New Release ร้อยรัก : นิวาสรัก ชุดทวิกาล

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release ร้อยรัก : นิวาสรัก ชุดทวิกาล

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ ๑

มีนรดา ปานชีวา หมอสาวแผนกสูตรนรีเวชแห่งโรงพยาบาลจินดาเวชกำลังเดินวนเวียนอยู่ในห้องส่วนตัว ณ บ้านเก่าที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ ในมือบอบบางถือสมุดปกดำเล่มหนึ่งอยู่ สนใจกวาดสายตาอยู่บนหน้ากระดาษ คิ้วยุ่งขมวดมุ่นราวกับกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบยังไงยังงั้น
?ทำอะไรอยู่ลูก? เสียงมารดาเอ่ยถามหลังจากเคาะประตูสามทีแล้วพาตัวเองเข้ามาในห้อง ดึกแล้วนึกว่าบุตรสาวหลับไปแล้วเสียอีก เห็นยังเปิดไฟจึงมาเคาะประตูเพื่อสอบถาม บางทีอาจจะติดงานที่หอบมาจากโรงพยาบาลอยู่ก็เป็นได้
?แม่คะ แม่ว่าบันทึกเล่มนี้เขียนจบแค่นี้หรือว่ามีต่อคะ? มีนรดาหันไปทางมารดา สีหน้ามีแววครุ่นคิด
?บันทึกอะไรลูก ว่าแต่ไปเอาสมุดเล่มนั้นมาจากไหน?
?นี่ค่ะแม่ มีนได้มาจากห้องสมุด ในบ้านหลังนี้เอง?
?ห้องสมุด แล้วเป็นบันทึกใคร?
?คนเขียนชื่อคุณธัชค่ะ?
?ไหนแม่ขอดูหน่อยซิ? มัทนีรับสมุดบันทึกปกแข็งสีดำจากมือมีนรดา กวาดสายตาไปบนกระดาษหน้าแรก ด้านบนระบุวันเวลา สถานที่ไว้อย่างชัดเจน บันทึกนี้ไม่ได้เขียนในประเทศไทย หากแต่เขียนที่เมืองอังกฤษ หรือประเทศอังกฤษตามที่คนสมัยนี้เรียกกัน


วันแรกที่มีโอกาสได้ขึ้นเรือบิน ธัชตื่นเต้นมาก บางคนเรียกเรือเหาะ บางคนเรียกเรือบิน สำหรับธัชแล้วต้องจากบ้านจากพ่อแม่ด้วยเรือบินไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ธัชไม่อยากไปเลย แต่คุณพ่อต้องการให้ธัชไป ธัชเป็นลูกคงไม่มีเหตุผลอะไรไปขัดคุณพ่อได้ คุณแม่พูดให้ฟังทุกวัน ธัชคือทายาทของพ่อ คุณพ่อฝากความหวัง ฝากทุกอย่างไว้กับธัช ไปเรียนเถอะลูก ธัชจำใจจากประเทศไทย จากพ่อแม่ น้องสาว และนมอาบไปด้วยความอาลัย ตอนอยู่บนเรือบินก็ตื่นเต้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง เด็กอายุสิบสองปีอย่างธัชทำไมต้องจากบ้านมาไกลถึงเพียงนี้ ธัชเหงาเหลือเกินนมอาบ


?หนูอ่านจบแล้วหรือลูก? มัทนีปิดสมุดบันทึกหน้าแรกที่อ่านจบไป คุณธัชคนนี้ต้องจากบ้านไปไกลตั้งแต่อายุยังน้อย คงเหงา คิดถึงบ้าน จึงระบายความคิดถึงนี้ด้วยการเขียนบันทึก ผู้เป็นแม่เงยหน้ามองลูก
?อ่านจนถึงหน้าว่างแล้วค่ะ แต่มีนรู้สึกคาใจยังไงก็ไม่รู้ คิดอยู่ตลอดว่าบันทึกเล่มนี้ยังไม่จบ เป็นไปได้ไหมคะแม่ว่าบันทึกจะมีอีกเล่ม? พอพูดถึงจุดนี้ ท่าทางขึงขังก็แสดงออกทันใด ฉวยข้อมือมารดารั้งให้เดินออกไปจากห้องนอนตรงไปยังอีกห้องคือห้องสมุด
?จะพาแม่ไปไหนมีน?
?หาบันทึกอีกเล่มค่ะ หนังยังมีภาคต่อ เผื่อบันทึกของคุณธัชอะไรเนี่ยจะมีต่อเล่มสองยังไงล่ะคะแม่ ช่วยมีนหน่อยนะคะ? หญิงสาวคะยั้นคะยอให้มารดาช่วยค้นหาบันทึกที่ทำให้เธอคาใจ มีนรดาไม่เคยปล่อยให้อะไรคาใจ สงสัยอะไรต้องค้นหาคำตอบให้พบ ต่อให้ยากแค่ไหนเธอก็ต้องหาคำตอบให้ตัวเองกระจ่างแจ้งจนได้
?ทุกคืนแม่เห็นไฟเปิด นอนดึกเพราะอ่านบันทึกของคุณธัชอะไรนี่หรือ นึกว่ามีนเอางานจากโรงพยาบาลกลับมาทำซะอีก?
?เหมือนติดนิยายเลยค่ะแม่? กลับมาจากโรงพยาบาล หลังจากอาบน้ำรับประทานอาหารแล้ว มีนรดาก็ต้องหยิบสมุดบันทึกที่ได้จากห้องสมุดในบ้านเก่าบ้านแก่หลังนี้ขึ้นมาอ่านจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
เมื่อสามเดือนก่อนมีนรดาซื้อบ้านหลังนี้ในราคาถูกมากจากคุณโกศัลย์ หากเทียบราคากับขนาดบ้านสองชั้น สร้างด้วยปูนโครงสร้างแน่นหนา เก่าแก่แต่ยังมีความร่วมสมัย รวมพื้นที่บ้านทั้งหมดก็ถือว่าเหมือนได้เปล่า เหตุผลที่เจ้าของบ้านขายเพราะต้องการเดินทางไปทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศ เมื่อก่อนไปๆ มาๆ เพราะต้องกลับมาดูแลญาติผู้ใหญ่ แต่เมื่อญาติผู้ใหญ่สิ้นจึงตัดสินใจขายบ้านเก่าแก่หลังนี้เพราะดูแลไม่ไหว เพื่อจะได้ทุ่มเทให้กับงานทางโน้นอย่างเต็มที่
ทุกห้องถูกสำรวจจนทั่วก่อนตัดสินใจซื้อ แรกๆ ที่ย้ายเข้ามาอยู่มีนรดาแทบไม่มีเวลาให้ความสนใจกับรายละเอียดต่างๆ จนเมื่อปรับปรุงซ่อมแซมบ้านนี้เสร็จสิ้น เมื่อวานซืนเธอกลับสนใจอยากเข้ามาในห้องสมุด คล้ายมีแรงดึงดูดนำพาเธอเข้ามา แม้เดินผ่านไปแล้วก็ต้องเดินย้อนกลับมาพาตัวเองเข้ามายืนสำรวจหนังสือในห้องแห่งนี้
ชั้นวางทุกชั้นเต็มไปด้วยหนังสือทางด้านการเมืองการปกครอง ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ หลากหลายล้วนเป็นหนังสือเนื้อหาหนักไปทางวิชาการ มีนรดาไม่ได้สนใจเล่มไหนเป็นพิเศษ กระทั่งก่อนก้าวออกจากห้อง ได้ยินเสียงคล้ายมีของตกพื้นดังกระทบหู เธอจึงย้อนกลับไปดูที่มาของเสียง
หญิงสาวพบหนังสือหรือสมุดก็ไม่รู้ตกอยู่บนพื้นเล่มหนึ่ง หยิบขึ้นมาเปิดดูจึงพบว่าเป็นสมุดบันทึก จากนั้นจึงลองเปิดอ่านเล่นๆ กระทั่งถือกลับไปที่ห้อง พออ่านไปเรื่อยๆ สมุดเล่มนั้นพลันเรียกร้องให้เธอวางมันไม่ลง ถ้าง่วงอ่านค้างไว้ก็ต้องคั่นแล้วมาอ่านต่อ กระทั่งคืนนี้อ่านถึงหน้าสุดท้าย และต่อจากนั้นคือหน้าว่างเปล่า ทว่า...เชื่อว่าเนื้อหายังไม่จบ เพราะกล่าวถึงผู้หญิงชื่อลำดวน เป็นน้องต่างมารดาเจ้าของบันทึกที่เพิ่งเข้ามาในบ้าน จู่ๆ เรื่องราวกลับถูกเขียนไว้แค่นั้น ยังความสงสัยใคร่รู้มาสู่มีนรดา
?ไม่มีนี่ลูก แม่หาจนทั่ว มีแต่หนังสือการเมืองการปกครอง และที่ดิน กฎหมายการค้าที่ดิน การค้าขาย เยอะแยะไปหมด คนเขียนคงเขียนจบแค่นั้นไม่ได้เขียนต่อล่ะมั้ง อย่าหาเลยลูกไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าออกหน่วยแพทย์อาสานะ? มารดายกมือลูบแผ่นหลังบุตรสาว เตือนเรื่องออกค่ายชนบท
เวลาที่มีนรดาสนใจเรื่องอะไรสักอย่าง หากไม่ได้คำตอบที่พึงพอใจมักไม่ปล่อยให้ผ่านไปโดยง่าย แล้วสมุดบันทึกเล่มนั้นเขียนจบไว้ห้วนๆ ชวนค้นหา เชิญชวนให้อยากรู้เหตุการณ์ในหน้าต่อไป ทว่ามันกลับว่างเปล่า นี่สิคือปัญหา ทำให้หมอสาวต้องมายืนหันรีหันขวางอยู่ในห้องสมุด ซ้ำยังดึงมารดาเข้ามาช่วย ขนาดนั้นแล้วกลับไม่พบสิ่งที่ต้องการอยู่ดี
มัทนีส่งบุตรสาวเข้าห้องนอน กำชับให้นอนให้หลับ พรุ่งนี้มีหน้าที่สำคัญต้องทำเพื่อชาติ มีหรือคนสงสัยจะจบความคิดอยากค้นหาคำตอบในสิ่งที่สงสัยลงได้ แม้ก้าวขึ้นเตียงแล้วแต่กลับไม่ทำให้หลับ เธอยังเดินวนอยู่ในห้องก่อนนั่งลงบนโต๊ะทำงานมุมห้อง ผุดลุกผุดนั่ง สมองครุ่นคิดถึงแต่หน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก
จะทำยังไงดีถึงจะรู้เรื่องราวต่อไปของคุณธัช คุณเขียนเท่านี้จริงๆ หรือ หรือว่าคุณป่วย หรือว่าคุณไปไหนกันแน่ เดินทางไปต่างประเทศ หรือว่า...คุณ...ตาย ไม่อยากคิดว่าเขาเสียชีวิต เรื่องราวน้องสาวชื่อลำดวนจบเท่านี้อย่างนั้นหรือ
?เอาไงดีน้า...ฉันอยากรู้เรื่องราวต่อจากนี้ จะมีต่อไหม? หญิงสาวกางบันทึกหน้าสุดท้ายอีกที อ่านทบทวนอีกรอบ ในบันทึกแต่ละหน้าที่ผ่านตาล้วนปรากฏชื่อคนนั้นคนนี้ในบ้าน ?อัศวบำรุง? กระตุ้นความอยากให้กระพือขึ้น อยากทำความรู้จักคนที่มีรายชื่อที่ปรากฏเกี่ยวพันกับคุณธัช ต่อให้คิดมากแค่ไหนย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อคนเหล่านั้นป่านนี้ล้วนไม่มีชีวิตแล้ว...ข้อความสุดท้ายในบันทึกเขียนไว้ว่า?
?น้องสาวต่างมารดาที่เพิ่งปรากฏตัว ไม่นานก็หายตัวไปพร้อมกับคำครหาในทางเสื่อมเสียจากปากคนในบ้านเอง รวมทั้งคนบ้านใกล้เรือนเคียง ที่สำคัญข่าวคงออกไปจากบ้านอัศวบำรุง?
หญิงสาวพูดกับตนเอง เมื่ออ่านมาถึงประโยคนี้ ไล่เลียงอ่านไปจนจบการบันทึก พยายามคิดตาม น้องสาวคุณธัชหายไปไหน คนในบ้านช่วยกันออกตามหาก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบตัว
มีนรดาคิดตามบันทึกเรื่องราวในชีวิตคุณธัชที่บอกกล่าวถึงคนในบ้าน มารดาชื่อทองตรา น้องสาวชื่อกมลเนตร บิดาชื่อไกรวิชญ์ นมอาบ รวมไปถึงน้องสาวต่างมารดา ผู้เป็นชนวนทำให้มารดาของเขาโกรธแค้นเสียอกเสียใจ ถึงขนาดทะเลาะกับบิดาขั้นรุนแรงจนหนีออกจากบ้านไปพักอยู่บ้านตากับยาย หรือว่าการหายตัวไปของลำดวนเกี่ยวข้องกับทองตรามารดาของคุณธัช
ในเสี้ยวหนึ่งที่กำลังใช้ความคิดไขปริศนาความสงสัยของตัวเอง ฉับพลันลมเย็นพัดผ่านทางหน้าต่างปะทะดวงหน้าหญิงสาว ผ้าม่านปลิวไหวตามแรงลม พอได้ลมเย็นจึงรู้สึกง่วง อาการง่วงกับการย้อนคิดตามบันทึกของคุณธัชกำลังตีรวนกันอยู่ในหัว มีนรดาอ้าปากหาวหวอดๆ ฟุบหลับบนโต๊ะ ใบหน้าแนบอยู่กับสมุดบันทึกเล่มสีดำ พรุ่งนี้เธอต้องออกค่ายแพทย์อาสา ข้าวของถูกตระเตรียมไว้พร้อมเมื่อสองวันก่อน จึงไม่ต้องสาละวนกับการเก็บของใดๆ
แสงสีขาวขุ่นเรืองรองส่องประกายออกจากสมุดบันทึกเล่มนั้น กระชากร่างมีนรดาหายวับจมดิ่งเข้าไปในสมุดปกดำ แสงสีขาวนั้นโอบล้อมรอบตัวหญิงสาว ควันฟุ้งกระจายพวยพุ่ง มองไม่เห็นอะไรเลยแม้นิดเดียว ทันใดนั้นเธอก็กรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อร่างถูกเหวี่ยงหมุนเกลียวราวกับเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวในสวนสนุก
อุโมงค์ที่โอบล้อมรอบตัวเธอไว้ต่างระบายไปด้วยสีดำทะมึน หากแต่กลับมีควันลอยพวยพุ่งรอบตัว ร่างถูกเหวี่ยงหมุนคว้างยิ่งกว่าลูกฟุตบอลที่ถูกเตะ มีนรดากรีดร้องอยู่ในอุโมงค์มืดมิด...ประเดี๋ยวมีแสงวาววับ ประเดี๋ยวพลันมืดมิด ประเดี๋ยวควันสีขาวและแสงสว่างเรืองรองวาบขึ้น นี่มันอะไร เธอกำลังฝันหรือกำลังอยู่ในผับในบาร์กันแน่ หญิงสาวไขว่คว้าอยู่กลางอากาศ แต่ไม่มีสิ่งใดที่จะยึดจับเหนี่ยวรั้งไว้ได้
คล้ายตัวเองกำลังถูกดูดเข้าไปในหลุมดำกลางกาแลกซี่ ร่างลอยไปไม่รู้ทิศรู้ทาง บรรยากาศเหมือนฝันเหมือนจริงในเวลาเดียวกัน เบื้องหน้าเป็นรัศมีวงกลมปรากฏแสงเรืองรองระยิบระยับ ตามมาด้วยเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ เพลงที่เธอไม่เคยได้ยิน หากจะว่าเป็นบิดาเปิดเครื่องเสียง แต่นี่ก็ดึกแล้ว ท่านไม่เคยเปิดเพลงฟังในยามดึก นอกจากช่วงหัวค่ำหลังเลิกงานเท่านั้น
หมอมีนรดามองแสงเรืองรองตรงปากทาง ยิ่งใกล้เท่าไหร่แรงดึงดูดนั้นก็แรงมากขึ้นทุกที ไม่อาจฝืนตัวต่อแรงดูดมหาศาลนั้นไว้ได้ คราวนี้หูพลันได้ยินเสียงเพลงดังสอดแทรกเข้ามา ดังชัดเจนขึ้นทุกขณะที่ร่างถูกเหวี่ยงอยู่ในอุโมงค์
เบื้องหน้ามีงานอะไร มหรสพอะไรกันแน่ เสียงเพลงเยือกเย็นจังหวะคลอเคล้าเบาๆ นุ่มละมุนคล้ายเพลงสุนทราภรณ์ หรือว่าที่จริงคือธรณีกันแสง เธอตายแล้วหรือ ถึงได้ยินวงมโหรีบรรเลง ตายด้วยอะไร ด้วยการอ่านบันทึกอย่างนั้นหรือ ฉับพลันร่างบอบบางในชุดเตรียมเข้านอนสีแดงลายจุดมิกกี้เม้าส์ซึ่งคือชุดโปรดของเธอก็ถูกเหวี่ยงสุดแรงกระเด็นออกจากปากรัศมีวงกลมสีดำ
ตุบ!!
?โอ๊ย!!! เจ็บ? ร่างในชุดนอนมิกกี้เม้าส์หลุดหล่นตุบลงมาไม่เบาแต่อย่างใด ตกกระแทกพื้นที่มีบางสิ่งรองรับ
ผู้คนที่กำลังเต้นรำวาดลวดลายกันอย่างสนุกสนานมีอันต้องแตกกระเจิง เมื่อจู่ๆ ก็มีคนหล่นลงมาจากเพดาน คนทั้งคนหล่นมาได้อย่างไร ซ้ำยังเป็นมนุษย์ประเภทแต่งตัวประหลาด ชุดสีแดงลายจุดทั้งชุด แปลกแยกจากทุกคนที่รายล้อมอยู่ในงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของคุณผู้หญิงของบ้านอัศวบำรุง ทุกสายตาหันไปมองร่างที่หล่นลงมาจากเพดานเป็นตาเดียว คนที่อยู่ในชุดแปลกประหลาดสีแดงอยู่ตรงกลางฟลอร์นั้นทับอยู่บนร่างผู้ชายที่ทุกคนใฝ่ปอง
?โอ๊ยยยย เจ็บชะมัด!!!? หญิงสาวผู้หล่นลงมาจากฟากฟ้าร้องโอดครวญ รวบรวมสติที่มีอยู่น้อยนิดจากความตกใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองกันแน่ เสียงรอบกายที่ดับไปตอนอยู่ในอุโมงค์แสนมืดมิดปรากฏอื้ออึงให้ได้ยินล้วนเป็นเสียงคนแน่ๆ
หมอมีนรดาลืมตาขึ้น สิ่งต่างๆ ที่พบตรงหน้าคือใบหน้าและแววตาของผู้ชายที่จ้องเขม็งมองเธออยู่ก่อนแล้ว ฝ่ามือบอบบางวางอยู่ตรงแผงอกผู้ชายในชุดสูททักสิโด้สีดำผูกหูกระต่ายน่าดึง ดวงตาคมวาววับกลอกกลิ้งมองสบประสานตากับหญิงสาวในระยะกระชั้นชิด ใบหน้าเขากับเธอห่างกันเพียงลมหายใจเป่ารด รับรู้ถึงความอุ่นของลมหายใจของกันและกัน
โลกทั้งใบสงบนิ่งไปชั่วขณะ มีนรดาเชื่อว่าหูตัวเอง ?ดับ? ไม่ได้ยินสรรพเสียงอื้ออึงรอบกาย เสียงเหล่านั้นดับสนิท แม้ความเป็นจริงทุกคนยังพูดคุยกันไม่ได้หยุด บัดนี้มีเพียงสายตาคนสองคนจ้องมองกันราวกับปลากัดกำลังจะวางไข่ ผู้ชายคนนี้มีใบหน้า ปากคอ คิ้วคางรับกันไปทุกส่วน คิ้วดกดำพาดผ่านเหนือดวงตาคมกริบ จมูกโด่ง คิ้วดกหนา รูปหน้าคมสันสะอาดเกลี้ยงเกลา รูปหล่อราวกับเทพบุตรในเทพนิยาย เจ้าชายในนิทานของฝรั่ง
?อืม? คนถูกทับขยับร่าง คนโดนทับสมควรเป็นอย่างยิ่งที่ต้องโกรธจัด ทว่าความรู้สึกกลับสวนทาง เขาไม่คิดแม้แต่จะสลัดร่างนุ่มนิ่มลงจากตัว สตรีผู้นี้แต่งตัวแปลกไปจากผู้คนโดยทั่วไป ไม่รู้หลุดมาจากที่ไหน ทั้งคู่ต่างจ้องมองกันด้วยอาการสงบนิ่ง โลกหยุดหมุนเวลาหยุดเดิน
ภาพที่เขากำลังคิดคือตนกำลังยื่นปากไปใกล้สตรีคนที่หล่นลงมาทับร่าง ในจังหวะที่เขากำลังเต้นรำกับรุ้งรัมภานั้น บังเอิญเงยหน้าขึ้นมองเพดานเพราะรู้สึกคล้ายมีบางสิ่งอยู่เหนือศีรษะ ในทันใดนั้นบางสิ่งก็ปรากฏในสายตา รัศมีวงกลมคล้ายหลุมดำหมุนเป็นเกลียวกลางเพดาน เขาจึงสลัดตัวออกจากรุ้งรัมภา ประจวบเหมาะกับวัตถุที่เขาเห็นลอยคว้างอยู่กลางหลุมดำตกลงมาทับร่างพอดิบพอดี
สองมือชายหนุ่มผู้อยู่ด้านล่างโอบกอดร่างบอบบางที่เกยทับบนตัวไว้ด้วยความเผลอหรือตั้งใจก็ไม่ทราบได้ ไม่เพียงแต่โอบรัดความนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมฟุ้งกระจายที่ชิดจมูกโด่งคมสันยังทำให้เผลอลืมตัวใช้ฝ่ามือลูบไล้เนื้อผ้าลื่นละมุนไปตามสะโพกกลมกลึงแล้วลูบไล้ขึ้นลง
รุ้งรัมภาเห็นการกระทำนั้นเต็มสองตา อดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้าไปหาคนทั้งสองที่ทับกันอยู่ ผลักผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นกระเด็นลงจากตัวกิตติธัช
?ดร.ของรุ้งเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม ไหนคะไหน รุ้งดูให้? หล่อนดึงเขาขึ้นจากพื้น สำรวจร่างกายชายหนุ่ม ถูกทับเสียปานนั้นคงต้องเจ็บน่าดู
กิตติธัชไม่ตอบคำถามรุ้งรัมภา ลุกขึ้นยืนสลัดมือที่เกาะกุม หันไปให้ความสนใจกับคนที่ตกลงมาจากกลางอากาศ เจ้าหล่อนมาพร้อมกับการแต่งตัวแปลกประหลาด ชุดสีแดงลายจุดเล็กๆ เต็มเสื้อและกางเกงขาสามส่วนคลุมเข่า มองแล้วชวนตาลาย เสื้อผ้าในยุคสมัยใดถึงได้พิกลเช่นนี้ พอมองหญิงสาวเซ่อซ่าเบื้องหน้า ชายหนุ่มกลับซ่อนรอยยิ้ม
ข้อสงสัยก่อตัวเต็มหัวไปหมด คนทั้งคนหล่นลงมาได้อย่างไร ว่าแต่หล่อนเป็นคนหรือเป็นผี ถ้าเป็นคนแล้วเป็นใครมาจากไหน ถ้าเป็นผีคงไม่จำเป็นต้องไต่ถามให้เสียเวลา
ถ้าผีย่อมต้องตัวเย็น แต่นี่รับรู้ได้ถึงความมีเลือดเนื้อ นุ่มนิ่ม หอมแปลกกระตุ้นจิตใจ เป็นความหอมที่ไม่ใช่หอมอย่างสาวสมัยนี้ หรือไม่ได้หอมอย่างคนที่ประพรมน้ำปรุงไทย หากแต่หอมอย่างคนพรมน้ำปรุงฝรั่ง กลิ่นไม่ได้นุ่มนวลเช่นน้ำอบไทย แต่หอมฟุ้งกำจายชวนจดจำลุ่มหลงน่าค้นหา
?ตกลงหล่อนเป็นใครมาจากไหน กล้าดีอย่างไรถึงได้ทำให้ดร.ของฉันเจ็บ ไร้มารยาทสิ้นดี ตัวทำผิดยังไม่คิดกล่าวคำขอโทษ คงจะไม่ได้รับการศึกษา บุพการีไม่เคยสั่งสอนหรืออย่างไร? รุ้งรัมภาขยับขึ้นไปยืนเคียงดร.หนุ่ม สอดมือควงแขนเขา ขยับปากต่อว่ามีนรดาโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้อ้าปากตอบโต้สักประโยค
?ต๊ายยย!!! นี่เธอ ฉันไม่ใช่หรือที่ต้องเป็นฝ่ายถามคำถามนี้? มีนรดาตั้งสติจากเรื่องราวได้ สวนกลับหญิงปากแดงเมื่อกี้ทันใด คนพวกนี้หน้าสลอนมาทำอะไรที่บ้านของเธอ
?หล่อนมีอะไรที่ต้องถามฉันยะ? รุ้งรัมภาเท้าเอวปั้นหน้าบึ้งตึงต่อว่าคนตรงหน้า ยังกล้าส่งคำถามเช่นนี้ถามคนอื่นอีกเช่นนั้นหรือ ช่างไม่รู้ฐานะตัวเอง อ้อ...เป็นคนฟั่นเฟือนนี่นะ จะรู้ฐานะตัวเองได้อย่างไร
?นี่มันบ้านของฉัน ฉันอยู่ในบ้านดีๆ จู่ๆ พวกเธอทั้งหลายเข้ามาอยู่ในบ้านฉันได้ยังไง อ้อ...? หมอมีนเดินรอบร่างรุ้งรัมภาที่อยู่ในชุดกระโปรงสุ่มพองยิ่งกว่าสุ่มไก่ ?ดูซิ...ดู...แต่งตัวเชยยิ่งกว่าหลุดออกมาจากสมัยเมื่อร้อยปีที่แล้ว?
ในเมื่อที่นี่เป็นบ้านของเธอ บ้านใหม่ที่อุตส่าห์ควักเงินเก็บส่วนหนึ่ง เป็นหนี้ธนาคารอีกส่วนหนึ่ง ตัดใจซื้อบ้านหลังนี้ ย้ายเข้ามาอยู่แค่สามเดือน ใครบ้างจะจำบ้านตัวเองไม่ได้ มีด้วยหรือคนจำบ้านตัวเองผิด รอบข้างมีนรดาล้วนมีแต่ผู้คนที่แต่งตัวไม่ต่างกับหลุดออกมาจากโรงละครหรือโรงลิเก คนพวกนี้มาทำอะไรในบ้านของเธอ เธอสามารถแจ้งความข้อหาบุกรุกได้สบาย ลองอีแบบนี้คงต้องถึงสถานีตำรวจ เอารถฟรีของหลวงมาอัญเชิญคนพวกนี้ไปนอนในห้องขังเล่นๆ สักคืน ข้อหาบุกรุกในยามวิกาลโดยไม่ได้รับอนุญาต
?โอ๊ยยย นี่หล่อน โปรดดูเสียหน่อยเถอะ ใครกันแน่แต่งตัวพอๆ กับคนวิปลาส? รุ้งรัมภาโต้กลับ กล้าหาว่าชุดสวยของหล่อนเชยได้อย่างไร แล้วคำว่าเชยแปลว่ากระไร...หล่อนคิด แต่ช่างเถอะ กลัวคนกล่าวหาว่าหล่อนสมองแล่นไม่ทัน แม่คนนี้โต้คำใดมาต้องสวนกลับไปให้เท่าทันอย่าได้เกรงกลัว มีอย่างที่ไหนหล่นมาทับดร.ของหล่อนเสียเจ็บ
?ถึงกับเอาวงดนตรีมาด้วย แม่เจ้าโว้ย กะมาเปิดคอนเสิร์ตในบ้านคนอื่นเลยหรือไง? หมอมีนเดินขึ้นไปบนเวทีเล็กๆ ที่มีเครื่องเล่นดนตรี ส่วนใหญ่เครื่องเป่ามีมากกว่า เครื่องดีดเครื่องสี เปียโนนั้นก็ด้วย ลักษณะเก่าคร่ำคร่าไม่เข้ากับยุคสมัยของเธอ คนพวกนี้กำลังถ่ายหนังหรือละครพีเรียดย้อนยุค ย้อนสมัย อย่างที่ช่องโทรทัศน์กำลังนิยมกันหรืออย่างไร
ถ้าถ่ายละครจริงทำไมไม่รู้จักขออนุญาตเจ้าของบ้านซะก่อน ว่าแต่ผู้กำกับคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบหายหัวไปไหน มีแต่นักแสดงแหกปากพล่ามกล่าวหาเจ้าของบ้านอย่างเธอปาวๆ ช่างไม่รู้จักสำนึกซะบ้าง ใครก็ได้แสดงตัวออกมาสักคน เธอไม่ได้เป็นหมอผดุงความยุติธรรมเหมือนพวกพาวเวอร์เรนเจอร์ หรือฮีโร่ในหนังซะเมื่อไหร่ พูดแล้วของขึ้น หญิงสาวเท้าสะเอว เดินสำรวจผู้คนมากหน้าหลายตาที่ไม่คุ้นเคยเพื่อประมวลเหตุการณ์
ต่อให้เป็นนักแสดง เธอก็ต้องคุ้นบ้างสิ คนพวกนี้ถูกเกณฑ์มาเป็นตัวประกอบหรืออย่างไร พอเดินไปดูแต่ละคนแล้วก็วกกลับมายืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่สง่าผ่าเผยในชุดสูทสีดำผูกหูกระต่ายอีกครั้ง
ชุดสูททำให้ผู้ชายดูหล่อภูมิฐานนั้นคือเรื่องจริง แต่สูทบนตัวผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนนี้เชยไปไหม สูททรงหลวม รูปแบบการตัดเย็บสมัยเก่ามากถึงมากทีเดียว ยังมีคนสวมใส่อยู่อย่างนั้นหรือ นี่ถ้าไม่หล่อจริงไม่ให้อภัยกับการแต่งตัวหลุดโลกอย่างนี้หรอกนะ หมอสาวยื่นมือไปจับหูกระต่ายบนปกเสื้อชายหนุ่ม จับๆ ดึงๆ จัดๆ ราวกับเห็นเขาเป็นตุ๊กตา
กิตติธัชปล่อยเจ้าหล่อนกระทำตามสบายใจ ซ้ำยังแอบยิ้มมุมปากในการกระทำของเธออีกด้วย แทนที่จะโกรธเคืองกลับไม่เอะอะโวยวายหรือปัดป้องในการกระทำของหญิงสาว
?นี่ทำอะไรคนรักของฉัน มันมากเกินไปแล้วนะยะ? รุ้งรัมภากล้าใช้คำว่าคนรักของหล่อนต่อหน้าทุกคน ทั้งๆ ที่ฝ่ายชายไม่เคยเอ่ยคำนี้
?เอ่อ...ฉันไม่ใช่คนรักของหล่อน? เขาบอกปัดเสียงเบากับหญิงสาวตรงหน้า ว่าแต่ทำไมเขาต้องเดือดร้อนรีบแก้ตัวทั้งที่ไม่รู้จักผู้หญิงแต่งกายประหลาดหลุดโลกคนนี้แม้แต่น้อยด้วย ท่าทางเยื้องย่างและคำพูดคำจาของเธอกลับสะกดสายตาเขาให้จดจ้องมองไม่วางตา ไม่ใส่ใจผู้คนรอบข้าง ไม่สนใจว่ารุ้งรัมภาจะพูดอะไร หรือแม้แต่ทำอะไร หากแต่คำว่า ?คนรัก? ทำให้เขาสะดุ้งได้สติรีบแก้ตัว
?นี่ดร. ทำไมพูดเช่นนั้นคะ? รุ้งรัมภาได้ยินจึงแว้ดเสียง มองผู้คนรอบกาย คนพวกนี้ต่างจ้องมองหล่อนกับกิตติธัชราวกับเป็นนักแสดงละครดัง
ชายหนุ่มไม่ตอบคำต่อว่าจากรุ้งรัมภา สายตาคมไม่ได้มีไว้มองหล่อนเลย ณ เวลานี้
?คุณใช่ไหมผู้กำกับ? มีนรดาไต่ถาม
?กระไรนะ? กิตติธัชงงงวย ผู้กำกับกระไรของเจ้าหล่อน
?คุณสิท่า ผู้กำกับละครเรื่องนี้? นิ้วเรียวจิ้มลงบนอกแกร่งชายหนุ่ม แค่เพียงน้อยนิด แต่หมอมีนกลับรู้สึกว่ามีไอความร้อนพวยพุ่ง กระทั่งต้องรีบชักนิ้วกลับมากุมแน่นข้างตัว
ผู้หญิงคนนี้คิดว่าเขาเป็นผู้กำกับโรงละครหรืออย่างไรจึงได้ถามเช่นนั้น หล่อนท่าจะวิปลาสของจริงเสียล่ะงานนี้
?ถ้าใช่ก็ตอบมา?
?หล่อนเข้าใจอะไรผิดหรือไร ที่นี่บ้านของฉัน คืนนี้ที่นี่มีงานเลี้ยงต้อนรับคุณแม่ของฉันกลับบ้าน?
?ตาธัช มันเกิดอะไรขึ้น? ทองตรายืนดูอยู่นานแล้ว เห็นว่าเรื่องจะไม่จบลงง่ายๆ จึงเดินเข้ามายืนข้างบุตรชาย พร้อมกับสามีซึ่งเปิดฟลอร์เต้นรำกันไปเมื่อครู่
?ว่าไงนะ...ตาธัชอย่างนั้นหรือ? หมอสาวทวนคำพูดหญิงสูงวัยกว่าตนที่เพิ่งเดินเข้ามา นางแต่งกายไม่ต่างไปจากคนอื่น หากแต่ดูเหมือนสูงวัยกว่า ด้วยทรงผมดัดคลื่นมันปลาบติดศีรษะบ่งบอกยุคสมัย ทุกคนแต่งกายเช่นเดียวกัน มีเพียงเธอที่กลายเป็นตัวประหลาด อย่างที่คนอื่นกล่าวหาเธอจริงๆ แต่...เชื่อสินี่คือฉากละครพีเรียดไม่ต้องสงสัย ใครจะพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ เมืองไทยหมดยุคแต่งตัวเลียนแบบคนอังกฤษยุคเก่าไปนานแล้ว อีกครั้งอากาศร้อนไม่เอื้อให้แต่งกระโปรงสอบ เสื้อผ้าหนาๆ ปิดมิดชิดติดคอเรียบร้อยอย่างนี้
ชื่อธัชคุ้นๆ เหมือนเคยรู้จัก ตาธัช...ตาธัช เคยได้ยินที่ไหน หญิงสาวพยายามนึกชื่อนี้ ?บันทึก? ใช่...เธอเคยเห็นชื่อนี้ในบันทึกปกดำ
?หล่อนมาจากไหน? ทองตราเอ่ยถามพร้อมกับเชิดหน้า เสียงแข็งในแบบที่นางถนัดเพื่อข่มผู้อื่น
?อุ๊ยต๊ายยย มีตัวแม่ คนนี้คงเล่นเป็นแม่แน่ๆ เลย ใช่ไหม? ทรงผมใช่ หนังหน้าใช่ การแต่งกาย อืม...ยังใช่อีก ดูหรู แต่ก็ยังเชยอยู่ดี
?หล่อนเป็นฝ่ายเข้ามาในบ้านคนอื่น พึงสำเหนียกไว้บ้างนะยะ? ทองตราต่อว่ามีนรดาที่กล้าทำหน้าขึงขังราวกับตัวเองเป็นฝ่ายถูก
หมอทำคลอดเริ่มสับสน ตกลงเธอไม่ได้ยืนอยู่ในบ้านของตัวเองอย่างนั้นหรือ สมองคงฟั่นเฟือนตอนตกลงมากระแทกพื้น ไม่ไหว...ทนไม่ไหวกับคนดื้อด้านพวกนี้ เห็นทีต้องขึ้นไปนอนเอาแรง ออกค่ายแพทย์อาสาพรุ่งนี้ดีกว่า
?ขอเตือนไว้ก่อนนะ ถ้าฉันขึ้นไปนอน ตื่นขึ้นมาหวังว่าจะไม่เห็นพวกคุณทุกคนอยู่ในบ้านของฉันแม้แต่คนเดียว เข้าใจตรงกันนะ? เสียอารมณ์ เสียเวลานอน พรุ่งนี้ต้องตื่นไปค่ายแพทย์อาสาแต่เช้า มัวเสียเวลาพักผ่อนกับคนพวกนี้อยู่ได้ หญิงสาวบอกตัวเอง พร้อมกับแหวกฝูงชนที่ต่างแต่งกายเชยบรมไปโดยไม่คิดตอบคำถามนักแสดงอาวุโสคนนั้น
?ประเดี๋ยวเถิดหนู? เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นเบื้องหลัง ฉุดปลายเท้ามีนรดาที่กำลังจะยกก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกให้หยุดแล้วหันมองเจ้าของเสียง ?นั่นไง ผู้กำกับโผล่ออกมารับผิดชอบกับเสียงเอะอะโวยวายของคนพวกนี้แล้ว? เธอหันมองบุคคลด้านหลัง พบว่าดูอาวุโสน่าเกรงขาม เสียงก้องกังวานหยุดทุกการเคลื่อนไหวได้ จังหวะนั้นอีตา...เอ่อ...รูปหล่อแต่งสูทแสนเชยเดินมาหยุดข้างผู้กำกับ มีนรดากำลังประมวลทุกอย่าง อีกคนเป็นผู้กำกับ อีกคนเป็นพระเอก ส่วนผู้หญิงคนสาวกว่าคงเป็นนางร้าย หน้าแบบนั้นพูดจาแบบนี้ อย่างไรก็ไม่มีวันได้เป็นนางเอกนอกจากนางร้ายแน่นอน
ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มสง่าผ่าเผยสองคนที่ก้าวเข้ามาประจันหน้ากับเธอ ผู้หญิงที่ดูเป็นสาวคนหนึ่งก็ได้ก้าวเข้ามายืนด้วยอีกคน
?แม่เนตร ปล่อยเป็นหน้าที่ของพ่อเถอะ? ไกรวิชญ์ อัศวบำรุงหันไปบอกบุตรสาว ?พาคุณชายไปนั่งตรงโน้นเสีย? เขาเกรงคุณชายยศจะระคายหูกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
?แม่เนตร?? ชื่อนี้คุ้นอีกแล้ว มีนรดามองหน้าเจ้าของชื่อเนตร
?มานั่งคุยกันตรงนี้หน่อยสิแม่หนู? ไกรวิชญ์เจรจากับหญิงสาวผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ด้วยคำพูดละมุนละม่อม เห็นแต่คนอื่นใช้คำพูดรุนแรงต่อกัน ลักษณะหญิงสาวดูเป็นคนมีการศึกษา แม้แต่งกายต่างไปจากผู้คนอื่นก็ตาม
?พูดจาดีๆ อย่างนี้ค่อยยังชั่ว?
หมอมีนก้าวตามผู้อาวุโส เธอถูกประกอบด้านหลังด้วยคนที่ถูกเรียกว่าตาธัช ชื่อนี้คุ้นจริงๆ หญิงสาวปรายตาไปมองคนที่เดินตามหลัง ส่วนคนด้านหลังก็มองการก้าวย่างของเธอพลางผลิรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับมีความสุขนักหนาที่ได้มองสะโพกกลมกลึงขยับอยู่เบื้องหน้า รุ้งรัมภาเดินตามมาคล้องแขนชายหนุ่ม หล่อนประกาศให้โลกทั้งโลกรู้ว่าผู้ชายคนนี้ของหล่อน ห้ามใครก็ตามส่งสายตายั่วยวนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะบอกให้บิดาสั่งขังคุกทหารเสีย
ดร.กิตติธัช อัศวบำรุง หนุ่มหล่อโปรยยิ้มให้กับสตรีทุกนางที่ส่งยิ้มหวานมาทางเขา หมอมีนแอบมองนิดเดียว กลับทำให้หัวใจสาวเกิดเต้นระรัว รู้สึกอยากเห็นรอยยิ้มแก้มบุ๋มนั้นซะเฉย ไม่นะ...หัวใจของเธอทำไมโหยหาเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาดูมีเสน่ห์มากจนน่าจับตามอง ถ้าจะบอกว่าเขาป๊อปปูล่าร์ก็คงจะไม่ผิด มีนรดาใจสั่นกับคนที่เพิ่งพบเจอกัน เขาเองก็รู้สึกคุ้นเคยกับเธออย่างแปลกประหลาด กิตติธัชเก็บงำความรู้สึกที่ก่อเกิดไว้เงียบๆ มันคงเป็นความรู้สึกที่เห็นคนสวยในฐานะผู้ชายเท่านั้นเอง ชายหนุ่มบอกตัวเองอย่างสับสนในความรู้สึก




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ห้องสมุดในบ้านเก่าแก่ที่เพิ่งซื้อมาหลังนี้ราวมีมนตร์ขลังอย่างประหลาด มันดึงดูดให้แพทย์หญิงมีนรดา ปานชีวาเข้ามาพบกับสมุดปกดำเล่มหนึ่ง ซึ่งบันทึกที่ทิ้งปริศนาไว้ได้พาเธอย้อนอดีตไปตกตุ้บอยู่กลางงานเลี้ยงเต้นรำในปีพ.ศ.๒๕๐๐ โดยมีร่างของดร.กิตติธัช อัศวบำรุง ทายาทห้างสยามบำรุงเจ้าของบันทึกเล่มนั้นรองรับไว้ เมื่อจู่ๆ เธอมาโผล่กลางงานแบบไม่มีที่มาแถมยังมีทีท่าผิดแผกไปจากคนที่นี่ เขาจึงเก็บร่างแน่งน้อยไว้สอบสวนหาความแบบแนบชิดสนิทเนื้อ ขณะที่สาวหลงยุคได้โอกาสค้นหาเรื่องราวตอนต่อไปที่ขาดหายจากบันทึกนั้น จนไปพบกับความลับดำมืดบางอย่างที่ใครบางคนเก็บซ่อนไว้ และแม้นจะอยู่คนละห้วงเวลา หากทว่าบุพเพก็ชักพาให้ได้สันนิวาสกัน

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”