New Release Bly (แปล) : จุมพิตเจ้าชายนิทรา

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release Bly (แปล) : จุมพิตเจ้าชายนิทรา

โพสต์ โดย Gals »

1

ภายในสตูดิโอห้องครัวที่เงียบสงัด โฮริ อัตสึชิกำลังขัดหม้ออยู่อย่างเงียบๆ
การล้างหม้อสกปรกกองเท่าภูเขาให้สะอาดขึ้นทีละใบ ถือเป็นงานที่อัตสึชิชอบอย่างหนึ่ง
จิตใจของเขาสงบเมื่อเห็นคราบสกปรกหรือคราบไหม้ที่ฝังเหนียวแน่นถูกกำจัดออกไป นอกจากนี้เขายังรู้สึกได้ถึงความสำเร็จอย่างชัดเจน
อัตสึชิเป็นคนจัดการดูแลร้านขายอาหารสำเร็จรูป และห้องเรียนสอนทำอาหารด้วยตัวเองแทบจะทั้งหมด ลูกค้าขาประจำรวมทั้งบรรดาลูกศิษย์ต่างพากันเป็นห่วงว่าเขาทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า บางคนแนะนำว่า อย่างงานจัดเตรียมและงานเก็บล้างน่าจะจ้างผู้ช่วยมาทำแทน
แต่อัตสึชิชอบงานเก็บล้างมากกว่างานหลักอย่างการเป็นอาจารย์หรือทำอาหารเสียอีก ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะสละช่วงเวลาอันอิ่มเอมนี้ให้คนอื่นอย่างแน่นอน แม้กระทั่งอาการปวดแสบปวดร้อนซึ่งเกิดจากน้ำยาล้างจานกัดปลายนิ้วอันหยาบกร้าน ก็ทำให้จิตใจของเขารู้สึกสงบได้อย่างน่าประหลาด เพราะนี่คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยความขยันขันแข็งมากเพียงใด
จู่ๆ เสียงกริ่งเตือนว่ามีลูกค้าเข้าร้านก็ดังขึ้น อัตสึชิรีบล้างมืออย่างร้อนรน และออกไปยังหน้าร้านซึ่งมีประตูกระจกเพียงบานเดียวขวางกั้นอยู่
?ยินดีต้อนรับครับ?
?สวัสดีครับ โชคดีจังที่ยังเปิดอยู่?
ทันทีที่เห็นรอยยิ้มดูเป็นมิตรของร่างสูงในชุดสูทซึ่งเป็นลูกค้าขาประจำ หัวใจของอัตสึชิก็เต้นระรัวมากขึ้น ลูกค้าคนนี้แวะเวียนมาที่ร้านเป็นประจำตั้งแต่ประมาณหนึ่งเดือนก่อน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นพนักงานบริษัทที่กำลังกลับบ้านหลังเลิกงาน
วันแรกที่ชายหนุ่มเข้ามาในร้าน อัตสึชิแอบมองเขาถึงสองครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะหน้าตาของเขาตรงกับสเปกชอบพอดี ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาดูไม่เฉยชาแบบที่มักพบเจอบ่อยๆ ในบรรดาคนหน้าตาดี เขามีดวงตาสองชั้น หางตาตกเล็กน้อย มุมปากที่ยกขึ้นยามยิ้มนั้นเปี่ยมไปด้วยความสดใสที่ทำให้ผู้มองรู้สึกสบายใจ เขาน่าจะอายุมากกว่าอัตสึชิซึ่งอายุสามสิบสองปีเล็กน้อย
เนื่องจากร้านขายอาหารแห่งนี้เป็นร้านเล็กๆ ลูกค้าที่เข้ามาในร้านครั้งแรกจึงมักแสดงอาการตื่นเต้นนิดๆ ออกมาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด แต่ชายหนุ่มผู้นี้มาพร้อมกับบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกว่าเขาคุ้นเคยกับร้านนี้เป็นอย่างดี เขาเล่าว่าเพื่อนสาวที่ทำงานแนะนำร้านนี้ให้รู้จัก และดูเหมือนว่าเขาจะถูกใจกับข้าวของอัตสึชิอยู่เหมือนกัน เพราะหลังจากนั้นก็แวะเวียนมาที่ร้านเป็นประจำประมาณสัปดาห์ละสองครั้ง
ชายหนุ่มมักสั่งอาหารตามสัณชาตญาณอย่างรวดเร็วเสมอ วันนี้เขาเลือกสันคอหมูหมักเบียร์ย่างกับสลัดพาสต้าโดยไม่ลังเลเช่นเดิม เขามองดูมือของอัตสึชิซึ่งกำลังตักอาหารใส่กล่องอย่างเพลิดเพลิน พลางส่งเสียงทุ้มต่ำแต่ทะลุไปถึงขั้วหัวใจ
?ตั้งแต่ผมได้ลองชิมอาหารของร้านนี้ ก็รู้สึกว่าอาหารที่ร้านสะดวกซื้อไร้รสชาติไปเลยล่ะครับ?
?ขอบคุณมากครับ?
อัตสึชิตอบกลับด้วยเสียงราบเรียบ และแอบแถมสลัดเพิ่มให้ในออเดอร์สลัดสองร้อยกรัมโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้
เหตุผลที่แถมให้นั้น ไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นลูกค้าคนสุดท้ายของวันนี้หรอก อัตสึชิรู้ดีว่าการให้บริการพิเศษแก่ลูกค้าคนใดคนหนึ่งนั้นไม่ใช่การกระทำที่น่าชื่นชมในฐานะเจ้าของร้านสักเท่าไร แต่นี่ถือเป็นความสุขเล็กๆ แบบลับๆ ของอัตสึชิ
?เอ่อคือ ผมเห็นคุณอยู่ในร้านคนเดียวตลอด อาหารพวกนี้คุณก็เป็นคนทำเองเหรอครับ??
มือของทั้งคู่สัมผัสกันเล็กน้อยตอนส่งเงินทอน ทำให้หัวใจของอัตสึชิเต้นระรัว เขารู้สึกขอบคุณพรสวรรค์ที่ช่วยให้เขาสามารถเก็บสีหน้าของตัวเองได้ดีในเวลาเช่นนี้
?ครับ ผมเป็นคนทำเองเกือบทั้งหมด เลยทำออกมาขายได้ไม่เยอะมากนัก?
?สุดยอดไปเลย ผู้ชายที่ทำอาหารเป็นเนี่ยเท่มากเลยนะครับ เอ๊ะ พูดแบบนี้กับมืออาชีพอาจจะฟังดูตลกไปหน่อย?
ชายหนุ่มทำคิ้วตกด้วยความละอายใจ
?ขนาดไข่ต้มผมยังทำไม่เป็นเลย อ๊ะ แต่ช่วงนี้ผมจำวิธีใช้หม้อหุงข้าวได้แล้วนะครับ หุงข้าวด้วยตัวเองเป็นเนี่ย ถือเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่เลยทีเดียว?
เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง แม้แต่คนหน้าตายอย่างอัตสึชิก็ยังอดยิ้มออกมาไม่ได้
?เอาไข่ที่ล้างสะอาดห่อด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ใส่หม้อหุงไปพร้อมกับข้าว ก็จะได้ไข่ต้มออกมาอย่างไม่ยากเย็นเลยล่ะครับ?
ทันทีที่อัตสึชิพูดจบ ชายหนุ่มก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
?จริงเหรอครับ? คราวหน้าผมจะลองทำดู?
ด้วยอาชีพของตัวเอง ทำให้อัตสึชิถูกถามถึงเคล็ดลับและเทคนิคการทำอาหารอยู่บ่อยๆ และคำว่า ?คราวหน้าจะลองทำดู? เป็นประโยคที่ได้ยินบ่อยจนเป็นเหมือนคำทักทายสำหรับเขาไปเสียแล้ว แต่แทบไม่มีใครเคยมาบอกเขาเลยว่าได้ลองทำแล้วจริงๆ ผู้ชายคนนี้ก็อาจจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันล่ะมั้ง อัตสึชิคิดพลางรู้สึกถึงความสุขเล็กๆ ที่มีโอกาสได้สนทนาเรื่องไร้สาระทั่วไปกับเขา จากนั้นก็ส่งลูกค้าคนสุดท้ายของวันนี้ออกจากร้าน
อัตสึชิปิดร้านและกลับไปทำงานล้างหม้อตามเดิม กว่าเขาจะเก็บร้านและเตรียมของสำหรับวันพรุ่งนี้เสร็จก็เกือบเที่ยงคืนแล้วเฉกเช่นทุกครั้ง
ช่วงกลางวันอากาศดีมากจนไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อโค้ท แต่พอตกกลางคืนอากาศกลับหนาวเย็น อัตสึชิค่อยๆ ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีจึงถึงอพาร์ตเมนต์ ซึ่งตอนนั้นตัวเขาก็แข็งจนจะกลายเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว
อพาร์ตเมนต์ขนาดหนึ่งห้องมีเอาไว้สำหรับนอนหลับเท่านั้น แม้อัตสึชิจะอยู่ที่นี่มาแล้วสี่ปี แต่เขากลับรู้สึกเหมือนไม่ใช่ห้องของตัวเอง
เขาหิว แต่ก็ขี้เกียจวุ่นวายทำอาหาร จึงหยิบกล้วยที่เริ่มมีจุดสีดำมาปอกใส่ปาก ตามด้วยน้ำแร่อึกใหญ่
?ผู้ชายที่ทำอาหารเป็นเนี่ยเท่มากเลยนะครับ?
เมื่อนึกถึงคำพูดของลูกค้าเมื่อสักครู่ เขาก็รู้สึกแปลกกับตัวเองที่กำลังกินกล้วยอยู่คนเดียวกลางดึก
เขาไม่มีสิทธิ์หัวเราะเยาะชายหนุ่มที่แม้แต่ไข่ต้มก็ทำไม่เป็นหรอก ในเวลาส่วนตัวของอัตสึชิ อย่าว่าแต่ไข่ต้มเลย แม้แต่ข้าวเขาก็ยังไม่หุง ครั้งล่าสุดที่เขาใช้หม้อหุงข้าวในห้องนี้มันกี่เดือนมาแล้วนะ
ผู้ชายคนนั้นกินอาหารของเขาพร้อมกับข้าวที่หุงเองแล้วหรือยัง หวังว่ารสชาติคงถูกปาก
แม้แต่ตอนที่อาบน้ำและเตรียมตัวจะเข้านอน พอรู้ตัวอีกทีเขาก็กำลังนึกถึงลูกค้าคนนั้นอยู่
คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม หากเขาจะเพ้อฝันไร้สาระโดยไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครเช่นนี้ ความสุขทางใจที่ไม่มีความผิด เหมือนกับการชื่นชมดาราบนหน้าจอโทรทัศน์
อัตสึชินึกแก้ตัวอยู่ในใจ แต่จริงๆ แล้วตัวเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่คิดเพ้อฝันถึงคนที่ไม่คู่ควร
ความจริงที่ว่าตัวเองเป็นเกย์คอยหลอกหลอนให้อัตสึชิรู้สึกผิดอยู่เสมอ เพราะนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของเขาต้องร้าวฉาน และเกิดเป็นบาดแผลในใจจนยากจะลืมเลือน
เขารู้ตัวว่าเป็นเกย์ตอนชั้นมัธยมหนึ่ง และสารภาพความจริงให้แม่รู้ตอนชั้นมัธยมสาม แม่ซึ่งแอบดูคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของเขาจี้ถามอย่างหนัก จนเขาไม่สามารถตบตาได้อีกต่อไป
เดิมทีครอบครัวก็ไม่ใช่สถานที่ที่เขาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจเท่าใดนัก ในฐานะที่เป็นลูกชายคนโตของบ้านซึ่งเป็นหมอมาหลายชั่วอายุคน แน่นอนว่าเขาถูกคาดหวังให้เรียนหมอตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และแม่ก็แทบประสาทกินที่ต้องคอยกระตุ้นลูกชายซึ่งขาดทั้งความทะเยอทะยานและความสามารถในการเรียนอย่างเขา แม่เคยถูกบรรดาญาติๆ ฝ่ายพ่อถากถางว่า ?เปลือกสมอง ประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์คงได้พันธุกรรมมาจากแม่ล่ะมั้ง? ทำให้แม่ร้อนใจ ในขณะเดียวกันแม่ที่รักและติดพ่อมากก็สงสัยว่าพ่อแอบไปมีผู้หญิงอื่นนอกบ้าน เรื่องนี้จึงยิ่งกระตุ้นความไม่สบายใจของแม่ให้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และตัวอัตสึชิเองก็รับรู้เรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดี
พอรู้ว่าลูกชายคนโตซึ่งนอกจากไม่ได้เรื่องแล้ว ยังมีรสนิยมทางเพศที่ยากจะยอมรับได้อีก แม่ก็แทบเป็นบ้า แม่ตระเวนพาอัตสึชิไปตามโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อรักษา ?โรค? นี้ให้หาย ซึ่งเขาก็จำใจต้องบอกเล่าถึงนิสัยอัน ?ผิดปกติ? ของตัวเองให้ทั้งแม่และหมอฟังหลายต่อหลายครั้ง

ความสัมพันธ์ของอัตสึชิกับคนในครอบครัวไม่ค่อยราบรื่นนัก ระหว่างเรียนชั้นมัธยมปลายสามปี อัตสึชิย้ายไปอยู่กับคุณลุงและคุณป้าที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเสมอ หลังเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ก็ตัดสินใจศึกษาต่อที่วิทยาลัยวิชาชีพด้านการทำอาหารตามคำแนะนำของคุณป้าซึ่งเป็นนักวิจัยอาหาร หลังสั่งสมประสบการณ์ตามร้านอาหารต่างๆ อยู่หลายแห่ง เมื่อสี่ปีก่อนคุณป้าก็ยกสตูดิโอห้องครัวเล็กๆ แห่งนี้ให้เขา โดยอ้างเหตุผลว่า ?ที่นี่คับแคบเกินไปสำหรับป้าแล้ว?
เขาจะโผล่หน้าไปหาคนในครอบครัวเฉพาะเวลามีพิธีหรือเทศกาลสำคัญๆ เท่านั้น น้องชายซึ่งอายุน้อยกว่าสองปีกลายเป็นหมอ ความหวังของแม่จึงเป็นจริงในที่สุด อีกทั้งเท่าที่มองดู ตอนนี้ชีวิตคู่ของพ่อกับแม่ก็เหมือนจะสงบสุขดี
อัตสึชิไม่นึกเกลียดชังครอบครัวเลย ในทางกลับกันเขารู้สึกผิดเสียด้วยซ้ำที่ทำให้แม่ต้องเจ็บปวดเพราะความโง่เขลาของตัวเอง
บางครั้งเขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร จนนึกอยากประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทาง แต่เขาก็ไม่สามารถทำตามความคิดชั่วแล่นได้ เพราะมีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวที่อุตส่าห์หลีกหนีเขาเปล่าๆ
ดังนั้นอัตสึชิจึงตัดสินใจทุ่มเททำงานที่ตัวเองสามารถทำได้ให้ถึงที่สุด เพื่อลบล้างความผิดปกติในใจ อีกทั้งเพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ได้ด้วยกำลังความสามารถของตัวเอง ไม่ต้องรบกวนครอบครัวหรือคุณลุงคุณป้า นี่คือสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้
อัตสึชินอนตะแคงลงบนผ้าปูที่นอนสักหลาดและหลับตาลง ทันใดนั้นอุณหภูมิร่างกายของเขาก็ถูกสัมผัสอันหนาวเย็นของที่นอนดูดซับ เขาต้องนอนบนที่นอนเย็นยะเยือกนี้เพียงลำพังพร้อมตราประทับรสนิยมทางเพศอันผิดปกติในใจไปจนวันสุดท้ายของชีวิตเลยหรือเปล่า
ลูกค้าคนนั้นหลับแล้วหรือยังนะ ทันทีที่ความอ่อนโยนของรอยยิ้มนั้นปรากฏขึ้นในสมอง เขาก็รู้สึกราวกับว่าไฟดวงเล็กๆ กำลังลุกโชนอยู่ภายในใจลึกๆ
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขอมีความรักไปตลอดชีวิต มีเพียงแค่เรื่องเพ้อฝันก่อนนอนเท่านั้นที่อัตสึชิยินยอมให้ตัวเอง และตั้งตารอคอยที่จะนึกถึง



ภายในสตูอิโอห้องครัวที่เล็กแต่เพียบพร้อมแห่งนี้ อบอวลไปด้วยกลิ่นชวนน้ำลายสอของกระเทียมและปลากะตัก
?อร่อยมากเลยค่ะ?
?ไม่น่าเชื่อว่าวัตถุดิบธรรมดาๆ จะสามารถเปลี่ยนหน้าตาไปได้ถึงขนาดนี้นะคะ?
อัตสึชิเผยรอยยิ้มตามมารยาทตอบรับคำชื่นชมจากบรรดาคุณนาย แม้เขาจะเป็นคนอัธยาศัยไม่ค่อยดีสักเท่าไร แต่ก็เปิดห้องเรียนสอนทำอาหารมาสี่ปีแล้ว จึงพอจะสร้างภาพกลบเกลื่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้บ้าง
เขาใช้สตูดิโอห้องครัวที่รับช่วงต่อมาจากคุณป้าเปิดเป็นห้องเรียนสอนทำอาหารสัปดาห์ละสามครั้ง ซึ่งตอนนี้มีนักเรียนประมาณสิบคนต่อคลาส และเนื่องจากทั้งหมดเป็นคลาสเรียนช่วงกลางวันของวันธรรมดา ลูกศิษย์ของเขาจึงเป็นบรรดาคุณนายเสียเป็นส่วนใหญ่
แม้ว่าจะชอบทำอาหารเงียบๆ คนเดียวมากกว่าและไม่ค่อยถนัดสอนคนจำนวนมาก แต่ที่เขายังเปิดห้องเรียนอยู่อย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ก็เพื่อตอบสนองความปรารถนาดีของคุณป้าซึ่งยกสตูดิโอนี้ให้เขาพร้อมบอกเขาด้วยความเป็นห่วงว่า ?คนที่มีรสนิยมทางเพศแตกต่างจากผู้อื่น อาจทำงานในบริษัททั่วไปได้ยาก? เขาจึงอยากสร้างความมั่นใจให้คุณป้าได้เห็นว่า ถึงเขาจะไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัททั่วไป แต่ก็สามารถมีชีวิตอยู่และทำงานซึ่งจำเป็นต้องใช้ทักษะการเข้าสังคมได้อย่างไม่มีปัญหา
บรรดาลูกศิษย์ชอบถามคำถามส่วนตัวกับเขาบ่อยๆ อย่างเช่น ?มีแฟนแล้วใช่ไหม?? ?แต่งงานแล้วหรือยัง?? ในตอนแรกเขารู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ใม่น้อย แต่ตอนนี้เขาพอจะหลบหลีกได้บ้าง โดยการตอบกลับไปว่า ?ผมมีงานเป็นแฟนครับ?
เมนูของวันนี้คือพาสต้าถั่วลันเตา สลัดแครอทกับส้ม และมูสสตรอเบอร์รี่ ทั้งหมดสามจานด้วยกัน ดูเหมือนว่าทุกเมนูล้วนแต่ถูกใจบรรดาคุณนายทั้งนั้น นานๆ ทีอัตสึชิก็มีสอนเมนูที่ต้องใช้วัตถุดิบราคาแพงหรือวัตถุดิบหายากบ้างเหมือนกัน แต่โดยปกติแล้ว เขามักเลือกใช้วัตถุดิบพื้นฐานที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป จากประสบการณ์ที่เขาได้เรียนรู้มาตลอดสี่ปีพบว่า ลูกศิษย์จะตอบรับกับเมนูเหล่านี้ได้ดีกว่า
?ฉันมักจะยึดติดว่าสลัดต้องมีสีสันที่หลากหลาย ไม่เคยนึกถึงสลัดสีโทนเดียวกันแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ การเอาส้มกับแครอทมาผสมกันแบบนี้ เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว?
ลูกศิษย์คนหนึ่งแสดงความคิดเห็น ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย
?วัตถุดิบที่มีสีเดียวกัน จะให้รสชาติที่เข้ากันได้มากกว่าที่คิดไว้เสียอีกนะครับ หากต้องการทำให้อาหารออกมาดูมีสีสันที่หลากหลาย ผมแนะนำให้ใส่ไข่ต้มเพิ่มลงไปครับ?
ขณะที่กำลังอธิบายอยู่ คำว่าไข่ต้มก็กระตุ้นสมองของเขา จากนั้นจู่ๆ ภาพของลูกค้าคนนั้นก็ลอยแวบเข้ามาในสมอง
หลังจากวันนั้นที่แนะนำลูกค้าเรื่องต้มไข่พร้อมกับหุงข้าว ชายหนุ่มก็ไม่ได้แวะเวียนมาที่ร้านอีกเลย หรือเขาจะเบื่อรสชาติอาหารฝีมือของเราเสียแล้ว เขาอาจไปเจอร้านอื่นที่อร่อยถูกปากมากกว่า หรือบางทีเขาอาจเจอคนที่ทำอาหารให้เขากินแล้วก็เป็นได้
เมื่อคิดว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกับลูกค้าที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อคนนั้นอีกต่อไป เขาก็รู้สึกเหงาจับหัวใจขึ้นมาในทันที

?หัวหน้า มีแขกมาหาค่ะ?
ตอนที่โอซากิ โยชิโกะส่งเสียงเรียกผ่านประตูกระจกเข้ามา คลาสเรียนทำอาหารเพิ่งจบลง และอัตสึชิกำลังล้างหม้ออยู่เงียบๆ คนเดียวหน้าซิงก์ล้างจานภายในสตูดิโอ โยชิโกะเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่จะมาช่วยเฝ้าหน้าร้านให้เฉพาะเวลาที่อัตสึชิมีสอนเท่านั้น
?ใครเหรอครับ??
?เป็นผู้ชายชื่อมิยามุระซังค่ะ?
เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน คงเป็นพ่อค้า หรือไม่ก็คนที่สนใจเรียนทำอาหารล่ะมั้ง
?เดี๋ยวฉันล้างแทนให้ก็ได้นะคะ?
โยชิโกะทำท่าจะคว้าฟองน้ำที่ชุ่มไปด้วยน้ำยาล้างจาน แต่อัตสึชิยิ้มน้อยๆ พร้อมกับส่ายศีรษะ
?ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร เพราะว่านี่เป็นงานของผมครับ?
?ถ้างั้น อย่างน้อยก็น่าจะสวมถุงมือนะคะ มือของคุณแห้งกร้านไปหมดแล้ว?
โยชิโกะซึ่งมีอายุใกล้เคียงกับแม่ของเขากล่าวตักเตือน อัตสึชิยืนห่อไหล่ล้างน้ำยาล้างจานออกจากปลายนิ้ว เขารู้ดีว่างานของเขาจำเป็นต้องล้างจานจำนวนมาก คนที่มีผิวบอบบางอย่างเขาจึงควรสวมถุงมือ แน่นอนว่าตอนทำกับข้าว เขาจะสวมถุงมือทุกครั้งเพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่เขาชอบล้างจานด้วยมือเปล่ามากกว่า เพราะต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีคราบสกปรกหลงเหลืออยู่จริงๆ ไม่เช่นนั้นเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ
เมื่อล้างมือเสร็จ อัตสึชิยื่นมือเช็ดกับผ้าสะอาดที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็สวมรอยยิ้มจำเป็นก่อนก้าวออกไปยังหน้าร้าน
ชายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามตู้กระจกใส่อาหาร คือลูกค้าหม้อหุงข้าวที่เขาเพิ่งนึกถึงเมื่อสักครู่นี้เอง
?สวัสดีครับ ขอโทษที่มารบกวนตอนกำลังยุ่งอยู่นะครับ?
?ยินดีต้อนรับครับ แปลกจังเลยที่เห็นคุณมาในเวลานี้?
ลูกค้าที่คิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วกลับมาเยือนอีกครั้งหลังจากหายไปหลายวัน ทำให้หัวใจของอัตสึชิเต้นระรัว
มิยามุระชี้นิ้วไปยังกระเป๋าเดินทางซึ่งวางอยู่ข้างๆ พร้อมกับยิ้มออกมา
?ผมไปทำงานต่างประเทศเพิ่งกลับมาน่ะครับ ผมอยากกินอาหารของร้านนี้มากจนทนไม่ไหว พอออกจากสนามบินก็ตรงดิ่งมาที่นี่ทันทีเลย?
?รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยครับ?
อัตสึชิกำลังปลื้มปีติกับรอยยิ้มและคำชื่นชมของมิยามุระ แต่เสียงที่เขาตอบกลับไปนั้นช่างราบเรียบราวกับท่องบทอาขยาน ทำให้เขารู้สึกขบขันตัวเองเป็นอย่างมาก
ที่ผ่านมาอัตสึชิเห็นมิยามุระในชุดสูทตลอด แต่วันนี้ชายหนุ่มใส่เสื้อยืดกางเกงยีนดูสบายๆ ตอนแรกเขาคิดว่าชายผู้นี้คงอายุมากกว่าเขาเป็นแน่ แต่ในเสื้อผ้าแบบนี้อีกฝ่ายกลับดูหนุ่มกว่าที่คิดไว้เสียอีก
หลังเลือกอาหารสามอย่างโดยไม่ลังเลเช่นทุกครั้ง มิยามุระก็ชวนเขาคุยด้วยเสียงอันอ่อนหวานทุ้มต่ำ ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ
?เมื่อวันก่อนที่คุณสอนผมต้มไข่ต้ม วันรุ่งขึ้นผมรีบลองทำดูเลย ออกมาสมบูรณ์แบบมาก เป็นเทคนิคที่เยี่ยมยอดจริงๆ ครับ?
?เอ๋ คุณลองทำดูจริงๆ เหรอครับ??
มิยามุระขมวดคิ้วด้วยความสงสัยตาม เมื่อเห็นอัตสึชิกถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
?...แปลกตรงไหนเหรอครับ??
?เปล่าครับ ปกติเวลาผมบอกเทคนิคไป น้อยคนนักที่จะทำตามจริงๆ?
?อย่างนั้นเหรอครับ? ผมว่าเป็นเทคนิคที่น่าเอาไปทำตามออก?
?อย่าว่าแต่เทคนิคเลยครับ ขนาดเมนูอาหารที่ผมสอนในห้องเรียน คนที่ลองเอาไปทำที่บ้านจริงๆ คงมีแค่ไม่กี่คนเอง?
อัตสึชิหลงไปกับรอยยิ้มของมิยามุระ ทำให้เผลอพูดมากผิดปกติ
?อย่างนั้นเหรอครับ? ชั้นเรียนทำอาหารคุณก็เป็นคนสอนเหรอครับ??
?ครับ ผมสอนเองคนเดียวครับ?
?สุดยอดจริงๆ?
?ไม่หรอกครับ สัปดาห์หนึ่งมีแค่สามคลาสเองครับ?
?ถึงอย่างนั้นก็สุดยอดอยู่ดีแหละครับ?
มิยามุระทำหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ จากนั้นจู่ๆ เขาก็เผยรอยยิ้มออกมา
?ทั้งๆ ที่อยู่บ้านก็ไม่ค่อยทำกับข้าว แต่กลับมาเรียนทำอาหารแบบนี้ แสดงว่านักเรียนคนนั้นต้องแอบเล็งอาจารย์หนุ่มรูปหล่ออยู่แน่เลย?
แม้จะเป็นการชมตามมารยาททางสังคมก็เถอะ แต่เพราะเป็นคำพูดซึ่งออกมาจากปากของคนที่รู้สึกดีด้วย หัวใจของอัตสึชิจึงสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ เขาพยายามไม่แสดงออกและตอบกลับไปด้วยเสียงอันราบเรียบ
?ผมคิดว่าพวกลูกศิษย์คงสนุกกับการได้ออกมาเจอเพื่อน พูดคุย และชิมอาหารไปด้วยกันมากกว่ามั้งครับ?
?อ้อ พวกผู้หญิงชอบเรื่องแบบนี้จริงๆ ด้วยเนอะ ว่าแต่สอนนักเรียนที่ไม่เอาไปปฏิบัติจริงเนี่ย ไม่รู้สึกเสียแรงที่อุตส่าห์สอนเหรอครับ??
?ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ถ้าไม่ฝึกฝีมือทำอาหารบ่อยๆ ผมกลัวว่ายอดขายจะตกลงมากกว่า แล้วอีกอย่าง การได้เห็นลูกศิษย์สนุกกับการทำอาหารก็ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของผมเหมือนกัน?
?อาจารย์เนี่ย ใจดีอย่างกับนางฟ้าเลยนะครับ?
อัตสึชิถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้รับคำชมซึ่งๆ หน้า ทันใดนั้นมิยามุระก็หัวเราะพรืดออกมา
?ขอโทษครับ ชมผู้ชายว่าเป็นนางฟ้าเนี่ยออกจะเสียมารยาทไปสักหน่อย?
?ไม่เป็นไรครับ... ทั้งหมดหนึ่งพันเจ็ดเยนครับ?
เมื่อรับอาหารมาแล้ว มิยามุระก็หยิบธนบัตรหนึ่งพันเยนออกมาจากกระเป๋าสตางค์ จากนั้นก็ล้วงเอาเศษเหรียญจากกระเป๋ากางเกงมาวางบนเคาน์เตอร์
?รับมาพอดีนะครับ...เอ๋??
เมื่อสังเกตเห็นว่าเหรียญห้าเยนที่รับมามีขนาดเล็กกว่าปกตินิดหน่อย อัตสึชิจึงมองอย่างสงสัย นึกว่าตัวเองคงตาลายไปเสียแล้ว
มิยามุระก้มมองเหรียญที่อยู่มือของอัตสึชิ แล้วก็หัวเราะพรืดออกมาอีกครั้ง
?เหวอ ขอโทษครับ เพิ่งกลับมาจากไปทำงานต่างประเทศเหรียญเลยปนกันไปหมด นี่เป็นเหรียญห้าเซนตาโวสของฟิลิปปินส์ครับ?
ชายหนุ่มควานหาเหรียญในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง คราวนี้เขาหยิบเหรียญห้าเยนที่ถูกต้องออกมา อัตสึชิทำท่าจะคืนเหรียญจากประเทศอื่นที่ไม่เคยเห็นมาก่อนให้มิยามุระ
?ถ้าไม่เป็นการเกะกะ คุณช่วยรับไว้ได้ไหมครับ อ๊ะ จริงด้วยสิ?
มิยามุระหยิบกล่องสีสันสดใสออกมาจากกระเป๋าใบเล็กซึ่งติดอยู่กับที่จับของกระเป๋าเดินทาง
?นี่เป็นขนมของฟิลิปปินส์ ถ้าไม่รังเกียจเชิญทานได้ตามสบายเลยครับ?
?...แต่ว่า คุณตั้งใจจะซื้อมาฝากใครหรือเปล่า??
?อืม ที่จริงผมซื้อมาฝากเพื่อนๆ ที่ทำงาน แต่น่าจะซื้อมาเผื่อเยอะเกินไป?
ขณะที่อัตสิชิกำลังลังเลอยู่ว่าจะรับของฝากกล่องนี้ไว้ดีหรือไม่ ลูกค้าคนใหม่ก็เข้ามาในร้าน
?ถ้างั้น แล้วจะมาใหม่นะครับ?
มิยามุระลากกระเป๋าเดินทางออกจากร้านไปด้วยท่าทีคล่องแคล่ว แต่ว่าไม่รู้ทำไม หลังลูกค้าคนใหม่ซื้อของเสร็จและออกจากร้านไปแล้ว เขาถึงเดินกลับเข้ามาข้างในอีกครั้ง
?ขอโทษครับ ผมลืมถามไปอย่างหนึ่ง?
?อะไรเหรอครับ??
?ห้องเรียนทำอาหารที่นี่ รับสอนผู้ชายด้วยหรือเปล่าครับ?
อัตสึชิตกใจกับคำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ เขาจ้องหน้ามิยามุระเขม็ง
?เอ่อคือ หรือว่ามิยามุระซังสนใจจะเรียน??
?ครับ?
?ขอโทษด้วยครับ คลาสเรียนทั้งสามคลาสของเราเปิดสอนช่วงกลางวันของวันธรรมดา อาจจะไม่ใช่เวลาที่พนักงานบริษัทสามารถมาเรียนได้?
?อย่างนั้นเหรอครับ น่าเสียดาย?
มิยามุระแสดงสีหน้าเสียดายออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้จิตใจของอัตสึชิเริ่มสั่นคลอน
?...แต่ถ้าเป็นคืนวันพุธละก็?
?เอ๋??
ชายหนุ่มถามกลับด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ สติของอัตสึชิจึงกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อกี้เขาพูดอะไรออกไปเนี่ย
?อ๊ะ เปล่าครับ ปกติผมจะปิดร้านวันพุธ เมื่อกี้ผมเลยคิดว่าถ้าเป็นเวลาหลังมิยามุระซังเลิกงานแล้วน่าจะพอได้ แต่ว่าถ้ามีผู้เรียนน้อยกว่าสามคน ค่าเรียนส่วนตัวก็จะแพงขึ้นนะครับ?
อัตสึชิพยายามลบล้างคำพูดซึ่งหลุดปากออกมาโดยไม่ทันได้คิดอย่างร้อนรน
แต่ทว่าดวงตาของมิยามุระกลับทอเป็นประกาย
?ถ้ามีสามคนก็ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ? ถ้างั้นผมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ?
?อา...เอ่อคือ...?
?เวลากำลังเหมาะพอดีเลย เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนหน้าเลยได้ไหมครับ??
มิยามุระหยิบนามบัตรกับปากกาลูกลื่นออกมาจากกระเป๋าใบเล็ก และเขียนหมายเลขโทรศัพท์มือถือด้วยลายมือสวยงามเป็นระเบียบก่อนยื่นให้อัตสึชิ เป็นครั้งแรกที่อัตสึชิได้รู้ว่าชื่อเต็มๆ ของเขาคือ มิยามุระ ชูเฮ ทำงานอยู่บริษัทผลิตแผงควบคุมวงจรไฟฟ้าในรถยนต์
?ผมติดต่อคุณผ่านทางเบอร์ร้านได้ไหมครับ??
เมื่อถามจบ มิยามุระก็กล่าวต่อ ?ขอรับไว้นะครับ? พร้อมหยิบนามบัตรร้านที่วางอยู่ข้างๆ แคชเชียร์
ขณะที่อัตสึชิกำลังตื่นตระหนกอยู่นั้นเอง ลูกค้าคนใหม่ก็เข้ามาอีกครั้ง
?ถ้างั้น แล้วผมจะติดต่อมาใหม่ครับ?
มิยามุระทิ้งรอยยิ้มอันสดใสเอาไว้ก่อนเดินออกจากร้านไปจริงๆ บนเคาน์เตอร์มีเหรียญเล็กๆ นามบัตร และกล่องขนมวางเรียงอยู่ ราวกับเป็นไอเทมเวทมนตร์ที่น่ามหัศจรรย์ อัตสึชิยืนเหม่อสักพักเพื่อครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสักครู่นี้ จากนั้นเขาก็หยิบนามบัตรเก็บใส่ในแคชเชียร์ ส่วนเหรียญเล็กๆ ที่มีรูตรงกลาง เขานำมันมาผูกกับเชือกที่ปิดรูหูฟังสมาร์ทโฟนกันหาย
อัตสึชิถือกล่องขนมเดินกลับเข้าไปในสตูดิโอห้องครัว โยชิโกะส่งสายตาประหลาดใจมาให้เขา
?เอ๊ะ นั่นอะไรคะ??
?ลูกค้าให้ของฝากจากต่างประเทศมาน่ะครับ ที่กล่องเขียนว่า ?Powder Candy? มันคืออะไรกันนะ?
เขารับมาแบบนี้จะดีจริงๆ เหรอ อัตสึชิครุ่นคิดพลางค่อยๆ เปิดกล่องออกมาอย่างหวาดหวั่นเพื่อแบ่งขนมให้โยชิโกะซึ่งกำลังมองด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น ภายในกล่องบรรจุขนมห่อด้วยกระดาษแก้วสีสดใส
?ว้าว ห่อแบบนี้ไม่ได้เห็นตั้งนานแล้วนะคะ?
อัตสึชิแบ่งขนมครึ่งหนึ่งใส่ถุงให้โยชิโกะ จากนั้นก็ลองหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น แกะกระดาษแก้วสีแดงสดออก ข้างในเป็นขนมผงอัดรูปคล้ายๆ ขนมผิงชิ้นใหญ่ เมื่อนำใส่เข้าปากตัวขนมก็ละลายในทันที กลิ่นหอมของถั่วและกลิ่นหวานๆ ที่ให้ความรู้สึกสบายใจแผ่ซ่านไปทั่วปาก
?เป็นขนมที่ให้กลิ่นอายของต่างประเทศดีจังเลยนะคะ รสชาติเหมือนประเทศทางใต้เลย?
อัตสึชิพยักหน้าเห็นด้วยกับโยชิโกะ
ขนมจากเมืองร้อนที่เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อน มีรสชาติหวานไม่ต่างจากรอยยิ้มของมิยามุระ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โฮริ อัตสึชิ เชฟและเจ้าของร้านขายอาหารสำเร็จรูป รู้สึกติดใจลูกค้าอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นพนักงานบริษัทหนุ่มซึ่งดูเหมาะกับชุดสูทและมีรอยยิ้มอันเป็นมิตร ลูกค้าคนนี้แวะเวียนมาที่ร้านเป็นประจำประมาณสัปดาห์ละสองครั้ง และดูเหมือนว่าอัตสึชิแอบตั้งตารอคอยการมาเยือนเพื่อจะได้แลกเปลี่ยนบทสนทนากับเขา ทุกครั้งที่อัตสึชินึกถึงรอยยิ้มอันเป็นมิตรของชายหนุ่มผู้นี้ เขาจะรู้สึกราวกับว่าไฟดวงเล็กๆ ได้ลุกโชนอยู่ข้างในหัวใจลึกๆ แต่เนื่องจากอัตสึชิเคยประสบกับเหตุการณ์แสนเจ็บปวดในอดีต เขาจึงตัดสินใจว่า ชีวิตนี้จะไม่ขอมีความรักอีกต่อไป แต่ทว่า....เขากลับต้องมาสอนมิยามุระทำอาหาร!? ท้ายเล่มมีการ์ตูนตอนพิเศษเรื่อง ?หนุ่มน้อยหมวกแดงพราวเสน่ห์? ด้วย!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”