น้องพระพาย
หลังจากกดกริ่งไปไม่นาน หญิงสาววัยดึกก็เปิดประตูออกมาต้อนรับผม ในเวลานี้ใจของผมค่อนข้างจะไม่สงบสุขนัก
?มาหาใครหรือคะ?
?คุณปฐพีครับ ผมนัดไว้?
?คุณท่านรออยู่ค่ะ?
ผมไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ได้แต่พิจารณาบ้านหลังนี้ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามา มันไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นสถานที่สำหรับคนมีอันจะกินมากกว่าคนทั่วไป และแม้ว่าสวนที่เดินผ่านเข้ามาจะสวยงามมากแค่ไหน ผมก็ไม่ได้สนใจ ผมร้อนรนใจ คิดถึงร่างเล็กๆ ที่ไม่ได้เจอเกือบปี
ถ้าผมรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ผมคงไม่ยอมให้แกมาอยู่ที่นี่
ตอนนั้นคิดแค่ว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเด็กได้อยู่กับพ่อ... หมายถึงพ่อแท้ๆ หรือก็คือคุณปฐพีที่ผมมาเจอในวันนี้ ลืมคิดไปว่ามีภรรยาใหม่ของเจ้าบ้านอีกคน
?ยินดีต้อนรับครับ คุณมาสักที?
ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องโถง ชายวัยสามสิบกลางๆ ก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว คุณปฐพีลุกขึ้นมาทักทายผมตามมารยาท หากแต่ผมมองรอบข้างแล้วถามถึงคนที่ผมมาหามากกว่า
?น้องพระพายล่ะครับ?
?ลูกนอนกลางวันอยู่ครับ?
?วันนี้ภรรยาคุณไม่อยู่ใช่ไหมครับ?
คำถามนั้นทำให้อีกฝ่ายหน้าเจื่อนลงถนัดตา เขาพูดด้วยน้ำเสียงเสียอกเสียใจ
?ไม่อยู่ครับ ไปซื้อของข้างนอก?
ผมไม่ได้ตอบอะไร คิดว่าคงเป็นของสิ้นเปลืองตามประสา เคยเจอภรรยาใหม่ของเขาครั้งหนึ่ง แลดูเป็นคนที่แรงใช่ย่อย ท่าทางใช้เงินสิ้นเปลือง มือห่างตีนห่าง ไม่น่าจะเป็นแม่ที่ดีได้ ครั้นจะให้เอ่ยปากออกไปก็ดูจะแย่ไปเสียหน่อย
?คุณจะเอาแกไปอยู่วันไหนนะ?
?สักอาทิตย์หน้าแล้วกัน? ผมบอกเสียงเรียบ ?หรือคุณอยากให้เร็วกว่านั้นหน่อย??
คนตรงหน้าไม่ตอบ เขาดูเหมือนไม่อยากพูด แหงล่ะ... ผมได้ยินพี่สาวพูดตลอดว่าถึงเขาจะไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดี แต่เขาทำหน้าที่พ่อได้ดีมาก ไม่ว่าจะเลิกกับพี่เพลงมานานแค่ไหน เขาก็ยังช่วยเหลือเรื่องลูกเสมอมา เป็นพี่เพลงเองที่ยืนกรานว่าจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง
ผมคิดว่าพี่คงรู้ว่าภรรยาคนใหม่ของเขาเป็นคนแบบไหน เลยไม่ให้ลูกสาวไปอยู่ร่วมบ้านกับคนแบบนั้น ถึงพ่อจะอยู่ แต่การอยู่ร่วมกับคนที่แสดงตัวว่าเกลียดกันชัดเจนขนาดนั้น... ใช่ว่าเด็กจะไม่รับรู้ ดีไม่ดีอาจรู้ชัดด้วยซ้ำ เพียงแค่แกไม่พูดออกมา
คิดแบบนี้ก็เสียใจ ผมไม่น่าปล่อยให้น้องพระพายมาอยู่ที่นี่เลย ดูสิ... ไม่ถึงปีก็มีการทำร้ายร่างกาย มันใช่เรื่องที่ไหน ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกัน คิดว่าไม่ใช่ลูกในไส้เลยทำแบบนี้อย่างนั้นเหรอ
?ผมไม่อยากให้ลูกไปเลย?
ผมเงียบ ฟังอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
?ผมคงเป็นพ่อที่แย่มาก ถึงไม่รู้เลยว่าเมียตัวเองทำอะไร?
?ไม่เป็นไรครับ? ผมพยายามปลอบ ?ดูแลลูกคนใหม่ของคุณดีกว่านะ ยังเด็กอยู่ไม่ใช่หรือ อายุเท่าไรนะครับ...?
?เจ็ดเดือน? เขาหัวเราะเล็กน้อย ?เขาเหมือนแม่มากกว่า?
พูดแล้วหน้าของคุณปฐพีก็กลับไปเจื่อนๆ ใหม่
?เหมือนกับพระพาย... สงสัยเชื้อผมไม่แรงล่ะมั้ง ออกมาเหมือนแม่กันทั้งคู่เลย?
?คุณพ่อคะ? เสียงอู้อี้ๆ ดังขึ้นข้างหลัง ?ใครมาหรือคะ?
?น้าเพชรไงลูก สวัสดีเขาสิ?
ผมชะโงกหน้าไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เดินลงมาจากบันได
หลานของผมหน้าตาเหมือนกับพี่เพลงจริงๆ... ก็นะ แม่ลูกกันนี่นา แต่รอยช้ำบนขาทำให้ผมรู้สึกแย่ ไม่อยากคิดเลยว่าโดนทำร้ายอะไรบ้าง ไหนจะเฝือกที่แขนนั่นอีก
ผมได้แต่ตำหนิตัวเองซ้ำๆ ว่าทำไมถึงปล่อยหลานมาอยู่ที่นี่
?สวัสดีค่ะ? เด็กน้อยคลี่ยิ้ม และยกมือไหว้ทักทาย
ผมรับไหว้พลางยิ้มกลับไป คิดว่าพระพายคงลืมผมไปแล้ว ได้เจอกันคราวสุดท้ายเมื่องานศพพี่เพลง แม่ของแก ตอนนั้นแกยังไม่รู้เรื่องรู้ราว เอาเถอะ ตอนนี้ก็ยังเด็กอยู่ เพิ่งจะอายุสี่ขวบ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้
?จำน้าได้ไหมคะ? ผมเดินไปย่อตัวพูดกับหลานสาวตัวเล็ก
?จำไม่ได้ค่ะ? ...พูดฉะฉานเชียว แต่อดเจ็บนิดๆ ไม่ได้
ผมโดนลูกพี่ลืมแหละ พี่เพลง
คุณปฐพีอุ้มเด็กสาวขึ้นมาหอมแก้มซ้ายขวา หัวเราะร่าตามประสาผู้ชายรักครอบครัว
?เป็นญาติพ่อเองค่ะ พระพาย?
ผมชอบเวลาคุณปฐพีอยู่กับลูกนะ ตั้งแต่ตอนที่พระพายเกิดใหม่ๆ แล้วผมไปเยี่ยม ตอนแรกๆ ผมแค้นเขานิดหน่อยที่หย่าร้างกับพี่สาวของผม ทั้งๆ ที่ลูกเพิ่งขวบเดียว แถมแต่งงานกันได้ไม่ถึงสามปี แต่พี่สาวของผมบอกว่าอย่าไปแค้น ถ้าจะแค้น สมควรแค้นคนที่ทนอยู่ต่อไปโดยไม่ได้รัก หรือหมดรักแล้วก็ไปเสียมากกว่า
ผมไม่ได้พูดอะไร... พี่เพลงไม่เคยร้องไห้ให้เห็น เขาเลิกกันไปพักใหญ่ๆ แล้วผมถึงรู้เรื่อง ถึงจะเลิกกัน แต่คุณปฐพีก็ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกเสมอ ด้วยเหตุผลว่าผู้หญิงทำงานคนเดียวคงลำบาก พ่อแม่ของพวกเราก็ตายตั้งแต่ก่อนพี่สาวผมจะแต่งงานเสียอีก ผมยังสงสัยมาตลอดว่าตัวเองคิดถูกรึเปล่าที่ย้ายไปทำงานต่างประเทศ ปล่อยให้พี่สาวเพียงคนเดียวอยู่ที่ประเทศไทยกับครอบครัว พอโดนทิ้งก็พึ่งใครไม่ได้ แถมยังไม่มีการบอกกล่าวยามเราได้ติดต่อกันเสียอีก
มองหน้าพระพายแล้วผมยิ่งรู้สึกแย่... พี่เพลงด่วนจากไปเพราะอุบัติเหตุ ไม่น่าเลยจริงๆ
?คุณปฐพีคุยกับน้องรึยังครับ? ผมถามเสียงเรียบ สีหน้าคุณพ่อชะงักไปเล็กน้อย เป็นคำตอบได้ทันทีว่ายังไม่ได้คุย ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินเข้าใกล้หลานสาวตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของคุณปฐพี
?ไปอยู่กับน้านะคะ น้องพระพาย?
?คะ?? น้องพระพายทำหน้างุนงง ?ไปไหนเหรอคะ??
?...ไปบ้านน้าเพชรค่ะ ไม่อยากไปหรือ?
เด็กน้อยทำหน้าไม่รู้เรื่อง คนเป็นพ่อไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร คุณปฐพีทำหน้าเหมือนเสียใจเล็กๆ ที่ผมต้องเป็นฝ่ายพูดกับหลานสาวก่อน แต่จะทำอย่างไรได้ ผมไม่อยากให้หลานอยู่ในที่แบบนี้อีกแล้ว ขืนเมียใหม่เจ้าของบ้านเกิดบ้า ผลักพระพายลงมาจากบันไดอีกจะทำอย่างไร เด็กอายุแค่นี้ยังคิดทำร้าย หลานผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยสักหน่อย
?พระพายต้องไปบ้านคุณน้าเหรอคะ คุณพ่อ? น้องถามเสียงเจื้อยแจ้ว
ผมไม่อยากให้พ่อลูกจากกันก็จริง แต่ผมก็ไม่ต้องการให้น้องอยู่ที่นี่... มันไม่ปลอดภัยเลยสักนิด ผมเงยหน้าสบตากับคุณปฐพี บอกเขาด้วยสายตาว่าจัดการบอกลูกเสียเถอะ สุดท้ายแล้วคนเป็นพ่อก็เอ่ยเสียงอ่อน
?ไปอยู่กับน้าเพชร นะลูกนะ?
น้องทำหน้าไม่เข้าใจ คงเป็นเพราะยังเด็ก... ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจากพ่อไป บางทีน้องอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของน้องไปอยู่ที่ไหน
?ไปอยู่กับน้านะคะ น้องพระพาย?
ผมสัญญาว่าจะดูแลหลานคนนี้ และเป็นครอบครัวที่ดีที่สุดให้กับแก... โอเคนะครับพี่เพลง?
CHAPTER 1
ผมกลายมาเป็นพ่อคน
จากตอนแรกที่ใช้ชีวิตแบบชายโสดคนเดียว ตอนนี้ผมมี ?ลูก? แล้วหนึ่งคน
ช่วงเลี้ยงพระพายแรกๆ ผมรู้สึกคิดถึงพ่อกับแม่ของตัวเองขึ้นมาจับใจ ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าการดูแลเด็กจะยากถึงเพียงนี้ ยังดีที่พระพายเป็นเด็กเอาการเอางาน ไม่ทำตัววุ่นวายหรือน่าปวดหัว ทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังจัดการกับเธอได้
แต่ดูเหมือนผมจะมีปัญหาเข้าเสียแล้ว
?พระพายปิดเทอมวันไหนคะ?
?วันที่ยี่สิบห้าค่ะ?
คำตอบนั้นทำให้ผมอยากจะกุมขมับเสียจริงๆ มันอีกแค่ห้าหกวันเองไม่ใช่เหรอ!
หลังจากรับพระพายมาอยู่ด้วย ผมก็ยุ่งกับงานใหม่ตลอดเกือบเดือนที่ผ่านมา งานของผมไม่ได้เลิกเย็น จึงยังสามารถปล่อยให้พระพายอยู่ที่โรงเรียนก่อนที่จะไปรับตอนประมาณห้าโมงเย็นได้ แต่ใช่... นั่นมันในกรณีที่พระพายเปิดเทอม ผมไม่ได้คิดเผื่อเลยว่าจะดูแลหลานอย่างไรช่วงที่แกปิดเทอม
ครั้นจะเอาไปอยู่บ้านของพ่อแท้ๆ ผมก็ยังไม่วางใจ คุณปฐพีต้องทำงาน ในขณะที่ภรรยาของเขาว่างงาน ถ้าเอาแกไปฝาก ก็เท่ากับเอาไปอยู่กับต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องรับแกมาอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ ถ้าหล่อนคิดจะผลักพระพายตกบันได หรือบีบคอแกด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ผมจะทำอย่างไรกัน
?เดี๋ยวพระพายนอนดีกว่าเนอะ? ผมเอ่ยขึ้นมาเมื่อเหลือบดูนาฬิกา พบว่าตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มครึ่ง ?พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านะ เดี๋ยวน้าพาไปส่งแต่เช้า?
ผมเตือนเพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เดี๋ยวเด็กจะเคยตัว
?ค่ะ? พระพายพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องนอนของแกซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องของผม
ปัง...
ทันทีที่มือเล็กๆ ปิดประตูลง ผมก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
ผมรับพระพายมาอยู่ด้วยเกือบเดือนแล้ว หลานเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมลำบากใจเลยแม้แต่น้อย ไม่มีท่าทีงอแงว่าอยากกลับไปหาพ่อแต่อย่างใด มันผิดวิสัยเด็กวัยนี้ ผมพยายามจะพาแกไปหาพ่อทุกวันเสาร์ หรือไม่เช่นนั้น คุณปฐพีก็จะมาหาแกเอง มันคงชดเชยความเหงาของพระพายได้บ้าง
ผมพยายามจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับแก แต่บางทีนั่นอาจจะยังไม่ดีพอ...
เดิมทีผมทำงานในอเมริกา พอเรียนจบผมก็ได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่นั่น ผมเลยตั้งใจว่าจะอยู่ยาวเลย แต่เผอิญว่าเกิดเหตุพี่สาวของผมเสียซะก่อน ช่วงนั้นผมคิดไว้แล้วว่าถ้ามีโอกาส ผมจะกลับมาอยู่บ้านของพ่อกับแม่แห่งนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปทำงานที่นั่นใหม่
ลูกสาวคนเดียวของพี่เพลง หรือก็คือหลานสาวคนเดียวของผมไปอยู่กับคุณปฐพีหลังจากพี่เพลงเสีย ตอนนั้นผมค่อนข้างจะไว้ใจเขาในระดับหนึ่ง โอเค... ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ผมไม่ค่อยชอบเขาหรอก หลังจากที่เขาหย่ากับพี่เพลงด้วยสาเหตุว่านอกใจ แต่เพราะเขาคอยส่งเสียพระพาย และยังคอยมาหาลูกบ่อยๆ ผมถึงพอยอมรับได้ เรียกได้ว่าเขาจบกับพี่เพลงด้วยดี และดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อสองเดือนก่อน ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณปฐพีว่าพระพายตกบันไดเพราะภรรยาใหม่ของเขาผลักแก มันทำให้ผมทนไม่ได้ ผมรีบทำเรื่องขอย้ายมาบริษัทในเครือซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย โชคดีที่ผมเป็นพนักงานที่ดีมาโดยตลอด และทางบริษัทเคยถามผมแล้ว แต่ครั้งนั้นผมปฏิเสธไป คราวนี้จึงจัดการได้ค่อนข้างง่าย
พอผมรับพระพายมาอยู่ด้วย ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือเรื่องเวลา ปกติผมจะไปส่งพระพายที่โรงเรียนในตอนเช้าและไปรับกลับตอนเย็น พอวันเสาร์ก็พาหลานไปเจอคุณปฐพี และวันอาทิตย์พวกเราจะอยู่บ้านด้วยกัน เป็นแบบนี้มาตลอด เพียงแต่ว่าหลังจากนี้คงลำบากแล้ว ในเมื่อพระพายปิดเทอม ผมคงไม่สามารถฝากแกไว้ที่โรงเรียนได้
จะทำอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อผมไม่สามารถหยุดงานได้ จะพาแกไปที่ทำงานด้วยก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก
ให้ตายเถอะ... ถ้าการมีลูกจะลำบากขนาดนี้ ผมเริ่มรู้สึกดีใจแล้วที่ตัวเองไม่คิดเรื่องแต่งงาน
นั่งเครียดอยู่สักพัก ผมก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวที่ยังติดต่อกันจนถึงวัยที่อายุเฉียดเลขสามแบบนี้
[ว่าไง ไอ้หมาพ่อลูกอ่อน]
?ประสาท? คำแรกที่ยกให้มันเลย ไม่รู้จะเอ่ยคำไหนได้ดีกว่านี้แล้วจริงๆ ?เป็นบ้าอะไรของเอ็ง?
[อ้าวๆ ก็นานแล้วเอ็งไม่เคยโทรหาข้าเลย นึกว่าเลี้ยงลูกจนบ้าไปแล้วซะอีก]
อยากวางสายว่ะ คือคิดผิดแล้วที่โทรหาไอ้ธาม
ธามเป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ตอนนั้นไม่สนิทกันหรอกนะ แต่เผอิญว่าได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาเหมือนกัน อยู่ด้วยกันจนรู้ตับไตไส้พุงหมดแล้ว แต่หลังจากเรียนจบผมเลือกทำงานที่นั่น ส่วนมันกลับมาบริหารธุรกิจของครอบครัว ถึงอย่างนั้นผมก็ยังติดต่อมันอยู่เรื่อยๆ แหละ
?ข้าเครียด?
[ข้าไม่เลี้ยงเหล้าเอ็งหรอก]
?ฟังข้าก่อนได้ไหมวะ? ผมว่าเสียงขุ่นให้มันเลิกกวนสักที ?พระพายจะปิดเทอมแล้ว?
[แล้วไง?]
?ข้าต้องทำงาน แล้วข้าจะเอาเวลาที่ไหนมาเลี้ยงเขาวะ?
[ง่ายๆ เอ็งก็หาแม่เด็กสักคน]
ผมกุมขมับกับคำตอบนั้น มันคิดว่าจะหาแม่เด็กได้ง่ายๆ ภายในอีกห้าหกวันหรือวะ อีกอย่าง ได้มาแล้วจะวุ่นวายแค่ไหนก็ไม่รู้ เกิดเป็นแบบเมียคุณปฐพีจะทำอย่างไร
?ข้าคิดผิดแน่ๆ เลยที่โทรมาหาเอ็ง?
[เออ รู้ก็ดี]
...เอ็งช่วยทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีหน่อยได้ไหมวะเนี่ย
[แล้วสรุปเอ็งมีอะไรให้ข้าช่วยรึเปล่า]
?หาพี่เลี้ยงสักคนดีไหม เอามาจากบ้านเอ็งอะ?
[โหย จะทำได้เหรอวะ เดี๋ยวนี้เศรษฐกิจไม่ดีนะเว้ย บ้านข้าก็มีเหลืออยู่แค่สามคน]
คำตอบของมันทำให้ผมจนปัญญา อย่างน้อยมันก็บอกว่าเดี๋ยวจะลองติดต่อให้ แต่ก็ไม่รับปากอยู่ดี ครั้นจะหาคนในอินเตอร์เน็ตก็ไม่กล้า เลยพยายามหาจากคนใกล้ๆ ตัว แล้วมันจะมีคนใกล้ตัวที่ไหนล่ะ สังคมของผมในประเทศไทยก็เหลืออยู่ไม่กี่คน ครอบครัวก็ไม่เหลือแล้ว ที่ทำงานก็เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ไม่ค่อยมีมิตรกับใครเสียด้วย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมคงต้องพูดกับคุณปฐพีเสียล่ะมั้ง
ถามไถ่กันอีกไม่กี่คำ ผมก็วางสาย มันพยายามชวนผมไปดื่มด้วยในสุดสัปดาห์นี้ แต่ผมปฏิเสธไปก่อนเนื่องจากเป็นห่วงหลาน
ผมวางโทรศัพท์ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของพระพาย ซึ่งเป็นห้องที่ผมจัดแต่งขึ้นใหม่ให้แกโดยเฉพาะ เดิมทีบ้านหลังนี้เป็นบ้านของพ่อ พี่เพลงเองก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นหลังจากพ่อเสีย (แม่ผมเสียตั้งแต่ผมยังเด็กๆ แล้ว) บ้านหลังนี้เป็นกรรมสิทธ์ของพี่เพลงซึ่งพี่เพลงปล่อยให้เช่ามาตลอด จนเมื่อสามเดือนก่อนผู้เช่าหมดสัญญาเช่าเลยย้ายออก ตอนนั้นผมให้คุณปฐพีจัดการให้ก่อน พอผมกลับมาเลยถือโอกาสมาอยู่ซะเลย
ไฟในห้องปิดสนิท ผมค่อยๆ เดินไปที่เตียงอย่างเงียบเชียบเพราะกลัวหลานจะตื่น เสียงหายใจสม่ำเสมอทำให้ผมรู้ว่าพระพายหลับลงแล้ว
ผมก้มหน้าลงจูบหน้าผากของหลานเบาๆ อย่างรักใคร่
?ฝันดีนะ พระพาย?
ผมได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีของแก
ทำไมวันนี้งานต้องเสร็จช้ากว่ากำหนดด้วยก็ไม่รู้ ปกติผมไปรับพระพายก็ห้าโมงกว่าเข้าไปแล้ว วันนี้ผมกลับได้ออกจากที่ทำงานเกือบหกโมงเย็น ยังโชคดีอยู่บ้างที่บริษัทของผมใกล้กับโรงเรียนของหลาน แต่ปัญหาคือเวลานี้เป็นเวลาที่รถติด ผมยอมแพ้เรื่องนั่งรถเมล์เหมือนกับทุกวัน วิ่งไปรับพระพายที่โรงเรียนเห็นทีจะดีกว่า สงสัยผมต้องคิดเรื่องซื้อรถอย่างจริงๆ จังๆ เสียแล้ว
?วันนี้เลิกงานช้าหรือคะ?
ทันทีที่ผมเดินเข้ามาในโรงเรียนอนุบาล ครูประจำชั้นของพระพายก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ
?ครับ... ขอบคุณครูน้ำมากที่อยู่ดูพระพาย? ผมตอบอย่างอ่อนแรง
?พยายามเข้านะคะ?
คุณครูว่านวารีว่าด้วยรอยยิ้มจางๆ ตามประสาคนวัยเกือบสี่สิบ ผมรู้สึกว่าเธอเป็นครูที่ใจดีมาก เด็กๆ ต้องชอบเธออย่างแน่นอน อีกอย่าง ผมรู้สึกขอบคุณเธอมากจริงๆ ที่อยู่รอจนผมมารับพระพาย ปกติแล้วเธอจะอยู่ดูแลเด็กช่วงเย็นๆ อยู่แล้ว แต่วันนี้เหลือเพียงหลานผมคนเดียวที่นั่งอยู่ข้างๆ แก
?น้าเพชร!? หลานสาวร้องเสียงแหลมเมื่อเห็นผมเดินเข้ามา
?ว่าไงคนเก่ง? ผมอุ้มพระพายที่กระโดดเข้ามากอดผม ก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาอย่างรักใคร่ ?ขอโทษนะคะที่มาช้า หิวไหม?
?ครูน้ำให้ทานขนมแล้วค่ะ? เด็กน้อยยิ้มจนเห็นลักยิ้ม
อา... นี่ก็เป็นอีกอย่างที่แกเหมือนพี่สาวของผมแหละนะ
?ขอบคุณคุณครูมากจริงๆ นะครับ? ผมเอ่ยปากขอบคุณคุณว่านวารีอีกที
?แล้วนี่ปิดเทอมจะทำอย่างไรล่ะคะ?? เธอถามถึงสารทุกข์สุกดิบไปตามเรื่อง คงเป็นเพราะเธอรู้ว่าตอนนี้ผมเลี้ยงหลานด้วยตัวคนเดียวล่ะมั้ง ?จะพาน้องไปฝากไว้ที่ใครรึเปล่า?
?เอ่อ... ผมหาพี่เลี้ยงเด็กอยู่น่ะครับ แต่ไม่รู้จะได้ไหม?
คุณครูวัยสามสิบปลายทำหน้าเหนื่อยใจ
?เดี๋ยวนี้คนรับงานแบบนั้นน้อยนะคะ เราก็อยากหาคนมาช่วยดูแลลูกน่ะเนอะ? แกถอนหายใจ ตามด้วยยิ้มคล้ายล้อเลียน ?คุณพชรไม่คิดจะหาแฟนบ้างเหรอคะ?
?ขอผ่านล่ะครับ โสดดีกว่า? ผมหัวเราะเบาๆ กับสีหน้าเสียดายของคุณว่านวารี ?งั้นเดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ช่วยอยู่ดูพระพายจนเย็น?
?ค่ะ ด้วยความยินดี มันเป็นหน้าที่ของครูอยู่แล้ว?
...ผมบอกแล้วว่าเธอเป็นครูที่ดีจริงๆ
ผมชวนเธอไปทานข้าวตามมารยาท แต่เธอปฏิเสธว่าน้องชายจะมารับแล้ว ผมเลยได้แค่ให้คำสัญญากับหลานว่าจะกลับไปทำอาหารแบบที่แกชอบให้ทานด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่มารับแกช้า
?ลาครูสิ พระพาย?
?สวัสดีค่ะครูน้ำ วันนี้ขอบคุณมากนะคะ?
พระพายยกมือไหว้ครูซึ่งกำลังโทรศัพท์ด้วยถ้อยคำเหมือนกับท่องจำมา ผมมองภาพนั้นยิ้มๆ ดีใจที่หลานเป็นคนมีมารยาท
?คุณพชรคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ!?
?ครับ??
ผมกำลังจะเดินไป แต่คุณว่านวารีกลับรั้งตัวผมไว้ก่อน
?คุณกลับไปทางรังสิตใช่ไหมคะ?
?เอ่อ ครับ?
?น้องชายครูมารับแล้ว เดี๋ยวกลับด้วยกันไหมคะ น้องจะได้ไม่เหนื่อย นี่เย็นแล้วด้วย?
?แต่...? ผมกำลังจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจแต่พอมองพระพาย และเงยหน้าขึ้นมาเจอรอยยิ้มของคุณครูที่แสนดี ผมก็ตอบอย่างหน้าไม่อายเท่าไรนัก ?ขอบคุณมากครับ ผมขอติดรถไปด้วยนะ?
?ด้วยความยินดีค่ะ?
?ขอบคุณครูอีกครั้งสิคะ พระพาย?
?ขอบคุณครูมากค่ะ ที่ให้หนูกลับบ้านด้วย? หลานผมพูดอย่างว่าง่าย ผมว่าพระพายเป็นคนมือไม้อ่อนอยู่นะ เป็นเรื่องที่ดี
ผมคุยกับคุณว่านวารีอีกสักพัก แกมักจะแนะนำเรื่องดีๆ ในการเลี้ยงเด็ก คงเป็นเพราะเป็นทั้งครูอนุบาลและเป็นคุณแม่ลูกสองแล้วล่ะมั้งถึงมีวิธีการต่างๆ ในการช่วยผมได้มากขนาดนี้ เผื่อทุกคนลืมว่าผมเป็นคนโสดที่ไม่มีประสบการณ์ใดๆ ทั้งสิ้นในการเลี้ยงเด็กนะครับ... แถวๆ บ้านผมก็ไม่ค่อยมีคนที่เป็นแม่เสียด้วยสิ ส่วนใหญ่เป็นคนวัยผมนี่แหละ ผมว่าคนเขาก็คงแปลกใจนะที่ผมมีลูกแล้ว และยังเป็นซิงเกิลปะป๊าอีกต่างหาก
ครืด~
โทรศัพท์ในมือของคุณครูสั่นเสียงดัง แกหยิบมันขึ้นมารับสายและกรอกเสียงลงไปทันที
?ว่าไง มาถึงแล้วใช่ไหม? คุณครูคุยแค่ไม่กี่คำก็วางสายแล้วหันมายิ้มให้ผม ?ไปเถอะค่ะ รถจอดอยู่ทางนั้น?
ผมขอบคุณแกอีกครั้งอย่างซาบซึ้งใจ
อย่างน้อยในประเทศนี้ก็ยังมีน้ำใจดีๆ ให้กับเพื่อนร่วมโลกอยู่ล่ะนะ
รถโฟล์คสีขาวจอดอยู่หน้าโรงเรียนอนุบาลเล็กๆ แห่งนี้ คุณว่านวารีเดินไปเปิดประตูก่อนจะบอกคนในรถซึ่งเป็นน้องชายว่าจะให้ผมติดรถไปด้วย
?ขึ้นมาสิครับ?
?ขอบคุณครับ? ผมเอ่ยขอบคุณ รู้สึกกระดากเล็กน้อยที่ขึ้นมานั่งบนรถของคนที่ไม่รู้จักมักคุ้น พลางกำชับให้หลานพูดคำว่าขอบคุณกับน้องชายของครูอีกสักที ซึ่งพระพายก็ทำตามอย่างอ่อนน้อม
?ลูกน่ารักนะครับ?
ผมผงะเมื่อคนที่กำลังขับรถอยู่หันมาทักผมซึ่งนั่งด้านหลังด้วยรอยยิ้มตอนรถติดไฟแดง
น้องชายคุณครูใส่ชุดนักศึกษา ผมนึกว่าจะวัยประมาณสามสิบต้นๆ หรือไม่ก็อ่อนกว่าผมไม่กี่ปีเสียอีก ไม่คิดว่าจะห่างกับพี่สาวขนาดนี้ ที่สำคัญเป็นเด็กที่หน้าตาดีมาก ผิวพรรณดี เครื่องหน้าก็ดูดี ใบหน้าดูคมคายนิดหน่อยแตกต่างกับผู้ชายสมัยนี้ (เดี๋ยวนี้มีแต่ผู้ชายหน้าเล็กๆ เรียว ดูตี๋ๆ) แต่ว่าเป็นคนขาว ผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ เขาไม่ค่อยเหมือนกับคุณว่านวารีเสียเท่าไร
?จริงๆ เป็นหลานผมครับ? ผมหัวเราะเบาๆ และชมด้วยความเห่อหลานเล็กน้อย ?แต่แกน่ารักมากนะ?
?อ๋อ ผมก็แปลกใจว่าทำไมคุณพ่อหนุ่มจัง? เด็กหนุ่มหัวเราะ
อายุจะสามสิบนี่ยังถือว่าหนุ่มเหรอ หรืออาจเพราะผมเป็นพวกหน้าเด็กกว่าวัยอยู่พอสมควรล่ะมั้ง เอาเถอะ ถือว่าเป็นคำชม
?เลี้ยงน้องคนเดียวไม่ลำบากหรือครับ? น้องชายคุณว่านวารีถามต่อ
?ไม่ครับ พระพายเป็นเด็กดี? ผมตอบยิ้มๆ ?แต่ผมกำลังหาพี่เลี้ยงให้อยู่ เพราะคงไม่มีเวลาดูแลแกช่วงที่แกปิดเทอม?
?เหรอครับ?
?ฟ้ามีเพื่อนคนไหนทำงานพิเศษบ้างล่ะ? คุณครูเอ่ยถาม ?เผื่อแนะนำได้ไง?
เห ผู้ชายชื่อฟ้าเหรอเนี่ย? จริงๆ มันก็ไม่แปลกเท่าไรหรอก เพียงแต่ไม่ค่อยเหมาะกับหน้าน้องเขาเท่าไรเลยนะ
?ผมไม่มั่นใจแฮะ? ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว เด็กหนุ่มที่ชื่อฟ้าเลยหันกลับไปขับรถต่อ ?แต่ผมก็ว่างอยู่นะ?
ผมขมวดคิ้วอย่างงุนงงกับคำพูดนั้น เห็นรอยยิ้มเจิดจ้าของน้องชายคุณครูประจำชั้นของหลานสะท้อนผ่านกระจกมองหลังแล้วรู้สึกแปลกๆ ชอบกล
ทำไมเด็กนี่ดูมี ?รอยยิ้มเทวดา? จังวะ?
?ให้ผมเป็นพี่เลี้ยงไหมล่ะครับ ผมรักเด็กนะ?
ผมกะพริบตาปริบๆ อย่างมึนๆ ในสถานการณ์เช่นนี้
...เออ บทจะได้ มันก็ได้มาง่ายๆ เลยวุ้ยเนี่ย!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จากที่เคยเป็นหนุ่มโสดวัยเหยียบสามสิบปี ?เพชร? กลับต้องสวมบทคุณพ่อจำเป็นเพื่อเลี้ยงหลานสาววัยสี่ขวบ ซึ่งทุกอย่างก็ดูลงตัวดี ติดแต่ว่าโรงเรียนกำลังจะปิดเทอม จึงถึงคราวต้องหาพี่เลี้ยงเด็กที่ไว้ใจได้ ?ฟ้าคราม? น้องชายของครูอนุบาล แถมยังมีดีกรีเป็นว่าที่คุณหมอฟันจึงขันอาสา แต่ทำไปทำมาไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นว่าได้พี่เลี้ยงหลานพ่วงแม่บ้าน (?) มาเสียได้ แล้วไหนจะเป็นคนขับรถอีก ทำหน้าที่ซะเยอะจนเพชรเสียดายหากจะเสียพี่เลี้ยงเด็กดีๆ แบบนี้ไป แต่จะเก็บเอาไว้ก็เสียวๆ ว่าหัวใจจะวายเสียก่อน
ขนลุกพึ่บพั่บไปหมดแล้ว อย่ามาเรียกเสียงอ่อย เสียงอ้อน ทำหน้าหล่อแล้วยิ้มเทวดาใส่จะได้ไหม ฟ้าคราม...
