ตรองปัญญ์เงยหน้าขึ้นจากกะละมังผ้าที่หล่อนกำลังวุ่นวายกับมันอยู่ เมื่อเห็นเงาคนตามลงมาจากเบื้องหลัง...
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจระคนตกใจ เมื่อเขม้นมองไปเห็นฝ่ายที่มายืนอยู่แจ่มชัด...
?พี่...!??
หล่อนอุทานได้เพียงแค่นั้นก็ลุกขึ้นยืนและขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง...
?พี่เองตรอง...เป็นไงบ้าง...?
คำถามนั้นทำให้ตรองปัญญ์กะพริบตาปริบๆ
?พี่มายังไงนี่...?
ตรองปัญญ์ถามด้วยความอยากรู้ และตื่นเต้นที่พี่สาวมายืนอยู่ตรงหน้า
?ก็...นั่งรถมาน่ะสิ?
พี่สาวตอบกลับด้วยเสียงเรียบและเบา
?แล้วไปจอดตรงไหนล่ะ?
หล่อนถามและมองหา...
?พี่มารถประจำทาง...?
พี่สาวตอบก่อนจะเดินตรงไปยังบันไดบ้านไม้หลังกะทัดรัดแข็งแรง บนเนื้อที่ราวห้าสิบตารางวา...
?แล้วแฟนพี่ล่ะ...?
ตรองปัญญ์ถามถึงผู้ชายที่พี่สาวตกลงไปกับเขาโดยไม่มีพิธีรีตองอะไรเลยเมื่อห้าปีที่แล้ว...
เวลานั้น...ดามพวรรณและตรองปัญญ์มีอายุเท่ากันพอดีคือสิบแปดปี...กำลังสวยงามเปล่งปลั่งเป็นที่สะดุดตาหนุ่มๆ แถวนี้กันทุกคน...
มารดาของดามพวรรณและตรองปัญญ์ใฝ่ฝันเหลือเกินที่จะให้ลูกสาวได้มีความสุขสบาย และแต่งงานแต่งการไปกับ ?เศรษฐีมีสกุล...?
และในที่สุดดามพวรรณก็ทำให้ความฝันของมารดาเป็นความจริงเมื่อถูก ?นายหน้า? มาทาบทามให้ไปประกวดนางงามประจำจังหวัด และให้เงินตอบแทนกับนางวรรณาก้อนใหญ่พอควร
แต่เงื่อนไขที่ถูกหยิบยื่นให้นั้นก็เป็นที่หนักใจพอควร...
นางวรรณามีอาชีพเป็นเพียงแม่ค้า เก็บผักผลไม้ที่เหลือตามสวนไปขาย...ไม่ได้ร่ำรวยอะไร...ดังนั้นจึงเป็นที่ ?น่าอาย? สำหรับ ?นายหน้า? ที่จะหาสาวสวยไปประกวด...
ดามพวรรณจึงต้องทำการย้ายจากกระท่อมเก่าๆ ของแม่ไปอยู่กับ ?นายหน้า? ที่ร้านเสริมสวย และรับสมอ้างทันทีว่า ?เป็นหลาน? ก่อนจะผ่านกรรมวิธีนานัปการเพื่อเข้าประกวดเอา ?ตำแหน่ง? มาให้ได้...
ทั้งสองมีนิสัยต่างกันอยู่มาก...
ในขณะที่ดามพวรรณชอบที่จะสนุกอยู่กับแสงสีและพอใจกับเงินทองและ ?หน้าตา? ส่วนน้องสาวกลับพอใจที่จะอยู่เงียบๆ กับแม่โดยไม่ปรารถนาจะออกไปปรากฏกายให้ผู้ใดได้มองเห็นหรือพิจารณาความงาม...ความสาว...หรือความสวยของตน
และเผอิญเป็นโชคดีของดามพวรรณที่หล่อนคว้าตำแหน่งนางงามมาได้อย่างง่ายดาย เพราะในการประกวดคราวนั้น...ศุภโชค วรรณพานิช พ่อค้าหนุ่มใหญ่วัยเกือบห้าสิบก็รับเชิญมาเป็นกรรมการด้วย
ศุภโชคพอใจดามพวรรณทันทีที่เห็น และใช้อำนาจเงินของเขาซื้อทั้งตำแหน่งและตัวหล่อนกลับไปด้วยกัน...
?นายหน้า? ทั้งกีดและกันเต็มที่ไม่ให้ดามพวรรณกลับบ้านเพราะกลัวว่าคุณศุภโชคจะรู้ว่าตนเองโกหก เพราะดามพวรรณไม่ใช่หลานแท้ๆ อย่างที่คุยเอาไว้...
ข้อสำคัญเงินจำนวนมากมายที่ได้มามันจะถูก ?แบ่ง? ไปโดยไม่จำเป็น...
?เงินแสน? ที่นายหน้ารับเอาไปนั้นไปถึงมือของมารดาแค่สองหมื่นเศษๆ ซึ่งเป็นเศษจริงๆ เพราะถูกหยิบยื่นให้อย่างไม่พอใจนักทุกครั้งที่นางวรรณาไปพบ ?นายหน้า? และอยากรู้ที่อยู่ของลูก...
ทั้งตรองปัญญ์และมารดาถูกค่อนแคะเสมอว่าจะไปทำลายความสุขความสบายของลูกและพี่สาว ทั้งสองจึงไปกล้าจะไปหาอีก...และไม่รู้ด้วยว่าดามพวรรณไปไหนจนกระทั่งหล่อนส่งจดหมายกลับมาบ้าน...
ตรองปัญญ์จึงเขียนเล่าทุกอย่างไปให้พี่สาวฟัง...เผยรู้ว่า ?นายหน้า? มาด้อมๆ มองๆ จะขอตัว ?ตรองปัญญ์? ไปขึ้นเวทีประกวดอีก สาวน้อยจึงใส่วิญญาณ ?แม่ค้า? ไล่เปิดเปิงไปอย่างไม่ไยดี...
ดามพวรรณได้ติดต่อกับมารดาและน้องสาวมาเงียบๆ และส่งเงินมาให้บางครั้งบางคราว จนตรองปัญญ์เรียนจบหลังจากค้างคาเพราะชักหน้าไม่ถึงหลังมาเป็นแรมปี...
มันจึงเป็นเวลานานพอควรที่ดามพวรรณจากไปโดยที่ไม่ได้กลับมาจนกระทั่งเวลานี้...
ตรองปัญญ์เคยบอกไปในจดหมายว่าหล่อนซื้อที่ที่เคยอยู่เดิมกับเจ้าของและรื้อเจ้ากระท่อมโกโรโกโสออก ปลูกใหม่เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว...แข็งแรงและกว้างขวางพอสบายด้วยเงินที่แม่ขายของ ดามพวรรณจึงกลับบ้านได้ถูก...และพบว่าน้องสาวคนเดียวมีชีวิตอยู่ตามอัตภาพอย่างสุขสบายพอควร
หล่อนก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนระเบียงบ้าน และทรุดตัวลงบนเก้าอี้หวายสบายๆ ที่ตั้งอยู่ทั้งชุด...สูดลมหายใจรับความสดชื่นของอากาศเข้าไปเต็มปอด...และมองดูน้องสาวที่ก้าวตามขึ้นมาด้วยดวงตาว่างเปล่า
ตรองปัญญ์มองพี่สาวและสังเกตเห็นความครุ่นคิดของอีกฝ่ายได้ชัดเจน...
?ว่าไงจ๊ะพี่...ยังไม่ตอบตรองเลยว่าแฟนพี่ล่ะ ไม่ได้มาด้วยเหรอ?
?เปล่า...?
ดามพวรรณตอบสั้นๆ ด้วยลักษณะอาการเช่นเดิม...
?พี่ไม่ได้บอกเรื่องของเราให้เขารู้เหรอ...?
?บอกแล้วว่ายังมีเธอและมีแม่...บอกตั้งแต่ไปอยู่ด้วยกันปีแรก...?
?แล้วเขาว่ายังไงบ้างล่ะ?
?ก็...ไม่ว่าอะไร?
เป็นโชคดีอย่างหนึ่งของดามพวรรณ ที่ศุภโชคมีหล่อนคนเดียวหลังจากเป็นม่ายมานานกว่าสิบปี และยกย่องหล่อนให้เป็นภรรยาเขาออกหน้าออกตาทุกอย่าง
?แล้วตอนนี้ล่ะ ทำไมเขาไม่มาด้วย...?
?เขาตายแล้ว...?
ดามพวรรณตอบสั้นๆ
ขณะที่ตรองปัญญ์อ้าปากค้าง...
?อะ...อะไรนะ...พี่พูดใหม่ซิ...?
?เขาตายแล้ว?
?ตายแล้ว!??
เสียงของตรองปัญญ์ดังขึ้นและสูงขึ้น
?เป็นอะไรตาย??
?ยิงตัวตาย?
คำตอบของพี่สาวทำให้ผู้เป็นน้องกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ...
?ยิงตัวตาย...?
ตรองปัญญ์พึมพำย้ำคำตอบของพี่สาวอย่างงุนงง...
?ทำไมล่ะคะ...เขามีเรื่องอะไรถึงได้ยิงตัวตาย?
?เขายิงตัวตายเพราะพี่...?
ดามพวรรณตอบด้วยท่าทางเหมือนคนใจลอย...ดวงตาพุ่งไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย...
?เพราะพี่หรือคะ...?
?ฮื่อ...เพราะพี่...?
ดามพวรรณพึมพำตอบมาเสียงเบา...แล้วต่อมาก็ถอนใจยาวเหมือนมีอะไรถ่วงหนักอยู่ในอก...
?ทำไมล่ะคะ...ทำไมถึงต้องเป็นแบบนั้น...ทะเลาะกันหรือไง...?
ตรองปัญญ์ถามพี่สาว แต่อีกฝ่ายไม่ตอบเสียแล้วคราวนี้...
ดามพวรรณยกมือขึ้นลูบหน้า แล้วลุกขึ้นยืน...
?พี่อยากหลับสักตื่นนะตรอง...อยากอยู่เงียบๆ สักพัก อย่าเพิ่งถามอะไรเลย...?
ตรองปัญญ์พูดไม่ออก...ปากที่อ้าขึ้นจะถามก็หุบลงโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเดินตรงไปเปิดประตูบ้านให้กว้างออกอีก...
ในเวลานี้เองที่หล่อนเพิ่งสังเกตเห็นว่าพี่สาวมาตัวเปล่า...มีกระเป๋าถือใบหนึ่งและไม่มีอย่างอื่นอีกเลย...
***********************************
?เด็กๆ ล่ะพี่...มาเสียอย่างนี้แล้วเด็กอยู่กับใคร...?
ตรองปัญญ์ถามอีก เมื่อพี่สาวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเย็นและรับประทานอาหารร่วมกัน...
?อยู่โรงเรียนประจำ...จะไปรับมาบ้านเดือนละครั้ง?
?ทำไมต้องอย่างนั้นล่ะ...เด็กมิเหงาแย่หรือ...?
?ไม่มีปัญหา...ยังเล็กทั้งคู่...?
?นั่นสิ...ยังเด็กแบบนั้นควรจะอยู่ใกล้ชิดพ่อและแม่นะ...?
?เธอก็รู้ว่าพี่ไม่มีเวลา...ต้องช่วยคุณโชคเขาทำงาน ยิ่งตอนนี้ไม่มีเขาแล้ว...?
เสียงของดามพวรรณขาดหาย และต่อมาก็วางช้อนเสียดื้อๆ
ตรองปัญญ์ถอนใจ...ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม และโมโหตัวเองอยู่เหมือนกัน...หล่อนไม่น่าซักไซ้พี่สาวแบบนี้ในขณะที่ดามพวรรณกำลังมีปัญหา...
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย...มันกระทบกระเทือนพอควรสำหรับชีวิตของดามพวรรณและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน...
?แล้วพี่จะทำยังไงต่อล่ะ...ไม่มีคุณโชคแล้วแบบนี้...?
?ก็...ไม่ทำอะไร...เขาจดทะเบียนกับพี่...ทุกอย่างต้องตกเป็นของพี่คนเดียว...?
?งั้นก็ดีแล้วนี่...พี่ไม่ต้องลำบาก...หลานๆ ก็ไม่ต้องลำบาก...?
ตรองปัญญ์พูดแล้วพินิจดูพี่สาวนิ่งแน่ว...ดูเหมือนว่าดามพวรรณแทบจะไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นเช่นไรเลย...คงจะเสียใจที่สามีไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบเช่นนั้น...
ลิ้นกับฟันแท้ๆ...
ตรองปัญญ์ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสามีของดามพวรรณจึงต้องคิดมากถึงขนาดฆ่าตัวตายถ้าเพียงแต่ทะเลาะกันจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ...หล่อนได้อ่านและได้ยินได้ฟังมามากว่าฤทธิ์หึงหวงหรืออยากประชดประชันกันนี้ ทำให้คู่ชีวิตหลายคู่ตายจากกันอย่างไม่ควรมามากแล้ว...
สามีของพี่สาวคงไม่อยากตายจริงๆ หรอก...แต่เผอิญพลาด
และเวลานี้ดามพวรรณก็คงไม่อยากพูดถึงเรื่องเศร้าให้หมองหัวใจและความรู้สึกลึกลงไปอีก...
ตรองปัญญ์มองตามร่างบางระหงที่ยังงดงามของพี่สาว มองไปอย่างสงสารและเสียดายอยู่ครามครัน...
แม้จะไม่เคยเห็นหน้าพี่เขย แต่ตรองปัญญ์ก็รู้ว่าเขาคงมีน้ำใจและใจดีอยู่ไม่ใช่น้อย จึงยกย่องเลี้ยงดูดามพวรรณให้มีหน้ามีตาและสุขสบายทุกอย่าง...
มารดาของฝาแฝดคู่นี้เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้วนี้เอง ซึ่งเป็นเวลาที่ทั้งดามพวรรณและสามีของหล่อนเดินทางไปต่างประเทศ...ตรองปัญญ์ติดต่อใครไม่ได้ก็จัดการเองเงียบๆ และส่งข่าวไปให้พี่สาวรู้ทีหลัง...แต่ดามพวรรณก็ไม่มีเวลาได้มาเคารพกระดูกมารดาเอาจนกระทั่งตอนนี้
น้องสาวเดินตามไปทรุดตัวนั่งลงข้างหลังเงียบๆ และคิดว่าคงมีอะไรที่พี่สาวไม่อยากพูดและพูดไม่ได้มากมาย...และหล่อนก็ไม่อยากจะซักไซ้ไล่เลียงอีกในเวลานั้น...
*********************************
?พี่ไม่อยากกลับไป...พี่เบื่อ?
ดามพวรรณบอกน้องสาวในสองวันต่อมา...
?อย่าพูดเป็นเล่นน่ะพี่...กิจการของคุณโชคล่ะ...แล้วลูกล่ะ...มันเป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบมากนะ?
คำเตือนของตรองปัญญ์ทำให้พี่สาวต้องนิ่งคิด...แล้วต่อมาก็ส่ายหน้า...
?พี่เบื่อที่จะเผชิญหน้ากับใครต่อใครเต็มที...?
?พี่ไม่ได้ฆ่าคุณโชคนี่นา...จะต้องไปกลัวอะไร...?
?ทุกคนเขาคิดว่าพี่ทำให้คุณโชคฆ่าตัวตาย...?
?เรื่องลิ้นกับฟัน...มันก็ต้องกระทบกันบ้าง เพียงแต่คราวนี้มันแรงไปหน่อย...และมันก็ผ่านมาจนทำอะไรไม่ได้แล้ว...พี่ไม่กลับไปก็โง่นะ...หลานล่ะ...กิจการของคุณโชคของพี่ล่ะ...?
?มีคนเขาดูแลอยู่แล้ว...ไม่ต้องห่วง?
?จะยืมจมูกคนอื่นหายใจได้ยังไง?
?คงไม่เป็นไร...เขาไว้ใจได้...?
?เป็นสิ...มันจะขาดทุนยุ่งเหยิง...อีกหน่อยพี่จะเหลือแต่ตัว...เด็กๆ จะลำบากนะ?
ตรองปัญญ์เตือนอย่างเสียดายและเป็นห่วงอยู่พร้อมมูล...
ดามพวรรณมองหน้าน้อง แล้วถอนใจลึก...
?พี่อยากบวชชี...อยากอยู่สงบๆ...?
?โอย ตาย...ไปกันใหญ่?
น้องสาวว่าแล้วส่ายหน้า
?คิดให้ดีกว่านั้นหน่อยสิ...พี่เป็นคนมีห่วงนะ...จะตัดทิ้งไม่เหลียวหลังได้ยังไง...ใครจะรับช่วงแทนได้เล่า...?
คราวนี้ดามพวรรณเงยหน้าขึ้นสบตาน้อง นิ่งแน่วอยู่ชั่วครู่
ตรองปัญญ์ก็มองหน้าพี่แล้วฉุกใจวูบขึ้นในนาทีต่อมา...
?เธอไงตรอง...เธอนั่นล่ะที่จะรับช่วงแทนพี่ได้...โดยไม่มีใครสงสัยด้วย?
?โอย...พูดเป็นเล่นไปน่า...ตรองไม่เอาด้วยหรอก ถึงไม่สงสัยตอนแรกก็ต้องสงสัยจนได้ล่ะน่า...ตรองไม่คุ้นกับสังคมเหมือนพี่นี่...?
?เธอไม่ใช่คนโง่หรือคนขาดการศึกษานี่ อยู่ไปก็รู้เอง?
?แล้วกว่าจะรู้ล่ะ...มิโดนนินทากันเป็นพะเรอเกวียนแล้วเหรอ?
?ถ้าไม่อยากให้ใครรู้ก็ไม่ต้องให้ใครเห็น...ใครพบ ยกเว้นบุคคลที่เราต้องการ?
?พี่ก็มีคนช่วยแล้ว ต้องดึงตรองไปให้วุ่นทำไม?
?ไปเป็นตัวแทนพี่สักพัก ให้พี่สบายใจกว่านี้...เข้มแข็งกว่านี้...?
?พูดเป็นเล่นไปน่า พี่กับตรองมันไม่เหมือนกันหรอก ใครเห็นเขาก็ต้องรู้...?
?ไม่รู้...ไม่มีใครรู้...พี่รับรอง...
?จะรับรองได้ยังไง...?
?คนในสังคมที่พี่คบอยู่...เขามีความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างมากนะตรอง...ทำอะไรแปลกๆ บ้าๆ ได้พอๆ กับทำตามระเบียบประเพณีได้เหมือนกัน...?
?พูดพิลึกอีกแล้ว?
?มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ วันนี้เขาอาจจะนุ่งมินิสเกิร์ต ไว้ผมทรงพั้งค์...แต่พรุ่งนี้อาจนุ่งผ้าคลุมตาตุ่ม ไว้ผมเป็นยายแก่ใส่แว่นตาก็ได้...ไม่เคยมีอะไรอยู่กับที่หรอก...ไม่งั้นจะมีเรื่องแปลกใจกันได้บ่อยๆ รึ...?
?พี่พูดอย่างที่ฉันไม่อยากเชื่อ...?
?เชื่อเถอะ...เธอไปแทนพี่ได้...ขอให้มีความมั่นใจในตัวเองสูงๆ เถอะ...คิดเสียงว่าพี่มอบหมายให้เธอมา...และเธอมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเป็นพี่...ใครจะมาว่ามากล่าวไม่ได้ ถ้าพี่พอใจจะให้เธอทำ...?
เหตุผลสุดท้ายของดามพวรรณทำให้ตรองปัญญ์ต้องถอนใจ...
?คิดดูสิ...พี่ขอเวลาช่วงเดียวแค่นั้น...เธอจะทำเพื่อพี่แค่นี้ไม่ได้เชียวเหรอ...?
ดวงตาของพี่น้องสองคู่สบกันนิ่งอย่างลังเล...ไม่แน่ใจ
?ช่วงเดียวน่ะนานแค่ไหน...?
?ก็...สักปี...?
?โอย มากไป?
?งั้นแค่สิบเดือน?
?ไม่ได้...สามเดือนก็พอ?
?สามเดือนน่ะเธอทำอะไรไม่ทันหรอก...เรียนรู้อะไรก็ไม่ถนัด...พี่ไม่ได้คิดจะให้เธอช่วยเพียงชั่วคราวแค่นี้นะ โอกาสข้างหน้าพี่อยากให้เธอเดินเคียงข้างพี่ด้วย เป็นหูเป็นตาให้พี่และช่วยพี่ดูแลเด็กๆ ด้วย...เราเหลือกันเพียงสองคนเท่านี้แล้วนะตรอง...เธอจะทำเหมือนเป็นคนอื่นคนไกลกับพี่เชียวหรือ...?
?ฉันสมัครสอบราชการเอาไว้?
ตรองปัญญ์แย้ง แล้วนิ่งเงียบ
?แล้วคิดว่าจะสอบได้รึไง...แล้วหลังจากสอบไม่ได้ล่ะ เตะฝุ่น...ขอเงินใช้เป็นเดือนๆ งั้นเหรอ...เวลานี้เธอมีโอกาสทำมาหากินได้แล้วนะ เข้าไปเป็นหัวหน้าเขาเลย ตำแหน่งภรรยาผู้อำนวยการนี่ไม่ใช่เล็กๆ นะ...พอพี่สบายใจดีแล้วจะเข้าไปเปลี่ยนไง...แล้วค่อยเปิดเผยเรื่องของเรากันทีหลัง...พี่ไม่คิดจะเล่นเปลี่ยนตัวกันอย่างนี้ตลอดไปหรอกน่ะ?
และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด...ตรองปัญญ์ก็ไปถึง ?คฤหาสน์อำนวยโชค? จนได้ โดยมีรถเก๋งคันใหญ่ไปรับจากสนามบินเลยทีเดียว...
มันก็ทันใจดีพอๆ กับน่าขำที่ดามพวรรณไปรถทัวร์ แต่ตรองปัญญ์กลับมาเครื่องบินพร้อมกับคำแนะนำของพี่สาวพกมาเต็มสมอง...
หล่อนต้องเป็นนางดามพวรรณ...ม่ายสาวแสนสวย เจ้าของมรดกนับสิบๆ ล้านอย่างไม่เต็มใจไปชั่วคราว...
ตรองปัญญ์ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้เวลาอีกสักเท่าใดกันแน่...แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่สาวทำให้ตรองปัญญ์ต้องมา...และฟันฝ่าอุปสรรคเฉพาะหน้าแทนดามพวรรณเป็นการชั่วคราว...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?ตรองปัญญ์? แฝดผู้น้องก้าวเข้าไปในคฤหาสน์หลังงามอย่างไม่คุ้นเคย หากแต่ต้องวางท่าให้เหมือนกับว่าหล่อนกลับเข้าบ้านตัวเองตามปกติ แค่วันแรกเท่านั้นตรองปัญญ์ต้องเผชิญกับปัญหาที่คาดไม่ถึง หล่อนตกใจที่มีผู้ชายเข้ามาใกล้ชิดราวกับคุ้นเคยกับ ?ดามพวรรณ? แฝดพี่เสียเหลือเกิน ยกเว้นกิริยาท่าทางของผู้ชายคนหนึ่งที่หล่อนได้รู้ว่าเขาเป็นทนายความมีชื่อว่า ?ชันวัน? เขาต้องการให้หล่อนเซ็นเอกสารการครอบครองสมบัติพันล้านให้เรียบร้อยเสียที หากแต่ตรองปัญญ์ไม่สามารถลงลายมือชื่อแทนแฝดพี่ได้จึงทำให้ชันวันเกิดความสงสัย ชายหนุ่มจึงจับจ้องและยิ่งได้พบกับความผิดปกติที่เปลี่ยนไปจากดามพวรรณคนเดิมโดยสิ้นเชิง น่าแปลกที่เมื่อก่อนชันวันคอยแต่หลีกหนีภรรยาของพี่ชายแต่ในเวลานี้เขากลับอยากอยู่ใกล้หล่อนเสียเหลือเกิน
?จะมีใครโง่เท่าผมอีกไหมนี่?
เขาถามและหล่อนก็ตอบไม่ได้
?คุณมาแทนที่ดามพ์ตั้งแต่เมื่อไหร่...ตรอง?
