ร่างบางของซาเรนเทียน่าเดินก้าวฉับ ๆ ออกมาจากห้องพระกระยาหารอย่างรวดเร็วโดยมีร่างสูงโปร่งของพาฟลอฟวิ่งตามออกมาและคว้าแขนเธอไว้ได้ทันก่อนจะลากร่างบางของเธอออกไปอีกทางหนึ่งโดยมีเสียงร้องโวยวายของหญิงสาวดังขึ้นตลอดทาง
++ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ++
?โอ้ว...นี่นะหรือเจ้าหญิงซาเรนเทียน่า ช่างงดงามราวกับเทพธิดานางฟ้าเลยนะจ๊ะ? หญิงวัยกลางคนซึ่งมีศักดิ์เป็นพระราชินีเอ่ยทักเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดียวกับพระเจ้าฟีโนลอฟที่มองเธอด้วยแววตาพอใจอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหญิงพาราเทเซียฉีกยิ้มกว้างให้กับเธอพลางเหลือบมองไปยังเจ้าหญิงวีเนเซ่ที่นั่งใบหน้าบึ้งตึงอยู่ข้าง ๆ และเบ้ปากใส่เจ้าหญิงซาเรนเทียน่าอย่างหมั่นไส้
?ขอบพระทัยเพคะ? คนถูกชมฉีกยิ้มหวานพร้อมทั้งนั่งลงข้าง ๆ พาฟลอฟด้วยกิริยาเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับจนเจ้าชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าเธอเป็นคนเดียวกับเจ้าหญิงซาเรนเทียน่าคนที่เขารู้จักหรือไม่?
?หม่อมฉันคิดว่าการที่เราเชิญคนนอกมาร่วมพระกระยาหารด้วยแบบนี้มันคงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่นะเพคะ?
?แต่สำหรับเจ้าหญิงซาเรนเทียน่าไม่ใช่คนนอกสำหรับพวกเราหรอกนะจ๊ะเจ้าหญิงวีเนเซ่? พระราชินีพูดเสียงเย็นและนั่นก็ทำให้หญิงสาวเม้มปากแน่นและจมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง
ทันทีที่พระเจ้าฟีโนลอฟปรบมือสามครั้ง เหล่านางกำนัลต่างเดินเรียงแถวคู่เข้ามาในห้องพร้อมทั้งถือสำรับอาหารเข้ามาคนละหนึ่งอย่าง อาหารเลิศรสชั้นดีหลากหลายชนิดต่างถูกนำมาวางเรียงกันบนโต๊ะทีละอย่าง ๆ และเมื่ออาหารคาวจานสุดท้ายถูกวางลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ชายวัยกลางคนตำแหน่งสูงศักดิ์ก็ผายมือเป็นทำนองเชื้อเชิญให้เริ่มรับประทานอาหารทั้งหมดได้ มีเพียงซาเรนเทียน่าที่ได้แต่นั่งมองอาหารแต่ละอย่างตาปริบ ๆ
ดวงตาคู่โตจ้องมองอาหารสีสันน่าทานหลากหลายชนิดที่อยู่ตรงหน้าและรู้สึกปวดมวนท้องอย่างบอกไม่ถูก เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าอาการแบบนี้เขาเรียกว่า ?หิว? หรือไม่? เพราะปกติเหล่าเทพจะมีพลังแห่งเทพหล่อเลี้ยงชีวิตอยู่แล้ว หากแต่ตอนนี้ตั้งแต่เธอดื่มน้ำยานั่นเข้าไป พลังแห่งเทพของเธอจึงสูญหายไปหมดสิ้นเหลือเพียงพลังเวทเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และปัญหาใหญ่สำหรับเทพสาวในตอนนี้ก็คือ เธอทานอาหารพวกนี้ไม่เป็น
?ลองทานนี่ดูสิ มันอร่อยมากเลยนะ? พาฟลอฟพูดพลางใช้ส้อมและมีดฉีกเนื้อไก่งวงใส่จานของซาเรนเทียน่าก่อนจะเอื้อมตักอาหารชนิดอื่นที่น่าทานไม่แพ้กันให้กับเธออีก แต่ละคนในห้องต่างแอบอมยิ้มกับท่าทางอ่อนโยนของเจ้าชายพาฟลอฟที่หาดูได้ยาก มีเพียงแต่เจ้าหญิงวีเนเซ่เท่านั้นที่มองภาพบาดตาบาดใจตรงหน้าอย่างไม่พอใจแต่ก็ต้องเก็บกิริยาและความรู้สึกเอาไว้
?ว่าแต่อาณาจักรของเจ้ามีจุดเด่นทางด้านอะไรหรือเจ้าหญิงซาเรนเทียน่า?? พระเจ้าฟีโนลอฟเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทุกคนต่างให้ความสนใจกับคำถามนี้เพราะพวกเขานั้นไม่รู้สึกคุ้นเคยกับชื่ออาณาจักรอนาคาเซียของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
?อาณาจักรของหม่อมฉันมีจุดเด่นทางด้านการใช้เวทย์ขาวเพคะ?
?เวทย์หรือ ในโลกนี้มีเรื่องแบบนี้จริง ๆ หรือนี่?? พระราชินีเอามือป้องปากด้วยความตกใจระคนแปลกใจกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับรู้
?นั่นนะสิเพคะ หม่อมฉันไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ ข้าว่าเจ้าคงกุเรื่องขึ้นมาละสิท่า? เจ้าหญิงวีเนเซ่พูดด้วยน้ำเสียงดูหมิ่น
เป๊าะ!!!
สิ้นเสียงดีดนิ้วของซาเรนเทียน่า ใบหูของเจ้าหญิงวีเนเซ่ก็ยื่นยาวออกมา ขนสีดำขึ้นตามแขนที่ก่อนหน้านี้ขาวเนียนจนเต็มยุ่บยั่บอย่างน่าเกลียดและปิดท้ายด้วยหางเรียวยาวที่งอกออกมาจากบั้นท้าย แต่ละคนในห้องต่างมองภาพการเปลี่ยนแปลงของหญิงสาวด้วยความตกตะลึง
?กรี๊ดดดดดดดด? เสียงกรีดร้องของเจ้าหญิงวีเนเซ่ที่ตกใจกับสภาพร่างกายของตัวเองดังมากจนแต่ละคนต้องเอามืออุดหูและมีใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างทรมานกับเส้นเสียงที่แสบแก้วหูของเธอ ซาเรนเทียน่ายิ้มเยาะพร้อมทั้งดีดนิ้วอีกครั้ง ร่างกายของหญิงสาวจึงค่อย ๆ คืนสภาพกลับมาสวยงามดังเดิม
?ไง คราวนี้เจ้าเชื่อหรือยังล่ะ ถ้ายังข้าจะได้พิสูจน์ให้เจ้าดูอีกรอบ? ซาเรนเทียน่าเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนหอบด้วยความเหนื่อย สายตาของเธอที่จ้องตอบกลับมาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและหวาดกลัวผสมกัน ร่างผอมเพรียวของเจ้าหญิงวีเนเซ่รีบผลุนผลันเดินออกไปจากห้องพระกระยาหารอย่างรวดเร็ว ความเงียบแผ่เข้ามาปกคลุมทั่วทั้งห้องก่อนที่พระเจ้าฟีโนลอฟจะกระแอมไอเบา ๆ หลังจากที่หายอึ้งกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
?ก่อนหน้านี้เจ้าบอกข้าว่าอาณาจักรของเจ้าใช้เวทย์ขาว งั้นก็แสดงว่ายังมีเวทย์สายอื่นอีกอย่างงั้นหรือ?? พระเจ้าฟีโนลอฟเอ่ยถาม เธอพยักหน้ารับและตั้งหน้าตาอธิบายต่อ
?เพคะ เวทย์มีเพียงสองสายคือ เวทย์ขาวและเวทย์ดำ?
?ถ้าอย่างงั้นเวทย์ดำนี่ก็เป็นสายที่ เอ่อ ไม่ดีใช่ไหมซาเรนเทียน่า?? พาราเทเซียเอ่ยถาม เธอพยักหน้าแทนคำตอบเช่นกัน ?โอ้ว...ข้าคิดว่าอาณาจักรที่ใช้เวทย์ดำนี่คงจะน่ากลัวและร้ายกาจพอดูเลยนะ แล้วพวกเจ้ารับมือกับพวกนั้นได้ยังไง เอ่อ ข้าคิดว่าอาณาจักรของเจ้ากับอาณาจักรนั้นคงจะมีสงครามเกิดขึ้นบ่อยอยู่ใช่ไหม?
?ใช่ แต่สงครามระหว่างอาณาจักรที่ใช้เวทย์ขาวและเวทย์ดำนั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยหรอก สงครามแต่ละครั้งจะทิ้งช่วงห่างประมาณเกือบสองร้อยปีเพื่อพักฟื้นกำลัง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ยังไม่เคยได้มีโอกาสเห็นการรบระหว่างเวทย์สองสายมาก่อนเลย? ซาเรนเทียน่าอธิบายถึงสิ่งที่เธอถูกเจ้าชายดาร์วินคอยอธิบายถึงประวัติศาสตร์การรบระหว่างดินแดนแห่งเทพและดินแดนซาตานอันแสนจะน่าเบื่ออยู่ทุกวัน
?โอ้ว...มันคงจะน่ากลัวมากเลยสินะ ขนาดเมื่อกี้เจ้าแค่ใช้เวทย์บทง่าย ๆ ผลยังออกมาได้น่ากลัวขนาดนั้นเลย? พระราชินีพูดด้วยสีหน้าหวั่นวิตกเมื่อฟังสิ่งที่หญิงสาวเล่าพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าหญิงวีเนเซ่ก่อนหน้านั้น
?หม่อมฉันต้องขอกราบประทานอภัยด้วยเพคะ?
?ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เรากลับรู้สึกขอบใจเจ้าเสียด้วยซ้ำที่ลงมือสั่งสอนคนแบบนั้นเสียบ้าง บอกตามตรงเลยนะว่าเรารู้สึกพึงพอใจเจ้าเป็นอย่างมาก? พระราชินียิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน พาราเทเซียเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของผู้เป็นแม่พร้อมทั้งขยิบตาให้กับซาเรนเทียน่า
?นั่นสิ ข้าเองก็เห็นด้วยกับราชินีเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ข้าได้ตกลงกับพาฟลอฟไว้แล้วว่าหากเขาสามารถจัดการถอนหมั้นกับเจ้าหญิงวีเนเซ่ได้สำเร็จเมื่อไหร่ก็จะแต่งงานกับเจ้าทันที? พระเจ้าฟีโนลอฟกลั้วเสียงหัวเราะไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ซาเรนเทียน่าอ้าปากค้างกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินไปแล้วเรียบร้อยพร้อมทั้งถลึงตาใส่เจ้าชายพาฟลอฟด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
?ไหนเจ้าบอกว่าแค่เป็นคู่หมั้นกำมะลอไง แล้วนี่มันอะไรกัน?? เธอเอ่ยถามเขาด้วยเสียงที่แผ่วเบาที่ยิ่งกว่าเสียงกระซิบ ทั้งเจ้าหญิงพาราเทเซียและพระราชินีมองการกระทำของเธอด้วยความสงสัย พาฟลอฟทำทีเป็นโอบไหล่เธอไว้และปัดปอยผมที่ปรกหน้าผากของเธอออกอย่างแผ่วเบา
?เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง ตอนนี้เจ้าก็แค่ยิ้มรับอย่างเดียวไปก่อนแล้วกัน? เขาพูดกระซิบด้วยเสียงที่แผ่วเบาพอ ๆ กัน
?ว่าไงล่ะเจ้าหญิงซาเรนเทียน่า เจ้ายินดีที่จะแต่งงานกับลูกชายของเราหรือไม่?? พระเจ้าฟีโนลอฟเอ่ยถามหญิงสาวที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
?แน่นอนอยู่แล้วล่ะครับท่านพ่อ ก็เรารักกันนี่ครับ? พาฟลอฟชิงตอบก่อนอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งโอบไหล่ซาเรนเทียน่าอีกครั้ง เธอทำแค่เพียงยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับคนทั้งสามก่อนจะหันมาแอบแยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่มที่ตอนนี้กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นไปแล้วเรียบร้อย
++ กลับมายังสถานการณ์ปัจจุบัน++
ร่างบางของซาเรนเทียน่าถูกลากให้เดินเคียงคู่พาฟลอฟไปยังห้องทรงพระอักษรส่วนตัวของเขา ระหว่างทางหญิงสาวเอาแต่ร้องโวยวายและดิ้นไปตลอดทางและนั่นจึงทำให้เขาจัดการอุ้มร่างบางขึ้นมาแนบอกและเดินจ้ำอ้าวไปให้ถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว เหล่าข้าราชบริพารที่เดินผ่านมาต่างแอบอมยิ้มกับความหวาน(?)ของคู่รักผู้สูงศักดิ์ทั้งสองคน
?ปล่อยข้านะเจ้าหัวม่วง อยากตายก่อนวัยอันควรหรือไง??
?ถ้าเจ้ายังไม่เลิกร้องโวยวายและเรียกข้าว่าเจ้าหัวม่วงอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการปิดปากปิดเสียงเจ้าเสียตรงนี้แหละ? สิ้นคำขาดของเจ้าชายพาฟลอฟ หญิงสาวก็เม้มปากแน่นและไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาอีกเลยจนในที่สุดพาฟลอฟก็พาเธอมาถึงห้องทรงพระอักษรของเขาและจัดการปิดประตูห้องเสียให้แน่นหนา
?ข้าต้องการคำอธิบายเดี๋ยวนี้? เจ้าหญิงซาเรนเทียน่าที่ตอนนี้ถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้วกำลังยืนกอดอกและจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง
?ข้าขี้เกียจอธิบายน่ะ เอาเป็นว่าเราก็แกล้งทำตามน้ำไปก่อนแล้วกัน?
?จะอธิบายดี ๆ หรืออธิบายด้วยน้ำตา??
?โห เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ?? พาฟลอฟยิ้มแหย ๆ ให้กับคนตรงหน้าที่จ้องมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ช่วงที่เขาพูดคุยกะผู้เป็นพ่อและปิดท้ายด้วยความหวังสูงสุดของพ่อเขานั่นก็คือ...
?ก็ในเมื่อพระองค์อยากมีหลานนักเจ้าก็ไปหามาให้สิ ไม่เห็นว่ามันจะยากตรงไหน?
?ไม่ยากเหรอ อืม...มันก็จริงละนะ แต่ของแบบนี้เจ้าก็ต้องช่วยข้าด้วยสิ? พาฟลอฟพูดพร้อมทั้งยิ้มเจ้าเล่ห์ ซาเรนเทียน่าเลิกคิ้วสูงขึ้นอย่างสงสัย
?ข้านี่นะเหรอช่วยเจ้าได้ อืม...จริงสินะ งั้นเดี๋ยวข้าจะเอากิ่งไม้เสกให้เป็นลูกของเจ้าดีไหม ท่านพ่อของเจ้าก็จะได้มีหลานสมใจไง ว่าแต่เจ้าอยากได้ลูกเป็นชายหรือหญิงล่ะ?
?เฮ้ย ข้าไม่ได้อยากมีแม่ของลูกเป็นนางไม้หรอกนะ? พาฟลอฟเอามือกุมขมับด้วยความปวดหัวกับความคิดพิเรนของหญิงสาว ดูเหมือนว่าเธอกับเขาจะคิดไปกันคนละทางอย่างสุดขั้ว
?อ้าว แล้วเจ้าจะให้ข้าช่วยยังไงล่ะ เรื่องมากจริง? หญิงสาวพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงกลับมาปั้นหน้าเจ้าเล่ห์อีกครั้งและรีบรวบตัวซาเรนเทียน่าเข้ามาโอบกอดไว้อย่างรวดเร็ว
?จะ เจ้าทำบ้าอะไรน่ะ ปล่อยข้านะ? เธอพูดเสียงตะกุกตะกักพร้อมทั้งดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ใบหน้าขาวนวลขึ้นสีระเรื่อและนั่นก็ยิ่งทำให้พาฟลอฟชอบใจ เขาโน้มใบหน้าเข้าใกล้หญิงสาว ลมหายใจที่รดอยู่ตรงใบหูทำให้ร่างกายเธอแทบจะแข็งทื่อ
?ก็...ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เจ้ากับข้ามีทายาทตัวน้อย ๆ ให้ท่านพ่อของข้ายังไงล่ะ นี่แหละที่ข้าอยากจะขอให้เจ้าช่วย? เขาพูดเสียงกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาว ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่ หากแต่ครั้งนี้มันเปลี่ยนจากความขวยเขินเป็นความโกรธแทน
?เอ้าว์!? พาฟลอฟร้องเสียงหลงพร้อมทั้งดีดตัวออกห่างจากหญิงสาวทันที ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดหลังจากที่เธอกระทืบเท้าของเขาเข้าอย่างจัง
?งั้นข้าก็จะช่วยเจ้าตัดสินใจเลยก็แล้วกัน เจ้าก็แต่งงานกับยัยงูพ่นพิษนั่นไปซะ ส่วนข้าก็จะไปตามทางของข้า ไปล่ะ ลาก่อนตลอดกาล? พูดจบเธอก็เดินปึงปังออกไป พาฟลอฟเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจพร้อมทั้งรีบพุ่งตัวเข้าไปหาเธอโดยไม่สนใจอาการเจ็บเท้าเลยสักนิดซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซาเรนเทียน่าหันกลับมาอีกครั้งเพื่อจะพูดทิ้งทวนกับเขาอีกรอบ
พลั่ก!!!
ร่างสูงของพาฟลอฟชนเข้ากับร่างบางของคนตรงหน้าเข้าอย่างจัง ทั้งคู่ล้มลงไปนอนทับกันบนพื้นห้องโดยมีร่างบางของซาเรนเทียน่านอนราบอยู่บนพื้นและถูกคนตัวใหญ่คร่อมทับ ใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบและต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันราวกับถูกมนตร์สะกด ชายหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้เธอเรื่อย ๆ ริมฝีปากหยักของเขาประทับปิดริมฝีปากบางของหญิงสาวและมอบรสสัมผัสที่แสนอ่อนโยนและนุ่มนวลให้กับเธอ ร่างบางของซาเรนเทียน่าสั่นสะท้านและหัวใจเต้นระส่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ เธอพยายามใช้มือทั้งสองที่ยังพอมีเรี่ยวแรงผลักอกของเขาออก แต่เขากลับใช้เพียงแค่มือเดียวรวบมือของเธอเอาไว้และยังคงควานหาความหอมหวานจากหญิงสาวตรงหน้า ทั้งคู่ต่างสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองจนกระทั่งพาฟลอฟสามารถหักห้ามใจและถอนริมฝีปากออกจากรสสัมผัสที่แสนหอมหวานได้อย่างยากเย็น
?อยู่กับข้าที่นี่เถอะนะซาเรนเทียน่า อย่างน้อยที่นี่ก็ปลอดภัยสำหรับเจ้ามากที่สุดแล้ว? เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน รอยยิ้มที่ดูจริงใจของเขามันทำให้ซาเรนเทียน่ารู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาเอาเสียดื้อ ๆ
?แต่...?
?ถ้าหากว่าเจ้าลำบากใจกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ข้าก็จะกลับไปอธิบายความจริงให้กับท่านพ่อและท่านแม่ของข้าให้รับรู้ และข้าก็คงต้อง เฮ่อ แต่งงานกับวีเนเซ่ตามความประสงค์ของท่านพ่อตั้งแต่แรก? พาฟลอฟแสร้งทำทีเป็นถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มและตีหน้าเศร้าสุดฤทธิ์ ในใจแอบลุ้นให้หญิงสาวเห็นใจและอยู่ที่นี่ต่อในฐานะคู่หมั้นของเขา แต่ถึงอย่างไรเสีย หากเธอปฏิเสธเขาก็จะไม่ยอมให้เธอจากไปไหนอยู่ดี จะด้วยเหตุผลอะไรนั้นเขาเองก็ไม่แน่ใจ อาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นที่ถูกใจของครอบครัวและเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยให้เขารอดพ้นจากการแต่งงานกับวีเนเซ่ก็เป็นได้
ซาเรนเทียน่าเม้มปากแน่น สมองของเธอกำลังประมวลความคิดอย่างหนักหน่วง ใช่ เธอรู้สึกว่าที่นี่มีความอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเหมือนดินแดนแห่งเทพที่เธอเคยอยู่ และถ้าหากเธอจากที่นี่ไปแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน? แต่หากเธออยู่ที่นี่ต่อก็เท่ากับสิ่งที่เธอลงทุนลงแรงหนีออกมาจากงานแต่งงานก็เสียเปล่าเพราะอย่างไรเสียเธอก็ต้องอยู่ที่นี่ในฐานะคู่หมั้นของเขาและอาจถูกจับแต่งงานกับคนตรงหน้าอีกต่างหาก ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เธอจะทำเช่นไรดี?
?เรื่องการแต่งงานเจ้าไม่ต้องกังวลหรอก หลังจากที่เจ้าช่วยข้ากำจัดวีเนเซ่ออกไปได้แล้ว เราทั้งคู่ก็จะบอกความจริงกับพวกเขาและหลังจากนั้นเราต่างก็เป็นอิสระ? เขายื่นข้อเสนอให้กับหญิงสาวอีกครั้งเมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบไปนาน ซาเรนเทียน่ามองเขาด้วยความลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ
?ก็ได้ ข้าจะอยู่ช่วยเจ้าจนกว่าเจ้าจะสามารถถอนหมั้นกับยัยงูพ่นพิษนั่นได้ และหลังจากนั้นข้าก็จะไปจากที่นี่? เธอตัดสินใจได้ในที่สุด พาฟลอฟฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ แต่ในใจของเขาก็แอบนึกใจหายที่ได้ยินว่า ไปจากที่นี่ ของเธอ ?ว่าแต่เจ้าจะลุกขึ้นได้หรือยัง หนักชะมัด? เธอพูดพร้อมทั้งเสมองไปทางอื่นแทนที่จะสบตากับนัยน์ตาสีฟ้าของอีกฝ่าย ภาพระหว่างเขากับเธอที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าอีกครั้ง พาฟลอฟมองใบหน้างดงามของหญิงสาวครู่หนึ่งก่อนจะตัดใจปล่อยให้เธอหลุดพ้นจากพันธนาการ ซาเรนเทียน่ารีบเดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้องนี้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่หันกลับไปมองเขาเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มมองแผ่นหลังเล็กของหญิงสาวจนร่างเล็กหายลับตาไป
ไม่น่า เมื่อกี้ เขาก็แค่ซ้อมละครให้สมบทบาทเท่านั้นเอง..เขาคิดปลอบใจตัวเองก่อนจะสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป.
+++++++++++++
ขอลองเอาลง 4 บทแรกดูก่อนนะคะ ไงก็ช่วยเม้นกันด้วยน้า ^^"
[นิยาย] ซาเรนเทียน่า เจ้าหญิงแสนซนกับเจ้าชายอลเวง (4)
Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี
[นิยาย] ซาเรนเทียน่า เจ้าหญิงแสนซนกับเจ้าชายอลเวง (4)
ขอฝากนิยายแนวรักแฟนตาซีด้วยนะคะ (-/\-)