ฝากนิยายเรื่อง *:*:*: Dream in Love my Friend *:*:* ตอนที่1

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ajinkazuya_love
โพสต์: 25
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 27 ก.พ. 2008 2:26 pm
ที่อยู่: in kamenashi conankong

ฝากนิยายเรื่อง *:*:*: Dream in Love my Friend *:*:* ตอนที่1

โพสต์ โดย ajinkazuya_love »

จะเกิดอะไรขั้นเมื่อคุณชายแสนสุดจะเย็นชา ต้องพบกับยัยสาวสุดแสนจะไม่ยอมคน
แล้วความรักจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อเพื่อนสนิทของคุณชายสุดหล่อจะพบรักกับยัยสาวเฮี้ยวคนนี้
บทรักของรักสามเศร้าก็บังเกิดขึ้น โดย ajinkazuya_love
*:*:*: Dream in Love my Friend *:*:* Part one
(เพื่อนกัน ความฝัน ความรัก) ตอนที่ 1
By: ajinkazuya_love

ซอยเล็ก ๆในต่างจังหวัด ผู้คนมากมายต่างมีชีวิตที่เรียบง่าย เส้นทางในการดำเนินชีวิตก็ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบอันสวยงาม หรือปรุงแต่งด้วยของอันล่ำค่าที่ต่างค้นหากันทั่งชีวิต แม้ กระทั่งผู้ที่มีเพียบพร้อมไปซะทุกอย่างยังไม่เว้นที่จะควานหาผลประโยชน์ เพื่อเพิ่มอำนาจบารมี
หญิงสาวร่างบาง หน้าตาจิ้มลิ้มที่ต่างจากความรู้สึกเบื้องลึกของจิตใจ ชีวิตของเธอไม่มีเหมือนหรือแตกต่างจากใคร แต่ยังซ้อนเรื่องราวมากมายที่ไม่มีใครรับรู้หรือแม้แต่จะเข้าใจ เพราะเธอได้เก็บไว้ เก็บไว้จนตัวเองยังไม่อาจที่จะค้นพบ แล้วเรื่องที่เธอเก็บซ้อนไว้คืออะไรล่ะ?
หญิงสาวร่างบาง ผิวพรรณขาวใสบริสุทธิ์ ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปทั่วซอยเล็ก ๆ นั้น เพื่อส่งของปลายทางให้กับลูกค้าทั่วไปที่ต้องการส่งของไปยังที่ต่าง ๆ เที่ยงของวันนี้ก็เช่นกัน
?เออ...วันนี้เกตต์ช่วยเอาเอกสารนี้ไปให้ป้าจุ่มที่บริษัทที...พอดีแกลืมน่ะ? เสียงน้องสาวของป้าจุ่มบอกให้เกตต์นั้นนำเอกสารสำคัญไปส่งให้แกในขณะที่เกตต์กำลังส่งของให้คนอื่นเสร็จพอดีซึ่งบ้านที่เกตต์ส่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านป้าจุ่ม เกตต์จึงขับรถมาหาอย่างรวดเร็ว น้องของป้าจุ่มนั้นเป็นช่างตัดผมอยู่ในร้านมีชื่อว่าแจ่มแจ๋วชาลอน ส่วนพี่สาวของเธอนั้นทำงานบริษัทใหญ่โตที่ใคร ๆ ก็ต่างใฝ่ฝันที่จะทำงานที่นี่ แม้จะเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่เป็นเครือข่ายนอกเมืองเช่นนี้ ก็ยังมีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับมากของประเทศ
?คนแก่นี้ลืมง่ายจังนะ ขนาดเอกสารสำคัญยังลืมได้เลย?หญิงสาวพูดกับลูกค้า น้องสาวป้าจุ่มก็นำเงินให้เธอเพื่อเป็นค้าเหนื่อยหรือที่เรียกว่าค้าจ้างจากนั้นเธอก็นำเอกสารใส่ตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปทันที เธอรีบแร่งขับรถมอเตอร์ไซค์ไปตามตรอกซอกซอยจนถึงถนนใหญ่ลมที่พัดแรงโบกเข้าใบหน้าของหญิงสาวจนผมปลิวจนยุ้งเหยิง มอเตอร์ไซค์คู่ใจของเธอนั้นเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เก่าพอสมควรเธอก็ยังขับได้อายุของมันคงราว ๆ 4 ปียายของเธอเป็นคนซื้อให้ตั่งแต่อายุ 14 ปีตอนนั้นเธอดีใจมากมันเป็นมอเตอร์ไซค์ใหม่คันแรกของเธอที่ได้มาเพราะยายของเธอฐานะไม่ค่อยดียายจึงซื้อมอเตอร์ไซค์มือสองมา
สาเหตุที่เกตต์ต้องมาอยู่กับยายเพราะแม่ของเธอถูกผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดเธอทิ้งไปอย่างไม่แย่แส ผู้ชายคนนั้นเป็นนักดนตรีเก่า ใช้ความสามารถของตนเองที่มีอยู่เล่นดนตรีตามคาแฟ่ ส่วนแม่เธอเป็นนักร้องที่จัดได้ว่าหน้าตาดีที่สุดในร้านคนหนึ่ง อยู่กินด้วยกันไปจนเกิดปัญหารุ่มเร้าต่าง ๆ มากมาย วันหนึ่งผู้ชายคนนั้นก็ทิ้งแม่ไป ตอนที่เกตต์อายุได้เพียง 2 ปี จากนั้นแม่เธอรู้ว่าคงเลี้ยงลูกคนนี้ต่อไปไม่ไหว เพราะถึงอยู่ไปก็อาจจะทำให้ลูกคนนี้ลำบากไปด้วย เธอเป็นคนที่รักลูกมาก เด็กตัวน้อย ๆ ที่ต้องการความรักจากแม่ แต่กลับต้องไปอยู่กับยาย ความรู้สึกนี้เธอเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ไม่อาจทำอะไรได้ แม้ว่าทางออกยังไม่มีในตอนนี้ แต่เธอก็เชื่อว่าวันหน้าเธอจะต้องทำให้ลูกของเธอมีชีวิตที่ดีแน่นอน
เธอเดินทางไปยังนอกเมืองที่เป็นที่อาศัยของหญิงชราที่ใคร ๆ ก็หาว่าเธองมงาย ไร้สาระ แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนที่เชื่อคำทำนายของเธออยู่บ้าง ทำยังไงได้ก็มันเป็นอาชีพที่หารายได้ให้กับเธอ แม่ทิ้งเด็กน้อยน่ารักคนนี้ไว้ พูดคุยกับยายอยู่หลายคำ แต่คำเดียวที่ยังพอจะจับใจความตอนนั้นมีเพียงถ้อยคำสั้น ๆ ว่า
สักวันฉันจะกลับมารับแก
จนบัดนั้นเธอทิ้งไว้แค่กีตาร์ตัวเดียว ซึ่งเป็นของพ่อ เป็นเครื่องที่ทั้งคู่ใช้หาเงินทองมาประทั่งชีวิต แต่ตอนนี้กับเป็นสิ่งที่เด็กตัวน้อย ๆ เอาไว้ดูต่างหน้าเท่านั้น มันเป็นกีตาร์ที่เก่าพอสมควรเมื่อเทียบกับสมัยนี้ ใครจะคิดว่าเมื่อเด็กตัวน้อยที่โตขึ้นนี้ยังเก็บความรู้สึกเสียใจนี้ไว้มานานตั้งแต่เห็นแม่เธอเดินจากไปโดยไม่หันมามองเธอเลย จึงไม่แปลกอะไรที่เธอจะเป็นคนเงียบขรึม ไม่เป็นเด็กที่ร่าเริงเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป เมื่อมองเห็นครอบที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มันยิ่งทำให้จิตใจของเธออ่อนแอลงทั้งที่ยากจะให้มันเข้มแข็ง เธอต้องทำให้ได้ ต้องเข้มแข็งไห้ได้ จะไม่มีเด็กผู้หญิงที่รอคอยแม้ตัวเองอีกต่อไป
เกตต์ขับรถคู่ใจมาเรื่อยๆจนถึงบริษัทของป้าจุ่มแล้วจอดไว้ในลานข้างหน้าบริษัทแล้วรีบวิ่งเข้าไปในบริษัทเพราะกลัวว่าจะมาไม่ทันที่จะส่งเอกสารสำคัญก่อนที่ป้าจุ่มจะเข้าที่ประชุม ขณะที่เธอวิ่งได้มองไปรอบบริษัทแห่งนี้ มันใหญ่โตมากและมีความกว้างขวางมาก ทุกห้องจะมีแต่คอม พิวเตอร์ดูลักษณะแล้วน่าจะเป็นบริษัทหุ้นเพราะในเอกสารของป้าจุ่มมีแต่ตัวเลขเยอะแยะไปหมดเลยเธอนึกในใจว่าบริษัทนี้คนที่เป็นเจ้าของคงรวยหน้าดูเลยนะถึงทำบริษัทได้ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้
โครม !ด้วยความเร็วของฝีเท้าเกตต์นั้นทำให้เธอชนกับชายคนหนึ่งอย่างจัง จนทำให้ทั้งเธอและชายผู้นั้นล้มไปตามๆกัน รวมทั้งเอกสารสำคัญที่อยู่ในมือของเกตต์ ได้กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณนั้น พอรู้สึกตัวเกตต์ก็ได้เงยหน้าขึ้นมาดูพบว่า
...พระเจ้า! เธอได้ล้มอยู่บนร่างกายของชายผู้หนึ่ง ซึ่งสีหน้าของเค้าตอนนี้ ทำท่าเหมือนจะเจ็บตัวด้วย เห็นดังนั้นเกตต์จึงรีบลุกขึ้นมาอย่างเร็ว...
?นายนี่เดินอย่างไงของนายนะ!!?เกตต์จองหน้าชายผู้นั้นด้วยความโมโหเพราะเธอกำลังรีบร้อนอยู่ด้วย ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นถึงกับรีบลุกขึ้นมาทันที เรื่องอะไรจะให้มาว่าเล่าทั้งที่ตัวเองนั้นแหละที่วิ่งชนเราจนเจ็บไปทั้งตัว
?เธอนั้นแหละวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือ ดูซิฉันเจ็บตัวด้วย?ชายผู้นั้นพูดเถียงเธอแต่มันก็เป็นเรื่องจริงนะเพราะเธอรีบร้อนแล้วจู่โจมวิ่งมาชนเขาเอง ขณะที่เธอและชายคนนั้นต่างคนต่างเงียบ เสียงชายผู้นั้นก็ตัดบทขึ้น
?แล้วเธอจะไม่เก็บเอกสารที่หล่นเหรอ?เธอจึงก้มดูเอกสารที่หล่นระเนระนาด คงจะหล่นตอนที่เธอชนกับเขาแน่นอนเลย จะมาส่งเอกสารแท้ๆดันต้องมาเถียงกับตานี่
ขณะที่เธอกำลังเก็บเอกสารอยู่เขาก็มาช่วยเธอ เกตต์มองดูชายคนนั้นหน้าตาก็ดูดี ใช่ได้ดวงตาดูกลมโตมีนัยน์ตาสีน้ำตาลอมฟ้าเหมือนใส่คอนเท็กซ์เลนส์เป็นตาสองชั้นจมูกโด่ง ใบหน้าเรียวคมดูเป็นสัน รับกับปากอิ่มละไม หน้าตาใสกิ้ง ผมซอยตั้งเหมือนคนญี่ปุ่น ย้อมผมสีกาแฟแกมน้ำตาล เข้าคั้นเลยว่าหล่อ แต่งตัวดูสุขุม ยิ่งบวกกับร่างกายที่สูงทำให้เจ้าตัวดูสง่า
?ขอบใจ?เกตต์พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจ แล้วรีบดึงเอกสารที่อยู่ในมือเค้านั้นมา
?ไม่เป็นไร ฉันไปก่อนล่ะ?ชายหนุ่มพูดหลังจากดูนาฬิกาในข้อมือ เป็นนาฬิกาสวยหรู น่าจะมีราคามากเลยทีเดียว หันไปมองที่ด้านหลังทำท่าร้อนรนยังไงไม่รู้
...หนีอะไรมาหรือไง...
ไม่นานชายผู้นั้นก็รีบร้อนเดินออกไปอย่างทันที เกตต์หันหลังกลับเพื่อไปยังที่ทำงานของป้าจุ่ม อยู่ดีดีก็มีกลุ่มคนใส่เสื้อชุดดำของบริษัท เดินไป วิ่งไปกันให้ควัก เหมือนหาอะไรบาง อย่างทั่วทั้งบริษัท ทุกคนต่างจัดการแยกย้ายกันไปทั่ว ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร แต่เกตต์ไม่สนใจหรอกพวกบ้าทำงาน เดินไปทั่วอยู่นั้นหละ น่ารำคาญจะตายไป เธอจึงเดินไปจากนี้ให้เร็วที่สุด
?แปลกจัง เมื่อกี้ยังเห็นคุณชายเดินมาทางนี้นิ พวกนายไปดูทางโน้นสิ เดี๋ยวฉันดูทางนี้เอง?คนใส่เสื้อชุดดำคนหนึ่งสั่งลูกน้องที่ตามมา พร้อมโบกไม้โบกมือให้ลูกน้องทำตามคำสั่ง
?ถ้าเอาคุณชายขึ้นไปที่ห้องฝึกงานไม่ได้ พวกนายเตรียมโดนไล่ออกได้เลย?
----------------------------------------------------
เกตต์เดินไปยังห้องทำงานของป้าจุ่ม ทันทีที่ไปถึงก็เห็นแกทำงานอย่างขมักเขม่น เธอจึงเอางานไปวางบนโต๊ะทันทีเธอคงคิดว่าเธอมาส่งให้แกทันเวลาแต่ตรงกันข้าม
?ป้าประชุมเสร็จแล้วล่ะ พอไม่มีเอกสารที่จะเสนองานฉันเลยโดนว่าเละเลย!?ป้าจุ่มพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่าไร
?ขอโทษจริงๆค่ะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย ต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก?เกตต์กล่าวขอโทษและบอกเหตุผลที่ต้องมาสาย
?ไม่เป็นไรหรอก เธออาจพลาดจริงๆ?ป้าจุ่มพูดจบก็ทำงานต่อไปส่วนเกตต์ก็เดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่เธอจอดไว้ที่ลานข้างล่างของบริษัทเพื่อกลับบ้าน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะโทษหมอนั้นที่ทำให้เธอต้องส่งงานช้า
...หึ...เพราะนายคนเดียว...
----------------------------------
แสงในยามเย็นทอแสงสวยงามเป็นสีแสดแดง เพื่อรอพระจันทร์ขึ้นมาแทนที่ในยามค้ำที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า เกตต์ที่ทำงานส่งของเป็นงานอดิเรกขับขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจไปในซอยเล็กๆเพื่อกลับบ้านของเธอ ซึ่งบ้านของเธอที่อยู่กับยายนั้นเป็นบ้านเช่า ยายของเธอมีอาชีพเป็นหมอดู เพื่อนำเงินมาเป็นค่าเรียนของเกตต์มันอาจเป็นเงินจำนวนมากหน่อย เพราะตอนนี้เกตต์ใกล้จะจบ ม. 6 แล้วเตรียบตัวสอบเอ็น เห็นอย่างนี้แล้วเกตต์จึงช่วยยายอีกแรง คือการส่งของที่เกตต์ทำอยู่
เกตต์ขับรถมาเรื่อย ๆ ตามทางที่เธอเคยขับอยู่เป็นประจำจนคุ้นหูคุ้นตา หลับตาขับยังได้เลย ซอยของเธอนั้นจะไม่ค่อยสว่างซักเท่าไรติดไฟแค่ไม่กี่ดวงมันจะดูมืดแต่ยังพอได้แสงสว่างจากแสงสองข้างทางของเพื่อนบ้านเธอ ทำให้ซอยดูไม่เปลี่ยวเท่าไร
พอเกตต์ขับรถมาถึงบ้านของเธอซึ่งอยู่กับยายสองคน เป็นบ้านชั้นเดียวมีห้องนอนและห้องน้ำห้องเดียว ข้างนอกบ้านก็ไม่มีอะไรมากมีแค่โต๊ะและเก้าอี้ที่ไว้ดูหมอซึ่งเป็นอาชีพของยายนั้นเอง เกตต์ได้เปิดประตูเข้าหน้าบ้านเข้ามาเห็นยายกำลังทำนายให้แก่ลูกค้า แล้วนำมอเตอร์ไซค์ไปจอดไว้ตรงที่ประจำ
?กลับมาแล้ว?ยายหันมากล่าวตอบ แล้วหันกับไปทำนายทายทักให้แก่ลูกค้าต่อ เกตต์เดินไปหาข้าวในครัวคงเป็นเพราะความหิวตั้งแต่เที่ยงที่เธอยังไม่กินข้าว ในครัวของเธอคงมีอะไรกินรองท้องบ้าง โชคดีที่ยังมีไข่ฟองหนึ่งอยู่ในตู้เย็นพอที่เธอจะทอดกิน
?เออ...วันนี้ฉันไปทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้แกแล้วนะ?เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับของหญิงสาวที่หายเข้าไปในบ้านแต่อย่างไร
?เฮ้อ...เมื่อไรแกจะเลิกก่อเรื่องซักที ไอ้เรื่องย้ายโรงเรียนของแก เนี้ยครั้งที่ 2 แล้วนะ?ยายพูดไปถอนหายใจไปบ่นจนเกตต์ทนไม่ไหวต้องเถียงขึ้นมา
?แต่ที่ฉันโดนย้ายนะ มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่ได้ก่อทั้งนั้นเลย ยัยพวกนั้นมันแกล้งฉัน เลยอยากให้มันรู้ซะมั่งว่าคนอย่างฉันนะหยามไม่ได้?เกตต์พูดขณะที่ตนกำลังจัดเตรียมของในตู้เย็นออกมาทีละอย่าง พร้อมกับนึกไปว่าจะทำอะไรกินดี ยังไงซะก็ยังหนีไม่พ้นกับการทอดไข่อยู่ดี
?แกก็เลยไปซ้อมเค้างั้นเหรอนี้นะวิธีแก้ปัญหาของแก?เกตต์นึกไปก็ยังเจ็บแค้นอยู่เลยก็ตอนนั้นที่เธอเพิ่งเข้ามาใหม่ตอน ม. 6 เธอถูกเพื่อนในห้องเขม่น คงเพราะเห็นว่าเธอเป็นนักเรียนใหม่จึงโดนพวกนั้นแกล้งเกตต์สารพัดเพื่อจะให้เกตต์รู้ว่าอิทธิพลในโรงเรียนนี้มีเค้าเท่านั้นที่ใหญ่ที่สุด วันแรกเกตต์ก็พอ ๆ ทน มันช่างเป็นสถานการณ์ปัญญาอ่อนแถมยังบ้าบอ ยังคิดนับถือยัยพวกนั้นอยู่เลยที่มีแผนการให้เกตต์ต้องเผชิญอยู่ทุกวัน มีความพยายามที่จะให้เกตต์ยอมเป็นเบื้องล่างได้ตลอด ผลสุดท้ายก็พ้ายแพ้ไปกับความอดทนของเกตต์อยู่ดี
เช้าวันหนึ่งในชั่วโมงพละศึกษา แทนที่จะเรียนกันพวกนั้นกลับมาพูดว่าเกตต์ไม่มีพ่อแม่ซึ่งไม่รู้ว่าพวกนั้นรู้เรื่องที่เธอไม่มีพ่อไม่มีแม่จากใคร พวกเค้าว่ากระทั่งเสียดสีพ่อแม่เธออย่างให้อภัยไม่ได้ เกตต์จึงระเบิดความโกรธออกมาจากที่ได้เก็บอารมณ์ไว้ประกอบกับความที่เกตต์รู้สึกน้อยใจ ความคับแค้นใจต่าง ๆ ทำให้เธอพลาดพลั้งต่อยสวนคนที่ว่าเธอทีเดียวแบบจนลุกไม่ขึ้น มารู้ทีหลังเธอคนนั้นเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนที่เกตต์อยู่ เธอจึงโดนย้ายโรงเรียนอย่างกะทันหัน เพราะการเอาเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ความรู้สึกของเกตต์คิดว่าเธอไม่ผิดเพราะคนที่เริ่มก่อนไม่ใช่เธอแต่เป็นพวกนั้นต่างหากที่พูดเรื่องไรไม่พูดแต่เลือกที่จะพูดเรื่องนี้ เกตต์ก็แค่สนองความต้องการเท่านั้น การออกจากที่นี่คงทำให้พวกนั้นดีใจไม่น้อย
?ที่หลังแกก็พูดคำว่าขอโทษซิพูดเป็นไหม?เกตต์ไม่ฟังพอทอดไข่เสร็จก็เดินหนียายออกไปทันที ยายจึงคิดถึงความที่ไม่ยอมคนของเกตต์นั้นคงเป็นเพราะเกตต์โดนแกล้งมาตั้งแต่เด็กที่เกตต์โดนพ่อแม่ทิ้งไป เลยโดนเพื่อนล้อ เกตต์จึงปลูกฝังความไม่ยอมคนและความเข้มแข็งมาแต่เด็กเพราะเหตุนี้นั้นเองตั้งแต่เด็กเกตต์ไม่มีเพื่อน
...ไม่มีเลยซักคน...
เกตต์เข้าไปในห้องนอนของเธอแล้วทิ้งตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลียความเมื่อยล้า เกตต์ก็เหลือบไปเห็นกีตาร์ของพ่อที่ทิ้งไว้ให้เธอตอนเด็ก ๆ เกตต์จึงหยิบมาดีดเล่นเพลงตามที่เธอเคยเรียนมาจากโรงเรียนเก่าเพราะเกตต์เคยเข้าชมรมดนตรีสากล เผื่ออนาคตภายภาคหน้า เธออาจจะได้เป็นนักดนตรีเหมือนพ่อ เธออยากจะมีอะไรที่เหมือนพ่อบ้าง จะได้เหมือนว่าพ่ออยู่ข้างเธอคอยให้กำลัง ใจ ไม่ว่าพ่อจะอยู่บนโลกนี้หรือจากไปแล้วก็ตาม แต่เธอก็อยากจะขอบคุณใครบางคนที่เธอแม้จะไม่เคยเห็นหน้า ที่ช่วยสอนคนตรีให้เธอ เธออยากจะขอบคุณเค้าเหลือเกินที่ทำให้เธอได้มีวันนี้ ได้มีความฝันที่อยากจะเป็น เกตต์ล่วงสร้อยที่อยู่กับคอของเธอมาดู มันคือสร้อยธรรมดา ซึ่งผูกปิกดีดกีตาร์เอาไว้ สลักอักษรตัวเค (K) ไว้ สร้อยนี้เป็นอีกหนึ่งตัวแทนของเธอที่เธอรักและหวงมาก เพราะบุคคลที่สอนดนตรีให้เธอเป็นให้เธอมากับมือ เธอจึงอยากจะเก็บและรักษาไว้ให้ถึงที่สุด แต่ในจิตใจของเธอก็หวังว่าสักวันเธอจะได้พบคนสำคัญของเธอในวันนั้นอีกครั้ง...
-----------------------------------
เวลาตี5ครึ่ง เกตต์จะต้องทำภารกิจตอนเช้านี้ให้เสร็จก่อนที่จะต้องไปโรงเรียนคือการส่งหนังสือพิมพ์ในตอนเช้ามืดอย่างนี้ทุกวัน เกตต์เตรียมตัวออกจากบ้านพร้อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเธอเพื่อขับไปยังร้านหนังสือพิมพ์ที่เธอถูกจ้างให้ไปส่ง เกตต์ขับมอเตอร์ไซค์ไปตามทางเรื่อย ๆ เมื่อถึงบ้านของผู้ที่ต้องการรับข่าวสารในตอนเช้า เกตต์ก็จัดการนำไปใส่ตู้จดหมายแล้วก็ขับไปยังบ้านหลังต่อไป เมื่อถึงเกตต์ก็โยนหนังสือพิมพ์ในมือไปเต็มแรงข้ามรั้วเข้าไป (หมายเหตุ...บ้านนี้ไม่มีตู้รับจดหมายเลยต้องโยนเข้าไป) จนถึงบ้านหลังสุดท้าย เกตต์คิดว่าวันนี้อากาศดีมั่ง เลยส่งหนังสือพิมพ์ได้เร็ว ท้องฟ้าก็ท่อแสงสีเหลืองส้มเตือนว่าพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นสลับเปลี่ยนเวรกับดวงจันทร์เมื่อคืนนี้ ช่างเป็นบรรยากาศที่น่านอนจริง ๆ
เมื่อเกตต์กลับมาถึงบ้านก็จัดการนำมอเตอร์ไซค์เข้าบ้าน เมื่อเห็นโซฟาที่อยู่ตรงหน้าก็กำลังจะล้มตัวลงไปนอนเพราะความง่วง (นอนจริง ๆ เหรอ) แต่ก็ต้องชะงักเพราะถูกยายห้ามไว้
?แกจะทำอะไร?
?ไม่เห็นเหรอไงคนกำลังจะนอน?เกตต์สะบัดมือที่ยายจับแล้วล้มตัวลงนอนทันทีโดยไม่ฟังเสียงห้ามของยายแม้แต่นิดเดียว
?จะนอนได้ยังห๊ะ...?เกตต์ฟังที่ไหน ล้มตัวลงไปนอนอย่างหน่าตาเฉย
?ลุกเลยไปเปลี่ยนชุดเลยวันนี้ไปเรียนวันแรกจะไปสายได้ยังไง?ยายพยายามฉุดเกตต์ให้ลุกจากโซฟา แต่เกตต์ก็ยังหลับตาไม่รู้ร้อนรู้หนาว
?ขอพักตา 5 นาทีน่า?เกตต์พูดพลางชูมือห้านิ้ว ทั่งที่หลับตาอยู่ ยายจึงระอาใจต้องปล่อยให้เด็กดื้อมันนอนไป ส่วนยายเองก็ไปเตรียมของเพื่อตักบาตรพระเช้านี้...ถ้าเกิดแก่ไปโรงเรียนสาย ฉันไม่รู้เรื่องด้วยแล้วทีเนี้ย
----------------------------------------------------
เริ่มสายแล้วได้เวลาที่โรงเรียนใหม่จะเข้าแถวแล้วเกตต์ก็ยังจะนอนอยู่อีก{ไหนบอกว่าห้านาที} แล้วยายเองก็ต้องขึ้นมาปลุกเกตต์ให้รีบอาบน้ำแต่งตัวอยู่ดี
?โอย!! อะไรเนี้ย ?เกตต์ถูกยายเขยาไปมาบนโซฟาที่เกตต์นอนหลับอยู่ ด้วยความรำคาญเกตต์จึงลุกขึ้นมานั่งด้วยความงัวเงียในขณะที่ตนยังหลับตาอยู่
?ไหนแกบอกว่าห้านาทีนี้มันจะแปดโมงแล้ว?
?ห๊ะ!! จะแปดโมง โธ่แล้วทำไมเพิ่งมาปลุก?เกตต์ตื่นอย่างรวดเร็วแล้วลุกไปแปรงฟันอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนใหม่ที่เอามาจากเพื่อนบ้านของยายไม่ใช่ใครที่ไหนก็ป้าจุนั้นหละ พอดีหลานแกนะเคยเรียนที่โรงเรียนนี้มาก่อนแต่ตอนนี้อยู่มหา?ลัยชุดนี้เลยไม่ได้ใช่ ก็ตกเป็นของเกตต์ ทำยังไงได้ก็เราไม่ค่อยมีเงิน ตอนนี้เกตต์ก็เก็บเงินมากแล้วพอที่จะเลี้ยงตนและยาย เธอไม่ฝันอะไรมากขอแค่ได้เรียนสูง ๆ แล้วได้มาเป็นนักดนตรีที่เธอเคยฝันไว้
เกตต์แต่งตัวเสร็จก็รีบร้อนไปโรงเรียนทันที เพราะตอนนี้มันสายมากแล้วถ้าไปไม่ทันเรียนละก้ออาจารย์ต้องว่าแน่เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เกตต์ได้มาเรียนโรงเรียนนี้
?ไปก่อนนะยายห?วัดดี? เกตต์รีบคว้ากระเป๋าเป้ แล้วรีบวิ่งไปเข็นมอเตอร์ไซค์ของตัวเองออกมาเพื่อขับไปโรงเรียนใหม่ของเกตต์ เกือบจะชนพระที่อยู่หน้าบ้าน
?อ่าว...จะไปแล้วเหรอไม่กินข้าวก่อนละ?เกตต์ไม่ฟังที่ยายพูดเพราะตอนนี้เหตุผลเดียวคือรีบไปโรงเรียน เกตต์ขับมอเตอร์ไซค์ให้เร็วขึ้นไปตามถนนอันคดเคี้ยวของซอยที่เธออยู่
โรงเรียนของเกตต์ไกลพอสมควร พอถึงเขตที่ใกล้จะถึงโรงเรียนเกตต์ก็พบกับกำแพงใหญ่ที่ปิดกั้นโรงเรียนนี้ไว้ ทำให้เกตต์ถึงกับตะลึง เกตต์ขับมอเตอร์ไซค์ไปพร้อมกับมองลอดไปยังช่องกำแพงใหญ่ทำให้เกตต์เห็นสภาพในโรงเรียนไม่ค่อยชัดเพราะเกตต์แค่มองผ่านช่องกำแพงเท่านั้น
เกตต์ขับมาถึงหน้าโรงเรียน ก็ทักทายยามที่เฝ้าอยู่หน้าโรงเรียนตามระเบียบ แล้วนำมอเตอร์ไซค์ของตนจอดไว้ในที่จอดรถมอเตอร์ไซค์เกตต์เดินเข้าไปในตัวอาคาร ที่นี้มันใหญ่กว่าโรงเรียนเก่าของเกตต์อีกแถมยังมีตึกเรียนที่สูงด้วยไม่แพ้โรงเรียนในกรุง เกตต์รีบนำมอเตอร์ไซค์ไปจอดข้าง ๆ ป้อมยามที่เกตต์ผ่านเข้ามา
?ก็ใหญ่เหมือนกัน แต่คงไม่มีเรื่องใหญ่ ๆ ให้กับฉันนะ?เกตต์พูดพึมพำแล้วมองนาฬิกา เท่านั้นเหละเกตต์ก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เกตต์วิ่งขึ้นไปบนตึกเรียนของตนที่ยายจดไว้ในเศษกระดาษแล้วรีบไปเข้าห้องของเธอ
----------------------------------------------------
ในห้องเรียน JK 3-6
บรรยากาศในห้องเรียนดูคึกคักเป็น ในการเรียนคาบเช้านี้อาจจะมีคนงัวเงียอยากนอนก็นอน อยากทำอะไรก็ทำ เพราะในในห้องเรียนตอนี้อาจารย์ประจำชั้นของทุกคนยังไม่ได้เข้าสอน
แซมและเซฟพี่น้องฝาแฝด มากันแต่เช้า ทั้งสองเป็นที่รู้จักของคนในโรงเรียน และยังมีชื่อ เสียงมากในหมู่สาว ๆ ทั้งสองต่างก็มีแฟนคลับมากมายไม่ว่าจะเป็นทั้งในโรงเรียนและนอกโรง เรียน แซมเป็นพี่คนโตที่มีความเป็นผู้ใหญ่มาก เรียนเก่งเป็นที่หนึ่งของชั้น ทำตัวเรียบง่าย อ่อนโยนกับทุกคน ไม่ชอบเรื่องใช้ความรุนแรง และจะเย็นชาทุกครั้งเมื่อคนทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ หรือคนที่มาตอแยเค้ามาก ๆ จึงทำให้แฟนคลับของแซมไม่กล้าเข้าใกล้ จะทำได้แค่คอยมองอยู่ไกล ๆ เท่านั้นส่วนเซฟเป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมาก เพราะเป็นคนร่าเริง อารมณ์ขัน แต่เรื่องการเรียนไม่เอาไหนเลย แล้วชื่อเสียงของเซฟที่ทุกคนรู้จักน่าจะเป็น นิสัยคบคนไม่เลือกหน้า พูดง่าย ๆ คือเป็นเพลย์บอยตัวฉกาจ อาทิตย์นึงถ้าเซฟไม่เปลี่ยนผู้หญิงใหม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกของโลกเลยทีเดียว แต่สิ่งที่เป็นเรื่องดีในตัวเค้า น่าจะเป็นการรักเพื่อนมากนั้นเอง
เช้านี้ทั้งสองมากันแต่เช้า เซฟนั่งอยู่บนโต๊ะของอาจารย์ (ไม่ดีเลยนะ) โดยไม่เกรงกลัวเลยว่าถ้าอาจารย์มาเห็นเข้าแล้วจะเป็นยังไง ก็เพราะว่าทั่งสองเป็นลูกของของผู้มีอิทธิ์พล ครอบครัวร่ำรวยมหาศาล แถมยังมีเพื่อนที่สนิทเป็นหุ้นส่วนของโรงเรียนนี้อีก จึงทำให้อาจารย์ทุกคนให้ความรักและเอ็ดดูเป็นพิเศษ (ถ้าขัดใจก็เป็นเรื่องนะสิ) จึงทำให้พวกเค้าต้องถูกจับตามองไม่ให้ก่อเรื่องอะไรร้ายแรง ทั้งสองเป็นสมาชิกในชมรมดนตรี เซฟเป็นคนตีกลองดีกรีความเก่งไม่เป็นรองใคร และแซมก็เป็นคนเล่นเบสที่เล่นเสียงได้ไพเราะจับจิตกระชากใจสาว ๆ ทั้งโรงเรียน ร่วมกับเพื่อนที่รักของตนอีกคนหนึ่ง
?ป่านี้แล้ว ไอ้เรียวมันยังไม่มาอีก อย่าบอกนะว่าวันนี้มันจะไม่มาโรงเรียน?เซฟเอ่ยอย่างเซ็ง ที่เพื่อนของตนยังไม่โผล่หัวมาเรียนในเช้าวันนี้
?คงไม่หรอก เรียวมันมาแน่ แต่ไม่รู้ว่าจะมาตอนไหนเท่านั้นเอง?แซมยืนกอดอยู่ข้าง ๆ โต๊ะพูดให้อีกฝ่ายคิดอย่างฉงน
?ฉันก็คิดว่าเรียวมีเรื่องทุกข์ใจ เลยไม่มาโรงเรียน?เซฟพูดถึงเรียวด้วยความเป็นห่วง
?เรื่องเมื่อวานนี้นะเหรอ?แซมถาม เพราะเรื่องที่เกิดเมื่อวานเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้เรียวทุกข์
?ก็เรียวมันถูกพ่อบังคับให้ไปฝึกงานที่บริษัทนี่น่า มันชอบซะที่ไหน?
?แต่เรียวมันก็ดันหนีออกมาได้ แล้วก็มาระบายให้พวกเราฟัง หึ...ยังคิดอยู่ว่าเป็นเรื่องดีที่มันบอกให้เราฟังหรือซวยกันแน่?แซมพูดแล้วนึกไปถึงตอนที่เรียวมาหาพวกเค้าที่บ้าน มาถึงเรียวก็ทำให้ห้องของแซมกลายเป็นสมรภูมิรบ เพราะเรียวระเบิดความโมโห กวาดข้าวของของแซมจนกระจุยกระจาย แล้วพูดถึงการกระทำของพ่อที่คอยว่าเค้า พร้อมกับบังคับให้ทำสิ่งที่เค้าไม่ชอบทำอยู่ตลอดเวลา
?แต่อยู่ดีดีมันก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียว อารมณ์แปรปรวนชะมัด?แซมคิดตามที่เซฟพูด ใช่แล้วพอเรียวนั่งพักเพราะความเหนื่อยจากการโยนข้าวของภายในบ้าน (ของแซมและเซฟ) เรียวก็ยิ้มขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ทำให้แซมและเซฟเกิดอาการงง กับอารมณ์ของเพื่อน มันใจร้อน โมโหง่ายก็จริง แต่ไม่เคยว่ามันจะยิ้มเองคนเดียวแบบนี้ อยากรู้จังว่ามันยิ้มเพราะอะไร
...ไปเจออะไรมานะ...
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันนั้น ก็มีบุคคลหนึ่งเข้ามาในห้องอย่างเงียบ ๆ จนทำให้แซมและเซฟไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า ในขณะที่เพื่อนทั่งห้องก็เข้าที่นั่งกันหมด ก็เหลือแต่แซมกับเซฟที่นั่งอยู่บนโต๊ะของอาจารย์โดยไม่มีมารยาท
?นี่พวกเธอมานั่งอะไรกันตรงนี้!!?อาจารย์ตวาดเสียงดัง แล้ววางหนังสือที่หิ้วมาวางลงไปกับโต๊ะที่ทั่งสองกำลังนั่งอยู่ ซึ่งทั่งสองก็หันไปตามเสียงโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด
?มีอะไรเหรอครับ?เซฟเอ่ยถามอย่างเรียบง่าย ซึ่งอาจารย์ได้ยินดังนั้นถึงกับยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นแววตาอันจริงจังของเซฟ
?ตายแน่ ๆ เลย ทำไม่ถึงกล้าพูดแบบนั้นออกไป?เสียงนักเรียนร่วมชั้นแว่วมาเข้าหู
?ใช่ ทำแบบนี้โดนดีแน่?นักเรียนอีกคนหนึ่งออกความคิดเห็น
?เซฟเหรอ?มีเสียงถามนักเรียนกลุ่มนั้นดังมาจากข้างหลัง กลุ่มนักเรียนที่นินทากันก็มองหน้ากันแล้วก็หันไปดูเหตุการณ์ต่อ เซฟก็ยังนั่งรอคำตอบที่ถามอาจารย์ไปต่อยังไม่ได้คำตอบ เพราะมัวแต่ยืนอ้ำอึ้ง
?ว่ายังล่ะครับ?เซฟถามอีกครั้ง แววตาที่เซฟมองอาจารย์นั้นมันยิ่งทวีความเดือดขึ้น อาจารย์จึงตัดสินใจตอบไปว่า
?ก็ฉันจะสอน?อาจารย์เอ่ยดังอีกครั้ง อย่างน่ากลัว จนทำให้คนทั้งห้องสะดุ้งไปตาม ๆ กัน
?แล้ว!!~~~ช่วยไปนั่งที่ได้ไหม~~~?อาจารย์ เอ่ยเสียงแผ่วเบา เกือบไม่ได้ยิน แต่แซมและเซฟก็ฟังรู้เรื่อง แล้วยอมทำตามแต่โดยดี
?...อาจารย์ตากหากที่เกือบโดนดี...? กลุ่มนักเรียนที่นินทากันอยู่เมื่อครู่พูดเป็นเสียงเดียวกันเป็นการเฉลย ต่างหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นหน้าอาจารย์ที่ซีดเป็นไก่ต้ม ยอมรับเลย กับความแน่จริงของเซฟที่กล้าพูดแบบนี้กับอาจารย์ผู้สอนของตนเอง
?นายทำเกินไปหรือเปล่า?แซมถามความเห็นจากเซฟ เพราะเห็นสีหน้าอาจารย์ตอนนั้น แซมก็รู้สึกสงสารมาก เซฟก็ได้แต่มองหน้าแซมแล้วยิ้มให้เป็นเชิง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
?คาบนี้เราจะเรียนกราฟเส้นนะ เปิดหนังสือไปหน้า... ?อาจารย์คณิตศาสตร์ ชื่ออาจารย์เดือนเพ็ญ ในขณะที่กำลังพูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงขึ้นมาตัดบท
?เฮอ ๆ ...ขออนุญาตค่ะ?หญิงสาวรางบางที่เข้ามาใหม่หอบเพราะความเหนื่อยที่วิ่งขึ้นมาบนตึกเรียนที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคาร สายตาของนักเรียนในห้องต่างพากันมองนักเรียนที่มาใหม่ผู้นั้น อาจารย์ที่กำลังจะเอ่ยสอนบทการเรียนการสอนก็ค่อย ๆ เดินตรงมายังหน้าห้องที่เธอยืนอยู่
?เธอเป็นนักเรียนใหม่ใช่ไหม?หญิงสาวพยักหน้าน้อย ๆ อาจารย์คณิตศาสตร์จ้องเธออย่างตาไม่กระพริบ ในขณะที่แซมเองก็แอบมองดูเธอเช่นกัน เพราะเธอเป็นคนที่น่ารัก ดูครั้งแรกก็รู้แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบางอย่างที่แอบซ้อนไว้อยู่ นัยน์ตาบ่งบอกถึงความแข็งกล้าที่แม้แต่เข้าพยายามที่จะมองลึกเข้าไปเพียงไร ก็ไม่อาจที่จะรับรู้ได้ เป็นคนที่น่าค้นหาจริง ๆ แล้วเค้าจะได้เห็นเอกลักษณ์ที่เธอซ้อนไว้หรือเปล่านะ
?หึ มาเรียนวันแรกยังมาสาย ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอโดนย้ายโรงเรียน?เกตต์ไม่ตอบอะไรนอกจากฟังคำประชดประชัดที่เธอรู้สึกชิงชังกับมันที่สุด แต่ก็พูดไม่ได้เพราะความอดทนของเธอวันนี้พกมาเต็มเปี่ยม
?แนะนำตัวซิ?เธอได้ยินดังนั้น จึงค่อยเดินไปตรงกลางของห้องเรียน พร้อมกวักสายตามองคนที่เรียนอยู่ในห้องจนทั่ว แล้วเอ่ยคำแนะนำตัว
?ฉันชื่อนราเกตต์?ทั้งห้องไม่มีคนฟังเลยสักคน เกตต์หยุดนิ่งไปซักพัก
?เออ...เรียกฉันว่าเกตต์ก็ได้?ขณะที่เกตต์แนะนำตัวเห็นได้ชัดว่าเพื่อนในห้องไม่ตั้งใจฟังที่เธอพูดเลย แต่ยังมีสายตาคู่หนึ่งที่คอยมองเธออยู่ตอลดเวลา พร้อมกับอมยิ้มในความน่ารักของเธอ โดยไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีใจที่จะได้เพื่อนใหม่คนนี้ ทำไมถึงอยากรู้จักเธอ
...นราเกตต์...
?เข้าไปนั่งที่ได้แต่ทีหลังห้ามมาสายอีกไม่งั้นเธอจะได้ไปชมโรงเรียนใหม่แน่?อาจารย์พูดจบก็หันมาพูดต่อคำต่อจากที่พูดเมื่อกี้
?ส่วนพวกเธอเปิดหนังสือหน้า 368 นะ?อาจารย์พูดต่อที่ค้างเอาไว้ แล้วหันหลังไปเขียนเนื้อเรื่องบนกระดานดำ เกตต์จึงเดินเข้าไป มองหาที่นั่งที่เธอจำเป็นต้องนั่งเรียน สักพักเกตต์ก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวร่างบางบริเวณหลังห้อง ที่ใกล้กับริมหน้าต่างหลังสุด
?มานั่งตรงนี่ซิ ตรงนี้ว่าง?เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง ยิ้มหวานเลยทีเดียว เพราะมีลักยิ้ม หน้าตาก็คล้าย ๆ กับลูกครึ่ง ดูการแต่งตัวก็รู้เลยผู้ดีแง่ ๆ แถมใบหน้าของเธอยังถูกปิดบังด้วยแว่นตาหนาเตอะ สงสัยเป็นเด็กเรียนแน่เลย (คนใส่แว่นต้องเป็นเด็กเรียนทุกคนหรือไง)
เกตต์เดินตรงไปทางหญิงสาวผู้นั้นบอก ก็ไม่รู้ว่าจะต้องลังเลใจทำไม นั่งตรงไหนก็เหมือนกันนั้นหละ ยังไงซะก็ไม่ต้องการเลือกที่จะนั่งกับใคร หรือจะคุยกับใครอยู่แล้ว ชีวิตนี้ฉันคงต้องอยู่คนเดียวตลอดเวลา
ทันใดนั้นก็เหมือนมีอะไรมาสกัดขาเกตต์จนเธอสะดุดล้มกับพื้นบนห้องเรียน เกตต์เงยหน้าขึ้นมาก็พบกับยัยตัวแสบที่เป็นตัวการทำให้เธอล้ม เสียงหัวเราะคิกคิกยิ่งทำให้เธออยากจะลุกขึ้นไปตระบันหน้าให้เสียโฉม
?อุ้ย ขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจเป็นไงเจ็บไหม อิอิ?พูดตอนแรกก็ดีอยู่หรอก แต่พอเห็นหน้าที่เย้ยหยัน ประกอบกับเสียงหัวเราะที่แสดงความสะใจนั้นยิ่งทำให้เกตต์อารมณ์เสียแทบควบคุมไม่อยู่
?เป็นไงบ้าง?เสียงหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงริมหน้าต่าง ที่เอ่ยชวนเธอเมื่อสักครู่ ให้ความหวังดีรีบลุกจากที่นั่งมาพยุงร่างของเกตต์ขึ้นมา สายตาของคนในห้องที่จ้องมอง ที่เป็นคนก่อให้เกิดเสียงตึงตังจากการล้ม นี่มันหาเรื่องกันชัด ๆ นี่คงไม่รู้สินะว่าฉันนะ ใครหน้าไหนก็จะมาหยามไม่ได้
ด้วยความไม่ยอมคน เกตต์จึงเงื้อมือจะจัดการหล่อน เพราะเธอไม่ได้โง่ที่จะไม่เห็นขายัยคนนั้นมายื่นมาสกัดขาเธอ เป็นความคิดที่สั้นมากเลยนะที่ทำให้ฉันเจ็บก่อนแบบนี้ แต่ความพยายามที่จะสั่งสอนพวกนั้นมันกลับไม่สำเร็จ เพราะมือทั่งสองข้างของเกตต์ถูกมือที่สามจับไว้แน่น ทั้งที่แรงมีอยู่เพียงน้อยนิด เหมือนกับปกป้องคนที่เธอกำลังคิดจะจัดการอยู่
...เพราะอะไรกัน?...
?อย่า ๆ เข้าเป็นลูกของเพื่อน ผ.อ นะเดี๋ยวโดนย้ายอีกหรอก?หญิงสาวห้ามปรามเกตต์ก่อนที่เกตต์จะทำร้ายผู้หญิงคนนั้น
?อ่าว ๆ มีอะไรกันแล้วเธอทำไมไม่นั่งที่?เสียงอาจารย์ที่หันมาเห็นเหตุการณ์พอดี
?คือ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ทำความรู้จักกันนิดหน่อย?หญิงสาวกล่าวแก้ตัวกับเหตุการณ์นี้แล้วดึงแขนเกตต์เพื่อให้ไปนั่งที่เรียนหนังสือ
...โธ่เฮ้ยเข้าเรียนวันแรกก็เป็นอย่างนี้แล้วเหรอเนี้ย!...
เกตต์บ่นกับตัวเอง เมื่อไรกันที่จะไม่เจอเรื่องปวดหัว เจอมาทุกรูปแบบเบื่อจะแย่ คงจะเป็นเรื่องปวดหัวนี้ล่ะมั่งที่ทำให้เธอเข้มแข็งไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ยังดีนะที่พอจะมีเรื่องดีอยู่บ้าง แม้มันจะน้อยนิดกับชีวิตที่เคยใช้ชีวิตอยู่มา
ประตูหน้าห้องที่เธอเคยย่างกลายเข้ามา ตอนนี้ทุกคนต่างพากันจับจ้อง เพราะปรากฏร่างของชายร่างสูงสง่า
?ขออนุญาตครับ?เสียงนุ่มกล่าวด้วยความเรียบเฉย การแต่งตัวดูสุขุม ถึงแม้จะวัยเดียวกัน เรียนมัธยมเหมือนกัน แต่ท่าทางบุคลิกภาพที่ชายหนุ่มแสดงออกมาแต่ละอย่าง ทั่งการการเดิน หรือแม้กระทั่งการทำสีหน้าที่เรียบเฉย มันทำให้เค้าดูเป็นผู้ใหญ่ประกอบกับร่างกายที่สูงโปร่ง ทำให้เค้าดูสง่างาม
แต่ดูไปดูมาเค้าเป็นผู้ชายที่เกตต์คุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนกันนะ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน นึกซินึก เราเคยเห็นหน้าเค้าซิ ที่ไหนกัน
...เอ๊ะ นาฬิกาเรือนนั้น หรือว่าจะเป็น?...
...ผู้ชายคนที่ฉันวิ่งชน...
ใช่แล้วผู้ชายคนนี้เหละฉันจำได้ นายนั้นเองที่ทำให้ฉันโดนว่า ทำให้การส่งของของฉัน ไม่เป็นที่เชื่อถือของลูกค้า ฉันไม่มีวันลืม
?เออ มาแล้วเหรอไปนั่งที่ซิ?เสียงเจียวแจ้ว ที่อาจารย์หญิงพูดกับชายหนุ่มฟังดูแล้วน่าสะอิดสะเอียนเป็นบ้า
?ชานนท์เก็บขาหน่อยซิ ยาวจังเลยเห็นไหมเรียวเค้าจะไปนั่งที่?ชายหนุ่มเดินผ่านไปอย่างสง่า เข้านั่งที่ที่ประจำ เพื่อน ๆ ที่นั่งเกะกะอยู่ก็พร้อมเพรียงกันหลีกทางให้ ชายหนุ่มเดินไปนั่งตรงเพื่อนสนิทของเค้าสองคนคือเซฟและแซมที่หลังห้องแล้วกล่าวทักทายกันอย่างเป็นกันเอง
แต่เกตต์ยังเกิดความสงสัยอะไรอยู่อย่างเดียว
...ทำไมไม่โดนว่าเหมือนเราล่ะ...
?นี่คนนั้นนะเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหน มาสายแล้วทำไมไม่เห็นโดนว่าเหมือนฉันละ?เกตต์ถามหญิงสาวที่นั่งข้างเธอด้วยความสงสัยว่าขนาดเค้ามาสายกว่าเธอยังไม่เห็นโดนว่าเลย
?อ่อ นั้นเหรอ เค้าชื่อเรียวนะพ่อเค้าเป็นหุ้นส่วนของโรงเรียนนี้ พ่อเค้านะทุ่มทุนไปตั้งเยอะนะเพื่อให้กับโรงเรียนนี้ มันก็เลยทำให้โรงเรียนเราดูใหญ่โต?เกตต์นั่งเงียบตั้งใจฟังมาก
?รู้ไหมอาจารย์ทุกคนรวมทั้ง ผ.อ ไม่กล้าหือเลยสักคน?หญิงสาวพูดจบก็หันไปจดเล็กเชอร์ต่อ ส่วนเกตต์คิดสงสารตัวเองว่าทำไม่ต้องมาอยู่ร่วมห้องกับพวกที่มีอิทธิพลอีกถ้าสักวันเธอถูกแกล้งแล้วห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ไหวแล้วทำร้ายคนอื่นจนตัวเองถูกไล่ออกอีกจะทำยังไงเพราะอย่างนี้เกตต์จึงไม่อยากคบค้าสมาคมกับใครเพราะไม่อยากให้คนที่อยู่ใกล้เธอเดือดร้อนกับนิสัย
...ไม่ยอมคนของเธอ...
-----------------------------------------------------
?ชั่วโมงนี้พอแค่นี้นะ แล้วอย่าลืมทำการบ้านที่ฉันสั่งด้วยล่ะ?อาจารย์กล่าวขณะที่กำลังเก็บของเพื่อเตรียมของจากห้อง จากนั้นก็มีหัวหน้าห้องกล่าวทำความเคารพแล้วอาจารย์ก็เดินไป แต่ยังไม่พ้นประตูเท่านั้นแหละเพื่อน ๆ ในห้องของเกตต์ก็พูดคุยกันอย่างเสียงดังทำอย่างกับว่าไม่เคยเจอกันมาเป็นชาติ ๆ อย่างนั้นแหละ เกตต์ไม่ค่อยสนใจจึงเก็บของแล้วนำวิชาต่อไปขึ้นมาเรียนไม่ใช่ว่าเกตต์จะเรียนเก่งขยันเรียนหรือใจเรียนเพราะเกตต์ไม่ใช่คนเรียนเก่งอยู่โรงเรียนเก่าเกตต์เกือบสอบได้ที่โหล่แต่ไม่เป็นไรเพราะเกตต์คิดอย่างเดียวว่าเธอสอบได้คาบเส้นก็ดีแล้ว
?นี่เกตต์ฉันยังไม่แนะนำตัวเลย ฉันชื่อมาริสานะ ยินดีที่ได้รู้จัก?มาริสายื่นมือไปทางเกตต์เพื่ออยากทำความรู้จักกัน
?ทำไมฉันต้องรู้จักกับเธอด้วย?เกตต์บอกปัดมาริสาไปทำเหมือนกับว่าเธอไม่อยากเป็นเพื่อนกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า แล้วเกตต์ก็เมินหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สนใจใยดี
?นั้นนะซินะฉันไม่สมควรจะเป็นเพื่อนกับใครหรอก?จากนั้นมาริสาก็หันไปเก็บของ ๆ เธอเพื่อเตรียมตัวเรียนคาบต่อไป เกตต์ค่อย ๆ หันมามองแววตาของมาริสา ที่ถึงแม้มันจะถูกปิดบังด้วยแว่นตาหนา แต่เธอก็หันสายตาที่เศร้าและเสียใจของมาริสากับคำที่เธอได้พูดออกไป แววตาที่เกตต์เห็นอยู่เป็นประจำในกระเงาที่สะท้อนกับตัวเอง ใช่แล้วสายตาที่เหมือนกับเธอ ซึ่งความรู้สึกของมาริสาในตอนนี้คงไม้ต่างอะไรจากเธอเลย ไม่เคยคิดว่านั้นเป็นสายตาที่เธอเป็นเองเป็นต้นเหตุซะเอง ซึ่งเกตต์ก็รู้สึกตัวดีว่าเธอพูดแรงไปเช่นกัน
...แต่ก็ดีแล้วเพราะฉันไม่ต้องการให้ใครมารู้จักฉันที่เป็นแบบนี้...
----------------------------------------------------
โรงอาหาร
เกตต์ได้เดินลงมาจากตึกแล้วตรงมายังโรงอาหาร เกตต์ต่อแถวเพื่อจะซื้ออาหารรับประทาน ทันใดนั้นเธอได้เห็นมาริสายืนต่อแถวอยู่หน้าเกตต์ไปประมาณ 7-8 คนเธอกำลังถูกคนอื่นแซงต่อหน้าต่อตาเกตต์ซึ่งมาริสาตอนนั้นทำเหมือนคนไม่สู้ยอมให้พวกนั้นต่อว่าเธอต่าง ๆ นานา ทำให้เกตต์ทนไม่ได้ เพราะคนที่แซงไม่ใช่ใครอื่นก็คนที่สกัดขาเกตต์จนล้มเมื่อเช้า เกตต์จึงเดินออกจากแถวที่ตนยืนอยู่ แล้วตรงไปยังที่ที่มาริสาอยู่เพื่อช่วยเธอ
?นี่พวกเธอทำไมต้องแซงคนอื่นเค้าด้วย?เกตต์ได้กระชากแขนของหล่อนคนนั้นให้ออกไปจากแถว ทำให้เธอคนนั้นร้องโวยวายกระเด็นออกไป
?แคธี่เป็นยังบ้าง?เสียงเพื่อนของแคธี่เข้ามาปลอบขวัญ
?นี่เธอยุ่งอะไรด้วยมันไม่ใช่เรื่องของเธอ?พูดจบก็หันไปพูดกับมาริสาต่อ
?อ่อ หรือว่าเป็นเพื่อนของยัยนี่หรือไง ไม่ยักรู้ว่าเธอจะมีเพื่อนนะยายแว่น?แคธี่พูดว่าเกตต์กับมาริสาแล้วยังว่ามาริสาว่ายัยแว่นอีกทำให้เกตต์กำมือแน่นเพราะถ้าเป็นเธอโดนล้อแบบนี่ก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน ขณะที่เกตต์กำมือแน่นมาริสาเห็นอย่างนั้นก็ไม่อยากให้เกตต์มีเรื่องเพราะเธอ จึงจับมือเกตต์ที่กำปั้นอยู่ให้คลายความโกรธลงแล้วเกตต์ก็ยอมทำตาม
?แล้วใครจะมีเพื่อนเป็นฝูง ๆ เหมือนเธอล่ะยายสุนัขลอบกัด?แคธี่ฟังแล้วสะอึกทันที ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าว่าเธอถึงขนาดนี้
?อ่อ ฉันรู้แล้วล่ะก็เธอเลี้ยงสุนัขไว้ในปากเยอะ เลยต้องมีคนช่วยจูง?หญิงสาวพูดพลางมองไปรอบ ๆ เพื่อน ๆ ที่อยู่ข้างกายของแคธี่ ต่างพากันหน้าเสียไปตาม ๆ กัน ทำให้เธอโกรธเคืองเกตต์อย่างมากที่ว่าเธอเป็นสุนัข แคธี่มองไปรอบ ๆ พบว่ามีคนหัวเราะกันใหญ่เลยทำให้แคธี่อับอายจนต้องเอาหน้าไปตายที่อื่น จากนั้นแคธี่ก็วิ่งหนีไปด้วยความอาย
...สมน้ำหน้า หึ...อวดดีนักต้องเจออย่างนี้ซะบ้าง...
?ขอบใจมาก นะแต่ไม่ต้องทำถึงขนาดนี่ล่ะ?มาริสาพูดอย่างเกรงใจเกตต์ที่ทำให้ตนมากถึงขนาดนี่ เธอซึ้งใจมาก แต่ก็ห่วงเกตต์มากเช่นกัน เพราะแคธี่คงไม่ยอมให้เกตต์ต่อว่าฟรี ๆ แน่ ต่อไปแคธี่คงเล่นงานเกตต์เป็นแน่
ความคิดของมาริสามันก็ไม่ต่างจากความคิดของเกตต์เลย เกตต์ไม่ใช่คนที่ทำอะไรแล้วไม่คิด ที่เธอทำไปเพราะคิดแล้วต่างหาก คิดแล้วว่าการทำแบบนี้มันสามารถทำให้ตนเองเดือดร้อน แต่ความอดทนของเกตต์มันอยู่ไม่ได้นานซะด้วย เลยต้องจัดการทำอะไรบ้าง ที่ทำไปไม่ใช่เพื่อมาริสาหรอกนะ อย่าเข้าใจผิดซะล่ะ ฉันแค่ ฉันทำไปเพราะ ฉัน ฉัน
...ฉันทำไปเพราะอะไรล่ะ?...
?ก็ฉันไม่ชอบเห็นคนอื่นมาทำร้าย...?เป็นครั้งแรกที่เกตต์หาคำพูดมากมายเพื่อตอบกับคำถามของคนอื่น ทั่งที่จะไม่ตอบก็ได้ แต่ทำไมถึงเกิดกลัว กลัวว่าแววตาเศร้านั้นจะเกิดขึ้นอีก
?เออ ทำร้าย...คนที่อ่อนแออย่างเธอนะ?มาริสายิ้มนิด ๆ แต่ในใจก็คิดจริง ๆ หรือที่ว่าเกตต์จะไม่ยอมรับเธอเป็นเพื่อนแต่เป็นแค่คนรู้จักก็ดีแล้ว เพราะเธอดีใจมากที่ได้รู้จักกับเกตต์ ถึงแม้เกตต์จะเห็นเธอเป็นแค่คนรู้จักแต่เธอจะคิดไปซะเองว่าเกตต์เป็นเพื่อนรักของเธอ แล้วกันนะ
จากนั้นเกตต์กับมาริสาก็ได้ข้าวจากแม่ครัวมาแล้วก็ไปนั่งกินกันสองคนอยู่ที่โต๊ะโรงอาหาร ขณะที่เกตต์กำลังนำอาหารเข้าปากมาริสาได้จองมองเกตต์อย่างใจจดใจจอเหมือนกับว่าจะรอคำตอบอะไรสักอย่าง
?เป็นไงกับข้าวที่โรงเรียนใหม่อร่อยกว่าโรงเรียนเก่าหรือเปล่า?มาริสาถามขณะที่เกตต์รับประทานข้าวหมดปากเรียวบางนั้นแล้ว
?อืม อร่อย แต่ถ้าเอาไปเทียบกับยายฉัน ก็ถือว่ามันอร่อยมาก?เกตต์พูดตามความจริง เพราะที่เธอกินกับข้าวของยาย ถ้าเกิดไปเทให้สุนัขกินยังไม่รับประทานเลย ที่เธอกินได้ทุกวันนั้นเพราะความหิวและเสียดายของ แต่ส่วนมากเกตต์จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่ากินข้าวอีก
?เธออยู่กับยายเหรอ?มาริสาถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นว่าเกตต์พูดถึง แต่เกตต์ไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าพยักหน้า สักพักเกตต์รีบกินน้ำเพราะมีเรื่องอยากจะถาม
?นี่แล้วพวกยัย...อะไรเมื้อกี้เนี้ย...เค้าแกล้งเธอบ่อยเหรอ?พอเกตต์พูดจบมาริสาทำถ้าลำบากใจเหมือนไม่อยากจะตอบถึงความอ่อนแอของเธอ
?ก็เป็นบางวันนะ?มาริสาพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเกตต์ถึงกับต้องตกใจเลย ว่ายัยพวกนั้นแกล้งมาริสาทุกวัน ถ้าเป็นตัวเกตต์เองคงจะยอมไม่ได้แน่ถ้าเกิดมีใครมารังแกเธอ พูดแล้วยังยิ้มอีกคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาหรือไง
?ก็อย่างที่ฉันบอกนั้นแหละพ่อเค้านะเป็นเพื่อนกับ ผ.อ เลยเห็นว่าคนต่ำต้อยอย่างฉันเป็นเหมือนของเล่น?มาริสาพูดด้วยความเศร้าที่ต้องให้คนอื่นเค้ารังแกเหมือนเป็นแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่ง ซึ่งเกตต์ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่จะเข้าไปอยู่ในคอเล็ดชั้นของพวกนั้น เพราะตอนนี้พวกนั้นกำลังหมายหัวเธออยู่
...ที่ไม่ยอมก้มหัวให้...
-----------------------------------
หลังโรงเรียน
โต๊ะม้าหินประมาณสีห้าโต๊ะ ซึ่งไม่รวมกับหน้าโรงเรียนที่มีอยู่ทุกที่ แคธีกับเพื่อน ๆ ของเธออีกสามคน คนแรกชื่อนัชชา เป็นคนที่เงียบขรึมคอยแนะนำอะไรให้แคธีอยู่เสมอเมื่อแคธีไม่รู้จักแก้ปัญหา ไม่รักการแต่งตัวมากนัก นิสัยไมเหมือนผู้หญิงเพราะไม่มีความเป็นกุลสตรี ในกลุ่มนั้นแคธีจะสนิทกับนัชชามากที่สุด
คนต่อมาชื่อเรน่า เป็นคนเชื่องช้าทำอะไรไม่เป็นสักอย่างเพราะเป็นคุณหนูของบ้านที่ทำธุรกิจอันร่ำรวย นิสัยเหมือเด็กจะมีของหวานอย่างเช่น อมยิ้ม และลูกอม ถ้าวันไหนเธอไม่ได้กินไอศกรีมจะไม่พอใจมาก ในกลุ่มเธอจะสนิทกับพลอยใสที่สุด
คนสุดท้ายชื่อพลอยใส เป็นคนร่าเริง แต่ถ้ามีคนทำให้เธอโกรธจริง ๆ จะเปลี่ยนเป็นนางมารร้ายโดยทันที เธอจะชอบคิดหาวิธีการหรือแผนการอะไรที่ไม่ดีให้แคธีตลอด ถือเป็นคนที่สมองเป็นเลิศ (ในทางที่ไม่ดีเท่าไร)
ทั้งสี่คนจะมานั่งที่โต๊ะม้าหินที่นี้ทุกวัน จะติดกับชมรมคนตรีของเรียว เพราะเป็นมุมที่สงบ เนืองจากมีกฏที่เรียวตั้งมาคือห้ามให้มีใครมาเดินเพลนพล้านอยู่แถวนี้ นอกจากคนที่อยู่ในชมรม ซึ่งมีแคธี่รวมอยู่ในชมรมนี้ด้วย วันนี้แคธีดูไม่มีความสุข เพราะมีคนกล้าจองหองกับเธอ ซึ่งเธอก็แค้นใจเป็นอย่างมากที่มีคนไม่ยอมก้มหัวให้เธอ
?มันเป็นใครนะกล้าจริง ๆ ที่ทำแคธีของเราไม่สบายใจ?พลอยใสพูดเมื่อเห็นอาการแสดงออกของแคธี ซึ่งวันนี้ดูเงียบผิดปรกติ
?นี่ ทำเป็นโง่ไปได้ ก็เมื่อมันบอกว่าชื่อเกตต์ ความจำสั้นหรือไง?เรน่าพูดไป อมอมยิ้มไป โดยไม่รู้เลยว่าพลอยใสมองเธออย่างอาฆาต
?ยัยเรน่า เธอกล้าว่าฉันโง่เชียวเหรอ?พลอยใส ลุกขึ้นต่อว่าเรน่าที่นั่งอมอมยิ้มอย่างสบายใจ สบายอารมณ์
?อะไร ฉันแค่พูดเล่น เห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี เลยอยากให้สนุกสนาน?เรน่าพูดแกตัวตัวเอง แต่พลอยใสไม่คิดอย่างนั้นเธอลุกออกจากที่นั่งเดินตรงมาทางเรน่า ซึ่งเรน่าเห็นดังนั้นจึงลุกออกจากโต๊ะแล้ววิ่งหนี พลอยใสจึงรีบวิ่งไล่เพื่อจับตัวเรน่ามาลงโทษ นัชชาเห็นดังนั้นได้แต่สายหัวกับการเล่นเหมือนเด็กของพวกเข้า ไม่รู้เลยว่าตอนนี้แคธีกำลังคิดมาก นัชชาหันไปหาแคธีที่นั่งเงียบอยู่ตั่งแต่มานั่งที่นี้ ทำให้นัชชาเป็นห่วง
?เธอจะเอาแต่นั่งเงียบอย่างนี้นะเหรอ ปกติเธอไม่เป็นแบบนี้นี่?นัชชาพูดไปอย่างเรียบ ๆ แคธีได้ยินดังนั้นก็เงียบไปอยู่สักพักจึงพูดออกมา
?รู้ไหมนัช ตั้งแต่ฉันเกิดมายังไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้เลย มันทำให้ฉันอายคนทั่วโรงอาหารน่ะ?แคธีระบายสิ่งที่อึดอัดออกมาให้นัชชาฟัง
?อะไรก็ตามที่ทำให้เธอไม่สบายใจ หรือไม่พอใจ แค่เธอบอกฉันมาคำเดียว แล้วฉันจะจัดการให้เธอเอง?นัชชาพูดอย่างจริงจัง
?ใช่...ฉันด้วย?เรน่าพูดสอดแทรกขึ้นมา จากด้านหลังของนัชชาโดยเอาเข้ามากลางวง
?เดี๋ยวฉันจะคิดแผนให้เอง?พลอยใสพูดพรางแตะไหล่ของแคธี
?อย่าลืมสิพวกเราเป็นเพื่อนของเธอ?นัชชายังให้ความปลอบใจอีกครั้ง แคธีคิดอะไรอยู่สักพักจึงก่อนจะเอ่ยออกมา
?ฉันต้องการให้มัน...ก้มหัวให้ฉัน?
โปรดติดตามตอนต่อไป.....ตอนที่ 2
akazuya

ภาพประจำตัวสมาชิก
"---Jusmin---"
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 26 ก.พ. 2008 1:01 pm
ที่อยู่: อาศัยชายคาร่วมกะหนุ่มๆใต้ลายเซนต์+มีเปเปอร์คอยหวงเป็นระยะ อิอิอิ
ติดต่อ:

โพสต์ โดย "---Jusmin---" »

หง่ะ...อ่านตาลายเลย..
สนุกมากๆ มาอัพไวๆนะ
ฝากเรื่องของเราด้วย..หุหุ...
ก่อนซื้อวิสกัสรักเป๊ปใจแทบขาด หลังซื้อเสียร้อยห้าสิบบาท แทบขาดใจ??? คุคุคุ~
รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”