การเดินทางไปส่งไอชาในความดูแลของฟาฮัชเพื่อไปศึกษาต่อที่อเมริกาในวันนี้ ทำให้นาดาฟาตินกลับมาด้วยความกังวล...
ความจริงหล่อนน่าจะยินดีที่น้องได้ไปศึกษาต่อในประเทศที่เจริญที่สุดในโลก...แต่นาดาฟาตินกลับไม่ได้คิดแบบนั้น
หล่อนรักและห่วงใยไอชามาก...อยากจะดูแลน้องด้วยตัวเอง...แต่โชคชะตาดูเหมือนจะไม่เข้าข้างเอาเสียเลย...
ไอชากับหล่อนถูกแยกออกจากกันครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งถึงนาทีนี้...
หล่อนเดินตามเจ้าชายพระสวามีเข้าวังอย่างเชื่องช้า...เหมือนหมดอาลัยตายอยากในชีวิตยังไงยังงั้น โดยมีการีม ราชองครักษ์เดินตามมาห่างๆ
จนกระทั่งถึงลิฟต์ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่กี่วันมานี้ เพราะแต่เดิมเจ้าชายโปรดวิ่งขึ้นบรรไดกว้างขึ้นไปด้วยพระองค์เองมากกว่า...
?เจ้าทำหน้าเหมือนกำลังถูกเอาตัวไปประหารชีวิต...?
เจ้าชายไอยมานทรงตรัสเสียงดังทันทีที่พระทวารห้องที่ประทับถูกดึงให้ปิดลง
นาดาฟาตินไม่ตอบแต่เลือกที่จะเดินหนีพระวรกายสูงเพรียวนั้นเสีย...แต่กลับถูกพระกรยื่นตามมาคล้องคอดึงหล่อนกลับไปเผชิญพระพักตร์กับพระองค์เสียทันที...
?เจ้าโกรธข้าหรือ...?
ทรงถามและวางพระหนุลงบนศีรษะของหล่อน...พระกรโอบไปรอบเอวบางที่ยังไม่หนาเท่าไหร่เพราะเพิ่งตั้งครรภ์อ่อนๆ
?เปล่าเพคะ...?
หล่อนตอบแล้วดึงตัวจะเดินหนีแต่ทรงไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ...
?ไม่จริง...เจ้าโกรธ...แต่ข้าก็อธิบายไปแล้วว่าจำเป็นไม่ใช่หรือ...?
หล่อนยังคงนิ่ง รู้ว่าถึงจะพูดไปก็เปล่าประโยชน์
เพราะเวลานี้...ไอชาก็ไปแล้ว...
?หม่อมฉันเหนื่อยเพคะ...อยากหลับ...?
หล่อนบอกพลางดึงตัวหนีอีก แต่คราวนี้ทรงช้อนหล่อนขึ้นอุ้มพาไปยังพระบรรจถรณ์ด้วยกันเลยทีเดียว
?เหมือนกันเลย...ข้าก็เหนื่อย...อยากพักเหมือนกัน...?
ทรงบอกหล่อนแล้วพาร่างกลมกลึงเสด็จพระดำเนินไปจนถึงพระที่ วางหล่อนลงพร้อมพระวรกายสูงที่ทรงทอดตามมากอดกระชับชิด...
พอถึงที่นอน...นาดาฟาตินก็หลับตาถอนใจยืดยาว...ขณะที่เจ้าชายไม่ทรงคิดจะหลับอย่างที่ทรงตรัสสักนิด
ทรงขยับพระวรกายสูงเข้าไปติดร่างของหล่อน...ทรงกอดไว้กระชับ...
วางพระนาสิก และพระโอษฐ์ลงบนแก้มนวล...กดจุมพิตประทานไปทั่วดวงหน้างาม...
?จะหลับจริงๆ เหรอ...?
ทรงถามพร้อมกับเลื่อนพระโอษฐ์ลงไปตามลำคอของหล่อน...ขณะที่พระหัตถ์อุ่นลูบไล้ไปทั่วทรวงอกอวบอิ่มอย่างพอพระทัย...
เวลานั้น นาดาฟาตินทำเฉย แกล้งนอนนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับสัมผัสอ่อนโยนเอาใจ...ที่ลูบลงไปตามเอวที่ยังบาง...
ไปหยุดนิ่งตรงหน้าท้องที่ยังแบนราบตึงแน่นไม่ขยับขยายใดๆ ...
?ลูกจะว่ายังไงไหม...ถ้าพ่อจะขอรักแม่สักครั้งน่ะ...?
ทรงถามเหมือนทรงเกรงพระทัยทั้งแม่และลูก แต่ริมพระโอษฐ์หาได้เกรงใจด้วยไม่...
พระหัตถ์อุ่นยังคงเคลื่อนต่อไปถึงข้างหลังหล่อน...แล้วซิปชุดงามที่หล่อนสวมใส่ก็ถูกรูดลงช้าๆ จนสุดสาย...
จากนั้นชุดสวยก็ถูกดึงออกไปจากร่างกลมกลึงจนเหลือแต่เพียงซับในน้อยๆ เพียงสองตัว...ซึ่งก็ถูกดึงตามกันไปจนเหลือแต่ร่างอันเปล่าเปลือย...อวบอุ่นงดงามไปทั้งเนื้อทั้งตัวเพียงอย่างเดียว...
นาดาฟาตินไม่ยอมเปิดดวงตาหล่อนขึ้นเลย...แม้จะทรงทั้งกอดทั้งจูบ ทั้งลูบทั้งไล้ไปทั่วแผ่นหลัง...และทรวงอกอวบงามของหล่อน...
จนทรงพลิกร่างงามกลับไปหา...และทอดพระเนตรหล่อนด้วยดวงเนตรคมกริบวาววามตลอดร่าง...นาดาฟาตินก็ยังนิ่งเฉย...
?เจ้าโกรธข้าจริงๆ ?
ทรงย้ำอีกก่อนจะกดริมโอษฐ์สีสดไม่แพ้อิสตรีลงบนทรวงอกอวบอิ่มของหล่อน แล้วลากจุมพิตสลับกับพระชิวหาอุ่นไปทั่วอกอวบนุ่มหยุ่นอย่างพอพระทัย...
นาดาฟาตินยังคงนอนเฉย...เมื่อพระหัตถ์ได้รูปวางลงบนขาอ่อนตึงแน่น
สัมผัสอันอ่อนโยนลูบไล้ไปทั่วด้วยความรู้สึกว่าทรงเป็นเจ้าของร่างงามทุกตารางนิ้วตรงหน้า...
ทรงจูบหล่อนไปทั้งตัวอย่างที่ทรงโปรด...จูบแล้วจูบเล่าอย่างที่ทรงปรารถนา ปลุกหล่อนจากอาการเฉยเมย เย็นชา ให้ลืมตาขึ้นมามองพระองค์...
มารับความรักที่กำลังทรงประทานให้อย่างอ่อนโยนอบอุ่น...และตอบสนองความรักที่ทรงมอบให้...
?เอาเถอะ...จะโกรธแค่ไหนก็โกรธไป...ข้ารักเจ้าข้างเดียวก็ได้...?
ทรงรำพึงรำพันกับพระองค์เองก่อนจะทรงจูบซับความหวานจากหล่อนไปตลอดตัว...กระตุ้นให้หล่อนลืมตาตื่นขึ้นจนได้...
จนในที่สุดหล่อนต้องลืมตาขึ้นสบกับดวงพระเนตรคมกริบที่โน้มลงมามองหล่อนจริงๆ ...แล้วถอนใจยืดยาว...เมื่อถูกปลุกเร้าจนร้อนระอุไปทั้งตัว
หล่อนยอมให้พระองค์เป็นเจ้าของหล่อนตามที่ทรงปรารถนา...
ได้ยินพระสุรเสียงแห่งความพึงพอพระทัยคร่ำครวญอยู่ใกล้ๆ ใบหู ขณะที่พระอุระกว้างแน่นไปด้วยพระกล้ามเนื้อแข็งแรงนั้นเบียดกระชับอยู่กับทรวงอกเปล่าเปลือยของหล่อน...
พระวรกายสูงแข็งแกร่งไปทั้งตัวเบียดแน่นอยู่กับร่างอวบอุ่นของหล่อน...
?ข้ารักเจ้าเหลือเกินนาดาฟาติน...แม่น้ำค้างของข้า...?
ทรงกระซิบอยู่กับใบหูของหล่อน...บอกให้หล่อนรู้ว่าทรงรักหล่อนแค่ไหน...ตลอดราตรีนั้น...
----------------------------------------------------------------------------------------
เสียงเคาะพระทวารถี่ๆ ในตอนสายวันต่อมา...ไม่เคยบังเกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีเหตุจำเป็นหรือร้ายแรงจริงๆ
พระวรกายสูงที่อิงแอบอยู่แนบหลังพระชายาทรงพระวรกายขึ้นทันทีเมื่อทรงนึกได้...ก่อนจะขยับพระองค์ลงจากพระที่พร้อมกับคว้าพระภูษาคลุมพระองค์ไปด้วยทันที...
การีมยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อทรงเปิดพระทวารออกไปเห็นราชองครักษ์...
?เรื่องด่วนพ่ะย่ะค่ะ...อิหม่ามกับเจ้าชายอะซัคกำลังนำกำลังทหารมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ...?
คำถวายรายงานทำเอาดวงเนตรยาวรีคมกริบทรงหรี่ลงอย่างครุ่นคิด พร้อมกับพยักพระพักตร์อย่างเข้าใจก่อนจะทรงปิดพระทวารลงอย่างรวดเร็ว...
?ยอดรัก...?
ทรงกลับไปปลุกหล่อนบนพระที่พร้อมกับทรงคลุมร่างเปลือยด้วยเสื้อคลุมแพรสีชมพูให้อย่างอ่อนโยน...
?ลุกเถอะ เจ้าต้องไปกับไลมูนเดี๋ยวนี้...?
ทรงช้อนอุ้มหล่อนจากพระบรรจถรณ์มาจนถึงหน้าพระทวารอย่างรวดเร็ว...พอเปิดออก...ไลมูนก็ยืนคอยอยู่แล้วอย่างรู้หน้าที่...
?ตามหม่อมฉันมาเพคะ พระชายา...?
วาจาของไลมูนทำให้นาดาฟาตินรู้ว่าหล่อนไม่ใช่ลูกพ่อค้าธรรมดาอีกต่อไปแล้ว...แต่มันก็แค่ประเดี๋ยวเดียว...
ไลมูนพาหล่อนวิ่งตรงไปยังลิฟต์...และพาเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปอย่างรวดเร็วจนถึงบันไดที่ทอดลงสู่อุโมงค์เบื้องล่างที่เคยได้ใช้กัน...
นาดาฟาตินตื่นเต็มตาในตอนนั้น แล้วถามไลมูนว่า...
?นี่กำลังจะไปไหนกัน...!??
?เราต้องหนีอีกแล้วเพคะ?
?หนีไปไหน...? ?
?ออกไปจากวังให้เร็วที่สุดก่อนเพคะ...แล้วไลมูนจะบอกเหตุผลทีหลัง...?
ไลมูนบอกแล้วพาหล่อนออกไปจากที่นั้นอย่างเร็วที่สุด...เท่าที่จะเร็วได้ จนกระทั่งมาถึงกระท่อมที่เคยมา
ไลมูนจับนาดาฟาตินแต่งตัวด้วยชุดดำอย่างที่เคยทำ และคลุมหน้าด้วยผ้าดำเห็นแต่ลูกกะตาอย่างเคย
ก่อนจะดึงออกไปนอกบ้าน...ปะปนไปกับผู้คนมากมายจนกระทั่งถึงตลาด...
ไลมูนจับนาดาฟาตินเข้าไปในตึกเก่าๆ แห่งหนึ่ง...เข้าไปในห้องน้ำแล้วส่งเครื่องมือเครื่องใช้มาให้ได้ล้างหน้าแปรงฟัน...ตามด้วยผ้าขนหนูสะอาดแล้วออกไปรอนอกห้อง...ปล่อยให้นาดาฟาตินจัดการกับตัวเองจนเรียบร้อย...
เมื่อออกจากห้องไลมูนก็ยกถาดอาหารง่ายๆ เข้ามาวางลงตรงหน้า แล้วนั่งรอจนนาดาฟาตินดื่มกาแฟ และกินอาหารพื้นเมืองง่ายๆ ได้ไม่กี่คำก็กลืนไม่ลง
หล่อนมองตาไลมูนเหมือนรอคำตอบ เมื่ออีกฝ่ายหันซ้ายหันขวา สำรวจไปรอบตัวว่าไม่มีใครมาได้ยินอย่างแน่นอนแล้ว...
?เจ้าชายถูกจับเพคะ...?
?อะไรนะ...??
คราวนี้เสียงนาดาฟาตินไม่เบาเลย...จนไลมูนต้องจ่อนิ้วกับปากเป็นเชิงห้าม...
?จับไปไหน...??
?จับเข้าวังเพคะ...ตามข้อกล่าวหาว่าพระองค์ทรงขบถ...พยายามล้มล้างราชบัลลังก์โดยสั่งสมกำลังทหาร และอาวุธไว้เต็มวัง...?
นาดาฟาตินอ้าปาก อยากจะพูดว่าพวกนั้นบ้าแล้ว...
แต่ที่ทำได้คืออ้าปากค้างแล้วก็หุบปากเมื่อนึกได้...
?ตอนนี้ถูกควบคุมเข้าวังไปแล้วเพคะ...?
?ใครมาจับ...?
หล่อนถามเมื่อตั้งสติได้...
?อิหม่ามซัยยิดดุลกับเจ้าชายอะซัค เสด็จมาเองเลยเพคะ...?
?แล้วพระราชาล่ะ...พระองค์ต้องไม่ยอมให้ทำแบบนั้นแน่...?
?พระราชาทรงประชวร เข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้เพคะ...?
ไลมูนรายงานจบ...นาดาฟาตินก็เข้าใจทันที
ในเมื่อพระราชาองค์เดียวเท่านั้นที่จะทรงหยุดยั้งการจับตัวเจ้าชายได้ต้องทรงเข้าโรงพยาบาลเสียแล้ว...ใครจะห้ามได้...
นาดาฟาตินไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าชายอะซัคนูมาจะยอมให้อิหม่ามทำเช่นนี้...
แต่เพื่ออำนาจ...ก็ทรงยอมแล้ว...
หล่อนถอนใจยืดยาว...รู้สึกหนาวไปทั้งหัวใจ...นึกถึงพระวรกายสูงที่ทรงประคองหล่อนไว้ในอ้อมแขนตลอดคืนแล้วรู้สึกเป็นห่วงพระองค์จนบอกไม่ถูก...
จะทรงเป็นอย่างไรบ้างหนอเมื่อทรงถูกหักหลัง เอาพระองค์เข้าคุกไปแล้วแบบนี้...
พอคิดได้หล่อนก็นึกดีใจที่เวลานี้ไอชาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว...
น้องสาวของหล่อนไปปลอดภัยอยู่ในแดนไกลแล้ว...เหลือเพียงหล่อนกับพระองค์เท่านั้นที่จะต้องต่อสู้กันต่อไป...
แล้วจะทำอย่างไรดี...จะช่วยเจ้าชายได้ยังไง...
?ใครส่งข่าวให้เจ้า ไลมูน...?
หล่อนหันไปถามนางกำนัลอย่างสงสัย...
?คนของเจ้าชายมีอยู่ทั่วเพคะ...เราติดต่อกันเป็นระยะๆ ?
?แล้วถ้าทรงอยู่ในคุกล่ะ...เราจะติดต่อพระองค์ได้ไหม?
คำถามนี้ไลมูนไม่ได้ตอบ...หล่อนนิ่ง...ขณะที่นาดาฟาตินแสนกังวล...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากกองกำลัง รีมซีร่า ปราบกบฏที่ต้องการล้มล้างราชบัลลังก์ได้สำเร็จ
เจ้าชายไอยมาน ผู้นำทัพกลับถูกกล่าวหาจากองค์รัชทายาทว่าเป็นกบฏเสียเอง
ด้วยต้องการกำจัดเขาให้พ้นทางหลังถูกยุยงโดยคนชั่วที่ต้องการหลอกใช้
นาดาฟาติน ผู้เป็นชายาจึงถูกให้ลี้ภัยไปยังกาโยร่าเพื่อที่เจ้าชายจะได้มิต้องทรงกังวล
หากทว่าระหว่างทางกลับถูกกักตัวไว้โดยชนเผ่าหนึ่งในทะเลทราย
เจ้าชายไอยมานจึงต้องตามไปชิงร่างนุ่มหอมที่ไม่เคยต้องห่างวงแขนกลับคืน
ขณะเดียวกันยิปซีสาวประจำเผ่าก็พยายามทำทุกทางเพื่อให้ได้ครอบครองพระองค์
แต่ไม่ว่าอุปสรรคใดก็มิอาจแยกสายใยรักที่ทั้งสองร่วมกันถักทอมาได้...
