?-7
วันจันทร์ วันธรรมดาวันแรกของสัปดาห์ ก็ไม่ใช่ว่าเพราะเจอปัญหาหดหู่ใจอะไรมา แต่เพราะสภาพความหย่อนยานของวันอาทิตย์ที่ใช้เวลาหยุดพักผ่อนไปอย่างขี้เกียจตัวเป็นขนทั้งวันยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกาย จึงทำให้รู้สึกว่าระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนมันช่างไกลแสนไกล รวมทั้งรู้สึกว่าเวลาที่ต้องเดินไปมันช่างยาวนานแสนนาน
ถ้าเป็นตอนเดินกลับบ้านกับพวกฮารุฮิก็ยังเพลิดเพลินจนทำให้ลืมไปได้บ้าง แต่พอแยกมาอยู่โดดเดี่ยวกลับรู้สึกอ้างว้างขึ้นมาทันที อาจเป็นไปได้ว่าการอยู่ร่วมกับพวกกองกำลัง SOS เป็นเรื่องปกติสำหรับผมไปแล้วก็ได้ ถึงจะไม่ได้ระวังเป็นพิเศษก็ตาม แต่การที่ผมในเวลานี้เปื้อนสีแดงไปเต็มตัวแล้ว ควรจะยกสุภาษิตอะไรมาเปรียบเปรยดี หรือจะเอาสุภาษิตว่าตั้งใจเอาไม้แหย่พุ่มหญ้าแต่ตัวเองกลับกลายเป็นไม้ที่ใช้แหย่ซะเองเรอะ
?เอาเถอะ?
ผมหยุดขา ลองเหลียวกลับไปมองอย่างไม่มีความหมาย ทางเดินกลับบ้านยามฤดูใบไม้ผลิดูสดใสกว่าทุกครั้ง อาจเพราะนักเรียนปี 1 ที่ประสงค์อยากเข้ากองกำลังซึ่งแห่กันมาตอนหลังเลิกเรียนดูสดใสมีชีวิตชีวาก็เป็นได้ ไม่ก็อาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่สดใสร่มรื่นเท่านั้นก็ได้
?มันเป็นเรื่องที่ยังไงก็ได้?
คำบ่นลอยๆ นี้ก็ไม่มีความหมายเลย นานๆ ครั้งผมก็คิด คำบ่นลอยๆ มันคือคำที่เราอยากบ่นให้ใครสักคนฟังไม่ใช่เรอะ เพราะถ้อยคำที่ส่งไปไม่ถึงหูใครก็เป็นไม่ได้มากไปกว่าการฝึกออกเสียงหรอก แล้วผมก็ไม่คิดจะติดนิสัยบ่นลอยๆ คนเดียวด้วย เพราะงั้นคำพูดเมื่อกี้จึงพูดเพื่อให้ตัวเองฟัง
ในความเป็นจริงก็คือ หากว่าฮารุฮิเป็นสีแดง ผมก็คงถูกย้อมเป็นสีแดงไปตั้งนานแล้ว ต่อให้เอาสีอื่นมาเทใส่หัวตอนนี้ได้ มันก็เปลี่ยนได้ไม่ถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของกอลจิบอดี้หรอกนะ
ผมคิดอย่างนั้นไปพร้อมกับเริ่มกิจกรรมเดินกลับบ้านอีกครั้งตามสัญชาตญาณกลับรัง รวมทั้งเนรเทศเรื่องราวของแขกไม่รับเชิญสำหรับกองกำลัง SOS ที่เข้ามาแทรกแซงในปีการศึกษาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นซาซากิหรือคุโยไปไว้ตรงซอกหลืบของสมอง เพื่อกลับไปใช้เวลาพักผ่อนในห้องตัวเองอย่างสบายใจจนกระทั่งหมดวัน เพราะนั่นเป็นกิจกรรมที่เป็นธรรมชาติของผม อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาแต่มันก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ
ด้วยเหตุนี้???
วันนี้จึงไม่มีจุดที่ต้องเอ่ยถึงเป็นพิเศษแล้ว
มันน่าจะเป็นอย่างนั้น
?-7
ราวกับก้อนหินที่กลิ้งลงมาจากหน้าผา อาจเป็นการเปรียบเปรยที่เกินจริงแต่ก็พูดได้เต็มปากว่าความเร็วในการลงเนินของฮารุฮิตอนนี้มีดีพอจะไปแข่งขันกับนักกีฬาระดับโลกได้เลย
ผมกับโคอิซึมิและคุณอาซาฮินะเองต่างก็ไล่ตามหลังไปบนเส้นทางกลับจากโรงเรียนเหมือนโดนเชือกล่องหนของฮารุฮิฉุดกระชากให้ตามไป กระทั่งในที่สุดเมื่อลงมาถึงหน้าสถานีโคโยเอนอันเป็นพื้นราบพวกเราก็หายใจหอบกันไปหมด ขนาดโคอิซึมิที่ปกติคงสภาพเหมือนมนุษย์ผู้ใช้ยาระงับกลิ่นกายอยู่เป็นนิจก็ยังถึงกับต้องปาดเหงื่อตรงหน้าผากก็คงเดาสภาพกันออกสินะ ยิ่งคุณอาซาฮินะก็ก้มหลังวางมือลงตักหายใจหอบเหมือนแทบขาดใจ
แต่กลับมียัยผู้หญิงคนนี้อยู่คนเดียวที่ไม่รู้จักเหนื่อยเหมือนเพาะเลี้ยงวัตถุกัมมันตรังสีไว้ในร่าง
?มัวโอ้เอ้อะไรอยู่เล่า! มาถึงตรงนี้แล้ว ที่เหลือก็แค่วิ่งไปเท่านั้นนะ!?
การวิ่งมาราธอนโดยมีเส้นชัยอยู่ที่คอนโดฯ ของนางาโตะได้เริ่มขึ้นแล้ว
มาถึงตรงนี้ฮารุฮิก็ยังเริ่งสปีดระดับโอลิมปิกขึ้นไปอีก ถ้าจะมีใครตามทันก็เห็นจะมีแต่กองทัพนักกีฬาที่อยู่ในช่วงร่างกายฟิตปั๋งเต็มที่เท่านั้น ผมปล่อยให้โคอิซึมินำไปก่อน ส่วนตัวเองหอบกระเป๋าของคุณอาซาฮินะที่วิ่งไม่ทันใครพร้อมกับเร่งสปีดตามหลังสุดฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
?หยา ฮ้า?
เพราะต้องคอยระวังคุณอาซาฮินะที่วิ่งขาแทบพันกันล้มด้วยผมเลยไปถึงช้า ส่วนฮารุฮิไปรอหน้าทางเข้าอยู่ก่อนแล้ว แต่ทันทีที่แน่ใจว่ามากันครบทุกคนแล้วก็กดปุ่มอินเตอร์โฟนทันที เรียก 7.0.8
มีการตอบรับทันที ฮารุฮิเองก็ตอบทันทีเหมือนรออยู่นาน
?......?
?ยูกิ นี่ฉันเอง พวกเราทุกคนมาเยี่ยมแล้ว?
?......?
เสียงฟึ้บอันเป็นเสียงตัดการคุยผ่านอินเตอร์โฟนดังขึ้น ประตูคอนโดฯ ระบบออโต้ล็อกค่อยๆ เปิดออก
เมื่อขึ้นลิฟต์ที่จอดอยู่ชั้น 1 ฮารุฮิก็กดปุ่มชั้น 7 แบบรัวยิก พื้นที่ข้างในลิฟต์ซึ่งบอกไม่ได้ว่ากว้างขวาง พอมีคนเข้าไป 4 คนก็แน่นไปถนัดตาขนาดได้ยินเสียงหายใจหอบแฮกของคุณอาซาฮินะอยู่แค่ข้างหู นอกนั้นก็เสียงการทำงานของลิฟต์ที่ไม่ดังนัก
ภายในกล่องบรรจุคนที่ขึ้นไปเอื่อยเฉื่อยเหมือนใช้แรงคน ฮารุฮิก็บิดริมฝีปากอยู่ตลอด นั่นไม่ได้หมายความว่าอารมณ์เสีย แต่เวลาสับสนที่ไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไงดียัยนี่ก็จะทำหน้าเหมือนคนโกรธเอาไว้ก่อน
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 7 ฮารุฮิที่เหมือนรอเวลานี้อยู่นานแสนนานก็เดินนำทัพออกไปอย่างรวดเร็วจนไหล่เกิดเสียงแหวกสายลม เมื่อถึงหน้าห้อง 708 ก็กดปุ่มเรียกถี่ยิบ
คนในห้องเปิดประตูให้ด้วยความรวดเร็วเหมือนรออยู่ข้างใน ประตูเหล็กเปิดออกช้าๆ แสงในห้องที่แลดูอบอุ่นสะท้อนเงาคนยื่นออกไปทางที่ใส่รองเท้า
?......?
ด้านในพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เกิดจากบานประตูเปิดออก สิ่งที่ปรากฏตรงนั้นคือภาพนางาโตะ ยูกิยืนอยู่ในชุดนอนที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่อย่างโดดเดี่ยว
?ลุกขึ้นมาอย่างนี้จะไม่เป็นไรเหรอ??
นางาโตะพยักหน้าให้กับคำถามของฮารุฮิด้วยแววตาเบลอๆ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบรองเท้าแตะให้เท่าจำนวนพวกเราจากในตู้ใส่
?ไม่ต้องหรอก?
แต่ก็โดนฮารุฮิที่ใช้แค่เท้าถอดรองเท้าห้ามไว้พร้อมกับโดนดันไหล่พาไปส่งห้องนอนอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่ผมกับคุณอาซาฮินะเท่านั้นที่เคยมาห้องของนางาโตะ แต่ทุกคนเคยมากันหลายครั้งแล้ว ข้อมูลตำแหน่งภายในห้องจึงถูกบันทึกไว้ในหัวของฮารุฮิด้วย แต่ผมไม่เคยย่างเท้าเข้าไปถึงห้องนอน อย่างมากก็แค่ห้องรับแขกกับห้องนอนแขกสไตล์ญี่ปุ่น แต่เวลานี้เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญหรอก
เป็นห้องนอนที่มีแค่เตียงนอนอย่างเดียวสมชื่อห้องจริงๆ แต่ก่อนที่ผมจะลิ้มรสความประทับใจที่ได้เข้ามารบกวนในพื้นที่อันไม่เคยเหยียบย่างมาก่อนก็ให้ความสนใจกับนางาโตะที่โดนฮารุฮิพาไปนอนเป็นอันดับแรก
?......?
ใบหน้าขาวผ่องที่จ้องเพดานยังคงไร้ซึ่งอารมณ์จนดูไม่เหมือนมีไข้ หากจะเล่นเกมจับผิดว่าตรงไหนต่างกับทุกทีก็มีแค่ผมกระเซิงเท่านั้น ถึงสายตาสังเกตการณ์ของผมจะบอกว่าเปลือกตาปิดลงกว่าปกติราว 2 มิลฯ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้ดูอึดอัดทรมานเท่าไหร่ ว่าแต่เป็นชุดนอนที่ไม่มีความเซ็กซี่เอาซะเลยน้า
ผมเริ่มใจเย็นขึ้นมาได้หน่อย แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองสูญเสียความเยือกเย็นไป
ฮารุฮิทาบมือลงบนหน้าผากของนางาโตะ
?ยูกิ กินข้าวยัง? ปวดหัวมั้ย??
หัวของนางาโตะส่ายไปซ้ายขวาเล็กน้อยขณะอยู่บนหมอน
?ไม่กินไม่ได้นะ เธออยู่คนเดียวด้วย กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ อืม?
เอามือที่ว่างอยู่แปะบนหน้าผากตัวเอง
?มีไข้เล็กน้อยนะ มีหมอนน้ำแข็งมั้ย??
คำตอบของนางาโตะเป็นการทำกิริยาปฏิเสธ
?เอาเถอะ ไว้จะซื้อแผ่นความเย็นมาให้ แต่ตอนนี้ข้าวต้องมาก่อนนะ ยูกิ ขอยืมใช้ของในตู้เย็นกับห้องครัวหน่อย?
ฮารุฮิไม่รอนางาโตะให้อนุญาต เมื่อลุกขึ้นก็ออกเดินไปพร้อมกับจับมือคุณอาซาฮินะลากไปด้วย
?จะทำข้าวต้มสูตรพิเศษของฉันให้กินนะ หรือจะเอาอุด้งหม้อไฟสเปเชียลดี? แต่จะอย่างไหน กินแล้วรับรองหายหวัดทันทีแน่ มิคุรุจัง มาช่วยหน่อย?
?คะ......ค่ะ?
คุณอาซาฮินะที่มองนางาโตะอย่างเป็นห่วงหอบรองเท้าแตะไว้หลายคู่เหมือนคนลนลานทำอะไรไม่ถูกแต่ก็พยักหน้าหลายทีพร้อมกับตามฮารุฮิไป แต่ก่อนฮารุฮิจะออกจากห้องก็บอกกับผมและโคอิซึมิที่ยืนนิ่งเหมือนคนบื้อว่า
?ทั้งสองคนออกไปจากห้องนอนซะ ที่นอนของผู้หญิงไม่ใช่ว่าจะให้ผู้ชายดูหรอกได้นะ?
?ถ้าอย่างนั้น? โคอิซึมิพูด ?ผมขออาสาไปซื้อของเองครับ เอาแผ่นความเย็นกับยาแก้หวัดสินะครับ?
?เดี๋ยวก่อน ต้องทำข้าวเย็นด้วย เพราะงั้นตรวจดูของในตู้เย็นก่อน มีต้นหอมรึเปล่านะ ต้นหอม อื้ม จะจดของที่ต้องซื้อให้ มาด้วยกันสิ โคอิซึมิคุง?
?ทราบแล้วครับ?
ตอนกำลังจะออกไปโคอิซึมิตบบ่าผมและส่งสัญญาณทางสายตาแปลกๆ ให้ก่อนค่อยออกไป
ตอนนี้ที่นี่เหลือแค่ผมที่ยืนเฉยอย่างไม่มีอะไรทำกับนางาโตะที่นอนแหงนหน้าอยู่บนเตียงอย่างเรียบร้อย
ผมได้ยินเสียงฮารุฮิออกคำสั่งกับคุณอาซาฮินะและโคอิซึมิดังมาจากห้องครัวไม่หยุด ?มีแต่อาหารกระป๋องทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรอ อย่างนี้สารอาหารก็ไม่พอสิ ถ้าไม่กินผักอร่อยๆ เยอะๆ ร่างกายก็จะไม่แข็งแรงนะ มิคุรุจังซาวข้าวแล้วเอาใส่หม้อหุง จากนั้นเตรียมหม้อดินตรงนั้น แล้วก็โคอิซึมิคุงไปซื้อไข่กับผักขม ต้นหอมยาวแล้วก็......?
เวลาอย่างนี้ล่ะที่ฮารุฮิมีประโยชน์จริงๆ ถึงจะอ้างว่าเป็นหน้าที่ผู้นำ แต่ถ้าเป็นงานที่ไม่เกี่ยวกับกองกำลัง SOS ก็เยี่ยมยอดชั้นหนึ่งเลยทีเดียว อย่างฝีมือทำอาหารของยัยนั่นลิ้นของผมก็รู้ดีเลย
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวสนใจเสียงที่อยู่ห่างไกล
ก่อนอื่นต้องถาม
?นางาโตะ?
?......?
?อาการเป็นไงบ้าง ใช่อย่างที่ฉันเห็น อย่างที่ฉันรู้สึกรึเปล่า??
?......?
?เสียงไม่มีเรอะ??
?มี?
นางาโตะจ้องเพดานต่อไปอย่างเหม่อลอย แต่แล้วก็ค่อยๆ ลุกท่อนบนขึ้นพร้อมกับผ้าห่ม หากเป็นตุ๊กตาล้มลุกก็รู้สึกว่าอีกเดี๋ยวคงส่ายไปมาแน่ ความไร้จิตวิญญาณนั้นราวกับสัปเหร่อจริงๆ
?ที่เธอกลายเป็นแบบนั้นเป็นเพราะคุโยอะไรนั่นเรอะ?
?บอกได้ไม่เต็มปากว่าใช่อย่างนั้น?
ตาของนางาโตะที่ราวกับเขี้ยวหนุมานขัดเงาวับจ้องผมเงียบๆ
?แต่ก็สามารถบอกได้ว่าใช่อย่างนั้น?
?ไม่ใช่ว่าคนที่ชื่อคุโยทำจริงๆ หรอกเรอะ? ก็ เอ่อ????
เหตุการณ์เมื่อฤดูหนาว ตอนที่นางาโตะล้มป่วยในคฤหาสน์มายา มันมีที่มายังไง? หลังจากหลงทางในภูเขาท่ามกลางพายุหิมะหลายชั่วโมงในที่สุดก็พบแสงไฟของที่พักอาศัย แต่กลับกลายเป็นว่าที่นั่นดันเป็นคฤหาสน์ที่หนีออกไปไม่ได้ นางาโตะก็สูญเสียความเยือกเย็นที่มีอยู่เป็นนิจ ไอ้นั่นเป็นเพราะ......
?ภาระ?
นางาโตะบ่นเหมือนกระซิบ เลื่อนสายตาเหม่อลอยลงไปที่ผ้าห่ม
นี่ยัยนี่ตัวเล็กขนาดนี้เลยเรอะ ทั้งที่ไม่เห็นแค่วันเดียวเองแต่กลับรู้สึกว่าซูบลงไปมาก
คำชี้แนะของเทพเจ้าแล่นผ่านสมอง ผมนึกขึ้นได้ทันที
?ตั้งแต่เมื่อไหร่?
พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
?เธอเริ่มต้องนอนเพราะป่วยไข้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
?คืนวันเสาร์?
วันที่เดินสำรวจหาสิ่งลี้ลับครั้งที่ 1 ประจำปีการศึกษาใหม่นั่นเอง นางาโตะในวันนั้นยังคงปกติดีแน่
คงไม่ใช่ว่าเริ่มเป็นช่วงฉันรับโทรศัพท์จากซาซากิตอนอาบน้ำหรอกนะ
?......?
นางาโตะไม่ตอบ เพียงแค่มองบริเวณหน้าอกผมด้วยสายตาเหม่อลอยเหมือนทรายเหลือง
มาคิดดูมันก็ช่างแปลกจริง วันอาทิตย์เมื่อวานผมโดนซาซากิเรียกไปนั่งโต๊ะสนทนาร่วมกับทาจิบานะ เคียวโกะ สุโอ คุโย ฟุจิวาระแต่ที่นั่นกลับมีผู้แทรกแซงปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิด
คุณคิมิโดริ เอมิริ รุ่นพี่ที่อายุมากกว่าพวกเราหนึ่งปีและเป็นตัวกลางสื่อสารในร่างมนุษย์ของหน่วยรวมข้อมูลที่มีความคิดที่แตกต่างจากนางาโตะกับอาซากุระ ที่ผ่านมาฮิวมานอยด์มีชีวิตนางนั้นก็หลบอยู่แต่ในเงาของนางาโตะกับประธานนักเรียน ไม่ออกมาปรากฏตัวเบื้องหน้า แต่กลับมีแค่เฉพาะวันนั้นที่ทำงานพิเศษในร้านกาแฟ มันไม่มีทางมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นไปได้ คุณคิมิโดริจะต้องรับหน้าที่จับตาดูคุโยอยู่แน่ เพื่ออะไร? ก็เพื่อที่คุโยจะได้ไม่ใช้ลูกเล่นแห่งจักรวาลทำอะไรผมได้สินะ แต่ความจริงนั่นน่าจะเป็นหน้าที่ของนางาโตะแน่ และนางาโตะก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น
ความโกรธพวยพุ่งขึ้นมาทันที อยากจะซัดหมัดสวนครอสเคาท์เตอร์ใส่หน้าผากตัวเองจังๆ ไปเลย
เรานี่มันไอ้ทึ่มชัดๆ หัดรู้ซะตั้งแต่ตอนนั้นสิ
เพราะนางาโตะขยับตัวไม่ไหวคุณคิมิโดริเลยออกมาเอง แถมอาซากุระ เรียวโกะแบ็คอัพของนางาโตะก็ไม่อยู่แล้ว ก็เท่ากับว่าที่เหลืออยู่รอบตัวพวกเรามีแค่คุณคิมิโดริที่มาจากต่างกลุ่มเท่านั้นไม่ใช่เรอะ เพราะงั้นคุณคิมิโดริถึงได้อยู่ที่ร้านกาแฟและถึงขนาดปลอมตัวเป็นสาวเสิร์ฟเพื่อที่จะอยู่ได้ไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป
แววตาของนางาโตะมัวจัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขุ่นหมองเหมือนเหรียญโบราณที่ขุดขึ้นจากชั้นของดินเก่าแก่ ราวกับขาดความสดใส ความแวววาวของดวงตาสีดำที่เหมือนดินสอเพิ่งเหลาเสร็จนั้นได้หายไปแล้ว
ในห้องนอนที่ไม่มีแอร์นี้อุณหภูมิแทบจะเรียกว่าอบอุ่นปกติ แต่ผมกลับหนาว ที่หนาวไม่ใช่กายแต่เป็นใจที่รู้สึกหนาว
?ต้องทำยังไงถึงจะรักษาเธอได้?
นี่ไม่ใช่อาการธรรมดาที่ยาแก้หวัดที่ซื้อตามท้องตลาดหรืออาหารสูตรพิเศษของฮารุฮิจะช่วยรักษาได้ พูดอีกอย่างก็คือไวรัสอวกาศ คนที่จะผสมวัคซีนแบบนั้นหรือยาสูตรพิเศษที่รักษาได้มีแค่นางาโตะ แต่คนที่ป่วยอยู่กลับเป็นนางาโตะ ยูกิซะเอง
?......?
ปากที่ซีดจางปิดลงได้หลายสิบวินาทีกระทั่งในที่สุดนางาโตะก็ขยับริมฝีปาก
?การฟื้นสภาพของฉันไม่อาจกำหนดได้ด้วยเจตนารมณ์ของฉันเอง หน่วยรวมข้อมูลที่มีความคิดจะเป็นผู้ตัดสินใจ?
ไอ้ลูกพี่งี่เง่าของเธอน่ะเรอะ ให้มันออกมาตรงหน้าฉันสักครั้งซะ อย่างนี้มันต้องพูดกันให้รู้ดำรู้แดงแล้ว
?เป็นไปไม่ได้ หน่วยรวมข้อมูลที่มีความคิด?
เปลือกตาของนางาโตะปิดลงไปอีกราว 1 มิลฯ
?ไม่สามารถติดต่อกับสิ่งมีชีวิตมีร่างโดยตรงได้......ถึงได้สร้างฉันขึ้นมา......?
หัวที่กระเซิงวูบลงกลับไปตกลงหมอนอีกครั้ง
?เฮ้?
?ไม่เป็นไร?
ยิ่งทำให้มั่นใจขึ้นไปอีก นี่ไม่ใช่ไข้ธรรมดา สิ่งที่รุมเร้านางาโตะอยู่ ต่อให้หมอชื่อดังจัดชุดดรีมทีมมาก็ยังวินิจฉัยไม่ได้
มันคือการโจมตีทางข้อมูลจากความน่าสะพรึงกลัวแห่งจักรวาลที่มีนามว่าอาณาเขตแห่งนภา การสร้างภาระให้กับนางาโตะก็คือการปิดผนึกพลังแห่งจักรวาลอเนกประสงค์
?ถ้าคุยกับคุโยจะช่วยอะไรได้มั้ย?
ผมคิดไม่ออกนอกจากวิธีนี้ หากนางาโตะเป็นตัวแทนของหน่วยรวมข้อมูลที่มีความคิด คุโยก็ต้องเป็นเอเยนต์ของอาณาเขตแห่งนภา ถึงจะพูดคุยสื่อสารไม่ได้ขนาดนางาโตะแต่ซาซากิกับพวกทาจิบานะ เคียวโกะก็บอกแล้วว่าคุยกันรู้เรื่องได้ ถึงจะพูดไม่เป็นเรื่องเป็นราวแต่ยัยนั่นก็พูดญี่ปุ่น ถ้างั้นคำพูดของฉันก็น่าจะทำให้เข้าใจได้
?คำพูด......?
นางาโตะปล่อยคำพูดออกมาอย่างอ่อนแอราวกับปล่อยลมหายใจรวยริน
?คำพูดเป็นสิ่งที่ยาก ฉันในเวลานี้ไม่เหมาะกับการพูดโต้ตอบระหว่างตัวกลางสื่อสารในร่างมนุษย์ ความสามารถสื่อสารเชิงคำพูดของฉันบกพร่อง?
อันนั้นรู้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่การไม่พูดของเธอ ตอนนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้วนะ ไม่ว่าจะสำหรับฉันหรือฮารุฮิก็ตาม
?ฉัน......?
แต่นางาโตะกลับตอบอย่างไร้อารมณ์เหมือนกัดของล่องหนบางอย่างที่รสชาติขมและฝาด
?หากตัวตนอย่างฉันได้รับความสามารถในการเข้าสังคม?
ใบหน้าขาวผ่องนั้น ไม่ว่าจะเอาตรงไหนออกก็มีแต่เพียงความว่างเปล่าที่เกือบจะไม่มีที่สิ้นสุด
?ความเป็นไปได้ที่จะมีความสามารถแบบอาซากุระ เรียวโกะก็จะไม่เป็นศูนย์ แต่ฉันไม่ได้ถูกสร้างมาอย่างนั้น ฉันไม่อาจขัดขืนดัชนีที่ถูกกำหนดไว้ได้ จนกว่าจะหยุดการทำงาน......ก็ต้องเป็นแบบนี้......ต่อไป......?
ดวงตาทั้งคู่ของนางาโตะที่ปิดลงไปราว 3 มิลฯ จ้องมองเพดานจืดชืด
ผมสูญเสียคำที่จะพูดออกไป
ถ้านางาโตะสลับจุดยืนและเนื้อในกับอาซากุระ ผลจะเป็นยังไง หัวหน้าห้องที่รักการอ่าน เงียบขรึม ไม่ชอบสุงสิงกับใคร กับสมาชิกชมรมวรรณกรรมเพียงคนเดียวที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีอัธยาศัย
มันไม่เข้ากันอย่างแรง ไม่สิ เอาจริงๆ คือนึกภาพไม่ออก ผมไม่ได้ถูกนางาโตะเอามีดแทงและไม่ได้ถูกอาซากุระช่วยจากสถานการณ์นั้น ไม่ว่ายังไงผมก็เชื่อมั่นอย่างไม่คลางแคลงสงสัยว่าดีแล้วที่ทางโน้นคืออาซากุระ และที่อยู่ตรงนี้คือนางาโตะ โทษทีนะ อาซากุระ เธอไม่ต้องกลับมาจากแคนาดาแล้วก็ได้ ฉันมีแค่นางาโตะก็เกินพอ ขอแค่มีนางาโตะกับฮารุฮิและคุณอาซาฮินะ สามคนนี้ ถุงความสุขของฉันก็พองโตจนแทบปริแตกแล้ว
?บอกที นางาโตะ?
ผมก้มลงเอาปากเข้าไปใกล้หน้าของนางาโตะที่ผมหน้ากระเซิง
?ฉันควรทำไงดี ไม่สิ ฉันต้องทำไงถึงจะช่วยเธอกลับเป็นอย่างเดิมได้?
?......?
คำตอบไม่ออกมาสักที
นางาโตะใช้เวลามองผมอยู่สักพักจนในที่สุดคำพูดก็ออกมาเพียงสั้นๆ
?ไม่มี?
?ไม่มีเรอะ นี่เธอ......?
ในขณะที่ผมโน้มตัวค้างอยู่
?นี่! เคียวน์ จะทำอะไรยูกิน่ะ!?
ฮารุฮิที่สวมผ้ากันเปื้อนทับชุดปกกะลาสียืนจังก้าถือทัพพี ดวงตารูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วกำลังเปล่งรัศมีความโกรธ
?รีบมาช่วยกันได้แล้ว นี่โคอิซึมิคุงออกไปซื้อของข้างนอกแล้วนะ นายก็หัดทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง นายเป็นคนที่ต้องทำงานให้หนักที่สุดด้วย เพราะนายเป็นเจ้าหน้าที่จิปาถะของพวกเรา พวกงานใช้แรงงานก็ต้องเป็นหน้าที่ของนายใช่มั้ย งานเตรียมจาน ล้างตะเกียบแล้วก็อีกหลายแหล่กำลังรอนายอยู่นะ! เอ้า รีบมาได้แล้ว?
ผมโดนฮารุฮิคว้าหลังคอเสื้อไปและถูกลากไปทั้งอย่างนั้นจนถึงห้องครัวเหมือนกระสอบทรายที่ใช้ตอนเกิดอุทกภัย
ก็ได้ ไม่ว่าอะไรฉันก็จะช่วย ขอแค่ช่วยนางาโตะหายดีได้ ต่อให้เป็นอาหารอะไรก็จะทำให้ นั่นสินะ หากจะมีความเป็นไปได้มันก็คือที่นี่ ตอนนี้ หากเอาอาหารบำรุงร่างกายที่มีสารอาหารครบถ้วนไปให้ ต่อให้เป็นไวรัสจากนอกโลกก็อาจหน้าซีดเปิดหนีกันแทบไม่ทันก็ได้ แต่หวังว่ารสชาติคงไม่แย่ขนาดนั้นนะ
แต่ต่อให้ผมกลั้นน้ำตาที่เกือบไหลพรากเพราะความซาบซึ้งในรสชาติอาหารที่ฮารุฮิทำขึ้นได้แต่ลิ้นก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ มันคือความจริง ขอโทษ มารดาที่เลี้ยงดูข้าพเจ้ามา อาหารที่ฮารุฮิทำอร่อยกว่าข้าวเย็นที่ท่านทำจริงๆ
ผมนึกภาพตอนยัยนี่เลี้ยงลูกไม่ออกก็จริง แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่าลูกน้อยที่เติบโตมาด้วยมือฮารุฮิจะต้องไม่มีปัญหาเกี่ยวกับประสาทรับรู้รสชาติแน่
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปราการด่านสุดท้ายของกองกำลัง SOS หญิงสาวที่มอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้ขนาดนั้น ตัวตนที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการทำให้สภาพจิตใจของผมคงที่ เธอคือนางาโตะ ยูกิ แต่เวลานี้เธอกลับล้มป่วยเรอะ? ดูเหมือนว่าต้นเหตุจะมาจากหญิงสาวที่เป็นมนุษย์ต่างดาวคนละพวกกัน แต่ทั้งที่ยัยนั่นปรากฏตัวตรงหน้า ผมกลับได้แต่แข็งทื่อขนาดจะหุบปากที่อ้าค้างก็ยังไม่ได้ สงสัยยัยนี่กับพวกกองกำลัง SOS ปลอมจะถูกลิขิตให้มาเป็นศัตรูกับผม ก็เอาสิ ความโกรธเกรี้ยวโกรธาของผมอย่าว่าแต่เหนือฟ้าเลย มันทะลุไปถึงวงโคจรดวงจันทร์ตั้งนานแล้วนะ? เรื่องราวของซีรี่ส์ยอดนิยมเล่ม 10 ที่ทุกท่านรอคอย!
