New Release : Princess Hearts ภาค น้ำตาคืออาวุธ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Princess Hearts ภาค น้ำตาคืออาวุธ

โพสต์ โดย Gals »

Princess Hearts ภาค น้ำตาคืออาวุธ (เล่ม 3)

หุบเขานั้นถูกเรียกว่า ?สุสาน?
ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ริเริ่มเรียกที่นั่นเช่นนั้น
หมู่บ้านในหุบเขามีหมอกจางปกคลุมทั้งฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน นอกจากนั้น ต้นไม้ต้นหญ้าแทบทั้งหมดซึ่งออกดอกสีน้ำเงิน อีกาพูดได้ หนอนผีเสื้อยักษ์ตากลมเท่าขนาดตัว และปลาพ่นเกล็ดทอง ก็มีให้เห็นเฉพาะในหุบเขาแห่งนั้น
?สุสาน? ท่ามกลางหุบเขาลึกสุดหยั่งที่แทบไม่มีใครสามารถเดินเท้าเข้าไปถึง
ที่นั่นคือบ้านเกิดของเด็กสาว
หมู่บ้านไม่มีทางเข้า ต้องเข้ามาทางแม่น้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้านซึ่งล้อมรอบด้วยหน้าผาเท่านั้น คนที่เข้ามาเยี่ยมเยียนหมู่บ้านแห่งนี้เป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่ต้องอ้อมไกลอย่างเหลือเชื่อด้วยแพจากต้นน้ำ
เด็กสาวรู้จักเพียงโลกที่ถูกปิดตายนั้น จึงไม่รู้ว่าเหตุใดหุบเขานี้ถึงมีแต่ดอกไม้สีน้ำเงินเบ่งบาน และเหตุใดเหล่าสัตว์ที่อาศัยในหุบเขาถึงพูดคุยกับพวกตน
มีผู้คนหลากหลายในหมู่บ้าน ทั้งเด็กผิวขาว เด็กหนุ่มผิวสีอำพัน เด็กสาวผมทอง ทารกตาสีน้ำเงินเหมือนดอกไม้ในหุบเขา....
พวกเขาไม่ได้เกิดในหุบเขา แต่เป็นเด็กๆ ที่ถูก ?เหล่าคนแปลกหน้า? สวมผ้าคลุมพร้อมฮู้ดสีเทาแอบส่งขึ้นแพแล้วปล่อยให้ลอยมาจากต้นน้ำ
ดังนั้นจึงกินเวลาหลังจากนั้นมาก กว่าเด็กสาวจะรู้ว่า (ผู้ที่คนในหมู่บ้านเรียกว่า) ?คนหมดธุระ? ซึ่งป้อนนมแพะ เปลี่ยนผ้าอ้อม และเลี้ยงพวกตนมาไม่ใช่ ?พ่อแม่? ตามความหมายของโลกภายนอกเลย
เด็กสาวเติบโตอย่างรวดเร็วท่ามกลางหุบเขาลึกและบรรยากาศของโลกเก่า
พอเติบโตขึ้น เด็กสาวก็เริ่มเข้าใจว่าตัวเองและพี่น้องคนอื่นไม่ได้ถูกทอดทิ้งแต่ถูกเลือกและพามาที่นี่ต่างหาก
นั่นเป็นเพราะทุกวันพวกนางถูกเกณฑ์มารวมตัวในที่เดียวกันและเรียนรู้เรื่องราวสารพัด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องไม่จำเป็นกับเด็กในโลกภายนอก อย่างเรื่องเกี่ยวกับหุบเขาและแทบทุกเรื่องเกี่ยวกับโลกภายนอก รวมทั้งวิชาการ ความรู้ การอบรมปลูกฝังทุกอย่าง....แม้แต่เด็กสาวก็ถูกสั่งให้ตีเหล็กซึ่งไม่สมกับผู้หญิง กระทั่งใช้แรงงานเท่าเทียมผู้ชาย
เด็กสาวได้ชื่อตามเทพีโลกโบราณ เด็กๆ นอกจากนาง กล่าวคือคนทุกคนในหมู่บ้านล้วนมีชื่อตามเหล่าทวยเทพ
?คนหมดธุระ? บอกว่าพวกเขาถูกพรากนามไปในยุคโบราณกาล และแทบถูกลืมเลือนไปจากโลกนี้จนหมดสิ้น ถ้าเป็นเช่นนั้น ทวยเทพที่ผิดหวังเสียใจกับการเสียนามไปก็จะมาเป็นผู้คุ้มครองพวกเจ้า
?แต่มันก็แค่ตอนนี้เท่านั้น เพราะสักวันพวกเจ้าจะถูกเรียกด้วยชื่ออื่น?
?งั้นทำไมลูนาโทราถึงเป็น ?คนหมดธุระ? ล่ะ? ทั้งที่ชื่อ ?ลูนาโทรา? แท้ๆ?
ลูนาโทราเป็นอีกชื่อหนึ่งของเจ้าแห่งอสุรกายโดลกามามา มันให้เด็กใกล้ตายดูดนมตัวเองประทังชีวิต แต่จะขอสิ่งตอบแทนจากเด็กคนนั้นเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
การที่ลูนาโทรามีชื่อตามเทพี คงเป็นเพราะเมื่อก่อนก็ได้รู้ว่าตัวเองถูกอบรมสั่งสอนเหมือนพวกตน และสักวันก็ต้องออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้
แต่ทำไมนางถึงกลับมาที่นี่ หรือว่าไม่เคยออกไปกันแน่
ตอนนั้นเอง ลูนาโทราพูดพลางตัดกุหลาบเลื้อยสีน้ำเงินลงตะกร้าอย่างช่ำชองเหมือนทุกครั้ง
?....แน่นอนว่าเพราะข้าหมดธุระแล้วไงล่ะ?
เด็กสาวเข้าใจความหมายในคำตอบของลูนาโทราหลังจากนั้นทันที
มันเป็นวันที่มีแขกมาเยี่ยมหุบเขาในรอบสามเดือนสิบวัน
?ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!?
?ยินดีต้อนรับกลับบ้าน เอครัม!?
เมื่อแพนั้นมาถึงท่าเทียบเรือ ทางเข้าเดียวของหมู่บ้าน เด็กๆ ก็ทิ้งงานที่ลูนาโทราสั่งแล้วแย่งกันวิ่งไปหาเขาเป็นคนแรก
?กลับมาแล้วเหรอ ?เอครัมจาโด? ?
?กลับมาแล้วน้องๆ เป็นเด็กดีกันรึเปล่า?
เอครัมจาโด ชายหนุ่มเจ้าของนามโล่แห่งแสงในยุคจันทรา เป็นพี่ชายคนโตของพวกนาง เขาไปมาหาสู่ ติดต่อโลกภายนอกตั้งแต่นางยังแบเบาะ และนานๆ ครั้งจะกลับมาเยี่ยมเยียนหุบเขาพร้อมนำข้อมูลสำคัญมาด้วย
แม้สวมเสื้อคลุมพื้นๆ ไม่โดดเด่น แต่เอครัมงดงามดุจอัศวินที่ออกมาจากเทพนิยาย
นัยน์ตาสีอ่อนกับผมสีอำพันหยักศกเล็กน้อย และที่สำคัญคือรอยยิ้มอ่อนโยนสุดแสนตราตรึงใจ
หากมองเพียงใบหน้าอาจดูเหมือนสตรีแบบบาง แต่เด็กๆ ทุกคนในหุบเขารู้ดีว่าร่างกำยำบึกบึนนั้นสามารถสร้างแพเสร็จได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงไม่ว่าจะหนักแค่ไหนก็ตาม
และเด็กสาวก็รู้จักอีกด้านหนึ่งของเขาเป็นอย่างดี นั่นคือเอครัมผู้รอบรู้จนน่าตกใจ เจ้าของท่วงท่าอ่อนช้อยทุกกระเบียด....ที่หากใครบอกว่าเกิดมาพร้อมผ้าไหมพันกายและถูกเลี้ยงในเปลประดับประดาด้วยเพชรพลอยก็คงหลงเชื่อ.... จริงๆ แล้วเกลียดโลกภายนอกยิ่งนัก
เมื่อกลับมายังหุบเขาเป็นครั้งคราว ตอบคำถามที่เด็กๆ ยิงใส่ และรายงานข้อมูลกับลูนาโทราเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจะไปพักผ่อนด้วยการนอนกลิ้งเกลือกบนพื้นหญ้ากับเหล่าสัตว์พูดได้ที่อาศัยในหุบเขา นกเดินเตาะแตะร้องเจื้อยแจ้วเหมือนประท้วงอะไรอยู่เสมอ และหนอนผีเสื้อยักษ์จนมอมแมมไปทั้งตัว
ผมสีอำพันกับใบหน้าขาวเต็มไปด้วยโคลน
(เอครัมเป็นคนน่าทึ่งจริงๆ)
เด็กสาวแหงนมองเอครัมอย่างใจจดใจจ่อโดยไม่ให้เขารู้ตัวด้วยสายตาร้อนแรงผิดกับที่แล้วมา
เด็กๆ ในหุบเขาแห่งนี้จะเริ่มออกไปเผชิญโลกภายนอกตั้งแต่อายุสิบกว่า จนในที่สุดก็ไม่กลับมาอีกเลย
ทว่ามีเพียงเอครัม (แม้จะมีอีกหลายคนก็เถอะ) ที่กลับมายังหุบเขาเช่นนี้เสมอ พร้อมขนขนมหวานเป็นภูเขาเลากา กับถุงหนังใบเขื่อง บ้างก็เป็นขวดแก้วบรรจุน้ำกลิ่นฉุน
?อ๊ะ ไวด์ไม่อยู่แฮะ เคทีด้วย?
?ไววาลด์กับเคทีเวเน่ไป ?ข้างนอก? แล้ว?
เมื่อเห็นลูนาโทราเดินเข้ามา เอครัมจึงคุกเข่าอย่างรวดเร็วปานลมกรด
?ลูนาโทรา....?
แม้ถูกเรียกห้วนๆ ว่า ?คนหมดธุระ? แต่ผู้คนที่มาเยือนหมู่บ้านนี้จะเคารพนับถือ ?คนหมดธุระ? อย่างพวกนางทุกคน และให้ความสำคัญเหมือนแม่บังเกิดเกล้าของตัวเอง
ทว่า
?ไม่ได้นะลูนาโทรา อย่าแย่งเอครัมไป?
?เล่าเรื่องข้างนอกให้ฟังก่อน! เรื่องเจ้าหญิงผู้น่าสงสารกับกรงนก!?
?ต้องเล่าเรื่องคราวนั้นต่อก่อน เรื่องการสร้างโลกและกำเนิดดวงดาว!?
พวกน้องๆ กลัวลูนาโทรามาแย่งเอครัมไป จึงพากันรุมล้อมตัวเขา บ้างก็ห้อยโหนกับแขนของเขา
เวลานั้นเด็กสาวก็ได้แต่จ้องมองพวกเขาจากวงนอกเหมือนเคย
พลางคิดว่า....ถ้าตัวเองออดอ้อนเอครัมเหมือนทุกคนได้จะดีขนาดไหน
?ลูนาโทรา ขอเล่นกับเด็กๆ อีกแป๊บนึงได้ไหมครับ??
เมื่อได้ยินคำพูดของเอครัมที่ยิ้มเจื่อน พวกเด็กๆ ก็กลั้นหายใจรอคำตอบจากลูนาโทรา เด็กสาวก็รอคำตอบด้วยสายตาจริงจังไม่แพ้พี่น้องคนอื่นเช่นกัน
เอครัมอยู่ในหุบเขาได้ไม่นาน
พวกพี่ๆ ที่ออกไปเจอโลกภายนอกตั้งแต่สมัยก่อนบอกว่า คนที่สูดอากาศในโลกภายนอกแล้วจะอยู่ห่างจากมันมากไม่ได้
?ก็ได้?
ลูนาโทรายอม พลางใช้ผ้ากันเปื้อนเช็ดมือ พวกเด็กๆ พากันส่งเสียงเฮ
?แต่เมริเอตต้องทำยาถอนพิษด้วยสมุนไพรกวางขาวก่อนถึงเวลาสวดมนต์รอบค่ำ ส่วนกูกูก็ไปซ่อมถังตักน้ำในบ่อที่ทะลุเป็นรูซะ?
ลูนาโทราเดินเหยียบหญ้าอย่างไร้สุ้มเสียงกลับที่พัก เอครัมจึงชวนเด็กๆ เข้าป่าตามระเบียบ
?เราไปคุยกับพวกหนอนกันเถอะ?
พวกเด็กสาวจับมือเขาและสลับกันถามคำถาม
?นี่ เอครัม จริงเหรอที่ว่าโลกภายนอกไม่มีแมลงยักษ์??
?จริงสิ?
?พูดไม่ได้ด้วย?
?อืม พูดไม่ได้ ทั้งแมลงทั้งอีกา?
?ไม่สนุกเลย!?
เมริเอตที่แก่กว่าเด็กสาวหนึ่งปีทำแก้มป่อง
?แล้วโลกภายนอกเป็นยังไงบ้าง? ยังทำสงครามกันอยู่เหรอ??
?ทำอยู่แล้วล่ะ จักรวรรดิพาลเมเนียเผชิญปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำเพราะนโยบายการเมืองที่ล้มเหลวของจักรพรรดิโซลทาค ซีเรเจียกับอเจนเซนหวังจะเป็นเอกราช แต่พวกที่จ้องจู่โจมพาลเมเนียไม่ได้มีแต่เมืองขึ้น กษัตริย์ออซมาเนียที่เพิ่งเปลี่ยนรัชกาลก็เป็นคนทะเยอทะยาน เขาเป็นคนเจ้าเสน่ห์ มีทายาทถึงห้าคนในวัยไม่ถึงยี่สิบ ทุกคนล้วนเป็นขุนนางทรงอำนาจไม่ก็พระชายาราชนิกุล อาณาจักรของเขาถึงแข็งแกร่งขึ้นมาได้ ส่วนเอเดรียที่พ่ายแพ้พาลเมเนียเมื่อหลายรัชกาลก่อนก็ยังลับเขี้ยวรอแก้แค้นอยู่ โลกภายนอกอยู่ในช่วงลมสงบก่อนพายุจะมาน่ะ?
เอครัมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ซับซ้อนให้พวกเด็กสาวฟังราวกับคุยกับรัฐมนตรีในราชวัง
พวกเขาฟังต่อไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า การที่พวกเขาซึมซับรับฟังมันได้เพราะถูกอบรมสั่งสอนมาอยู่แล้ว
?ราชวังของพาลเมเนียเป็นแบบไหนเหรอ??
?นั่นสินะ มันกว้างใหญ่ไร้ก้นบึ้งเหมือนกระเพาะของอสุรกายที่ถ้าเราอยู่เฉยๆ อาจถูกย่อยสลายไปเลย?
?แล้วความวุ่นวายภายในอเจนเซนเป็นไงบ้าง??
?ลูซีโด้เจ้าชายอันดับหนึ่งชนะ กษัตริย์เฟลเซลโด้ปลิดชีพตัวเองตามกฎของทุ่งหญ้า?
?ทำไมลูซีโด้ถึงชนะ? เพราะมีพาลเมเนียเป็นพันธมิตรเหรอ??
?เปล่า พาลเมเนียทำตัวเป็นผู้ดู เพราะกลัวว่าถ้าเข้าไปยุ่งสุ่มสี่สุ่มห้าอาจเปิดช่องให้ซีเรเจียกับออซมาเนียได้ แต่นี่อาจเป็นหายนะก็ได้?
?ลูซีโด้ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ??
?ถ้าถามว่าเขากล้าหาญมั้ย ร้อยทั้งร้อยคงตอบว่าใช่ แต่ว่า ต่อให้ยังรวมอเจนเซนเป็นหนึ่งได้ด้วยกฎแห่งทุ่งหญ้า แล้วเรื่องอื่นจะรอดรึเปล่า ถึงผู้กล้าหรือวีรบุรุษจะเป็นกษัตริย์ได้ แต่มันยากที่จะคงตำแหน่งไว้ได้นาน?
?งั้นลูซีโด้เป็นกษัตริย์ที่ไม่ได้เรื่องเหรอ??
?ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เวลานี้อะไรก็เป็นไปได้ ที่เหล่ายอดฝีมือแห่งทุ่งหญ้ากับเหล่าขุนนางหน้าเงินติดตามเขาครั้งนี้ก็เพราะชาวอเจนเซนมีนิสัยชอบเข้าข้างผู้ชนะ ในทางกลับกัน เวลาทรยศก็ไม่ปรานี ความหมายของคำว่าจงรักภักดีแตกต่างกับพาลเมเนียเกินไป ถ้าเขาทำให้อเจนเซนแข่งแกร่งได้โดยไม่พึ่งกฎกับสายเลือดทุ่งหญ้าล่ะก็ พาลเมเนียอาจตกเป็นของเขาก็ได้?
?กฎแห่งทุ่งหญ้าเป็นแบบไหน??
?....ผู้แข็งแกร่งปกครองผู้อ่อนแอ?
เมริเอตเอามือแตะปากถอนหายใจ
?คนข้างนอกเนี่ยป่าเถื่อนจัง?
?แต่มันก็มีความชัดเจน เพราะอำนาจเป็นไม้บรรทัดที่แม่นยำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว?
หลังเด็กๆ ผลัดกันถามคำถามจนจบก็เกิดความเงียบ สุดท้ายเด็กสาวก็อ้าปากถามคำถามที่กลุ้มมาตลอดว่าควรถามดีรึเปล่า
?นี่ เอครัม พวกเรามาจากไหนและจะไปไหนเหรอ??
ทุกคนหันมามองนางเป็นตาเดียว
?พวกเราหน้าเหมือนใครบางคนในโลกนี้สินะ? ถึงถูกไว้ชีวิตและถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี?
เอครัมเองก็มองนางด้วยความตกใจ
เพราะมันเป็นคำต้องห้ามในหุบเขาแห่งนี้
เรื่องหน้าตาเหมือนใครบางคน
ใครบางคนในโลกภายนอก
อย่างกับแกะ
ราวกับฝาแฝด....
เอครัมพยักหน้าหนักแน่นราวกับเห็นด้วย
?งั้นเหรอ....ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมลูนาโทราถึงปล่อยข้ามาทั้งที่เพิ่งกลับมาถึง?
เขาเอื้อมมือใหญ่ไปลูบผมสีดำของนาง
?ใช่แล้วล่ะ....เหมือนกัน?
?กับใครบางคนข้างนอกนั่นเหรอ??
?ใช่ กับใครบางคนข้างนอก และสักวันพวกเจ้าก็จะ ?กลายเป็น? คนคนนั้น?
พวกเด็กๆ พากันเงียบ ทุกคนกำลังตีความความหมายในคำพูดของเอครัมตามแบบของตัวเอง
?เพราะอะไรเหรอ?
?เพราะจะต้องตาย?
ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมอีกครั้ง
คำถามว่าทำไมต้องตาย แล้วใครจะตาย ไม่หลุดออกจากปากใครเลย
นั่นเป็นเพราะทุกคนรู้เหตุผลดี เหตุผลที่พวกตนถูกเลี้ยงดูอย่างดีในเปลที่เรียกว่าป่าแห่งนี้ เหตุใดพวกตนถึงได้ชื่อว่า ?วิญญาณของผู้ล่วงลับ? และที่นี่ถูกเรียกว่า ?สุสาน? ด้วย....
?เจ้าถามว่าเรามาจากไหนและจะไปไหนสินะ งั้นข้าจะตอบ พวกเจ้ามาจากข้างกายคนที่เหมือนเจ้าอย่างกับแกะ ผ่านมือ ?เหล่าคนแปลกหน้า? จนไหลตามน้ำมาถึงที่นี่ และสักวันจะออกไปเจอโลกภายนอก ตอนนี้ถึงต้องฝึกฝนเอาไว้ไงล่ะ?
?ทำไมถึงต้องพามาหุบเขานี้??
?เพราะจำเป็นต้องตัดขาดจากโลกภายนอก มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เชื่อในตัวเอง และมองเห็นแต่สิ่งที่อยากเห็น ดังนั้นการที่คนเราเชื่ออะไรครั้งแรกมาตั้งแต่เกิดจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญมาก กล่าวคือ ถ้าไม่เชื่อในเทพเจ้าโบราณก็จะมองไม่เห็นทั้งหมดทั้งปวงนั้น แต่พออยู่ในโลกภายนอก เทพเจ้าจะถูกจำกัดจำนวนลง คนจากโลกภายนอกจะไม่รู้จักต้นปีโปล่าของหนอนยักษ์ตัวนั้น หรือสัตว์เรืองแสงเหมือนเกล็ดผงแวววาว เพราะมองไม่เห็น?
?ไม่จริง?
?พูดจริงเหรอ!??
?วิญญาณก็มองไม่เห็นเหรอ??
เอครัมพยักหน้าเงียบๆ
?ความศรัทธาคือโซ่พันธการจิตใจ การปลดปล่อยจิตวิญญาณจากพันธนาการนั้นจำเป็นต้องใช้พระเจ้าที่ไม่ถูกคนอื่นบังคับให้เชื่อตั้งแต่เกิด ถึงได้พามาที่นี่ และพวกลูนาโทราก็เลี้ยงดูจิตวิญญาณของพวกเจ้าให้แข็งแกร่ง เพื่อให้พวกเจ้าเลือกพระเจ้าด้วยตัวเองและเป็นอิสระจากศรัทธาและศีลธรรมทั้งปวง?
เขาพูดคำว่าเวทมนตร์อย่างแผ่วเบา
?พวกเจ้าถูกป้อนความรู้ทุกแขนง ทั้งภาษาเวทมนตร์กว่าหมื่นคำ เคล็ดลับความก้าวหน้าที่มีประสิทธิภาพในโลกภายนอก ศิลปะการเจรจาต่อรอง อีกไม่นานก็คงได้ออกไปเจอโลกภายนอกและมีโอกาสได้ใช้สิ่งที่ร่ำเรียนมา สิ่งที่ได้จากที่ไม่ไร้ค่าสักอย่าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่วิชาความรู้หรอกนะ?
เอครัมพูดเช่นนั้นและโอบศีรษะพวกเด็กๆ เข้ามาด้วยแขนยาว
?ฟังนะ ฟังให้ดี สิ่งสำคัญสำหรับพวกเจ้าคือชื่อในตอนนี้ พูดอีกอย่างคือตัวตนที่แท้จริง จากนี้ไปต่อให้ถูกเรียกด้วยชื่ออื่นและต้องใช้ชีวิตกับมัน แต่จะลืมพี่น้องกับหุบเขาแห่งนี้ไม่ได้ พี่น้องเรากำลังครองตำแหน่งสำคัญในโลกภายนอก ทั้งขุนนาง พระชายา นักบวชชั้นสูง และใช่ว่าจะไม่มี ?วิญญาณของผู้ล่วงลับ? ที่กลายเป็นกษัตริย์แล้ว พวกเจ้าถูกลอยแพมาที่นี่หลังเกิดได้ไม่นานก็เพื่อเหตุผลนั้น
ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ลืมชื่อเทพเจ้าโบราณ เทพเจ้าองค์นั้นกับทุกๆ องค์ และสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ในโลกภายนอกคงช่วยเหลือพวกเจ้าได้ เพราะพี่น้องของพวกเจ้า....?
เด็กสาวและเหล่าพี่น้องรับฟังคำสารภาพของเอครัมอย่างง่ายดายโดยไม่ตกใจแม้แต่น้อย
ไม่สิ ข้อมูลเหล่านั้นเป็น ?คำตอบ? ที่พวกนางเฝ้ารอมานาน ราวกับดินแห้งผากรอสายฝน และคาดคะแนไว้แล้วในระดับหนึ่ง
มีอีกคนที่หน้าตาเหมือนพวกตนอย่างกับแกะในโลกภายนอก
พวกเขาส่วนใหญ่ครองตำแหน่งสำคัญในโลกภายนอก ทั้งกษัตริย์ ขุนนางและเหล่าธิดา....
และสักวันคนคนนั้นจะตาย (อาจถูกสังหาร)
พวกตนจะเข้าไปสวมรอยแทนคนพวกนั้นและใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกหน้าตาเฉย โดยเชื่อในเทพเจ้าโบราณไร้นาม และเป็นอิสระจากการบีบบังคับโดยไม่รู้ตัวของกฎเกณฑ์ที่เต็มไปด้วยการผูกมัดของโลกภายนอก....ตลอดไป
?วิญญาณของผู้ล่วงลับ? อย่างพวกตน ใช้ชีวิตแบบนั้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
เพื่อให้หุบเขาเล็กๆ นั้นครองโลกภายนอกอันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างเบ็ดเสร็จ!
(เหมือนการแก้แค้นของเทพเจ้าที่ถูกมนุษย์พรากนามไปไม่มีผิด)
เมื่อรู้ ?ความจริง? เหล่านั้น เด็กสาวก็เริ่มมองเห็นกลไลการทำงานของหุบเขานี้ทีละน้อย
ปลาที่พ่นทองออกมา จริงๆ แล้วไม่ใช่สิ่งมีชีวิตประหลาด แต่เป็นเพราะผงทองที่ไหลมาตามแม่น้ำ
ดอกหญ้าที่มีสีน้ำเงินส่วนใหญ่มีพิษ อีกาที่สามารถบินแฝงตัวในความมืดได้ถูกฝึกมาอย่างดีเพื่อใช้ติดต่อกับโลกภายนอก
และเมื่อเอครัมกลับมายังหุบเขา เขาจะนำหญ้ามีพิษจากทางใต้ที่ไม่ขึ้นที่นี่กับยาน้ำมาด้วย ตอนออกไปก็ขนถุงหนังใส่เกล็ดทองเต็มถุงไปด้วย นางรู้ทีหลังว่ามันเป็นค่าตอบแทนแก่ ?เหล่าคนแปลกหน้า? ที่คอยค้ำจุนช่วยเหลือหุบเขานี้อย่างลับๆ
อีกเรื่องคือการที่เหล่าพี่น้องในหุบเขามีสีผิว สีตา และสีผมแตกต่างกันทุกคน
(พวกเราเป็นวิญญาณที่อยู่ในโลกนี้ไม่ได้ จะให้ใครรู้ว่ามีตัวตนไม่ได้จนกว่าจะถึงเวลาสลับตัว)
และนั่นทำให้หุบเขานี้ถูกเรียกว่าสุสาน
ไม่จำเป็นต้องให้ใครสอนใครบอก เด็กสาวรู้ได้เองเหมือนหายใจ
สถานที่แห่งเดียวที่เทพเจ้าโบราณกับความศรัทธายังมีชีวิตอยู่
หรือกล่าวคือกึ่งกลางระหว่างโลกนั้นกับโลกนี้

....คำสารภาพของเอครัมเป็นสิ่งที่ลูนาโทราปรารถนา
เพราะถึงเวลาแล้วที่พวกนางควรรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
และจากนี้ไปอีกไม่นาน พวกนางก็ต้องออกไปจากหุบเขาสุสานแห่งนี้
?สักวันเราคงได้เจอกัน?
เด็กสาวเจ้าของชื่อปีศาจน่ารักนามเมริเอตพูดกับนาง
?พวกลูนาโทรามาคุยกับข้า บอกว่าข้าจะได้เป็นลูกสาวขุนนางมั่งคั่งในอเจนเซน พอพวกพี่น้องข้างนอกจัดการยัยนั่นแล้วก็ให้ไปสวมรอยทันที?
ทั้งที่ใครบางคนซึ่งหน้าเหมือนตนกำลังถูกฆ่า นอกจากเมริเอตจะไม่สนใจแล้วยังเริงร่าดีใจราวกับต้อนรับมันเต็มที่
?พวกพี่น้องข้างนอกมีชื่อเป็นเทพเจ้าโบราณทุกคน ต้องจำกันได้แน่ พวกเรามีพวกพ้องเต็มไปหมด
แล้วเจอกันใหม่นะ ต่อให้พวกเราเปลี่ยนชื่อ แต่งตัวตามแบบประเทศนั้นๆ ก็ต้องจำได้แน่นอน เพราะพวกเรามีชื่อของเทพเจ้าโบราณนี่นา?
(ชื่อเทพเจ้าโบราณ)
เด็กสาวท่องชื่อตัวเองที่ถูกตั้งตามชื่อเทพเจ้าโบราณซึ่งทุกคนลืมเลือนไปหมดแล้วงึมงำในปาก
เทพเจ้าแห่งวิญญาณ ตัวแทนความบริสุทธิ์ ความงดงาม และเลือด ผู้ถูกขีดฆ่าจากหนังสือและบันทึกทั้งหมดในฐานะเทพีเพชฌฆาตและเทพีแห่งปีศาจในยุคโบราณ ตอนนี้ไม่มีใครเซ่นไหว้บูชานางแล้ว ดังนั้นคนเดียวในโลกนี้ที่นางคอยคุ้มครองอยู่คือข้า
(วิญญาณบูชาวิญญาณ นั่นคือวิถีของพวกเรา ความศรัทธาเก่าแก่ของพวกเรา)
แต่เมริเอตกลับตาย
นางพยายามสังหารใครบางคนตามคำสั่งของหุบเขา แต่ทำพลาด
เด็กสาวเห็นมันต่อหน้าต่อตา เมริเอตผู้บอกว่าสักวันจะได้เจอกันตอนล่ำลา แต่พอได้เจอกันอีกครั้งกลับไม่มีโอกาสพูดคุยด้วยซ้ำ เด็กสาวเข้าไปยุ่งไม่ได้ เพราะมีหน้าที่อื่นจึงไม่อาจเปิดเผยตัวตนตรงนั้นได้
เมริเอตถูกใช้แล้วทิ้งอย่างง่ายดายเหมือนลูกธนูในสงคราม
พวก ?พี่น้อง? ในโลกภายนอกเล่าเหตุผลให้ฟังว่าเมริเอตหมดประโยชน์แล้ว เพราะคนที่นางควรเข้าไปสวมรอย ตายจากโลกนี้ไปก่อนทำการสลับตัว
เมื่อหมดคุณค่าในโลกภายนอก พวกตนก็เป็นได้แค่วิญญาณ จำต้องเป็นมือสังหารตามคำสั่งของหุบเขาเท่านั้น สุดท้ายตัวเองก็ต้องปกป้องตัวเอง
(ข้าจะทำให้ได้ จะไม่เป็นเหมือนเมริเอตเด็ดขาด)
นางตัดสินใจเช่นนั้น
สวมรอยเป็น ?ตัวจริง? อย่างแนบเนียนไม่ให้ใครรู้และสงสัย และจะเอาตำแหน่งกับฐานะของนางมาเป็นของตัวเองให้ดู
ไม่สิ ไม่ใช่แค่นั้น ข้าจะใช้มันไต่เต้าขึ้นไปให้ดู แม้จะไม่มีร่างกายเป็นนักรบเหมือนเอครัม แต่จะใช้ความเป็นผู้หญิงคว้าทุกอย่างมาให้ได้ จะมีชีวิตดีกว่า ?ตัวจริง? มีตำแหน่งและทรัพย์สมบัติมากกว่า ?ตัวจริง? และมีเพื่อนคู่คิด....
(ถ้าทำอย่างนั้นจะได้พบเอครัม!)
นางปรารถนาอย่างแรงกล้า
พอออกจากหุบเขาแล้วจะไม่ได้กลับไปที่นั่นอีก เพราะเหล่าวิญญาณที่ออกไปไม่รู้ที่ตั้งของหุบเขา จึงเจอเอครัมไม่ได้แล้ว
แต่มีวิธีที่จะได้เจอ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จิลหลบออกจากราชวังเพื่อไปช่วยมาเชียส แต่มันคือกับดักจับตัวนาง จิลถูกมอมยาและหลุดปากบอกความลับที่ไม่มีใครควรรู้...!? ลูซีโด้จะช่วยจิลกลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่!? เป้าหมายของคนร้ายคืออะไรกันแน่!? และเมื่อรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของนางสนมโอลพรีน เหตุการณ์ก็พลิกผันไปอย่างคาดไม่ถึง! คดีที่ใหญ่ที่สุดในราชวังอันหรูหราตระการตา! ความรักและความทะเยอทะยานยังไม่จบแค่นี้!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”