แรกเจอ
?ศิรทัศน์ นายช่วยขับรถไปรับน้องสาวฉันที่สนามบินทีเถอะ ฉันติดประชุมออกไปไม่ได้จริง ๆ?
น้ำเสียงแกมขอร้องของดาวิษ เพื่อนสนิทในวัยเด็กโทร.มาขอร้องให้ช่วยไปรับน้องสาวที่ไปเรียนถึงประเทศอเมริกาโดยพักอยู่กับป้า เพิ่งบินกลับมาเมืองไทยถึงตอนเข้าประมาณเก้าโมงเช้า อันเป็นเวลาที่เขาติดประชุมในบริษัท จะขอตัวออกมาก่อนเพื่อไปรับน้องสาวก็คงไม่เหมาะ
ศิรทัศน์ที่กำลังขับรถอยู่ขมวดคิ้วเข้มด้วยความหงุดหงิด นี่มันอะไรกันนักกันหนา จะไปรับน้องก็ต้องให้เขาไปแทนด้วยเหรอ
?นี่นาย เห็นฉันเป็นอะไรน่ะ เป็นคนขับรถส่วนตัวให้น้องนายหรือยังไง นายไปรับเองก็แล้วกัน ฉันไม่ว่างมีธุระส่วนตัว?
ศิรทัศน์หนุ่มเจ้าสำราญ เส้นผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาเป็นสีเดียวกัน ผิวค่อนข้างขาวและสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนไม่ติดกระดุมบนสองเม็ด เผยให้เห็นสร้อยเลสสีเงิน คิ้วเข้มดก จมูกโด่ง ริมฝีปากบางเป็นสัน ตอนนี้เขาเป็นประธานบริษัทส่งออกรายใหญ่ มีเพื่อนในสมัยเด็กที่บ้านอยู่ข้างๆ กันชื่อดาวิษ ซึ่งกำลังติดประชุมอยู่ ดูท่าทางว่าเขาจะออกมาไม่ได้
ใบหน้าคมสันนึกได้คร่าวๆ ว่าดาวิษมีน้องสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งอายุราวๆ เก้าขวบสิบขวบเห็นจะได้ เธอไปอยู่กับป้าตั้งแต่ยังเด็กและเรียนอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายปี และเพิ่งกลับมาอีกครั้งตอนเรียนจบ หน้าตาของเด็กผู้หญิงคนนั้นจะหน้าตาเป็นยังไงนะ จะขี้เหร่ร้องไห้ขี้มูกโป่งหรือเปล่า ใบหน้าคมคายยังคงยิ้มขัน
?ธุระส่วนตัว ไม่เอาน่า....นายจะไปรับดารินออกไปทานข้าวใช่ไหม?
ศิรทัศน์เหยียบเบรกรถจนตัวโก่ง
?รู้ได้ยังไง?
?มีเรื่องอะไรบ้างที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับนาย นิสัยนายน่ะเป็นยังไงเพื่อนกันย่อมรู้ดีกันอยู่?
ศิรทัศน์เอาปลายนิ้วขึ้นจรดหน้าผาก ให้ตายเถอะ เพื่อนสมัยเด็กคนนี้นี่รู้ดีไปหมดเสียทุกเรื่อง
?วันนี้ฉันนัดดารินเอาไว้ว่าจะรับเธอออกไปซื้อของและกินข้าวกลางวันด้วยกัน ถ้าฉันผิดนัดไม่ไปรับ เธอจะต้องโกรธฉันมากแน่ๆ นายก็รู้? น้ำเสียงของเขาเริ่มหงุดหงิด
?ก็แล้วแต่นายนะ ว่าจะเลือกเพื่อนสนิทหรือแค่คู่ควงที่นายจะหาเมื่อไหร่ก็ได้?
?พูดให้มันดีๆ หน่อย ฉันก็แค่เลือกคนที่คู่ควรเท่านั้น?
ศิรทัศน์ไม่ชอบคำว่า ?คู่ควง? เอาซะเลย
ใบหน้าคมคายคิ้วดกดำ จมูกโด่ง เรียวปากบางเฉียบคมคล้ายกับผู้หญิง เส้นผมสีน้ำตาล ผิวพรรณขาวสะอาด เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง นัยน์ตาคมกริบแต่มีแววเจ้าชู้ตามประสาผู้ชายที่ยังโสด เขาคบกับผู้หญิงเพื่อพาออกงานด้วยแต่ไม่เคยพูดเรื่องการแต่งงานเลยสักครั้ง
เคยมีผู้หญิงที่เขาพาออกงานด้วยถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน ศิรทัศน์กลับเอ่ยว่ายังไม่พร้อม...เขารู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่เขาตามหา ผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูกของได้จะต้องเป็นคนที่เขารักจริงๆ เท่านั้น แต่จนป่านนี้เขาก็ยังไม่เจอคนที่ใช่เลย
?น้องนายเป็นคนยังไง ฉันก็ยังไม่เคยเห็นตอนโตเลย แล้วจะให้ฉันไปรับเขาได้ยังไงกันล่ะ?
?เรื่องนั้นอย่าห่วง เธอผูกผมด้วยริบบิ้นสีเหลือง จะยืนคอยอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าด้านหน้า รูปร่างสูงโปร่ง ถ้านายเห็นแล้วนายต้องจำเธอได้แน่ๆ?
ศิรทัศน์เลิกคิ้ว เธอจากไปตั้งแต่อายุแค่สิบขวบ แล้วเขาจะไปจำเธอได้ยังไง
?เอาล่ะ...ฉันจะขับรถไปรับเธอเอง แต่นายต้องรับผิดชอบนะ ถ้าหากว่าดารินทิ้งฉัน?
?ได้สิ แล้วฉันจะเป็นคนอธิบายให้เธอเข้าใจเอง?
ศิรทัศน์ยิ้มและเขาก็เลี้ยวรถเพื่อตรงไปยังทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ เขาเหยียบคันเร่งแบบเร็วสุดๆ ชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือตอนนี้เป็นเวลาเกือบสิบโมง เลยเวลาเช็คเอาท์มาครึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้าจะโทษก็โทษดาวิษก็แล้วกัน
เธอชื่ออะไรนะ...รู้สึกว่าจะชื่อปิ่นมุกนี่แหละ
ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน สวมสร้อยเลสที่ข้อมือ ขับรถมาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง เขาเปิดกระจกรถแล้วมองหาน้องสาวของดาวิษ แต่ก็ไม่เห็นผู้หญิงที่ผูกริบบิ้นสีเหลืองรูปร่างสูงโปร่งอย่างที่พี่ชายเธอบอกเลย
ใบหน้าคมคายมองหาอยู่นาน จนรถข้างหลังเริ่มปีบแตรให้รีบเคลื่อนรถออกไป ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด ให้ตายเถอะ ทำไมไม่รู้จักมารอตามที่นัดเอาไว้นะ ศิรทัศน์ไม่สนใจเสียงปีบแตรของรถคันหลัง อยากจะปีบแตรก็ให้มันบีบไป
ร่างสูงจอดรถและเดินไปที่ประตูทางออก มองหาผู้หญิงที่ผูกริบบิ้นสีเหลืองตามที่ดาวิษบอก เขามองไปรอบกายแต่ก็ไม่เห็นผู้หญิงอย่างที่เพื่อนสนิทบอกเลยแม้แต่คนเดียว
เห็นทีเขาจะมาเสียเที่ยวซะแล้ว
?บ้าจริง หายไปไหนนะ? เสียงของเขาเริ่มขุ่น
ชายหนุ่มทำท่าจะหันหลังกลับ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวเจ้าของริบบิ้นสีเหลืองอ่อนผูกไว้ที่ด้านหลังครึ่งศีรษะ เส้นผมของเธอเป็นสีน้ำตาลยาวสลวย รูปร่างก็สูงโปร่ง สวมกระโปรงยาวถึงหัวเข่าสีน้ำตาลอ่อน กำลังยืนหันหลังให้กับภาพแสดงสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่ให้พวกนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมไทยก่อนที่จะออกสู่ตัวเมือง
ศิรทัศน์ถอนหายใจยาว ไม่ผิดแน่ผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวของดาวิษ คนที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งคนนั้นนั่นเอง ร่างสูงก้าวยาวๆ ไปถึงหลังเธอ นี่แสดงว่าเธอมัวแต่ดูภาพสถานที่ท่องเที่ยวจนลืมสถานที่นัดให้มารับอย่างนั้นสินะ
?นี่คุณ ทำไมถึงไม่ไปตรงที่นัดกันล่ะ? ใบหน้าคมคายเอ่ยเสียงดังฟังชัด
น้องสาวของดาวิษจึงชะงักงัน เธอหันหน้ามาหาศิรทัศน์ช้าๆ ใบหน้าหวานมีดวงตากลมโตเป็นประกายราวกับท้องฟ้ายามราตรี เรียวปากเอิบอิ่มราวกับสีของทับทิม ผิวพรรณขาวสะอาดราวกับเพิ่งกลับมาจากประเทศผู้ดีอย่างอเมริกา เส้นผมยาวสลวยสีดำสนิทยาวจรดกลางหลัง รูปร่างของเธอบอบบางแลดูงดงามหมดจด...ศิรทัศน์มองอย่างตกตะลึง ประกายตาของเธอเหมือนมีแรงดึงดูดเขาจนแทบควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
นี่คือน้องสาวของดาวิษ คนที่เคยร้องไห้เดินตามพี่ชายคนนั้นจริงๆ น่ะหรือ ดวงตากลมโตสุกสกาวราวกับจะทะลุถึงหัวใจของเขาประสานกับดวงตาสีเข้ม ราวกับว่าชายหนุ่มตกอยู่แทบเท้าเธอโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นแรงเกินกว่าจะควบคุม
?คุณเป็นใครกันคะ? น้ำเสียงของเธอเอ่ยถาม
ศิรทัศน์ยังยืนอึ้งอยู่อีกหลายวินาที
พอชายหนุ่มรู้สึกตัวก็ส่ายหน้าไปมา
?คุณคือปิ่นมุก น้องสาวของดาวิษหรือเปล่า ผมเป็นเพื่อนที่เขาไหว้วาให้มารับคุณ พี่ชายของคุณน่ะติดประชุมที่บริษัทเลยมารับคุณไม่ได้?
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น พี่ชายของเธอไม่ว่างมารับเธอเนี่ยนะ ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้กลับมายังเมืองไทยแท้ๆ
?พี่ชายน่ะเหรอไม่ว่างมารับ?
?ใช่ ผมเลยมารับคุณแทน?
เธอถอนหายใจยาว
?งั้นก็ช่วยไปบอกพี่ชายด้วยว่าฉันนั่งรถกลับเองได้ แล้วก็ขอบคุณมากๆ ที่ไม่ยอมเสียสละเวลาอันมีค่ามารับน้องสาวของตัวเอง?
พูดจบปิ่นมุกก็เดินเลี่ยงไป ทำเอาศิรทัศน์ถึงนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ เขาเดินตามเธอไปเพียงสามก้าวก็คว้าแขนเธอเอาไว้ได้ก่อน
?เดี๋ยวก่อนสิ คุณจะไปไหนน่ะ?
?ฉันจะกลับบ้าน ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มารับฉันถึงที่? น้ำเสียงของเธอฟังดูห้วนๆ ชอบกล
?ดาวิษไม่ว่าง เขาติดประชุมก็เลยโทร.ให้ผมมารับคุณแทน แต่พอผมมาถึงคุณก็บอกว่าจะขึ้นรถกลับบ้านเอง นี่แปลว่าผมมาเสียเที่ยวน่ะสิ? ศิรทัศน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
?ช่วยไม่ได้นี่คะ ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายร้องขอให้คุณมา?
?แต่พี่ชายคุณขอร้อง หรือพูดอีกทีเขาบังคับให้ผมมารับคุณ? เขาเน้นเสียงหนัก
?แต่เขาก็ไม่มา ทั้งๆ ที่น้องสาวเพิ่งจะกลับเมืองไทยเป็นวันแรก?
ใบหน้าหวานเอ่ยเสียงแข็ง ดวงตาของเธอกลมโตราวกับท้องฟ้ายามราตรี จมูกโด่งเชิดรั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อ ร่างบางสวมกระโปรงยาวถึงหัวเข่าสีน้ำตาลอ่อน สวมผ้าคลุมไหล่สีฟ้าอ่อน ดูเหมือนจะเป็นลูกคุณหนูที่ดื้อรั้นเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกอย่างไรอย่างนั้น
ศิรทัศน์ถอนหายใจออกมายาวเหยียด
?ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณกับพี่ชายจะทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่หน้าที่ของผมคือการมารับคุณ แล้วถ้าคุณเป็นคนเดียวกับยายผมเปียที่คอยร้องไห้กระจองอแงเดินตามผู้ชายเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนล่ะก็ คุณต้องไปกับผม เพราะผมคือคนคนเดียวกับพี่ชายข้างบ้านที่เดินจูงมือคุณในวันนั้น?
ปิ่นมุกมองหน้าเขา กะพริบตาถี่ๆ
ภาพผู้ชายวัยรุ่นที่มาเดินจูงมือเธอที่ร้องไห้กระจองอแงเดินตามพี่ชายเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน เป็นคนคนเดียวกับผู้ชายปากร้ายคนนี้น่ะหรือ เธอมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา คลับคล้ายว่าเธอจะเห็นเขาที่ไหนมาก่อน นี่เขาโตเป็นผู้ใหญ่ถึงเพียงนี้แล้วหรือ เธอไม่อยากเชื่อเลย
?คุณชื่อว่าอะไรคะ?
?ผมศิรทัศน์ หรือผู้ชายใจดีอบอุ่นคนนั้นยังไงล่ะ?
?นี่คุณเป็นคนคนเดียวกับเด็กชายคนนั้นจริงๆ น่ะเหรอ?
?เด็กหนุ่มต่างหาก เรียกให้ถูกๆ หน่อย? ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาใกล้เธอ พร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนกระชากใจ เขาเองก็ไม่อยากเชื่อเลยว่า เด็กผู้หญิงผมเปียหน้าตามอมแมมคนนั้นจะกลายเป็นคนคนเดียวกับหญิงสาวที่สวยและน่ารัก หุ่นบอบบางขนาดนี้ได้
ใบหน้าหวานมองเขาด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ดวงตาของเธอกลมโตราวกับท้องฟ้ายามราตรี เส้นผมยาวสลวยเป็นคลื่นจรดกลางหลัง
?คุณคือคุณศิรทัศน์..?
?ใช่ ผมเองคุณปิ่นมุก ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะ?
ดวงหน้าหวานดูเหมือนจะยิ้มเยาะ เดินเข้าไปใกล้เขาเสียจนใบหน้าแทบจะติดกัน เธอดูสวยมากเรียวปากดูเอิบอิ่มน่าหลงใหล ร่างบอบบางที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่หรือไม่ก็ยาสระผม พอเข้าไปใกล้เขาทำเอาศิรทัศน์เริ่มทำตัวไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่คาสโนว่าอย่างเขาถูกจู่โจมมากขนาดนี้...
?ถ้างั้น...?
ปิ่นมุกเอ่ยเสียงแผ่ว นัยน์ตาทอประกายวาววับ
?ถ้ารีบไปให้พ้นหน้าฉันเลย? น้ำเสียงของเธอเน้นหนัก
ศิรทัศน์ทำหน้างง เมื่อกี้เขาได้ยินเธอพูดว่าอะไรนะ เธอบอกให้เขารีบไปให้พ้นหน้างั้นหรือ !?
?อะไรนะ !??
?ฉันบอกให้คุณ รีบไปให้พ้นๆ หน้าฉันเลย แล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นอีก จำเอาไว้ด้วย?
พูดจบปิ่นมุกก็ก้มลงหิ้วกระเป๋าเดินเลี่ยงไปให้พ้นจากหน้าเขา ศิรทัศน์งงไปชั่วขณะ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน เขาไปทำอะไรให้เธอโกรธ หรือทำให้เธอไม่พอใจจนต้องแสดงกิริยาอย่างนี้
นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ ความโกรธทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนสีเป็นแดงเข้มขึ้น ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมคอสองสามเม็ด รีบเดินตามเธอไปแล้วคว้าข้อมือเธอขึ้นมาถามให้รู้เรื่อง แต่ปิ่นมุกกลับสะบัดมือออก
?เป็นอะไรของคุณน่ะ ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจงั้นหรือ ถึงได้แสดงกิริยาต่ำๆ แบบนี้?
คำปรามาสจากเขาส่งผลให้เธอไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
?ต่ำเหรอ คุณต่างหากล่ะแสดงกิริยาต่ำๆ กับฉันก่อน ถามจริงๆ เถอะก่อนหน้าที่ฉันไปเมืองนอก คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่า ทุกๆ วันฉันต้องวิ่งออกมาดูที่หน้าบ้านเพื่อดูตู้ไปรษณีย์ แต่คุณก็ไม่เคยส่งจดหมายมาถึงฉันเลยแม้แต่ฉบับเดียว?
ปิ่นมุกพูดโดยที่เอานิ้วชี้จิ้มเข้าไปที่อกแข็งแกร่ง
ศิรทัศน์พูดไม่ออก จดหมายเหรอ เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยสัญญาเอาไว้กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ครั้งสุดท้ายที่เห็นหน้าเธอ เขาจำได้เพียงแต่ว่าเธอกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นบอกว่าไม่อยากไปอยู่กับป้าที่เมืองนอก และเขาก็ให้สัญญาว่าจะรอเธอกลับมา แต่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยพูดเรื่องจดหมายอะไรนั่นด้วย
?จดหมายเหรอ!??
?ใช่ จดหมาย? เธอเน้นคำ ?คุณบอกเองว่า ถ้าฉันไปอยู่กับป้าแล้ว คุณจะเขียนจดหมายไปหาฉันทุกอาทิตย์ แต่แล้วคุณก็ไม่เห็นส่งมา พอฉันพยายามโทรศัพท์ติดต่อคุณคุณก็เปลี่ยนเบอร์ จะส่งอีเมล์หาคุณ คุณก็เปลี่ยนอีเมล์ งั้นก็แปลว่าที่คุณพูดในวันนั้น ก็แปลว่าคุณตั้งใจโกหกฉันงั้นสิ?
?เดี๋ยวก่อน มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ? ศิรทัศน์รีบยกมือห้าม ?เรื่องจดหมายน่ะเอาไว้ทีหลังเถอะ แต่ไอ้เรื่องโทรศัพท์กับเรื่องอีเมล์นี่ มันมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ผมต้องเปลี่ยนมัน?
?เหตุผลหรือคะ เหตุผลอะไรล่ะ?
ศิรทัศน์อึ้งไปพักใหญ่ ตอนนั้นเขาเริ่มเข้าสู่วัยหนุ่ม ด้วยหน้าตารูปร่างที่ดูดีเล่นกีฬาบาสเก็ตบอลที่โรงเรียนอีกด้วย ตอนนั้นเลยมีแฟนหลายคน มีผู้หญิงมากมายที่เข้าหาเขา พยายามคบหาเขาเป็นแฟน ซึ่งเขาไม่เห็นว่าจะต้องปฏิเสธเลยลองคบๆ พวกเธอ แต่ใครล่ะจะนึกว่าสาวๆ พวกนั้นจะเป็นเพื่อนกัน มันก็เลยกลายเป็นเหตุชวนให้ทะเลาะ จนมีข้อความเข้าโทรศัพท์และอีเมล์กว่าเป็นร้อยๆ ฉบับ จนเขาต้องปิดและเปลี่ยนไปใช้เบอร์ใหม่
?เหตุผลหลายอย่างก็แล้วกัน เอาเป็นว่าขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ผมไม่ได้ติดต่อไป แค่นี้โอเคหรือเปล่า?
?ไม่ค่ะ ไม่โอเค? เธอเอ่ยเสียงเย็น
?ทำไมล่ะ?
?เพราะว่าฉันก็มีเหตุผลหลายอย่างเหมือนกัน? เธอยกเหตุผลเดียวกับเขาขึ้นมาอ้างเอาดื้อๆ
ศิรทัศน์ถอนหายใจยาว นี่เขาโตพอแล้วที่จะไม่มาคุยเรื่องของเด็กๆ อีก
?ถ้าคิดอย่างนั้นก็ตามใจก็แล้วกัน แต่ว่าคุณไปกับผมก่อน แล้วเราค่อยคุยกันในรถ?
?ทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วย?
?ปิ่นมุก ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้นะ? เขาเน้นเสียง นัยน์ตาคมดุ ?หรือคุณจะให้ผมลากกระเป๋าคุณไปโยนขึ้นรถ แล้วก็ฉุดคุณลากขึ้นไปด้วย?
ปิ่นมุกเงยหน้าอย่างท้าทาย นัยน์ตากลมโตเป็นประกายคมกล้า
?นี่เป็นคำพูดของสุภาพบุรุษที่มีหน้าที่มารับผู้หญิงจากสนามบินเหรอคะ แต่ฉันบอกได้คำเดียวว่าฉันจะไม่ยอมไปกับคุณ ฉันนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านคนเดียวได้ ถ้าคุณคิดจะฉุดฉันขึ้นรถไปล่ะก็ ลองดูก็ได้ ฉันจะได้ตะโกนให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งมาช่วย?
ศิรทัศน์ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน นี่ถ้าไม่เคยเห็นว่าเธอเป็นคนคนเดียวกับเด็กผู้หญิงผมเปียที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนล่ะก็นะ เขาคงจะดึงเธอเข้ามาแล้วตีก้นเธอให้หายแค้น ผู้หญิงอะไรดื้อรั้นไม่มีใครเกินจริงๆ ชายหนุ่มไม่พูดแต่ก้มลงกระชากกระเป๋าจากมือของเธอ แล้วหันหลังเดินไปขึ้นลิฟต์โดยไม่สนใจปิ่นมุกอีก
?นี่ เดี๋ยวก่อน จะเอากระเป๋าฉันไปไหนน่ะ?
ปิ่นมุกร้องตะโกน เธอวิ่งตามเขามาทันที ศิรทัศน์ก็ฉวยคว้าข้อมือบางยึดจับเอาไว้แน่น หญิงสาวอ้าปากค้าง เธอพยายามดึงมือออก แต่ก็ไร้ผล
?ปล่อยนะ?
?อยู่เฉยๆ แล้วตามผมไปเสียดีๆ?
?ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยฉันจากไอ้โรคจิตที ฉันจะเอากระเป๋าฉันไปไหนก็ไม่รู้?
แล้วปิ่นมุกก็ร้องตะโกนจริงๆ คนที่ได้ยินก็หันมามองแล้วก็มีหลายคนที่ทำท่าว่าจะเข้ามาช่วย แต่ศิรทัศน์ตวาดออกไปด้วยเสียงอันดัง ในเมื่อเธอเริ่มก่อนเขาก็มีวิธีแก้เหมือนกัน
?อย่ามายุ่งเรื่องของผัวเมีย เป็นเรื่องระหว่างเราสองคน ใครก็ห้ามมายุ่งเกี่ยว?
ปิ่นมุกอ้าปากค้าง ใบหน้าร้อนจัด เรื่องของสามีภรรยาเหรอ เธอเพิ่งอายุยี่สิบเอ็ดเองนะแล้วเพิ่งจะกลับมาเมืองไทยได้แค่วันนี้เพียงวันเดียว แล้วจะไปหาสามีมาจากไหนกันล่ะ
ศิรทัศน์ซ่อนยิ้มบนเรียวปาก เสียงตะโกนของเขาทำให้คนที่จะเข้ามาช่วยต้องหลบลี้หนีไปให้ห่าง หญิงสาวเม้มปากแน่นพยายามแกะมือออก รู้ดีว่าขืนตะโกนออกไปอีกครั้ง คราวนี้ไม่รู้ว่าเขาจะต้องทำให้เธออายเรื่องอะไรอีก
?ปล่อยนะ นี่ ปล่อยสิ?
?ไม่ปล่อย คุณเกือบจะทำให้ผมต้องกลายเป็นคนโรคจิตไปจริงๆ เสียแล้ว?
?อ๋อ แล้วที่คุณฉุดมือฉัน พยายามลากมาที่รถคุณ มันไม่ได้เรียกว่าโรคจิตอีกเหรอไง?
?ไม่ได้เรียกว่าฉุด แต่เรียกว่าจับเฉยๆ จะดีกว่า?
?พวกทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด?
พูดจบปิ่นมุกก็หน้าถลาไปชนกับประตูรถ ศิรทัศน์ดึงมือเธอเหวี่ยงไปที่รถสีดำคันหรูของเขาที่จอดอยู่บริเวณริมถนน เธออุทานแผ่วเงยหน้าขึ้นจะด่าว่าเขา แต่ชายหนุ่มร่างสูงยกมือขึ้นทาบทับบนประตูรถทั้งสองข้างเสียก่อน เป็นเหตุทำให้ปิ่นมุกขยับหนีไม่ได้ เพราะถูกแขนของเขากันเอาไว้
ปิ่นมุกชะงักกึก เมื่อศิรทัศน์ก้มหน้าลงมาหา จนเกือบจะหายใจรดกัน สายตาจ้องมองดวงตากลมโต เจ้าของใบหน้าคมสันกำลังโกรธอยู่ตอนนี้ และเขาไม่มีเวลามาล้อเล่นอะไรไร้สาระกับเธอด้วย
หญิงสาวมองหน้าเขาเต็มสองตา มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาตัดกับผิวขาวจัด กับเส้นผมที่ซอยสไลด์ยาวเหนือท้ายทอย ดวงตาของเขาสีเป็นสนิมเหล็กดูดุดัน จมูกโด่งเป็นสัน และเรียวปากบางได้รูป เธอได้กลิ่นบุหรี่กับโคโลญจน์จางๆ ลอยกรุ่นมาจากลำตัวของเขา ร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเปิดกระดุมคอสองสามเม็ด เผยให้เห็นสร้อยเลสรูปกางเขนภายใน ซึ่งทำให้หัวใจเธอเริ่มหวั่นไหวแปลกๆ
?นี่ถ้าผมไม่เห็นว่าคุณเป็นคนคนเดียวเด็กไว้ผมเปียร้องไห้ขี้มูกโป่งคนนั้นล่ะก็ ผมคงจะจับคุณฟาดก้นไปตั้งหลายทีแล้วด้วย รู้เอาไว้ซะ?
?ลองดูสิ ฉันจะได้ตะโกนให้คนรู้กันไปเลย ว่าฉันถูกรังแก?
?รังแกหรือ แต่เมื่อกี้ยังไม่เห็นมีใครกล้าเข้ามาช่วยคุณเลยนะ?
?นั่นเพราะคุณ...? เธอน้ำท่วมปาก
?เรื่องสามีภรรยาที่ทะเลาะกันน่ะ ที่ไหนๆ ก็มีกันทั้งนั้น หรือคุณจะเถียง?
?แต่มันไม่ใช่เรื่องระหว่างฉันกับคุณนี่ เพราะเราไม่เคยมีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย? เธอเถียงคำไม่ตกฟาก นัยน์ตาวาวเป็นประกาย
?ไม่ใช่หรือ นั่นสินะผมลืมไป ว่าคุณคือน้องสาวจอมงอแงคนนั้น ที่คอยเดินตามผมและจูงมือผมไม่ยอมปล่อย? ศิรทัศน์ยิ้มหยัน
?ไม่ต้องมาพูดเลย ฉันลืมไปหมดแล้ว?
?คุณลืมเหรอ แต่ผมยังไม่ลืมหรอก? ศิรทัศน์มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ?ไม่คิดเลยนะ ว่าน้องสาวดาวิษคนที่ร้องไห้กระจองอแงคนนั้น จะกลายเป็นผู้หญิงปากร้ายแต่แสนสวยเย่อหยิ่ง ทั้งๆ ที่นิสัยตอนนั้นออกจะเรียบร้อยน่ารัก ไม่เคยเอาแต่ใจอย่างนี้ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนละคนไปแบบนี้ได้?
?คนเรามันก็ย่อมเปลี่ยนกันได้ค่ะ เหมือนอย่างคุณไง?
?ผมหรือ !? ผมไปทำอะไรให้คุณ?
?นี่คุณยังมัวมาถามอีกหรือ เวลาหลายปีทำให้คุณลืมไปหมดแล้วหรือไง?
?ขอโทษที แต่ผมจำไม่ได้จริง ๆ?
?ช่างเถอะค่ะ จะไปกันได้หรือยัง ฉันจะกลับบ้านแล้ว เหนื่อยเต็มที?
?เดี๋ยวก่อนสิ? ศิรทัศน์โน้มตัวลงไปหาปิ่นมุก มองดวงตาคู่งามราวกับต้องการจะอ่านความรู้สึกให้ออก ?ผมลืมเรื่องอะไรไปงั้นหรือ คงเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าจดหมายธรรมดา แต่ผมนึกยังไงก็ไม่ออก คุณช่วยบอกผมทีเถอะ?
ชายหนุ่มอยู่ใกล้ชิดกับเธอมาก จนปิ่นมุกต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น
?ฉันเองก็จำไม่ได้แล้ว จะไปกันได้หรือยัง?
?จริงหรือ...?
?ก็จริงน่ะสิ ตอนนี้ฉันหิวแล้วก็เหนื่อยด้วย กรุณาช่วยออกไปห่างๆ ด้วย ฉันอึดอัด?
ศิรทัศน์ทำท่าจะไม่อยากออกห่างจากเธอ เมื่ออยู่ใกล้เธอดูราวกับมีแรงดึงดูดระหว่างเขาทั้งสอง กลิ่นหอมจากน้ำยาสระผมหรือน้ำหอมบางๆ จากร่างบางของปิ่นมุก มันทำให้เขาอยากจะชิดใกล้และปรารถนาจะก้มลงสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมหอมกรุ่น นี่ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวของดาวิษเพื่อนในวัยเด็กของเขาล่ะก็ ชายหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทนอยู่ใกล้ชิดเธอได้จนถึงเมื่อไหร่
ปิ่นมุกหรือมุก น้องสาวคนสวยของดาวิษ ที่เดินตามเขาแล้วจับมือเขาไว้แน่นในตอนนั้น ที่เธอยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ อยู่เลย ใครจะรู้เล่าว่าเธอจะกลายเป็นสาวประดุจดอกไม้วัยแรกแย้ม อีกทั้งรูปร่างบอบบางน่ารักขนาดนี้ได้
?ก็ได้...ไปกันเถอะ?
ศิรทัศน์ยอมถอยห่างออกมาแต่โดยดี ปิ่นมุกพลอยหายใจอย่างโล่งอก เขาเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่งหญิงสาวก็ยอมนั่งไปด้วย เขาโยนกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอใส่ไว้ตรงหลังรถ จากนั้นก็ขึ้นมานั่งข้างคนขับสตาร์ทรถเคลื่อนตัวออกไปสู่ท้องถนน ปิ่นมุกไม่ยอมพูดอะไร แต่ใบหน้าคมคายลอบชำเลืองมองหน้าเขาอยู่บ่อยๆ แล้วก็ขับรถเลี้ยวออกไปยังถนนนอกเส้นทางไปส่งยังบ้านเธอ
?เอ๊ะ นี่มันคนละทางกับทางไปบ้านฉันนี่คะ? ปิ่นมุกอุทานอย่างตกใจ ?นี่คุณจะพาฉันไปไหนน่ะ?
?ก็คุณหิวไม่ใช่หรือ นี่ก็ใกล้จะเที่ยงด้วยแล้ว ผมจะพาคุณไปรับประทานอาหารกลางวันก็แล้วกัน?
?แต่ฉันยังไม่ได้บอกว่าจะไปกับคุณเลย?
?อยู่บนรถของผมแล้ว คุณมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยงั้นหรือ?
ปิ่นมุกขมวดคิ้ว หันหน้าไปทางอื่นเม้มเรียวปากแน่น ศิรทัศน์ไม่อยากรู้หรอกว่าเวลานี้เธอกำลังบ่นด่าเขาว่าอย่างไรบ้าง แต่ถึงเวลากินก็ต้องกิน ถึงเวลาทำงานแล้วก็ต้องทำงาน เขาใช้ชีวิตอย่างมีกฎเกณฑ์แบบนี้เสมอ
เขาเลี้ยวรถไปยังร้านอาหารแบบไทยๆ เป็นห้องโล่งติดกระจกใส ข้างในร้านมีเก้าอี้และโต๊ะที่มีผู้คนมานั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่มากมาย นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้กินอาหารไทย
ศิรทัศน์พาเธอเข้าไปนั่งด้านในสุด ปิ่นมุกก็เดินจะเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ด้านใน แต่ชายหนุ่มทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเขาเป็นฝ่ายเดินเข้าไปเลื่อนเก้าอี้ออกให้หญิงสาวนั่ง
เธอกล่าวขอบคุณ
?ขอบคุณค่ะ?
?ไม่เป็นไร?
เธอยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก ใบหน้าหวานแลดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เขาจ้องมองดวงตากลมโตจมูกโด่งเรียวปากแดงระเรื่อราวกับสีของทับทิม ผมยาวเคลียไหล่ รูปร่างงามระหง ความน่ารักและผิวขาวของเธอเป็นจุดสนใจของบรรดาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในร้านให้มองมายังปิ่นมุกเป็นจุดเดียว ทำให้เขาหงุดหงิด
?คุณเชิญสั่งอาหารก่อนเถอะ?
?ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไม่รู้ว่าอาหารที่นี่รสชาติถูกปากขนาดไหน เอาเป็นว่าคุณเป็นเจ้าภาพก็สั่งเองก็แล้วกัน?
ศิรทัศน์ยิ้มบางๆ เขาเอาเมนูมาดูแล้วก็สั่งพนักงานเสิร์ฟไปหลายอย่าง เขาและเธอมานั่งกินที่ร้านอาหารที่นี่เป็นครั้งแรก มากันสองต่อสอง ใครๆ ก็คิดว่าเป็นแฟนกัน
ปิ่นมุกหันไปทางหน้าต่างดูเขาไม่อยากจะมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ เจ้าของใบหน้าคมสันขมวดคิ้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาถูกผู้หญิงปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สัญญาวัยเด็กยังตรึงติดในหัวใจของ ?ปิ่นมุก? อยู่มิคลายแม้เวลาล่วงผ่านนานหลายปี หล่อนเฝ้าเขียนจดหมายถึงเขาหากแต่ไม่มีวันไหนเลยที่จะได้รับตอบกลับมาสักฉบับ พอเรียนจบกลับมาพบกันอีกครั้งจึงทำให้ ?ศิรทัศน์? หนุ่มเจ้าสำราญงุนงงไม่น้อยเมื่อถูกเชิดใส่ ครั้นน้องสาวเพื่อนสนิททวงถามถึงสัญญาเขากลับยอมรับง่ายๆ ว่าลืมเพราะไม่จริงจัง แม้จะเพียรขอโทษอย่างไรหล่อนก็ไม่ยอมให้อภัยเขาสักนิด เสือเพลย์บอยจึงคอยประชิดร่างนุ่มเมื่อรู้ตัวว่าหัวใจเกิดหวั่นไหวแปลกๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสเป็นต้องรั้งร่างงามเข้าสู่อ้อมกอดมอบจุมพิตแรงร้อนด้วยความปรารถนา ถึงจะโกรธเขาแค่ไหนแต่หล่อนก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลงสะท้านสั่นไหวไปกับเขา ปลายลิ้นที่เกี่ยวรัดกระหวัดไหวในโพรงปากสร้างความรุ่มร้อนอย่างประหลาด จนต้องยอมให้ร่างแกร่งเข้าแนบชิดสนิทเนื้ออุ่น...
?ปล่อยนะ...นี่ปล่อยสิ? ?ทำไมล่ะ หรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกดีเวลาถูกผมจูบ? ศิรทัศน์กระซิบเสียงแหบพร่า กดร่างบางแนบไปกับความนุ่มของเตียงนอน
