[[พันธนาการแห่งบัลลังก์]] (บทนำ : แรกพบ สบตา)
Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี
- ==Ashura==
- โพสต์: 9
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 21 พ.ย. 2007 9:55 pm
- ติดต่อ:
[[พันธนาการแห่งบัลลังก์]] (บทนำ : แรกพบ สบตา)
- บทนำ -
?กรี๊ด!!!!!!!!?
เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นจากป่าอีกฟากหนึ่ง ส่งผลให้ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงต้องหยุดนิ่งเพื่อฟังที่มาของเสียงนั้น เขาเงี่ยหูพยายามจับต้นเสียงให้ได้ เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้ยินเสียงร้องในบริเวณนี้ โดยเฉพาะเสียงของผู้หญิง ไม่ช้าก็แน่ใจว่าแหล่งกำเนิดเสียงอยู่ริมแม่น้ำที่เคยนั่งเล่นเป็นประจำ จึงรุดไปที่นั่นราวกับหายตัวในทันทีทันใด
เมื่อปลายเท้าบุรุษเพศแตะพื้นหญ้าของที่หมาย ธารน้ำใสสะอาดอยู่เบื้องหน้า ป่าบริเวณนี้ค่อนข้างโปร่ง ไม้ยืนต้นสูงใหญ่ขึ้นมากมาย แต่ละต้นอยู่ห่างกันเหมือนให้แต่ละฝ่ายมีพื้นที่ในการเติบโตได้เต็มที่ ชายหนุ่มเลือกยืนในร่มไม้เพื่อซุ่มดูสถานการณ์ก่อน และเขาก็พบ ?เหตุ? ของเสียงร้องนั้น
มันเป็นสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ตัวสีน้ำตาลคล้ำซึ่งไม่น่าโสภาพิสมัยแต่อย่างใด ยืนไม่ห่างจากแหล่งกำเนิดเสียงเท่าไรนัก ย่างสามขุมของมันสะเทือนพื้นดิน บุรุษที่ยังพรางกายใกล้กับต้นไม้ใหญ่กระตุกยิ้ม เขาพอจะเดาความได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น น่าสงสารแต่ ?แหล่งกำเนิดเสียง? ที่นอนสลบไสลไม่ได้สติ จะโดนฉีกกินไม่รู้ตัว
สายตาคมเบนจากร่างนั้นไปทาง ?เหตุ?
?ชิคิ? เสียงเบาแต่ทรงด้วยอำนาจเอ่ย อสูรกายตนนั้นหันมาอย่างรวดเร็ว รูปร่างของผู้เผชิญหน้าผิดกันยิ่งนัก บุรุษหนุ่มจัดว่าค่อนข้างสูง บุคลิกงามสง่า ลำตัวไม่ผอมแห้งแต่ก็บางสะโอดสะอง เรียกได้ว่าห่างไกลจากสัตว์ประหลาดโข แต่เจ้าร่างยักษ์กลับนอบน้อมในทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่หยุดเวลาสำราญของมันคือใคร เสียงคำรามของมันเต็มไปด้วยความกลัว
?ฝ่าพระบาท..?
?เราเคยพูดไว้เช่นไร? บุรุษร่างสูงเสียงกร้าว แม้ความใหญ่ของมันจะมากกว่าเพียงใดก็มิกล้าสบตาด้วยเพราะรู้ความผิดของตนดี
?หะ..ห้ามจับมนุษย์กิน?
?แล้วที่เจ้าทำล่ะ?
?ฝ่าบาท กระหม่อมจับเหยื่อไม่ได้หลายวันแล้ว ละ..แล้วอยู่ๆเด็กคนนี้ก็ตกลงมาจากข้างบน กระหม่อมเลยคิดว่าฟ้าประทานมาให้?
บุรุษหนุ่มชี้ขึ้นฟ้าแล้วเลิกคิ้ว
?ข้างบน??
?กระหม่อม?
?นางไม่ใช่นกนิ?
?ตะ..แต่กระหม่อมไม่ได้โกหกนะพระเจ้าค่ะ นางตกมาจากข้างบนจริงๆ?
?เอาเถอะ อะไรก็ช่าง เจ้าไปได้แล้ว ใช้ฝีมือหน่อย เดี๋ยวก็มีสัตว์ป่าวิ่งตัดหน้าเอง มนุษย์ตนนี้ข้าขอ?
?ใต้ฝ่าพระบาท? อสูรที่ถูกเรียกว่าชิคิกล่าวเสียงอ่อย เสียดายต่อเหยื่อฟ้าประทาน แต่ดวงเนตรสีน้ำเงินคมเข้มแห่งเจ้าเหนือหัวที่ส่งมาให้ต้องหยุดเสียดาย เพราะชีวิตมันสำคัญกว่า มันหันหลังตวัดหางเบนทิศไปในทางตรงข้าม ก่อนจะมีเสียงเข้มขู่ตามหลังมาให้ความกลัวพลุ่งพล่านมากกว่าเดิม
?แล้วข้าก็สั่งห้ามเรียกฝ่าบาทเวลาอยู่นอกเมือง ถ้าขืนยังผิดซ้ำซากอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจล่ะ?
ชายหนุ่มหยุดความสนใจกับร่างสีน้ำตาลคล้ำที่เกือบจะลับตาหายไปในป่า สิ่งที่อยู่แทบเท้าของเขาน่าสนใจกว่ามาก ?แหล่งกำเนิดเสียง? ยังนอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น ห่อผ้ากระจายอยู่ข้างๆ
สายตาบุรุษสำรวจกวาดไปทั่วร่างนั้น สะดุดตากับต่างหูขนาดใหญ่เท่ากำปั้นเด็กอ่อนสีดำทั้งสองข้าง สีสันแวววาวของมันสามารถสะท้อนต่างกระจกได้ เสื้อผ้าอาภรณ์ดูแปลกตา อากาศร้อนเช่นนี้กลับใส่เสื้อคลุมหนาแขนยาวมีหมวกด้านหลังทำให้เดารูปร่างได้ยาก แต่ก็ไม่พ้นผอม เพรียว หรืออะไรทำนองนี้หรอก
เด็ก..เขาคิด แน่นอนล่ะ ถึงผมยาวประมาณบ่าจะกระจายปิดหน้าตาอยู่ แต่ก็เดาได้ไม่ยาก เมื่อขนาดรูปร่างดูยังไงก็ให้ชวนคิดว่าเป็นสาวน้อยที่เพิ่งย่างก้าวเป็นผู้ใหญ่ ผิวขาวอย่างตุ๊กตากระเบื้องผุดผ่อง
จะทิ้งให้ตื่นเองดีไหมนะ? ผู้ช่วยเหลือเดินวนรอบๆร่างนั้นอย่างลังเล ควรสิ เรื่องอะไรต้องเข้าไปยุ่ง แค่ช่วยเท่านี้ก็ดีเท่าไรแล้ว ที่เหลือก็ช่วยตัวเองแล้วกัน ใบหน้านอนตะแคงครึ่งซีกของสาวน้อยกอปรกับเส้นผมปิดบัง ทำให้พิจารณาใบหน้าไม่ถนัด คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดขึ้นอย่างสนใจ เมื่อมีอะไรบางอย่างที่ดูคุ้นตาเหลือเกิน
เอาน่า..ไหนก็ไหนๆแล้ว ขอเห็นหน้าหน่อยก็แล้วกัน เขาอุ้มร่างบางขึ้นนั่งพิงโขดหินใกล้ธารน้ำใส แล้วปัดผมออกเหน็บริมหูแผ่วเบา แน่นอนว่าเขาไม่อยากทำให้ ?แหล่งกำเนิดเสียง? ตื่นตอนนี้ซะเท่าไร สถานการณ์มันอธิบายยาก
เมื่อมองดวงหน้าใสชัดเจนมากขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินแห่งบุรุษเพศก็เบิ่งกว้าง
?มิล!?
ชายหนุ่มอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่ตนช่วยเหลือเป็นใคร เสียงที่แทบกลืนอยู่ในลำคอหลุดออกมาเป็นเสียงกระซิบแห้ง สาวน้อยที่อยู่ในความทรงจำซึ่งเลือนลางเต็มที
?นี่ จ๊ะ? เด็กผู้ชายตัวน้อยหยิบดอกไม้สีน้ำเงินเฉกดวงตาของตนทัดเส้นผมให้เพื่อนสาวที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ?มิลเหมาะกับสีน้ำเงินที่สุด?
?ข้าชอบสีน้ำเงิน ชอบดวงตาของเจ้าด้วย? เด็กหญิงวัยเก้าขวบขอบคุณด้วยรอยยิ้มที่ไม่เคยจางหายไปจากหัวใจของผู้พบเห็น
..ใช่นางแน่หรือ? เด็กชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบโตเป็นชายหนุ่มยังไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนเห็นเท่าไรนัก กลัวเป็นภาพในความฝันที่เมื่อจับจ้องแล้วจะจางหายไป แต่เหมือนขนาดนี้ จะมีใครอื่นได้อีก แต่เรื่องมันหลายปี..เราอาจจะจำผิดก็ได้ ไม่มีทางเป็นมิลได้หรอก
ไม่! ถึงยังไงก็เป็นนางแน่นอน
ร่างสูงยืดตัวขึ้น ถอยห่างออกมา คราวนี้มองไปที่ร่างบางด้วยความอ่อนโยน ริมฝีปากเรียวคล้ายสตรีเผยรอยยิ้ม ประกายในดวงตาวับวาว
โตเป็นสาว.. สวยขึ้นเยอะ!
และแล้วความคิดที่จะทิ้งสาวน้อยเผชิญโชคชะตาตามลำพังก็เป็นอันต้องพับเก็บไป ชายหนุ่มหันกลับไปทางธารน้ำใส แต่ไม่ว่าจะใสกระจ่างเพียงใดก็มิอาจมองลึกถึงก้นของมันได้ เขากวักน้ำในแม่น้ำแห่งการเปลี่ยนแปลงลูบใบหน้านวล เช็ดไปตามขอบตาเพื่อให้รู้สึกตัวเร็วขึ้น
สายัณห์เคลื่อนคล้อยเข้ามาเรื่อยๆ ร่างที่นอนพิงโขดหินเริ่มมีการขยับตัว แพขนตาหนาปรือขึ้นลง เธอยันตัวกับพื้นกรวดแล้วกุมขมับ เหมือนพยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะที่ขาดหายให้กลับเข้ามา ไม่นานร่างบางก็ผุดลุกขึ้นด้วยความรวดเร็วก่อนจะเซเล็กน้อย มองอย่างหวาดผวาไปรอบด้าน แววตาตื่นตระหนกแลสบมาที่บุรุษหนุ่มเข้า
?ท่าน?? เสียงเอื้อนอ่อนหวาน ถึงกำลังตื่นเต้นเช่นไร ก็ไพเราะจับใจ ?ปีศาจล่ะ?!! เมื่อครู่มีอสูรกายร่างสูงโต! ท่านเห็นมันไหม?!?
?ข้าไล่มันไปแล้ว สาวน้อย?
ผู้หญิงตรงหน้ามองพิจารณาเขา สายตาเธออาจอ่านได้ว่า ร่างผอมบางอย่างท่านนะหรือจะไล่สัตว์ประหลาดร่างยักษ์ได้ เจ้าหล่อนมองไปรอบด้านอย่างหวาดระแวงแต่ก็เริ่มวางใจ เมื่อขนาดของปีศาจใหญ่โตและบริเวณนี้เป็นที่โล่งไม่มีอะไรจะบังมันได้ ชายป่าอยู่ห่างไปไม่ไกล แต่ก็ไม่มีต้นไม้ใดสามารถบังร่างมันมิดเช่นกัน คิดดังนั้นแล้ว หัวใจที่เต้นระรัวค่อยๆสงบลง ไหล่เกร็งผ่อนคลายพร้อมถอนหายใจ
?หยุดเรื่องปีศาจไว้สักพักเถอะ ป่านนี้คงไปไกลแล้ว มาเรื่องของเจ้าดีกว่า? ชายหนุ่มตัดบทเมื่อเห็นเด็กสาวเริ่มมีท่าทางสบายใจขึ้น แต่ดูเหมือนยังจำเขาไม่ได้เลย ?เจ้า..เป็นใคร?? เขาแกล้งถามอย่างคนไม่เคยรู้จักกัน ทว่า..ในใจก็ภาวนาให้เป็นคนที่เขารอคอยมาตลอด
เด็กสาววัยสิบหกเชิดหน้าขึ้น เหมือนหล่อนจะเริ่มตั้งสติได้แล้ว
?ก่อนจะถามชื่อใคร ท่านก็ควรจะแนะนำตัวเองก่อนสิ? เธอมองสบคนตรงหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง มือบางสำรวจร่างตนเองโดยไม่ให้คนแปลกหน้ารู้ กริชเล่มเล็กยังติดอยู่กับโคนขาอ่อนของตน เสื้อผ้าไม่หลุดลุ่ยแต่อย่างใด
เด็กสาวมองสำรวจชายหนุ่มที่น่าจะมีอายุไม่ห่างจากตนเท่าไรนัก ใบหน้าคมเข้มอ่อนหวานคล้ายสตรี ดวงตาสีน้ำเงินผิดแปลกจากมนุษย์ทั่วไป เส้นผมเป็นสีฟ้าอ่อนเกือบขาวสลวย ข้างหน้ายาวปรกหน้าผาก ด้านหลังคงยาวถึงเอวหรืออาจจะเลยลงมามากกว่านั้น
ให้ตายสิ..ผู้ชายอะไรนะ ผมยาวสวยกว่าผู้หญิงหลายคนเสียอีก
เสื้อชุดสีขาวสลับกับสีน้ำเงินยาวลากพื้น ผ้าผูกเอวสีแดงมีลวดลายประหลาดที่เธอเห็นไม่ชัด เล็บเรียวอย่างสัตว์ป่างอกออกมาจากนิ้ว เด็กสาวมุ่นคิ้วเมื่อพบว่าคนตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์แน่นอน! เสียงหัวเราะดังแผ่วคล้ายเยาะหยัน
?ก็ได้ สาวน้อย ข้า..เอเรียล ผู้ดูแลป่าบริเวณนี้ เจ้าล่ะ??
?เมโลดี้ค่ะ? เด็กสาวตอบกลับสงวนท่าที ความหวาดระแวงกลับมาอีกครั้ง เมื่อไม่รู้ลักษณะของเผ่าพันธุ์ชายตรงหน้าที่แน่นอน
เขาไม่ใช่มนุษย์? แล้ว..เป็นอะไร?
?มิล??
?ไม่ใช่เมลต่างหาก ไม่เคยมีใครเรียกเราแบบนั้น? เมโลดี้ตอบกลับ ก็ชื่อเธอไม่เห็นเหมาะจะเรียกสั้นๆว่า ?มิล? ตรงไหน คนอื่นๆก็เรียกเธอ ?เมล? ทั้งนั้น
เอเรียลขมวดคิ้ว หล่อนจำเขาไม่ได้? แปลก.. ไม่สิ.. มันคงนานเกินกว่าจะจำได้ อืม..7 ปีแล้วนะ อย่าคาดหวังอะไรมากจะดีกว่า
ถึงใจจะเตือนตนเองเช่นนั้น หากความยินดีก็ห่อเหี่ยวลงดั่งต้นไม้ที่ถูกสูบน้ำออกกระทันหัน
?เจ้ามาจากที่ไหนล่ะ?? ชายหนุ่มเอ่ยถาม
?ข้าเป็นมกุฎราชกุมารีจากภูผาหอม? เด็กสาวขนามนามถิ่นอาศัยด้วยความผยองยิ่งเกินตัว พร้อมกับบอกฐานะให้รู้ว่าเธอไม่ใช่คนสามัญ
มิลไม่เคยพูดถึงนี่น่า หรือว่า..จะผิดคนจริงๆ ยิ่งซักถาม ความหวังว่าจะใช่เพื่อนวัยเด็กก็ยิ่งเลือนลาง
?ภูผาหอม??
?เมืองรูซาเวียไงคะ?
?ที่นั่นห่างไปไกลลิบเลยนะ เจ้ามาได้ยังไง แล้วคนรับใช้คนอื่นๆล่ะ?
?ข้ามาคนเดียว? เมโลดี้ตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก หล่อนมองไปรอบๆเหมือนจะพิจารณารอบด้านให้ชัดเจนกว่านี้
ชายหนุ่มพิจารณาร่างนั้นอย่างเงียบๆ อาภรณ์ของนางก็เหมาะหรอกถ้ามาจากภูเขาสูงเพราะเป็นชุดหนา แต่เดินทางตั้งไกล ทำไมยังอยู่ในชุดชนภูเขาอีก น่าจะเปลี่ยนได้นานแล้ว ..อีกอย่างนางมาคนเดียว? ระยะทางไม่ใช่ล้อเล่น จะมาได้ยังไง ไม่มีรถม้า ไม่มีข้ารับใช้
?เจ้าอาศัยอยู่ในวังหรือเปล่า?? เอเรียลเลือกใช้คำถามง่ายๆ แต่ก็ไปสะดุดหูร่างบางให้คิดกำลังดูถูกตนอยู่
?เสียมารยาทที่สุด! เราเป็นราชนัดดาของเจ้าหลวงนะ? หล่อนขึ้นเสียง ?ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเราหรอกนะ?
?แล้วพระองค์มาที่นี่ได้เช่นไรล่ะพระเจ้าคะ?? ชายหนุ่มแกล้งถามตามพระยศ ให้สายตาคู่หวานนั้นตวัดกลับมาเหมือนรู้ว่ากำลังถูกล้อเลียน
เมโลดี้ถอดเสื้อนอกออกเมื่อเหงื่อของเธอเริ่มผุดพราย อากาศที่ระดับความสูงต่างกันทำให้คนมาจากที่สูงรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ชุดชนเผ่าข้างในเป็นสีเขียวอ่อนดูอบอุ่น ชายกระโปรงประมาณเข่าพลิ้วไปกับสายลม
เอเรียลหลับตาอย่างเสียดาย เมื่อคิดว่าไม่น่าใช่คนในความทรงจำของเขา
มิลชอบสีน้ำเงิน น้ำเงินที่ดูทรงพลังและลึกลับ ต่อให้ใบหน้าจะเหมือนมากเพียงใด แต่ดูแล้วหญิงตรงหน้าหรือเมโลดี้แล้ว นางเหมาะกับสีเขียวอ่อนๆมากกว่า สีที่ดูอบอุ่นเข้าไปในหัวใจ..
?ท่านแม่ส่งมา..? เสียงหวานเอ่ยหลังจากที่นิ่งคิดอยู่นาน เหมือนเธอกำลังพยายามหาคำตอบ หรือสรรหาคำที่จะตอบ ?ข้าไม่ค่อยแน่ใจนัก มันเหมือนมีอะไรบางอย่าง คล้ายวงกลมๆรีๆสีดำอยู่บนอากาศ? ว่าพลางมือไม้ก็ขยับประกอบตาม หวังให้คนฟังเข้าใจในสิ่งที่ตนกำลังพูดถึง ?ดูดข้าเข้าไปข้างใน เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่นี่แล้ว แค่--? เมโลดี้มองท้องฟ้าคำนวนเวลา ?ไม่นาน ไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ?
?เวทอุโมง!!? เอเรียลอุทานเมื่อพอรู้ในสิ่งที่ส่งเด็กสาวมาที่นี่ได้ สมองของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว ตัวหนังสือที่เคยอ่านจากตำราสมัยโบราณวิ่งวนเข้ามาในหัวสมอง ?มนตราชั้นสูง.. ไม่มีมนุษย์ใดสามารถใช้เวทมนต์ได้!?
?ท่านแม่เป็นมนุษย์ และไม่เคยใช้เวทมนต์!? เด็กสาวเถียงทันควัน
?แต่ก็ใช้เป็น? อีกคนแย้งทันที เมโลดี้เงียบลง อยากเถียงต่อว่า ก็ข้าเคยเห็นซะที่ไหนล่ะ พอเห็นครั้งแรกก็ส่งมาที่บ้าๆนี้แล้ว ?แม่ของเจ้าใช่ไหมที่ส่งเจ้ามาที่นี่? เพื่ออะไรกัน??
?มา..หาพ่อ? เสียงราชนัดดาแห่งรูซาเวียอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดจนบุรุษหนุ่มรู้สึกได้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เอเรียลดึงมือเธอเบาๆให้นั่งลงพิงโขดหินเหมือนเดิม เขาก็นั่งอยู่ข้างกาย เว้นระยะห่างให้เธอไว้ใจ แต่ก็ไม่ห่างไกลเกินไปนัก น้ำเสียงเปลี่ยนไปเป็นอ่อนโยน ยากที่จะมีใครเคยได้ยิน
?หาทำไม? ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรือ??
ผมปะบ่าสั่นกระจายช้าๆ
?ไม่เคยเห็น มีแต่ท่านแม่คนเดียว? หล่อนตอบเสียงแผ่ว แล้วอธิบายให้ฟัง ?ท่านแม่เป็นขนิษฐาของเจ้าหลวง พระองค์จึงเป็นทูลหม่อมลุงของเรา เจ้านาง..ทูลหม่อมป้าก็ใจดี มีน้องชายอีกสองคน แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงพ่อ นานครั้งที่ท่านแม่จะเอ่ยถึงบ้าง?
?แล้วแม่ของเจ้าเล่าอะไรให้ฟังมั้ง อย่างเช่นพบพ่อได้ยังไง? ทำไมถึงไม่อยู่ด้วยกัน? จะหายังไง??
เมโลดี้หลับตา ไม่ต้องทวนความจำ เพราะเธอไม่มีมันอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิด เธอมีแค่ทูลหม่อมลุงที่คอยช่วยเลี้ยงดูแทนพ่อมาโดยตลอด ตามใจไม่เคยขัด ชีวิตเธอจึงไม่จำเป็นต้องมีพ่อมาอบรมดูแล ไม่เคยมีใครพูดให้เธอฟัง สะกิดเตือนใจแต่อย่างใด ทั้งทูลหม่อมลุงและหม่อมป้าไม่ยอมให้ใครพูดถึงพ่อ
จะมีก็แต่แม่.. ไม่ว่าใครก็รู้ว่าแม่รักพ่อสุดหัวใจ แต่ยอมเก็บไว้ในความทรงจำที่ลึกที่สุดเพื่อความสบายใจของเจ้าหลวง บางครั้งถ้าเธอถามถึงพ่อ ท่านแม่ก็มักเหม่อลอย ไม่พูดไม่จา เหมือนตกอยู่ในห้วงความฝัน แต่บางครั้งก็เล่าอะไรมากมายที่เต็มไปด้วยความสุข จนเธออดริษยาไม่ได้ที่ช่วงเวลาแห่งความสุขของแม่ไม่มีเธออยู่ในนั้น
นานวันจึงเลิกสนใจ และเลิกจดจำ ไม่ว่าแม่จะพร่ำบอกกี่ครั้งว่าพ่อแสนดีแค่ไหน แต่อคติก็กดความรู้สึกนั้นให้จางลงจนคิดว่า แม่โกหก แม่คิดไปเองฝ่ายเดียว ถ้าพ่อแสนดีจริง..ทำไมแม่ต้องมาอยู่ที่รูซาเวีย ถ้าพ่อรักแม่จริง..พ่อจะทิ้งแม่ไว้ตามลำพังกับลูกที่ยังไม่เคยเห็นหน้าได้ยังไง
ครั้งสุดท้าย..แม่เรียกเธอเข้าไปหาด้วยใบหน้าซีดขาว ราวข่าวที่เลวร้ายที่สุดอยู่ในมือของแม่แล้ว แม่เล่าเรื่องให้ฟังเพียงเล็กน้อย เล็กน้อยจริงๆ แล้วก็ส่งเธอมาที่นี่ ดินแดนที่เธอไม่เคยเหยียบย่างมาก่อน ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านเกิดของเธอ
?ท่านแม่บอกแค่ว่า ท่านพ่อเป็นคนของเมืองแก้วผลึก อาศัยอยู่ในราชวัง--?
?อย่าบอกนะว่าเป็นกษัตริย์? เอเรียลเย้าแหย่ และเมโลดี้ก็ส่ายหัว
?ไม่ใช่กษัตริย์หรอก อดีตต่างหากล่ะค่ะ!?
ชายหนุ่มมองตามอย่างไม่เข้าใจ หัวสมองงุนงงเกินกว่าจะตีความได้เพราะมีบางสิ่งที่ดึงดูด และคอยเบนความสนใจของเขามาตลอดตั้งแต่แรกเห็น ไม่ใช่ตัวเด็กสาวที่สวยหยาดเยิ้ม ไม่ใช่อาภรณ์งดงามแปลกตา แต่เป็นเส้นผมสลวยสีดำดุจท้องฟ้าในยามค่ำคืนตั้งแต่รากจรดปลาย แม้แต่ดวงตาที่มองสบก็ดั่งรัตติกาลไร้จันทร์เพ็ญมาทำให้มัวหมอง
ผมดำ ตาดำ สัญลักษณ์แห่งแม่มด!
แก้ไขล่าสุดโดย ==Ashura== เมื่อ พฤหัสฯ. 29 พ.ย. 2007 2:26 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 608
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 15 มิ.ย. 2007 8:54 pm
- ที่อยู่: ดารารัตน์นาม สุสานไหร้อยปี
ยังไม่ได้อ่านนะขอรับ เพียงแต่ใคร่ติงในส่วนของชื่อตอนสักนิด
"แรกพบ ประสบตา"
คำว่า "ประสบ" แม้หมายถึง การพบ พบปะ ได้พบ หากแต่ข้าหน่อยเห็นว่า การใช้คำว่า "ประสบ" โดยมีคำว่า "แรกพบ" นำหน้านั้นจักทำให้การอ่านสะดุดไปเสียหน่อย ซึ่งส่งผลไปถึงความจำของคนอ่านด้วยขอรับ หากมิขัดข้องประการใดลองเปลี่ยนเป็น "แรกพบ สบตา" อันมีความหมายเช่นเดียวกันมิดีหรือขอรับ เช่นนี้นอกจากอ่านง่ายแล้ว จักลื่นไหลอีกด้วยขอรับ
นี่เพียงขอเสนอจักรับหรือไม่แล้วแต่การพิจารณาของท่านเจ้าของเรื่อง
"แรกพบ ประสบตา"
คำว่า "ประสบ" แม้หมายถึง การพบ พบปะ ได้พบ หากแต่ข้าหน่อยเห็นว่า การใช้คำว่า "ประสบ" โดยมีคำว่า "แรกพบ" นำหน้านั้นจักทำให้การอ่านสะดุดไปเสียหน่อย ซึ่งส่งผลไปถึงความจำของคนอ่านด้วยขอรับ หากมิขัดข้องประการใดลองเปลี่ยนเป็น "แรกพบ สบตา" อันมีความหมายเช่นเดียวกันมิดีหรือขอรับ เช่นนี้นอกจากอ่านง่ายแล้ว จักลื่นไหลอีกด้วยขอรับ
นี่เพียงขอเสนอจักรับหรือไม่แล้วแต่การพิจารณาของท่านเจ้าของเรื่อง
- ==Ashura==
- โพสต์: 9
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 21 พ.ย. 2007 9:55 pm
- ติดต่อ: