New Release : เงารักซาตาน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : เงารักซาตาน

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1
คุณนายนัยนานั่งหน้างออยู่บนเรือนไทยสองชั้นหลังนั้น เมื่อนายอำเภอผู้เป็นสามีกลับมาถึงบ้านเอาร่วมสองยาม...ทั้งๆ ที่สมควรจะถึงบ้านตั้งแต่สี่โมงเย็น
อำเภอแห่งนี้เป็นอำเภอที่ไม่ใหญ่โตอะไรนัก...สังคมเล็กๆ จึงแคบและเป็นที่รู้จักดีกันหมดทั้งอำเภอ คุณนายจึงพอจะรู้ว่าผู้เป็นสามีไปติดอยู่ ณ ที่ใด
?อ้าว...คุณ ยังไม่นอนอีกเหรอ?
นายอำเภอถามภรรยาอย่างอารมณ์ดี...แม้จะเห็นอีกฝ่ายหน้าหงิกหน้างออย่างนั้นก็เถอะ
?จะหลับลงได้ยังไงล่ะ...ไม่ดูเวลาเลยเรอะว่ามันกี่ทุ่มกี่ยามแล้ว เลี้ยงอะไรกันนักกันหนา อีแค่รับขวัญวันเกิดลูกสาวน่ะฮึ...?
?มันไม่ได้เลี้ยงอะไรกันนักกันหนาหรอก...?
นายอำเภอว่าพลางถอดเสื้อสีกากีตัวนอกออก เหลือแต่เสื้อยืดสีขาวตัวใน
?แต่ที่กลับช้าเพราะคุยเรื่องข่าวดีกัน...?
?ข่าวดีอะไร...?
น้ำเสียงของภรรยายังขุ่น แต่ก็เจือความอยากรู้...
?ข่าวดีที่เราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันในอนาคตน่ะสิ...?
คำอธิบายต่อมาทำเอาคุณนายต้องขมวดคิ้วอย่างงุนงงแกมสงสัย
?ทองแผ่นเดียว...? คุณหมายความว่ายังไง?
?จะยังไง...คุณประสพแกยอมที่จะรับหมั้นลูกชายเรากับยายหนูอายุหนึ่งเดือนของแกน่ะสิ?
คุณนายนัยนาอ้าปากค้าง...แทบร้อง ?ฮ้า? อย่างไม่อยากเชื่อ ดวงใจที่เต้นแรงอยู่แล้วก็แรงขึ้นอีก
ก็อย่างว่า...ใครจะไม่ดีใจในเมื่อจะได้รวมครอบครัวเข้ากับเศรษฐีใหญ่ในอำเภอที่ใครๆ ก็รู้ว่าร่ำรวยเงินทองเป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่ามีเงินก็นับเป็นน้อง มีทองก็นับเป็นพี่นั่นแหละ...
ทั้งคุณนายและนายอำเภอเองก็ไต่เต้าขึ้นมาจากการไม่มีอะไรมาก่อน ดังนั้นถ้าจะ ?มีอะไร? ขึ้นมาในรุ่นลูกหลาน ก็จะเป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อย เพราะมัน ?กินได้?
ไม่เหมือนตำแหน่งข้าราชการที่มีแต่เครื่องแบบใส่แค่โก้ แต่เงินเดือนเพียงน้อยนิดนั่น...ซึ่งถ้าอยากมีมากๆ ก็ต้องหาวิธี ?มี? ทางอื่นให้ได้
นายอำเภอมองดูภรรยายิ้มออกมาได้ในที่สุดด้วยความโล่งใจ...แน่นอน อยู่กันมาตั้งนาน มีหรือจะไม่รู้นิสัย
แต่นั่นแหละ แม้คุณนายนัยนาจะงก...จะประหยัดสุดเหนียว...และชอบนินทาว่าร้ายเป็นนิสัย แต่ความรักก็ทำให้นายอำเภอทิ้งคู่ทุกข์คู่ยากไม่ได้สักที...
?เป็นไง...พอใจไหมล่ะที่เจ้าหนึ่งของเราจะมีคู่หมั้นตั้งแต่อายุเพียงห้าขวบ หมั้นกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้แหละดี โตขึ้นจะได้ไม่มีปัญหา?
นายอำเภอว่าพลางเดินเข้าห้องน้ำ...อาบน้ำอาบท่าให้สร่างมึนและสบายเนื้อสบายตัว ปล่อยให้คุณนายคิดสะระตะต่อไปด้วยความปลาบปลื้มดีใจ...
?แล้วเขาจะเอาอะไรเป็นของหมั้น?
คุณนายถามทันทีที่สามีออกจากห้องน้ำ...
?คุณประสพเขาขอทองแค่สี่บาทเท่านั้น แล้วผมก็ตกลงไปแล้ว...?
?อะไรนะ...!? ทองสี่บาทเชียวเรอะ...!??
ภรรยาขึ้นเสียงสูงทันทีอย่างไม่พอใจ
?แล้วคุณตกลงไปแล้วเรอะ?
?หรือจะให้กลับไปบอกเลิก ไม่ตกลงล่ะ?
สามีย้อนถามอย่างรู้นิสัย...เล่นเอาคุณนายหุบปากฉับ แต่ยังไม่วายเข่นเขี้ยว
?อีแค่เด็กนิดเดียว...ดูมันรีดเรา?
?เอ...ทำไมคิดแบบนั้น เขาน่าจะเรียกสิบยี่สิบบาท หรือสามสิบบาทด้วยซ้ำ...และก็มีคนเยอะแยะที่จะเสนอให้ เขาเอาเราแค่สี่บาทเท่าชาวบ้านธรรมดาก็เรียกใจป้ำเหลือเกินแล้วนะ เพราะคุณกวีแกชอบผมหรอก ไม่งั้นคุณคิดหรือว่าน้ำหน้าอย่างเราน่ะ...เขาจะยกลูกสาวให้เกือบจะฟรีแบบนี้...?
?ฟรีซะที่ไหน...?
ภรรยาแว้ดกลับมาอย่างไม่พอใจ...ทำเอาอีกฝ่ายต้องถอนใจ
นิสัยคุณนัยนาน่ะถ้าได้ล่ะไม่มีปัญหา...แต่ถ้าต้องเสีย...ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนเป็นต้องขุ่นใจเสมอ...เช่นเวลานี้เป็นต้น
?นี่เลิกนิสัยแบบนี้ทีได้ไหม...?
นายอำเภอปรารภอย่างละเหี่ยใจ
?เตรียมทองไว้ก็แล้วกัน...ผมจะไปตกลงกำหนดวันเวลากับเขาอีกที?
?ไปต่อรองเขาด้วยไม่ได้รึ...เอาแค่สองบาทก็พอ?
?ว้า...คุณจะบ้ารึไง เดี๋ยวเขาก็ได้เอาไรปาหัวออกมาหรอก พูดเป็นเล่นขายของไปได้...แค่นี้ก็นับว่าปรานีนักหนาแล้ว อย่ามาพูดอะไรอีกเลย...ผมรำคาญ?
นายอำเภอตัดบทอย่างหัวเสีย เมื่อคุณนายพยายามจะ ?หักคอ? อีกฝ่ายเสียด้วยความมักง่ายและเห็นแก่ตัวที่เป็นพื้นนิสัย
?เฮอะ...คำก็รำคาญ สองคำก็รำคาญ เห็นทองสี่บาทนั่นไม่มีค่ารึไง โธ่เอ๊ย...คอยดูนะ ฉันไม่ได้เป็นเศรษฐีบ้างแล้วไป? คุณนายนัยนากัดฟันพูดตามหลังสามีไปในที่สุด...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลายปีต่อมา...
?ยายสองไปไหน...?
คุณนายนัยนาถามหาลูกสาวคนสุดท้อง เด็กรับใช้ซึ่งผ่านเข้ามาพอดีจึงตอบว่า
?เห็นตามคุณหนึ่งเข้าไปในสวนค่ะคุณนาย?
?เอ๊ะ...ตามไปได้ยังไง เดี๋ยวได้ตกน้ำตกท่าไปหรอก...ใครไปด้วยรึเปล่า?
?แม่เฉลียวเขาไปด้วยค่ะ...เขาว่าจะพาคุณสองไปดูคุณหนึ่งตกปลา?
คุณนายนั่งฟังแล้วพยักหน้าหงึกหงัก ไม่โวยวายอย่างใด...เพราะเชื่อใจยายเฉลียวพี่เลี้ยงลูกสาวเป็นอันมาก
แต่ความโล่งใจนั้นมีอยู่ได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องของบุตรีที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่ช้าร่างของเด็กหญิงและพี่เลี้ยงก็เดินเลี้ยวตรงมายังตัวบ้าน
?นั่นยายสองเป็นอะไร...?
คุณนายถามเสียงขุ่นกับพี่เลี้ยง
?คุณหนึ่งสิคะคุณนาย เอาไม้โขกหัวน้อง...ดูสิคะแตกรึเปล่าก็ไม่รู้ โอ๋ๆ คุณหนูไม่ร้องนะคะ?
แม่เฉลียวรายงานด้วยสีหน้าบึ้งตึงทุกข์ร้อน ไม่พอใจที่เด็กหญิงถูกพี่ชายเล่นงานเอารุนแรงขนาดนั้น...
?แล้วทำยังไงปล่อยให้เด็กตีกันได้ฮึ...?
?หนูไม่ได้ปล่อยให้ตีนะคะ...ก็นั่งกันอยู่ดีๆ คุณหนึ่งแกจับปลาได้ เอาใส่ถัง...คุณสองแกมองๆ แล้วก็สงสารปลาค่ะ จับเทลงน้ำตามเดิมหมด แค่นั้นแหละคุณหนึ่งคว้าไม้ฟาดหัวให้เลย...ทำไมขี้โมโหขนาดนั้นไม่รู้?
คุณนายนัยนาฟังความแล้วถอนใจเฮือก ไม่รู้จะว่ากล่าวอะไรในตอนนั้น...
เพราะความคิดของหล่อนไม่เห็นด้วยเลยที่น้องสาวจะไปจับปลาของพี่ชายที่จะเอามาเป็นอาหารนั้นเททิ้ง...และแม้จะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ที่ลูกชายทำร้ายน้องอย่างรุนแรงเอาแต่ใจซึ่งเป็นสันดานของลูกอย่างไม่มีทางลบเลือนลงได้ในอนาคต...แต่หล่อนกลับไม่ดุลูกชายแม้แต่น้อย
?ยายสองนี่น้า...ชอบไปยุ่งกับเขานัก โดนเสียบ้างก็ดี...อย่ามาร้องไห้นะ รำคาญ?
คุณนัยนาเอ็ดลูกสาวคนสุดท้องออกมาในที่สุด เล่นเอาเฉลียวไม่พอใจ...
?คุณสองแกใจบุญน่ะค่ะ สงสารสัตว์...แกไม่ชอบทารุณสัตว์ค่ะที่ปล่อยไปน่ะ...?
เฉลียวแก้แทน...
?แกอย่าทำเป็นรู้ดีอีกเลย...เด็กเจ็ดแปดขวบแค่นี้มันจะไปรู้อะไร มันจะแกล้งพี่เขาน่ะสิ ก็ดีแล้วจะได้เข็ดๆ ซะบ้าง?
ว่าแล้วคุณนายนัยนาก็สะบัดก้นขึ้นบ้านไป ปล่อยให้เฉลียวก้มลงดูหัวของเด็กหญิงสองอย่างเวทนาอยู่ตามลำพัง
?โอ๋ๆ คุณหนูอย่าร้องนะคะ อย่าร้อง...ช่างเขาเถอะค่ะ คนใจร้ายพรรค์นั้น ปล่อยให้ทำไปเถอะบาปน่ะ...ไม่ช้าต้องถึงตัวเองจนได้แหละ?
เฉลียวว่าพลางโอบร่างบางของเด็กหญิงเข้ามาในวงแขน พลางปลอบโยนด้วยความเอ็นดูรักใคร่จากใจ...
อีกทั้งความเชื่อถือที่พูดออกไปนั้นก็เป็นความเชื่อที่ไม่มีวันคลอนคลาย ผู้ใดทำกรรม...ผู้นั้นจะต้องได้รับ ช้าหรือเร็วเท่านั้น และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กชายหนึ่งหรือชุติเทพเล่นงานสัตว์...เพราะไม่กี่วันต่อมา เฉลียวก็ร้องกรี๊ดขึ้นลั่นครัว เป็นผลให้คุณนายนัยนาต้องวิ่งลงมาดูแทบไม่ทัน...
?อะไร...ยายเฉลียว...เกิดอะไรขึ้นถึงร้องกรี๊ดกร๊าดอย่างนั้นฮึ?
?ดูสิคะคุณ...ดูสิคะ?
เฉลียวชี้ไปที่พื้นตัวซีดตัวสั่น...ทำเอาคุณนายนัยนาต้องมองตาม แล้วพูดไม่ออก...เพราะสิ่งที่กระเสือกกระสนกระแด่วๆ อยู่บนพื้นนั้นคือ...กบสามสี่ตัวที่ไม่มีทั้งแขนทั้งขานอกจากลำตัว และเลือดสดๆ แดงฉาน และเลือดเหล่านั้นก็ไหลเลอะเปรอะเปื้อนเต็มเสื้อและผ้าถุงของเฉลียวเลยทีเดียว...
?ใครทำ...ใครเป็นคนเอามา...?
คุณนายนัยนาถามอย่างสงสัย
?ก็คุณหนึ่งสิคะ...เธอเข้ามาข้างหลัง แล้วเทพวกนี้ลงมาบนตัวเฉลียวค่ะ...?
เฉลียวรายงานเสียงสั่น...ทั้งขยะแขยง...และเวทนาสัตว์ตัวเล็กๆ นั้นจนบอกไม่ถูก...
?เล่นไม่รู้เรื่องเลยคุณหนึ่ง...ดูซิ สัตว์ก็ตัดแขนตัดขามันจนหมด...โอ๊ย...ทำไมถึงใจร้ายอย่างนี้?
?อย่าพูดมากน่ะเฉลียว...? คุณนายนัยนาขัดอย่างไม่พอใจที่ลูกจ้างมาว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน...
?เก็บๆ ไปทิ้งก็แล้วกัน อย่าปล่อยไว้ให้ทุเรศนัยน์ตา...?
ว่าแล้วคุณนายนัยนาก็เดินจากไปเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น และไม่คิดจะว่ากล่าวลูกชายคนโปรดเลยสักคำ...
เฉลียวก้มลงมองสัตว์ที่ถูกทารุณแล้วไม่รู้จะทำยังไง ค่อยๆ ช้อนตัวมันใส่ถุงพลาสติกที่คว้ามาได้ และนำออกไปทิ้งถังผงในที่สุด...หล่อนไม่รู้หรอกว่าตลอดเวลาที่ส่งเสียงร้อง จนกระทั่งคุณนายลงมานั้นอยู่ในสายตาของ ?ตัวการ? ก่อเรื่องทุกอย่าง...
เด็กชายชุติเทพ ซึ่งเวลานี้มีอายุสิบสองปีพอดี แอบมองดูพี่เลี้ยงของน้องสาวที่ร้องและเต้นเหยงๆ อย่างสะใจ และเมื่อเฝ้าดูจนกระทั่งมารดาและเฉลียวเดินห่างไป จึงค่อยๆ ย่องไปหยิบถุงใส่กบที่ตนเองจัดแจงตัดแขนตัดขาซะจนหมดออกมาจากถังขยะอีกครั้ง
เด็กชายเดินหิ้วถุงนั้นลัดเลาะเข้าไปยังสวนหลังบ้าน ซึ่งเป็นบริเวณเดิมที่ทำการตัดแขนขาทารุณสัตว์อยู่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว และเวลานี้ก็คิดวิธีที่จะทรมานมันต่อไป...
เด็กชายหนึ่งมองหากิ่งไม้แห้งได้ในที่สุด และจัดการก่อไฟขึ้นอย่างรวดเร็ว...ไม่ช้าเจ้ากบเคราะห์ร้ายสี่ห้าตัวนั้นก็ถูกไม้แหลมๆ เสียบเข้าปากยันก้นทั้งเป็นๆ และเอาย่างไฟในที่สุด...
เด็กชายชุติเทพกระทำทารุณสัตว์อย่างเห็นเป็นของสนุก ไม่มีใครคิดจะว่ากล่าวตักเตือน...หรือสั่งสอนให้รู้ถึงบาปกรรมของการทำร้ายทารุณสัตว์เหล่านี้เลยสักนิด...
ดวงตาของเด็กชายลุกโพลงไปพร้อมๆ กับประกายไฟที่สว่างจ้าขึ้นอย่างสะใจ...โดยไม่คิดหรอกว่า สักวันหนึ่งชีวิตของตนจะรุ่มร้อนทุรนทุรายไม่น้อยไปกว่าที่กำลังทำเขาอยู่เวลานี้เลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?กุ๊กไก่ไปไหนฮึผึ้ง...?
เสียงถามมาจากคุณนายเศรษฐีใหญ่ ผู้มีนามว่าอารีย์ ซึ่งมีนิสัยเอื้ออารีสมชื่อจริงๆ
?ไปกับคุณพ่อค่ะ...เห็นเดินคุยกันไปทางหน้าบ้าน...?
สาวใช้บอกพลางชี้มือไปยังสนามหญ้าซึ่งด้านข้างมีไม้ยืนต้นโตประดับประดาเรียงรายอยู่รอบสนาม
คุณอารีย์มองตามไปและเห็นผู้เป็นสามี และบุตรสาวอยู่แวบๆ ก็ก้าวตามไปอย่างไม่รั้งรอ...
คุณประสพหันมาเห็นภรรยา เมื่อหล่อนเดินเข้ามาใกล้แล้วบอกเขาว่า...
?ท่านผู้ว่าฯ โทร.มานะคะ...บอกจะขอตัวกุ๊กไก่ไปถือธงกีฬาของทางจังหวัด?
ผู้เป็นบิดาเลิกคิ้วสูงพลางยิ้ม...และเหลือบตาลงมองลูกสาวอายุสิบสองที่ใครๆ ในละแวกบ้านต่างก็ลงความเห็นแล้วว่ายิ่งโตยิ่งงามชนิดหนึ่งไม่มีสองเลยทีเดียว...
?แล้วคุณตอบท่านไปว่ายังไงล่ะ?
สามีถาม เมื่อละสายตามาจากลูกแล้ว...
?ก็ขอถามคุณดูก่อนสิคะ แต่คิดว่าไม่มีปัญหา แล้วจะโทร.กราบเรียนไปอีกครั้งหนึ่ง...?
?ฮื่อ...ถูกแล้ว...ฉันไม่ขัดหรอกเรื่องนี้ รึว่าไงกุ๊กไก่?
ท่านเศรษฐีก้มลงถามลูกสาว ซึ่งเงยหน้ามองคนโน้นที มองคนนี้ทีอยู่...
?กุ๊กไก่ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ...แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว...?
ลูกสาวพูดอย่างว่าง่ายตามประสาคนหัวอ่อน...ทำเอาผู้เป็นบิดาต้องยกมือขึ้นลูบเส้นผมอ่อนสลวยนั้นด้วยความรักใคร่ปรานีเต็มหัวใจ...
?เออคุณ...? คุณประสพหันไปทางภรรยาเมื่อนึกได้...?อีกสองวันผมจะบินไปทำธุระเรื่องที่ดินที่เกาะสมุยนะ...คุณจะไปด้วยไหม?
คุณอารีย์ฟังพลางก้มมองบุตรสาวอย่างห่วงใยแวบหนึ่ง...
?แล้วยายหนูล่ะคะ...?
?กำลังจะสอบ คงไปไม่ได้...ให้อยู่ที่บ้านนี่แหละ มีคนออกมากมาย ผมจะสั่งให้คอยดูแล?
คุณประสพพูดอย่างไม่กังวลเท่าไหร่ เพราะเคยฝากฝังให้คนในบ้านดูแลมาแล้วหลายครั้ง
?แค่สองวันเท่านั้น เสร็จธุระก็จะกลับทันที?
?ฉันไม่ไปไม่ได้หรือคะ?
ฝ่ายภรรยาต่อรอง ทั้งๆ ที่ห่วงหน้าและหลัง
?ผมอยากให้คุณไปดูทำเลเสียหน่อย...เราต้องลงทุนกันหนัก แต่ผลก็คุ้มค่านะ?
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้คนฟังก็ต้องถอนใจ เพราะมันเป็นการลงทุนหนักอย่างที่ว่าจริงๆ และนอกจากจะต้องลงทุนเองแล้วยังต้อง ?กู้? เขามาเพิ่มอีกด้วย
คุณอารีย์ไม่มีคำตอบให้สามีในเวลานั้น...ทั้งสามพากันเดินเล่นไปรอบๆ บ้านที่มีต้นไม้ยืนต้นขึ้นอยู่โดยรอบอย่างที่เคยทำกันมาเป็นนิจศีลด้วยความสุข...





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังบิดามารดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทุกอย่างก็กลับตาลปัตรเมื่อ ตุลยา ต้องไปอยู่ในความดูแลของบ้านนายอำเภอ ซึ่งเคยหมั้นหมายหล่อนกับบุตรชายของเขาไว้ตั้งแต่ยังเยาว์ ทว่าภรรยาของนายอำเภอรังเกียจเมื่อรู้ว่าคนที่จะมาเป็นสะใภ้เหลือแต่ตัว จึงปฏิบัติต่อหล่อนเยี่ยงคนใช้และกลั่นแกล้งสารพัดจะทำ ซ้ำยังผลักไสจนหญิงสาวได้รับความช่วยเหลือจาก ดรัณ เจ้าของฟาร์มกล้วยไม้ที่มอบความรักและให้เกียรติหล่อน ผู้ที่ทำให้ใจดวงน้อยวูบไหวขึ้นได้เพียงแค่สบตาเขาชั่วแวบเดียว ชั่วขณะที่ตุลยาแอบมองเขานั้น...ดรัณก็หันมาและส่งยิ้มที่ทำให้หัวใจสาวน้อยหวั่นไหวไปได้ชั่วขณะ

?ผมเพียงกำลังสงสัยว่าคุณจะอยู่ที่นี่ได้นานขนาดไหน...ตลอดชีวิตได้ไหม?
?ได้สิคะ...? คนตอบตอบทันทีแล้วก็ชะงักงัน เมื่อฉุกคิดถึงความหมายของคนถามขึ้นมาได้


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”