หลายอาทิตย์ต่อมา ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นที่บ้านแม่พลอย พวกเขาไม่ได้พบกันพร้อมหน้าเลยสักครั้ง มีแต่ฝนกับอ้อมที่ยังเจอกันอยู่เป็นประจำเพราะต้องระดมช่วยกันเขียนเรียงความช่วงปิดเทอม ส่วนโด่งมักจะหาเจอตัวได้ตามสนามหญ้าหน้าหมู่บ้าน เพราะเจ้าตัวชอบไปเตะบอลกับเพื่อนในซอยทุกวันหยุด
แต่คนที่ฝนอยากเจอที่สุดกลับไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาเลยตั้งแต่นั้น ฝนชักสงสัยและนึกเป็นห่วงแดนขึ้นมา เลยหาโอกาสตอนที่โด่งเลิกภาระกิจกรรมเข้าไปถามถึงตัวพี่ชาย พร้อมกับลากเพื่อนสนิทติดไปด้วยทั้งที่อ้อมไม่ได้มีความอยากรู้เลยว่าคู่วิวาทนัมเบอร์ทูจะเป็นตายร้ายดียังไง เธอไม่เคยคิดจะใส่ใจ ฝนพยายามฉุดดึงอ้อมให้ตามไปโดยดี หันไปเห็นโด่งกำลังเดินเดาะบอลข้ามไปอีกฝั่งของสนาม
?โด่ง!?
ฝนรีบตะโกนเรียกโด่งก่อนที่จะออกนอกสนามไปกับกลุ่มเพื่อน โด่งหันมองเหลียวหลังเห็นฝนกำลังถูลู่ถูกังลากเพื่อนสาวคนสนิทติดมือมาไม่ห่าง โด่งบอกลาเพื่อนในกลุ่มก่อนวิ่งมาหาฝน
?มีอะไรเหรอ? เห็นลากยัยอ้อมมาด้วย นึกว่าผีเกาะหลัง?
?เฮ้ย! พูดอย่างนี้ เดี๋ยวเตะให้สมชื่อเลย?
ฝนรีบกางแขนกั้นเขตห้ามทั้งคู่ให้หยุดอยู่ห่างกันให้มากที่สุดเท่าที่ตัวเธอจะขวางได้ โด่งเห็นแก่ฝนกลัวว่าเธอจะโดนลูกหลงเจ็บตัวแทนยัยตัวแสบเลยยอมอ่อนข้อก่อน ถอยหลังเพิ่มระยะห่าง ดึงเสื้อยืดชุ่มเหงื่อที่ติดตัวอยู่ให้อากาศเย็นๆ เข้าแทนที่ อ้อมยักไหล่ผายมือขึ้นประสานไว้หลังผมเดินออกจากวงสนทนาไป
?คือฉัน...อยากรู้ว่า...ทำไมหมู่นี้ไม่เห็นพี่แดนเลย พี่เขาไปไหนเหรอ??
ฝนถามเข้าประเด็นไม่อ้อมค้อม โด่งขมวดคิ้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
?เดินไปเล่าไปได้มั้ย? เรื่องมันยาวน่ะ?
ฝนพยักหน้าเดินตาม หันไปกวักมือเรียกเพื่อนที่นั่งเอาเท้าเขี่ยทรายเล่นอยู่ข้างสนาม อ้อมลุกขึ้นปัดกางเกงเดินอ้อยอิ่งตามไปอย่างไม่สบอารมณ์
?...อย่าว่าแต่เธอเลย ทั้งฉัน และพ่อกับแม่เพิ่งจะได้เจอหน้าพี่เขาเมื่ออาทิตย์ก่อนแบบเต็มตัวนี่เอง ก่อนหน้านั้นไม่รู้ไปทำอะไรมาพอกลับถึงบ้านพี่แกเล่นเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง ทั้งแม่ ทั้งพ่อ และก็ฉันต้องคอยผลัดกันส่งข้าวส่งน้ำให้อยู่เป็นอาทิตย์ จนพ่อกับแม่ทนไม่ไหวเลยช่วยกันงัดห้องลากตัวพี่เขาออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่มีใครกล้าถาม แต่ถึงถามไปเฮียแกก็ไม่ตอบอะไรอยู่ดี นี่เพิ่งจะดีขึ้นเองนะ... นั่นไง! ยืนมองเจ้าซูชิอยู่หน้าบ้านโน่น...?
โด่งชี้นิ้วไปทางพี่ชายที่ยืนดูหมาน้อยพันธุ์พุดเดิ้ลทอยที่กำลังเดินดมกลิ่นหาอาณาเขตของตัวเอง แดนนั่งยองๆ มองเจ้าซูชิปฏิบัติภารกิจไม่ลับอยู่ข้างยางล้อรถของพ่อ
ฝนเดินเข้าไปหาหยุดยืนอยู่ข้างหลังแดนที่กำลังจ้องเจ้าขนปุยไม่วางตา ฝนแตะไหล่แดนเบาๆ ให้เขารู้สึกตัว แดนสะดุ้งปัดมือน้อยออกจากตัว ฝนยืนกุมมือด้วยสีหน้าไม่เชื่อในการกระทำที่พี่ชายตรงหน้าปฏิบัติกับเธอเมื่อครู่ พอแดนหันมาเห็นว่าเป็นฝนจึงรีบขอโทษขอโพยในการกระทำไม่ยั้งคิดของตัวเอง
?พี่ขอโทษนะฝน พอดีพี่เหม่อไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นเลย พี่ขอโทษจริงๆ?
อ้อมฉุนกึกเดินเข้ามาโอบไหล่ฝน ไม่ทันที่ฝนจะได้สติห้ามปราม
?ทำอะไรของพี่น่ะ คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วงมาดูว่าตายไปแล้วรึยัง แล้วนี่อะไร ทำแบบนี้มัน...?
?ไม่เป็นไร อ้อม พี่เขาไม่ได้ตั้งใจ....ใช่มั้ยคะ?...พี่แดน?
แดนพยักหน้ารับอย่างยากเย็น ฝนยิ้มแสดงการให้อภัยในเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
?แล้วที่พี่แดนไม่สบาย หายแล้วเหรอ??
แดนงงกับคำถามแต่ก็ตอบว่าตัวเองดีขึ้นเยอะ และขอบคุณที่ฝนเป็นห่วง อ้อมยืนมองสายตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจในการสนทนาของทั้งคู่
.....................
หลังจากจบชั้นประถมศึกษา แดนย้ายไปเรียนโรงเรียนประจำที่ต่างจังหวัด กลับมาบ้านบ้างในช่วงปิดเทอมของแต่ละภาคเรียน ความเปลี่ยนแปลงในตัวแดนปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ และไม่ใช่แค่แดนที่เปลี่ยนไป ทุกคนที่เคยเล่นกันในวัยเด็กต่างเติบโตขึ้นตามอายุและกาลเวลาที่หมุนอยู่ตลอด 6 ปีที่ผ่านมามีโอกาสเจอกันแทบจะนับครั้งได้ และอีกไม่นานแดนกำลังจะไปเรียนต่อที่อเมริกา
ดังนั้นทุกคนจึงลงความเห็นว่าควรจัดงานเลี้ยงส่ง และเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 15 ปี ของโด่งไปพร้อมกันเลย แต่ปัญหามีอยู่ว่าที่บ้านของทั้งสองพี่น้องไม่สะดวกในการจัดงานเลี้ยง หน้าบ้านเป็นเหมือนโกดังเก็บของ จึงไม่มีพื้นที่ที่จะจุคนร่วมงานได้มากพอ
ดังนั้นบ้านแม่พลอยจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุด เพราะมีบริเวณหน้าบ้านกว้างขวางบนพื้นหญ้าหนานุ่ม และไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครลุกจากที่นอนขึ้นมาเอ็ดตะโรได้อีก เพราะใบหย่าได้ประดับอยู่ในลิ้นชักห้องนอนแม่พลอยมาหลายปีแล้ว ทั้งคู่แยกทางกันเป็นที่เรียบร้อย การจัดงานครั้งนี้แม่พลอยยินดีให้ใช้สถานที่ได้เต็มที่แบบไม่ต้องเกรงใจ
?ขอบใจนะพลอย เกรงใจเธอจริงๆ ฉันอยากให้เด็กๆ สนุกกันได้เต็มที่น่ะ?
พ่อกับแม่ของพี่น้องเจ้าของงานรีบขอบอกขอบใจเพื่อนสมัยเรียนม.ปลายที่สนิทสนมรักใคร่กันมานาน แม่พลอยรีบถ่อมตัว
?ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ ฉันเต็มใจจริงๆ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ฉันก็อยากจะช่วยเต็มที่ เด็กทุกคนก็เหมือนลูกเหมือนหลานฉันทั้งนั้น อย่างเกรงใจกันเลยนะ?
ทุกคนได้ยินอย่างนั้นต่างก็สบายใจที่ปัญหาใหญ่ได้คลี่คลายลง โด่งดูจะดีใจมากกว่าพี่ชายเสียอีกที่วันเกิดปีนี้จัดได้ยิ่งใหญ่อลังการกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เขารีบโทรชวนเพื่อนที่ห้องและเพื่อนในชมรมฟุตบอลมาเฮฮาสังสรรค์กันแทบยกห้องเกลี้ยงชมรมแบบไม่ให้พ่อแม่ต้องผิดหวังว่าลูกคนนี้เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ
คืนนั้นทุกคนสนุกกันแทบลืมบ้านลืมช่อง พวกผู้ใหญ่เห็นว่าเด็กๆ อยู่ในความดูแลของแม่พลอยเลยพากันวางใจ ปล่อยให้พวกเด็กๆ ทำอะไรได้ตามใจกันสักคืน ทุกคนมีความสุขกันสุดๆ
หลังจากนั้นสามวันแดนออกเดินทางไปเรียนต่อ ทุกคนไปส่งแดนถึงสนามบินดอนเมือง พ่อกับแม่เป็นห่วงกอดรัดลูกชายคนโตไม่ยอมปล่อยจนโด่งต้องประคองดึงทั้งคู่ให้ออกจากพี่ชาย โด่งสังเกตเห็นพี่ชายมีสีหน้ากังวลอยู่มาก จึงตบไหล่ให้กำลังใจ
?ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอก ฉันยังอยู่ทั้งคน พี่สบายใจได้ รักษาตัวดีๆ ล่ะ?
โด่งเขยื้อนตัวกระซิบข้างหูพี่ชาย
?อย่าลืมหาอึ๋มๆ มาฝากฉันด้วยนะ ฉันชอบ...โอ๊ย!?
?แม่ได้ยินนะเจ้าโด่ง ยังเด็กยังเล็กพูดจา...?
หูโด่งถอยตามแรงดึงของแม่บังเกิดเกล้า และทุกคนผลัดกันอวยพรให้แดนเดินทางปลอดภัย
?แม่พลอย ทำไมอ้อมไม่มาส่งด้วยล่ะคะ??
ฝนสงสัยอยากรู้ว่าทำไมเพื่อนถึงไม่มาด้วยกัน ทั้งที่ก่อนวันงานเลี้ยงยังช่วยเลือกชุดที่จะใส่มาส่งพี่แดนกันอยู่เลย
?พอดีอ้อมเป็นไข้หวัดใหญ่จ้ะ เลยฝากแม่มาส่งแทน?
แม่พลอยตอบคำถามด้วยท่าทีสงบ
?ทำไมหนูไม่รู้เรื่องเลยล่ะคะ เดี๋ยวกลับไปต้องไปเยี่ยมสักหน่อยแล้ว?
?อย่าเลยลูกเดี๋ยวฝนจะติดหวัดเอานะ?
แม่พลอยรีบห้ามเกรงว่าจะไปกันใหญ่ แดนมองมาทางกลุ่มคนที่ตามมาส่งด้วยสายตาเลื่อนลอย แม่พลอยเดินเข้าไปพูดคุยส่งลา แดนก้มหน้าเงียบจนพ่อต้องเรียกให้เข้าประตูไป แดนรู้สึกตัวยิ้มให้และโบกมือลา แม่น้ำตานองหน้ากอดคอโด่งโบกมือตอบจนแดนเดินลับหายเข้าไปในช่องผู้โดยสารขาเข้า
.....................
ภายในห้องสี่เหลี่ยมมืดมิดม่านกั้นปิดบังแสงเล็ดลอดทุกมุมช่องหน้าต่าง อ้อมนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างกับคนบ้าอยู่บนเตียงนอนคนเดียวลำพัง
...................................................
mass_ja
จบบทนำแล้ว





....................................................