เชอร์ล็อค ดอยล์กับความรู้สึกยินดีต่อความปรารถนาของผู้อื่น
บทนำ เด็กคนนั้นชอบเด็กอีกคนมากจนเกินไป
?ขอโทษที่ให้คอยค่ะ อาจารย์ชาร์ล นี่พุดดิ้งรสมันเทศค่ะ?
ท่ามกลางทิวทัศน์อันสวยงามของฤดูใบไม้ร่วงภายในสวนของปราสาท องค์หญิงลำดับที่ 1 แห่งอาณาจักรเอเลนซึ่งสวมชุดเมดกำลังเดินถือถาดสีเงินที่มีพุดดิ้งอันหอมหวานมาอย่างระมัดระวัง
บนศีรษะของเธอสวมที่คาดผมสำหรับเมด ดวงตาสีม่วงดุจอเมทิสต์ของเธอหลุบลงต่ำด้วยอาการเขินอาย ใบหน้าด้านข้างอันอ่อนเยาว์และงดงามดั่งรูปปั้นหินอ่อนของเธอหันมามองผม จากนั้นเธอก็ย่อตัวลงนั่งด้วยท่าทางอ่อนช้อย พร้อมกับวางถาดลงบนโต๊ะ
?ฉันลองใส่กลีบดอกกุหลาบลงในชาฝรั่งด้วยค่ะ?
เธอใช้มือเล็กๆ ของตัวเองรินของเหลวสีทับทิมจากกาน้ำชาลงไปในถ้วยชาสีขาว กลิ่นกุหลาบอันหอมละมุนลอยฟุ้งกระจายราวกับอยู่ในความฝัน ชาฝรั่งร้อนกำลังดี ส่วนพุดดิ้งก็เย็นชื่นใจ
?ฉันลองใส่ลูกเกดที่อาจารย์ชาร์ลชอบลงไปในพุดดิ้งเยอะเลย เป็นยังไงบ้างคะ?
?อะ อื้ม ทั้งชาฝรั่งแล้วก็พุดดิ้งอร่อยมากเลยล่ะ....แต่ เอ่อ มันไม่เยอะเกินไปหน่อยเหรอ??
ถ้วยพุดดิ้งนี้มีขนาดใหญ่พอๆ กับหัวผม ภายในอัดแน่นไปด้วยเนื้อพุดดิ้งและครีมสดพูนถ้วย ด้านบนตกแต่งด้วยแยมเรดเคอเรนท์และขนมที่เหมือนกับเส้นใยสีทองซึ่งทำจากน้ำตาล ดูแล้วน่าจะทานได้ตั้งห้าคนเลยด้วยซ้ำ!
?ว่าแต่ทำไมเซย์ระถึงยังสวมชุดเมดอยู่ล่ะ?
ใช่แล้ว นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดเลยล่ะ!
การที่ผมซึ่งเป็นอาจารย์พิเศษให้กับพระราชโอรสและพระราชธิดาของกษัตริย์กำลังนั่งทานพุดดิ้งที่องค์หญิงทำ แถมยังให้องค์หญิงเป็นคนเอามาเสิร์ฟเองแบบนี้มันดูทะแม่งๆ อ้ะ!
แล้วก็ไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น ทั้งเมื่อวานหรือเมื่อวานซืน ------ ตลอดช่วงหลายวันมานี้พอถึงช่วงเวลาน้ำชาเซย์ระก็จะเปลี่ยนมาสวมชุดเมดพร้อมกับนำชาฝรั่งและขนมที่ตัวเองทำมาเสิร์ฟให้ผมทานด้วยท่าทางนอบน้อม
พอผมได้เห็นเซย์ระที่เป็นแบบนี้ ช่วงแรกผมก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจจนอดยิ้มไม่ได้ เพราะคิดว่าการที่องค์หญิงอย่างเซย์ระได้เรียนทำอาหารกับท่านแม่ที่เป็นองค์ราชินีและได้ทำอาหารให้ใครสักคนทานคงเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับเธอ เธอคงรู้สึกสนุกกับมันมากทีเดียว
แต่เซย์ระก็ยังทำแบบนั้นต่อมาจนทุกวัน ซึ่งกิริยาท่าทางเวลาที่เธอรินน้ำชาและยื่นมาให้ผมนั้น....
?ขอประทานโทษค่ะ?
เธอโค้งคำนับและแสดงกิริยาที่ดูเคารพนบนอบเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นแบบนี้ผมก็รู้สึกกังวลใจ
การที่ผมข้ามน้ำข้ามทะเลจากจักรวรรดิวิสทอเรียมายังอาณาจักรเอเลนที่เกาะแห่งนี้ ก็เพื่อมาสอนหนังสือให้กับพวกเด็กๆ ในราชวงศ์ ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อสอนให้องค์หญิงอายุเก้าขวบกลายเป็นเมดที่ยอดเยี่ยมสักหน่อย
ถ้าโชคร้ายละก็ผมอาจโดนหาว่าสอนเรื่องไม่เป็นเรื่องให้องค์หญิงผู้สูงศักดิ์จนกลายปัญหาระดับชาติเลยก็ได้ สำหรับผู้ชายอย่างผมที่ต้องใช้ชีวิตโดยแต่งหญิงสวมชุดเดรสเพื่อปลอมตัวเป็นพี่สาวอัจฉริยะของตัวเองแล้ว สถานการณ์วุ่นวายแบบนั้นควรจะหาทางหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
ทว่าเซย์ระก็พูดกับผมอย่างเขินอายด้วยแก้มอันแดงระเรื่อ
เธอกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังว่า ?ฉันอยากดูแลปรนนิบัติอาจารย์ชาร์ล.... ท่านแม่ก็สวมชุดแบบนี้ดูแลปรนนิบัติท่านพ่อ.... แล้วอานิสเองก็เหมือนกัน....? แต่สุดท้ายเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยดวงตาที่ดูชื้นๆ และสีหน้าที่ดูอ่อนระทวยพร้อมกับพูดว่า ?เอ่อ มะ ไม่ได้เหรอคะ นี่ฉันกำลังทำให้อาจารย์ลำบากใจ....หรือเปล่าคะ?
อึก พอเห็นเธอทำหน้าแบบนั้นแล้ว.... ผมรู้ว่าเซย์ระเป็นเด็กผู้หญิงที่อ่อนไหวกว่าคนทั่วไปเป็นเท่าตัวจึงไม่สามารถเมินเฉยต่อเธอได้
จะว่าไปองค์ราชินีก็สวมชุดเมดทำความสะอาดแล้วก็ทำอาหารให้องค์ราชากับพวกเด็กๆ ทานเป็นประจำอยู่แล้วนี่นะ แต่ผมเป็น ?อาจารย์? ของเซย์ระ ไม่ได้เป็น ?สามี? สักหน่อย นอกจากนี้ถึงเซย์ระจะมีความรู้สึกยึดติดบางอย่างกับอานิส แต่อานิสก็ทำงานเป็นเมดจริงๆ นี่นา
?ผมดีใจกับความรู้สึกที่เซย์ระมีให้ผมนะ แต่องค์ราชินีกับอานิสน่ะทั้งฐานะและอายุก็ต่างจากเซย์ระ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกันก็ได้มั้ง?
ผมพยายามตอบกลับไปแบบนุ่มๆ พอได้ยินแบบนั้นเซย์ระก็เม้มริมฝีปากแน่นเหมือนไม่อยากยอมรับ
?ฉันตัวสูงขึ้นกว่าเดือนก่อนนิดหน่อยแล้วนะคะ ถึงอย่างนั้นอาจารย์ชาร์ลก็ยังเห็นว่าตัวเล็กอยู่งั้นเหรอ? ฉันยังอาบน้ำด้วยกันกับอาจารย์ชาร์ลไม่ได้เหรอคะ? ฉันต้องโตขึ้นอีกขนาดไหนอาจารย์ชาร์ลถึงจะยอมอาบน้ำกับฉันล่ะคะ??
ผมตอบกลับไปด้วยอาการเลิ่กลั่กว่า
?เอ่อ เรื่องนั้นไว้รอให้ตัวสูงขึ้นและโตกว่านี้อีกเยอะๆ จนถึงเวลาที่เป็นผู้ใหญ่ พอถึงตอนนั้นแล้วถ้ามีคนที่เซย์ระคิดอย่างถี่ถ้วนประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้วว่าอยากจะอาบน้ำด้วยโดยไม่รู้สึกเสียใจภายหลังก็น่าจะโอเคล่ะมั้ง?
?คนที่ฉันอยากอาบน้ำด้วยมีแค่อาจารย์ชาร์ลคนเดียวค่ะ?
เซย์ระตอบด้วยแววตาที่จริงจัง
หวาาาา ถ้าใครมาได้ยินเข้าผมคงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกโลลิค่อนแหงเลยอ้ะ~~~~~~~~~!
?เซย์ระ เรื่องแบบนั้นน่ะพูดออกมาไม่ได้นะ?
?ฉันไม่พูดต่อหน้าคนอื่นหรอกค่ะ ดังนั้นอาบน้ำด้วยกันกับฉันเถอะนะคะ?
?ขะ เข้าใจแล้ว ถ้าเธอโตเป็นผู้ใหญ่เมื่อไหร่ก็ลองคิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่สักหนึ่งเดือนแล้วค่อยถามผมอีกทีนะ?
ผมภาวนาจากใจว่าเมื่อถึงตอนนั้นเธอจะโตขึ้นเป็นกุลสตรีและรู้สึกอายกับเหตุการณ์ในอดีตที่ตัวเองเคยพูดกับอาจารย์ไม่เอาไหนอย่างผมว่า ?อาบน้ำด้วยกันกับฉันนะคะ?
?ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปนอนค้างที่ห้องของอาจารย์แทนการอาบน้ำได้ไหมคะ?
?นั่นก็ไม่ได้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้เพราะเซย์ระไม่สบายผมก็เลยให้ไปค้างได้เป็นกรณีพิเศษ ------ แต่ห้ามทำให้ตัวเองป่วยนะ! ตอนนี้จิมส์ที่เป็นคนจัดสวนกำลังนอนรักษาตัวเพราะป่วยเป็นไข้หวัดอยู่ ห้ามไปเอาไข้หวัดมาจากเขาเด็ดขาดเลย!?
เซย์ระตั้งท่าจะรีบวิ่งออกไปผมจึงรีบคว้าแขนหยุดเธอไว้ พอถูกผมจับแขนเธอก็แสดงท่าทางอึกอักพร้อมกับหน้าแดง
ผมยิ้มให้แล้วพูดกับเซย์ระก่อนที่เธอจะพูดอะไรแปลกๆ ออกมาอีก
?นี่เซย์ระ พุดดิ้งอันนี้มันเยอะเกินไปสำหรับผมคนเดียวจริงๆ นั่นแหละ เอาไปแบ่งให้องค์ชายริวจู องค์หญิงฝาแฝด แล้วก็องค์ชายชินด้วยดีมั้ย จริงสิ ผมอยากจะฟังเซย์ระเล่นไวโอลินด้วยเหมือนกัน ไปเรียกทุกคนมาแล้วจัดงานแสดงดนตรีกันเถอะ?
ถ้าไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง เธอก็คงไม่พูดเรื่องชวนหวาดเสียวออกมาหรอกมั้ง อื้ม เป็นความคิดที่ดีเลยล่ะ
ทว่าอยู่ๆ แววตาของเซย์ระซึ่งทำท่าทางเขินอายแบบเด็กผู้หญิงจนถึงเมื่อครู่ก็เปลี่ยนมาเป็นแววตาเย็นชาทันที
?ของที่ตัวเองทำน่ะฉันอยากให้อาจารย์ชาร์ลได้ทานแค่คนเดียวเท่านั้นค่ะ แล้วก็อยากใช้ช่วงเวลาน้ำชากับอาจารย์แค่สองคนด้วย ส่วนไวโอลินก็ไม่ได้อยากเล่นให้ใครฟังนอกจากอาจารย์ชาร์ลค่ะ?
เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
จากนั้นคิ้วเรียวบางของเธอก็ย้อยตกและริมฝีปากสีปะการังก็คว่ำลง เธอก้มหน้าโดยที่ทำสีหน้าแข็งกระด้าง ------ และเอ่ยออกมาเบาๆ ว่า
?ถ้าในโลกนี้มีแค่ฉันกับอาจารย์ชาร์ลแค่สองคนก็คงดี....?
? ? ?
จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
แม้ว่าเซย์ระทำท่าเหมือนอยากจะอยู่กับผมต่อ แต่ผมก็อธิบายกับเธอว่าต้องเตรียมการสอนสำหรับวันพรุ่งนี้และขอปลีกตัวออกมา หลังจากนั้นผมก็แวะไปเดินที่สวนซึ่งมีใบไม้สีเหลืองทองกำลังร่วงหล่นจากต้นไม้พลางกอดอกและครุ่นคิดด้วยสีหน้าจริงจัง
ช่วงแรกที่ผมเพิ่งเจอกับเซย์ระ ตอนนั้นเธอเอาแต่จ้องมองเหมือนกำลังสังเกตการณ์ผมด้วยสายตาที่ดูหวาดระแวง
?อาจารย์ชาร์ล?
ตอนที่เธอยอมเปิดใจเรียกผมแบบนั้นด้วยท่าทางดีอกดีใจและเผยรอยยิ้มที่ดูสดใสแบบเด็กๆ ออกมาให้เห็น ตอนนั้นผมรู้สึกภูมิใจและดีใจมากจริงๆ หลังจากที่ได้รู้ว่าตัวผมคือคนที่เข้าใจเด็กผู้หญิงผู้มากด้วยพรสวรรค์แต่โดดเดี่ยวและขี้อายคนนี้มากที่สุด ผมจึงคิดว่าอยากจะชี้นำเธอในทางที่ถูกต้องและทำให้ตัวเองเป็น ?อาจารย์? ที่ยอดเยี่ยมให้ได้
แต่ทว่า
?ปัญหาก็คือเธอเอาแต่ติดผมแจเกินไปนี่สิ~?
ผมทำคอตก
ก่อนหน้านี้เซย์ระก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
เธอจะคอยจ้องมองผมด้วยสีหน้ากังวลเหมือนกลัวว่าผมจะหายตัวไปอย่างกะทันหันหรือเปล่า เธอจะเอามือกุมสร้อยข้อมือที่มีอัญมณีรูปดอกไม้สีม่วงซึ่งผมให้เป็นของขวัญหลายต่อหลายครั้งด้วยท่าทางหวั่นวิตก เวลาที่หาผมไม่เจอ เธอก็จะมาด้อมๆ มองๆ อยู่แถวห้องผมด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ และพอเห็นผมกลับมา เธอก็จะเข้ามากอดเอวของผมไว้แน่น
และพอเกิดเรื่องแบบนั้นผมก็จะบอกย้ำกับเซย์ระว่าเธอเป็นนักเรียนคนสำคัญของผม ดังนั้นผมจะไม่เลิกเป็นอาจารย์และไม่มีทางทอดทิ้งเธอเด็ดขาด
ด้วยเหตุนี้ในช่วงนี้เซย์ระจึงไม่ได้มาคอยแอบมองผมด้วยสีหน้ากังวลที่มุมทางเดินหรือหลังเสาอีก เธอสามารถเข้ามาหาผมตรงๆ ซึ่งนั่นก็ถือเป็นแนวโน้มที่ดี แต่การสวมชุดเมดมาคอยปรนนิบัติผมแบบนี้มันคลาดเคลื่อนไปจากแนวทางที่ควรเป็นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ผมก็รู้สึกว่าคำพูดของเซย์ระเมื่อครู่มันน่าเป็นห่วงเอามากๆ เลย
?ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเซย์ระก็จะไม่ยอมเปิดใจให้คนอื่นนอกจากผมคนเดียว ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่?
ในฐานะอาจารย์ ผมต้องหาทางให้เซย์ระหันไปสนใจอย่างอื่นบ้าง
ถึงเซย์ระจะเป็นอัจฉริยะเหมือนกับกลินด้า แต่เพราะไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างจึงทำให้สามัญสำนึกของเธอในบางเรื่องต่างจากคนทั่วไป อย่างการขออาบน้ำด้วยกันนั้นมันก็ถือเป็นเรื่องที่คนปกติทั่วไปจะไม่พูดกัน ถ้าให้เธอได้มีโอกาสพูดคุยกับคนอื่นมากขึ้น ความเข้าใจผิดต่างๆ ของเธอก็น่าจะลดน้อยลงกระมัง
โชคดีที่เซย์ระมีพี่น้องถึงห้าคน แม้ว่าองค์หญิงรินนะที่เป็นน้องคนสุดท้องจะยังเป็นเด็กทารกอยู่ แต่เธอก็น่าจะเป็นเพื่อนกับองค์ชายริวจูหรือองค์หญิงฝาแฝดได้ นอกจากนี้องค์ชายชินซึ่งมักจะทำตัวเหม่อลอยก็อาจจะเข้ากับเธอได้ดีเกินคาดเพราะทั้งคู่เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงเหมือนกัน
ขั้นแรกลองเริ่มจากองค์หญิงฝาแฝดที่เป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกันก่อนน่าจะดีล่ะมั้ง
ผมคิดเช่นนั้นจึงเดินไปรอบๆ สวนเพื่อตามหาองค์หญิงฝาแฝด
?ฮึก ฮือ?
ผมได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นดังแว่วมาจากบริเวณต้นมะกอกอีกฝั่งหนึ่ง
เมื่อลองหันไปดูก็เห็นเด็กผู้หญิงน่ารักที่มีผมสีทองฟูฟ่อง บนศีรษะของเธอผูกโบและไว้ผมทรงทวินเทล เด็กคนนั้นกำลังนั่งกอดเข่าและห่อตัวลีบเล็กพร้อมกับร้องไห้อยู่
?องค์หญิงโอริเอะ พลัดหลงกับองค์หญิงซาราสะอีกแล้วเหรอคะ?
พอได้ยินผมเอ่ยทัก ดวงตากลมโตขององค์หญิงโอริเอะซึ่งเป็นหนึ่งในองค์หญิงฝาแฝดก็มีน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา
?ซะ ซาราสะไม่อยากจะอยู่กับฉันแล้วล่ะ พะ เพราะงั้นเขาก็เลยทิ้งฉันไว้แล้วหนีไปเล่นคนเดียว?
เธอโอดครวญพลางห่อตัวเล็กลงยิ่งกว่าเดิม
ผมนำผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้องค์หญิงโอริเอะพลางบอกเธอว่า
?ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะสอนทริคใหม่สำหรับเกมพันด้ายให้ เพราะฉะนั้นร่าเริงเข้าไว้นะคะ?
ผมจับมือแล้วพยุงตัวเธอให้ยืนขึ้น
?ฮึก ถะ ถ้าซาราสะไม่ได้มาดูด้วยกันฉันก็ไม่เอาหรอก?
ระหว่างที่ผมจูงมือองค์หญิงโอริเอะเดินอยู่ น้ำตาของเธอก็ไหลรินออกมาอีก
ทั้งที่ปกติแล้วเธอจะเป็นเหมือนปีศาจตัวน้อยที่ชอบแกล้งและพูดมากจนทำให้คนในปราสาทปวดหัว แต่พอองค์หญิงซาราสะซึ่งเป็นฝาแฝดอีกคนไม่อยู่ เธอก็จะไปร้องไห้อยู่ในห้องเก็บของหรือที่มุมหนึ่งในสวนด้วยอาการหวั่นวิตกทันที
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ผมจะยังไม่สามารถแยกความแตกต่างเวลาที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันได้ ว่าคนไหนคือองค์หญิงซาราสะหรือองค์หญิงโอริเอะ แต่เมื่อแต่ละคนอยู่คนเดียวผมจะสามารถรู้ได้ทันที เพราะองค์หญิงซาราสะจะดูร่าเริงและกระตือรือร้น ส่วนองค์หญิงโอริเอะจะดูห่อเหี่ยวและแสดงอาการกล้าๆ กลัวๆ
?ฮึก พอไม่มีซาราสะอยู่ฉันก็ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย.... ฉันทำอะไรไม่ได้เลยล่ะ?
องค์หญิงคนนี้ก็มีปัญหาเหมือนกันแฮะ
ผมรู้สึกเจ็บแปลบในอกเพราะเหมือนกำลังมองตัวเองในสมัยก่อนที่เอาแต่ตามก้นกลินด้าพร้อมกับร้องไห้
?เข้าใจแล้วค่ะ ไปหาองค์หญิงซาราสะด้วยกันนะคะ?
ผมพอจะเดาสถานที่ที่องค์หญิงซาราสะน่าจะอยู่ได้ เมื่อลองเข้าไปในปราสาทและไปที่ห้องขององค์ชายริวจู ผมก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากห้องขององค์ชายริวจูตามที่คาดไว้จริงๆ
?อย่ามากวนเราได้มั้ย ซาราสะ! หวา อย่าเข้ามากอดจากข้างหลังนะ! อย่ารัดคอสิ! แล้วก็ไม่ต้องเอาหน้าเข้ามาแนบด้วย!?
?องค์หญิงโพล่าโรสส่งจดหมายอะไรมาให้เหรอ ถ้าไม่ยอมบอกเดี๋ยวจะจักจี้ให้เข็ดเลย?
?ฮึ่ม ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ จดหมายจากองค์หญิงโพล่าโรสไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อย ------ ?
?อ้าว พูดกับน้องสาวแสนน่ารักแบบนี้ได้ไงกัน? ฮึ่ม โกรธแล้วนะ เดี๋ยวก็จุ๊บซะหรอก?
?จะ จะบ้าเรอะ ซาราสะ?
หวา มันดูเหมือนการต่อล้อต่อเถียงระหว่างคนรักเลยอะ แต่คนที่อยู่อีกฟากของประตูก็คือองค์ชายคนพี่ที่อายุสิบเอ็ดขวบกับองค์หญิงน้องสาวที่อายุแปดขวบต่างหาก
?ซาราสะ!?
องค์หญิงโอริเอะส่งเสียงตะโกนพร้อมกับเปิดประตูและถลาเข้าไปในห้อง
?หวา โอริเอะนี่ละก็ ร้องไห้อีกแล้วเหรอ ขี้แยจริงๆ เลยนะ?
?ก็ซาราสะ ซาราสะน่ะ?
เมื่อผมเดินตามเข้าไปในห้องก็เห็นองค์ชายริวจูกับองค์หญิงซาราสะซึ่งกำลังนั่งแหมะอยู่บนพื้นเพราะเสียหลักล้มลงจากเก้าอี้ ส่วนองค์หญิงโอริเอะก็โผเข้าไปกอดองค์หญิงซาราสะซึ่งหน้าเหมือนตัวเองเอาไว้พร้อมกับร้องไห้งอแง
?โธ่ ฉันก็พูดตลอดอยู่แล้วนี่นาว่าคนที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือโอริเอะ ถ้าโอริเอะไม่เชื่อละก็เดี๋ยวฉันเกลียดโอริเอะไม่รู้ด้วยนะ?
?ไม่นะ ซาราสะ ฉันจะเชื่อซาราสะ ดังนั้นอย่าเกลียดฉันเลยนะ?
เอ่อ....ยอมเชื่อฟังทุกอย่างเลยแฮะ พอองค์หญิงซาราสะเห็นแบบนั้นเธอก็เผยรอยยิ้มที่ดูเป็นผู้ใหญ่
?งั้นมาช่วยฉันหาจดหมายจากองค์หญิงโพล่าโรสที่ท่านพี่ริวจูซ่อนไว้กันเถอะ?
?อื้ม ซาราสะ?
?ไปบอกโอริเอะแบบนั้นได้ไงเล่า โอริเอะ เธอเองก็อย่าพยักหน้าด้วยท่าทางดีใจแบบนั้นสิ!?
?แบร่! ผู้หญิงที่จะมาเป็นคนรักของท่านพี่ริวจูน่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่ฉันยอมรับละก็ฉันไม่ยอมให้ผ่านหรอก! ดังนั้นห้ามไปแอบคบกันโดยที่หนูไม่รู้เรื่องนะ! ถ้าคิดจะแอบเขียนจดหมายส่งให้องค์หญิงต่างแดนโดยไม่บอกกันละก็หนูไม่ยอมเด็ดขาดเลย!?
หวา ตรงนี้ก็มีเด็กมีปัญหาเหมือนกันแฮะ
พอได้ยินองค์หญิงซาราสะซึ่งรักพี่ชายมากพูดแบบนั้นผมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ในตอนนั้นเององค์ชายริวจูก็สังเกตเห็นผม ใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันที
?กะ กลินด้า! อยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ! ได้ยินเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้รึเปล่า?
?ก็ได้ยินนิดหน่อยค่ะ ขออภัยด้วยนะคะ?
ผมตอบกลับไปเบาๆ ใบหน้าขององค์ชายริวจูแดงก่ำยิ่งขึ้นด้วยอาการตื่นตะหนก
?อย่าเข้าใจผิดนะ กลินด้า! เราแค่จะเขียนจดหมายโต้ตอบกับองค์หญิงโพล่าโรสเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับต่างแดนในฐานะที่เราจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ในอนาคตต่างหาก ที่คนอื่นๆ พูดกันว่าเรากับเธอคนนั้น คะ คะ คะ คะ คบกันอยู่ หรือเธอคนนั้นจะมาเป็นมเหสีของเราในอนาคตน่ะ ไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด! คะ คนที่เราอยากจะให้มาเป็นมเหสีน่ะ ------ มีแค่คนเดียวตั้งแต่แรกแล้ว?
องค์ชายริวจูกล่าวเน้นย้ำพร้อมกับกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น พอได้ยินแบบนั้นผมก็รู้สึกวิงเวียนและหมดแรงขึ้นมาทันใด
ทำไมองค์ชายคนนี้ถึงยึดติดกับผมขนาดนี้เนี่ย! ถึงผมจะสวมชุดเดรสอยู่ก็เถอะ แต่เนื้อในก็เป็นผู้ชายเฉื่อยๆ คนหนึ่งที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยยังไม่ผ่านด้วยซ้ำนะ!
ทั้งที่ผมอุตส่าห์หวังไว้ว่าถ้าองค์ชายริวจูเริ่มเขียนจดหมายโต้ตอบกับองค์หญิงโพล่าโรสจากอาณาจักรออแลนด์ละก็ เขาจะได้สนใจในตัวเด็กผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน จะได้ลืมว่าตัวเองเคยหลงรักผู้ชายแต่งหญิงและได้มีความรักที่เหมาะสมกับเขาเสียทีแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าเขายังไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเหรอเนี่ย
?เอ่อ องค์ชายริวจูคะ ฉันคิดว่าการได้ลองคบกับคนมากมายและได้สั่งสมประสบการณ์เอาไว้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะคะ?
?นะ นั่นสินะ กลินด้าคง....เอ่อ ชอบผู้ชายที่มากประสบการณ์ ถ้าอย่างนั้นเราก็....?
ถูกเข้าใจผิดอีกแล้ว! ว่าแต่เรื่องของผมน่ะช่างมันเถอะ ไปสนิทสนมกับองค์หญิงโพล่าโรสดีกว่านะคร้าบ
องค์ชายริวจูเริ่มมีแรงจูงใจไปในทิศทางแปลกๆ ส่วนองค์หญิงซาราสะก็เข้ามาเกาะพี่ชายของตัวเองไว้พร้อมกับบอกว่า ?ท่านพี่ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก ดังนั้นหนูจะคอยช่วยเองก็แล้วกัน? องค์หญิงโอริเอะก็พูดเสริมว่า ?หนูเห็นด้วยกับซาราสะนะ? จากนั้นผมก็ปล่อยพวกเขาไว้และออกมาจากห้อง ขณะที่ปิดประตูผมก็คิดในใจด้วยความปวดหัวว่า สถานการณ์แบบนี้คงยังไม่เหมาะที่จะชวนให้พวกพี่ชายกับน้องสาวมาทำตัวสนิทสนมกับเซย์ระมากขึ้นล่ะมั้ง เด็กกลุ่มนี้เองก็มีปัญหามากเหมือนกันแฮะ
?แหม ชินนี่ละก็ บอกแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะว่าท่านแม่มีธุระ ตามมาไม่ได้น่ะ?
ผมเหลือบไปเห็นองค์ราชินีกำลังพูดกับองค์ชายชินอย่างนุ่มนวล ส่วนองค์ชายชินก็เกาะชายกระโปรงของคุณแม่ไว้ด้วยท่าทางเหม่อลอยโดยไม่แสดงท่าทีว่าจะถอยห่างออกไปเลย
ท้ายที่สุดองค์ราชินีจึงตัดใจพลางพูดว่า ?งั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะน้า? พร้อมกับเอามือลูบศีรษะองค์ชายชินอย่างอ่อนโยนและพาเขาเดินไปด้วยกัน
อ่า....องค์ชายคนนั้นก็เป็นคุณหนูที่ไม่ยอมสนใจคนอื่นนอกจากคนที่ตัวเองชอบเลย ลำบากเหมือนกันแฮะ เอาเถอะ เขายังอายุแค่ห้าขวบ ผมจึงรู้สึกว่าถึงจะเป็นเด็กติดแม่ก็คงไม่เป็นไร แต่ผมก็เผลอจินตนาการว่าถ้าหลังจากนี้อีกสิบปีเขายังเป็นแบบนั้นอยู่มันจะเป็นยังไงกันนะ พอนึกถึงเรื่องนั้นผมก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอีก
นอกจากนี้
?ไง กลินด้า!?
อัศวินหนุ่มจอมหลงตัวเองผู้มีดวงตาสีเขียวและผมสีทองอันโดดเด่นเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับสะบัดผ้าคลุมสีแดง
?จนป่านนี้เธอน่าจะรับรู้ได้ถึงเสน่ห์ของฉันแล้วล่ะมั้ง? ช่วงวันหยุดฉันมีเวลาว่างให้เธอเสมอนะ?
เขาทำท่าเสยผมขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูมั่นอกมั่นใจ พอได้ยินคำพูดเกี้ยวพาราสีของเขา ผมก็รู้สึกรำคาญสุดๆ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาถูกองค์ชายริวจูดุด่าว่าทำให้ผู้หญิงที่ตัวเองชอบต้องรู้สึกแย่แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็มาบอกกับผมว่าจะขอรักผมต่อไปแบบเงียบๆ แล้วแท้ๆ
เมื่อไม่นานมานี้มิลลี่ซึ่งกลับไปยังอาณาจักรออแลนด์ในช่วงเวลาเดียวกับองค์หญิงโพล่าโรสเคยทะเลาะและโกรธเคืองกิลเมอร์ นอกจากนี้เธอยังบอกกับกิลเมอร์อีกว่า อย่ามายุ่งกับกลินด้า! ทำให้ผมรู้สึกสงสารกิลเมอร์เล็กน้อยเพราะเขาเจอแต่เรื่องแย่ๆ ผมจึงพยายามไม่ใจร้ายกับเขามากนัก แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดไป
เพราะมันกลับกลายเป็นว่ากิลเมอร์ยิ่งอาการหนักกว่าเก่า เขาพยายามเข้ามาจีบผมซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยความเข้าใจผิด
?งั้นเอาเป็นคืนนี้ก็ได้นะ ไว้พวกเรามานั่งคุยกันทั้งคืนเลยว่าหลังจากนี้จะทำยังไงกันต่อไป ดีมั้ย??
?ระหว่างฉันกับคุณมันไม่มีเรื่องอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้หรอกค่ะ?
ผมกล่าวตัดบทและหันหลังให้เขา แต่....
?ปากไม่ตรงกับใจอีกแล้วรึ?
เขาเอ่ยพร้อมกับยิ้มกริ่ม
เจ้านี่กลับกลายเป็นแบบเดิมเปี๊ยบเลยอะ
จริงสิ คนที่มีปัญหาไม่ใช่แค่เซย์ระ แต่คนรอบตัวผมต่างก็มีปัญหาเพราะสนใจในตัวใครคนหนึ่งมากจนเกินไป ผมรู้สึกเป็นห่วงอนาคตของพวกองค์ชาย ในขณะเดียวกันก็อยากจะรักษาสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ส่วนเรื่องของกิลเมอร์ก็ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเช่นกัน
?แต่จะทำยังไงดีล่ะ....?
มันไม่มีวิธีไหนที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในคราวเดียวเลยเหรอ
ถึงผมจะไม่ได้เป็นอัจฉริยะเหมือนกลินด้า แต่ก็พยายามเค้นสมองคิดหาวิธีดู จนในที่สุดผมก็นึกไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้
อื้ม ผมรู้สึกว่ามันน่าจะไปได้สวยแฮะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นับจากที่ผมแต่งหญิงและปลอมมาเป็นอาจารย์พิเศษแทนพี่สาวก็ผ่านมาได้ประมาณครึ่งปีแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกดีใจที่ตัวเองสนิทสนมกับพวกนักเรียน แต่ช่วงนี้เซย์ระมาสวมชุดเมดและคอยเสิร์ฟน้ำชาให้ผมทุกวัน ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่! นอกจากนี้องค์ชายริวจูที่เป็นคนจริงจังและรักเดียวใจเดียวจนเกินเหตุ องค์หญิงซาราสะที่ค่อนข้างจะเป็นเด็กติดพี่ชาย องค์หญิงโอริเอะที่ติดองค์หญิงซาราสะแจ และองค์ชายชินที่ติดแม่....ดูแล้วแต่ละคนเป็นเด็กมีปัญหาที่เอาแต่สนใจใครคนใดคนหนึ่งมากจนเกินไป ในฐานะ ?อาจารย์? ผมจึงต้องคิดแผนการที่จะช่วยให้โลกทัศน์ของพวกเขาเปิดกว้างยิ่งขึ้น....ขอเชิญติดตามเรื่องราวในนิยายแฟนตาซีคอมมิดี้เล่ม 5 ของอาจารย์พิเศษกันได้เลยครับ!
