New Release : โรเซนครอยส์(เล่ม10) ภาค พายุแห่งนาเซลดาราน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : โรเซนครอยส์(เล่ม10) ภาค พายุแห่งนาเซลดาราน

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1

สายลมพัดรุนแรง
?พายุอาจมาเยือนก็ได้พระเจ้าค่ะ?
เมื่อโดนเอ่ยทักจากด้านหลัง ฟาลซาดจึงตอบ ?เจ้าจำอวดรึ? อย่างเย็นชาโดยไม่หันมอง บุรุษผู้สวมชุดอัศวินแห่งทวีปตะวันตกยกมือแนบอกทำความเคารพอย่างนอบน้อมโดยไม่แยแสท่าทีของสุลต่าน
ชายหนุ่มมีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เรือนผมสีเดียวกับดวงตา ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยน ความใส่ใจกับเครื่องแต่งกายทำให้ดูสูงส่งทั้งที่อยู่ในสนามรบเช่นนี้ มองผิวเผินแล้วอาจดูเหมือนขุนนางหนุ่มเจ้าสำราญตามสมัยนิยม ทว่าแผลฉกรรจ์สีแดงที่ทอดยาวจากขมับจรดแก้มกลับทรยศรูปลักษณ์งดงาม
ชื่อชั่วคราวของเขาในตอนนี้คือฮาโรลด์ เนวิล ทูตพิเศษอัลเบียนผู้ได้รับสมญาเซอร์อินทรีดำจากเจ้าชายวันเดอริส มกุฎราชกุมารแห่งอัลเบียน
ชื่อที่แท้จริงของเขาคืออาร์มอง จอร์ช ดูปลาก เดอ โอกุสต์ ผู้นำตระกูลเคานต์ริชมองต์แห่งอากิแตน ชายผู้นี้มีชื่อเสียงในฐานะนักการทูตลิ้นสี่แฉกในประเทศดังกล่าว
แต่บัดนี้ แทนที่จะมีชื่อในฐานะนักการทูต เขากลับเป็นที่รู้จักในฐานะกบฏผู้ถึงแก่ความตายหลังจากแผนชิงราชบัลลังก์อากิแตนล้มเหลว
ทว่าแม้ผู้คนเชื่อว่าตายไปแล้ว เขากลับยังมีชีวิตอยู่ และบัดนี้ก็อยู่เบื้องหน้าพระพักตร์สุลต่านแห่งนาเซลดาราน อาณาจักรใหญ่แห่งทวีปตะวันออก
?ลางบอกเหตุถึงพายุ.... ป่านนี้ชาวเวสต์คงกำลังหวาดกลัว กลัวสายลมรุนแรงที่พัดมาจากนาเซลดารานยิ่งกว่าสายลมที่แท้จริง?
พายุแห่งนาเซลดาราน นั่นคือชื่อที่ชาวตะวันตกเรียกขานกองทัพสุลต่านที่รุกรานทวีปตะวันตกและเข้าโอบล้อมกรุงเวสต์แห่งฟาเลนเมื่อร้อยปีก่อน
และฝันร้ายเมื่อร้อยปีก่อนกำลังจะหวนคืนมาอีกครั้ง
ฟาลซาดและอาร์มองยืนนิ่ง กระโจมมากมายตั้งอยู่ด้านหลังทั้งสอง ควันนับไม่ถ้วนลอยกรุ่นจากเตาที่กำลังเตรียมอาหารเย็น
จำนวนทหารมีหนึ่งแสนนาย ปัจจุบันไม่มีประเทศตะวันตกแห่งใดมีกำลังขับเคลื่อนทหารมากมายเช่นนี้
?ตำนานเมื่อร้อยปีก่อนเล่าขานกันว่าเพียงแค่ได้ยินเสียงเพลงจากคณะดนตรีของสุลต่านอยู่ลิบๆ ผู้คนก็พากันปิดประตูบ้านแน่นหนาตัวสั่นงันงก พวกทหารต่างหวาดกลัวจนหนีไปโดยไม่ต่อสู้ กระหม่อมไม่นึกเลยว่าจะได้มาเห็นด้วยตาตนเอง?
กองทัพนาเซลดารานมีคณะดนตรีอยู่ด้วยเสมอ เนื่องจากมีธรรมเนียมเดินทัพพร้อมกับส่งเสียงเป็นสัญญาณบอกล่วงหน้า เสียงกลองและขลุ่ยที่ใช้สร้างขวัญกำลังใจให้กองทัพพันธมิตรนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่น่าพรั่นพรึงสำหรับชาวทวีปตะวันตก
ในการเดินทัพครั้งนี้ บรรดากษัตริย์และผู้ปกครองประเทศเล็กทั้งห้าที่อยู่ระหว่างฟาเลนกับนาเซลดาราน.... ทั้งชูเมน นีเช่ คาร์ซัก นีตรา เทห์เรน่า ล้วนแสดงความสวามิภักดิ์ต่อสุลต่านฟาลซาดโดยที่ยังไม่ได้ต่อสู้ กองทัพจึงเดินทางผ่านเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ของประเทศเล็กๆ เหล่านี้ได้อย่างราบรื่น
?....ไม่สิ ควรกล่าวว่าเป็นความรุ่งโรจน์เฉิดฉายยิ่งกว่าเมื่อร้อยปีก่อนเสียอีกพระเจ้าค่ะ กองทัพของสุลต่านฮัสดรูบัลเป็นที่ชิงชังในฐานะสายลมปั่นป่วนที่พัดมาจากทวีปตะวันออก แต่กองทัพของสุลต่านฟาลซาดเป็นสายลมแห่งการปลดปล่อยที่ได้รับการต้อนรับจากผู้คนในนานาประเทศที่กองทัพเคลื่อนผ่าน?
เมื่อร้อยปีก่อน ฮัสดรูบัลสังหารผู้คนที่ขัดขืนอย่. เผาเมืองและหมู่บ้าน ใช้กำลังปล้นชิงทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเขาเคลื่อนผ่านไปแล้วที่แห่งนั้นจะไม่เหลือแม้แต่พืชพรรณสักต้น....นี่อาจเป็นการเปรียบเปรยที่เกินจริง แต่ประเทศทั้งห้านั้นย่อยยับยิ่งกว่าเวสต์ที่โดนล้อมเสียอีก กว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาได้หลังจากนั้นก็ใช้เวลาพอสมควร
ทว่าคราวนี้ฟาลซาดห้ามทหารปล้นชาวบ้านโดยเด็ดขาด ไม่มีการทำร้ายผู้คนแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ นอกจากจะมอบของขวัญฟุ่มเฟือยแก่เหล่ากษัตริย์ผู้ครองประเทศที่ยอมสวามิภักดิ์แล้ว เขายังเดินโปรยเงินในหมู่บ้านและเมืองที่เดินทางผ่านด้วย
ตอนแรกผู้คนในประเทศเล็กทั้งห้าหวาดกลัว ?กองทัพปีศาจ? จึงปิดประตูแน่นหนาซ่อนตัวอยู่ในบ้าน แต่หลังจากพวกเขาเดินทางผ่านไปแล้วกลับมีเงินทองและเพชรพลอยกระจายอยู่บนถนน พร้อมด้วยจดหมายจากสุลต่านแจ้งว่าเป็นค่าตอบแทนที่ให้ผ่านทาง....เมื่อข่าวลือแพร่ออกไป ชาวเมืองจึงออกมาข้างนอกราวกับโดนเชื้อเชิญด้วยเสียงเพลงของคณะดนตรีสุลต่าน เข้ารุมล้อมคณะตัวตลกที่เดินนำหน้าพลางโปรยเงินทองและเพชรพลอย จากนั้นชาวเมืองจึงเริ่มตะโกนว่า สุลต่านจงเจริญ!
?ปรัชญาการปกครองของสุลต่านที่ว่า ?การใช้ความฟุ่มเฟือยเอาชนะใจนั้นสิ้นเปลืองน้อยกว่าการสู้รบ? ช่างงดงามจริงๆ พระเจ้าค่ะ?
?ข้าชื่นชมการประจบประแจงของเจ้านะ จำอวด?
สุลต่านที่หันหลังให้มาตลอดหันกลับมาพร้อมผุดยิ้มเยาะหยัน ใบหน้านั้นงดงามทว่าเฉียบคมดุจใบดาบที่ชักออกจากฝัก ดวงตาสีเงินที่มองดูอาร์มองชวนให้นึกถึงเหยี่ยวที่หมายตาเหยื่อจากบนฟ้าไกล
นิสัยดุร้ายทำให้เขาเป็นสุลต่านที่ข้าราชบริพารหวาดกลัว เมื่อครั้งที่ขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาได้สังหารอาที่แย่งชิงบัลลังก์กับตน และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งฆ่าน้องชายแท้ๆ ที่ร่วมท้องมารดาด้วยมือของตนเอง
เขาเรียกตนเองว่าทรราช ซ้ำยังไม่ยี่หระที่จะโดนคนอื่นเรียกขานเช่นนั้น ผู้ที่โดนสุลต่านผู้นี้ชำเลืองมองแล้วยังเฉยเมยอยู่ได้คงต้องเป็นคนระดับเดียวกับชายคนนี้
อาร์มองผุดยิ้มสง่างาม
?ประจบประแจงอะไรกัน กระหม่อมแค่กล่าวทูลความรู้สึกที่แท้จริงตามตรงเท่านั้นเอง?
?ช่างเถอะ ข้าไม่ได้อ่อนหัดถึงขนาดที่จะตัวลอยไปกับถ้อยคำของจำอวดอยู่แล้ว
จากตรงนี้ไปจะเป็นอาณาเขตของฟาเลน พอเข้าใกล้กรุงเวสต์แล้วคงมีการต่อต้านบ้างตามสมควรสินะ?
เรือนผมสีเงินราวกับเก็บรวบรวมแสงจันทร์เข้าด้วยกันตัดกับผิวสีน้ำตาล ยามที่อยู่ในประเทศบ้านเกิดทางใต้ สุลต่านผู้ขึ้นชื่อว่ามีพฤติกรรมและรูปลักษณ์แหวกขนบมักสวมเสื้อผ้าที่ทำให้ร่างกายท่อนบนแทบไม่ต่างจากเปลือยเปล่า แต่เมื่ออยู่ในแดนตะวันตกทางเหนือ.... มิหนำซ้ำฤดูหนาวกำลังเยื้องกรายเข้ามา เขาจึงสวมคาฟตานที่ทำจากผ้าต่วนหนา
แต่ก็ราวกับเกลียดความอึดอัด ด้านหน้าจึงแหวกกว้างเผยให้เห็นอกกำยำ สร้อยคอที่สวมติดตัวราวกับหมอผีทางใต้ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง แขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อสวมสร้อยข้อมือเส้นบางซ้อนกันหลายชั้น สร้อยข้อมือเหล่านั้นกำลังส่งเสียงใสๆ ชวนให้รู้สึกสดชื่นเช่นกัน
?กองทัพฟาเลนเมื่ออยู่ต่อหน้ากองทัพอันเกรียงไกรของฝ่าบาทก็เป็นจำนวนเพียงหยิบมือเองนะพระเจ้าค่ะ? ตอนที่เห็นสภาพที่ชายแดน ฝ่าบาทน่าจะทรงเข้าพระทัยแล้วไม่ใช่หรือ??
หน่วยรักษาการณ์ชายแดนฟาเลนที่ไม่รับรู้ถึงการรุกรานของกองทัพนาเซลดารานมาก่อนล้วนตื่นตกใจเมื่อเห็นกำลังพลแสนนาย ช่างน่าสมเพชที่พวกเขาละทิ้งป้อมปราการหนีไปโดยไม่ต่อสู้
มีเรื่องเล่าขานกันว่าแม้ลูกน้องพากันหนีไปแล้ว หัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ก็ยังทำความดีความชอบด้วยการแจ้งข่าวการรุกรานของกองทัพนาเซลดารานไปยังกรุงเวสต์เป็นคนแรกจนได้รับเหรียญตราในภายหลัง แต่หากผู้คนล่วงรู้ว่าเขาตื่นตกใจจนหนีออกจากป้อมในสภาพไม่ต่างจากเปลือยเปล่าแล้วจะยังสรรเสริญเช่นเดิมหรือเปล่าหนอ
?นั่นเป็นเพราะกษัตริย์แห่งประเทศทั้งห้าแสดงความสวามิภักดิ์ ช่วยให้กองทัพเดินทางจากคีเซล-เอลมามาถึงชายแดนฟาเลนได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องสู้รบ ทหารฟาเลนจึงไม่รู้การเคลื่อนไหวของกองทัพของข้าจนกระทั่งปรากฏตัวที่ป้อมชายแดน แต่ถึงอย่างไรฟาเลนก็เป็นประเทศใหญ่ จักรพรรดิอ่อนหัดที่เชื่อฟังคำพูดสนมไม่ใช่คู่มือของข้าหรอก แต่นางสนมที่ว่าต่างหากคือปัญหา?
นางสนมอย่างเป็นทางการในจักรพรรดิแวร์นเนอร์ที่ 3 จักรพรรดิแห่งฟาเลนมีนามว่ามาร์ชันเนสฮันโนเวอร์ เดิมทีเป็นบุตรีชนชั้นกระฎุมพีผู้มั่งคั่ง นางกลายมาเป็นสนมของจักรพรรดิโดยทำลายธรรมเนียมที่ว่าต่อให้เป็นสุภาพสตรีที่การศึกษาดีเพียงใดก็ไม่อาจเป็นสนมได้หากไม่ใช่ลูกหลานขุนนาง แม้เป็นสนมเอกมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ความงดงามนั้นกลับไม่เสื่อมคลาย ทั้งยังเป็นผู้กุมอำนาจอันดับหนึ่งในฟาเลน เป็นเหตุให้โดนวิจารณ์ลับหลังว่าเป็นนางแม่มดแห่งฟาเลนหรือจักรพรรดินี
?ต่อให้เป็นมาร์ชันเนสแห่งฟาเลนที่ซุกซ่อนแผนร้ายไว้ในกระโปรงชั้นในมาเป็นเวลานาน นางก็คงไม่มีทางถือดาบต่อสู้ทั้งที่อยู่ในชุดกระโปรงหรอกพระเจ้าค่ะ?
?นั่นสินะ บุรุษต่างหากที่สู้รบ?
ฟาลซาดมองไปยังทิศทางเดิมอีกครั้ง อีกฟากหนึ่งของผืนป่าที่ดวงอาทิตย์ยามเย็นจวนจะลาลับนั้นคือที่ตั้งของกรุงเวสต์อันเป็นเป้าหมาย
?หมายความว่าลูกเขยจะออกมาแทนมาร์ชันเนสสินะพระเจ้าค่ะ?
มาร์ชันเนสฮันโนเวอร์กับจักรพรรดิแวร์นเนอร์มีธิดาคนหนึ่งนามว่าเจ้าหญิงเซซิล ?นาง? สมรสกับดยุคมงฟอรต์ ผู้สำเร็จราชการแห่งอากิแตนซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน เขาเป็นคนมากความสามารถ ความที่สวมชุดดำอยู่เป็นนิจทำให้ประเทศอื่นหวั่นเกรงเขาในฐานะผู้สำเร็จราชการชุดดำ หรือดยุคดำ
?ฟาเลนและอากิแตนเป็นมิตรต่อกัน คงส่งกำลังเสริมมาอยู่แล้ว แต่เจ้าตัวจะเคลื่อนไหวเองจริงๆ หรือพระเจ้าค่ะ? ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของประเทศอื่นอยู่ดี?
?ชายคนนั้นจะเคลื่อนไหวแน่?
สุลต่านจ้องมองราวกับร่างของชายผู้นั้นอยู่ในนครหลวงที่อยู่อีกฟากหนึ่งของผืนป่า
?พูดเองแบบนี้มันน่าหงุดหงิด แต่ชายคนนั้นเหมือนกับข้า เขาไม่ใช่คนโง่เขลาที่จะไม่รู้ว่าหากฟาเลนพ่ายแพ้ อากิแตนซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นรายต่อไป ศึกนี้ไม่ใช่ศึกของฟาเลน แต่เป็นศึกเพื่อปกป้องประเทศชาติของตน หากเป็นข้า ข้าจะออกมาสู้รบด้วยตนเอง?
?ถ้าเช่นนั้น นกน้อยสีทองก็คงโผล่มาด้วยสินะพระเจ้าค่ะ ประเทศบ้านเกิดตกอยู่ในอันตราย มิหนำซ้ำ ?สามี? สุดที่รักยังมุ่งหน้ามายังสนามรบอีก?
อาร์มองลอบสังเกตสีหน้าสุลต่านที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่พบการเปลี่ยนแปลง
?ปกติแล้วภรรยาควรเฝ้ารอพลางสวดภาวนาให้สามีที่ออกรบปลอดภัย แต่นกน้อยนั่นต่างออกไป คงเลือกที่จะจับดาบต่อสู้ไปด้วยกัน แน่นอนว่าศึกนี้ก็ด้วย....?
?จำอวด? ฟาร์ซาดเอ่ยขัดคำพูดของอาร์มองที่กล่าวเช่นนั้น
?ข้ามาที่นี่เพื่อครอบครองฟาเลน ไม่รู้เรื่องนกน้อยสีทองอะไรนั่น?
?พระเจ้าค่ะ กระหม่อมทราบดีว่าฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่เพื่อคว้านครแห่งแอปเปิลแดงมาครอง?
ดินแดนแห่งแอปเปิลแดงนั่นคือชื่อที่ชาวนาเซลดารานซึ่งเป็นลูกหลานของชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายเรียกขานเมืองอันอุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งน้ำและพฤกษาด้วยความหลงใหล นั่นทำให้พวกเขาเดินทางมายังตะวันตกครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งได้ครอบครองนาเซลดารานและคีเซล-เอลมาที่ได้ชื่อว่านครทองคำในปัจจุบัน
ทว่าแม้จะได้ครอบครองสิ่งเหล่านั้นแล้ว ความหลงใหลที่มีต่อตะวันตกกลับยังไม่หมดไป เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนสุลต่านฮัสดรูบัลจึงพยายามเข้าครอบครองตะวันตก....ครอบครองฟาเลน
และบัดนี้ฟาลซาดก็กำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นเช่นกัน
?ถูกต้อง เป้าหมายของข้าคือนครแห่งแอปเปิลแดง แต่....?
ฟาลซาดหันหน้าไปยังอาร์มองที่อยู่ข้างๆ หลังจากจ้องมองกรุงเวสต์ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของป่า
?การล่าสัตว์ด้วยเหยี่ยวระหว่างการเดินทัพอันยาวนานคืองานอดิเรกของสุลต่าน ข้าอาจพบนกน้อยสีทองหายากแล้วพากลับไปด้วยก็ได้?
ทูตพิเศษอัลเบียนผู้โดนเรียกว่าจำอวดยังไม่ทันได้เปิดปาก ฝ่ายสุลต่านก็ยื่นจดหมายปิดผนึกด้วยครั่งฉบับหนึ่งออกมาตรงหน้าเสียก่อน
?สาสน์ถึงจักรพรรดิฟาเลน จงนำไปซะ?
?รับสั่งให้กระหม่อมซึ่งเป็นอัศวินแห่งอัลเบียนนำสาสน์เตือนให้ยอมจำนนของสุลต่านไปมอบให้จักรพรรดิฟาเลนหรือพระเจ้าค่ะ??
?ร้อยปีก่อน เจ้าพวกคนเถื่อนฟาเลนสังหารทูตของประเทศข้าทิ้งโดยไม่ยอมฟังความด้วยซ้ำ?
คราวนั้นสุลต่านฮัสดรูบัลทั้งจุดไฟเผา ทั้งสังหารผู้คนในบ้านเมืองที่ต่อต้านตนจนราบคาบ หากแต่แม้ขึ้นชื่อว่. เขากลับใจกว้างต่อผู้คนและบ้านเมืองที่ยอมจำนน ว่ากันว่าแม้จะเรียกร้องขอเสบียงอาหารและข้าวของสำหรับทหารอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีการปล้นชิงหรือล่วงเกินพวกผู้หญิงแต่อย่างใด
กลับกันแล้ว จริงดังที่ฟาลซาดบอก จักรพรรดิฟาเลนในตอนนั้นกลับสั่งให้สังหารทูตนาเซลดารานที่ถือสาสน์เตือนให้ยอมจำนนโดยที่ยังไม่ได้พบเพื่อยั่วโมโหฮัสดรูบัล หากมองจากมุมของทวีปตะวันออกแล้ว ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระหว่างสงคราม พฤติกรรมป่าเถื่อนอย่างการสังหารทูตของประเทศอื่นก็ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่ออยู่ดี
?ชีวิตของกระหม่อมจะเป็นอย่างไรก็ช่างงั้นหรือ??
?ข้าไม่สนใจชีวิตของจำอวดหรอก ใช้ลิ้นสี่แฉกนั่นปกป้องชีวิตตัวเองซะสิ?
ฟาลซาดหัวเราะเยาะ
ตอนนี้ต่างจากร้อยปีก่อน ราชสำนักในทวีปตะวันตกย่อมไม่ทำตัวป่าเถื่อนสังหารทูตทันทีทันใดอยู่แล้ว มิหนำซ้ำ บัดนี้เมื่อนาเซลดารานกำลังรุกรานเข้ามา ฟาเลนย่อมไม่อาจเป็นศัตรูกับประเทศตะวันตกอย่างอัลเบียนได้แน่นอน
?รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้กระหม่อมจะรีบรุดไปยังฟาเลน....?
?ไปเดี๋ยวนี้นี่แหละ?
?หา??
คำพูดของสุลต่านทำเอาอาร์มองเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
?ข้าสั่งให้ออกเดินทางเดี๋ยวนี้?
?แต่ตะวันจวนจะตกดินแล้วนะพระเจ้าค่ะ??
?ตอนกลางคืนก็ขี่ม้าได้ ถ้าเจ้ารังเกียจ ข้าจะจับร่างเจ้ามัดกับตัวม้าแล้วใช้แส้ฟาดสักหน สั่งให้วิ่งตรงไปจนถึงเวสต์เลยก็ได้?
?ไม่รังเกียจหรอกพระเจ้าค่ะ หากเป็นรับสั่งของสุลต่านผู้ยิ่งใหญ่ กระหม่อมก็ขอทำหน้าที่ ต่อให้ต้องไปถึงสุดขอบโลกก็ตาม?
?สุดขอบโลกรึ.... งั้นเจ้าคงไม่ได้กลับมาแล้วสินะ ลาก่อน?
หากนำสาสน์ไปมอบให้กับจักรพรรดิฟาเลนแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลับมายังกองทัพนี้อีก วาจาเย็นชานั้นแฝงนัยว่าหมดธุระกับเจ้าแล้ว แต่อาร์มองก็ทำความเคารพอย่างสุภาพก่อนจะลงเนินไป
?ปล่อยคนอย่างเขาไปจะดีแล้วหรือพระเจ้าค่ะ??
ชายหนุ่มที่โผล่มาแทนคือขันทีดำนามดาเนล คนสนิทที่รับใช้ฟาลซาดมาตั้งแต่เยาว์วัย
เอวซ้ายขวาของชายหนุ่มมีฝักดาบสองเล่มเหน็บอยู่ เล่มหนึ่งดาบตรง อีกเล่มเป็นดาบโค้ง ดาเนลเชี่ยวชาญเพลงดาบทั้งสองเล่มและกำจัดศัตรูได้อย่างงดงามราวกับเริงระบำ
?มิหนำซ้ำยังใช้ให้ถือสาสน์เตือนให้ยอมจำนนไปมอบให้จักรพรรดิฟาเลนอีก....?
?ไม่พอใจรึ??
?....พระเจ้าค่ะ แต่ฝ่าบาทอาจมีความคิดลึกซึ้งที่คนอย่างกระหม่อมคาดไม่ถึง....?
ขันทีของตนเอ่ยถ้อยคำซื่อตรงต่างจากชายตะวันตกลิ้นสี่แฉกที่อยู่ตรงหน้าจนถึงเมื่อครู่ รอยยิ้มของฟาลซาดจึงปราศจากความเย็นชา
?ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เดิมทีคนที่ยกเรื่องนี้มาเสนอข้าก็คือชายคนนั้นนั่นล่ะ?
เพราะเดินทางจากรุสซีตรงมายังนาเซลดารานจึงต้องอดทนต่ออากาศร้อน อาร์มองเกริ่นราวกับชวนพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ทว่าแผนการที่เขานำมาเสนอนั้น หากเป็นความจริงขึ้นมาย่อมสั่นสะเทือนแผ่นดินตะวันตกทั้งทวีป
เหล่าปาชาฮ์ (รัฐมนตรี) พากันห้ามปรามเพราะเคลือบแคลงในตัวจิ้งจอกแห่งอัลเบียน แต่ฟาลซาดกลับตกลงเพราะ ?น่าสนุก?
?นอกจากนั้น ข้าก็แค่คิดว่าเจ้านั่นเหมาะสมในฐานะทูตที่จะเข้าพบจักรพรรดิฟาเลน ข้าเข้าใจดีว่าฟาเลนเป็นมหาอำนาจในทวีปตะวันตก ย่อมไม่มีทางรับคำเตือนให้ยอมจำนนของทางเราอยู่แล้ว ชายคนนั้นเหมาะสมในฐานะทูตใช้แล้วทิ้งใช่ไหมล่ะ?
?แต่ว่า! แบบนั้นมันจะ....?
?เป็นไปตามที่ชายคนนั้นคิดงั้นรึ? ข้าไม่คิดจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นหรอก ดาเนล หากโดนข้าแย่งฟาเลนมา ชายคนนั้นต่างหากที่จะลำบาก?
?เอ๊ะ??
ขันทีดำเบิกตาโต ฟาซาดจึงหัวเราะลั่น
ปล่อยหมาป่าเข้าไปในฝูงแกะด้วยตนเองทั้งที แต่หากแกะโดนจับกินจะลำบากงั้นหรือ นั่นย่อมชวนให้สงสัยว่าหมายความว่าอย่างไรกัน?
?เพราะชายคนนั้นต้องการฟาเลน ไม่สิ ต้องการครอบครองทวีปตะวันตกทั้งหมดไงล่ะ?
แน่นอนว่าอากิแตนที่ปกครองโดยบุรุษชุดดำผู้นั้นย่อมรวมอยู่ด้วยเช่นกัน ไม่สิ สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นคงยึดติดกับที่นั่นมากที่สุดสินะ ถึงจะไม่รู้เรื่องราวโดยละเอียด แต่ดูเหมือนว่าจะมีความผูกพันลึกซึ้งกับที่นั่นอยู่
ฟาลซาดได้ยินในภายหลังว่าทั้งสองเป็นสหายกัน แต่ไม่รู้ว่าคนที่ทรยศและหมายชีวิตกันนั้นถือเป็น ?สหาย? ได้หรือไม่.... เพราะเดิมทีฟาลซาดก็ไม่เคยมีคนที่เรียกได้ว่าเป็นสหายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ชะตากำหนดให้เขาเป็นสุลต่านมาตั้งแต่เกิด มีเหล่าข้าราชบริพารห้อมล้อม....ทว่าทั้งดาเนลที่อุทิศตนรับใช้ รวมถึงคนอื่นๆ ล้วนเป็นเพียงผู้ติดตามของเขาเท่านั้น
ผู้ที่เขายอมเปิดใจให้อย่าง ?ทัดเทียม? กันนั้นมีเพียงสองคน คนหนึ่งคือเด็กสาวที่โดนพรากไปด้วยเงื้อมมือมารดาผู้ไร้เหตุผล
ส่วนอีกคนหนึ่ง....
ปากบอกไม่ได้ยึดติด แต่สุดท้ายก็คิดถึงอยู่ดี ฟาลซาดนึกพลางหัวเราะขื่นในใจ




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กองทัพนาเซลดาราน จักรวรรดิต่างศาสนาบุกรุกมาถึงชายแดนฟาเลน! เมื่อประเทศพันธมิตรเผชิญวิกฤต ออสการ์และเซซิลจึงนำกำลังเสริมมุ่งหน้าไปยังฟาเลน ทว่านั่นคือแผนร้ายครั้งใหญ่ที่อาร์มอง ศัตรูคู่อาฆาตวางเอาไว้ ทางด้านเซซิล เมื่อได้พบกับสุลต่านฟาลซาด ชายเพียงคนเดียวนอกเหนือจากออสการ์ที่ทำให้หัวใจสั่นไหวอีกครั้ง หัวใจก็สับสนอย่างหนัก.... บัดนี้สถานการณ์ทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไปตามเป้าหมายสุดท้ายของอาร์มอง นั่นคือ ?ยึดครองอากิแตน? ....เรื่องราวรักโรแมนติกอันสับสนวุ่นวายกำลังมุ่งสู่จุดไคลแมกซ์!!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”