ทำไมฉันถึงต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ด้วยนะ ตึกเรียนเก่าๆ เพื่อนนักเรียนงี่เง่า ชีวิตมัธยมต้นช่างเป็นสีเทาหม่นเสียยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ทั้งนั้น ไม่มีอะไรสนุกสักอย่างเดียว
ฉันอยากจะเป็นนักเรียนมัธยมปลายเร็วๆ ถ้าหากสอบเข้าได้ ฉันจะได้ไม่ต้องอยู่กับพวกงี่เง่านี้อีกต่อไป ชีวิตมัธยมปลายคงจะแตกต่างจากมัธยมต้นแน่ๆ
ฉันคงจะได้แต่งตัวเยอะๆ ได้เที่ยวสนุกกับเพื่อนที่มีมันสมองระดับเดียวกัน ได้พบเจอคนดีๆ แล้วในที่สุดทุกๆ วันของฉันก็จะเปล่งประกายระยิบระยับเหมือนอยู่ในความฝัน
?บางที ความรักอาจจะเริ่มต้นขึ้นก็ได้....?
ตอนที่ 1 โหมโรงก่อนเรื่องราวของความรัก
It is enough if that love is born has the hope of mere a few.
เมื่อความรักจะบังเกิด....
ซึบากิแอบกางหนังสือรวมข้อสอบระดับที่มีระดับความยากมากไว้ในตำราเรียน แล้วแอบแปลประโยคที่อยู่ในนั้น
ในขณะที่บนกระดานดำเขียนตัวอย่างประโยคในตำราเรียนว่า I have a headache today ซึ่งอยู่ในระดับที่ง่ายมาก
หมายถึงฉันสินะ ซึบากิคิดเมื่อเงยหน้าขึ้นเหลือบมองกระดานดำ
เวลาอยู่ที่โรงเรียน ซึบากิมักจะรู้สึกปวดหัว เหตุผลก็คือสภาพของห้องเรียนนี้ แม้จะอยู่ในชั่วโมงเรียน แต่ก็มีคนพูดคุยกัน บางคนก็เขียนจดหมาย บางคนก็นอนหลับบ้าง หรือแม้แต่แอบกินขนมช่วงที่อาจารย์หันไปทางกระดานดำก็มี
มีแต่พวกที่ไร้เป้าหมายในชีวิต ช่างเป็นสภาพที่ย่ำแย่จริงๆ
เมื่อซึบากิลืมตัวถอนหายใจออกมา ก็สบตาเข้ากับอาจารย์พอดี
?ฮิบิโนะ แปลสิ?
?ค่ะ เอ่อ... เมื่อความรักจะบังเกิด ขอเพียงมีความหวังสักนิดก็เพียงพอแล้ว?
?หา?? อาจารย์ขมวดคิ้ว
แล้วกัน ...ซึบากิเพิ่งรู้ตัวว่าแปลประโยคที่อยู่ในหนังสือรวมข้อสอบไป
?พูดถึงความรักซะด้วยแฮะ!?
เด็กผู้ชายที่เป็นหัวโจกของห้องแซวพร้อมกับปรบมือ เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กคนอื่นๆ ในห้องก็เริ่มหัวเราะ
?ฮิบิโนะ ซึบากิ มีความรัก?
ซึบากิรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องก้มหน้า กัดริมฝีปาก
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังนอนหลับอยู่แท้ๆ แล้วทำไมถึงได้ยินเรื่องที่ฉันพูดเมื่อกี้ด้วย ทำไมเวลาที่ได้หัวเราะเยาะคนอื่นถึงได้ทำท่าคึกคักขึ้นมานะ
?ฮิบิโนะ เวลาอยู่ในชั่วโมงเรียนมีสมาธิกับเนื้อหาที่เรียนด้วยสิ?
(ทำไมอาจารย์ถึงดุแต่ฉันคนเดียวล่ะ?)
ทีพวกลิงทโมนในห้องส่งเสียงอึกทึกทำไมถึงไม่ว่าบ้าง?
คนอื่นๆ ในห้องตอบว่า ?วันนี้ฉันปวดหัว? ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้อง โดยบางคนก็ไม่ลืมที่จะแอบดันลูกอมเข้าไปเก็บไว้ในกระพุ้งแก้ม ทำตัวเป็นเด็กดี ก่อนที่จะตอบ
เมื่อชั่วโมงเรียนสิ้นสุดลง ซึบากิก็รีบลุกขึ้น เพราะไม่อยากอยู่ในห้องเรียนที่เป็นแบบนี้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว
โชคดีที่อาทิตย์นี้ซึบากิไม่ได้เป็นเวรทำความสะอาด จึงสามารถออกไปได้ทันที แต่ว่าตอนที่หยิบกระเป๋าซึ่งอัดแน่นไปด้วยตำราเรียนและคู่มือวิชาต่างๆ นั้น ก็มีนักเรียนหญิงสามคนมาล้อมเอาไว้ นักเรียนหญิงเหล่านั้นนุ่งกระโปรงสั้น กันคิ้วเรียวบาง แต่งหน้าทาปากหนาเตอะ และจงใจเขียนชื่อที่รองเท้าแตะสำหรับใส่ในตึกด้วยตัวอักษรฮิรางานะ1
?ฮิบิโนะ วันนี้ว่างหรือเปล่า? ว่างใช่ไหมล่ะ??
?ฉันไม่ว่าง?
?เอ แฟนไม่มี เพื่อนก็ไม่มี น่าจะว่างไม่ใช่เหรอ? เธอจะไปทำอะไรล่ะ??
?สิ่งสำคัญของการเป็นนักเรียนก็คือการศึกษาไงล่ะ?
นักเรียนหญิงทั้งสามคนมองหน้ากันแล้วระเบิดหัวเราะออกมา ทั้งสาม ?รับ-ส่งมุก? กันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ในขณะที่ซึบากิไม่รู้สึกขำด้วยเลย
เมื่อซึบากิจะผ่านวงล้อมนั้น ก็ถูกสามสาวขวางทางเอาไว้
?พวกเราเป็นเวรทำความสะอาด แต่ว่าเดี๋ยวเราจะต้องไปเที่ยวกัน?
?เรานัดกับนักเรียนโรงเรียนอื่นไว้แล้ว ทางนั้นเมลมาเร่งแล้วด้วย?
ว่าแล้วก็เปิดโทรศัพท์มือถือที่ตกแต่งหวือหวา โชว์เมลที่เป็นตัวหนังสือกะพริบๆ ให้ดู ตัวหนังสือนั้นเดี๋ยวเล็กเดี๋ยวใหญ่ และใช้คำแปลกๆ อย่างเช่น ใช้คำว่า ?ฉัน? เป็นคำว่า ?ชั้น? เหมือนคนอ่านเขียนหนังสือไม่แตกฉาน แต่ความจริงแล้วเป็นวิธีเขียนแบบที่เป็นแฟชั่น
?เนอะ? เพราะฉะนั้น ช่วยทำความสะอาดแทนเราหน่อยนะ??
?ไม่ได้หรอก?
ซึบากิปฏิเสธชัดถ้อยชัดคำ จนทำให้สามสาวหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที
?ฮิบิโนะ เธอนี่น่ารำคาญจริงๆ เลยนะ?
หนึ่งในนั้นตำหนิซึบากิทันควันด้วยคำพูดที่ใช้บ่อยพอๆ กับคำว่า ?รับมุก?
พวกคนอื่นๆ ในห้องแค่เหลือบมอง แล้วทยอยเดินออกจากห้องเรียนไปอย่างไม่สนใจ เพราะซึบากิไม่มีเพื่อนอยู่ที่นี่ จึงไม่มีใครช่วย ไม่มีใครอยากจะหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเพื่อซึบากิที่ไม่ใช่เพื่อน
ซึบากิกัดฟัน จ้องสามสาวเขม็ง
?ฉันทำเวรแทนไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นพวกเธอหลีกทางไปซะ?
?ว่าไงนะ ทั้งที่พวกเราอุตส่าห์ขอร้องขนาดนี้แล้วนะ?
?นี่ไม่ใช่การขอร้องหรอก แล้วยิ่งกว่านั้น ฉันก็ต้องไปเรียนพิเศษต่อด้วย?
?เรียนพิเศษ? พวกสาวๆ ยิ้มหยันที่มุมปากซึ่งทาลิปกลอสเอาไว้
?อี๋ เด็กเรียน?
?รับมุก?, ?น่ารำคาญ?, ?อี๋? นี่เป็นคำศัพท์ทั้งหมดของสาวๆ กลุ่มนี้ นอกนั้นก็อาจจะมีคำว่า ?แย่? หรือคำว่า ?ให้ตายเถอะ? อยู่ด้วย
เมื่อเห็นสามสาวทำท่าจะพูดอะไรอีก ซึบากิก็เงื้อพจนานุกรมเล่มหนาขึ้น
?ถ้าไม่หลีกทางให้ ฉันจะใช้หนังสือนี่ตีพวกเธอ?
มุมหนังสือหนาๆ อย่างพจนานุกรม ถ้าหากโดนเข้าคงจะเจ็บไม่น้อย ประกอบกับน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเอาจริงของซึบากิ ทำให้สามสาวแตกกระเจิง แต่ก็ยังไม่วายทิ้งท้ายว่า ?เธอนี่นอกจากจะเชยแล้วยังเป็นผู้หญิงที่ชอบใช้ความรุนแรงอีกนะเนี่ย!?
ซึบากิทำเป็นไม่ได้ยินแล้วออกจากห้องไป
(ถือคติ ปิดตา ปิดหู ปิดปาก)
ซึบากินึกถึงลิงสามตัวที่ศาลเจ้านิกโกโทโช ซึ่งเคยไปเห็นมาตอนที่ไปทัศนศึกษาสมัยประถม เมื่อไปหาข้อมูลดูภายหลังก็พบว่า หมายถึงการ ?ไม่มอง ไม่ฟัง ไม่พูดในสิ่งที่ไม่ดี? อันเป็นคำพูดที่รู้จักกันทั่วโลกในฐานะที่เป็นเคล็ดลับแห่งความฉลาด
แม้แต่สมัยที่ยังเป็นเด็กประถมก็ถึงกับพึมพำว่า ?ลึกซึ้ง? มาแล้ว แต่มาตอนนี้ซึบากิยิ่งรู้สึกเข้าใจถึงความหมายที่สำคัญของคำสอนนี้มากขึ้น นี่เป็นคติที่ต้องท่องให้ขึ้นใจเวลาที่ต้องอยู่กับพวกคนพาล การพยายามที่จะไม่เกี่ยวข้องกับพวกที่อยู่ในระดับต่ำเช่นนั้นให้ได้มากที่สุดน่าจะเป็นการดีกว่า
ซึบากิรู้สึกชิงชัง รังเกียจ จนไม่อยากแม้แต่จะสูดอากาศในที่เดียวกัน
เมื่อเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ ซึบากิก็พันผ้าพันคอแล้วเดินออกมาหน้าประตูโรงเรียน สูดลมหายใจลึกๆ แม้อากาศภายนอกจะเย็น แต่ซึบากิรู้สึกว่ามันสะอาดกว่า จึงทำเหมือนพยายามจะฟอกอากาศสกปรกที่อัดอยู่ภายในปอดให้หมดไป
ซึบากิเดินเรื่อยมาตามทางที่มีต้นไม้ปลูกอยู่ เปียสองข้างซึ่งยาวจนถึงใต้อก กวัดแกว่งไปมา ยิ่งเดินออกห่างจากโรงเรียนเท่าไร ซึบากิก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเบาขึ้นเรื่อยๆ
เสียงเพลงคริสต์มาสที่ออกจะเร็วกว่าเวลาสักนิดดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง ร้านเค้กแปะป้ายประกาศรับจองเค้กคริสต์มาสกันแล้ว สิ่งที่ดูสะดุดตาในร้านดอกไม้ก็คือต้นคริสต์มาสและต้นคริสต์มาสโรสที่เรียงรายกันอยู่
(คริสต์มาสเหรอ)
คริสต์มาสทุกปี ซึบากิจะทำเค้กกับแม่ ไม่ว่าจะเป็นบุช เดอ โนแอล2 หรือฟรอมมาจ ครู3 ที่หน้าตาดูดีสูสีกับของที่ขายตามร้าน อีกทั้งรสชาติก็ยังอร่อยอีกด้วย
แต่ซึบากิไม่แน่ใจว่าปีนี้แม่จะทำคนเดียวหรือจะซื้อเอา เพราะปีนี้ซึบากิเป็นนักเรียนเตรียมสอบนั่นเอง
?ฉันไม่ปรารถนาสิ่งใด นอกเหนือจากชัยชนะ!?
ซึบากิบอกกับตัวเองเบาๆ ด้วยคำพูดที่เป็นรหัสผ่านซึ่งใช้กันในช่วงสงครามแปซิฟิก ใช่แล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงสงคราม ท่ามกลางสงครามที่กำลังคุกรุ่น สงครามที่เรียกว่าสงครามแห่งการสอบเข้า
ซึบากิหยิบหนังสือคู่มือที่แปะกระดาษโน้ตอยู่เต็มไปหมดออกมาจากกระเป๋าที่หนักอึ้ง แม้แต่ในช่วงเวลาเดินทาง ซึบากิก็ไม่อาจปล่อยให้มันสูญเปล่าไปได้
ซึบากิเดินพลางอ่านหนังสือไปพลาง และสวนทางกับคู่รักที่น่าจะเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ซึ่งไปหยุดอยู่หน้าร้านเค้กเมื่อครู่นี้พลางพูดคุยวางแผนคริสต์มาสกันอย่างสนุกสนาน
ซึบากิเหลียวกลับไปเล็กน้อย มองดูคู่รักคู่นั้นพลางใช้หนังสือคู่มือบังใบหน้าเอาไว้
ซึบากิรู้สึกว่าคู่รักคู่นั้นดูเป็นผู้ใหญ่ที่ทำในสิ่งที่ปกติทั่วไป ไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขาทำอะไรแก่แดดเกินตัวเหมือนอย่างเพื่อนๆ ในห้อง ฝ่ายหญิงพูดล้อเล่นอะไรสักอย่าง ทำให้ฝ่ายชายทำหน้าสลดยิ้มแหยๆ ดูท่าทางจะเป็นคู่ที่สนิทสนมกันมาก
คริสต์มาสที่ได้ใช้เวลากับคนที่รัก ไม่ใช่ครอบครัว คิดแล้วซึบากิก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อย ซึบากิสงสัยว่าถ้าตัวเองเป็นนักเรียนมัธยมปลายแล้ว จะได้ทำแบบนั้นบ้างไหมนะ ซึบากิมาถึงโรงเรียนกวดวิชาและเปิดประตูห้องเรียนเข้าไป ห้องเรียนที่ติดเครื่องทำความร้อนยังดูใหม่และสะอาดสะอ้าน เพราะเป็นห้องเรียนที่จำกัดจำนวนคน ภายในห้องจึงมีโต๊ะเรียงอยู่แค่ 4 คู่ นักเรียน 8 คนที่นั่งคู่กันมักจะนั่งที่ประจำเสมอ คนที่มาถึงก่อนและกำลังอ่านหนังสืออยู่ก็มีเช่นกัน แต่เพราะยังไม่เริ่มชั่วโมงเรียน บรรยากาศจึงสงบเงียบ
?ซึบากิ?
คนที่โบกมือเรียกซึบากิก็คือ เอนโด นานาโฮะ เพื่อนของซึบากินั่นเอง นานาโฮะอยู่ในชุดไปรเวทนุ่งกางเกงขาสั้นกับเสื้อกั๊ก ต่างจากซึบากิที่ใส่ชุดนักเรียนแบบกะลาสี เวลาโบกมือ ผมสั้นๆ ของนานาโฮะก็ดูเป็นเงาสะท้อนแสงไฟฟลูออเรสเซนต์
?สวัสดี?
เมื่อซึบากิกล่าวทักพลางวางสัมภาระลงบนโต๊ะที่อยู่หน้านานาโฮะ นานาโฮะก็ทำท่าเท้าคางยิ้มเจื่อนๆ
?เขาไม่ค่อยใช้คำว่า ?สวัสดี? กับเพื่อนกันหรอกนะ ซึบากินี่เชยจังเลย?
?เอ๊ะ เหรอ? ก็มันเป็นคำกล่าวทักทายที่ถูกต้องตามธรรมเนียมของญี่ปุ่นนี่นา?
?เอาล่ะๆ นั่นสินะ ว่าแต่ ซึบากิทำการบ้านมาหรือยังล่ะ? ฉันไม่ค่อยมั่นใจเลย?
นานาโฮะหยิบหนังสือรวมข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์มากางออก ซึบากิเข้ามานั่งที่ ส่วนโต๊ะข้างๆ นานาโฮะมีผ้าพันคอกับกระเป๋านักเรียนสีกรมท่าที่ต่างจากโรงเรียนของซึบากิวางกองอยู่บนเก้าอี้
?แล้วนิชินะคุงล่ะ??
นานาโฮะร้องอ๋อ เหลือบมองไปทางที่นั่งข้างๆ แล้วทำจมูกย่น
?เขาบอกว่ายังมีเวลา เลยขอลงไปร้านหนังสือที่อยู่ข้างล่างก่อน เดี๋ยวค่อยขึ้นมา เห็นว่าอยากจะได้นิยายเรื่อง ?อะไรสักอย่าง? เป็นนิยายที่มีเนื้อหาออกแนวเสียดสีน่ะ?
?เอนโดซัง พูดแบบนั้น แต่ว่าตัวเองก็มีเวลาจะถ่ายรูปไม่ใช่เหรอ??
น้ำเสียงกลั้วหัวเราะของผู้ชายดังขึ้น เมื่อซึบากิและนานาโฮะเงยหน้าขึ้น นิชินะซึ่งเพิ่งกลับมาก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
นิชินะมีจมูกโด่งเป็นสัน สวมแว่น และตัดผมสั้นที่ทำให้ดูอ่อนเยาว์ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงแววฉลาดเฉลียว ทรงผมนั้นเรียบง่าย ไม่มีการใช้แว็กซ์หรือน้ำยาแต่งผมใดๆ แต่ถึงกระนั้นหน้าตาสไตล์ญี่ปุ่นของเขาก็ชวนมองอยู่แล้ว
ซึบากิรู้สึกว่านิชินะดูดีกว่าเพื่อนผู้ชายในห้องที่เซ็ตทรงผม แต่ในสมองนั้นกลับว่างเปล่า
(แต่ถ้านิชินะคุงแต่งผมอีกนิด......)
ซึบากิจินตนาการภาพเขาเปลี่ยนแสกผมด้านหน้า อืม น่าจะดูดียิ่งกว่าตอนนี้ซะอีก ถ้าเปลี่ยนเป็นเสยขึ้นนิดหน่อยก็น่าจะดีนะ
นิชินะดูท่าทางเป็นคนจริงจังมาก แต่เวลาเขายิ้มก็ดูมีเสน่ห์ไม่น้อย เมื่อสังเกตเห็นอย่างนั้น ซึบากิก็รู้สึกใจเต้น พลางจินตนาการว่าถ้าเขาเปลี่ยนทรงผมเป็นแบบนั้นก็น่าจะดีนะ
เมื่อซึบากิกำลังคิดเพลินๆ ว่าควรจะจัดแต่งทรงไหน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังแชะขึ้นมา เมื่อเหลียวกลับไปก็เห็นนานาโฮะถือ ?ปิกาอิจิ?4 ตัวโปรดอยู่ ปิกาอิจิเป็นชื่อที่นานาโฮะใช้เรียกกล้องคอมแพคท์แบบใช้ฟิล์มตัวโปรดที่ได้รับจากพ่อ สภาพที่เห็นนั้นดูเก่า และหนาเทอะทะต่างจากกล้องดิจิตอลสมัยนี้
นานาโฮะหยิบเจ้าปิกาอิจิที่ดูไม่เหมาะกับเด็กสาวมัธยมต้นขึ้นมาอวดอย่างภูมิอกภูมิใจ
?ฉันถ่ายหน้าแปลกๆ ของซึบากิเอาไว้ได้แล้ว?
?ฉันทำหน้าแปลกๆ เหรอ??
?ซึบากิทำหน้าเหม่อๆ เหมือนกำลังเห็นสวนดอกไม้อยู่ในหัวงั้นแหละ?
เมื่อคิดว่าถูกถ่ายรูปสีหน้าตอนที่กำลังท่องอยู่ในโลกแห่งจินตนาการเอาไว้ได้ ซึบากิก็อายจนเหงื่อซึม
แล้วนิชินะก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้ใจสั่นว่า
?ฮิบิโนะซังคงไม่อยากถูกเอนโดซังที่หมกมุ่นกับงานอดิเรกจนพกกล้องแบบนั้นไปไหนมาไหนว่าเอาหรอกนะ?
?ฉันแค่อยากจะผ่อนคลายเท่านั้นเอง นิชินะเนี่ย?
?ผมก็เหมือนกันนั่นแหละ การอ่านหนังสือก็เป็นการผ่อนคลายของผม?
นิชินะตอบนานาโฮะด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ก่อนจะวางหนังสือที่ใส่ปกแล้วกับกระเป๋าสตางค์ลงบนโต๊ะแล้วหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ นานาโฮะ ในขณะที่นานาโฮะเบ้ปากงอนๆ
?สวัสดี?
เมื่อซึบากิเอ่ยทักทาย นิชินะก็มองซึบากิผ่านเลนส์แว่น
?ครับ สวัสดีครับ? ทั้งแววตาที่มองมาและน้ำเสียงที่นุ่มนวลทำให้ซึบากิรู้สึกว่าเขาดูเป็นคนฉลาดมาก ไม่สิ ไม่ใช่ดูฉลาด แต่เขาฉลาดจริงๆ ต่างหากล่ะ ที่ผ่านมาในโรงเรียนมัธยมต้นที่เขาเรียนอยู่ เขาไม่เคยเสียตำแหน่งที่ 1 ให้ใครเลย และเขายังทำกิจกรรมยิงธนูควบคู่ไปด้วย หรือแม้แต่ที่โรงเรียนกวดวิชาชื่อดังแห่งนี้ ในห้องเรียนที่เน้นการสอบเข้าโรงเรียนที่เข้าได้ยาก เขาก็ยังอ่านหนังสือไปด้วย อย่างไม่เคยปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ทำให้เขาคว้าที่ 1 ได้เสมอ
นิชินะเหลือบมองหนังสือรวมข้อสอบที่นานาโฮะกางอยู่ แล้วแนะเรียบๆ ว่า ?ผิด?
?เนอะ?? ก่อนจะหันไปขอความเห็นสนับสนุนจากซึบากิ
ซึบากิซึ่งไม่ทันตั้งตัวรีบก้มลงมองหนังสือรวมข้อสอบ เพราะไม่อยากจะให้นิชินะคิดว่าตนเองโง่ แต่แม้จะเพ่งมองอย่างไรก็ไม่พบจุดที่ผิด ซึบากิคิดว่าวิธีการแก้โจทย์ของนานาโฮะถูกต้องแล้ว และเมื่อลองมองดูหนังสือรวมข้อสอบของตนเองก็พบว่าตอบแบบเดียวกัน
?ผิดตรงไหนล่ะ?? นานาโฮะถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
?ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว ก่อนอื่นต้องพิสูจน์หาความสัมพันธ์เปรียบเทียบของ ?EDA กับ ?EBC......?
?อ๊ะ แล้วก็ใช้การเปรียบเทียบนั้นมาแก้สมการที่ให้ไว้?
ขณะที่นิชินะอธิบายยังไม่จบ นานาโฮะก็ทุบมือ ?ถึงจะเจ็บใจ แต่นิชินะนี่หัวดีจริงๆ ด้วยนะ?
?เอนโดซังกับฮิบิโนะซังก็เข้าใจทันทีไม่ใช่เหรอ? ถึงไม่ต้องสอนก็เข้าใจ?
นานาโฮะถอนหายใจมองดูซึบากิ ซึบากิหน้างงๆ แอบกำมือที่วางอยู่บนตักแน่น
(มีแต่ฉันที่ไม่เข้าใจ......)
นิชินะเข้าใจตั้งแต่ต้น ส่วนนานาโฮะแค่บอกใบ้เล็กน้อยก็เข้าใจทันที มีแต่ซึบากิที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ ทั้งที่ฉันไม่ได้อ่านนิยายและไม่ได้ถ่ายรูป แม้แต่ช่วงพักที่โรงเรียนหรือในวันหยุดก็อ่านหนังสือเต็มที่แล้วแท้ๆ
(ฉันจะต้องอ่านหนังสือให้มากกว่านี้)
?ซึบากิ??
เมื่อรู้ตัวว่าก้มหน้าอยู่ ซึบากิก็รีบเงยหน้าขึ้นยิ้ม
?เปล่า ไม่มีอะไรหรอก?
********************************************************************************
"เมื่อความรักมาทักทาย" โด่งดังมาจากฉบับการ์ตูน ถ้าใครที่เป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ พลาดไม่ได้กับฉบับนิยายเล่มนี้ค่ะ โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสั่งซื้อทางเว็บไซต์ http://www.bongkoch.com/catalog/product ... ts_id=7983