ชายหาดทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตาบนเกาะใต้จันทร์ เกาะแห่งความเป็นส่วนตัวของผู้ทรงอิทธิพลผู้หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าเวลานี้กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง...
ชายฉกรรจ์สามนายกำลังเดินสำรวจเกาะเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยหลังจากเมื่อคืนเกิดเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย ซึ่งเจ้าของเกาะได้สั่งอย่างเข้มงวดให้ตรวจตราทุกพื้นที่ทุกตารางนิ้วให้อยู่ในความสงบมากที่สุด
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังสำรวจพื้นที่ชายหาดเม็ดทรายขาวละเอียดอยู่นั้น
?นายหัวครับ? สำเนียงภาษาใต้ชัดเจนร้องเรียกนายหัวดังขึ้นทันทีเมื่อสายตาปะทะกับอะไรบางอย่างคล้ายร่างคนนอนอยู่เบื้องหน้าใกล้กับโขดหิน
?อะไรดิษ แหกปากซะลั่น? นายหัวเวหา สีหราชไม่ได้หันไปทางดิษซึ่งเป็นหัวหน้าคุมคนงานบนเกาะแห่งนี้ หากแต่เอ่ยถามออกไปก่อน
?ดูก่อนครับ ตรงโน้น? ดิษชี้ไปเบื้องหน้าของตนเองพลางสาวเท้าย่ำเม็ดทรายไปตรงจุดนั้น สายตาวัยสี่สิบปลายๆ ไม่หลอกเขาแน่ กองอะไรบางอย่างเบื้องหน้านั้นต้องเป็นคนแน่ๆ ดังนั้น ชายฉกรรจ์อีกคนจึงเร่งฝีเท้าตามไปด้วย เพื่อดูว่าสิ่งที่หัวหน้าคนงานตกอกตกใจนั้นคืออะไรกันแน่
และแล้วเมื่อพวกเขาไปถึงสายตาจึงปะทะกับร่างคนที่นอนแน่นิ่งคว่ำหน้าอยู่ไม่ห่างจากโขดหินสีดำทะมึนนัก
?นี่มันคนนี่พี่ดิษ? พฤตมองสิ่งที่อยู่ไม่ห่างจากปลายเท้านั้นด้วยอาการตกตะลึง
?ตายหรือยังวะนั่น? ดิษตาตื่นไม่ต่างกับพฤต ขณะนายหัวเวหากลับก้าวช้าๆ ตรงมาทางพวกเขาด้วยอาการไม่ตื่นตระหนกใดๆ
?เอาไงดีครับนายหัว? หัวหน้าคนงานเอ่ยถามเพื่อขอการตัดสินใจ ปกตินายหัวไม่ไว้ใจสิ่งแปลกปลอมไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ เข้ามาในเกาะถ้าไม่จำเป็น แต่เหตุการณ์ตรงหน้านี้น่าจะเรียกว่าจำเป็นแล้ว
?จัดการเอง ฉันไม่เกี่ยว? เวหาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา โดยไม่แสดงสีหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์ความตื่นเต้นใดๆ
?อ้าว!? ทั้งดิษและพฤตต่างอุทานออกมาพร้อมกัน ทั้งสองจ้องหน้ากันแล้วหันไปทางนายหัว พวกเขารู้อยู่ว่านายหัวของพวกเขาไม่เคยสนใจอะไรทั้งสิ้น นอกจากงานและชีวิตคนงานภายใต้การปกครอง แต่ตอนนี้เรื่องมันมาเกยถึงคางควรจะออกความคิดเห็นให้ความกระจ่างแก่พวกเขาหน่อย
?เอาไงดีพี่ดิษ? พฤตเอ่ยขอความเห็นจากหัวหน้าที่ตนนับถือรองลงมาจากนายหัวผู้ทรงอิทธิพล
?ดูก่อนแล้วกันว่าตายหรือเป็น? ดิษต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยจะได้รู้ว่าคนตรงปลายเท้ายังมีชีวิตอยู่หรือสิ้นลมหายใจไปแล้ว
หัวหน้าคนงานสัมปทานรังนกนางแอ่นแห่ง ?เกาะใต้จันทร์? ย่อเข่าลงไปนั่งลงข้างร่างที่ยังแน่นิ่ง เอื้อมมือไปพลิกร่างที่นอนคว่ำหน้ากับผืนทรายเพื่อสำรวจว่าผู้เคราะห์ร้ายคนนี้คือหญิงหรือชาย...และยังมีลมหายใจหรือไม่
?ไอ้พฤต ผู้หญิง? ดิษตะโกนสำเนียงใต้เสียงดังฟังชัด เบื้องหน้าเขาคือมนุษย์เพศหญิง หน้าตามอมแมมเปรอะเปื้อนด้วยสาหร่าย เม็ดทราย รวมทั้งพบรอยถลอกตามตัว หนำซ้ำยังดูเหมือนว่าร่างนี้จะได้รับบาดเจ็บมาจากที่ไหนสักแห่งเพราะเห็นคราบเลือดเกาะกรังอยู่ตามใบหน้า
?เอาไงดีครับนาย...? ดิษอ้าปากเพื่อจะถามนายหัว แต่ยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคเขาก็เห็นแผ่นหลังผึ่งผายไวๆ ห่างออกไปเบื้องหน้า ?อ้าว!?
นายหัว...คำว่านายหัวผลุบหายเข้าไปในลำคอ
?พี่ๆ ดูเหมือนว่ายังไม่ตาย? พฤตอังนิ้วตรงใต้จมูกเพื่อให้มั่นใจผู้หญิงคนนี้ตายหรือยังไม่ตายกันแน่
?เวรแล้วไง? ดิษอุทานอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าตายก็แค่ฝังหรือเผา แต่นี่ยังมีชีวิตอยู่เขาควรพากลับหรือแจ้นไปถามนายหัวก่อนตัดสินใจทำอะไรก่อนหลังดี แต่ความเป็นคนด้วยกันผลักดันให้ดิษตัดสินใจในวินาทีต่อมา ?พากลับไปที่บ้านพักคนงานหญิงก่อน?
?เอางั้นหรือพี่? พฤตลังเล เขาเป็นแค่คนงานไม่กล้าอาจหาญตัดสินใจอะไรเองถ้านายหัวไม่สั่ง นายหัวผู้เยือกเย็น แม้ไม่พูดไม่ใช่ไม่คิด นายหัวคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาในสมอง แต่จะมีสักคนที่อ่านความรู้สึกนายหัวออก
?เออ...คนเหมือนกัน เห็นอยู่ว่ายังไม่ตายจะทิ้งไว้แบบนี้คงได้ตายจริงๆ แน่? ดิษว่าอย่างนั้นพร้อมกับช้อนอุ้มร่างบอบบางมอมแมมยิ่งกว่าผ่านการหลบระเบิดมากระนั้น
ดิษอุ้มร่างบอบบางซึ่งแทบเรียกว่าไร้น้ำหนักกลับมาที่เรือนพักคนงานหญิงบนเกาะใต้จันทร์ เกาะส่วนตัวที่ห้ามคนภายนอกเข้ามาเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเกาะซะก่อน
?นั่น...นั่นตาดิษแกไปเอาอะไรมา? รินจงเมียหัวหน้าคนงานอยู่ที่เรือนเห็นสามีอุ้มบางสิ่งเดินตรงเข้ามา พร้อมกับวางลงอย่างเบามือ นางก็ขยับเข้าไปก้มมองแล้วก็พบว่าสามีของตนอุ้มผู้หญิงเข้าบ้าน ?ไอ้แก่ เดี๋ยวนี้แกริอ่านพาผู้หญิงคนอื่นมาหยามเมียถึงที่เลยเหรอ? รินจงทำท่าจะฟาดฝ่ามือลงที่กบาลสามี
?เฮ้ย...ดูก่อน? ดิษคว้ามือเมียสุดที่รักตัวอวบอ้วนผิวคล้ำอย่างสาวใต้ ที่เมื่อก่อนแต่งงานหุ่นช่างบอบบางน่าถนอม จนเขาหลงรักหัวปักหัวปำกระทั่งลงทุนฉุดมาทำเมีย แล้วค่อยมาขอขมากับผู้ใหญ่ทีหลัง พอกาลเวลาผ่านไปรินจงผู้บอบบางก็กลายเป็นรินจงผู้ขยายข้างในเวลาไม่กี่ปี
รินจงก้มมองสิ่งที่สามีนำมาวางลงตรงแคร่ไม้ไผ่ พบว่าผู้หญิงคนนี้มีเส้นผมยาวดกดำ เปียกลู่ติดหนังศีรษะ ปิดบังใบหน้า นางจึงยื่นมือไปเกลี่ยเส้นผมออกจากดวงหน้านั้น
?คนหรือตุ๊กตาวะเนี่ย? รินจงอ้าปากค้างพร้อมกับอุทานเมื่อพิศมองดวงหน้าคนหมดสติ แล้วพบว่าช่างน่ารักน่าใคร่หากสะอาดสะอ้านกว่านี้ น่าจะสวยราวกับนางฟ้าเลยเชียวล่ะ
?รู้สึกบาดเจ็บมาด้วยวะ? ดิษขยับมายืนข้างเมีย
?ตายๆ พาคนแปลกหน้ามาแบบนี้นายหัวรู้หรือยัง?
รินจงเป็นกังวลเพราะนายหัวไม่ชอบให้คนนอกเข้ามายุ่มย่ามบนเกาะ แล้วผู้หญิงที่ไม่รู้จักแบบนี้ด้วยคงเป็นเรื่องหากรู้เรื่องนี้ขึ้นมา คนงานทุกคนต่างรู้ข้อนี้ดี นายหัวทั้งเข้มงวดทั้งดุดัน เขาเย็นชาดั่งน้ำแข็ง แล้วอย่างนี้สามีของนางจะทำอย่างไรถ้านายหัวรู้เรื่องนี้ นางรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อต้องปะทะสายตาดุกร้าวจากผู้เป็นนาย
?รู้แล้ว? ดิษกล่าว แต่เขาไม่ใจดำพอจะทิ้งคนที่ยังมีลมหายใจไว้แบบนั้นจนค่อยๆ หมดลมหายใจได้ ใจจืดใจดำใจร้ายเกินไป และเขาเชื่อว่านายหัวของเขาถึงจะเย็นชา แต่ก็คงไม่ใจร้ายปล่อยเหตุการณ์ให้เป็นเช่นนั้นแน่
?แล้วนายหัวว่าอย่างไร? รินจงยังคงซัก ลำพังนางไม่มีปัญหาหากแต่ให้ฝืนคำสั่งนายหัวนางก็ไม่กล้าเสี่ยงเหมือนกัน
?ให้ไปจัดการเอง ข้าก็จนปัญญาเลยพามาที่นี่ล่ะ เอ็งช่วยจัดการหน่อยริน? ดิษบอกเมียด้วยสีหน้าเป็นกังวล เกรงตุ๊กตาสกปรกตัวนี้จะตายซะก่อน
?รอให้ฟื้นก่อนดีกว่า เราไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า ไม่รู้มาจากไหน คนดีหรือคนร้ายข้าก็ไม่อยากช่วยเท่าไหร่หรอกนะ?
?ผู้หญิงตัวบางๆ แบบนี้ไม่รู้โดนอะไรมา? ท้องทะเลอันเวิ้งว้างไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรก่อนหน้านั้น เรือโดนปล้น หรือว่าเจอพายุ ร่างอันไร้สติถึงได้ลอยมาติดชายหาดเกาะใต้จันทร์อันสงสบร่มเย็น
แต่จะว่าสงบก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เมื่อคืนยังมีคนร้ายบุกเข้ามาขโมยรังนกที่เพิ่งไปเก็บมาจากเกาะเหนือจันทร์เมื่อเช้าตรู่เมื่อวานเพื่อจัดเตรียมส่งลงเรือในเช้าตรู่วันนี้ แต่กลับต้องชะงักเพราะกลุ่มโจรเมื่อคืนเป็นเหตุ แล้วนี่ก็ยังจับพวกมันไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นคนกลุ่มไหนกันแน่ โจรสลัดหรือว่าผู้ไม่หวังดีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นายหัวเองก็เร่งจัดการอยู่
?เอางั้นหรือ? รินจงเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
?อืม ฟื้นมาค่อยถามก็แล้วกัน? ดิษเห็นว่าอย่างนั้น ?มีอะไรข้ารับผิดชอบเอง?
แม้ตัวเขาเองก็ไม่สามารถฝืนคำบัญชาจากนายหัวได้ก็ตาม แต่ถ้าหล่อนผู้นี้ฟื้นขึ้นมาคงได้รู้ความจริงว่าบ้านช่องห้องหับอยู่ที่ไหน ถึงเวลานั้นเขาจะเป็นคนพาหล่อนไปส่งยังฝั่งเอง
?ตาดิษ เอ็งก็ใจดีตามเคยนะ? รินจงต่อว่าด้วยไม่คิดอะไรมาก นางเองก็คงใจจืดใจดำไม่พอที่ปล่อยให้คนเป็นๆ ตายไปต่อหน้า ถึงสามีจะตัวดำผมหยิกก็หล่อที่หัวใจในสายตาของนางอยู่วันยันค่ำ
?ผู้หญิงตัวเล็กแค่นี้ถ้าเป็นคนไม่ดีจริงข้าก็จัดการได้ เอ็งดูแลให้หน่อยเถอะ? ดิษกล่าว ตัวบางเท่านี้จับมือเดียวคงจะแตกแหลกละเอียด หากเป็นผู้ร้ายเขาจะจับหักคอโยนลงทะเลเสีย
?แกควรไปแจ้งนายหัวนะตาดิษ? รินจงยังยืนยัน นางรู้ว่าพื้นฐานนายหัวไม่ใช่คนเป็นคนใจร้าย ถ้าเป็นแบบนั้นชายหนุ่มคงไม่เลี้ยงคนให้รักเขาได้มากมายล้นเกาะแบบนี้แน่
?เดี๋ยวค่อยแจ้ง เอาน่า ช่วยๆ กันก่อน? ตุ๊กตาสกปรกตัวนี้ฟื้นขึ้นมาค่อยสอบถามเอาความจริง แล้วไปแจ้งนายหัวก็ได้ อันดับแรกคงต้องช่วยชีวิตคนซะก่อน
ระหว่างที่ดิษ รินจง และพฤตกำลังปรึกษากัน ร่างบอบบางสกปรกมอมแมมหากเสื้อผ้าที่หล่อนสวมใส่บนกายแม้จะเปียกปอนสกปรกหากแต่ดูแล้วน่าจะเป็นเสื้อผ้าของพวกผู้รากมากดีในเมืองหรือในเมืองหลวงมากกว่าเป็นสาวชาวบ้านละแวกนี้ หรือแม้แต่สาวสังคมลูกพ่อค้าคหบดีบนฝั่งคงไม่ใช่แบบนี้แน่ ร่างแน่งน้อยบอบบางคงได้รับบาดเจ็บจากอะไรสักอย่างกำลังขยับตัวพร้อมกับเสียงครวญเบาๆ
?อื้อ...? เสียงแผ่วพร่าดังขึ้น
?เฮ้ย...นั่นๆ ฟื้นแล้วตาดิษ ไอ้พฤต? รินจงขยับตัวแล้วก้มลงมองตุ๊กตาสกปรกมอมแมมขยับร่าง
ขณะเดียวกันเจ้าของเกาะได้เดินมาสมทบที่เรือนคนงาน เพราะคนงานคนอื่นไปรายงานว่าหัวหน้าคนงานช่วยคนเอาไว้ ตกลงไอ้หมอนี่มันจัดการกับซากปลาหมึกที่ลอยมาติดเกาะด้วยการพามาที่เรือนพักคนงานเนี่ยนะ
?อ้าว นายหัว? ดิษอุทานเรียกผู้เป็นนายพลางขยับออกมาเพื่อเปิดทางให้นายหัวได้ดูตุ๊กตาสกปรกบนแคร่ซึ่งกำลังจะฟื้นคืนสติ คราวนี้จะได้รู้เรื่องทั้งหมดซะที
?หาเรื่องจริงๆ? นายหัวเวหาตวัดสายตาไปทางหัวหน้าคนงานที่แส่สร้างเรื่องเป็นพลเมืองดีบนเกาะใต้จันทร์ไม่เข้าท่า
ร่างบอบบางเปียกปอนขยับเขยื้อนค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นทีละน้อย ปรับภาพมองรอบกาย ภาพต่างๆ ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ภาพแรกที่เจ้าของร่างที่นอนนิ่งบนแคร่เมื่อครู่เห็นคือชายร่างสูงใหญ่ที่ใบหน้าล้อมกรอบด้วยหนวดเครารกรุงรัง ดวงตาที่แค่หรี่มองภาพเหนือศีรษะบัดนี้เบิกกว้างด้วยอาการตกตะลึง ใครกันที่ยืนตระหง่านอยู่เหนือเลยจากตัวเธอ หน้าไม่คุ้นไม่รู้จัก ยอมรับว่าน่ากลัวน่าเกรงขาม หัวใจดวงน้อยรู้สึกได้ถึงความกลัวแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ ยกมือที่แสนปวดร้าวกุมสาบเสื้ออันเปียกชุ่ม
?ฟื้นแล้วก็ลุกขึ้นมาคุยกันแม่คุณ? นายหัวย่อกายลงนั่งตรงแคร่ที่ร่างบอบบางขยับร่างถอยร่นไปนั่งห่างออกไป
?ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
?นั่นไม่สำคัญเท่ากับฉันต้องการรู้ว่าเธอเป็นใคร ชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน ไหนๆ ก็ฟื้นแล้วฉันจะสงเคราะห์ให้ลูกน้องไปส่งถึงที่?
?ชื่อ...? หญิงสาวผู้ผลัดถิ่นทวนคำถาม
?เอ้า ว่าไง ชื่อเสียงเรียงนามอะไร บอกมาสิ?
หญิงสาวยังคงนิ่ง มองรอบกายต่อสลับกับมองคนทั้งสี่แล้ววนกลับมาที่คนถามอีกครั้ง เธอพบว่าชายผู้นี้นอกจากผิวเข้ม ร่างสูงใหญ่ ดวงหน้าล้อมด้วยหนวดเคราราวกับโจรใจร้ายหรือผู้ร้ายที่สังคมรังเกียจแล้ว เขายังมีดวงตาเย็นชา ไร้คลื่นของความรู้สึกใดๆ อีกด้วย ความหนาวเหน็บที่เกาะร่างยังไม่เท่าความหนาวเหน็บที่เกาะกินใจเมื่อเห็นดวงตาน้ำแข็งคู่นั้น
?มะ...ไม่รู้?
?หา! ไม่รู้จักชื่อตัวเอง? คนงานทั้งสามอุทานเสียงดังออกมาพร้อมๆ กัน ?หรือว่า...?
?ชื่อไม่รู้ บ้านล่ะอยู่ไหน จะได้พาไปส่งบ้าน? ดิษแอบคิดบางอย่างไว้ในใจ
?บ้านคืออะไร? เจ้าของร่างมอมแมมตอบออกมาอย่างเด็กแรกคลอด หลังจากทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่แล้วก็พบว่าในสมองช่างขาวโพลนไร้ข้อมูลใดๆ เพื่อนำมาเป็นคำตอบให้กับกลุ่มคนที่ล้อมรอบกายเธออยู่ตอนนี้
?งานเข้าแล้วไอ้ดิษ? นายหัวเวหาตวัดสายตาไปทางหัวหน้าคนงานที่หาเรื่องเดือดร้อนเข้ามายังเกาะใต้จันทร์จนได้ เมื่อคืนขโมยไม่ทราบฝ่ายบุกเข้ามาบนเกาะเพื่อขโมยรังนก ส่วนเช้านี้คนปัญญาเสื่อมลอยมาติดเกาะ บางทีอาจเป็นนางนกต่อ เขาไม่ควรไว้ใจสถานการณ์และตุ๊กตาตัวสกปรกตรงหน้า
?เกิดอะไรขึ้นกับคุณครับ? คราวนี้ดิษเป็นฝ่ายอดไม่ได้เอ่ยถามขึ้นมาบ้างก่อนที่นายหัวจะหมดความอดทน โยนร่างมอมแมมนี้ลงทะเลให้ฉลามกิน คราวนี้เขาคงช่วยอะไรไม่ได้แน่
?ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น? หญิงสาวตอบแบบงงๆ ก็ในเมื่อไม่รู้จริงๆ จะให้เธอหาคำตอบที่ไหนให้กับคนพวกนี้ แล้วสถานที่นี้คือที่ไหน คนพวกนี้เป็นใคร ถ้าเป็นโจรหรือผู้ร้ายคงจะสังหารเธอไปแล้ว คงไม่ปล่อยให้เธอได้มีลมหายใจมายาวนานจนฟื้นขึ้นมาแบบนี้แน่
?ชื่อไม่รู้ บ้านไม่รู้จัก เกิดอะไรขึ้นก็ยังไม่รู้ หรือว่าหล่อนถูกคลื่นชัดร่างกระแทกของแข็งจนความจำเสื่อม? ดิษสันนิษฐานตามสถานการณ์บีบบังคับ
?คราวนี้จัดการเองก็แล้วกัน ฉันไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วย? นายหัวผู้เย็นชาเอ่ยออกมาได้แค่นั้นจึงหยัดกายลุกขึ้นยืน พร้อมกับหันไปสั่งหัวหน้าคนงานให้รีบจัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว จะพาออกไปจากเกาะหรือจะเค้นความจริงแล้วแต่จะทำกันไปก็แล้วกัน
?คุณ? หญิงสาวร้องเรียกชายที่กำลังจะก้าวจากไป การร้องเรียกของเธอดั่งคนละเมอมากกว่าตั้งใจเรียก แต่ไม่รู้อะไรสั่งให้เธอเรียกเขา
?เธอนึกออกแล้วอย่างนั้นเหรอ? นายหัวเวหาหันกลับมาหาร่างมอมแมมที่ไร้ข้อมูลในหัว สนใจเสียงที่เปล่งเรียกเขาเพราะนั่นหมายถึงเขาจะส่งเธอออกไปจากเกาะได้เร็วขึ้น
?มะ...ไม่ใช่? หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกัก
?แล้วมันอะไรล่ะ? ชายหนุ่มเจ้าของเกาะรูปหัวใจต้องการคำตอบ เกาะของเขาเป็นเกาะที่สวยงามมาก กระทรวงการท่องเที่ยวต้องการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของภาคใต้ แต่เขาไม่ยอมเพราะเป็นเกาะส่วนตัว ทั้งไม่ชอบให้ใครต่อใครเข้ามารบกวน ด้วยนิสัยชอบสันโดษ โลกส่วนตัวสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไป
?ท่าน...คุณ...จะทิ้งฉันไว้แบบนี้เหรอ? หญิงสาวเรียกขานชายหนุ่มไม่ถูก ด้วยไม่รู้ฐานะชายร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามผู้นี้ ได้ยินแต่ชายหญิงเหล่านี้เรียกนายหัว คำว่านายหัวคือชื่อหรือตำแหน่งการทำงานเธอก็ไม่ทราบได้ สิ่งที่ทำให้เธอเรียกเขาไว้เพราะภาพแรกที่ปรากฏต่อดวงตาสีนิลของเธอคือเขา ดังนั้นเขาคือผู้มีพระคุณต่อเธอ เขาไม่ควรทิ้งเธอไว้กับคนตัวดำผมเผ้ารุงรังแบบนี้ ว่าแต่เขาเองก็น่ากลัวไม่ต่างจากผู้ชายสองคนที่ยืนรอบตัวเธอเช่นกัน
?หึ...? นายหัวแค่นเสียงออกมาได้แค่นั้นหันกลับไปทางเดิมแล้วเดินหนีไปอย่างไม่มีคำตอบให้กับคนถาม
?เมียจ๋า? ดิษเอ่ยเสียงหวานกับเมียรัก ส่งสายตาออดอ้อนเพื่อต้องการบางอย่าง
?ว่าไงพี่ดิษ เสียงหวานแบบนี้จะมอบนังตุ๊กตาตัวนี้ให้เมียล่ะสิ? หาเรื่องพานตกงานทั้งผัวเมียซะแล้วไหมล่ะ อยู่ดีไม่ว่าดีไปแบกคนแปลกหน้าเข้ามาในเกาะ
?ช่วยจัดการที พาไปอาบน้ำ หาข้าวหาปลาให้กิน ถ้าท้องอิ่มเมื่อไหร่สติคงกลับมา? ดิษหวังไว้เช่นนั้นแต่ก็เผื่อใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นไว้เช่นกัน หากแม่ตุ๊กตาสกปรกตัวนี้เกิดความจำเสื่อมจากการที่หัวกระแทกกับอะไรสักอย่างอย่างถาวร คงต้องเลี้ยงดูกันยาวแน่
?ก็ได้ นี่เห็นแก่มนุษยธรรมนะ?
รินจงใช้ศัพท์วิชาการแต่นางก็เป็นสาวชาวบ้านที่จิตใจงดงามขาวสะอาดต่างจากตัวที่ดำผมที่หยิก
?เออ...เมียข้าเป็นพวกเรียนสูงตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้พฤต? ดิษประชดเมียรัก
?ทำไมล่ะพี่? พฤติไม่เข้าใจคำถามจากปากหัวหน้าคนงาน
?ก็ใช้ศัพท์สูงน่ะสิวะ...มนุษยธรรม เป็นข้าคิดไม่ได้นะเนี่ย? ดิษว่าพร้อมกับคลี่ยิ้ม
?ไปๆ พวกเอ็งจะไปไหนก็ไป ปล่อยให้นังหนูนี่เป็นหน้าที่ของข้าก็แล้วกัน? รินจงปัดมือไล่ผู้ชายทั้งสอง
ขณะตุ๊กตาไร้ชื่อไร้นามไร้ที่อยู่เป็นศพคืนชีพพลัดถิ่น หาที่มาที่ไปไม่เจอ หญิงสาวได้แต่นั่งมองเส้นทางที่นายหัวหายร่างไปอย่างไร้ความรู้สึก รินจงมองตุ๊กตาน่ารักทว่าช่างมอมแมมนักด้วยความสงสาร เห็นแบบนี้นางคงทิ้งหรือผลักไสไม่ลง
?ตามข้ามานังหนู? รินจงขยับกายเพื่อจะพาร่างมอมแมมไปอาบน้ำยังลำธารน้ำตกหลังด้านหลังเรือนพักคนงาน
?โอ๊ย!? แต่จู่ๆ ทันทีที่หญิงสาวขยับร่างเพื่อจะหยัดกายหวังใจว่าจะเดินตามผู้หญิงร่างอวบตัวดำตามที่นางเรียก แต่แล้วความเจ็บแปลบก็แผ่ซ่านไปทั่วศีรษะ
?แก...แกเป็นอะไรนังหนู เจ็บตรงไหน จู่ๆ ก็ร้องลั่น?
รินจงปราดเข้ามาดูอาการตุ๊กตาสกปรกซึ่งก้าวเท้าลงจากแคร่ด้วยอาการโงนเงน
?ปวดหัว...ปวดมาก? มือบางยกขึ้นกุมขยับพร้อมกับแสดงสีหน้าเหยเกจากอาการร้าวทั่วศีรษะ
?ไหนๆ ข้าขอดูหน่อย เรียกข้าว่าป้ารินนะ? รินจงแนะนำตัว
?ป้าริน? หญิงสาวทวนชื่ออีกฝ่าย
?ใช่ ป้าชื่อริน เป็นหัวหน้าแม่บ้านบนเกาะนี้ ส่วนผัวป้าชื่อดิษ?
หญิงสาวเอียงหน้าราวกับไม่รู้จัก คนไหนสามีรินจง ด้วยเห็นว่ามีผู้ชายตั้งสามคน
?ก็คนตัวดำๆ ผมหยิกใส่เสื้อลายดอกนั่นล่ะ มันชื่อดิษ ผัวป้าเอง เรียกว่าลุงดิษ ส่วนอีกคนไอ้พฤต คนงานบนเกาะใต้จันทร์นี้? รินจงค่อยๆ อธิบายด้วยความใจเย็น นางเป็นคนใจเย็นด้วยต้องทำหน้าที่ดูแลคนงานหญิงทุกคนบนเกาะแห่งนี้
?อ๋อ...ค่ะ? หญิงสาวยกมือกุมศีรษะเพราะเพิ่งรู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างกะทันหันแสดงสีหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจ
รินจงพาหญิงสาวพลัดถิ่นหรือตุ๊กตาสกปรกไปอาบน้ำที่น้ำตก
?ผลัดผ้าซะนังหนู? รินจงยืนผ้าถุงลายดอกซึ่งทางใต้เรียกว่าผ้าปาเต๊ะไปตรงหน้าหญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดราวกับคุณหนูลูกคนใหญ่คนโตในตัวเมือง แต่ชุดนั้นคงไม่มีค่าอีกต่อไป เมื่อมันสกปรกหนำซ้ำยังฉีกขาดหลายจุด คงต้องถอดทิ้งและลงมืออาบน้ำชำระล้างตัวให้เป็นผู้เป็นคนกว่านี้
?อะไรคะป้าริน? ตุ๊กตาสกปรกที่ยังไม่มีชื่อเอ่ยถามรินจง
?อ้าว...ก็ผ้าถุงไง เอ็งไม่รู้จักหรือนังหนู? รินจงมองหญิงสาว ยิ่งพิศมองก็ยิ่งเหมือนตุ๊กตาเสียกบาลเก่าๆ ที่ถูกทิ้งท่ามกลางสายฝนจนดินโคลนเกาะตามตัว
?ผ้าถุง?? หญิงสาวมอมแมมทวนคำรินจง พร้อมกับก้มลงมองผ้าถุงในมืออีกฝ่ายอย่างไม่คุ้นเคยไม่รู้จัก
?อย่าบอกว่าเอ็งใช้มันไม่เป็น? รินจงเอ่ยถาม ดูท่าแม่ตุ๊กตาเสียกบาลตัวนี้จะเป็นคุณหนูจากตระกูลมั่งคั่งสักตระกูลอย่างแน่นอน
คนถูกถามไม่ตอบด้วยคำพูดหากแต่พยักหน้ารับ ก็คนใช้ไม่เป็นจริงๆ นี่นา ไม่เพียงแต่ไม่เคยใช้หรือใช้ไม่เป็น ที่สำคัญไม่เคยเห็นด้วยซ้ำไป
?งั้นมานี่ป้าจะสอน? รินจงคว้าร่างบอบบางมอมแมมหายเข้าไปหลังพุ่มไม้ แล้วลงมือจับนั่นถอดนี่บนร่างระหงตรงหน้า
?ป้าจะทำอะไร?
?ถอดเสื้อผ้าเอ็งน่ะสินังหนู?
?ป้า...ไม่เอานะ เดี๋ยวฉันทำเอง? ตุ๊กตาสกปรกดวงหน้าแดงก่ำ ด้วยความอายที่จะต้องถอดผ้าต่อหน้าคนอื่น ร้องห้ามรินจงที่หวังดีจะผลัดผ้าให้
?จะเอาอย่างนั้นใช่ไหมนังหนู?
?ค่ะ ฉันอาย? หญิงสาวเชื่อว่าตัวเองไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้าใครมาก่อน ด้วยความรู้สึกกระดากอายแล่นขึ้นมาโดยไม่ต้องอาศัยความเคยชินใดๆ
ดังนั้น รินจงจึงสอนวิธีการสวมผ้าถุงให้กับหญิงสาวคร่าวๆ เพื่อจะได้ลงอาบน้ำชำระล้างร่างกายจะได้เป็นผู้เป็นคนซะที จากนั้นจะได้ไปทำแผลที่ศีรษะ รินจงเห็นแล้วว่าตุ๊กตาสกปรกมีแผลเป็นทางยาวใต้ตีนผม ตั้งใจจะพาไปทำแผลที่บ้านพักนายหัว แต่เมื่อทำแผลแล้วก็ต้องอาบน้ำอยู่ดี สู้อาบเสร็จแล้วค่อยทำแผลน่าจะดีกว่า
หญิงสาวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากร่างแล้วก้าวออกจากหลังพุ่มไม้ด้วยผ้าถุงกระโจมอกซึ่งนุ่งแบบสะเปะสะปะรุงรัง พอรินจงเห็นก็อดขำไม่ได้จึงเดินเข้าไปตรงหน้าตุ๊กตาสกปรก
?จะทำอะไรป้าริน?
?นุ่งผ้าให้เอ็งใหม่สินังหนู นุ่งแบบนี้ได้หลุดตั้งแต่ยังไม่ก้าวลงลำธารแน่?
รินจงจัดการนุ่งผ้าผูกปมให้กับหญิงสาวซะใหม่ แน่นหนากว่าเดิม พร้อมกับส่งเครื่องอาบน้ำให้กับเธอ แชมพูและสบู่ที่อยู่ในขันพลาสติก
?อะไรคะ?
?อย่าบอกอีกนะว่าไม่รู้จักแชมพูสระผมกับสบู่อาบน้ำน่ะ?
?อ๋อ...นี่เขาเรียกสบู่? มือบางจิ้มนิ้วชี้ลงที่ก้อนสบู่สีเขียวรูปนก ?แล้วนี่เรียกแชมพูใช่ไหมคะ?
?ใช่ เอ็งเข้าใจถูกแล้ว เอ้า ไปอาบซะ สระผมที่ยุ่งเป็นรังนกนี้ซะด้วยแชมพูขวดนี้? รินจงหยิบขวดแชมพูสีเขียววางบนมือบางมอมแมม ?ส่วนไอ้สบู่ใช้ถูตัว?
?ค่ะ ได้ค่ะ? หญิงสาวพยักหน้ารับคำแนะนำ จากนั้นจึงรับขันในมือรินจงมาถือไว้ พร้อมกับก้าวลงไปในลำธารใสแจ๋ว แหย่เท้าลงไปก่อนเพื่อสัมผัสอุณหภูมิน้ำ น้ำใสเย็นสดชื่นมาก ตุ๊กตาสกปรกหันกลับไปยิ้มบางให้กับรินจง จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับลงไปทีละน้อยกระทั่งรู้สึกว่ามันเย็นสบายมาก ดังนั้น วินาทีต่อมาหญิงสาวจึงเริงร่าท่ามกลางลำธารใสแจ๋ว ราวกับปลาแหวกว่ายในธารา
รินจงเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงแยกจากไป ปล่อยให้ตุ๊กตาสกปรกไร้นามได้ชำระล้างร่างกายและเริงร่ากับความเย็นสดชื่นของน้ำตามลำพัง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คลื่นทะเลซัดสาดร่างบอบบางเข้ามาที่เกาะใต้จันทร์ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ร่างบางร่างนั้นมีบาดแผลฉกรรจ์แต่นั่นไม่ได้ทำให้ ?นายหัวเวหา? แสดงความปรานีแม้แต่น้อย เขาได้แต่ปล่อยให้หัวหน้าคนงานจัดการแล้วเฝ้าดูอยู่ห่างๆ แบบไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่แล้วความบังเอิญทำให้ชายหนุ่มปะทะสายตากับนางไม้ล่อนจ้อนในน้ำตกใส หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่พร่ำเพ้อถึงหญิงสาวที่เขาตั้งชื่อให้ว่า ?พราว? เพราะหล่อนจำชื่อตัวเองไม่ได้ ความใกล้ชิดเริ่มจากความไม่รู้ประสาของหญิงสาวทำให้เกิดความสนิทสนมโดยไม่รู้ตัว นายหัวผู้ยิ้มยากกลายเป็นคนหัวเราะร่าได้ก็เพราะความรักที่ค่อยๆ ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ แต่แล้วอุปสรรคก็เกิดขึ้นให้เขาได้รู้ว่าเขารักพราวคนนี้มากเพียงใดเมื่อความจริงปรากฏต่อหน้า และดูเหมือนว่านายหัวผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยมีอำนาจและอิทธิพลเหนือใครจะกลับตัวเล็กจ้อยลงเมื่อรู้ว่าพราวคือใคร
?เธอรักฉันหรือเปล่าพราว?
นายหัวกระซิบถามพราวชิดแก้มเนียน
เขาอยากรู้คำตอบของเธอจนหัวใจสั่นระริก ราวกับหนุ่มน้อยเพิ่งคิดจะจีบสาว
?พราวจ๋า ไหนตอบให้ชื่นใจหน่อย?
