กมลเนตรเรียนจบจากประเทศอังกฤษได้เกือบสามเดือนแล้ว ใบหน้าสวยหวาน ผมสีดำเป็นคลื่นยาวจรดกลางหลัง รูปร่างบอบบาง เธอชอบสวมชุดแซกสีฟ้าอ่อนกับรองเท้าส้นสูงคู่โปรด ผิวขาวของเธอทำให้ใบหน้างดงาม ดวงตากลมโตเป็นประกาย
หญิงสาวทำงานเป็นเลขาฯ ของบริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งที่ส่งสินค้าออกไปต่างประเทศ เธอเพิ่งมาทำงานได้สองเดือนกว่าๆ เท่านั้นเอง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากมือถือสี่ถึงห้าครั้งได้ กมลเนตรถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบมันออกมาจากกระเป๋าถือ
?สวัสดีค่ะ?
?เนตรเหรอ ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่ล่ะ พี่โทร.หาตั้งหลายรอบเลยรู้ไหม?
?ฉันทำงานอยู่นี่คะ ไม่ว่างรับสาย...แล้วคุณโทร.มาหาฉันทำไมคะ?
?ยังโกรธพี่อยู่เหรอ...พี่รู้แล้วว่าเนตรเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ พี่พยายามติดต่อตั้งหลายรอบ แต่เนตรไม่เคยรับโทรศัพท์พี่เลย พี่อยากว่าพี่ขอโทษ เราสองคนออกมาพบกันข้างนอกดีไหม พี่มีเรื่องหลายอย่างอยากจะพูดด้วย?
?อย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับคุณอีกต่อไปแล้ว เราสองคนจบกันไปนานแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณแต่งงานกับเขมจิราเมื่อสองปีก่อน และก็จัดงานแต่งงานเสียใหญ่โตโดยไม่ได้บอกอะไรฉันเลยแม้แต่คำเดียว? น้ำเสียงของเธอร้าวราน
?พี่ขอโทษ...พี่ผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ ให้โอกาสพี่สักครั้งได้ไหม?
?คนที่คุณควรจะพูดคำว่าขอโทษด้วยมันไม่สมควรจะเป็นฉันนะคะ แต่ควรจะเป็นภรรยาของคุณต่างหาก เธอเป็นคนที่รักคุณและเธอก็พร้อมที่อยู่ดูแลคุณไปชั่วชีวิต หนักเบาอะไรก็ควรไปพูดกับเธอให้เข้าใจ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ทิ้งเธอให้อยู่เพียงลำพัง แล้วคุณก็จะเอาแต่กลับมาหาฉัน คุณทำแบบนี้มันเป็นการดูถูกเขมจิรานะคะ?
?เนตร ฟังพี่อธิบายก่อน?
?แค่นี้นะคะ ฉันจะทำงาน อ้อ...แล้วอย่าโทร.มาอีก? น้ำเสียงของเธอชัดเจน
กมลเนตรปิดโทรศัพท์ทันทีแล้วถอนหายใจยาว ดวงตากลมโตทอประกายร้าวราน เมื่อเห็นข้อความที่เขาส่งมาให้เธอเป็นสิบๆ ข้อความ แต่เธอไม่ยอมเปิดอ่านเลยแม้แต่ข้อความเดียว...
ความรักที่ทำให้เธอเจ็บช้ำ มันเกินกว่าที่เธอจะทนไหว
ทรงภพคบกับเธอตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและอ่อนโยนมาก คอยเอาใจใส่เธอทุกอย่าง ระยะเวลาที่คบกันนานกว่าสองปี เขาไปรับส่งเธอทุกวัน ด้วยความที่เขาเป็นคนสุภาพอ่อนน้อม หล่อเหลาพร้อมทั้งยิ้มง่าย ทำให้เขาเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทุกคน แต่เขาก็ไม่สนใจใครนอกจากเธอ
กมลเนตรมั่นใจในตัวเขา จนกระทั่ง...วันหนึ่งเธอได้แนะนำเพื่อนรักให้เขาได้รู้จัก เธอไม่รู้ถึงสายตาที่เขมจิราจ้องมองทรงภพพร้อมด้วยรอยยิ้มหวาน
เขมริจาเป็นดาวมหาวิทยาลัย ทั้งหุ่นดีและหน้าตางดงาม เธอเคยได้รับตำแหน่งมาแล้วหลายเวที และยังเป็นตัวแทนของชมรมเชียร์ลีดเดอร์อีกด้วย ผิวขาวของเธอและดวงตาที่คมปลาบ เส้นผมยาวสลวยกลางแผ่นหลัง ทำให้เธอดูโดดเด่นยิ่งกว่าใครๆ
ครอบครัวของเธอเป็นนักธุรกิจ เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มากมาย กมลเนตรไม่ได้คิดอะไรมากมายระหว่างบุคคลทั้งสอง อีกทั้งยังนัดไปทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ สามคน จนกระทั่งระยะเวลาผ่านไปไม่นาน เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าทรงภพไม่ค่อยโทรศัพท์มาหาเหมือนอย่างเคย เวลาโทร.ไปก็บอกว่าไม่ว่างมีธุระ
เมื่อวันที่เธอเรียนจบและคิดว่าจะชวนทรงภพไปฉลองที่หัวหิน เธอไปหาเขาที่คอนโดฯ เพราะตั้งใจจะทำให้ทรงภพแปลกใจเล่น
กมลเนตรมาถึงที่หน้าประตูห้องคอนโดฯ และเกือบที่จะยกมือขึ้นเคาะประตูอยู่แล้ว...ถ้าไม่ใช่เพราะเธอได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบามาจากภายในห้อง
เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิงกับผู้ชายกำลังหยอกเอินกัน และเสียงที่ทำให้ตัวแข็งจนตัวชาไปหมดทั้งร่าง นั่นก็คือเสียงกระซิบแหบพร่าระหว่างคนสองคน ราวกับกำลังทำอะไรกันอยู่บนเตียง
กมลเนตรเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหิน เธอเหมือนจะถูกดึงไปสู่ห้วงเหวลึกที่ไร้ทางออก ก่อนจะตัดสินใจยกฝ่ามือที่สั่นเทาขึ้นช้าๆ และเคาะไปที่ประตูห้องสองสามครั้ง
หญิงสาวรออีกชั่วอึดใจหนึ่ง ได้ยินเสียงเขาพูดอย่างเร่งร้อนก่อนที่จะเปิดประตูออกมา วินาทีที่เขามองเห็นใบหน้าของคนรักอยู่ที่หน้าประตู เธอจำได้ติดตาถึงใบหน้าซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างเหมือนตกใจ
?เนตร...ธะ..เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
กมลเนตรยิ้ม ตรงกันข้ามกับหัวใจที่มันปวดร้าว
?ฉันมาหาพี่ไงคะ พี่อยู่คนเดียวเหรอ ให้ฉันเข้าไปได้ไหม?
?เดี๋ยวก่อน! คือว่าพี่ไม่สะดวกน่ะ ยังไงลงไปรออยู่ที่ด้านล่างก่อนได้ไหม แล้วพี่จะรีบตามลงไป?
ทรงภพขยับตัวมาบังประตูไม่ให้เธอเข้า พร้อมทั้งใบหน้าที่มีพิรุธเหมือนพยายามปกปิดความผิดบางอย่าง
กมลเนตรชำเลืองมองเข้าไปในห้อง
?ทำไมคะ ฉันจะเข้าห้องพี่ไม่ได้หรือ?
?ไม่ใช่อย่างนั้น คือแบบตอนนี้พี่กำลังจะอาบน้ำน่ะ ไม่สะดวกที่จะให้เนตรมานั่งรอ?
?อาบน้ำ...หรือตั้งใจจะหลบซ่อนใครกันแน่คะ?
กมลเนตรเม้มปากแน่น ดวงตาคลอน้ำตา ก่อนจะพูดเสียงสั่นเครือว่า
?พี่ทรงภพ ทำไมพี่ต้องคอยหลบหน้ากันด้วย ไม่ยอมรับโทรศัพท์ แล้วก็หายหน้าหายตาไปเลย พี่มีคนอื่นแล้วใช่ไหมคะถึงได้หมดรักกมลเนตร พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง ที่พี่ห้ามไม่ให้ฉันเข้าไปในห้องก็เพราะว่าพี่แอบเอาผู้หญิงคนอื่นมานอนด้วยใช่ไหมล่ะ ตอบมาสิคะพี่ทรงภพ?
?เนตร มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ คือว่าพี่น่ะ...?
?ทำไมไม่บอกไปล่ะคะ ว่าในห้องนี้มีผู้หญิงอีกคนอยู่ด้วย?
เสียงแว่วหวานของผู้หญิงดังขึ้น เธอคนนั้นสวมชุดคลุมสีขาวมัดเอวไว้หลวมๆ เดินมาทางด้านหลังทรงภพ ดวงหน้างดงามมีรอยยิ้ม นัยน์ตาพราวระยับ ปล่อยผมยาวสลวยเป็นคลื่น ที่สำคัญ เธอไม่ได้สวมชุดชั้นใน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองกำลังมีความสุขกันแค่ไหน
กมลเนตรหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้น
?เขมจิรา...นี่แปลว่าเธอ?
?ขอโทษด้วยนะเนตร ฉันว่าจะบอกเธอตั้งนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้พูด แต่เราทั้งสองคนน่ะรักกันมาก จนไม่อาจห้ามใจเอาไว้ได้ และกำลังจะแต่งงานกันเดือนหน้านี้แล้วด้วย?
เขมจิรายิ้มหวานพลางโอบกอดเอวทรงภพอย่างรักใคร่ ชายหนุ่มเองก็บ่ายเบี่ยงด้วยความกระดากใจ
?เนตร...ฟังพี่พูดก่อนนะ?
?พี่ทรงภพ...พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไง เธอด้วยเขมจิรา เป็นเพื่อนฉันมาหลายปี แต่เธอทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง พวกเธอสองคนทรยศหักหลังฉัน ทำร้ายจิตใจฉัน?
?เนตร มันไม่ใช่นะ?
?ใครทำร้ายเธอ? เขมจิราตะโกนใส่หน้า ?เธออย่ามามั่วนะ เธอกับพี่ทรงภพไม่เคยมีอะไรกันสักหน่อย เธอก็แค่คบเขาเล่นๆ ไปอย่างนั้นเอง แต่ฉันสิ...ฉันยอมมอบให้เขาหมดทุกอย่าง และเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรฉันเลยด้วย ขอโทษทีนะที่ฉันเป็นคนแย่งเขามา ก็เขาทั้งหล่อและเป็นสุภาพบุรุษจะตาย ใครจะไปอดใจไหวกันล่ะ?
เหมือนถูกสายฟ้าฟาดกระหน่ำลงมากลางอกของกมลเนตร ทำเอาหัวใจเธอแทบแหลกสลายไม่มีชิ้นดี น้ำตาเอ่อล้นรินไหลลงขอบตาอย่างไม่อาจห้ามได้
เขมจิรากับเธอถือเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเขมจิราก็มักจะแย่งความรักไปจากคนที่อยู่ใกล้ชิดกับกมลเนตรเสมอ แต่หญิงสาวก็มีน้ำใจ ไม่ถือโทษโกรธเคืองเพื่อนเลย
กมลเนตรคิดว่าคำว่าเพื่อนยังไงก็เป็นเพื่อนกันเสมอ แต่ในเวลานี้มันไม่เหมือนกัน เธอจริงจังกับทรงภพมาก...มากจนอยากแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
?เขมจิรา...เธอหลอกลวงฉัน?
?ต้องขอโทษด้วยนะที่ฉันทำแบบนี้ พี่ทรงภพน่ะเขาโทร.มาหาฉันตั้งแต่ตอนที่เธอแนะนำให้เขารู้จักฉันวันแรก เราสองคนคุยกัน จนสุดท้ายเราสองคนก็รักกันเหมือนคู่รัก ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเธออยู่แล้ว คิดว่าจะบอกเธอก็ตั้งหลายครั้ง แต่เขาสิดันห้ามเอาไว้ เพราะเขาจะบอกเธอเอง...แต่สุดท้าย เธอก็มาเห็นเราสองคนเข้าเสียก่อน?
เขมจิราเหยียดยิ้มและหันไปซบคางกับไหล่ของทรงภพพลางเอ่ยเสียงหวาน
?บอกเขาไปสิคะว่าเราสองคนกำลังจะหมั้นหมายและแต่งงานกันภายในเดือนหน้า?
ทรงภพทำสีหน้าลำบากใจ เขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
?พี่ขอโทษนะเนตร เราสองคนกำลังจะหมั้นหมายกันจริงๆ?
กมลเนตรตัวชาไปหมด คงไม่มีคำพูดไหนที่ทำให้เธอต้องปวดร้าวไปมากกว่านี้แล้ว
?หมายความว่า...คุณสองคนคบกันเป็นคู่รัก โดยปิดบังฉันอย่างนั้นสิ?
?พี่ตั้งใจจะบอกเนตรอาทิตย์หน้า แต่ไม่คิดว่าเนตรจะมาหา...? เขายอมรับผิด
กมลเนตรหัวเราะเสียงแผ่ว ความปวดร้าวภายในใจทำให้เธอกำมือเข้าหากันแน่น
?ยินดีด้วยค่ะ ขอให้คุณทั้งสองคนแต่งงานกันอย่างมีความสุข ส่วนฉันจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษและจะไม่มาเหยียบที่คอนโดฯ นี้อีกเป็นครั้งที่สอง ขอให้คุณทั้งสองคนอยู่ด้วยกันไปนานๆ และอย่าให้มีความเจ็บช้ำบังเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง และนี่ก็คือของขวัญวันแต่งงานสำหรับคุณ?
กมลเนตรฟาดมือเข้าใส่ใบหน้าของทรงภพเต็มแรง ทรงภพถึงกับหน้าหันไปกับแรงฟาดสุดแรงของหญิงสาว ขณะที่เขมจิราร้องอุทานตกใจพลางรีบเข้ามาดูแฟนหนุ่ม
รอยเจ็บแปลบของฝ่ามือของกมลเนตรมันคงน้อยกว่าที่คนสองคนทำเอาไว้กับหัวใจอันปวดร้าวของเธออย่างเปรียบเทียบไม่ได้ น้ำตาเอ่อล้นขึ้นถึงขอบตาร้อนผ่าว แต่เธอก็กล้ำกลืนมันลงไปใต้อก
?เธอทำอะไรน่ะ มาตบพี่ทรงภพอย่างนี้ได้ยังไง?
แต่กมลเนตรไม่ตอบ เธอฟาดมือไปที่ใบหน้าของอดีตเพื่อนรักของเธอจนหน้าหันไปตามๆ กัน จนเขมจิราร้องกรี๊ดดังลั่น เอามือแนบแก้มแดงก่ำของตัวเองแล้วมองมายังเธอด้วยดวงตาโกรธแค้น
?เธอ...?
?นี่ก็เป็นของขวัญสำหรับเธอเหมือนกัน? กมลเนตรยิ้มเยาะ ?ลาก่อนนะ หวังว่าจะแต่งงานกันอย่างมีความสุข มันก็สมกันดีแล้วกับชายชั่วหญิงเลว คงไม่มีใครเหมาะสมกันไปยิ่งกว่าพวกเธออีกแล้ว?
?เธอ นังกมลเนตร ฉันจะตบเธอ...ปล่อยนะ ปล่อย?
?หยุดนะเขมจิรา พอเถอะน่า?
?พี่ทรงภพ ปล่อยมันไปทำไม ฉันจะไปตบมันคืน ปล่อยสิ?
กมลเนตรออกไปจากคอนโดฯ ของเขา ไม่คิดแม้แต่จะเหลียวหลังกลับไปมองเลยแม้แต่วินาทีเดียว น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาจรดขอบตาก่อนจะรินไหลลงอาบแก้มเนียน หัวใจของเธอปวดร้าวมากเกินกว่าจะทนไหว เธอปล่อยให้ตัวเองร้องไห้เสียให้พอในขณะที่กำลังขับรถ ปล่อยให้ม่านน้ำตาช่วยปลอบประโลมหัวใจอันแหลกสลายของเธอเพียงผู้เดียว...
กมลเนตรเลือกไปเรียนต่อยังประเทศอังกฤษ และเลิกติดต่อกับทรงภพและเขมจิรานับตั้งแต่บัดนั้น เธอตั้งใจเรียนและไม่เคยคิดจะคบหากับผู้ชายคนไหน หัวใจอันแหลกสลายของเธอมันยังบอบช้ำเสียจนไม่ยอมรับความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหนอีกเลย เธอตั้งใจเรียนจนกระทั่งสำเร็จ
ระหว่างนั้นเธอโทร.คุยกับเพื่อนสนิทบ้าง และได้ยินข่าวว่าชีวิตครอบครัวของทรงภพและเขมจิราเริ่มมีปัญหา ทะเลาะเบาะแว้งกัน อันเนื่องมาจากขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกันจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ทั้งๆ ที่การแต่งงานเพิ่งผ่านไปได้แค่สองปีกว่าเท่านั้น
ถึงเธอจะสงสาร แต่นั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธออีกต่อไปแล้ว เพราะว่าเขาเลือกเอง และต้องได้รับผลกรรมจากการที่ตัวเองได้ก่อไว้
กมลเนตรเรียนจบและกลับมาเมืองไทย เธอเป็นคนใหม่และเป็นสาวสะพรั่ง เส้นผมสีดำเป็นลอนยาวหยักศกถึงกลางหลัง รูปร่างบอบบาง ดวงตากลมโตเป็นสีดำ จมูกโด่งเชิดรั้น และเรียวปากสีชมพูเอิบอิ่มราวกับกลีบกุหลาบ
พ่อของเธอตั้งใจจะฝากงานให้เธอทำที่บริษัทของคนที่รู้จัก แต่เธอไม่ชอบที่จะพึ่งพาใคร เธอไปสมัครงานไว้หลายที่จนกระทั่งได้ทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่โต
...และเป็นเลขาฯ ทำงานอยู่ ณ ที่แห่งนั้น จนกระทั่งทรงภพรู้ข่าวว่าเธอกลับมา
เขาพยายามติดต่อเธออยู่ตลอดเวลา และขยันส่งเมสเสสมาหา แต่ไม่มีประโยชน์อีกแล้วที่จะกลับไปคืนดีกับผู้ชายที่ทรยศหักหลังเธอ
เวลาผ่านไปสองปีมันช่วยให้หัวใจที่ปวดร้าวของเธอเข้มแข็งขึ้น...
กมลเนตรถอนหายใจยาว ก้มลงมองดูนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือ นี่ก็เป็นเวลาเกือบห้าโมงครึ่งแล้ว คงได้เวลาที่เธอจะกลับบ้านเสียที
ร่างบางเก็บเอกสารลงใต้ลิ้นชักแล้วก็ถือกระเป๋าเดินลงไปจากบริษัท เธอเพิ่งมาทำงานได้เพียงสองเดือนกว่าๆ เท่านั้น ยังต้องมีอะไรอีกมากที่เธอจะต้องปรับตัว ไม่ว่าทั้งเพื่อนฝูงและการทำงานร่วมกับคนอื่น
เธอเองปฏิเสธที่จะขับรถมาทำงาน เพราะว่าไม่อยากจะหาที่จอดไกลๆ อีกทั้งบ้านของเธอเองก็อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก พอที่จะนั่งรถไปกลับได้
หญิงสาวสะพายกระเป๋ามายังหน้าถนน ต้องเดินผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ระหว่างที่เธอมองหารถประจำทางกลับบ้านในตอนนั้น กมลเนตรก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อยืดสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อยีน เขานั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ริมสวนสาธารณะ ข้างๆ มีกระเป๋าเดินทางวางเอาไว้
เขาสวมหมวกปิดบังใบหน้าและดูท่าทางว่าจะหลับไปพักใหญ่แล้ว เขากอดอกและนั่งหลับอย่างไม่สนใจสายตาใครต่อใคร
?มานั่งหลับตรงนี้ได้ ไม่กลัวใครเขาจะขโมยของหรือไง?
หญิงสาวพูดขึ้นกับตัวเอง เธอหันหน้าไปมองรถประจำทางทำเป็นไม่สนใจอะไร แต่สุดท้ายก็ทนมองชายแปลกหน้าที่นั่งหลับพร้อมกับสัมภาระเดินทางอยู่ตรงนั้นไม่ได้
เขาคงจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เขามีโรคประจำตัวที่ร้ายแรงอะไรหรือเปล่าถึงได้นอนพักเพราะลุกไปต่อไม่ไหว
?หรือว่าเขาไม่สบาย!??
กมลเนตรอดทนไม่ไหวจึงเข้าไปปลุกเขา
?คุณ...คุณคะ เป็นอะไรหรือเปล่า?
เขาไม่ตอบ และยังคงหลับอย่างไม่รู้สึกตัว
?คุณคะ นี่มันก็ค่ำมากแล้ว คุณกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านเถอะค่ะ มานอนอยู่แถวนี้ไม่ได้ คุณเป็นอะไรคะ ไม่สบายตรงไหน ลุกไหวหรือเปล่า?
เธอชักเป็นห่วงเขาขึ้นมา กลัวว่าเขาจะเจ็บป่วยจนลุกไม่ไหว
ในที่สุด ผู้ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างงัวเงีย ทำให้หมวกที่ปิดบังเผยอขึ้นเห็นดวงตาสีดำสนิท จมูกโด่ง และเรียวปากบางเป็นสัน คิ้วเข้มเช่นเดียวกับเส้นผม กมลเนตรมองดูเขาอย่างตกตะลึง ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายที่ดูดีและหล่อเหลาเอามากๆ เลย
?คุณเป็นใคร !??
นี่คือประโยคแรกที่เขาเอ่ยกับเธอ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากถูกหักอกจากชายคนรักทำให้ ?กมลเนตร? ไปเรียนต่อยังต่างประเทศ หล่อนคิดว่าจะลืมทุกสิ่งลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับชายคนรักและเพื่อนทรยศได้ ในขณะเดียวกัน ?จิรายุทธ? ที่รีบเคลียร์งานเพื่อมาจัดการปัญหาให้น้องสาวก็ได้พบหล่อน กมลเนตรทำให้เขาประทับใจตั้งแต่แรกพบหล่อนคือหญิงสาวผู้มากด้วยน้ำใจ แต่แล้วสัมพันธภาพฉันมิตรของทั้งสองก็ต้องจบสิ้นลง เมื่อน้องสาวเขาบอกว่ากมลเนตรคือสาเหตุที่ทำให้สามีของเธอเปลี่ยนไป จิรายุทธจึงต่อรองด้วยเงินจำนวนสิบล้านเพื่อขอให้หล่อนหยุดการกระทำนั้น และในเมื่อหล่อนไม่สนใจไยดีเงินมหาศาลนั้นเขาเลยใช้จุมพิตสั่งสอน แต่แล้วเรียวปากที่บดจูบกันนั้นทำให้จิรายุทธต้องการครอบครองกมลเนตรไว้แต่เพียงผู้เดียว
?ไม่นึกเลย ว่าคุณจะเรียนรู้ได้รวดเร็วอย่างนี้?
?ก็เพราะใครกันล่ะ?
?นั่นสินะ?
จิรายุทธหัวเราะเสียงแผ่วก่อนจะจูบร้อนแรงอีกครั้งอย่างเนิ่นนาน
