New Release : The Return of lljimae จอมโจร จอมใจ อิลจิแม

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : The Return of lljimae จอมโจร จอมใจ อิลจิแม

โพสต์ โดย Gals »

เรื่องย่อ
อิลจิแมถูกไล่ล่าเอาชีวิตจึงถูกพาไปอยู่ที่ชิงตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ด้วยความที่อยากพบพ่อแม่ที่แท้จริงเขาจึงกลับมาโชซอน ทว่า กลับต้องพบความผิดหวัง อีกทั้งยังเสียคนรักไป ทำให้เขาบ้าคลั่ง กระทั่งได้พบวอลฮี หญิงสาวผู้มีหน้าตาถอดแบบมาจากคนรักของเขา ขณะเดียวกันก็ได้รับรู้ถึงความเหลวแหลกของข้าราชการโชซอน วีรบุรุษจึงได้ปรากฏขึ้นในฐานะจอมโจรผู้เลื่องชื่อ!






ตอนที่ 1
?ผู้ชนะ?





เกล็ดหิมะสีขาวสัญลักษณ์แห่งเหมันตฤดูและไฟหลากสีซึ่งถูกตกแต่งตามทางเดินสาธารณะต่างแข่งกันทำงาน สร้างแสงสว่างให้แก่ผู้สัญจรไปมา แสงสีเสียงตระการตาในเมืองใหญ่ ผู้คนขวักไขว่ตามท้องถนนดังเช่นที่เคยเป็น รถยนต์มากมายเคลื่อนตัวไปด้วยความรวดเร็วอยู่ในสายตาของผู้ที่กำลังมองอยู่บนตึกสูง


เขาคือสิ่งแปลกปลอมอย่างเห็นได้ชัด


ความมืดในค่ำคืนคล้ายชุดที่เขากำลังสวมใส่ ดำราวรัตติกาลที่ไร้แสงจันทร์ ยิ่งไปกว่านั้น เชื่อได้ว่าในยุคนี้คงไม่มีใครใส่ชุดนินจาปิดหน้าจนเห็นแค่ดวงตาออกมาเดินชมวิวกลางเมืองใหญ่แน่ บนหลังของเขาสะพายดาบเล่มหนึ่งตามอย่างที่เราสามารถเห็นได้จากในหนังเท่านั้น


ชายในชุดนินจาสีดำยกเชือกที่พาดบ่าตัวเองออกมา ติดตะขอเชือกกับราวเหล็กของตึกสูง ตรวจดูความแน่นของมันก่อนจะโหนตัวลงไปในโรงงานแห่งหนึ่ง เขาใช้ความว่องไวเร้นร่างเข้าไปในส่วนของอาคาร ชายฉกรรจ์จำนวนมากที่อยู่ภายในนั้นหากไม่หลับใหลก็ใช้เวลาไปกับจอโทรทัศน์ซึ่งติดอยู่บนผนังจนไม่ใส่ใจเลยว่ามีสิ่งแปลกปลอมเล็ดลอดเข้ามาข้างใน ร่างนั้นค่อยๆ เปิดประตูสู่ห้องหนึ่ง เป็นห้องขนาดกว้างใหญ่ ด้านหนึ่งเป็นกระจกสามารถมองเห็นข้างนอกตึกตลอดแนว มีลังไม้มากมายกองระเกะระกะ และผู้หญิงอีกคนหนึ่ง...ถูกมัดทิ้งไว้กับพื้น


ยามหญิงสาวหันมาเห็นเข้าก็พยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่เสียงที่หลุดพ้นจากเทปกาวซึ่งปิดปากไม่สามารถจับความอะไรได้ ชายผู้นั้นยกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากอันเป็นคำขอที่รู้กันดีว่าให้เงียบ ชายหนุ่มเดินเข้ามาหา แกะเทปปิดปากออก และพยายามแกะเชือกให้ แต่ก่อนจะสำเร็จ ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นคนแปลกหน้าจึงรีบร้องเรียกเพื่อนๆ ของตนทันที


?เฮ้ย! มีคนอยู่ในนี้? ตะโกนพลางจะเข้าไปซัดให้มอบ แต่ชายในชุดนินจายกขาขึ้นถีบครั้งเดียวร่างสูงนั้นก็กระเด็นไถลกับพื้นไปไกล เหล่าชายฉกรรจ์ในชุดดำอีกเจ็ดแปดคนกรูกันเข้ามาในห้อง ทั้งหมดตรงเข้าต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมทันที






อีกด้านหนึ่งจากทางเดินในชั้นเดียวกันหากแต่อยู่ฝั่งตรงข้าม ยามวิกาลเช่นนี้ห้องกระจกซึ่งเปิดไฟอยู่ดูไม่ต่างจากอ่างปลาที่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้อย่างชัดเจน เสียงกดชัตเตอร์ดังไม่ขาดสาย นักข่าวสาวที่มองผ่านเลนส์กล้องเห็นการเคลื่อนไหวทุกอย่าง ชายคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับชายอีกหลายคน ก่อนที่มือเรียวบางจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรีบร้อน แล้วเขียนข้อความลงบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว


?เขากับฉันไม่เคยห่างกันเลย แม้ตัวเขาอยู่ไกล แต่ใจฉันอยู่กับเขาเสมอ?


เธอมองไปที่กระจกอีกครั้ง ชายผู้นั้นค่อยๆ ล้มฝ่ายตรงข้ามไปทีละคนสองคนจนหมด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือจากคนที่ล้มลงเป็นคนสุดท้ายขึ้นมาโทร หลังจากที่เขาโยนโทรศัพท์ทิ้งก็หันมองมาทางเธอ มอง...เหมือนรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ แต่เสียงของหญิงที่ถูกมัดได้เอ่ยทักเสียก่อน


?คุณเป็นใคร?


ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่วิ่งออกไป ทำให้นักข่าวสาวผละจากกระจกแล้ววิ่งไปตามทางเดินทันที เธอดึงประตูกระจกซึ่งเป็นทางเชื่อมไปฝั่งตรงข้าม ก่อนที่จะพบว่ามันถูกล็อกจากอีกด้าน แล้วชายผู้นั้น... ชายในชุดนินจาก็โผล่มาหยุดอยู่อีกด้านของกระจก


ตอนประจันหน้ากันแบบนี้ เธอถึงเห็นว่าเขาสูงเพียงใด มือใหญ่ยกโทรศัพท์ซึ่งมีข้อความอยู่แล้วขึ้นมา


?คราวหน้ามันไม่ง่ายอย่างนี้หรอกนะ?


เขาหันหลังกลับสู่ทางที่ตนมา เธอจึงรีบวิ่งไปอีกทางแข่งกับเวลา นักข่าวสาวถลาตรงไปที่ลิฟต์ หล่อนกระแทกปุ่มกดเพื่อให้ประตูลิฟต์เปิดออก ความโปร่งใสของกระจกซึ่งประกอบขึ้นมาเป็นห้องโดยสารนี้เองที่ทำให้เธอได้เห็นเขาอย่างชัดเจน


ในขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัวลง ที่ตึกฝั่งตรงข้ามได้มีชายหนุ่มในชุดดำโรยตัวลงมา แขนกำยำของเขายึดเชือกไว้แล้วทิ้งตัวลงสู่เบื้องล่างด้วยความเชี่ยวชาญ


?โห...? หล่อนอุทานเบาๆ ในลำคอด้วยความทึ่ง ?อะไรกันเนี่ย ไม่อยากเชื่อเลย? จะมีสักกี่คนที่ทำเช่นนี้ได้ โรยตัวโดยใช้มือเดียวจับเชือกไว้ ถ้าพลาด...ไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตอะไรให้เขาเสียด้วย เสียงชัตเตอร์ดังรัวอย่างต่อเนื่อง เธอไม่รับรู้น้ำหนักของเลนส์กล้องตัวใหญ่ที่ใช้อยู่ หรือกระเป๋ากล้องที่สะพายเลยสักนิด


เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เธอรีบวิ่งพรวดออกจากตึกอย่างรวดเร็วก่อนจะพบว่าตัวเองคลาดกับเขาคนนั้นเสียแล้ว รถตำรวจหลายต่อหลายคันแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกก่อนเจ้าหน้าที่จะกรูเข้าไป เธอมองตามความวุ่นวายที่เห็นอยู่ตรงหน้า นอกจากรถตำรวจแล้ว ยังมีรถพยาบาลตามมาอีกคัน นักข่าวสาวพยายามมองหาชายผู้นั้นจนไม่ทันระวัง ร่างบางกระแทกกับคนที่สวนทางมา ทั้งกระเป๋าและโทรศัพท์ของเธอหล่นลงไปอยู่บนพื้น


?อ๊ะ ขอโทษนะคะ? เธอเก็บกระเป๋า ส่วนเขาก็ก้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เช็ดหน้าจอกับแขนเสื้อก่อนจะส่งคืนให้ ?ขอบคุณมากค่ะ? ชายหนุ่มในชุดสีเข้มพยักหน้ารับก่อนจะเดินจากไป


หญิงสาวถอดใจเมื่อรู้ว่าคงคลาดกับชายคนนั้นแล้ว เธอหันมองรอบข้างและพบว่าชายที่เธอชนนั้นหันมองเธออยู่ เขาคลี่ยิ้มช้าๆ เผยให้เห็นฟันขาวเรียงตัวสวยก่อนจะเดินจากไป


?คุณ... คุณคะ? ร่างบางตะโกนเรียกอย่างไร้ประโยชน์ ก่อนจะก้มลงมองดูที่มือของตน โทรศัพท์ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม หากเมื่อหยิบมันออกจากมือ ความสงสัยพลันผุดขึ้นมาในใจอย่างไม่อาจห้ามได้


เขาเป็นคนคนนั้นหรือเปล่านะ!?


ใต้โทรศัพท์มีกิ่งดอกบ๊วยเล็กๆ สีขาวบริสุทธิ์อยู่บนฝ่ามือ เสริมความมั่นใจในความคิดนั้นให้กับเธอ


ดอกบ๊วยที่อยู่ในมือของฉัน กับเรื่องราวของเขา มันจะเป็นเรื่องที่เกินจริงไปไหม...







?...ต่อไปเป็นข่าวด่วน ค่ำวันนี้ได้มีการบุกทำลายบริษัทก่อสร้างที่ใช้บริษัทบังหน้าทำผิดกฎหมาย ก่อนหน้านี้จองยุนโฮ ประธานบริษัทหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่หลายครั้ง ขณะเดียวกันคุณพัคเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีก็ถูกพบอยู่ในโกดังอีกด้านหนึ่งของอาคาร หลังจากที่พยายามหลบหนีในครั้งนี้ จองยุนโฮประธานบริษัทถูกพบในสภาพเกือบเปลือยแขวนอยู่ด้านหลังของอาคาร...?


เสียงของผู้ประกาศข่าวแทรกขึ้นมาจากโทรทัศน์ซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้อย่างไม่มีใครสนใจไยดี เรียกความสนใจจากหญิงสาวที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับหนังสือ หล่อนเงยหน้าขึ้นทันเห็นภาพชายหนุ่มคนหนึ่งในสภาพกึ่งเปลือยถูกช่วยลงมา ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่บ็อกเซอร์หนึ่งตัวกับถุงเท้าซึ่งมีบางสิ่งติดอยู่


?...ก่อนหน้านั้นได้มีบุคคลลึกลับโทรศัพท์เข้ามาแจ้งความเรื่องของบริษัท ขณะนี้ทางอัยการยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรที่มากกว่านี้ได้ แต่มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นที่นั่น และที่ถุงเท้าของจองยุนโฮได้มีดอกไม้ติดอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าจะเป็นดอกบ๊วยสีขาวนะครับ...?


หญิงสาวหยิบดอกบ๊วยที่เธอได้รับมาอย่างเป็นปริศนามองมองดูสลับกับจอโทรทัศน์ ความคิดมากมายสับสนปนเปอยู่ในหัว


ใช่ ดอกบ๊วยสีขาวที่มักพบในที่เกิดเหตุ ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว เราก็จะเห็นดอกไม้นี้


เธอมีแต่รูปถ่ายของเขา... รูปถ่ายที่มีผ้าปิดหน้า นอกจากนั้นแล้วเธอก็ไม่มีอะไรอีกเลย ยิ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับเขามากเท่าไร ข้อสงสัยก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น


ยามที่เธอเริ่มต้นค้นคว้าเรื่องราวของเขา ชื่อของเขาปรากฏอยู่แต่ในประวัติศาสตร์ยุคโบราณ ราวกับนิยายแฟนตาซีที่ตัวเขาหลุดออกมาจากอดีต มาโลดแล่นอยู่ในยุคสมัยที่แตกต่างออกไป ทว่า... ใจของเธอก็อดสงสารไม่ได้ การที่ใครสักคนต้องมาทำในสิ่งที่ผิดแปลกไปจากยุคผิดสมัยนั้นคงทรมานมาก


ประวัติศาสตร์บ้างก็ว่าเขาเป็นโจรปล้นฆ่า บ้างก็ว่าเป็นวีรบุรุษที่ทรงคุณธรรม แต่ละยุคสมัย ผู้คนจะเป็นโจรหรือวีรบุรุษก็คงไม่ต่างกันเท่าไรนัก ขึ้นอยู่กับประวัติศาสตร์ที่ขีดเขียนและแต่งแต้ม แต่ที่เหมือนกันก็คือพวกเขาล้วนเกิดขึ้นท่ามกลางความเจ็บปวด กลางสงคราม และกลางความทุกข์ยากของประชาชน


ยามคิดถึงเขาหัวใจของเธอจะพลันเจ็บขึ้นมาโดยมิอาจห้าม ทั้งเจ็บปวดระคนมีความสุขแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นามของเขาที่เธอค้นพบได้สลักเข้าไปในหัวใจน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว


ชายในตำนานที่ชื่ออิลจิแมก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น ที่อาจจะมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยใดสมัยหนึ่งก็เป็นได้








บันทึกประวัติศาสตร์ลับ...อิลจิแม


ปีอินจูที่ 13 เมืองฮันยาง หนึ่งปีก่อนการรุกรานของราชวงศ์ชิงในโชซอน ประเทศที่มีอำนาจสูงสุดในเขตเหนือสุดคือราชวงศ์หมิง ทว่าราชวงศ์ชิงได้เริ่มมีการสะสมกำลังเพื่อการแย่งชิงอำนาจสูงสุดนั้น ขณะที่ในญี่ปุ่นได้มีการสถาปนาสมัยเอโดะขึ้นหลังเสร็จสิ้นสงครามอิมจิน และในโชซอน กลุ่มกบฏวางแผนยึดอำนาจทางการเมืองและการทหาร พวกเขาใช้กองกำลังเข้ายึดอำนาจและประหารเจ้าชายควางแฮ แล้วจึงผลักดันเจ้าชายนึงยางขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่ จากนั้นคณะรัฐบาลได้เข้ามาฟื้นฟูอำนาจอีกครั้ง ทว่าชองนาราหรือราชวงศ์ชิงซึ่งดูถูกโชซอนว่าเป็นดั่งคนเถื่อนได้วางแผนลักลอบบุกโจมตีโชซอน


การจะรุกรานประเทศอื่นนั้นยาก หากไม่มีหนอนบ่อนไส้


แต่แล้วยุคสมัยใดเล่าที่จะไม่มีคนเลว คนชั่ว หรือคนทรยศบ้านเมือง







ณ บ้านขุนนางชั้นสูงหลังหนึ่ง ห้องนั่งเล่นถูกใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขก


?ข้าน้อยมาแสดงความยินดีขอรับท่าน? ชายผู้หนึ่งโค้งคำนับให้แก่ขุนนางสูงวัย


?ตอนนี้ไม่มีใครที่มีความสามารถเลย? ขุนนางผู้นั้นเอ่ยขึ้นราวกับถอนหายใจให้กับโชคชะตาของบ้านเมือง ?ข้าก็ไม่ได้หวังตำแหน่งทางการเมืองอะไรมากมาย?


?นอกจากท่านเสนาบดีคิมจาจอมแล้ว คงจะไม่มีใครมีความสามารถแล้วขอรับ? ชายผู้นั้นยังเอ่ยต่อด้วยความนอบน้อม ?หากท่านรับตำแหน่ง เราก็คงโชคดี?


?ขอบใจที่เจ้ายังคิดถึงข้า แล้วเจ้าเอาอะไรมาด้วยล่ะ? เสนาบดีคิมจาจอมพยักพเยิดไปทางห่อผ้าสี่เหลี่ยม ชายรับใช้ที่รออยู่ก่อนแล้วจึงรีบเปิดห่อ


?กระโถนขอรับท่าน? ชายคนเดิมเอ่ยอย่างมีเลศนัย


?กระโถน? คนแก่อย่างข้าจะลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึกช่างเป็นเรื่องลำบาก คงจะมีประโยชน์กับข้าสินะ?


?กระโถนใบนี้ทำจากเงินแท้นะขอรับ...? ชายผู้นั้นกระซิบอีกครั้ง


?ทำจากเงินเรอะ? คิมจาจอมเกือบจะสำลักน้ำชา ดวงตาลุกวาวทันที


?ขอรับนายท่าน?


?ไหนๆ เอามานี่ เอามาให้ข้าดูใกล้ๆ หน่อยซิ? กล่องไม้ถูกยื่นมาให้เห็นสิ่งของข้างใน สีเงินแวววาวจนคนรับของอดหัวเราะไม่ได้ ?ฮ่าๆๆ ก้นข้านี่มีบุญซะจริงๆ เลย?


เสียงหัวเราะดังลอดออกไปด้านนอกซึ่งมีการร้องรำทำเพลงกันอยู่ ในคฤหาสน์เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรื่นเริง ก่อนจะถึงเวลาที่แขกขอตัวกลับไป


?นายท่านคนเมื่อครู่ท่าทางจะรู้เรื่องมากมายดีนะขอรับ? คนรับใช้เอ่ยพลางห่อของให้เหมือนเดิม เจ้านายค่อยๆ ยกถ้วยชาขึ้นมา


?ผู้ที่สร้างกษัตริย์พระองค์นี้เป็นใครเล่า? คิมจาจอมจิบน้ำชาอีกครั้งด้วยความลำพอง


เวลานี้ใครที่ไหนก็ต้องสยบต่อเขาทั้งนั้น!








ในเมื่อชาวต่างชาติเข้ามามีอำนาจ เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างแก่งแย่งความดีความชอบ โดยปกติแล้วผู้ที่บริหารการปกครองได้ดีจะถูกเลือกเข้าทำงานในสภา แต่ในสภามีทั้งการโกงกิน ฉ้อราษฎร์บังหลวง ขัดแข้งขัดขา และสมรู้ร่วมคิดที่จะยึดอำนาจ ผู้ใดที่เข้ายึดอำนาจทั้งหมดในสภาได้จักมีอำนาจล้นฟ้า


กลิ่นแห่งอำนาจชั่วเริ่มแผ่กำจาย...


ในขณะที่ประชาชนต่างถูกปล่อยปละละเลย เกิดปัญหาบ้านเมืองมากมาย ปล้นสะดม โรคระบาด จลาจล ที่ร้ายที่สุดในยามบ้านเมืองระส่ำระสายมักมีกลุ่มโจรก่อกวนคอยซ้ำเติมความทุกข์ยากของผู้คนเสมอ กลุ่มโจรที่อยู่ในฮันยางชื่อกลุ่มเฮดงชอง กลุ่มโจรที่อยู่ในเปียงยางชื่อกลุ่มพงซอนอีซึ่งมีอำนาจทางการเมืองด้วย ฮันยางไม่ต่างกับแหล่งขุดทองที่เหล่าโจรปรารถนาจะครอบครอง มีการต่อสู้นองเลือดกันหลายครั้งเพื่อแย่งที่ทำกินในเขตเมืองฮันยาง หากแต่การต่อสู้แต่ละครั้ง เมื่อไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้มีอำนาจจึงถูกละเลยไปโดยปริยาย


และเมื่อความชั่วร้ายกล้ำกราย ความดีจึงอุบัติขึ้นเพื่อต่อสู้กับความชั่วร้ายนั้น









เรื่องราวของบุรุษผู้หนึ่งได้เริ่มต้นจากลำน้ำชองกเยชอน บ้านเรือนหลังเล็กขึ้นเรียงรายอยู่รายรอบสายน้ำ น้ำเย็นจัดที่ไหลเอื่อยยังคงมีน้ำแข็งอยู่บ้างเนื่องจากเพิ่งพ้นฤดูหนาวมา และบางอย่างที่ลอยตามกระแสน้ำมาอย่างเงียบๆ เรียกความสนใจจากขอทานคนหนึ่ง


?โอ๊ะโอ๋ นั่นอะไรน่ะ? ชายขอทานสกปรกนามคอลชิสังเกตเห็นอ่างไม้เล็กๆ ลอยตามน้ำมาอย่างช้าๆ ด้วยความหิวเขาจึงรีบวิ่งไปดูเพราะคิดว่าเป็นของกิน ?ข้าจะมีของกินแล้ว ได้ของกินแล้ว เอ๊ะ...?


ขอทานอุทานด้วยความตกใจ สิ่งที่อยู่ในนั้นนอกจากจะไม่ใช่ของกินแล้วยังเป็นสิ่งที่ชวนให้ตกใจเสียด้วยซ้ำ


?นี่ๆๆ นี่มันเด็กนี่นา ลูกคนนี่หว่า ตายๆๆ ข้าจะทำอย่างไรดีล่ะ? คอลชิลุกลี้ลุกลนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี ประจวบกับนักบวชผู้หนึ่งผ่านทางมาเอ่ยร้องถาม


?เจ้าขอทาน นั่นมันอะไรน่ะ?


?หลวงพี่...? เหมือนฟ้ามาโปรด คอลชิรีบกวักมือเรียกหย็อยๆ ?มาดูอะไรนี่สิ มีเด็กด้วย... เด็กอยู่ตรงนี้แน่ะ?


พอฟังคำพูดนั้นแล้วนักบวชตกใจมาก


?ยังหายใจอยู่หรือเปล่า?


ชายขอทานรีบอุ้มขึ้นมาจากน้ำที่เย็นเยียบ... ร่างของเด็กน้อยผู้น่าสงสารเย็นจัด แต่ทว่า...เจ้าตัวน้อยยังมีลมหายใจอยู่


?เด็กตัวนิดเดียวเอง...? คอลชิมองด้วยความสงสาร ?กำลังหลับสนิทเลย ท่าน โชคดีนะ ไม่มีบาดแผลตรงไหนด้วย?


?งั้นเอาขึ้นมาก่อน แล้วค่อยหาอะไรให้เด็กกิน?


?ให้ตายเถอะ? คอลชิรีบนำเด็กซุกไว้ในเสื้อของตน ?เด็กคนนี้ตัวเย็นเจี๊ยบเลย ใครนะช่างใจร้าย ทิ้งเด็กทารกแบบนี้ได้ลงคอ?


?บางทีพ่อแม่เด็กอาจจะไม่ต้องการเขาก็ได้ เราเจอก็ดีแล้ว?


?แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ ท่านกับข้าก็ไม่มีนมให้เด็กดูดซะด้วย จะให้เด็กกินแต่น้ำข้าวอย่างเดียวก็ไม่ได้นะขอรับท่าน?


?เอาน่า ไม่ต้องพูดแล้ว ส่งเด็กมาเถอะ? นักบวชถอนหายใจด้วยเวทนาในตัวเด็กน้อยยิ่งนัก อาจเป็นไปได้ว่าคนชั้นสูงสองคนเกิดพลาดมีเด็กขึ้นอย่างไม่ตั้งใจจึงได้เอามาทิ้งแบบนี้ แต่ใครกันนะ ทิ้งเด็กบริสุทธิ์ได้ลงคอ


ทารกตัวน้อยหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ล่องผ่านวิบากกรรมแห่งสายน้ำมาสู่มือของขอทานและนักบวช


และตำนานของเขาจึงได้เริ่มต้นขึ้น






ดอกบ๊วยบานสะพรั่งทั่วนครฮันยางเมื่อเข้าสู่วสันตฤดู ทุกบ้านในเมืองเต็มไปด้วยดอกไม้สดสีสันสวยงาม ถนนทุกสายต่างเต็มไปด้วยดอกบ๊วยสีขาว สำนักมือปราบแห่งใหม่ของเมืองอยู่ใกล้ๆ สวนดอกบ๊วยที่แข่งกันเบ่งบาน


สาวสวยนางหนึ่งกำลังมองต้นบ๊วยด้วยสายตาเหม่อลอยแฝงด้วยความเศร้าที่ซ่อนอยู่ภายในอันยากจะหยั่งถึง มือของนางกุมห่อผ้าไว้แน่นราวกำลังโอบอุ้มบางสิ่งที่สำคัญ


?ยืนทำอะไรอยู่? พ่อบ้านเอ่ยปากขึ้น ?นายหญิงต้องการพบเจ้า เร็วๆ เข้าเถอะ?


ร่างบางเดินตามเข้าไปถึงในห้องหนึ่งซึ่งมีหญิงชรานั่งรออยู่ก่อนแล้ว นางเต็มไปด้วยสง่าราศีและ...ความเห็นอกเห็นใจ หญิงสาวทรุดนั่งลงกับพื้น


?เฮ้อ ข้ารู้ว่าข้าทำรุนแรงต่อเจ้าเกินไป ถึงอย่างไรลูกชายข้าก็ต้องได้เป็นขุนนางใหญ่ของประเทศเราในอีกไม่ช้า แล้วถ้าหากชาวบ้านเขารู้กันว่าลูกชายข้ามีลูกกับเด็กรับใช้ในบ้าน ชื่อเสียงที่สั่งสมมาคงเสียหายเป็นแน่ เพราะฉะนั้นเจ้าต้องไปอยู่ในที่ที่พ่อบ้านจะพาเจ้าไป แล้วข้าจะติดต่อเจ้าอีกที?


หญิงนางนั้นไม่สนใจเลยว่าจะนำพานางไปที่แห่งใด มีเพียงสิ่งเดียวที่นางอยากจะขอ


?นายหญิงเจ้าคะ ก่อนที่ข้าน้อยจะไป ขอข้าน้อยเห็นหน้าลูกสักครั้งได้ไหมเจ้าคะ? เป็นคำปรารถนาจากผู้เป็นแม่คนหนึ่งที่ไม่สามารถแม้แต่จะอุ้มลูกชายของตนเองได้ หญิงชราแสดงสีหน้าลำบากใจ


?เจ้าจะต้องตัดความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับลูกชายของเจ้าซะ มันจะเป็นการดีสำหรับเจ้าที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ส่วนลูกเจ้า ข้าจะดูแลเป็นอย่างดี?


น้ำเสียงอันเฉียบขาดของอีกฝ่ายทำให้หญิงรับใช้ทำได้เพียงแค่กลั้นสะอื้น และยื่นจดหมายฉบับหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ


?นี่มันอะไรของเจ้า?


?ข้าน้อยขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายเจ้าค่ะ เมื่อใดที่เด็กคนนี้โตเป็นผู้ใหญ่ ขอได้โปรดให้เด็กคนนี้รู้ว่าเขาคือดวงใจของแม่? หัวใจของแม่... แก้วตาล้ำค่าของแม่... นางไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีก นางต้องจากไปทั้งที่ยังไม่ได้เห็นหน้าลูกเลยสักครั้ง ความเจ็บปวดนี้ยากที่จะทำใจได้ และนางก็ยังเด็กเกินกว่าจะแบกรับทุกสิ่งอย่างไว้ได้


ข้อความในจดหมายนั้นเศร้าเกินกว่าที่นายหญิงของบ้านจะปฏิเสธคำขอ จึงทำได้เพียงมองดูเด็กรับใช้ผู้นั้นร้องไห้ด้วยความอาลัย








?กั๊กกู่ๆๆๆ? ขอทานคอลชิเล่นกับเด็กน้อยอย่างมีความสุขจนนักบวชยังอดหัวเราะไม่ได้


?ฮ่าๆๆ ชอบเด็กนักรึ เป็นไง ชอบมากกว่าลูกตัวเองเลยหรือ?


?แหม ท่านยอลกง เด็กคนนี้เป็นยิ่งกว่าทุกอย่างเลยขอรับท่าน น่ารักแก้มยุ้ย ดูเขาสิ น่ารักไปหมดทั้งตัวเลย? ได้ยินคำพูดของขอทานที่เหมือนกับพ่อเห่อลูกชายนั่นแล้วนักบวชก็หัวเราะอีกครั้ง ภายในวัดแห่งนี้ เขาได้ให้ที่อาศัยแก่ขอทานและเด็กน้อยเพิ่มมาอีกสองชีวิต


?พาออกไปข้างนอกได้แล้ว อย่างไรเสียเด็กก็ต้องกินอะไรบ้าง ทารกต้องกินนมนะ แล้วพยายามอย่าไปขอทานตามบ้านของคนชั้นสูงล่ะ? เมื่อยอลกงเอ่ยเตือนทำให้คอลชิกระวีกระวาดขึ้นมาทันใด


?ตายๆ ใช่ๆๆ ต้องไปกินนมแล้ว ไอ้ตัวเล็กเป็นอย่างไรบ้าง หิวแล้วใช่ไหม? สิ้นเสียงเอ่ยถาม เด็กทารกก็ร้องไห้ขึ้นมาเหมือนกับจะตอบรับความหิวของตัวเอง คอลชิจึงพาเด็กน้อยตระเวนตามบ้านซึ่งอยู่ในละแวกวัดนั้นอย่างที่เคยทำมาทุกๆ วัน


?ขอนมหน่อยขอรับ ขอนมหน่อยยย?


คนเราจะมีสิ่งใดเชื่อมโยงกันได้อีก นอกจากจิตใจที่เชื่อมถึงกัน อันว่าคนไม่เกี่ยงสายเลือด พี่น้องไม่จำเป็นต้องร่วมอุทร ในครั้งแรกขอทานรู้สึกลำบากใจที่ต้องแบกภาระเลี้ยงเด็ก แต่เมื่อเด็กต้องเติบโตขึ้นทุกวัน เขาจำต้องพาเด็กน้อยออกไปขอนมจากชาวบ้าน บ้างก็ให้มาโดยง่าย บ้างก็ด่าทอว่ากล่าวว่าเอาเด็กมาขายกิน


แล้วในขณะเดียวกันนี้เล่า แม่ซึ่งควรให้นมบุตรล่ะ...ไปอยู่ที่ไหนเสีย


นางกำลังย่างเข้าสู่สถานที่ที่ผู้หญิงดีๆ จะไม่มีวันเฉียดใกล้เด็ดขาด นั่นคือ...หอนางโลม ในสมัยนั้นการเข้ามาอยู่ในหอนางโลม หญิงสาวเหล่านั้นจะต้องมีชื่อใหม่


?จากนี้ไปเจ้าใช้ชื่อว่าแพคแมรู้ไหม แพคแม?


ดอกบ๊วยขาว... แพคแม ช่างประจวบเหมาะอะไรเช่นนี้ ราวกับแม่เล้ารู้เรื่องราวของนางถึงตั้งชื่อให้นางอย่างนั้น ชื่อของหญิงคนหนึ่งที่ในโลกนี้คงจะไม่มีใครเหมือนอีกแล้ว


แม้ว่านางจะมีใบหน้าที่ชวนให้หลงใหล ทว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตคีแซง* จะสุขสบาย นางไม่ชอบให้ผู้ชายมาแตะต้องจนมีปัญหากับแขกอยู่เสมอ โลกแห่งคีแซงตอกย้ำความจริงให้กับนาง


ผู้ชายเห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นเท่านั้น!


อย่างไรก็ตาม แพคแมก็อยากจะอยู่ที่หอนางโลมอย่างมีความสุข นางจึงรับเป็นคนเขียนจดหมายรักให้กับสาวๆ ในหอนางโลมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทว่าหัวใจของผู้เป็นแม่ยังคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอยู่ไม่คลาย จะมีวันใดบ้างที่นางไม่คิดถึงลูกชาย จะมีคืนใดที่นางจะไม่ฝันถึงเขา


ไม่มี...


?แพคแม วันนี้เราจะต้องไปบ้านนายท่านเสนาบดีควอน เจ้าไปด้วยนะ? นางโลมคนหนึ่งเอ่ยเรียกนาง แพคแมผินหน้าจากบานหน้าต่างไปมอง ก่อนจะหันกลับ


?ข้าไม่ไป? นางบอกปัดอย่างไม่ไยดี


?แต่ที่นั่นเป็นบ้านคนรวย แถมนายท่านก็เป็นคนดีด้วยนะ? นางยังพยายามชักชวน


?ข้าไม่ไปบ้านคนชั่วนั่นหรอก?


?คนชั่วอย่างนั้นเหรอ นายท่านเป็นขุนนางชั้นสูงนะ?


?พวกคนชั้นสูงก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ คนพวกนั้นชอบดูถูกเรา พวกหมาลอบกัด?


?เจ้านี่นะ? นางโลมถอนหายใจก่อนประชด ?มีหน้าสวยๆ ไว้ทำอะไร เอาแต่นั่งอมทุกข์อยู่แบบนั้นได้ทั้งวัน วันๆ ทำได้แค่นี้รึ ถ้าเปลี่ยนใจก็ตามมานะ?









ขณะเดียวกัน ขอทานอัปลักษณ์แบกทารกตัวน้อยไว้บนหลัง เดินเร่ร่อนถามหาหญิงผู้ใจบุญสักคนที่จะมอบน้ำนมให้สักนิดเพื่อต่อชีวิตน้อยๆ นี้จนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว


?อ้อ ท่านหญิงขอรับ ขอนมหน่อยได้ไหม? คอลชิถลาไปที่หญิงอ้วนท้วนสมบูรณ์คนหนึ่ง


?นี่แค่ข้าท้องก็ลำบากจะแย่อยู่แล้ว เจ้ายังจะมารบกวนนมข้าอีกเหรอ ยังไม่ไสหัวไปอีก!? นางไล่ตะเพิดอย่างไม่ไยดี


ขอทานคอตก บ่นพึมพำ


?หญิงแก่ใจร้าย เฮ้อออ ทำไมวันนี้ถึงหาน้ำนมยากจังนะ? เขาไม่สนใจต่อสายตารังเกียจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา และยังคงตั้งหน้าตั้งตาร้องหาหญิงที่มีน้ำนมต่อไป เขาเดินไปไกลกว่าที่เคยจนมาถึงหอนางโลม


ใช่...หอนางโลมที่แพคแมพำนักอยู่นั่นเอง


ในที่นี้มีผู้หญิงอยู่เยอะแยะ ทำให้คอลชิดีใจมาก แต่เมื่อเขาร้องถามถึงน้ำนม หญิงแสนสวยมากมายต่างหัวร่อด้วยความขบขัน พวกนางไม่มีทางมีน้ำนมให้ทารกได้ดอก ขอทานนั่นช่างโง่เขลานัก


?นี่เจ้าบ้าหรือไง เราไม่มีน้ำนมให้เด็กกันหรอกนะ?


ชายผู้แบกทารกน้อยเดินทางมาไกลเริ่มที่จะท้อเสียแล้ว ทว่าก่อนที่เขาจะจากไป เสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมา


?ท่านลุง พาเด็กมาทางนี้สิ? แพคแมเดินมาดูเหตุการณ์แล้วร้องเรียกขอทานเอาไว้ เหล่าหญิงนางโลมได้แต่ซุบซิบที่แพคแมมีน้ำนมให้เด็ก ข่าวลือที่ว่าแพคแมเคยมีลูกมาก่อนได้เห็นกันแล้วว่าเป็นความจริง








ในห้องหับที่ปิดมิดชิด หญิงสาวมองดูทารกตัวน้อยที่น่ารักน่าชังในห่อผ้า


?ลูกข้าก็คงเท่ากับเจ้า ข้าอยากจะให้นมกับลูกข้าบ้าง เจ้ากินเยอะๆ เลยนะ?


ยามที่ริมฝีปากทารกน้อยสัมผัสกับยอดอก อะไรบางอย่างเอ่อล้นขึ้นมาจนมิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ นางปรารถนาอย่างยิ่งยวด ยอมแลกทุกสิ่งที่มีให้ทารกในอ้อมอกนี้กลายเป็นลูกชายของนาง แลกได้ทุกสิ่งเพียงเพื่อให้นางได้กอดลูกชายของนางแค่ชั่วพริบตา อีกนานแค่ไหนกว่าที่นางจะได้เจอลูก


หรือชั่วชีวิตนี้นางก็ไม่มีโอกาสนั้น...


สวรรค์... ท่านช่างมากเล่ห์เพทุบายนัก หัวใจของท่านนั้นขาวสะอาดหรือดำมืดกันแน่ หญิงนางนั้นได้กอดลูกชายตามที่ใจปรารถนา ทว่า...ท่านกลับไม่ยอมให้นางรู้ถึงความจริงข้อนั้น น้ำตาแม่ร่วงตกในทรวง ความปรารถนาเสียดร้าวภายใน


เด็กทารกดูดน้ำนมด้วยความหิวกระหาย แพคแมยิ้มมากขึ้น


?ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เด็กน้อย... แม่ของเจ้าจะปกป้องเจ้าเอง?








?มาแล้วๆ? คอลชิร้องอย่างยินดีเมื่อเห็นนางโลมผู้นั้นอุ้มทารกกลับออกมา ?โอ้ ดูสิ ไอ้ตัวเล็ก กินนมอิ่มแล้วแก้มแดงเชียวนะ? เขาหยอกล้อกับทารก อุ้มไว้แนบอกแล้วหันไปทางหญิงสาวหน้าตาสะสวยด้วยความซาบซึ้ง ?คุณผู้หญิง ขอบคุณมากนะขอรับ ขอบคุณมากๆ?


แพคแมเห็นดังนั้นแล้วก็อดไม่ได้ ยื่นของบางสิ่งให้


?หา? ทะ...ท่าน ท่านให้ข้าทำไม? คอลชิมองดูหยกเนื้อดีที่อีกฝ่ายยื่นให้


?หาเสื้อผ้าให้เด็กด้วยนะ?


ขอทานสกปรกเงยหน้ามองหญิงสาวอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู แต่หยกเนื้อดีนั้นได้อยู่ในมือเขาแล้ว คอลชิละล่ำละลักก้มศีรษะขอบคุณอีกหลายครั้ง


?คุณผู้หญิง ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ เจ้าหนู ดูนี่สิ เจ้าจะมีเสื้อผ้าดีๆ ใส่แล้วนะ คุณผู้หญิงใจดีจริงๆ ขอบพระคุณมากขอรับ?


นางมองอีกฝ่ายจากไปโดยไม่สนใจคำว่ากล่าวของเพื่อนในหอนางโลมที่ว่านางบ้า นางได้แต่คิดว่า ป่านนี้...ลูกของนางคงอยู่ที่บ้านขุนนางที่ไหนสักแห่ง ส่วนเด็กน้อยที่ได้ดื่มกินนมของนางแทนลูก ชาตินี้ก็คงไม่ได้พบกันอีกแล้ว










?โอ้โห? หยกเขียวเยียบเย็นในมือ คอลชิดูมันด้วยความดีใจพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ?ให้ตายสิ โชคดีจริงๆ ไอ้ตัวเล็กเห็นไหม เราจะได้มีข้าวกินกันแล้ว?


ขอทานซอมซ่อเดินทางกลับวัด ระหว่างทางมีสายตาคมประดุจเหยี่ยวเพ่งมองมา


?นายท่านมีอะไรหรือขอรับ? มือปราบคนหนึ่งร้องถามเจ้านายของตนเองที่หันหน้ามองชายสกปรกซึ่งดูแล้วเป็นเพียงขอทานธรรมดาๆ อยู่เป็นนาน


?เจ้าเห็นของในมือของเขาไหม ขอทานที่ไหนจะมีหยกแบบนั้นได้? มือปราบอันดับหนึ่งของฮันยางนามคูจามยองเอ่ยด้วยความสนเท่ห์ แล้วเดินเข้าไปขวางหน้าขอทานเอาไว้ ?หยุดก่อน?


?ทะ...ท่านมือปราบ ท่านมีเรื่องอะไรรึขอรับ?


?ที่เจ้าแบกอยู่นี่ อะไรเนี่ย?


?ก็เด็กไงขอรับ?


?แล้วของที่อยู่ในมือเจ้าล่ะ ข้าขอดูหน่อย?


?ไอ้นี่เหรอ ไม่ๆ ไม่ได้นะขอรับ ขะ...ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดนะขอรับ ข้าไปล่ะขอรับ" คอลชิอยากจะรีบร้อนจากไป แต่อีกฝ่ายไม่ยินยอม


?เฮ้ยๆ ไอ้เวรนี่ ต่อหน้านายท่าน เจ้ายังเล่นลิ้นอีกรึ? โซชองแท...มือปราบอารมณ์ร้อนขึ้นเสียงอย่างมีโทโส


?ของนั่นน่ะ ส่งมาให้ข้า? มือปราบแห่งฮันยางดึงไปพิจารณาก่อนที่จะเอ่ยปากคล้ายจะเค้นเอาความกับผู้ต้องหา ?ของนี่ เจ้าไปเอามาจากไหน?









เสียงเซ็งแซ่ดังอยู่ที่ลานกว้างของหอนางโลม ทำให้เหล่าหญิงสาวต่างหันมาให้ความสนใจ เมื่อพบมือปราบสองนายและขอทานคนเดิมยืนอยู่ที่หน้าประตู แพคแมจึงถูกตามออกมา


เพียงสบตากับหญิงตรงหน้า ความมั่นใจในตัวเองพลันหายไปทันที


?อะ... เอ่อ... คือ...คือ...?


?ท่านต้องการพบข้าหรือ? นางเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน


?ข้าอยากรู้ว่าของสิ่งนี้...? เขาข่มความประหม่าไว้ภายใน แล้วชูป้ายหยกให้นางเห็น ?เจ้าให้ขอทานนั่นจริงรึ เจ้าอาจถูกขโมยมันไปก็เป็นได้ ข้าเลยเอามันมาคืนให้?


?สิ่งนี้...ข้าให้เขาไปจริงๆ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว ข้าเลยให้เขาไป? นางตอบอย่างไม่ใส่ใจพร้อมเสริมเหตุผล ?ขอทานคนนั้นต้องเลี้ยงเด็กแต่เพียงคนเดียว ดูน่าสงสารเกินกว่าที่ข้าจะไม่ช่วยเหลือ?


?เห็นไหมว่าข้าพูดความจริง? ขอทานโวยวาย แล้วรีบดึงหยกกลับคืนมา เขาเร่งเท้าจากไปพร้อมกับบ่นงุบงิบที่ถูกทำให้เสียเวลา


?พอใจหรือยังท่านมือปราบ หากท่านไม่มีอะไรทำก็ไปล้างเท้าซะบ้างนะ? นางมองมือปราบด้วยสายตาที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง ก่อนจะสะบัดหน้ากลับเข้าไปข้างใน ความหลังที่มีมาทำให้ผู้ชายทั้งโลกสำหรับนางเหมือนกันหมด


เหล่าหญิงนางโลมที่หน้าเรือนหัวเราะคิกคักที่มือปราบหนุ่มถูกตอกกลับหน้าหงาย คูจามยองนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่ชองแทจะกระซิบเรียกให้กลับ


?กลับกันเถอะ นายท่าน...?


คนถูกเรียกไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่าพยักหน้ารับ


?อืม กลับเถอะ?


แต่ทว่าอะไรบางอย่างของมือปราบหนุ่มถูกทิ้งไว้ยังที่แห่งนั้น


เพียงนาทีเดียวที่พบหน้า ก็เปลี่ยนความรู้สึกของใครบางคนไปตลอดกาล


ประวัติศาสตร์กำลังถักทอเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกัน แพคแมและคูจามยองก็ถูกรวมเข้าไปในประวัติศาสตร์ของอิลจิแมด้วย สิ่งที่ทำให้เป็นไป คงเรียกได้ว่า...โชคชะตา กระมัง


โชคชะตาที่นำพา และโชคชะตาที่พลัดพราก

Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

Re: New Release : The Return of lljimae จอมโจร จอมใจ อิลจิแม

โพสต์ โดย Gals »

ตอนที่ 2

?หนีออกจากเหลียวตง?




ชายหนุ่มไม่เคยคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงาน ชีวิตของเขาทุ่มเทให้กับหน้าที่มือปราบจนหมดสิ้น เขาได้เป็นมือปราบที่เก่งกาจแห่งฮันยางตั้งแต่อายุยังน้อย และได้รับมอบหมายให้เป็น 1 ใน 34 มือปราบที่ดูแลชานเมืองฮันยางด้วยความสามารถของเขาล้วนๆ จากนั้นก็ได้ขึ้นเป็นนายกองคุมมือปราบ 42 นาย ในเขตฝั่งซ้ายของเมืองฮันยาง ชื่อเสียงของเขาถูกสั่งสมมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อเขาเคยช่วยทางการจับโจรได้ด้วยสติปัญญาและไหวพริบของเขาเอง


ทว่า ปัญญาและไหวพริบของเขาถึงคราวจนตรอกเมื่อพบหน้าของนาง


หญิงที่มอบเครื่องประดับให้แก่ขอทาน หญิงที่เขาทราบชื่อภายหลังว่า...แพคแม


คืนนี้ต่างไปจากทุกคืน ผู้ที่มีแต่งานอย่างเขาไม่เคยเที่ยวเตร่ เลิกงานก็กลับบ้าน แต่แล้วคืนนี้ ขาทั้งสองข้างกลับพาเขามาหยุดหน้าหอนางโลม เขายืนฟังเสียงข้างในที่ร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนานโดยที่ตนเองไม่ได้เหยียบย่างเข้าไป


ผ่านไปคืนแล้วคืนเล่า บางคืนอากาศเย็นจัด และบางคืนฝนก็โปรยปราย แต่ทุกคืน คูจามยองจะมายืนมองแสงไฟที่ลอดออกมาจากห้องของแพคแม สำหรับเขาแล้ว แสงสว่างนั่นคือเกาะเล็กๆ เพียงเกาะเดียวท่ามกลางมหาสมุทรที่มืดมิด ทว่าตัวเขากลับไม่รู้วิธีว่ายน้ำเพื่อเข้าหาเกาะนั้น หน้าต่างบานน้อยถูกเปิดออก แล้วหญิงในดวงใจก็ปรากฏตัวขึ้นจนเขาแทบจะซ่อนตัวไม่ทัน ดวงตาของนางที่เขาเห็นทุกค่ำคืนฉายความเศร้าที่ไม่อาจเข้าใจได้ นางมักจะเหม่อมองดวงจันทร์... หรืออาจจะเป็นดาวดวงใดสักดวง แล้วอธิษฐานขอบางสิ่ง จากนั้นเสียงพูดคุยของนางกับเพื่อนๆ ก็จะดังแว่วออกมาให้เขาได้ยิน ให้เขาได้ผ่อนคลาย พร้อมกับการเดินจากไปเหมือนเช่นเคย


ในคืนนี้ก็เช่นที่เคยเป็น เขาเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของนางแล้ว หัวใจก็เจ็บแปลบด้วยความที่ไม่รู้จะช่วยนางได้อย่างไร เขาอยากเข้าไปหา อยากปลอบประโลม หัวใจของชายหนุ่มที่ถูกอิสตรีซึ่งพบหน้าเพียงครั้งเดียวช่วงชิงไปนั้นสับสนยิ่งนัก บานหน้าต่างถูกปิดลง จามยองทอดถอนหายใจก่อนจะหันหลังกลับ แต่สัญชาตญาณมือปราบของเขากำลังทำงานเมื่อพบบางสิ่งที่ผิดปกติ ชายผู้หนึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืด หันซ้ายหันขวาอย่างมีพิรุธก่อนจะปีนกำแพงข้ามเข้าไปข้างหอนางโลม


เขาไปหยุดที่หน้าต่างบานนั้น เคาะเรียกเบาๆ


?ใครหรือเจ้าคะ? แพคแมเปิดหน้าต่าง เมื่อเห็นชายผู้นั้น นางก็เอ่ยปากด้วยความประหลาดใจ ?ทะ...ท่านพ่อบ้าน ท่านมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ?


?นายหญิงใหญ่ให้ข้ามา นายหญิงใหญ่ให้ข้าเอาของขวัญวันเกิดมาให้เจ้า?


?ข้าไม่ต้องการของสิ่งนี้? นางปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดซ้ำ


?เอาไปเถอะ? พ่อบ้านไม่ยอมแพ้ ยัดเยียดห่อผ้าให้กับหญิงสาว ก่อนจะจากไป


?ช้าก่อน พ่อบ้าน... ลูกข้า สบายดีหรือเปล่า? คนเป็นแม่ ทุกลมหายใจมีแต่ลูกเท่านั้นที่อยู่ในห้วงคะนึง


?สบายดี? แต่สีหน้าพ่อบ้านกลับไม่สบายด้วยเลย เขาพยายามฉีกยิ้มให้ ?เด็กคนนั้นกินเยอะมาก แล้วก็นอนหลับสบายดี ขะ...ข้ากลับก่อนนะ?


พ่อบ้านจากไป ทิ้งความเศร้าให้ปกคลุมหัวใจนางอีกครา









เฮ้อ ข้าจะต้องโกหกไปอีกนานแค่ไหนนะ พ่อบ้านคิดด้วยความไม่สบายใจขณะที่เดินจากมา แต่เมื่อเขาเลี้ยวที่หัวมุมหนึ่ง เงาร่างหนึ่งที่รออยู่ก็โผล่ออกมารั้งไว้


?นี่ เจ้าน่ะ?


?ทะ...ท่านเป็นใคร? พ่อบ้านสะดุ้งตกใจ ไม่คิดว่ายามวิกาลเช่นนี้ยังจะมีใครอยู่อีก


?ดึกป่านนี้แล้ว เจ้ายังออกมาเดินเตร่ข้างนอกอีกรึ?


?แล้วท่านล่ะออกมาเดินได้อย่างไร? พ่อบ้านเถียงกลับ


?เพราะข้าคือสารวัตรกองปราบ? จามยองเผยตัว


พ่อบ้านสะดุ้งอีกครั้ง เหงื่อผุดพรายบนใบหน้าทั้งที่เป็นเวลากลางคืน คราวนี้เขามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนค่อยๆ ถอยหลังอย่างเชื่องช้า เมื่อได้จังหวะก็กลับหลังชักเท้าวิ่งหนีไปทันที


?หยุด! หยุดนะ!!? มือปราบหนุ่มรีบวิ่งตามทันที พ่อบ้านวิ่งไปทางสะพานแล้วปีนตรงกลางสะพาน หย่อนตัวเองลงมาที่พื้นข้างใต้สะพานก่อนจะลุกขึ้นวิ่งต่อ เมื่อคูจามยองตามมาทันก็กระโจนลงจากสะพานอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า...เท้าเจ้ากรรมกลับถูกเศษแก้วที่ใต้สะพานแทงลึกเข้าไปในฝ่าเท้า ?โอ๊ะ!?


ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งกับพื้นดิน มองดูพ่อบ้านที่วิ่งหนีไปพร้อมกับจับเท้าของตนเองขึ้นมาดึงเศษแก้วออก เขาไม่ได้สนเลือดที่ไหลออกมาจากแผลลึกแต่ความเจ็บนั้นยากที่จะไม่ใส่ใจได้ เป็นเวลาเดียวกันกับที่เหล่ามือปราบซึ่งเข้าเวรอยู่ได้ยินเสียงดังจึงพากันวิ่งมาดู


?เฮ้ย ใครน่ะ ส่องไฟซิ?


ชายอีกคนทำตามทันที คบเพลิงถูกยื่นลงมาใต้สะพาน


?เอ๊ะนั่น นายท่านคูจามยองนี่นา?


นายกองหนุ่มข่มใจหลับตา ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ชะตากรรมของตนเองดี เขาต้องหาข้อแก้ตัวที่ออกมาเดินอยู่ข้างนอกกลางดึกนี้ให้ได้








เครื่องประดับที่คอลชิหวังขายนำเงินมาใช้จ่ายถูกนักบวชยึดเอาไว้เสียแล้ว และบอกให้เขาไปขอทานดังเดิม เพื่อความปลอดภัยของตัวพวกเขาเอง เนื่องจากว่าหากขอทานนำไปขาย แม้ว่าจะได้มาโดยสุจริตเพียงใด แต่ไม่วายต้องถูกเพ่งเล็งอยู่ดี ถึงคอลชิจะโมโหโทโสสักเพียงใด แต่ยามเห็นใบหน้าของเจ้าตัวน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์นั่นแล้ว เขาก็อดยิ้มให้ไม่ได้ แล้วจึงพาเด็กออกไปหาน้ำนมอีกครั้ง


โดยไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทำ...


?ขอนมหน่อยขอรับ ขอนมให้เด็กหน่อย? คอลชิร้องตะโกนไปเรื่อยจนกระทั่งมาถึงบ้านหลังใหญ่ เขาเดินเข้าไปในบริเวณบ้าน ?มีใครอยู่ไหม นายท่าน ขอนมให้เด็กหน่อย?


หญิงชราผู้หนึ่งเดินออกมาทัก ทำให้ขอทานหน้ามุ่ย


?ข้าไม่ได้อยากเจอคนแก่นะ ท่านไม่มีน้ำนมหรอก ในบ้านหลังนี้มีสาวๆ หรือแม่บ้างหรือเปล่า ข้าอยากจะขอนมให้เด็กกินสักหน่อย?


นายหญิงใหญ่ของบ้านไม่สนใจความไร้มารยาทของขอทาน นางจ้องไปที่เด็กตัวน้อย


?นั่นลูกเจ้ารึ?


?ถึงไม่ใช่ลูกข้า ข้าก็เลี้ยงเหมือนเขาเป็นลูกไปแล้วล่ะ? คอลชิเอ่ยตอบด้วยความเอ็นดูเด็กที่เขาแบกอยู่ทุกวี่ทุกวันนี้


?งั้นเจ้าตามข้าเข้ามาข้างใน?


ขอทานสกปรกไม่เคยได้เข้าบ้านที่ใหญ่โตและสะอาดสะอ้านแบบนี้ก็อดที่จะตื่นตาตื่นใจไม่ได้ เขานั่งลงกับพื้นตรงหน้าของหญิงชรา


?เด็กคนนี้หน้าตาดีนะ...? นางจ้องมองไปที่เด็กน้อยซึ่งหน้าตาดูคุ้นอย่างบอกไม่ถูก


?แน่นอนขอรับ? คอลชิเห็นด้วยอย่างยิ่งทันที ?เวลาเด็กคนนี้ยิ้มทีไร ข้าแทบจะเป็นบ้าตายเลยขอรับท่าน ฮ่าๆ?


แล้วนางก็เอ่ยอย่างเฉียบขาดจนขอทานสะดุ้งเฮือกขึ้นมา


?บอกข้ามา จงบอกทุกอย่างห้ามปิดบัง!?


?อะ...อะไรนะขอรับ?


?เจ้าบอกว่าเด็กนี่ไม่ใช่ลูกของเจ้ามิใช่รึ เจ้าเจอเด็กคนนี้ที่ไหน? เสียงของผู้มีอำนาจทำให้ขอทานลนลานและพยายามนึกย้อนไป


?ก็... ข้าเจอที่ริมแม่น้ำโน่น ข้ากำลังจะข้ามสะพาน ก็มาเจอเด็กเข้าพอดี?


?เมื่อไร เล่าให้ข้าฟังทั้งหมด?


?มะ...เมื่อไรเหรอ ประมาณ... ไม่รู้สิขอรับ ข้าจำไม่ได้ สองเดือน สามเดือน ก็ตอนนั้นดอกบ๊วยบานเต็มที่ ช่วงฤดูใบไม้ผลินั่นแหละขอรับ?


หญิงชราอุทานด้วยความตกใจ สายตาของนางที่มองเด็กน้อยเปลี่ยนไป โดยไม่รู้เลยว่านอกห้องนั้นมีผู้ใดกำลังแอบฟังอยู่ และฟัง...ด้วยความโมโหเสียด้วย


?ไหนเจ้าบอกว่าฝังมันไปแล้ว!? เสียงเกรี้ยวกราดดังอย่างไม่ไว้หน้า พร้อมกับถีบที่ตัวพ่อบ้านเพื่อระบายโทสะ ?ทำไมมันยังย้อนกลับมาได้อีก!?


?ขะ...ขอประทานอภัยขอรับ?


?ไปดูว่ามันอยู่ที่ไหน มันพักอยู่กับใคร? เสียงนั้.่น่าเชื่อว่าจะเป็นเสียงของผู้ที่เป็นพ่อคนได้ ?ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ไปจัดการมันซะ!?


พ่อบ้านได้แต่เวทนาเด็กน้อยผู้น่าสงสารอยู่ในใจ เขาปล่อยชีวิตเล็กๆ นั้นมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้จะทำเช่นไรได้ หรือปาฏิหาริย์จะมีได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น...








?ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปบ้านขุนนาง!? นักบวชยอลกงเอ็ดตะโรเป็นการใหญ่ เมื่อรู้ว่าคอลชิไปที่ใดมา


?ก็ท่านไม่ให้ข้าเอาเครื่องประดับไปขายกิน ข้าก็ต้องเลี้ยงเด็กแบบนี้น่ะสิ? ขอทานไม่สนใจเสียงโวยวายและความเดือดเนื้อร้อนใจของนักบวช เขาพาเด็กเข้านอนกับตนเองตามปกติ


ไม่นานเลย... ในคืนนั้นเอง เรื่องก็เกิดขึ้น ชายสองคนบุกเข้าวัดเพื่อจัดการเด็กน้อย พวกเขาเจอขอทานนอนหลับสนิทอยู่บนที่นอน แต่เด็กกลับไม่อยู่ในห้องทั้งที่มีผ้าปูรองนอนสำหรับเด็กอยู่ด้วย


?เฮ้ย! เด็กไม่ได้อยู่ที่นี่ ปลุกมันซิ?


ชายอีกคนทำตามทันที เขาเหยียบไปที่อกของขอทาน ฝ่ายถูกกระทำจึงสำลักลืมตาตื่นขึ้นมา


?เจ้าขอทานลุกขึ้น!?


?อุ๊ย! อะไรเนี่ย? คอลชิตกใจเป็นอย่างมาก ในเมื่อเขาเป็นขอทาน จึงไม่มีของมีค่าให้ปล้นชิง การโดนโจรปล้นยามดึกแบบนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน ?อะไร เกิดอะไรขึ้น ท่านต้องการอะไร?


?เด็กล่ะ! เด็กอยู่ที่ไหน? ชายที่ปิดหน้าตะคอกใส่ทันที


?เด็กนั่นเหรอ? คอลชิเหลือบตามองไปยังที่นอนเด็กข้างตัวทันที แต่ทว่า ?อ้าว เด็กไม่อยู่แล้วนี่...?


แม้จะปลุกขอทานขึ้นมาไต่ถามแกมข่มขู่ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย คอลชิผู้ไม่รู้เรื่องอะไรถูกฟาดสลบไป


เป็นอย่างที่คาด ยอลกงนำเด็กหนีเหล่านักฆ่าเข้าไปในป่า นักบวชใช้ความมืดแฝงตัวหนีไปเรื่อย ฝีเท้าที่รวดเร็วในเวลากลางคืนทำให้เด็กน้อยสามารถหนีรอดมาได้ บุญของเขาแท้ๆ ที่รอดจากการถูกฆ่าได้ถึงสองครั้งสองครา หลวงพี่ทราบข่าวว่าจะมีการสวดมนต์ครั้งใหญ่ที่เหลียวตงจึงตัดสินใจพาเด็กน้อยไปด้วย เขาลงเรือเดินทางมาที่ต้าเหลียนเมืองเล็กๆ ในเหลียวตง...เมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิงเพื่อที่จะหาคนคุ้มครองเด็กน้อย


หลังจากที่นักบวชยอลกงเดินทางมาหลายวัน โชคก็เข้าข้าง เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าเมืองเล็กๆ ในชองนาราแห่งนี้ ครั้นพูดคุยสนทนาจนถูกใจ เนื่องด้วยเจ้าเมืองที่ใจดีผู้นี้ไม่มีบุตรชายจึงคิดรับเด็กน้อยไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม


?เจ้าเด็กนี่ น่ารักจริงๆ ข้ากับภรรยาเห็นเขาครั้งแรกก็อดเอ็นดูไม่ได้แล้ว ไม่ทราบว่าเขาชื่ออะไรรึ?


?เขายังไม่มีชื่อเลย?


เจ้าเมืองได้ฟังดังนั้นจึงคิดหาชื่อที่เหมาะสมให้ เมื่อรู้ว่าเด็กถูกพบเจอในฤดูใบไม้ผลิ ภายใต้เวลาที่ต้นบ๊วยออกดอกบานสะพรั่ง เช่นนั้นแล้ว... เด็กน้อยจึงควรใช้ชื่อ...


?อิลจิแม? เจ้าเมืองและนักบวชพูดพร้อมกันจนอดหัวเราะไม่ได้


?อิลจิแม... อืม ชื่อนี้ฟังดูเป็นผู้หญิงไปหน่อย แต่ก็เพราะดี แล้วยังมีความหมายมาก...? เจ้าเมืองต้าเหลียนเอ่ยปาก


ดอกบ๊วยเป็นสัญลักษณ์แห่งนักรบ นอกจากนั้นยังเป็นดอกไม้ที่แสนพิสุทธิ์และเป็นมิตร ชื่อนั้นจึงบอกถึงชะตาของเด็กน้อยเจ้าของชื่อได้เป็นอย่างดี เขาจะเป็นทั้งนักรบและมิตร...


เมื่อได้ฝากเด็กไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว หลวงพี่ยอลกงจึงเดินทางกลับโชซอน ทิ้งเด็กน้อยต่างเชื้อชาติไว้ในแผ่นดินจีน









ด้วยความที่เด็กน้อยมีใบหน้าสะสวย เมื่อโตขึ้นจึงถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงอยู่บ่อยๆ ทำให้เจ้าเมืองเริ่มเป็นกังวลใจ ด้วยอยากให้เขาเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้ จึงจ้างครูสอนวิทยายุทธ์มาให้


ราวกับอิลจิแมเกิดมาก็เก่งเลย อีกทั้งยังได้ร่ำเรียนตัวต่อตัวกับอาจารย์ผู้เก่งกล้า คุณชายน้อยผู้เก่งวรยุทธ์ทำให้เด็กรับใช้ในบ้านต่างต้องปวดหัวกันไปทุกคน เด็กน้อยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับต้นไผ่ สองสามวันแรกเขาก็สามารถกระโดดข้ามต้นไผ่ได้อย่างสบายๆ ต่อมาเขาก็กระโดดขึ้นสู่ยอดไผ่ที่สูงกว่าเขาสามเท่าได้ จากนั้นเขาก็ไม่เดินบนพื้น แต่กลับไปเดินเล่นบนหลังคาบ้านแทน แล้วยังฝึกวิชาฝ่ามือปราบมารซึ่งเป็นวิชาที่แสนร้ายกาจ สามารถปลิดชีวิตคู่ต่อสู้ได้ในพริบตา เวลานี้ อิลจิแมทั้งเก่งกล้าและ...มีคุณธรรม


?ข้าพูดดีๆ เจ้าถอยไปซะ นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า?


?ไม่ใช่เรื่องของข้ารึ เด็กคนนี้คือสหายของข้า? อิลจิแมขวางทางระหว่างผู้ชายหลายคนกับเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกซ้อมหนัก คุณชายฮุกเหยียดยิ้ม

?เพื่อนเหรอ? ชาวโชซอนมีค่าพอที่จะเป็นเพื่อนเจ้าหรือ งั้นเจ้าก็ไร้ค่าไม่ต่างจากมันน่ะสิ?


อิลจิแมข่มอารมณ์โกรธ เขามาเดินตลาดเพียงลำพังก็พบว่าเพื่อนถูกรังแกโดยคุณชายที่อยู่ตรงหน้านี้ แล้วจะไม่ให้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้อย่างไร


?เจ้าไม่ควรดูถูกชนชาติอื่น พวกเขาก็คนเหมือนกัน?


?โชซอนก้มหัวให้ชองกุก* แล้วก็มาหัวเราะเยาะพวกเราลับหลัง ชาวชองกุกเช่นข้าไม่สามารถทนอยู่ได้ เห็นอย่างนี้แล้วข้าคงต้องสั่งสอนซะบ้าง?


?เรื่องที่เจ้าพูดมันเป็นเรื่องของขุนนางฝ่ายโชซอน เด็กคนนี้ไม่เกี่ยว?


?อย่ามาตลก คนโชซอนก็เหมือนกันหมด เจ้าถอยไป!? นอกจากอิลจิแมจะไม่ถอยแล้ว เขายังจ้องตากับคุณชายอันธพาลจนอีกฝ่ายเลือดขึ้นหน้า ?ข้าจะไม่ให้เจ้าจ้องหน้าข้าได้อีก เด็กๆ จัดการมัน!?


เหล่าชายฉกรรจ์ค่อยๆ ล้อมเป็นวงกลมเดินเข้าหาอิลจิแม ชายคนแรกถลันเข้าไปต่อยหน้า แต่อิลจิแมหลบได้ ชายคนที่สองจึงเข้าไปซ้ำ เขาเอนตัวไปข้างหลังเพื่อหลบหลีก ก่อนจะใช้ขาฟาดเข้าใส่ด้วยความรวดเร็ว ถูกอกของชายคนหนึ่ง เตะแข้งของชายอีกคน แล้วตวัดขาเตะไปที่อีกคน ด้วยวรยุทธ์ของเขา เพียงไม่นานเหล่าชายฉกรรจ์ก็ล้มระเนระนาด คุณชายฮุกทนไม่ไหว ชักมีดสั้นออกมาก่อนจะพุ่งเข้าไป อิลจิแมป้องกันโดยยึดข้อมือของอีกฝ่ายไว้ แล้วสับมือลงไป เป็นผลให้มีดสั้นหลุดกระเด็น จากนั้นจึงกระแทกฝ่ามือเข้าที่หน้าอกของเจ้าคนลอบกัดจนแทบกระอัก แต่แล้วก็มีองครักษ์ถือดาบตรงเข้ามาดูสถานการณ์


?นี่ เจ้า! ไม่รู้หรือไงว่าเขาเป็นใคร! จับมัน!?









ท่านเจ้าเมืองและภรรยาถูกเชิญตัวมา เมื่อรู้ว่าอิลจิแมไปมีเรื่องกับใครก็แทบจะลมจับด้วยความเป็นห่วง


?โธ่ อิลจิแม เจ้าขอโทษคุณชายเถอะ?


?ข้าไม่ได้ทำผิด? เด็กหนุ่มวัยสิบหกยืนกรานตามความคิดของตน ?คุณชายต่างหากที่ต้องขอโทษข้า?


?เจ้า! บังอาจเกินไปแล้ว!? องครักษ์ที่รายล้อมชักดาบออกมา หากก่อนที่จะได้ทำอะไร เสียงดังกัมปนาทก็ฟาดลงมายังห้องรับรอง


?พอได้แล้ว!? ชายในชุดภูมิฐานเดินเข้ามาในห้อง เสียงของเขาดุดันอย่างผู้มีอำนาจ ?นี่ มันเรื่องอะไรกัน อาอุ๊ก?


?ท่านพ่อ ก็ไอ้คนโชซอนนี่มันบังอาจผลักข้าล้มต่อหน้าผู้คนมากมายกลางตลาด ข้าเลยต้องสั่งสอนมันหน่อย แต่เจ้าหมอนี่...?


?เด็กคนนั้นพยายามหลบแล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจจะชนเจ้า อีกอย่าง เด็กคนนั้นก็ขอโทษเจ้าแล้วด้วย? อิลจิแมขึ้นเสียง


?คนโชซอนขอโทษ นับด้วยรึ...? คุณชายเถียงกลับ แต่หลบสายตาของบิดาที่จ้องเขม็งมา


?หมายความว่าเจ้า... เจ้าขนคนออกไปเพราะเด็กโชซอนคนเดียวงั้นรึ? เสียงกึ่งตำหนิทำให้คุณชายรีบพูดต่อ


?ข้าเป็นฝ่ายถูกทำร้ายนะท่านพ่อ ดูสิขอรับ?


ไท่จง** ไม่สนใจฟังคำลูกชายเพราะรู้นิสัยดี เขาตวัดฝ่ามือครั้งเดียว ตบไปที่หน้าของลูกชาย



?เจ้าคุกเข่าขอโทษเด็กคนนั้นซะ!?


คุณชายฮุกเงยหน้าอย่างไม่เชื่อหู ผู้เป็นบิดาจึงเอ่ยเสริม


?เจ้าไม่รู้จักละอายที่ตัวเองยกพวกไปตีเขารึไง รีบขอโทษเขาเดี๋ยวนี้ ขอโทษซะ? คุณชายน้อยจำใจคุกเข่าขอโทษ ไท่จงมองไปทางเด็กหนุ่ม ?เจ้าเด็กคนนี้มันหยิ่งในศักดิ์ศรีแค่ไหนก็ยังคุกเข่าขอโทษได้ เจ้าจะอภัยให้ลูกข้าที่ทำเช่นนั้นได้หรือไม่?


?อิลจิแม ตอบเร็วๆ สิลูก? ผู้เป็นมารดาร้อนใจ เพราะรู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้านี้เป็นใคร เด็กหนุ่มถอนหายใจ


?เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน ข้าจะรับคำขอโทษของเขาขอรับ? เด็กหนุ่มพูดพร้อมยกมือคารวะ


?เด็กคนนี้ชื่ออิลจิแมรึ?


?ขอรับ? เจ้าเมืองเล็กๆ ก้มศีรษะตอบ


?แววตาเจ้าแข็งกร้าว...? ไท่จงตั้งข้อสังเกต เขาพิจารณาเด็กหนุ่มอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าจะยังเด็กมากแต่ก็มีความองอาจให้เห็น ความสง่างามที่ใช่ว่าจะเลียนแบบกันได้ง่ายๆ ?การรักษาเกียรติสำคัญพอๆ กับรักษาชีวิต การที่ข้าได้เจอเจ้า อิลจิแม คงเป็นโชควาสนา หากข้ากลับมาเสิ่นหยาง ข้าจะแวะมาเยี่ยมเจ้า?


?ขอรับๆ ได้ขอรับท่าน? เจ้าเมืองรีบกล่าวอย่างนอบน้อม ฝ่ายภรรยาก็ฉุดลูกชายให้รีบเดินกลับบ้าน ซ้ำยังกำชับอีกว่า


?แม่เคยบอกแล้วใช่ไหมไม่ให้ไปยุ่งกับชาวโชซอน แล้วเจ้าก็ไม่ควรไปมีเรื่องกับลูกชายของท่านนายพลไท่จงเลยนะ หัวจะขาดไม่รู้ตัว?


?คนคนนั้นคือนายพลไท่จงหรือขอรับ? อิลจิแมเอ่ยอย่างติดใจ เขาคงไม่มีวันลืมใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจนั้นได้


นายพลไท่จง...โอรสองค์ที่แปดของนูรฮาชี คากา*** และจะเป็น...จักรพรรดิองค์ที่สอง


ซึ่งหลายปีต่อมา คนผู้นี้คือคนที่ทำให้โชซอนต้องพบความอัปยศเป็นที่สุด...









?ฮ่าๆๆ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักที่ท่านอนุญาตให้คุณหนูได้พบกับลูกชายที่แสนจะธรรมดาของข้า? เจ้าเมืองเอ่ยอย่างอารมณ์ดีในระหว่างทานอาหาร


?ลูกสาวของข้า หมู่ตัน นางขอร้องให้ข้าเชิญอิลจิแมมาที่บ้าน? ชายในชุดขุนนางหัวเราะด้วยเช่นกัน เขารู้ว่าลูกสาวเคยแอบมองดูอิลจิแมหลายครั้ง นางหลงใหลเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มนั่นหน้าตาดี ฐานะก็ไม่เลว ถูกใจว่าที่พ่อตาอย่างเขาเช่นกัน ?ลูกสาวของข้าคนนี้เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเด็กๆ บอกว่าจะไม่แต่งงานกับคนอื่นนอกจากอิลจิแม แล้วจะให้ทำอย่างไร พ่ออย่างข้าก็ห้ามลูกไม่เป็นซะด้วย ฮ่าๆๆ?


?โอ้โฮ ลูกชายของข้าช่างโชคดีเสียจริงๆ?


นี่เป็นเรื่องดีที่กำลังจะเกิดขึ้น ลูกชายของเจ้าเมืองเล็กๆ กำลังจะได้แต่งงานกับสาวงามเลื่องชื่อและยังเป็นบุตรีของเจ้าเมืองใหญ่ หัวใจของผู้เป็นพ่อที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะอิ่มเอมยิ่งนัก







ในวันหนึ่ง วันที่ท้องฟ้ายังคงเป็นสีฟ้าเฉกเช่นทุกวัน ชายชาวจีนแปลกหน้าผู้หนึ่งที่มาขออาศัยบ้านท่านเจ้าเมืองหลับนอนได้เห็นเหตุการณ์บางอย่าง ชายผู้นี้...เป็นสายสืบขายข่าวให้กับโชซอนนามหวังเหิงปู้**** เพราะการเดินที่เป็นเอกลักษณ์ของเขานี่เองทำให้เขาได้ชื่อนี้มา และเขาคือผู้ที่พลิกชีวิตของอิลจิแมไปตลอดกาล


เหิงปู้สังเกตเห็นชายผู้หนึ่งสวมใส่ชุดแบบชาวโชซอนอยู่ในบ้านหลังนี้จึงอดให้ความสนใจไม่ได้


?ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องมา!? เจ้าเมืองอดโมโหไม่ได้ ทุกๆ วันเกิดของอิลจิแม เขาต้องเห็นชายผู้นี้อยู่เสมอ


?นายท่าน ข้าทำตามคำสั่งของนายหญิงใหญ่น่ะขอรับ นางอยากให้ของขวัญแก่หลานชายบ้าง ของขวัญจากนายหญิงใหญ่ ถึงเด็กและนายท่านขอรับ? พ่อบ้านแกะห่อผ้า แสดงของที่อยู่ภายใน ?แล้วยังมีจดหมายที่แม่เด็ก...?


?ข้าไม่ต้องการของพวกนี้ เอาออกไปให้พ้น! แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก!!?


เสียงไล่ตะเพิดทำให้พ่อบ้านท้อใจ เขาถูกไล่ทุกครั้งที่มา แต่ก็ยังต้องมาด้วยหน้าที่ นายหญิงใหญ่ทราบข่าวจากนักบวชรูปหนึ่งถึงข่าวคราวของหลานชายตนเองว่ามาเติบโตยังที่แห่งนี้ นางต้องการให้เด็กคนนั้นกลับไปโชซอน แต่พ่อบ้านรู้ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำได้ จึงได้แต่นั่งดื่มเหล้าด้วยความกลัดกลุ้ม


หวังเหิงปู้ได้จังหวะที่อีกฝ่ายเมามายจึงเข้าไปซักถาม หลอกล่อให้เผยเรื่องราวบางอย่าง และจับมาปะติดปะต่อเอาเองได้ในที่สุด เขาแอบขโมยจดหมายฉบับนั้นออกมา พร้อมยิ้มกระหยิ่มว่างานของเขา...มีหมากเข้าช่วยแล้วหนึ่งตัว


วันรุ่งขึ้น อิลจิแมฝึกวรยุทธ์ที่ลานกว้างเหมือนเช่นทุกวัน แต่แล้วเสียงตบมือก็ดังขึ้น หวังเหิงปู้เดินเข้ามา


?ฝีมือเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว?


อิลจิแมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร แต่ก็ก้มหัวคารวะให้ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กว่า


?เจ้าคืออิลจิแมใช่ไหม ข้ารู้ทุกอย่างในโลกนี้? เหิงปู้โอ้อวดตนเอง ?ไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้ ไม่ว่าเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน และเรื่องที่ข้ารู้...มันมากกว่าชื่อของเจ้านา?


เด็กหนุ่มรู้สึกไม่ถูกชะตากับชายแปลกหน้าจึงเดินเลี่ยงเข้าไปข้างใน แต่หวังเหิงปู้ก็ตามติดเขาไปอย่างไม่รอช้า และเอ่ยประโยคที่ทำให้อิลจิแมต้องหยุดชะงัก


?รู้ไหม เจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบ้านนี้?


อิลจิแมชะงักมือที่จับกาน้ำ เขาเงยหน้ามองชายผู้นั้นด้วยความไม่ไว้วางใจในทันที


?ท่านล้อข้าเล่นใช่ไหม? เด็กหนุ่มยิ้มขึง


?ตลกล่ะ... งั้นเจ้าพิสูจน์เอาเองก็แล้วกัน? เหิงปู้หยิบจดหมายที่ซุกไว้ในอกออกมา ?ของสำคัญที่สุด แม่แท้ๆ ของเจ้าเป็นคนเขียนมันขึ้นมา?


เด็กหนุ่มรับไปคลี่อ่าน แม้จะเขียนด้วยภาษาโชซอน แต่ในเหลียวตงนี้ก็มีคนโชซอนอยู่มาก และเขาก็ร่ำเรียนภาษาโชซอนมาจึงสามารถอ่านออกเขียนได้


เนื้อความในจดหมายราวกับพู่กันได้กลายเป็นแส้ที่หวดลงไปทุกตัวอักษรจึงได้ดูเจ็บปวดอย่างยิ่ง


?แม่แท้ๆ ของเจ้าเป็นหญิงชาวโชซอน นางทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้ให้เจ้า ตอนที่เจ้าถูกนำตัวมาที่นี่? หวังเหิงปู้สัมผัสได้ถึงความรู้สึกประหลาดใจของอิลจิแม เขาจึงใส่เชื้อไฟเข้าไปอีก เขาเล่าเรื่องทุกอย่างที่ได้ยินมาจากคนถือสาสน์เมื่อคืนให้อิลจิแมฟัง และแน่นอน ทุกเรื่องเสียดแทงเข้าไปในความรู้สึกของอิลจิแมยิ่งนัก


ริมฝีปากบางคล้ายอิสตรีเอ่ยขึ้นช้าๆ


?เป็นไปไม่ได้?


?แต่เป็นไปแล้ว... เจ้าอาจไม่เชื่อแต่ว่ามันเป็นเรื่องจริง คิดดูสิ เจ้าหนุ่ม เรื่องแบบนี้ข้าจะมาโกหกเจ้าทำไม คิดดูให้ดีๆ แล้วกัน ความรักของแม่สูงกว่าท้องฟ้า ลึกกว่ามหาสมุทร ป่านนี้แม่เจ้าจะคิดถึงเจ้ามากขนาดไหน แน่นอน...พ่อแม่บุญธรรมเจ้าเป็นคนดี แต่มันไม่ใช่ของจริง? หวังเหิงปู้เริ่มพูดพล่ามมากขึ้น ?เจ้ามาจากประเทศอื่น เจ้าเป็นคนชาติอื่น ตอนนี้แม่แท้ๆ ของเจ้าอาจจะกำลังร้องไห้อยู่ และย่าของเจ้าก็กำลังร่ำไห้เช่นกัน และไหนจะพ่อของเจ้าที่เฝ้าคิดถึงอดีตอยู่ทุกคืนวัน เจ้าคือดวงใจของพวกเขา เจ้าคือลูกชายของพวกเขา แล้วเจ้าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยทิ้งพวกเขาให้ตรอมใจอยู่ทุกวันได้ลงคอเชียวหรือ?


แม้ว่าอิลจิแมจะไม่เชื่อที่หวังเหิงปู้พูด แต่ว่าน้ำตาของเด็กหนุ่มก็รินไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เหิงปู้หย่อนระเบิดลูกสุดท้ายไว้


?ข้ากำลังจะกลับไปทำงานที่โชซอน เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่ เจ้าคิดทบทวนให้ดีก่อนก็แล้วกัน?







คืนนั้นทั้งคืนอิลจิแมอ่านจดหมายฉบับนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นร้อยรอบ ความรู้สึกส่วนลึกบอกกับเขาว่าเรื่องที่หวังเหิงปู้พูดเป็นความจริง และจดหมายฉบับนี้ก็ถูกเขียนขึ้นโดยแม่แท้ๆ ของเขาจริง อิลจิแมจินตนาการไปถึงพ่อของเขาว่าเป็นขุนนางชั้นสูงของโชซอน และเขาก็สามารถจินตนาการเห็นแม่ได้อย่างสวยหรู


ในจินตนาการนั้นแม่ของเขาเป็นหญิงที่งดงามมาก งามเหมือนกับลายมือที่อยู่ในจดหมายฉบับนี้


เมื่อใดที่เด็กคนนี้โตเป็นผู้ใหญ่ ขอได้โปรดให้เด็กคนนี้รู้ว่า...เขาคือดวงใจของแม่


แต่กระนั้นอิลจิแมก็ไม่อาจลืมพ่อแม่บุญธรรมที่รักเขามากด้วยเช่นกัน ความสับสนที่หนักอึ้งนี้ทำให้เขาตัดสินใจได้ลำบาก


ทว่า ในที่สุด...เขาก็ตัดสินใจได้


?ไปสิ ต้องไป ข้าต้องพิสูจน์ว่าที่เขาพูดเป็นความจริง ถ้าข้ารู้ว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก ข้าจะรีบกลับมาทันที?


เมื่อตัดสินใจได้ เด็กหนุ่มก็เริ่มต้นเขียนจดหมายทันที จดหมายที่ทำให้รุ่งเช้าที่สดใสของบ้านท่านเจ้าเมืองกลายเป็นความโกลาหลในบัดดล


?ทะ...ทำไมเขาถึงรู้ได้? ผู้เป็นมารดาเลี้ยงน้ำตานองเต็มใบหน้า นางเลี้ยงเขาเหมือนลูกแท้ๆ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะคิดว่าเขาเป็นลูกเลี้ยง แล้วทำไมเขาต้องจากไปด้วย


?ต้องมีใครสักคนบอกเขาแน่ๆ เมื่อวานเด็กรับใช้บอกว่ามีคนเดินแปลกๆ มาป้วนเปี้ยนกับลูกเรา?


?ละ...แล้วเราจะไปเรียนนายท่านอย่างไรดีล่ะเจ้าคะ ท่านอุตส่าห์ยกหมู่ตันให้หมั้นกับลูกชายเรา ถ้าเกิดท่านรู้เรื่องนี้เข้า ลองคิดดูสิว่าอะไรจะเกิดขึ้น? นางร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง


เจ้าเมืองถอนหายใจ


?คงไม่สามารถบอกอะไรตามตรงได้ ตอนนี้ที่สำคัญคือเอาตัวอิลจิแมกลับมาก่อน?








หมู่ตันหัวใจแทบสลายเมื่อทราบข่าวของชายที่นางปักใจรัก บิดาของหมู่ตันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาออกคำสั่งอย่างไม่รอช้า


?จงเอาตัวอิลจิแมกลับมา! กลุ่มแรกปิดทางเดินเท้าบนภูเขา กลุ่มที่สองปิดทางออกทะเล ใครเอาตัวอิลจิแมมาได้ ข้าจะตกรางวัลทองคำ 10 ชั่ง ใครจับตัวคนที่ลักพาตัวอิลจิแมไปได้ ข้าจะให้ทองคำอีก 50 ชั่ง จงเอาตัวอิลจิแมเป็นๆ มายืนตรงหน้าข้าให้ได้ ใครก็ตามที่ขัดขวางไม่ปล่อยตัวอิลจิแมมาล่ะก็ ฆ่ามันทิ้งได้เลย! ไม่ต้องสอบถาม!?


รางวัลนั้นยวนยั่วให้นักล่าเงินรางวัลจากทั่วสารทิศพุ่งตรงไปที่เป้าหมายเดียวกัน







หวังเหิงปู้เดินผ่านทางด่านตรวจที่เขามีสายอยู่ นายทหารมองดูเด็กหนุ่มที่อีกฝ่ายเอามาด้วย ทั้งคู่กระซิบกระซาบกัน


?เจ้าพาไอ้หนุ่มนั่นมาด้วยทำไม เด็กนั่น...เป็นชาวโชซอนหรือ?


หวังเหิงปู้พยักหน้า


?เจ้าจำภารกิจของข้าได้ไหม ข้าต้องแทรกซึมเข้าไปในโชซอน ดังนั้นข้าจะใช้เด็กคนนี้ทำให้ครอบครัวของเสนาบดีคิมปั่นป่วน ในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกับเหตุที่เขาก่อขึ้น...?


?เจ้าก็จะได้เข้าไปขโมยเอกสารในบ้านนั้นได้...? นายทหารตามความคิดทัน


เหิงปู้เผยรอยยิ้มและดวงตาที่แสนจะเจ้าเล่ห์ เขา...เป็นสายสืบของชองนารา ที่วางแผนจัดการโชซอน


ชองนารามีการฝึกสายลับหน่วยพิเศษขึ้นมาเพื่อสอดแนมและทำสงครามทางประสาทกับศัตรู สายลับพิเศษของชองนาราหน่วยนี้จึงต้องฝึกวิชาวิทยายุทธ์ขั้นสูง และด้วยสงครามจิตวิทยาที่ชองนาราใช้กับศัตรูนี้นี่เอง ทำให้นายพลผู้เก่งกาจของหมิงต้องจบชีวิตลง เพราะนายพลผู้นั้นไม่สามารถปกป้องทหารและประชาชนของตนได้จึงต้องทำการปลิดชีวิตตัวเอง ดังนั้น สายลับจึงมีความสำคัญต่อสงครามเป็นอย่างยิ่ง


ระหว่างทางเดินป่า อิลจิแมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


?นี่คือทางไปโชซอนหรือขอรับ ข้าเคยรู้มาว่าต้องไปอีกทางนี่นา?


?ตอนนี้นักล่าแห่มากันเพียบ ข้าถึงต้องเปลี่ยนเส้นทาง?


?นักล่าอะไรหรือขอรับ?


?ก็...คนที่มาตามล่าเจ้าไงล่ะ?


อิลจิแมมองไปรอบๆ ทัศนียภาพตรงเบื้องหน้างดงามยิ่งนัก เขาไม่เคยจากบ้านมาไกลถึงเพียงนี้ และเด็กหนุ่มอย่างเขาก็ไม่ใช่สายลับที่จะเก่งกาจถึงขนาดรู้ว่ามีใครกำลังตามล่าอยู่ เขาเห็นเพียงแค่ภูเขา แต่ไม่เห็นใครสักคน


เหิงปู้ถอนหายใจ ?รีบตามข้ามา เร็วเข้า?


ทั้งคู่เดินไปทางน้ำตกที่ซึ่งเหล่านักล่าวางกำลังคนดักไว้ นักล่าสองคนมาดักตรงหน้า ชักกระบี่ออกมาฟาดฟันใส่เหิงปู้ สายลับหนุ่มหลบหลีกว่องไวราวกับแมวก่อนจะเตะนักล่าทั้งสองคนตกน้ำไป


?พวกเขาเป็นใครกัน?


?นักล่าที่พ่อบุญธรรมของเจ้าส่งมาฆ่าเจ้าอย่างไรล่ะ?


?ไม่เป็นความจริง!? เด็กหนุ่มตวาดเสียงลั่น ?ท่านพ่อท่านแม่ข้าไม่มีทางทำอย่างนั้นได้?


?เจ้าโง่จริงหรือว่าแกล้งโง่? หวังเหิงปู้แสร้งมองด้วยสีหน้าอ่อนใจและเห็นใจ ?เจ้าใช้สมองคิดเอาบ้างสิ เจ้าคิดว่าไอ้พวกนั้นมันจะมาเลี้ยงส่งเจ้าหรือไง พ่อแม่บุญธรรมเจ้าเห็นแก่เงินค่านำจับ เลยส่งพวกนั้นมาฆ่าเจ้า?


?ถ้าเจ้าบังอาจใส่ร้ายพ่อแม่ข้าอีกละก็...ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!? อิลจิแมตะคอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า


?ฮึ ไม่อยากจะเชื่อก็ตามใจ พวกนั้นเป็นคนที่พ่อแม่เจ้าส่งมา เดี๋ยวก็ต้องตามมาอีกแน่?


และก็เป็นตามที่คาด เหล่านักล่าเงินรางวัลต่างทยอยเข้ามาไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด ในเมืองหรือป่าเขา เนื่องด้วยทองคำ 50 ชั่งที่เป็นเงินค่านำจับคงจะไม่มีใครยอมเสียโอกาสไปง่ายๆ อิลจิแมยังไม่มีโอกาสรู้เรื่องนี้ ทว่าเหล่านักฆ่าเหล่านั้นกลับยิ่งตอกย้ำความคลางแคลงในหัวใจของเขามากขึ้น จนเขารู้สึกโกรธพ่อแม่บุญธรรมมากขึ้นเช่นกัน


นั่นคือ...สิ่งที่หวังเหิงปู้ต้องการให้เป็น


สายลับหวังเหิงปู้มีขาที่แข็งแกร่ง ลูกเตะแต่ละครั้งแม่นยำและหนักหน่วง ทำให้จัดการกับนักล่าเงินรางวัลได้ทุกครั้ง หากแต่ว่า...เขาอาจจะดูเป็นคนไม่ค่อยเต็มสักเท่าไรนักในยามปกติ การเดินของเขาก็เรียกความสนใจจากพวกชาวบ้านและนักล่าให้รู้ตำแหน่งได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยฝีมือของหวังเหิงปู้ทำให้สามารถฝ่าออกมาได้ทุกครั้ง พวกเขาฝ่าด่านนักล่ามาได้เพราะความช่วยเหลือของเหิงปู้ หรือเพราะ...นักล่าไม่ต้องการทำร้ายตนเองกันแน่ เด็กหนุ่มไม่เคยสงสัยเรื่องนี้เลย








พวกเขาเดินทางมาถึงสะพานแขวน สะพานที่ดูราวกับจะขาดลงได้ทุกเมื่อ ความสูงจากด้านบนสู่แม่น้ำเบื้องล่างสูงมากจนทำให้พวกเขาต้องเดินกันอย่างระมัดระวัง


?โอ๊ะ...? อิลจิแมก้าวเหยียบไม้แผ่นหนึ่งหัก เศษไม้หล่นลงไปสู่แม่น้ำที่ไม่อาจหยั่งความลึกได้ พวกเขาเดินกันช้ามากขึ้น ระวังมากขึ้น แต่แล้วก็มีชายจำนวนมากดักรออยู่ฝั่งตรงข้ามสะพาน รวมทั้ง...ด้านหลังที่พวกเขาเพิ่งเดินมาอีกด้วย


?ซวยล่ะสิ?


ทางออกของพวกเขาถูกปิดตายเสียแล้ว


อิลจิแมจ้องมองอย่างตื่นตะลึง เมื่อเหล่านักล่าเดินสู่สะพานแขวน ทางค่อยๆ บีบให้สั้นลง แล้วอิลจิแมก็ก้าวพลาดอีกครั้ง ร่างเขาตกลงสู่เบื้องล่าง หากเหิงปู้พุ่งไปจับแขนไว้ได้ทัน ระหว่างนั้นนักล่าก็เดินเข้ามาเรื่อยๆ สายสืบผู้เก่งกาจตัดสินใจเตะเข้าที่กระดานแผ่นหนึ่ง มันลอยละลิ่วประหนึ่งอาวุธพุ่งไปปะทะชายเหล่านั้น จากนั้นก็ใช้กำลังแขนดึงอิลจิแมขึ้นมาจากความตาย เหิงปู้เตะนักล่าที่เข้ามาตกน้ำ ทุกคนมุ่งแต่จะสังหารเขาจนไม่สนใจเด็กหนุ่ม ยิ่งต่อสู้ สะพานแขวนก็ยิ่งไร้แผ่นไม้ให้ก้าวเดินมากขึ้น เมื่อชายนักล่าพลาดจนเกือบจะตกลงไปจึงจำเป็นต้องจับเชือกทั้งสองข้างเอาไว้ หวังเหิงปู้เห็นดังนั้นก็รีบดึงอิลจิแมเหยียบข้ามนักล่าไปในทันที


และในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงท่าเรือจนได้


พวกเขาเดินผ่านร้านรวงที่เร่ขายสินค้า มีทั้งปลาหมึกตากแห้งรวมไปถึงผ้านำเข้าจากต่างแดน อิลจิแมมองอย่างอาวรณ์ นึกไปถึงจดหมายของแม่ที่อยู่ในอกเขา สิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจจากเมืองที่เติบโตมา ในขณะที่เหิงปู้รีบมุ่งหาเรือซึ่งจะไปฮันยาง


?อิลจิแม มัวทำอะไรอยู่ เร็ว เรือจะออกแล้วนะ?


อิลจิแมละสายตาจากทุกสิ่ง แล้วก้าวไปที่เรือลำนั้น


ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง คณะสุดท้ายได้มาถึง ทหารต่างกระจายตัวกันตามหาคนในท่าเรือนี้ ชายวัยกลางคนวิ่งมาหยุดห่างจากเด็กหนุ่มซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นเรือในอีกไม่กี่ก้าว


?อิลจิแม!?


?ท่านอาจารย์!? อิลจิแมร้องอย่างตกใจ ชั่วชีวิตของเขา นอกจากพ่อและแม่ ก็มีอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาที่เขาเคารพรักผู้นี้ที่ได้เห็นการเจริญเติบโตของเขามาโดยตลอด


?อิลจิแม! หยุดก่อน?


เด็กหนุ่มหยุดตามคำเรียก ไม่สนใจหวังเหิงปู้ที่เรียกให้ลงเรือ


?รอก่อนเถอะ เขาเป็นอาจารย์ของข้าเอง?


?เจ้าโง่เอ๊ย มันถือดาบอยู่ มันจะฆ่าเจ้าไม่เห็นหรือไง! ลงเรือเร็วเข้า!?


อิลจิแมชะงักงัน นึกถึงยามเด็กที่พ่อบุญธรรมของเขารักเขายิ่งกว่าแก้วตา โอบอุ้มเขาดุจเป็นของล้ำค่า แม่บุญธรรมก็กอดเขาไว้เมื่อเขาร้องไห้ในยามค่ำคืน เช่นนี้แล้วจะให้เขาปักใจเชื่ออย่างหมดใจได้อย่างไรว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเขามาคิดทำร้ายเขาได้ลงคอ ใจหนึ่ง...เขาอยากจะก้าวเท้ากลับไป กลับไปสู่บ้านที่เคยอยู่ กลับสู่อ้อมกอดที่เคยได้รับ กลับไปเป็นอย่างที่เคยเป็น แต่ข้อความในจดหมายนั้นก็ตามหลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลา เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่อาจจะจินตนาการได้อย่างชัดเจนดังขึ้นในหัวใจ


?ได้โปรดให้เขารู้ว่า เขาคือดวงใจของแม่...?


ในที่สุด อิลจิแมก็หันหลังกลับหมายจะเดินขึ้นเรือ แต่จังหวะนั้นเอง เชือกสองเส้นได้พุ่งตรงมาจากทางซ้ายและขวา ตวัดมัดมือของเขาเอาไว้ โดยขึงอีกด้านของเชือกเข้ากับกระสอบให้เขาไม่สามารถดึงได้ ชายหนุ่มดิ้นรนอย่างเจ็บปวดเมื่อเชือกขึงมือของเขาไว้ตึงแน่นทั้งสองข้าง


?เฮ้ย! ทำอย่างนี้ได้อย่างไรวะ!? หวังเหิงปู้ตะโกน แล้วกระโจนขึ้นจากเรือไปเตะทหารที่อยู่บนศาลา เหล่านักล่าพุ่งเป้าหมายไปที่สายลับเพียงผู้เดียว


อิลจิแมมองดูเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยความตื่นตระหนก




----------
การเริ่มต้นยังเข้มข้นขนาดนี้ แต่รับรองว่าเนื้อหาต่อจากนี้จะเข้มข้นยิ่งกว่าค่ะ ติดตามวีรบุรุษในคราบโจรได้อย่างเต็มรูปแบบใน The Return of lljimae จอมโจร จอมใจ อิลจิแม ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”