New Release : การหลบหนีของท่านเคานท์กำมะลอ (เล่ม 5)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : การหลบหนีของท่านเคานท์กำมะลอ (เล่ม 5)

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ ดินแดนเขาวงกตเหมือนฝัน

ใครเป็นคนแรกที่เล่านิทานเรื่องนี้ให้ฟังนะ

ภายในป่าใหญ่มืดสนิท หมอกปกคลุมทั่วบริเวณ
แสงไฟจำนวนนับไม่ถ้วนค่อยๆ ปรากฏขึ้นรางๆ เขามองไปยังจุดเหล่านั้น โดยที่ตัวยังล้มนอนอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดจนรู้สึกเจ็บโสตประสาท แล้วจู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้
จริงด้วย คนที่เล่าให้เขาฟัง....คือเธอนั่นเอง

***

เธอลักลอบเข้ามาทางหน้าต่างห้องหนังสือเฉกเช่นทุกที และแอบพาตัวเขาซึ่งกำลังหมกมุ่นอยู่กับการเรียนออกไปยัง ?ฐานทัพลับ? สถานที่แลกเปลี่ยนบทสนทนาเรื่อยเปื่อยของพวกเขาทั้งสอง
?ว่ากันว่าในป่าลึก มีพระราชวังของดินแดนในฝันตั้งอยู่ด้วยเพคะ ภายในวังมีคนนำทาง อัศวินเฝ้าประตู และนักบวชหญิงอาศัยอยู่ ดินแดนแห่งนั้นงดงามราวกับอยู่ในความฝัน แต่เฉพาะผู้ที่กำลังสิ้นหวังและละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างได้แล้วเท่านั้นจึงสามารถเข้าไปได้.... โอลิเลียสบอกว่าเขาเขียนเพลงนั้นขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องนี้แหละเพคะ?
โอลิเลียสคือนักดนตรีประจำวังหลวง แถมยังเป็นอาจารย์สอนเปียโนของพวกเขาอีกด้วย อาจารย์มักนำนิทานหรือกาพย์กลอนต่างๆ มาเป็นวัตถุดิบในการแต่งเพลง ตัวเขาสนใจแต่โน้ตเพลงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในขณะที่เธอค้นคว้าไปถึงที่มาที่ไปของเพลงด้วย เธอจึงได้รับคำชมจากอาจารย์เป็นประจำ
?ดินแดนเขาวงกตเหมือนฝัน เป็นสถานที่ที่ทั้งสว่างไสวและเต็มไปด้วยเรื่องสนุกสนาน ไม่มีเรื่องเศร้าหรือเรื่องทุกข์ทรมานใดๆ เลยเพคะ เพราะทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข จนลืมเรื่องหม่นหมองในใจไปหมดสิ้น?
เธออธิบายราวกับว่าเคยไปเยี่ยมเยียนที่นั่นมาแล้วจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ค่อยมีความรู้สึกร่วมอยู่ดี คงเพราะนิสัยเช่นนี้ล่ะมั้ง เขาจึงถูกอาจารย์ติเตียนอยู่เสมอว่าขาดทักษะในการพรรณนาความรู้สึก
?มีสถานที่แบบนั้นอยู่จริงๆ หรือ??
?หม่อมฉันคิดว่ามีอยู่จริงเพคะ บางทีอาจอยู่ใกล้กว่าที่เราคิดไว้ก็เป็นได้ นั่นไง ต้องอยู่แถวประเทศของเจ้าหญิงว่าที่พระมเหสีของฝ่าบาทอย่างแน่นอน?
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ ก่อนลุกขึ้นยืนปัดเศษดินออกจากเสื้อผ้า ดูเหมือนว่าเวลาพักจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่เขายังมีเรื่องที่อยากคุย.... อยากถามเธออยู่อีกหนึ่งอย่าง
?....ได้ยินว่าท่านจะแต่งงานกับมกุฎราชกุมารแห่งอัลเทมาริส เป็นความจริงหรือ??
ใบหน้าของเธอดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในทันที
?ข่าวไวจังเลยนะเพคะ ใช่ เป็นเรื่องจริงเพคะ ท่านแกรนด์ดยุคทรงเอ่ยปากกับหม่อมฉันด้วยพระองค์เองเลย ที่จริงพระองค์คงปรารถนาให้ท่านมารีลูเซียไปเป็นพระชายามากกว่า แต่ท่านมารีลูเซียเพิ่งห้าชันษาเท่านั้น หม่อมฉันได้ยินมาว่า ทางอัลเทมาริสต้องการผู้หญิงวัยที่พร้อมมีบุตรได้ในทันที?
?แล้วทำไมต้องเป็นท่านด้วยล่ะ??
หากพูดถึงวัยพร้อมมีบุตร ตัวเขายังมีพี่สาวอยู่อีกตั้งสองคน แถมยังโสดทั้งคู่ด้วย นอกจากนี้เสด็จพี่ทั้งสองยังเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาแห่งมกุฎราชกุมารมากกว่าตัวเธอซึ่งมีศักดิ์เป็นเพียงหลานสาวของเสด็จพ่ออีกต่างหาก
?ท่านแกรนด์ดยุคทรงเกรงว่าเสด็จแม่ของเจ้าหญิงทั้งสองจะทะเลาะกันน่ะสิเพคะ ซึ่งหม่อมฉันก็คิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ เพราะใครต่างก็อยากได้รับเกียรติอันสูงส่งขึ้นเป็นพระชายาขององค์มกุฎราชกุมารด้วยกันทั้งนั้น ท่านแกรนด์ดยุคทรงเล็งเห็นว่าหากเลือกเจ้าหญิงองค์ใดองค์หนึ่ง อาจเกิดปัญหาภายในขึ้นได้ จึงทรงต้องเลือกหม่อมฉันอย่างไม่มีทางเลือกเพคะ?
?........?
?....หากหม่อมฉันไม่อยู่ ฝ่าบาทจะเหงาหรือไม่เพคะ??
เมื่อเห็นเขานิ่งเงียบไป เธอคงกังวลจึงเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ถึงไม่ต้องถาม เธอก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว เขาก้มหน้างุดก่อนพยักหน้า
?นั่นสิ ไม่มีใครพาฝ่าบาทหนีออกมาจากห้องเรียนได้อีกแล้ว และฝ่าบาทก็คงไม่มีโอกาสได้ออกมาอู้เช่นนี้อีกแล้วด้วยนะเพคะ??
เธอกล่าวติดตลก จากนั้นก็ค่อยๆ ก้มตัวลงเล็กน้อยสบตากับเขา และยื่นมือมากุมมือของเขาเอาไว้
?ฝ่าบาท สักวันหนึ่งหากฝ่าบาทโตเป็นผู้ใหญ่และได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของเซียรัน หม่อมฉันมั่นใจว่าเซียรันต้องเป็นประเทศที่ดีเยี่ยมยิ่งกว่าตอนนี้อย่างแน่นอนเพคะ หม่อมฉันเองก็จะพยายามในฐานะพระชายาของอัลเทมาริสเช่นเดียวกัน หากวันนั้นมาถึง เรามาเชื่อมสัมพันธภาพของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นๆ ไปนะเพคะ แม้เราจะอยู่ต่างถิ่นกัน แต่หม่อมฉันก็จะคอยสนับสนุนฝ่าบาทอยู่เสมอ?
แล้วอีกอย่าง คราวนี้เธอเปลี่ยนมาทำสีหน้าจริงจัง กระแอมหนึ่งครั้งก่อนกล่าวต่อ
?แน่นอนว่าการจะเป็นท่านแกรนด์ดยุคที่ยิ่งใหญ่ได้นั้น การเรียนนับเป็นสิ่งสำคัญ แต่การให้ความสำคัญกับภรรยาก็สำคัญไม่แพ้กันนะเพคะ ห้ามปฏิบัติตัวต่อเธอผู้นั้นราวกับเป็นเพื่อนเหมือนเวลาฝ่าบาททรงคุยกับหม่อมฉันเป็นอันขาด ฝ่าบาทต้องอย่าลืมทำตัวให้สุภาพ อ่อนโยน และอบอุ่นอยู่เสมอ หากทรงกระทำสิ่งใดให้เธอผู้นั้นขุ่นเคืองใจ ฝ่าบาทต้องรีบขอโทษในทันที เอาเป็นว่าต้องยอมเชื่อฟังอีกฝ่ายนั่นแหละเพคะ นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจำไว้ให้ขึ้นพระทัย?
?เหมือนเวลาปฏิบัติต่อเสด็จแม่หรือ??
เขาเอ่ยปากถามพลางครุ่นคิด ฟังดูช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็เอียงศีรษะพร้อมเผยรอยยิ้มเชิงขบขัน
?ในประเทศนี้ ผู้หญิงที่มีศักดิ์สูงกว่าฝ่าบาทคงมีแค่ท่านแกรนด์ดัชเชสพระองค์เดียวเท่านั้นสินะ ตอนนี้ฝ่าบาทเข้าใจเช่นนั้นไปก่อนก็ได้เพคะ แต่วันหนึ่งหากฝ่าบาทได้เจอกับคนคนนั้นจริงๆ หม่อมฉันมั่นใจว่าฝ่าบาทจะสามารถปฏิบัติตามที่หม่อมฉันบอกได้อย่างเป็นธรรมชาติเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลพระทัยไปก็ได้เพคะ?
ถ้าให้หม่อมฉันเดาจากนิสัย ฝ่าบาทน่าจะเป็นประเภทที่เชื่อฟังผู้หญิงที่ตัวเองชอบแน่เลย ....เธอกล่าวทิ้งท้ายไว้เช่นนั้น ก่อนค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้า

***

เขาไม่สามารถรักษาสัญญาได้
เธอไม่ได้เป็นพระชายาของมกุฎราชกุมารแห่งอัลเทมาริส และตอนนี้ตัวเขาก็กำลังล้มนอนอยู่เพียงลำพังท่ามกลางป่าลึกอันมืดมิด
นี่คือป่าที่เธอเล่าให้ฟังหรือเปล่า ดินแดนเขาวงกตเหมือนฝันในป่าลึก เขาเดินทางมาถึงแล้วใช่ไหม
หากแสงไฟซึ่งกำลังลอยอยู่เหนือหมอกนี่ คือแสงที่สาดส่องมาจากเขาวงกตก็จะดีมากเลยทีเดียว
ขณะกำลังครุ่นคิดด้วยอาการสะลึมสะลืออยู่นั่นเอง จู่ๆ เสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามา แต่เขากลับไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่ปลายก้อย
?....นี่เธอ เป็นอะไรหรือเปล่า!??
ใบหน้าของหญิงสาวผมสีทองปรากฏขึ้นในสายตา
สงสัยเธอคงเป็นนักบวชหญิงล่ะมั้ง เขาคิดไปเองเช่นนั้นโดยไม่มีมูลใดๆ แต่นั่นก็ทำให้เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เปลือกตาค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดก็มาถึงจนได้
ไม่มีใครตาย ไม่มีใครหักหลัง ที่นี่คือเขาวงกตเหมือนฝัน เขาปรารถนาอยากไปให้ถึงที่นั่นจากก้นบึ้งของหัวใจ



บทที่ 1 นี่ต้องเป็นมเหสีลำดับที่สองจริงๆ หรือ!?

ช่วงนี้มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นภายในคฤหาสน์ของท่านดยุคเบลุนฮัลท์
เสียงน่าสยดสยองดังกึกก้องออกมาจากห้องครัวทางฝั่งตะวันออกของคฤหาสน์ตลอดทั้งวันทั้งคืนไม่ขาดสาย บรรดาคนครัวต่างหน้าซีดเผือด แม้แต่นางกำนัลก็พากันน้ำตาคลอเบ้าไปตามๆ กัน
?น่าสงสารเหลือเกิน ฉันว่าต้องเป็นโรคประหลาดแน่ๆ ได้ยินว่าตอนถูกปฏิเสธเรื่องสืบทอดกิจการร้านขนมปัง คุณหนูช็อกไปพักใหญ่เลยทีเดียว ที่เป็นแบบนี้คงเพราะจิตใต้สำนึกถูกเก็บกดมานานจนสติแตก?
?ไม่ใช่หรอก ฉันว่าเป็นเพราะคำสาปต่างหาก มีคนตั้งมากมายที่ท้องเสียเพราะกินขนมปังของคุณหนูเข้าไป ฉันว่าคนพวกนั้นคงทำคุณไสยใส่เป็นแน่ คุณหนูเลยห่างจากแป้งสาลีไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียวแบบนี้อย่างไรล่ะ?
?ไม่ ฉันว่าเรื่องนั้นมากกว่า คุณหนูคงไปบนบานกับพระเจ้า ว่าถ้าอบบิสกิตสำหรับหนึ่งพันคนเสร็จภายในสามวันก็ขอให้สมปรารถนา อะไรประมาณนี้ ฉันว่าคุณหนูยังตัดใจจากความฝันเรื่องร้านขนมปังไม่ได้หรอก?
?ถึงจะน่าสงสารก็เถอะ แต่ฉันว่าคุณหนูน่าจะตัดใจจากเรื่องขนมปังได้แล้วนะ ทั้งนี้ก็เพื่อตัวคุณหนูเอง....กรี๊ด?
แกร๊งๆ โครมคราม เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังแทรกเข้ามา เล่นเอาบรรดานางกำนัลซึ่งกำลังกระซิบกระซาบกันตรงบริเวณซึ่งห่างจากห้องครัวไปเล็กน้อยถึงกับสะดุ้งโหยง จังหวะเหมาะเจาะขนาดนี้ ราวกับว่าคนที่ถูกพูดถึงได้ยินเสียงสนทนาลับๆ อย่างไรอย่างนั้น สงสัยคงคิดไปเองล่ะมั้ง
?....มะ ไม่ว่าจะทำอะไร ก็น่ากลัวไม่เปลี่ยนเลยเนอะ....?
พวกเธอพยักหน้าซีดเผือดให้กันและกัน ก่อนสลายวงไปอย่างรวดเร็ว
ระเบียงทางเดินเงียบสงบได้ไม่ทันไร เสียงบีบคั้นของชายคนหนึ่งก็ดังกึกก้องตามมา
?โรดอล์ฟ ตามบาทหลวงแล้วหรือยัง!??
เอดูอัลท์ ท่านดยุคเบลุนฮัลท์แผดเสียงตะโกนถาม ดวงตาของเขาแดงก่ำเพราะนอนไม่หลับมาสามวันแล้ว หัวหน้าพ่อบ้านโรดอล์ฟตอบกลับอย่างรวบรัด ในขณะที่ขาของเขากำลังสับกันเป็นระวิงก้าวตามเจ้านายของตัวเอง
?ตามแล้วครับ จะมาถึงคืนนี้ครับ?
?แล้วหมอดูล่ะ??
?มาถึงคืนนี้เหมือนกันครับ?
?หมอล่ะ?
?น่าจะมาถึงช่วงบ่ายครับ?
?นักวิชาการ!?
?ต้องขอประทานโทษด้วยครับ แต่ดูเหมือนว่าในกรีนฮิลเด้จะไม่มีนักวิชาการสาขาการอบขนมครับ?
?ถ้าอย่างนั้นก็ไปควานหาจากทั่วทั้งประเทศสิ ถ้าไม่เจอจริงๆ ไปหาในรีเซแลนด์เลยก็ได้?
?นายท่าน ผมขอถามอะไรโง่ๆ สักหน่อยได้ไหมครับ คือในโลกนี้มีนักวิชาการที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับการอบขนมเป็นหลักด้วยหรือครับ?
?ถ้างั้นนักวิชาการแป้งสาลีก็ได้!?
?ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นเล็กน้อยนะครับ แทนที่จะเรียกนักวิชาการมา ผมว่าตามผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับสภาวะจิตใจของเด็กผู้หญิงช่วงวัยรุ่นดีกว่าไหมครับ?
?ถ้างั้นเรียกมาให้หมดเลย! รีบไปตามมาเดี๋ยวนี้!?
เอดูอัลท์ออกคำสั่งเสียงแข็ง จากนั้นสีหน้าของเขาก็อ่อนยวบลงทันทีราวกับจะร้องไห้ เขาค่อยๆ หันไปมองทางห้องครัวด้วยท่าทีหวาดหวั่น น้ำตาปริ่มรอบดวงตาทั้งสองข้าง
?อา.... เกิดอะไรขึ้นกับมิเรย์เนี่ย แถมเฟร็ดดันไม่อยู่ในเวลานี้เสียด้วย.... ฉันว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นในคืนแสดงละครเวทีนั่นเป็นแน่....?
จู่ๆ ลูกสาวที่น่ารักก็แสดงพฤติกรรมแปลกประหลาด ทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อแทบแตกสลาย ถึงจูเลียจะพูดว่า ?ปล่อยลูกไปเถอะ ปกติลูกก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว? แต่สำหรับเอดูอัลท์ผู้ไม่รู้จักว่าอะไรคือ ?ปกติ? นี่คือเหตุการณ์ฉุกเฉินระดับวิกฤตเลยก็ว่าได้
เอดูอัลท์แอบมองเข้าไปในห้องครัวพลางบิดผ้าเช็ดมือไปมา และในจังหวะนั้นเอง จู่ๆ มีนางกำนัลคนหนึ่งวิ่งเร็วจี๋มุ่งหน้ามาหาเขาตามระเบียงทางเดิน ปกติแล้วพฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นเรื่องเสียมารยาทที่ไม่ควรปฏิบัติภายในคฤหาสน์ แต่ในสถานการณ์ไม่ปกติอย่างนี้ ไม่มีใครสนใจที่จะตำหนิติเตียนทั้งนั้น
?นายท่าน นายน้อย นายน้อยกลับมาแล้วค่ะ!?
?ว่าอย่างไรนะ!??
หลังรอคอยมานานแสนนาน ในที่สุดลูกชายผู้สืบทอดตระกูลก็กลับมาถึงบ้านจนได้ เอดูอัลท์เบิกตาโพลงโตและรีบวิ่งหน้าตั้งไปยังโถงทางเข้าทันที
ไม่ได้กลับบ้านมาสี่วันเต็มๆ ....แถมยังกลับมาตอนเช้าเสียด้วย.... บรรดาคนรับใช้และผู้เป็นพ่อต่างน้ำตาไหลอาบแก้ม ทุกคนต้อนรับการกลับบ้านของเฟร็ดด้วยความตื้นตัน
?นี่ลูกหายไปไหนมา รู้ไหมว่าระหว่างที่ลูกไม่อยู่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น!?
เฟร็ดวางสัมภาระลง พร้อมมองผู้เป็นพ่อซึ่งโผเข้ามาเกาะเขาแน่นด้วยอาการตกตะลึง
?อ้อ ผมไปเที่ยวที่ลูเวลุนมา มีอะไรเกิดขึ้นหรือ??
?มิเรย์ มิเรย์?
?มิเรย์เป็นอะไร??
น้ำตายิ่งเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเอดูอัลท์มากขึ้นเรื่อยๆ
?ขังตัวเองอยู่ในห้องครัวมาสามวันสามคืนแล้ว เอาแต่อบบิสกิตไม่ยอมหยุดอย่างกับมีอะไรเข้าสิงงง!?
เอดูอัลท์ตะโกนก้องพร้อมกับซุกหน้าร้องไห้ เฟร็ดจ้องผู้เป็นพ่ออย่างไม่ละสายตา
?....นี่มันเรื่องอะไรกัน?
?ก็เพราะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรนี่แหละ ถึงได้ลำบากกันอยู่นี่ไงงงง?
?อ้อ นั่นสินะ?
เฟร็ดพยักหน้าก่อนเบนสายตามองไปไกลๆ
?มิเรย์ก็โตเป็นสาวแล้ว.... คงมีเรื่องอะไรบางอย่างต้องครุ่นคิด แต่ดูเหมือนจะเป็นคนความรู้สึกช้าไปสักหน่อย?
?เอ๋ นี่ลูกรู้ด้วยหรือว่ามิเรย์กำลังกลุ้มใจเรื่องอะไร?
?ไม่รู้หรอก?
เฟร็ดซึ่งบ่นพึมพำกับตัวเองกล่าวปัดความหวังของผู้เป็นพ่อทิ้งไป จากนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้าง
?ช่วยไม่ได้ เดี๋ยวผมไปดูอาการให้เอง คงมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นแหละที่สามารถหยุดเด็กคนนั้นได้?
?ฝากด้วยนะ!?
เสียงเชียร์ดังกระหึ่มรอบบริเวณโถงทางเข้า
ดูเหมือนน้องสาวของเฟร็ดจะอาการหนักเอาการ แม้ไม่รู้รายละเอียดมาก แต่แน่นอนว่าเฟร็ดพอเดาได้ว่าสาเหตุมาจากอะไร เมื่อนึกแล้วเฟร็ดก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย

***

(ไม่....)
ตุ้บ มิเรย์กระแทกก้อนแป้งลงบนโต๊ะอย่างแรงก่อนหายใจเข้าลึกๆ
(ไม่.... ไม่ ไม่ ไม่....)
มิเรย์นวดแป้งพลางพึมพำเช่นนั้นกับตัวเองราวกับท่องบทสวด ดวงตาของเธอนิ่งสนิทไม่ต่างจากปลาที่ตายแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากเธอไม่ได้นอนมาสามวันสามคืนเต็มๆ อีกทั้งสมองของเธอยังไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่วินาทีเดียวด้วย เธอมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา
(ไม่.... ใช่แล้ว ที่นี่คือโลกแห่งความว่างเปล่า.... ไม่มีใครอยู่ที่นี่ทั้งนั้น เรื่องแปลกๆ ในสมองของฉันเป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อ ที่นี่มีแค่ฉันคนเดียว มีแค่ฉันคนเดียวซึ่งกำลังอบบิสกิตอยู่....)
เป็นอย่างที่มิเรย์พึมพำจริงๆ ภายในห้องครัวไม่มีใครเลยนอกจากมิเรย์ เนื่องจากสภาพไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นของมิเรย์ในตอนนี้ดูน่ากลัวเกินไปจนบรรดาคนรับใช้ต่างไม่กล้าเข้าใกล้ แต่สิ่งที่มิเรย์กำลังกังวลไม่ใช่เรื่องนี้หรอก ที่จริงมิเรย์กำลังใช้สมาธิอย่างแรงกล้าจนไม่มีเวลาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำว่าตอนนี้ทุกคนต่างหวาดผวาหนีห่างจากเธอ
(ที่นี่มีแค่ฉันกับบิสกิต ฉันชอบบิสกิตมากที่สุด ในสายตาของฉันมีแค่บิสกิตเท่านั้น สิ่งอื่นไม่มีความหมายอะไรต่อฉันเลย ฉันคลั่งไคล้บิสกิตมากๆ ชอบที่สุด ชอบมากจริงๆ....)
สายตาของมิเรย์จ้องก้อนแป้งตรงหน้าเขม็ง พลางขยับมือนวดอย่างตั้งอกตั้งใจ ที่จริงเธอไม่ได้ชอบบิสกิตมากมายขนาดนั้นหรอก แต่มิเรย์พยายามฝืนตัวเองไม่ให้คิดเช่นนั้น
(เพราะฉะนั้น....ตัวฉัน ไม่ได้ชอบอะไรอย่างอื่นเลย)
?จริงหรือ??
เสียงดังมาจากทางด้านหลัง มิเรย์หันไปมอง เธอจำได้ว่านั่นคือเสียงของเฟร็ด
แต่เฟร็ดกลับไม่ได้อยู่ตรงนั้น และทันใดนั้นเองรอบตัวของมิเรย์ก็กลายเป็นสีขาวโพลน แม้แต่ก้อนแป้งที่กำลังนวดอยู่ก็พลอยหายไปด้วย
?เธอกำลังกลุ้มใจเรื่องริฮาร์ทอยู่ล่ะสิ?
เสียงของพี่ชายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง.... ชื่อนี้กระทบโสตประสาทของมิเรย์เข้าอย่างจัง.... ทำให้จุดยืนที่ว่าจะไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากบิสกิตนั้นปลิวหายไปภายในพริบตา
ตลอดสามวันที่ผ่านมา มิเรย์พยายามขับไล่คนคนนี้ออกไปจากสมอง แต่กลับไม่สามารถทำได้ ผู้ชายคนนี้เอาแต่นั่งแช่อยู่ในหัวไม่ยอมขยับไปไหน และพอนึกถึงเรื่องของเขาคนนั้น ใบหน้าของมิเรย์ก็แดงก่ำ
?มะ ไม่ใช่สักหน่อย! ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว! ไม่เกี่ยวกันเลย!?
?จะไม่เกี่ยวกันได้อย่างไร....?
เสียงเปลี่ยนไปจากเมื่อสักครู่ เมื่อมิเรย์หันไปมอง เธอพบจี๊คกำลังยืนเล่นดอกกุหลาบในมือ
มิเรย์เบิกตาโพลงโต จี๊คส่งรอยยิ้มแฝงเลศนัยมาให้
?ในคืนเทศกาลสมโภชนักบุญ เธอได้รับของขวัญจากริฮาร์ทด้วยไม่ใช่หรือ?
?ละ....แล้วอย่างไร? ก็แค่ของขวัญวันเกิด?
?แต่เขาอาจให้เธอเพราะเหตุผลอื่นก็ได้?
?มะ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก จะมีเหตุผลอะไรอีก?
?....ฉันว่าเธอน่าจะรู้ดี....?
ดวงตาของจี๊คซึ่งหลุบต่ำลงชื่นชมดอกกุหลาบกลิ่นหอมในมือ ค่อยๆ เงยขึ้นส่งสายตาสื่อความนัยให้มิเรย์
?วันเทศกาลสมโภชนักบุญ คือวันที่เราจะมอบของขวัญให้กับคนที่เรารัก และก็แค่บังเอิญตรงกับวันเกิดของเธอพอดี มีผู้ชายคนไหนมอบต่างหูคู่สำคัญให้กับผู้หญิงที่ไม่ได้คิดอะไรด้วยงั้นหรือ....??
จี๊คโยนคำถามใส่ราวกับต้องการลองใจ ใบหน้าของมิเรย์แดงขึ้นกว่าเดิม เธอตอบกลับด้วยอารมณ์ฮึดฮัด
?ถึงเขาให้ฉันด้วยเหตุผลอื่นก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่!? ขะ เขาเป็นคนใจดีมีน้ำใจอยู่แล้ว?
?ใช่แล้วเพคะ ฝ่าบาท อย่าตรัสวาจาใจร้ายกลั่นแกล้งกันเช่นนี้เลยเพคะ?
คราวนี้เป็นเสียงของผู้หญิงดังกึกก้องมาจากอีกฝั่งหนึ่ง เลดี้เอนน์ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมส่งสายตาเชิงตักเตือน
?ท่านมิเรย์ถักผ้าคลุมไหล่ให้ท่านริฮาร์ทตอนงานเทศกาลสมโภชนักบุญด้วยค่ะ แต่นั่นก็เพื่อตอบแทนน้ำใจที่ท่านริฮาร์ทคอยให้การดูแลอย่างดีมาโดยตลอด ใช่ไหมคะ ท่านมิเรย์?
เลดี้เอนน์ส่งรอยยิ้มแสนอ่อนโยนมาให้ มิเรย์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
?ใช่ ใช่แล้วค่ะ ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไรเลย?
?ว่าแต่ทำไมถึงต้องเป็นท่านริฮาร์ทด้วยล่ะคะ? เป็นท่านอื่นไม่ได้หรือ??
น้ำเสียงนุ่มนวลของเลดี้เอนน์จี้ใจดำของมิเรย์เข้าอย่างจัง นึกว่าเลดี้เอนน์จะเข้าข้างมิเรย์เสียอีก แต่คำถามนี้ก็ใจร้ายไม่ต่างจากคำถามของจี๊คนักหรอก
?ตอนนั้นฉันบอกท่านมิเรย์ว่า....ให้นึกถึงคนสำคัญที่ลอยเข้ามาในสมอง....และท่านริฮาร์ทก็ลอยเข้ามาเป็นคนแรก แสดงว่าเขาต้องเป็นคนสำคัญสำหรับท่านมิเรย์อย่างแน่นอน ประมาณว่าขนาดคนอื่นยังไม่อยู่ในสายตาเลยทีเดียว....?
มิเรย์จ้องเลดี้เอนน์ซึ่งกำลังกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบพร้อมรอยยิ้ม แล้วแก้มของมิเรย์ก็ค่อยๆ ร้อนผ่าว
?คือนั่น.... ใช่แล้ว เพราะฉันคิดว่าริฮาร์ทคือคนที่คอยดูแลฉันมากที่สุด ฉันเลยนึกถึงริฮาร์ทเป็นคนแรกก็เท่านั้นเองค่ะ!?
?ทำไมต้องปฏิเสธหัวชนฝาขนาดนั้นด้วย? มีเหตุผลอะไรถึงไม่ยอมรับอย่างนั้นหรือ??
เสียงถามด้วยความเคลือบแคลงใจดังขึ้นพร้อมกับร่างของเซซิเลีย สายตาของเจ้าหญิงจ้องมิเรย์เขม็ง พระพักตร์ของพระองค์ดูไม่พอพระทัยเล็กน้อย
?ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องสนใจฉัน เกรงใจกันแบบนี้มีแต่ทำให้ฉันลำบากใจเปล่าๆ?
?หม่อมฉันไม่ได้เกรงพระทัยอะไรเลยเพคะ หม่อมฉันกับริฮาร์ทไม่ได้คิดอะไรเช่นนั้นกันอยู่แล้ว?
?อย่างนั้นหรือ แต่ว่า....ฉันสงสัยมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าพวกเธอสองคน....?
เซซิเลียจ้องมิเรย์ด้วยแววพระเนตรสงสัยใคร่รู้
?ที่จริงในคืนวันเทศกาลสมโภชนักบุญ.... ความสัมพันธ์ของพวกเธอสองคนคืบหน้ามากขึ้นใช่หรือไม่??
เมื่อได้ยินคำถาม ความแตกตื่นปรากฏขึ้นในดวงตาของมิเรย์ทันที
?คะ....คืบหน้าอะไรกันเพคะ....?
ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นได้หรอก อย่างน้อยมิเรย์ก็ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น จริงอยู่ว่าหลังวันเทศกาลสมโภชนักบุญ มิเรย์รู้สึกแปลกๆ ไปนิดหน่อย บรรยากาศเวลาอยู่กับริฮาร์ทดูแตกต่างจากทุกที ประมาณว่าเธอไม่สามารถควบคุมจิตใจให้สงบลงเหมือนเดิมได้ แต่มิเรย์ก็สรุปเอาเองว่าเธอคงคิดมากไปและตัดสินใจที่จะปักใจเชื่อเช่นนั้น
....แต่บอกตามตรง ตอนนี้เธอเองก็เริ่มไม่ค่อยเข้าใจแล้วเหมือนกัน
?อย่าพูดอะไรแปลกๆ แบบนั้นสิ เซซิเลีย ไม่มีอะไรคืบหน้าทั้งนั้นแหละ?
วีลฟรีทปรากฏกายขึ้นพร้อมน้ำเสียงเกรี้ยวกราด พระองค์ตรัสปกป้องมิเรย์ซึ่งกำลังจนตรอก และตักเตือนพระขนิษฐาด้วยพระพักตร์จริงจัง
?ผู้หญิงคนนี้กับรัดฟอร์ดไม่ได้มีความสัมพันธ์เช่นนั้นสักหน่อย ฉันไปถามเจ้าตัวมาแล้ว รัดฟอร์ดบอกว่าไม่ได้รู้สึกแบบคนรัก พวกเขาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น?
?ชะ....ใช่แล้วเพคะ เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น....?
คราวนี้แหละคนเข้าข้างมิเรย์ตัวจริงออกมาปกป้องเธอเสียที มิเรย์กล่าวยืนยันด้วยความมั่นใจ แต่ในขณะเดียวกันเธอกลับรู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของตัวเอง
แปลกจัง มิเรย์พูดอะไรไม่ออก เธอไม่สามารถปฏิเสธอย่างหนักแน่นได้ สิ่งที่เธอสามารถทำได้มาตลอดจนถึงเมื่อสี่วันก่อน ทำไมจู่ๆ ตอนนี้กลับทำไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
?ตอบมาชัดๆ เลยดีกว่า ว่าเป็นคนรักหรือคนอื่นกันแน่?
เสียงของฮีธดังขึ้นต่อเนื่อง มิเรย์หันไปมองด้วยความรู้สึกกระวนกระวายร้อนรุ่มในอก
?ทำไมถึงมีแค่สองตัวเลือกนี้ล่ะ ฉันตอบเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรือ??
?ถ้างั้นก็บอกมาสิ ว่าเธอเป็นอะไรกับคุณหนูรัดฟอร์ด??
?เป็นอะไรงั้นหรือ.... คือฉันกับริฮาร์ท....?
?ผมทำไมหรือครับ??
อีกเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา มิเรย์สะดุ้งโหยง
เธอค่อยๆ หันไปมองด้วยความหวาดหวั่น และพบว่าตัวการของปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่นี้กำลังยืนจ้องเธออยู่
?ผมกับคุณ....เป็นอะไรกันหรือครับ??
?เอ๋....คะ คือว่า....?
มิเรย์เผลอก้าวถอยหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ ในขณะที่ริฮาร์ทค่อยๆ เดินเข้ามาประชิดตัวเธอ สายตาของเขาสงบนิ่งเหมือนคืนนั้นไม่มีผิด
?มิเรย์ คุณ.... คุณชอบผมใช่ไหมครับ??
เมื่อถูกถามอย่างตรงไปตรงมา ทั้งความตกใจ สับสน และตกตะลึงแล่นแปลบพุ่งขึ้นสมองของมิเรย์ในเสี้ยววินาที
?หา....เอ๋ มะ ไม่ใช่.... ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ....?
มิเรย์แตกตื่นจนทำอะไรไม่ถูกและเผลอเอ่ยวาจาสุภาพออกมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่เธอกำลังจะสติแตกอยู่รอมร่อ แต่ริฮาร์ทกลับก้าวเข้ามาประชิดตัวเธอมากขึ้น
?ที่จริง....ผมเองก็รู้สึกกับคุณมานานแล้ว ผมชะ....?
?กรี๊ดดดดดดดดดด!!?
ขณะที่ริฮาร์ทกำลังจะสารภาพความในใจออกมาอย่างง่ายดายนั่นเอง เลือดในกายของมิเรย์ก็พุ่งปรี๊ดขึ้นสมอง เธอหลับตาปี๋พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องออกมา
?มิเรย์!?
มีใครบางคนตบไหล่ มิเรย์หันขวับไปมอง
ร่างของเฟร็ดปรากฏขึ้นเบื้องหน้า มิเรย์ซึ่งกำลังตกอยู่ในภาวะสับสนตะเบ็งเสียงคำรามกลับ
?วิญญาณชั่วร้ายจงออกไป!!?
ฟุบ มิเรย์หวดไม้นวดแป้งออกไปอย่างแรง แต่เฟร็ดสามารถหลบได้อย่างงดงาม ดูท่าเฟร็ดจะช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เขาถลึงตาโตพร้อมกับบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ
?ใจร้าย ผมไม่ใช่วิญญาณชั่วร้ายสักหน่อย เธอมีเรื่องอะไรแค้นเคืองผมอย่างนั้นหรือ??
?แค้นลึกลงไปถึงไขกระดูกเลยแหละ!?
?เดี๋ยว.... มิเรย์ ใจเย็นๆ ก่อน!?
เฟร็ดจับไหล่ของมิเรย์อย่างแรง ในที่สุดสติของมิเรย์ก็กลับคืนมา
?หา....เอ๋ อะไรน่ะ??
มิเรย์หายใจหอบถี่ เธอยกมือขึ้นจับหน้าผากพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เธออยู่ในห้องครัวห้องเดิม และเบื้องหน้าของเธอคือพี่ชายซึ่งตกอยู่ในอาการระแวดระวัง
?อ้าว เฟร็ด กลับมาแล้วหรือ?
เฟร็ดจ้องใบหน้าสงบเสงี่ยมของน้องสาว เขาตบไหล่มิเรย์เบาๆ ก่อนเขยิบใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ
?ทุกคนกลัว....เป็นห่วงเธอกันมากเลยนะ อย่าทำแบบนี้สิ??
?เอ๋??
มิเรย์หันไปมอง คนรับใช้หลายคนกำลังยืนตัวแข็งทื่อแอบมองเธออยู่ตรงประตูทางเข้าห้องครัว ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่ใบหน้าของทุกคนดูซีดเผือดแถมยังตัวสั่นเทาเล็กน้อยด้วย มิเรย์มองทุกคนกลับด้วยสีหน้างุนงง

และแล้วเหตุการณ์ประหลาดภายในคฤหาสน์ของท่านดยุคเบลุนฮัลท์ก็คลี่คลายลงในวันที่สี่ด้วยประการฉะนี้






+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังเหตุการณ์วันนั้นที่จู่ๆ ริฮาร์ทก็เข้ามาใกล้ชิด มิเรย์สับสนเป็นอย่างมากจึงหมกตัวอยู่ในห้องครัว เอาแต่นวดแป้งสาลีทั้งวันทั้งคืน ส่วนสถานการณ์ของราชสำนักตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เรื่องตัวตนของมิเรย์รั่วไหลออกไปนอกประเทศ จี๊คให้สองตัวเลือกเลวร้ายสุดๆ แก่เธอ ?จะแต่งงานเพื่อการเมือง หรือจะเข้าวังหลัง? คนอย่างมิเรย์หรือจะยอม เธออาละวาดและพยายามหาทางหนี!! นอกจากนี้ตัวตนที่แท้จริงของริฮาร์ทยังถูกเปิดเผยและการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของเขาคือ!?
เหตุการณ์ชุลมุนและฉากการหลบหนีของ ?ท่านเคานท์กำมะลอ? กำลังจะเริ่มต้นขึ้น!!
ในที่สุดจูบแรกของมิเรย์ก็มาถึง!? เรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ที่วุ่นวายมากกว่าเดิม!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”