New Release : Heart Attack จู่โจมรัก ทลายหัวใจนายจอมโหด

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Heart Attack จู่โจมรัก ทลายหัวใจนายจอมโหด

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

When I met you
I wasn't planning to fall in love
But you... hit me like a ?heart attack?
Now I'm feeling like a fool
Cause I don't wanna live in a world with without you

เมื่อผมได้พบคุณ
ผมไม่ได้วางแผนที่จะตกหลุมรัก
แต่คุณ.. จู่โจมผมเหมือนกับอาการหัวใจวาย
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่
เพราะผมไม่อยากใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้โดยไม่มีคุณ

เบื้องหน้ามืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย...
ผมรู้แค่ว่าตัวเองกำลังก้าวเดินไปที่ไหนสักแห่ง...
มารู้ตัวอีกที เบื้องหน้าก็มีแสงสว่างจ้า จนต้องยกฝ่ามือขึ้นมาบดบังแสงนั้นเอาไว้ เมื่อสายตาเริ่มคุ้นชิน ผมค่อยๆ หรี่ตาแล้วลดมือของตัวเองลง
แสงของดวงอาทิตย์ยามโพล้เพล้ยังส่องแสงรำไรเห็นขอบฟ้าเป็นสีแดงระเรื่อ โดยมีทิวเขาทอดยาวสวยงามประกอบเป็นฉากหลัง บรรยากาศยามเย็นที่แฝงไว้ด้วยความเหงา เมื่อมองเห็นทุ่งดอกหญ้า ดอกไม้ที่เบ่งบานละลานตา ความสดใสก็เกิดขึ้นในทันตา
ผมเดินลอดผ่านซุ้มประตูกุหลาบเลื้อยพลางมองถนนทอดยาวเป็นแนวโค้ง และค่อยๆ ก้าวเดินไปตามถนนเส้นนั้น จนกระทั่งมาหยุดลงตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น ผนังถูกทาเป็นสีขาวสะอาดตา และปลูกสร้างอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ ดอกหญ้าที่กำลังบานสะพรั่ง โชว์ให้เห็นความสดใสที่ซ่อนไว้ซึ่งความอ่อนโยนเมื่อสัมผัสกับสายลม
ภายใต้แสงสลัวสีส้มหน้าประตูทางเข้า ผมยื่นมือไปจับลูกบิดที่อยู่ตรงหน้า ราวกับว่ามันเป็นสิ่งคุ้นชินมากทีเดียว และพอผมก้าวเท้าเข้าไปด้านใน ทันใดนั้นเองร่างของผมก็ถูกสวมกอดอย่างรุนแรง
?พี่ชายกลับมาแล้ว ฮือๆ?
?ใช่ พี่กลับมาแล้ว?
ผมแน่ใจว่าริมฝีปากของตัวเองกำลังขยับ ใช่...ปากผมกำลังขยับและเอ่ยพูดประโยคนี้
?พี่ชาย...ฮือๆ?
?อย่าร้องไห้สิ...ตัวเล็ก?
ผมพูดพลางวางฝ่ามือแนบลงบนกลางแผ่นหลังเล็กๆ ที่กำลังสั่นเทา แล้วประคองโอบกอดร่างนั้นให้อยู่ในวงแขน ร่างบอบบางกำลังซุกหน้าลงกับแผ่นอกของผมเสียแน่น พร้อมกับเสียงอู้อี้ที่พร่ำร้องว่า... ?พี่ชาย...?
เสียงสะอื้นค่อยๆ เงียบลงพร้อมใบหน้าของเธอที่อยู่ใกล้ผมแค่ปลายจมูก เรือนผมสวยคลอเคลียอยู่ข้างแก้ม กลิ่นแชมพูอ่อนๆ นั้นย้ำให้ผมรับรู้ถึงความรู้สึกชิดใกล้
?ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่รอพี่ชายอยู่? เธอผละร่างของตัวเองออก แล้วส่งมืออุ่นๆ มาที่มือของผมแทน จากนั้นก็ลากร่างของผมเข้าไปด้านใน
ร่างของผมเดินตามเธอไปดั่งตกอยู่ในภาวะมนต์สะกด ดวงตาของผมเอาแต่มองมือเล็กๆ ที่กำลังจูงมือผมไปที่ไหนสักแห่งอย่างน่าพิศวง
...แต่แล้วมือเล็กๆ ที่กุมมือของผมอยู่นั้นก็ค่อยๆ จางหายไป พร้อมกับหมอกควันสีขาวเข้ามาแทนที่...จนกระทั่งมองไม่เห็นอะไรเลย
ผมยกมือของตัวเองขึ้นดูอย่างช้าๆ สัมผัสอันอ่อนโยนของเธอจางหายไปราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ผมได้แต่คิดอย่างสับสนพลางเดินฝ่าหมอกควันที่อยู่รอบกาย หวังเอาไว้ว่าจะได้เจอเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ทว่าพอรู้ตัวอีกที ร่างของผมก็เข้ามาอยู่ในศาลาแห่งหนึ่ง ซึ่งเบื้องหน้ามีโลงไม้สีขาวสะอาดตา ถูกประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์
ที่นี่ที่ไหน?
ผมก้าวเดินเข้าไปใกล้ๆ โลงไม้สีขาวนั้นราวกับถูกดูด และทันทีที่สายตาของผมประสานเข้ากับร่างที่นอนอยู่ในนั้น ดวงตาของผมก็เบิกโพลง
?พี่ชาย...พี่ชายจากตัวเล็กไปแล้ว? เสียงเล็กๆ ของเด็กผู้หญิงคนเดิมดังขึ้นจากทางด้านหลัง แต่ผมไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว รู้เพียงแค่ว่าตัวเองได้แต่ยืนมองร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ในโลงไม้สีขาวนั่นอย่างตกตะลึง
นี่มันอะไรกัน... ทำไมคนที่นอนอยู่ในนั้นคือตัวของผมล่ะ!

โป๊ก!
...ดูเหมือนว่าหัวจะฟาดเข้ากับของอะไรบางอย่าง
พอลืมตา ทุกสิ่งดูจะเป็นภาพซ้อน ทั้งหลอดไฟบนเพดาน ผ้าม่านด้านซ้ายมือ ม่านหน้าต่างเปิดค้าง แสงแดดส่องสว่างผ่านหน้าต่างกระจก ดูจากมุมของแสงยังเป็นช่วงเช้าอยู่
...ที่นี่ที่ไหน
ผมหลับตาแล้วลืมขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาในสภาพปกติ ความทรงจำและสติสัมปชัญญะกลับคืนมา
...ห้องของเรา
เหงื่อกาฬแตกพลั่กทั่วร่างเปลือยเปล่า ผมยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาอย่างลวกๆ
ผมมักลืมตาตื่นพร้อมกับความรู้สึกปวดแสบปวดร้อน สองหูอื้ออึง ปวดศีรษะตุบๆ เป็นจังหวะเดียวกับชีพจรเต้นรัว ทุกครั้งหลังจากตื่นจากความฝัน ผมมักจะมีอาการเช่นนี้เสมอ
?ทำไม? ฝันแบบนี้อีกแล้ว?
ผมพูดกับตนเองขณะนั่งอยู่บนเตียงครู่ใหญ่ ก่อนตัดสินใจลุกจากเตียงเดินไปหยุดอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่ เบื้องหน้ามีเพียงแสงแดดสว่างจ้า เล่นเอาหายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง
หลังผ่านความฝันอันยาวนาน ทั้งที่จำเรื่องราวไม่ได้เลย บางครั้งกลับรู้สึกเหมือนยังมีเสียงสะท้อนจากฝันก้องกังวานอยู่ในหัว มันใกล้เคียงกับความรู้สึกในขณะนี้มากทีเดียว ซึ่งความจริงในตอนแรก ผมเองก็เคยคิดว่าเป็น ?ความฝันที่ลืมเลือนทันทีเมื่อลืมตาตื่น? ทว่ามันกลับไม่ใช่
ผมล้างหน้าล้างตาด้วยความรู้สึกไม่ปลอดโปร่งนัก แม้แต่ตอนนั่งกินข้าวเช้า ความรู้สึกนั้นก็ยังคงอยู่
เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำล่องลอยกระจัดกระจายในหัว พอยกมือขึ้นจับ มันกลับลอดหว่างนิ้วปลิวหายไป คล้ายความรู้สึกกดดันเข้ามารุกเร้า
แม้ผมจะได้ยินเสียงของตัวเอง แต่ฟังคล้ายแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล
ตอนนี้ผมกำลังมองเงาของตัวเองในกระจก แต่ทว่าสายตาทำได้แค่มองผ่านโดยไม่มีสิ่งใดเข้าหัวสักนิด เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าสติของผมถูก ?เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำ? ที่ล่องลอยในหัวช่วงชิงไปเสียแล้ว ในที่สุดภาพต่างๆ ก็ผุดวาบในหัวราวกับหมุนภาพย้อนกลับ
สามปีมาแล้วที่ผมมักจะฝันซ้ำๆ เดิมแบบนี้อยู่เสมอ ภาพในฝันคือผมกำลังใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอันแสนสุข มีพ่อ มีแม่ (ที่ผมไม่เห็นใบหน้า) มีเด็กผู้หญิงที่แทนตัวเองว่า ?ตัวเล็ก? และเรียกผมว่า ?พี่ชาย? ซึ่งภาพเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นราวกับผมได้อยู่ในนั้น ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวสมบูรณ์แบบ ทั้งๆ ที่สามปีที่ผ่านมาของผมไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เลยสักครั้ง
แต่ว่าทำไมล่ะ...
พอลองคิดทบทวนความฝันตลอดสามปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะยังไง...ผู้ชายคนนั้นก็คือผม?
แล้วทำไม...ภาพในความฝันเมื่อสักครู่ผมถึงได้นอนอยู่ในโลงไม้สีขาวนั่นล่ะ
คนในฝันนั่นตายไปแล้วอย่างนั้นเหรอ? ผมตายไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?
คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พลันสายตาของผมก็สว่างวาบราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็นจัด เมื่อเหลือบไปเห็นแผลเป็นบนหลังมือซ้าย รอยแผลนั้นยาวห้าเซนติเมตร ทอดตัวเป็นแนวนอนจากนิ้วกลางจนถึงนิ้วก้อย
ผมได้แผลนี้มาเมื่อสามปีก่อน
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนแผลหายสนิท ทว่าผมกลับรู้สึกแสบร้อนเหมือนถูกนาบด้วยเตารีด
ทำไมผมยังรู้สึกเจ็บ...

~1

ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่หน้าประตูไม้สีขาวสะอาดตา โดยมีเค้กก้อนหนึ่งที่ฉันบรรจงทำเองกับมืออยู่ในถาดใบใหญ่
?เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ? ฉันพูดกับตัวเองแล้วสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งครั้ง
ถึงแม้ทำแล้วจะไม่หายตื่นเต้น แต่สำหรับฉันในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการผ่อนคลายหรือไสยศาสตร์ ขอเพียงช่วยข่มความตื่นเต้นไว้ได้ ฉันก็เต็มใจที่จะลองทำดู
วันนี้...ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในคอนโดมิเนียมแห่งนี้ จึงคิดจะมาทำความรู้จักกับคนข้างห้อง เผื่อสักวัน เขาหรือเธอจะช่วยเป็นหูเป็นตาในวันที่ฉันไม่อยู่
?หวังว่าจะชอบเค้กที่ฉันทำนะ...?
หลังจากพึมพำเบาๆ ราวกับสวดมนต์จบ ฉันก็พยักหน้าเตรียมพร้อม จากนั้นจึงกดกริ่งหน้าห้อง
ปิ๊งป่อง!
จะเป็นคนแบบไหนนะ...
แกรก...
ในขณะที่ฉันกำลังคิด ประตูห้องก็แง้มเปิดอย่างช้าๆ ฉันสะดุ้งเฮือกก่อนจะค่อยๆ เงยหน้ามองเจ้าของห้อง
...ผู้ชาย?
แล้วคุณคิดว่าผู้หญิงจะมองส่วนไหนของผู้ชายก่อนเป็นอันดับแรก?
แน่นอน... คำตอบของทุกคนนั้นก็คือ ?ใบหน้า?
แต่ถ้าหากว่าผู้ชายตรงหน้าของคุณเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่เปลือยท่อนบนเผยให้กล้ามเนื้อท้องเป็นมัด นับได้หกลูกพอดีไม่ขาดไม่เกิน ผิวของเขาขาวราวกับจะเปล่งแสงได้ ไหปลาร้าแกร่งจนยุบเป็นแอ่งมีรอยสักเป็นรูปมังกรขนาดใหญ่ไล่มาจนถึงต้นแขนข้างขวา กับท่อนล่างที่สวมเพียงกางเกงยีนขายาวที่ซิบกับกระดุมถูกปลดทำให้กางเกงเกาะสะโพกอย่างหมิ่นเหม่...
...เป็นคุณจะมองอะไร?
แน่นอน... คำตอบของฉันคือมองร่างเปลือยเปล่าที่มีรอยสักแสนเท่ของเขานั่นแหละ!
?ใครน่ะ?? เขาถามน้ำเสียงงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน ไม่สิอาจจะเหมือนคนที่ยังไม่ได้นอนมากกว่า
?เอ่อคือ ฉันชื่อวาโย เพิ่งจะ...? ฉันเบนสายตาหนี พยายามไม่หันไปดู และรู้สึกว่าใบหน้าของตนเองร้อนผ่าวเหมือนเพิ่งนาบกับเตาย่างเนื้อ
?วันนี้ฉันเรียกใครมาด้วยหรือไง? เขาพูดพลางจับปลายคางอย่างครุ่นคิด ?แต่เอาเถอะ ไหนๆ ก็มาแล้ว รีบๆ เข้ามา เพราะวันนี้ฉันยังไม่ได้นอน?
หา!? ยังไม่ได้นอน แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับฉันกันล่ะ!
ในขณะที่ฉันกำลังงุนงง จู่ๆ เขาก็ลากท่อนแขนของฉันและพาเข้าไปด้านใน ขณะที่เดินอยู่ฉันก็แอบสำรวจห้องของเขานิดๆ หน่อยๆ ก็นะ... มนุษย์ทุกคนย่อมมีนิสัยอยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องธรรมดาแหละ
ห้องรับแขกของเขารกเป็นรังหนูสมกับเป็นห้องของผู้ชายจริงๆ เพราะมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายกองอยู่บนพื้นเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีขวดเหล้า ขวดโซดา กระป๋องเบียร์ และเศษขนมอบกรอบ นี่ยังไม่รวมไปถึงซองบุหรี่ที่ถูกขยำเป็นก้อนกลมๆ อีกด้วยนะ
และที่ดูสะดุดตาฉันมากที่สุดก็คือ มนุษย์เพศผู้จำนวนสามคน คนหนึ่งนอนคว่ำหน้าห้อยหัวอยู่บนโซฟา มีปอยผมสีน้ำตาลยุ่งๆ โผล่ออกมาเท่านั้น ส่วนอีกคนหนึ่งนอนกลิ้งอยู่บนพื้นข้างๆ โซฟานั่นแหละ แต่คนนี้ฉันเห็นหน้าของเขาอย่างชัดเจน เขามีใบหน้าคมเข้ม เส้นผมสีน้ำตาลแดง มีรอยหนวดเคราเล็กน้อย แต่คนสุดท้ายนี่ประหลาดที่สุด เพราะเขานอนเก็บคองอเข่ากอดตะกร้าผ้าที่สุมเต็มจนล้น และพยายามเอาเสื้อผ้าที่อยู่ในนั้นมาปิดร่างของตัวเองเพื่อคลายความหนาว เนื่องจากพวกเขาทั้งสามคนไม่มีใครสวมเสื้อเลยสักคนเดียว
ท่าทางเมื่อคืนพวกเขาจะฉลองอะไรกันสักอย่าง เพราะสภาพของแต่ละคนเหมือนคนเมากันทั้งนั้น
?เอ่อ...? ฉันเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่กำลังลากร่างของฉัน ตกลงผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของห้องหรือเปล่าเนี่ย
?เอามันวางไว้ก่อนก็ได้? จู่ๆ เขาก็พูดประโยคนี้ออกมา
?หือ...? ฉันครางรับด้วยความไม่เข้าใจ แต่ในวินาทีต่อมาฉันก็เข้าใจคำพูดของเขาในทันที เมื่อเขามองถาดเค้กที่อยู่ในมือของฉัน ทำไมต้องให้ฉันวางเอาไว้ก่อนล่ะ เขาแค่รับมันไปก็จบแล้วไม่ใช่หรือไง
?มันเกะกะ? เขาพูดฉวยเค้กจากมือของฉันไปวางไว้บนโต๊ะอาหารที่เราเดินผ่าน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโอบหัวไหล่ แล้วลากไปยังประตูที่อยู่มุมสุด
แน่นอนฉันรู้ว่าห้องนั้นเป็นห้องนอน เพราะว่าคอนโดมิเนียมแห่งนี้ทุกห้องจะมีหน้าตาเหมือนกันหมด มันเป็นคอนโดมิเนียมแบบห้องสูทที่มีห้องนอนและห้องน้ำแยกเป็นส่วนๆ แต่ว่า... เขาพาฉันไปห้องนอนทำไม?
?คือว่า...? ฉันได้แต่อึกอัก แต่พอมารู้ตัวอีกที ก็ถูกโยนร่างลงบนเตียงหนานุ่ม พร้อมกับร่างสูงที่โถมร่างของตัวเองเข้ามา
นี่อย่าบอกนะว่า...?
?จะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ!? ฉันตะโกนก่อนจะดิ้นขลุกขลักขัดขืน แต่เขากลับตรึงร่างของฉันไม่ให้ขยับหนี ใบหน้าของเขาค่อยๆ เลื่อนไล้ตรงซอกคอ จมูกของเขาซอกซอนไปทั่วทุกตารางนิ้ว ราวกับสัตว์ป่ากำลังตรวจตราเหยื่อ
?ทำอะไรน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!?
?มาถึงเตียงแล้วจะมาปฏิเสธอะไรตอนนี้? เขากระซิบพลางโน้มใบหน้าคมลงต่ำเรื่อยๆ
ตอนนี้ฉันทำได้แต่มองนัยน์ตาสีดำสนิทด้วยอารมณ์สับสน ความงุนงงที่จู่โจมตั้งแต่เมื่อกี้ทำเอาหัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ
ฉันต้องยอมรับ ว่าผู้ชายคนนี้หล่อเหลือเกิน ดวงตาสีดำลึกล้ำแฝงความเซ็กซี่ ดูเหมือนเขาจะเกิดมาเพื่อล่อลวงหัวใจสาวๆ ทั่วทั้งโลก
แต่เพียงแค่คิดจู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนถูกตะปบเข้าที่หัวใจ แน่นหน้าอกราวกับความรู้สึกบางอย่างเอ่อท่วมโดยไม่อาจสกัดกั้น
...นี่ฉันคิดอะไรอยู่! ฉันกำลังจะถูกทำมิดีมิร้ายนะ!
ในระหว่างที่ฉันกำลังสับสน จู่ๆ เขาก็วางฝ่ามือบนอกของฉัน ทำให้ฉันตกใจเงยหน้าขึ้น แล้วทันใดนั้นเอง ริมฝีปากของฉันก็ถูกปิด แม้พยายามจะเบี่ยงคางหลบ แต่ร่างกายกลับถูกกอดเอาไว้แน่น จนเหมือนร่างจะจมหายไปในอ้อมกอดของเขา
ฉันพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการเกาะกุม ทว่าเนื้อตัวของเขาแผ่รังสีสง่างามและดุร้ายออกมาพร้อมๆ กัน พริบตานั้น ฉันตัวแข็งทื่อไม่กล้ากระดุกกระดิก
สักพักเขาเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ฉันอย่างพึงพอใจ มันเป็นรอยยิ้มร้ายกาจ ลึกลับและน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน
ในขณะที่ฉันอึ้งอยู่นั้น เขาก็ฉวยโอกาสโน้มคอลงมา ริมฝีปากของเขาที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ไล้ผ่านริมฝีปากของฉันอย่างเชื่องช้าก่อนจะจุมพิตลงมาอย่างไม่เกรงใจ
รสจูบของเขามีความหวานซ่อนขมอยู่จางๆ มันเป็นรสชาติเหมือนกับเหล้าที่เพิ่งดื่มไปครั้งแรก ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ ไม่รู้ว่าดีกรีแรงแค่ไหน หากแต่ยิ่งแรงกลับยิ่งทำให้เคลิบเคลิ้ม รสชาติยิ่งบาดคอก็ยิ่งหวาน เพราะริมฝีปากของเขากำลังทำให้ฉันเมามาย
ฉันรู้สึกในหัวหมุนติ้ว เพราะรสสัมผัสที่คนตรงหน้ามอบให้ มันทั้งอบอุ่นและร้อนแรงอย่างที่ฉันไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน
เมื่อได้สติฉันจึงพยายามเบนหน้าหลบ นี่เขาคิดอะไร ทำไมถึงได้ทำแบบนี้กับผู้หญิงที่เพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรก!
?ที่มาหาฉัน...ก็เพราะอยากมีอะไรกับฉันไม่ใช่หรือไง? เขาผละริมฝีปากออกก่อนจะกระซิบเสียงสั้นห้วน
?มะ...ไม่ใช่...? แม้ฉันจะปฏิเสธแต่เขาก็ประกบปากลงมาอีกครั้ง
ฉันรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวจนเหมือนร่างจะระเบิด เหงื่อและน้ำตาเริ่มไหลซึมออกมา หายใจไม่ได้ คิดอะไรไม่ออก และตอนที่เหมือนร่างกายจะหมดเรี่ยวแรงไปนั้น จู่ๆ ก็มีสัมผัสแปลกๆ บางอย่างสอดเข้ามาในปาก มันเป็นสิ่งที่อบอุ่นและนุ่มนวลกว่าริมฝีปากของเขา
ไม่นะ...
ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไหวราวกับผึ้งที่ไปค้นหาน้ำหวานของหมู่มวลดอกไม้ มันเคลื่อนไหวอยู่ในปากของฉันอย่างไม่เกรงใจใครเหมือนตัวของเขาเอง
อือ...
จูบดูดดื่มของเขาทำให้สมองของฉันปั่นป่วนไปหมด ไม่สามารถจะทัดทานการกระทำของเขาได้ จนกระทั่งนิ้วเรียวที่โอบมาด้านหลังกำลังลูบไล้แผ่นหลังจากบนลงล่าง ฉันรู้สึกว่านิ้วของเขากำลังสัมผัสกับผิวหนังของฉันโดยตรง และในที่สุดชุดเดรสก็ถูกปลดออก
ฉันพยายามส่งเสียงร้อง แต่ทว่ากลับไม่มีเสียงออกมา เพราะริมฝีปากยังคงไม่เป็นอิสระ จนกระทั่งมารู้ตัวอีกที สายของชุดเดรสก็เลื่อนลงมาที่ไหล่
ไม่ได้! จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด
?หึ...?
?หยุดนะ! อย่า...? สมองที่กำลังเบลอนั้น ฉันรีบกระชากสติให้มันกลับมาทำงานอย่างเต็มร้อย ฉันใช้กำลังเฮือกสุดท้ายออกแรงดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเขา
สวรรค์...ได้โปรดช่วยวาโยด้วย!
เหมือนสวรรค์ได้ยินคำอธิษฐาน เพราะในที่สุดร่างสูงที่คร่อมร่างของฉันอยู่ก็ผละออกห่าง พอเห็นเป็นแบบนั้นฉันก็รีบดึงสายชุดเดรสของตัวเองขึ้นมาไว้ดังเดิม เกือบไปแล้ว...
?นัดผู้หญิงมาอีกแล้วเหรอไอ้เขต?
พอฉันเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าผู้ชายผมสีน้ำตาลแดงคนที่นอนอยู่ข้างๆ โซฟาเป็นคนล็อกคอของผู้ชายคนนี้จากทางด้านหลัง
?แถมดูแล้วท่าทางเธอไม่ได้เต็มใจเลยด้วย? เขาพูดต่อพร้อมกับมองหน้าฉันที่พยักหน้ารับแทบจะทันที ใช่... ฉันไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด!
?ไม่ใช่... ยัยนี่มาเพราะอยากมีอะไรกับฉันต่างหาก? เขาพูดพลางยกนิ้วชี้หน้าของฉัน
แต่ประโยคข้างบนนั่นถือเป็นการโยนความผิดมาให้ฉันอย่างโหดร้ายที่สุด
?ไม่ใช่สักหน่อย ฉันมาจากห้องข้างๆ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ต่างหากเล่า!?
ฉันตะโกนออกไปอย่างโกรธจัด ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้คิดว่าฉันมาเสนอตัวให้เขาได้ล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องแบบนี้น่ะ!
?แล้วคนที่ย้ายมาอยู่ใหม่ ทำไมต้องมากดกริ่งห้องของฉันด้วย?
สงสัยผู้ชายหื่นคนนี้จะเป็นเจ้าของห้องจริงๆ แล้วกดกริ่งนี่มันผิดกฎหมายมาตราไหนมิทราบ!
?ฉันก็แค่มาทำความรู้จักกับคนข้างห้อง นั่นไงเค้กนั่นฉันก็เอามาให้นายด้วย? ฉันชี้นิ้วออกไปด้านนอก
?อ้อ...เข้าใจแล้ว? คนตอบไม่ใช่ผู้ชายหื่นคนนั้น ?ทีนี้นายก็ควรขอโทษเธอนะ...?
?ไม่ล่ะ...เพราะฉันยังไม่ได้ทำอะไร? เขาพูดจบก็เดินออกไปจากห้องเฉยเลย ก็ถ้าไม่มีคนเข้ามาขัดจังหวะ นายคงทำอะไรไปแล้วไม่ใช่หรือไง!
คำพูด คำด่า แม้แต่เสียงที่จะใช้พูดจา... ทั้งหมดนั่นกระจายตัวหายไปจากลำคอของฉันเนื่องจากอาการช็อกที่รุมเร้าเกินขนาด
ผู้ชายคนนี้...นิสัยแย่เกินไปแล้ว!
?อย่าไปสนใจมันเลยนะ ไอ้เขตมันก็เป็นคนแบบนี้แหละ?
เพื่อนของอีตาบ้านั่นพูดพลางอมยิ้ม ผู้ชายคนนี้ดูใจดี ไม่เหมือนอีตานั่นเลย!
?เอาเป็นว่า ฉันชื่อเซนได เรียกเซนเฉยๆ ก็ได้ ส่วนไอ้เจ้าของห้องที่เดินออกไปเมื่อกี้น่ะชื่อเขตแดน?
เขตแดนเหรอ? เฮอะ! ชื่อไม่สมกับนิสัยเลยเถอะ!

~

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฉันก็แค่ตบปากรับคำเป็นแฟนหลอกๆ ให้กับหนุ่มข้างห้องสุดหล่อจอมเจ้าชู้อย่าง ?เขตแดน? ที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งมือกีตาร์ของวง ?Sundowner? สุดเท่นั้นไปด้วยความจำเป็นและจำยอมตามสถานการณ์ก็เท่านั้น แต่กลับทำให้ฉันได้พบเจอกับความซวยแบบสมบูรณ์ไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ แม้ว่าเวลาที่เขาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาจะทำตัวเงียบขรึม เหมือนคนมีปมอะไรอยู่ในใจ แต่เวลาอยู่กับฉัน (สองต่อสอง) เขากลับแสดงความหื่นออกมาอย่างเต็มกำลัง! แล้วแบบนี้คนอย่าง ?วาโย? ที่ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมนายตัวร้ายที่ประเดี๋ยวก็จับ (?) ประเดี๋ยวก็จูบ (?) อย่างเขตแดน จะรอดพ้นเงื้อมมือเขาได้อย่างไรกัน!?

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”