New Release ร้อยรัก : อาญาน้ำผึ้ง

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release ร้อยรัก : อาญาน้ำผึ้ง

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอันกว้างใหญ่ ท่ามกลางผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติที่กำลังมุ่งเดินไปตามจุดหมายปลายทางของตนเอง บางคนเร่งรีบราวทุกนาทีมีค่ามหาศาล บางคนทอดมองบรรยากาศรอบตัวราวจะซึมซับให้ถึงส่วนลึกแห่งหัวใจ เฉกเช่นเจ้าของร่างโปร่งระหงในชุดแพนต์สูทสีดำ ดวงหน้าเรียวขาวเห็นเพียงริมฝีปากอิ่มสีสดกับปลายจมูกแหลม เพราะดวงหน้าเกือบครึ่งถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่
?เชิญครับคุณอาคิรา รถมารับพร้อมแล้ว?
บุรุษวัยกลางคนในชุดสูทสีเข้มเดินเข้ามากระซิบบอกกับเจ้าของร่างโปร่งระหงที่ยืนสงบนิ่งอยู่ริมกระจกใสบานใหญ่
?ทำไมช้านัก? เสียงนุ่มเบาต่อว่า
?รถติดอยู่หน้าสนามบินครับ...มีอุบัติเหตุ?
คนรายงานสีหน้าสลดลงเล็กน้อย และไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย แม้สตรีตรงหน้าจะมีอายุน้อยกว่าเขาอยู่หลายปี หากฐานะบุตรสาวบุญธรรมของ ?นายใหญ่? ย่อมอยู่เหนือคุณสมบัติด้านอื่น
?งั้นก็รีบไป ฉันไม่มีเวลามากนัก?
เจ้าของร่างระหงไม่รอฟังถ้อยคำอื่นใดอีก ก้าวยาวไปตามโถงทางเดินอันกว้างใหญ่ ลำแสงสีขาวจากภายนอกส่องกระทบพื้นผิวดุจแสงไฟจากสปอตไลท์ดวงใหญ่ ทาบทับราวแสงเงินแสงทองแห่งชีวิตที่กำลังเริ่มต้นอีกครั้งในแผ่นดินเกิด
?ใช้เวลาเดินทางไปโรงงานนั้นกี่นาที...คุณวิกร?? อาคิราเอ่ยถามขึ้น เมื่อก้าวเข้าไปนั่งในรถยนต์คันหรูที่จอดรอรับอยู่หน้าอาคารผู้โดยสาร
?ประมาณชั่วโมงหนึ่งครับ? บุรุษเจ้าของชื่อที่นั่งคู่กับคนขับเอี้ยวตัวมาตอบ
หญิงสาวพยักหน้ารับแทนเสียงตอบ นอกจากอาการนิ่งเงียบแล้ว ท่านั่งหลังตรง ดวงหน้าเบือนมองออกหน้าต่างรถนั้นดูสงบเยือกเย็นไม่ต่างจากหุ่นปั้นอันไร้ชีวิต ...ชีวิตที่เหลืออยู่หากไร้หัวใจ มีเพียงความตั้งมั่นในบางสิ่งอันแน่วแน่ ที่เจ้าตัวตราจำทุกลมหายใจเข้าออก
?นำเอกสารที่สั่งมาด้วยหรือเปล่า?
เสียงนุ่มเอ่ยถามเย็นเยือกอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร
?นำมาด้วยครับคุณอาคิรา?
ผู้ช่วยคนสนิทหยิบกระเป๋าเอกสารที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาเปิดก่อนจะยื่นส่งซองสีน้ำตาลปึกหนาให้แก่สตรีชุดดำด้วยกิริยานอบน้อม
?ชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่คือ...ชลวีร์??
?ครับ...คุณชลวีร์ ราชวานิช...?
มือเรียวขาวจัดสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อนั้น หากเพียงเสี้ยววินาทีทุกอย่างกลับสงบ เอกสารปึกหนาถูกดึงออกมาจากซอง ตัวอักษรภาษาไทยแจ่มชัดในหนังสือรับรองบริษัทฉบับนั้น บ่งชัดว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดหมาย อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงเธอจะก้าวเข้าสู่อีกส่วนหนึ่งของอดีต
?ลงทางด่วนข้างล่างขับไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะเข้าสู่เขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งนั้นครับ?
วิกรผู้ซึ่งเคยเป็นพนักงานธนาคารแต่ผันตัวเองออกจากระบบมนุษย์เงินเดือนเข้ามาร่วมงานกับนักธุรกิจต่างชาติที่รู้จักนิสัยคนไทยเป็นอย่างดี รายงานข้อมูลหลายอย่างให้หญิงสาวได้รับรู้เพิ่มเติม
?ทำการผลิตสินค้าชนิดไหน? เจ้าของร่างระหงเอ่ยถามขึ้นหลังเป็นฝ่ายรับฟังข้อมูลอยู่พักใหญ่
?บริโภคครับ แบบสำเร็จรูปและกำลังจะเปิดสายผลิตด้านปรุงรสเพิ่ม?
เจ้าของร่างระหงในชุดดำยังนิ่งสงบรับฟังถ้อยคำเหล่านั้น ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ที่มีลมหายใจ หากสมองเริ่มลำดับขั้นตอนของงาน
รถยนต์สัญชาติยุโรปเปิดสัญญานไฟเลี้ยวเมื่อมองเห็นป้ายบอกชื่อโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของภาคกลาง หนุ่มสาวโรงงานพากันออกมาเดินขวักไขว่ คงเป็นช่วงเวลาพักเที่ยงของพวกเขา ดูจะเป็นชีวิตที่ไม่ต่างจากเครื่องจักรที่มีเลือดเนื้อ กิน ทำงาน ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ...มนุษย์ขับเคลื่อนชีวิตด้วยปัจจัยสำคัญที่เรียกว่า ?เงิน? เท่านั้น
?ถึงแล้วครับคุณอาคิรา โรงงานสีขาวเนื้อที่มากกว่าสิบไร่ถือว่าใหญ่มากสำหรับย่านนี้ เงินลงทุนร่วมหกร้อยล้าน โซนด้านหน้าทำการผลิตอาหารสำเร็จรูปส่งออกเกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์ มีขายในประเทศบ้างแต่ไม่มากเท่าไร ส่วนใหญ่ส่งออกแถบเอเชียและยุโรป?
?นัดไว้กี่โมงนะคุณวิกร?
คำถามสั้น ดวงหน้าขาวเฉยเมย...เวลาที่เธอรอคอยมายาวนานถึงเจ็ดปี บัดนี้เหลือเพียงเศษเสี้ยววินาที
?บ่ายโมงครับ?
เจ้าของร่างระหงในชุดดำยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นดู เธอมาไวกว่าเวลานัดหมายสองนาที การฝังตนเองกับกรอบแห่งความชิงชังและขื่นขมทำให้เวลาดูจะเป็นสิ่งที่มีค่าเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวบนโลกใบนี้ที่ไม่มีอำนาจใดๆ จะซื้อได้...โดยเฉพาะเวลาที่มีความพยาบาทเป็นสิ่งหล่อเลี้ยง...
?เข้าไปได้...ถึงเวลานัดแล้ว?
น้ำเสียงสั่งเย็นเยือก...และนี่ก็คืออีกสิ่งหนึ่งที่เวลาได้เพาะบ่ม พร้อมกับแทรกซึมเข้าทุกอณูของลมหายใจจนทุกอย่างไม่ต่างจากเคลือบฉาบด้วยเกร็ดน้ำแข็ง ร่างระหงของอาคิรายังนั่งสงบ ดวงหน้าดูไร้ความรู้สึกหากมองตรงเมื่อรถยนต์เริ่มเคลื่อนเข้าสู่บริเวณโรงงานขนาดใหญ่ สองข้างทางปลูกต้นไม้ประดับดูสวยงามเพื่อลดความกระด้างของกล่องสี่เหลี่ยมจากปูนซีเมนต์ เพียงไม่กี่นาทีพาหนะคันหรูก็จอดนิ่งหน้าประตูกระจกสีเทาทึมขนาดใหญ่ บุรุษวัยกลางคนที่นั่งคู่กับคนขับเปิดประตูรถก้าวลงไปก่อน จากนั้นจึงเปิดประตูด้านหลังให้แก่หญิงสาวด้วยทีท่าสุภาพ
?เชิญครับคุณอาคิรา...?
ร่างโปร่งระหงก้าวลงจากรถ แว่นกันแดดสีดำถูกปลดออกจากดวงหน้าขาวจัด ริมฝีปากเคลือบสีสดหุบสนิทไร้รอยโค้งยามเมื่อพนักงานหลายคนเข้ามาต้อนรับ หากเมื่อร่างสูงสันทัดก้าวพ้นมุมห้องออกมานั่นแหละ ดวงหน้าที่เสมือนรูปปั้นน้ำแข็งจึงละลายลง
?ขอโทษครับที่เดินออกมารับช้าไปหนึ่งนาที? เจ้าของร่างสันทัดเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มละมุน
?ฉันกำลังจะเปลี่ยนใจกลับบ้านแล้วล่ะค่ะ ถ้านับหนึ่งถึงสามแล้วคุณไม่มา...?
สำเนียงบอกมีแววกึ่งเล่นกึ่งจริง หากดวงตาเรียวรีดูพราวระยับยามทอดมอง ?สะพาน? ที่เธอเชื่อมสัมพันธ์เอาไว้อย่างเหนียวแน่น...สำหรับก้าวข้ามไปหา ?ใครคนนั้น?
?ไม่คิดว่าคุณอาคิราจะใจร้อนถึงเพียงนี้...งั้นเชิญเลยครับผม ทุกท่านกำลังรอหุ้นส่วนคนใหม่ของเราอยู่?
รวินทร์ผายมือพร้อมโค้งคำนับ ดวงหน้าคมคายระบายยิ้มระรื่น ทั้งดวงตาสีน้ำตาลแก่ก็ระยับ ร่างระหงจึงก้าวเดินเคียงข้างเข้าสู่ห้องประชุมขนาดใหญ่ของบริษัท หลายคนที่นั่งรอต่างลุกขึ้นพรึ่บเมื่อสตรีชุดดำก้าวเข้ามา
?คุณอาคิรา หุ้นส่วนคนใหม่ของบริษัทเราครับ?
ชายหนุ่มกล่าวแนะนำหญิงสาวกับทุกคนภายในห้อง เพราะเขาคือผู้ชักนำเธอให้เข้ามาร่วมเป็นผู้ถือหุ้นภายในองค์กร เมื่อครั้งที่เขาเดินทางไปประเทศเยอรมนีและได้รู้จักนักธุรกิจหญิงเชื้อสายไทยคนนี้ คงเป็นเพราะความสวยที่สะดุดตาอย่างจังบวกกับเสน่ห์ที่น่าค้นหา ทำให้เขาเร่งสานความสัมพันธ์ให้รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และเธอก็ดูจะตอบสนองกลับมาด้วยดี แต่ก็มีเว้นระยะห่างเอาไว้เล็กน้อย
?ขอโทษด้วยค่ะ...ที่ทำให้ทุกท่านต้องรอนาน? อาคิราเอ่ยด้วยสำเนียงนุ่มราบเรียบ จากนั้นร่างระหงจึงทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้
?มิได้ครับ ทางเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณอาคิราตกลงร่วมลงทุนกับทางเรา?
บุรุษสูงวัยร่างท้วมหนึ่งในผู้ถือหุ้นกล่าวขึ้น พร้อมกับแนะนำตัวเองให้หญิงสาวได้รู้จักอย่างเป็นทางการ และจากนั้นคือการแนะนำผู้ถือหุ้นคนต่อไป คนอื่นนั้นสมองมิได้สั่งให้ตราจำจนขึ้นใจแต่อย่างใด หากคนสุดท้ายที่นั่งริมสุดนั้นต่างหากเล่า...จำจนตาย!
?คุณชลวีร์เป็นผู้ที่ถือหุ้นมากที่สุดของที่นี่ และดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ?
ชื่อนั้นแล่นปลาบเข้าสู่หัวใจคนฟัง และมันช่างเสียดแทงยิ่งนัก ดวงหน้าขาวสวยจัดเบือนมองบุรุษเจ้าของชื่อผู้มีดวงหน้าคมเข้มคนนั้นทันที และเขาเองก็มองตรงมาเช่นกัน กิริยาน้อมศีรษะยังดูสุภาพ...แต่เนื้อใน...ใจอำมหิต!
?ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณอาคิราตกลงใจร่วมลงทุนกับบริษัทของเรา?
เสียงห้าวที่เคยคุ้น กี่เดือน...กี่ปี หรือตราบแผ่นดินกลบหน้าเธอก็ไม่เคยลืมผู้ชายคนนี้...แต่เขากลับไร้วี่แววที่จะจดจำเธอได้
?เช่นกันค่ะคุณชลวีร์ ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน...ตลอดกาล...?
หางเสียงทอดอ่อนละมุน...สีหน้าดูนิ่งสงบหากดวงตาดำเรียวรีกลับมีประกายเคียดแค้นชิงชังแวบขึ้นมา แม้จะเพียงแค่เศษเสี้ยววินาทีก็เถอะ...?ความพยาบาทคือน้ำผึ้งอันหวานล้ำ?...แม้ว่ามันจะใช้เวลารอคอยตราบจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย...เธอก็จะรอ!
?ดิฉันยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านในวันนี้ค่ะ และหวังว่าในอนาคตระหว่างเราทุกคนคงดำเนินธุรกิจร่วมกันได้อย่างราบรื่น?
เสียงนุ่มราบเรียบและชัดเจนเมื่อกล่าวถ้อยคำสรุป
?ครับคุณอาคิรา ธุรกิจของเราจะต้องก้าวไกล และเป็นผู้นำด้านอาหารสำเร็จรูปภายในห้าปีนี้อย่างแน่นอน?
คนที่แนะนำตัวเองว่าชื่อธีรพลกล่าวอย่างมั่นใจในศักยภาพขององค์กรและเม็ดทุนจำนวนมหาศาลที่กำลังจะถูกเติมเข้าไป เงินกำลังจะเป็นสะพานเชื่อมต่อให้การชำระหนี้ที่สะสมอยู่ในหัวอกประสบความสำเร็จ
?ข้อเสนอของดิฉันที่ยื่นส่งไปในครั้งแรก มติในที่ประชุมเห็นว่ายังไงคะ?
คำถามยังคงเรียบ ดวงตาดำเรียวรีกวาดมองผู้ร่วมโต๊ะ
?ทางเราคุยกันแล้วค่ะ และไม่ขัดข้องถ้าคุณอาคิราจะเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี? วิมลแข หนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
แน่ล่ะ องค์กรที่กำลังขาดสภาพคล่องมีหรือจะปฏิเสธเจ้าของเงินทุนรายใหม่ ต่อให้ต้องก้มลงกราบคนพวกนี้ก็ต้องทำ เพราะเศรษฐีย่อมจมไม่ลง!
?ดิฉันจะเข้ามาเริ่มงานวันจันทร์ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องจะให้คนของดิฉันเข้ามาจัดการ...หวังว่าคงได้รับความสะดวก?
คนบอกดวงหน้ายังสงบ ตาดำเรียวรีชำเลืองมองคนท้ายโต๊ะด้วยหางตา แววโกรธแค้นชิงชังสะท้อนขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะเลือนหายราวเจ้าของออกคำสั่งได้ หลังการแนะนำตัวรู้สึกเธอจะไม่ได้ยินเสียงของเขาอีก ทีท่าอันสุขุมและเคร่งเครียดดูจะเข้ามาครอบคลุมตัวเขาเอาไว้ ช่างผิดแผกจาก ?ชลวีร์ในอดีต? ยิ่งนัก เวลาที่สะสมเนิ่นนานอาจทำให้คนแปรแปลี่ยนไปได้ เฉกเช่นตัวของเธอเองที่ต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง!

หลังหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการของงาน เจ้าของร่างโปร่งระหงก็ก้าวยาวขึ้นสู่รถยนต์สีดำคันหรูที่จอดรออยู่หน้าสำนักงาน ทันทีที่รถเริ่มเคลื่อนออกจากโรงงานแห่งนั้น เสียงนุ่มเย็นเยือกก็ออกคำสั่ง
?ไปบ้านที่อยุธยา?
คนขับดูจะเข้าใจความต้องการของอาคิราได้เป็นอย่างดี หลายเดือนที่เขาทำหน้าที่ขับรถรับ-ส่งนายผู้หญิงที่มีท่าทางเย็นชาราวรูปสลักคนนี้ แทบจะนับครั้งได้ที่พบรอยยิ้มบนดวงหน้าขาวจัดนั้น
อาคิรานั่งมองสองข้างทางตลอดระยะเวลาที่รถยนต์ขับเคลื่อนไปตามถนนสายหลัก ดวงตาดูเลื่อนลอยเสมือนเจ้าตัวกำลังปล่อยความคิดออกไปไกล ระยะเวลานานร่วมเจ็ดปีที่ละทิ้งแผ่นดินเกิดจากไปอยู่ยังดินแดนอื่นอันห่างไกลโพ้นทะเล...ดินแดนที่หล่อหลอมตัวตนของเธอให้สงบนิ่งดุจน้ำแข็งขั้วโลกที่ไม่เคยพานพบอุณหภูมิสูงกว่าจุดเยือกแข็ง และที่สำคัญ ดินแดนแห่งนั้นได้เปลี่ยนหัวใจที่เคยอ่อนไหวนุ่มนวลให้แข็งแกร่งดุจหินผา...ไร้ความรู้สึกรัก ไร้ความเมตตา
?ถึงแล้วครับคุณอาคิรา?
เสียงคนนั่งคู่กับคนขับร้องบอกขึ้นมา ทำให้ร่างระหงที่นั่งนิ่งดุจศิลาเริ่มขยับตัว และดึงความคิดอันลอยล่องกลับเข้ามาสู่ความเป็นตัวเอง ดวงตาสีดำสนิทที่ทอดมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นมีรอยรำลึก หากประกายตาช่างเจ็บปวดร้าวลึก
ร่างระหงเปิดประตูก้าวลงจากรถ เดินช้าๆ ก่อนจะไปยืนสงบนิ่งอยู่หน้าประตูรั้วที่มีสนิมเกรอะกรัง บ่งบอกถึงเวลาอันแสนยาวนานที่ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ แม้ตัวบ้านสองชั้นสีขาวก็รกร้างไปด้วยเถาวัลย์และวัชพืชนานาชนิด มือขาวจัดเอื้อมจับรั้วเหล็กนั้นอย่างลืมตัว ภาพของวันวานสว่างวาบขึ้นมาในความรู้สึกทันที
?คุณจะหย่าจากฉันก็ได้นะคุณพล ไหนๆ คุณก็รู้เรื่องหมดแล้วนี่ว่าฉันมีใจให้คุณวัฒน์เจ้านายของคุณ?
เสียงท้าทายของมารดาดังก้องห้องรับแขก ทำให้ร่างบางในชุดนักศึกษาที่กำลังก้าวเข้าสู่ประตูบ้านต้องหลบวูบอยู่ด้านหลังหน้าต่าง ระยะเวลาสองเดือนมาแล้วที่พ่อและแม่มักมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง และทุกครั้งแม่เป็นฝ่ายท้าทายให้ชีวิตคู่จบลงด้วยการแยกทาง
?ผมไม่หย่า! เราจะอยู่ด้วยกันให้ทรมานอย่างนี้ไปจนตาย...รู้ไหมคุณพิม!?
เสียงพ่อตะโกนโต้ตอบ ความดังและน้ำหนักไม่ต่างจากเสียงของแม่เมื่อครู่
?แต่ฉันต้องการอิสระ ปล่อยให้ไปเถอะคุณพล ให้ฉันไปอยู่กับคนที่ฉันรัก?
เสียงแม่คร่ำครวญหวนไห้ ดูแล้วไม่ต่างจากเด็กสาวที่ความรักกำลังบดบังสายตาอย่างจัง
?ทางโน้นเขาก็มีเมียมีลูกแล้ว คุณจะอยู่ยังไงคุณพิม?
เสียงบิดาตะโกนเตือนสติ หากมารดากลับยังดื้อดึง เสียงร้องไห้ เสียงโต้เถียงยังดังสลับกันรุนแรงมากขึ้น...สุดท้ายเสียงปืนก็ดังลั่นขึ้นมากลบสรรพเสียงเมื่อครู่ลงทันใด ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือก ก้าวพรวดออกจากหลังหน้าต่างวิ่งไปสู่ประตูบ้าน จากนั้นเสียงปืนนัดที่สองก็ดังขึ้น
?พ่อ...แม่!?
ภาพที่เห็นตรึงให้เธอนิ่งสนิทอยู่ ณ จุดนั้น พ่อและแม่ได้ยุติปัญหาของตัวเองลงไปแล้ว แต่ชีวิตที่เหลืออยู่ของคนเป็นลูกเล่าจะดำเนินต่อไปเช่นไร...
?แดดร้อนเหลือเกินครับคุณอาคิรา กลับขึ้นรถจะดีกว่า?
เสียงเตือนแผ่วเบาจากวิกรทำให้มือขาวที่กำลังเกร็งกำประตูรั้วเหล็กนั้นเริ่มคลายลง ร่างระหงถอยออกห่างเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
?ฉันอยากซ่อมแซมบ้านหลังนี้ คุณวิกรช่วยจัดการให้ด้วยค่ะ? อาคิราบอกกับผู้ช่วยส่วนตัวผู้คล่องแคล่วในการประสานงานแทบทุกเรื่อง เขาเปรียบดั่งเลขาฯ มือหนึ่ง
?ครับคุณอาคิรา ผมจะรีบหาช่างรับเหมามาประมูลให้เร็วที่สุด?
ผู้ติดตามน้อมรับคำบัญชา พร้อมกับเปิดประตูรถยนต์คันหรูให้อีกฝ่ายได้ก้าวเข้าไปนั่ง เพียงไม่นานรถคันนั้นก็แล่นออกไปปะปนกับรถคันอื่นบนท้องถนนอันทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด

ภาพบ้านหลังใหญ่ทาทับด้วยสีขาวสไตล์โมเดิร์นทันสมัย ตกแต่งสวยงามรายล้อมด้วยพรรณไม้นานาชนิดดูแจ่มชัดมากขึ้น เมื่อรถยนต์คันหรูเลี้ยวตัดโค้งขอบสนามขนาดใหญ่เข้าสู่บริเวณหน้าบ้าน แต่ดวงหน้าเข้มของคนขับดูเคร่งขรึม การประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ทำให้เขาเริ่มหวั่นเกรงสถานะของบริษัท แม้จะมีเงินทุนเข้ามาเติมเต็มให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนได้ต่อไปอีก...หาก ?เธอผู้นั้น? คงไม่ใช่หมูที่ใครจะหามไปเชือดได้อย่างง่ายดาย ภูมิหลังที่เขารับรู้มาจากรวินทร์คือเธอคนนั้นเป็นบุตรสาวบุญธรรมของนักธุรกิจชาวเยอรมันที่มีธุรกิจหลายอย่างในยุโรป การนำเงินมาลงที่นี่ก็คงเล็งเห็นผลกำไรขั้นต้นมาตั้งแต่แรกแล้ว
ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์เมื่อขับเข้าไปจอดในโรงเก็บ เพียงครู่เดียวร่างสูงใหญ่ก็เปิดประตูรถก้าวลงมา
?คุณก้อยไม่อยู่หรือ?? ชลวีร์เอ่ยถามคนรับใช้ในบ้านเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องรับแขกที่โปร่งโล่งด้วยกรุกระจกใสขนาดใหญ่รายรอบ
?ไม่อยู่ค่ะ ออกไปซื้อของกับคุณศศิธร... คุณนทจะรับน้ำเย็นไหมคะ?
?ไม่ล่ะ...ทิคเกอร์มีไข้อีกหรือเปล่า ตอนนี้อยู่กับใคร?
ชายหนุ่มถามถึงลูกชายคนเดียว แม้ตั้งแต่แรกคลอดสุขภาพของลูกอาจจะไม่สมบูรณ์ดั่งเช่นเด็กคนอื่น หากเขาก็พยายามประคับประคองอย่างดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งพึงทำได้
?อยู่กับแหม่มค่ะ?
คนตอบหมายถึงพี่เลี้ยงประจำตัวของบุตรชาย
?ขอบใจ...ไปทำงานต่อก็แล้วกัน?
เจ้าของร่างสูงสง่าตัดบท ก่อนจะก้าวเดินขึ้นสู่ชั้นสองของตัวบ้าน จุดหมายคือห้องนอนของลูกชายตัวน้อยที่มีโรคร้ายคอยรุมเร้าตั้งแต่แรกเกิด มือหนาเปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา แสงสลัวอ่อนเบากระจายตัวอยู่รอบห้องกว้าง เครื่องปรับอากาศทำงานเงียบ หากร่างเล็กซีดขาวที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงทำให้หัวใจของเขาเริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง
?วันนี้ทิคเกอร์มีไข้อีกหรือแหม่ม? ชลวีร์เอ่ยถามพี่เลี้ยงบุตรชาย สายตาของเขายังทอดจับร่างเล็กบนเตียง
?ค่ะ แหม่มก็คอยเช็ดตัวให้เรื่อยๆ?
ดวงหน้าเข้มดูนิ่งสงบหากกรามขบเป็นสันนูนขึ้นมา แม้แววตายังมีประกายวาววับ...ในขณะที่ลูกยังนอนป่วย แม้จะเป็นอาการป่วยที่เรื้อรังมานานปี หากผู้เป็นแม่ดูจะสนใจกิจกรรมอื่นมากกว่า ชีวิตแต่งงานที่เขาใช้ ?จิตสำนึก? ตัดสินกลับตอบแทนด้วยความขื่นขม
?คุณก้อยทราบไหมว่าทิคเกอร์ไข้ขึ้นอีก? เขาเอ่ยถามพี่เลี้ยงเสียงเรียบ สายตายังไม่ถอดออกจากร่างของบุตรชายผู้น่าสงสาร
?ทราบค่ะ...?
พี่เลี้ยงตอบเสียงเบา เธอเองก็รับรู้มาตลอดว่าคุณก้อยเลิกสนใจดูแลลูกมานานแล้ว จะมีก็เพียงเข้ามาทักทายบ้างเมื่ออารมณ์ดี นอกนั้นพอคุณผู้ชายขับรถออกไปทำงาน คุณผู้หญิงก็ขับรถออกไปบ้าง คุณทิคเกอร์จึงตกเป็นภาระของเธอแต่เพียงผู้เดียว
?ขอบใจมาก...แหม่มลงไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนทิคเกอร์เอง?
ชลวีร์บอกพลางทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กๆ ภายในห้องนอนที่จัดแต่งด้วยโทนสีฟ้าของเด็กผู้ชาย...หากลูกมิเคยได้รับรู้ถึงความงดงามเหล่านี้ที่ผู้ให้กำเนิดหามาให้ เขาอยู่ในโลกของความเจ็บป่วยที่แสนทรมาน
...กริ๊ก
เสียงลูกบิดประตูถูกเปิดจากด้านนอกพร้อมกับร่างบางสมส่วนของสตรีที่แต่งตัวทันสมัยก็ก้าวเดินเข้ามา ดวงหน้าสวยหวานดูมึนตึงเล็กน้อยเมื่อปรายตามองเจ้าของร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
?นทกลับเร็วนะคะวันนี้? ประโยคคลับคล้ายการตั้งคำถาม หากเจ้าตัวไม่สนใจที่จะรับฟังคำตอบของอีกฝ่าย
?ประชุมเลิกเร็ว? คำตอบสั้น หากดวงตาเข้มที่ตวัดมองอีกฝ่ายดูขุ่นมัว ?ทิคเกอร์มีไข้ขึ้นมาอีก แต่ทำไมก้อยต้องออกไปข้างนอก...ทำไมไม่ดูแลลูก?
ปลายประโยคคำถามดูห้วนจัด
?ก้อยออกไปเป็นเพื่อนคุณแม่ค่ะ ท่านมีธุระสำคัญและต้องไปวันนี้ด้วย?
แพรมนตอบอย่างไม่ไยดีกับความรู้สึกของคนฟัง ระหว่างช่วงเวลาหลายปีของเส้นทางชีวิตคู่ ความหวานชื่นมันจืดจางจนไม่หลงเหลือแม้ความทรงจำอันงดงาม
?แต่ทิคเกอร์กำลังป่วย คุณควรอยู่กับลูก ไม่ใช่ออกไปข้างนอก!?
เสียงห้าวดูกระด้างขึ้นกว่าเมื่อครู่
?แหม่มก็อยู่ เขาดูแลกันได้?
คนตอบเดินเลี่ยงไปที่หน้าต่าง ดวงหน้าหวานละมุนดูบึ้งตึ้งมากขึ้น
?นั่นมันคนอื่น แต่คุณเป็นแม่!?
อีกฝ่ายดูไม่ลดละกับเหตุผลของภรรยา ร่างสูงลุกขึ้นยืน การพูดคุยแต่ละครั้งล้วนแฝงเร้นด้วยริ้วอารมณ์อันขุ่นมัว ทั้งเธอและเขานับวันไม่ต่างจากน้ำมันกับน้ำ สสารที่ต่างกันสุดขั้ว ยากนักที่จะกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว
?ทิคเกอร์ป่วยมาตั้งหลายปี จะให้ก้อยจมจ่อมกับคนไข้คนป่วยทั้งวันทั้งคืนก็ไม่ไหวเหมือนกันนะคะ ห่อเหี่ยวจะแย่อยู่แล้ว มันน่าเบื่อจะตาย เมื่อไรจะหมดเวรหมดกรรมกันเสียที!?
แพรมนระเบิดอารมณ์ตอบกลับ ดวงหน้าหวานเชิดขึ้น เธอไม่ยอมสบสายตากับสามีที่จ้องมองด้วยสายตาที่เธอเกลียดนัก
?คุณเป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้เลย!? ชลวีร์ต่อว่าด้วยน้ำเสียงกร้าว ดวงหน้าคมเป็นสีเข้มขึ้นด้วยอารมณ์โกรธที่พวยพุ่งขึ้นมา
?ใช่สิ! ก้อยมันไม่เคยใช่สำหรับนทมาตั้งนานแล้วนี่ จะให้เหมือนพลอยใสได้ยังไงคะ!?
แพรมนสวนกลับด้วยอารมณ์และน้ำเสียงไม่ต่างกัน ดวงตาสีน้ำตาลแก่เป็นประกายวาววับ ทั้งโกรธ ทั้งขมขื่นกับผู้ชายคนนี้...ของบางสิ่งเมื่ออยู่ในมือคนอื่นทำไมมันช่างมีเสน่ห์ยวนตานักหนา แต่เมื่อได้มาครอบครองแล้วเธอกลับรู้สึกว่า...สิ่งนั้นไม่ต่างจากรูปปั้นที่มีลมหายใจ
แพรมนเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อมองตามหลังของสามีที่เปิดประตูก้าวเดินออกจากห้องไป เฉกเช่นทุกครั้งที่การปะทะคารมเริ่มก่อหวอดขึ้น...เขาจะหลบเลี่ยงด้วยการเดินหนี


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?ชลวีร์? ชื่อนั้นแล่นปลาบเข้าสู่หัวใจคนฟังทันที ชื่อนี้นั้นมันช่างเสียดแทงความรู้สึกของดวงหน้าขาวสวยจัดเหลือเกิน เจ้าของชื่อมองมาที่ ?อาคิรา? เช่นกันซึ่งกิริยาน้อมศีรษะเพื่อทักทายหล่อนนั้นดูสุภาพ หากแต่เนื้อในของชายผู้นี้ช่างใจอำมหิตนักและการที่หล่อนกลับมาก็เพื่อทวงทุกอย่างคืน เสียงห้าวของเขาช่างคุ้นเคยที่ไม่ว่ากี่เดือนกี่ปีหรือตราบแผ่นดินกลบหน้าอาคิราก็ไม่ลืม หากแต่ชลวีร์กลับไร้วี่แววที่จะจดจำหล่อนผู้เคยเป็นดั่งยอดดวงใจของเขาได้เลย ดี...แผนการที่อาคิราไม่เคยคิดแพร่งพรายให้ใครรู้แม้แต่มารดาอุปถัมภ์จะได้ดำเนินสะดวก ธุรกิจอาหารแช่แข็งของเขาคงถึงกาลอวสานเสียทีซึ่งมันไม่น้อยไปหรอกหากเทียบกับสิ่งที่เขาทำกับหล่อน อาคิราอาจเปลี่ยนรูปโฉมได้เป็นคนละคนแต่หัวใจบอบช้ำที่ชลวีร์เคยเหยียบย่ำก็ยังช้ำรักอยู่ และความรักความผูกพันที่เคยมีต่อกันกลับเป็นเหมือนพันธนาการให้อาญาที่ลงทัณฑ์กลายเป็นสีน้ำผึ้ง

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”