแล้วและก็คิดว่าน่าจะไม่ไกลเท่าที่คะเนจากสายตา
แล้วเขียวก็ตัดสินใจไปตามที่มัคคุเทศก์อยากจะพาไปดู เขียวก้าวขาขึ้นรถคันสูงที่เป็นรถยนต์เพียงสองคนกับผู้นำเที่ยว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครหล่อนจึงเอ่ยถาม
?มีแค่นี้หรือคะ แล้วคนอื่นเขาไม่ไปกันหรือ?
?ผมคิดว่าพวกเขาคงไม่อยากจะเดินทางต่อ...? เขาพูดก่อนจะหันไปทางกลุ่มคนเอเชียพวกนั้นที่เขียวติดตามมาด้วย
?พวกนั้นเขาคนเอเชียก็จริง แต่มาจากเกาหลี แค่นี้เขาก็ร้อนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว คุณเป็นคนไทยแค่สี่สิบห้าองศาคงพอทนได้ใช่ไหมครับ? เขียวหัวเราะให้กับผู้ชายที่พูดกับหล่อนอย่างมั่นอกมั่นใจ แน่นอน...ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนก็จริงแต่ก็ไม่ได้ร้อนตับแลบขนาดนี้ หน้าร้อนของแต่ละปีแค่สามสิบห้าขึ้นคนก็แทบจะฆ่ากันตาย
?ฉันว่าไปกันเถอะ ฉันอยากไปแล้ว จะได้กลับมาทันอาหารเที่ยงพอดี? เขียวบอกกับผู้นำทัวร์ก่อนที่ชายผิวเข้มจะสตาร์ทออกไป หญิงสาวได้แต่นั่งเหงื่อไหลอยู่ในรถยนต์ที่ร้อนราวอยู่ในเตาอบ ขนาดเป็นรถเปิดประจกรับลมร้อนหนังเขียวแทบไหม้ สรุปว่าหล่อนคิดถูกหรือคิดผิดที่มาถึงที่นี่!



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?ขจี? มีชื่อเล่นว่า ?เขียว? หล่อนรับมรดกตกทอดมาคือการขายหอยในตลาดสด วันหนึ่งหล่อนได้ช่วยหญิงชราไว้และได้รับสิ่งตอบแทนคือลอตเตอรี ซึ่งกระดาษปึกนั้นกลายเป็นเงินจำนวนมูลค่ามหาศาล
ขจีหนีแม่ไปเที่ยวไกลถึงดูไบ ดวงซวยเสียจริง หล่อนถูกโจรปล้นแถมด้วยการถูกพายุพัดไปตกอยู่กลางทะเลทราย แล้วยังโชคร้ายซ้ำซ้อนนักที่บังเอิญไปมีหน้าตาละม้ายคล้ายแฟนเก่าของชายผู้ที่ช่วยหล่อนไว้
เมื่อได้เห็นหน้ากันชัดๆ ความอ่อนโยนจาก ?ฮามาส? แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าทันที เพราะนอกจากเขาจะไม่อยากเห็นใบหน้านี้แล้ว เขายังออกตามล่าเธอด้วยข้อหาโจรปล้นน้ำมันอีกด้วย
หญิงสาวพยายามทุกวิถีทางที่จะบอกเขาว่าหล่อนไม่ใช่แม่โจรสาวอะไรนั่น ทว่าฮามาสก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งเกิดการโรมรันพันตูกันขึ้นมาแล้วริมฝีปากนุ่มของเขาประกบเข้ากับปากบาง เพียงวินาทีแรกชายหนุ่มก็รู้ว่ารสหวานนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง แถมเขายังติดใจกระหน่ำจุมพิตลงไปอีกด้วย
นี่คือพลังมนต์ขลังทะเลทรายหรือไรที่ทำให้ขจีถลาเข้าไปให้อ้อมกอดของเขาอย่างเต็มใจ


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”