มีของแปลกๆ กลมๆ สีทองวาววับ....
ส่องประกายอยู่ในความมืด
ณ ห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งที่อยู่ในส่วนลึกของคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่นั่นปกคลุมไปด้วยความมืดและความเงียบสงัดจนชวนให้รู้สึกตึงเครียด
คอร์เดเลียก้มลงจ้องมองของแปลกๆ กลมๆ สีทองวาววับนั้น
???นั่นอะไรกันนะ?
เส้นผมสีทองเส้นละเอียดราวกับขนมสายไหมพาดผ่านแก้มของเธอลงมา เธอผู้เป็นสาวใช้ร่างเล็กคนนี้ถือเชิงเทียนเหล็กดูแข็งกระด้างเอาไว้ในมือ ดูแล้วไม่เข้ากับมือที่นุ่มนิ่มราวกับเด็กของเธอเลย
แสงสว่างเลือนรางจากเทียนเล่มเล็กๆ ส่องสว่างให้เห็นพื้นห้องในรัศมีใกล้ๆ เท่านั้น
มีของแปลกๆ ตกอยู่บนพื้นตรงนั้น
คอร์เดเลียยื่นมือออกไปหยิบมันขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
???สวยจังเลย!
ของสิ่งนั้นเรียบลื่น พอเอามาดูใกล้ๆ ก็เห็นว่ามันมีรูปทรงกลมแบน มีภาพใบหน้าด้านข้างของคนสลักอยู่ และก็ไม่รู้ทำไมถึงมีตัวเลขสลักอยู่ด้วย นี่มันคืออะไรกันแน่นะ
เปลวไฟจากเทียนวูบไหวเพราะลมหายใจแผ่วเบาของคอร์เดเลีย ทำให้ของแปลกๆ ส่องประกายตามเปลวไฟที่วูบไหวนั้นด้วยเช่นกัน
???ไม่เคยเห็นอะไรที่สวยขนาดนี้มาก่อนเลย!
คอร์เดเลียทำตาเป็นประกาย พร้อมกับใช้นิ้วลูบของแปลกๆ นั้นหลายครั้ง และราวกับว่าของแปลกๆ นั้นจะชอบใจ มันจึงส่องประกายวิบวับสวยงาม คอร์เดเลียจ้องมองมันด้วยท่าทีสนุกสนาน แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกตัว จึงได้ยื่นเชิงเทียนไปทางพื้น
ทั้งซ้าย และขวา
ทั้งหน้า และหลัง
พื้นห้องที่เคยอยู่ในความมืดต้องแสงไฟส่องสว่าง
???หนึ่ง สอง สาม
คอร์เดเลียทำสีหน้าประหลาดใจ
???มีของแปลกๆ นี่อยู่เต็มไปหมดเลย! มันตกอยู่บนพื้น ตกอยู่ทั่วไปหมดเลย!
คอร์เดเลียค่อยๆ ย่อตัวลง และยื่นมือออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ของแปลกๆ นั้นตกกระจายไปทั่ว วัตถุทรงกลมแบนสีทองนั้นสะท้อนแสงเลือนรางจากเทียน ส่งให้ใบหน้าอันน่ารักของคอร์เดเลียถูกย้อมไปด้วยสีทอง
???สมบัตินี่นา! มีเยอะเลย! สวยมากเลยด้วย!
คอร์เดเลียไล่เก็บของแปลกๆ นั้นขึ้นมาด้วยท่าทางดีใจ แต่ด้วยความที่มันตกอยู่มากเหลือเกินจึงเก็บได้ไม่หมด
ไม่ช้าใบหน้าน้อยๆ ของเธอก็เริ่มแสดงสีหน้าเป็นกังวล เธอคลายแรงที่มือ จึงทำให้ของแปลกๆ ตกลงไปบนพื้นอีกครั้ง
???นี่มันคืออะไรกัน? ทำไมถึงมาตกอยู่ที่นี่? จริงสิ แล้วคนที่ควรจะต้องอยู่ที่นี่.... คนคนนั้นไปไหน?
เธอกวาดตามองไปรอบๆ
ห้องถูกปกคลุมไปด้วยความมืดเป็นสีดำสนิท
คอร์เดเลียส่งเสียงเรียกคนคนนั้นด้วยเสียงสั่นเครือ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ เสียงของเธอเงียบหายไปราวกับถูกดูดกลืนหายไปในความมืด ริมฝีปากสีแดงสั่นกระตุก
ฟู่ ฟู่....!
เปลวไฟจากเทียนวูบไหวพร้อมส่งเสียงเบาๆ
บทที่ 1 วิคตอริก้า เดอ บลัวนั้นเป็นหมาป่าสีเทา
1
ในยามบ่ายวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส....
ณ ถนนที่มีบ้านซึ่งขึ้นโครงด้วยไม้และมีเถาวัลย์พร้อมใบสีเขียวขจีเกาะอยู่เต็มสองข้างทางนั้น มีสายลมเย็นสบายพัดผ่านมาทำให้ใบไม้สั่นไหว ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆหมอก ฤดูกาลใกล้จะเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว แต่สำหรับแถบนี้แล้วนับว่าอากาศเย็นสบายเลยทีเดียว
ในยามบ่ายของวันแบบนั้นเอง
ประตูของที่ทำการไปรษณีย์เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ ณ มุมหนึ่งในหมู่บ้านก็เปิดออกอย่างแรง พร้อมกับมีเด็กหนุ่มร่างเล็กชาวตะวันออกพุ่งออกมา เขาสวมเครื่องแบบของโรงเรียนเซนต์มาร์เกอริต ซึ่งเป็นโรงเรียนชื่อดังสำหรับชนชั้นสูงที่ตั้งอยู่ที่ตีนเขาไม่ไกลจากหมู่บ้าน และเด็กหนุ่มคนนั้นก็สวมหมวกที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบจนเต็มยศเลยทีเดียว
เขาเม้มปากแน่นดูท่าทางเอาจริงเอาจัง ยืดหลังเดินตัวตรง เด็กหนุ่มคนนี้....คุโจ คาซึยะพึมพำกับตัวเอง
?....ฉันขอหนังสือไปแท้ๆ ไม่ได้ขอเงินสักหน่อย แล้วทำไมถึงได้ส่งเงินมาให้กันล่ะเนี่ย รึว่าจะสวนทางกับจดหมายที่ฉันส่งไปกันนะ....?
ในมือของเขาถือซองที่ดูแล้วน่าจะเป็นซองไปรษณีย์ที่ถูกส่งมาจากต่างประเทศ
?เอายังไงดีน้า.... เอาน่า ช่างเถอะ ยังไงก็กลับโรงเรียนก่อน....?
ระหว่างที่คาซึยะเดินไปพลางคิดไปพลาง ประตูของร้านขายของร้านหนึ่งซึ่งอยู่บนถนนที่เขากำลังเดินอยู่ก็เปิดออก พร้อมกับมีคนถือถุงจากการซื้อของเดินออกมา คนคนนั้นเป็นเด็กสาวร่างสูงที่สวมเครื่องแบบโรงเรียนเซนต์มาร์เกอริตแบบเดียวกับคาซึยะ
เธอมีผมสั้นสีทอง แขนขาเรียวยาว และมีใบหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งนับว่าเป็นคนสวยไม่เบาเลยทีเดียว พอเธอสังเกตเห็นคาซึยะที่เดินนำอยู่ข้างหน้าก็มีสีหน้าสดใสขึ้นมาทันที
?....อ้าว คาซึยะคู??ง!?
เพราะอยู่ๆ ก็มีคนมาตะโกนเรียกเสียงดัง ทำให้คาซึยะสะดุ้งตกใจร้อง ?หวา!? ขึ้นมา ฝ่ายเด็กสาวก็ดูเหมือนจะตกใจกับเสียงร้องของคาซึยะ จึงร้อง ?ว้าย? ตามกันไป พร้อมกับกระโดดถอยหลังไปเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็ทำแก้มป้องจ้องหน้าคาซึยะ
?โธ่! ร้องทำไมเนี่ย ตกใจหมดเลย?
?อะไรกัน อาวริลเองเหรอ....?
ดูเหมือนเด็กสาว.... อาวริล แบรดลีย์คนนี้จะไม่พอใจกับปฏิกริยาของคาซึยะสักเท่าไร จึงทำแก้มป่องอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนกลับมายิ้มอีกครั้ง
?ถืออะไรอยู่น่ะ จดหมายเหรอ??
?อืม คือว่านะ.... หวา อาวริล!?
อาวริลแย่งซองจดหมายไปจากมือของคาซึยะ จากนั้นก็ส่องดูข้างในทันที
?อ๊า เงินค่าขนมนี่นา!?
?อืม.... คือพี่เขาส่งมาให้น่ะ?
?น่าอิจฉาจังเลย! ส่วนพ่อแม่ฉันนะ งกชะมัดเลยแหละ คนเป็นผู้หญิงมันมีอะไรต้องซื้อออกจะเยอะแท้ๆ?
?อือ.... หือ??
คาซึยะตอบกลับไปพร้อมกับนึกสงสัยว่าเป็นผู้หญิงแล้วเกี่ยวอะไรกับซื้อเยอะ
อาวริลทำสีหน้าอิจฉาพร้อมกับถือซองเอาไว้สักพัก แต่สุดท้ายก็คืนซองนั้นให้คาซึยะด้วยสีหน้าบูดนิดๆ แล้วก็กลับเป็นหน้ายิ้มอีกครั้ง
?นี่ๆ จะเอาเงินนั้นไปซื้ออะไรเหรอ?
?เอ๋? มะ ไม่รู้สิ หนังสือเรียนก็มีครบแล้ว เสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นก็เอามาจากประเทศแล้ว ที่สำคัญ.... อ้าว อาวริล เป็นอะไรไปเหรอ?
คาซึยะตกใจเล็กน้อย เพราะอาวริลเหล่ตาเขม่นเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ อาวริลเอามือเท้าสะเอวแล้วพูดขึ้น
?ของที่จำเป็นกับของที่อยากได้มันเป็นคนละเรื่องกันไม่ใช่รึไง?
?หา??
?คุโจคุงเนี่ย เอาจริงเอาจังเกินไปแล้ว?
?เอ๋??
?เดี๋ยวอาวริลจังคนนี้จะสั่งสอนให้เอง ฟังนะ แก่นสำคัญของการซื้อของน่ะ มันอยู่ที่การเดินดูอะไรๆ หลายๆ อย่างแล้วลังเลว่าจะซื้ออะไรดีต่างหาก....?
?ไม่เห็นเข้าใจเลย รีบซื้อของที่จำเป็นเสร็จแล้วก็รีบกลับไปซะก็พอแล้วไม่ใช่รึไง?
?ไม่ได้หรอก เพราะการซื้อของมันคือความบันเทิงอย่างหนึ่งเชียวนะ?
?จริงเร้อ??
คาซึยะยังไม่ยอมเชื่อ ทำให้อาวริลเริ่มจะโมโหขึ้นมา และพูดด้วยน้ำเสียงดุยิ่งขึ้น
?จริงสิ คุโจคุง เดี๋ยวจะพาไปที่ดีๆ นะ เอ้า มาเถอะน่า มาเถอะน่า?
?ไม่นะ คือว่า....?
?อ้าว? ทำไมถึงได้ยันเท้าพยายามขัดขืนขนาดนั้นล่ะ ถ้าไม่ไปเดี๋ยวฉันโกรธนะจ๊ะ?
?....ครับ ขอโทษครับ?
แล้วคาซึยะก็โดนอาวริลฉุดกระชากลากถูไปอีกทางหนึ่งซึ่งตรงกันข้ามกลับทางกลับโรงเรียน พร้อมกับสังหรณ์ร้ายตงิดๆ
ขณะนั้นเป็นปี ค.ศ. 1924....
ณ ประเทศเล็กๆ แห่งหนึ่งในยุโรปที่ชื่อว่าราชอาณาจักรเซาวิลล์
ราชอาณาจักรเซาวิลล์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแห่งนี้ แม้มีขนาดเล็กแต่ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะรอดผ่านสงครามโลกที่เกิดขึ้นเมื่อต้นศตวรรษนี้มาได้ จนถูกขนานนามว่ายักษ์น้อยแห่งยุโรปตะวันตก มีดินแดนทอดยาวขึ้นไปในแนวตั้งจนดูมีรูปร่างราวกับหอคอย ฝั่งที่ติดชายแดนฝรั่งเศสนั้นเต็มไปด้วยไร่องุ่นมากมาย ส่วนชายแดนฝั่งที่อยู่ติดกับอิตาลีมีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและอ่าวลียงซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะที่พักร้อนของพวกขุนนาง และฝั่งที่อยู่ติดชายแดนสวิตเซอร์แลนด์นั้นห้อมล้อมด้วยเทือกเขายาวและที่ราบสูง
หากจะเปรียบอ่าวลียงเป็นประตูหน้าบ้านอันสวยงามของราชอาณาจักรเซาวิลล์แห่งนี้แล้วล่ะก็ เทือกเขาแอลป์ก็เปรียบได้กับห้องใต้หลังคาซึ่งเป็นจุดที่อยู่ลึกและลับที่สุดของบ้านนั่นเอง และในจุดที่ลึกลับที่สุดนั้นก็มีโรงเรียนแห่งหนึ่งตั้งอยู่
นั่นคือโรงเรียนเซนต์มาร์เกอริตนั่นเอง
โรงเรียนเซนต์มาร์เกอริตแห่งนี้มีภูมิอากาศเย็นสบายห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ หากมองจากมุมสูงจะเห็นอาคารเรียนรูปร่างเหมือนเส้นสี่เหลี่ยมที่ตัดด้านหนึ่งออกไป สร้างด้วยหินดูแล้วมีมนต์ขลัง ตัวโรงเรียนนั้นแม้จะไม่เก่าแก่เท่ากับประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ แต่ก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากอยู่ นักเรียนในโรงเรียนจะมีแต่ลูกหลานของชนชั้นสูงเท่านั้น และยังห้ามคนทั่วไปเข้าออก จึงเป็นที่รู้จักกันในฐานะสถานที่ลึกลับที่ไม่เปิดเผยให้ใครเห็น
แต่หลังสงครามโลกจบลง.... โรงเรียนเซนต์มาร์เกอริตแห่งนี้ก็เริ่มเปิดรับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มีความสามารถจากประเทศพันธมิตรบางส่วน
ซึ่งคุโจ คาซึยะ อายุ 15 ปี ผู้มาจากประเทศเกาะในตะวันออกไกลคนนี้ ก็เป็นผู้มีผลการเรียนดีเยี่ยม และเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวทหาร พี่ชายทั้ง 2 คนเองก็เป็นคนมีความสามารถเช่นกัน คนหนึ่งเป็นนักวิชาการ ส่วนอีกคนก็เป็นว่าที่นักการเมือง ส่วนคาซึยะเองก็เป็นคนมีความสามารถเช่นกัน พร้อมทั้งเป็นคนเอาจริงเอาจังมาก จึงได้รับการแนะนำมายังโรงเรียนแห่งนี้
แต่สิ่งที่คาซึยะซึ่งเดินทางมาโดยตั้งความหวังไว้มากได้พบที่โรงเรียนแห่งนี้กลับเป็นการดูถูกจากลูกหลานชนชั้นสูง และเรื่องลึกลับที่มีแพร่กระจายอยู่ทั่วโรงเรียน คาซึยะจึงปรับตัวเข้ากับโรงเรียนนี้ไม่ได้เลย ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้ไปพัวพันกับคดีแปลกๆ บ้างล่ะ ได้เพื่อนนิสัยแปลกๆ บ้างล่ะ ทำให้ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนตลอดครึ่งปีมานี้ของเขาต้องลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว....
?....แล้วก็นะ กลางดึกคืนนั้น ตอนที่ทั้งสองคนกำลังขับรถผ่านในป่า เขาก็โดนอะไรบางอย่างที่ส่องแสงสีเงินวิ่งแซงขึ้นไป พอพวกเขาตกใจหันไปมองนอกหน้าต่างรถ....ก็เจอกับชุดเกราะอัศวินที่วิ่งมาอย่างเร็วจี๋เลย!?
?....แบบนั้นน่ากลัวไม่เบาแฮะ?
?แถมชุดเกราะนั้นพอวิ่งแซงไปแล้วก็ค่อยๆ หันกลับมาหารถที่วิ่งอยู่ แต่ว่านะ ข้างในเกราะนั้นมัน....?
?แต่จะว่าไป อากาศดีจังเลยนะ?
?ว่างเปล่า ไม่มี ใคร อยู่ เลย........กรี๊ดดดดดดดดดด!?
?ว้ากกกกกก!?
?ฮ่ะๆๆๆๆ คุโจคุง ร้องออกมาอีกแล้ว ขวัญอ่อนจังเลย คุโจคุงคนขวัญอ่อน ฮ่ะๆๆๆๆ!?
อาวริลส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานสุดๆ คาซึยะที่เดินอยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าเซ็งแล้วบ่นขึ้นมา
?บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้กลัวเรื่องที่เธอเล่าสักหน่อย แค่ตกใจเสียงร้องของเธอต่างหาก?
?แก้ตัวไปก็เท่านั้นล่ะจ้ะ?
?ฉันพูดจริงนะ! ที่สำคัญ ผีเผออะไรนั่นมันไม่มีจริงสักหน่อย?
?ไม่นะ ต้องมีจริงสิ?
?งั้นอาวริลเคยเห็นรึเปล่าล่ะ?
?ตัวฉันเองน่ะไม่เคยเห็นหรอก.... แต่เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนฉันนะ....?
ระหว่างที่ทั้งสองคนเดินไปคุยไปอย่างออกรส รถม้าที่มีม้าแก่มีขนที่ขายาวคอยลากเกวียนขนของก็ค่อยๆ วิ่งผ่านไป
สองข้างทางของถนนที่ทั้งคู่เดินอยู่นั้นมีบ้านที่ทำโครงด้วยไม้เรียงรายอยู่ บนกำแพงสีของบ้านเหล่านั้นมีไม้เลื้อยสีเขียวสดใสเกาะอยู่ ดอกเจอราเนียมที่ประดับอยู่ข้างหน้าต่างต้องสายลมเอื่อยๆ จนดอกสีแดงสดโยกไหวเบาๆ
พร้อมทั้งมีกลิ่นดินและกลิ่นหญ้าอ่อนๆ โชยมา ซึ่งคงโชยมาจากไร่องุ่นที่เรียงรายอยู่ห่างจากใจกลางหมู่บ้านออกไปเล็กน้อย
นับเป็นฤดูกาลที่อ่อนโยน ให้บรรยากาศสบายๆ จริงๆ
บนถนนในหมู่บ้านยามบ่ายนั้นเริ่มมีคนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งระหว่างที่กำลังเดินไปอย่างช้าๆ นั้น คาซึยะกับอาวริลก็ยังเถียงกันเรื่องผีมีจริงหรือไม่กันต่อไปไม่จบสิ้น
ครั้งนี้คาซึยะรุกหนักกว่าที่เคยจนอาวริลเกือบจะเถียงแพ้ เธอจึงพูดขึ้นมาอย่างเซ็งๆ
?ก็....ให้ผีมีจริงมันก็สนุกกว่าไม่ใช่รึไง?
?ปัญหามันอยู่ตรงนั้นซะที่ไหนล่ะ จะว่าไปนะ....?
?อย่างคนที่คุโจคุงสนิทด้วยคนนั้น เอ่อ ที่ชื่อวิ.... วิคตอริก้าสินะ? เธอคนนั้นเอง ที่จริงก็มีลือกันว่าอาจเป็นหมาป่าสีเทาในตำนานด้วยนะ ถ้าได้ลุ้นว่าเพื่อนอาจเป็นหมาป่าสีเทาในตำนานก็ได้แบบนี้มันก็น่าสนุกดีไม่ใช่เหรอ?
?ไม่สนุกหรอก! แถมข่าวลือนั่นมันเสียมารยาทไม่ใช่รึไง?
คาซึยะแย้งเต็มที่ ช่วงครึ่งปีตั้งแต่เขามาเรียนแลกเปลี่ยนนี้ เขาโดนจับโยงไปเป็นยมทูตในเรื่องลึกลับเรื่องหนึ่งจนทำให้หาเพื่อนไม่ได้ แถมยังต้องเจอเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน เพราะฉะนั้นแม้ว่าเรื่องมันจะดังสักแค่ไหน เขาก็คงทำใจชอบพวกเรื่องลึกลับนี่ไม่ลงแน่
ระหว่างนั้นอาวริลก็บุ้ยปากพูด
?ให้ตายสิ คุโจคุงเนี่ย จริงจังเกินไปแล้ว?
?อึก....?
คาซึยะจ๋อย หุบปากที่กำลังจะอ้าออกพูดลงไปทันที
ในประเทศบ้านเกิดของคาซึยะ เขาถูกสอนมาว่า คนเป็นผู้ชายนั้นไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเกินจำเป็น เพียงทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำไปเงียบๆ ก็พอแล้ว ซึ่งตัวคาซึยะเองก็คิดเช่นนั้นด้วย จึงพยายามทำตัวแบบนั้นแม้จะต้องฝืนไปบ้าง แต่ดูเหมือนที่เซาวิลล์นี้จะมีค่านิยมที่ต่างออกไป
ซึ่งนักเรียนแลกเปลี่ยนจากอังกฤษ อาวริล แบรดลีย์ที่เขาสนิทด้วยคนนี้ก็ชอบล้อเขาอยู่บ่อยๆ ว่า เอาจริงเอาจังเกินไปบ้างล่ะ เป็นคนหัวแข็งบ้างล่ะ แถมเพื่อนอีกคน....ซึ่งก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนั่นแหละ....ก็ยังชอบว่าเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าเป็นคนหัวทึบที่เก่งครึ่งๆ กลางๆ ซึ่งคาซึยะเองก็ไม่รู้สึกชอบสักเท่าไรเลย
?เอ้า คุโจคุง ถึงแล้วนะ ที่นี่แหละ?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?ประกาศถึง ?ผู้สืบสายเลือดแห่งหมาป่าสีเทา? เราขอต้อนรับลูกหลานของพวกเราในเทศกาลฤดูร้อนที่จะถึงนี้? หลังจากที่วิคตอริก้าได้เห็นข้อความนั้นในหนังสือพิมพ์ ในคืนนั้นเอง เธอก็แอบหนีออกจากโรงเรียน มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง พอคุโจ คาซึยะที่ตามมาด้วยถามถึงสาเหตุ เธอก็ตอบเพียงว่าทำเพื่อล้างมลทินให้กับแม่ของเธอ....? เรื่องราวของคดีฆาตกรรมทั้งจากอดีตและปัจจุบันที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านของ ?หมาป่าสีเทา? เริ่มขึ้นแล้ว!
?คุโจ นาย....จะคอยปกป้องฉันสินะ?? ?....มันแน่อยู่แล้ว!?
