New Release : บุปผาคู่บัลลังก์ ตอน งานเลี้ยงแห่งจันทราสีดำ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : บุปผาคู่บัลลังก์ ตอน งานเลี้ยงแห่งจันทราสีดำ

โพสต์ โดย Gals »

บุปผาคู่บัลลังก์ ตอน งานเลี้ยงแห่งจันทราสีดำ (เล่ม 5)

เขารออยู่ห่างๆ อย่างหงุดหงิด (จะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไรกันนะ) ทั้งที่คนที่ทำหน้าที่ติดต่อกับตระกูลหลักก็คือตัวเขา แต่เขากลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมประชุม จึงได้แต่รออยู่ในห้องที่แสนกระจอกงอกง่อยอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีแม้แต่น้ำชาออกมาต้อนรับ หน้าที่ที่ไม่ได้รับประโยชน์เป็นของเขา มีแต่พี่ชายที่ได้ประโยชน์เสมอ
(เหอะ.... แต่ว่าวันนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ)
เขายิ้มหยัน
ถึงแม้ว่าพี่ชายจะก้าวหน้าเพียงไร ถึงแม้จะได้รับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้เพียงไหน นั่นก็เป็นเพียงเรื่องในคิโยซึ่งเป็นเมืองหลวง เพราะไม่ว่าจะมีตำแหน่งอะไร เมื่อกลับมายังมณฑลซาก็เป็นเพียงผู้ดีต่ำต้อยที่มาจากตระกูลสายรองเท่านั้น แม้จะเป็นนายน้อยที่น่าจะมีอนาคตไกล แต่กลับเป็นที่ดูถูกของคนในตระกูลหลักที่ปากมาก จะว่าไปแล้วเดิมทีเขาก็ยังสงสัยอยู่แล้วว่าพี่ชายจะทำอะไรได้แค่ไหน
ชายหนุ่มนึกถึงภาพนั้นแล้วค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
อยู่ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงร้องครางเบาๆ ดังมาจากตึกใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไกลมากทีเดียว ถ้าหากเสียงนั้นดังมาจากตึกใหญ่และได้ยินมาถึงที่นี่จริงๆ....มันก็น่าจะเป็นเสียงตะโกนมากกว่า
(....เสียงอะไรนะ?)
เขายังลังเลว่าจะลุกจากที่นั่งดีหรือไม่ เขายังไม่กล้าพอที่จะเดินไปด้อมๆ มองๆ คฤหาสน์ของตระกูลหลักโดยพลการเพียงลำพัง สักพักเสียงนั้นก็เงียบลง ความกระวนกระวายใจอย่างประหลาดก็พลอยสงบลงด้วย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มองจากทางหน้าต่างเห็นชายที่เป็นข้ารับใช้คนหนึ่งวิ่งเหมือนล้มลุกคลุกคลานออกมาหน้าตาซีดเซียว เมื่อเห็นท่าทางผิดปกติเช่นนั้น เขาจึงออกไปบริเวณทางเดินเพื่อเรียกชายคนนั้นไว้
?เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น? ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่ในที่สุดก็นั่งแปะลงบนพื้นอย่างหมดแรง ตัวสั่นเทา นัยน์ตาเลื่อนลอย เห็นได้ชัดว่าอยู่ในสภาพที่คิดอะไรไม่ออกจริงๆ แต่เขาเกลียดการโดนดูถูกจากอีกฝ่ายที่มีสถานะต่ำต้อยกว่ายิ่งกว่าสิ่งใด จึงถามสำทับไปอย่างหงุดหงิดว่า
?ข้าถามว่าเป็นอะไรไป ถ้าไม่ตอบ ข้าจะฟันคอเจ้าให้ขาดกระเด็นเดี๋ยวนี้แหละ เจ้าข้ารับใช้!?
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีปฏิกิริยากับคำพูดนั้นหรือไม่ แต่ชายคนนั้นกรีดร้องออกมา
?อะ....อา.... นายท่าน.... คุณชาย.... ถะ...ถูกฆ่าตายแล้ว?

....สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเหยียบย่างเข้ามาบริเวณตึกใหญ่ กลิ่นคาวเลือดทำให้เขาสำลัก ลืมตัวอุดจมูก พลางคิดว่า ?ไม่มีทาง?
ที่นั่นดูเหมือนจะไร้เสียงลมหายใจ มันเป็นความเงียบอย่างน่ากลัว
เขาพยายามข่มใจที่เต้นแรง เดินลึกเข้าไปข้างในอย่างหวาดๆ เหงื่อออกและรู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว
ด้านในบานประตูยิ่งมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งแรงขึ้น ทำให้แน่ใจว่าไม่ผิดทางแน่
สถานที่ที่ใช้ประชุมเป็นห้องที่คนของตระกูลหลักมารวมตัวกัน และเป็นที่ที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนพี่ชายของเขาเพิ่งจะเดินเข้าไป
แม้จะตัวสั่นเทา แต่มีอะไรบางอย่างชักนำให้เขายื่นมือไปผลักประตูบานนั้น และเหมือนมีลางสังหรณ์ ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในห้องนี้.... และตัวเองกำลังจะได้เห็นอะไร นั่นทำให้เขาไม่สามารถหันหลังกลับได้
....พวกผู้ชายในตระกูลหลักกลายเป็นศพกันหมด ท่ามกลางศพที่นอนเกลื่อนอยู่นั้น มีเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ ชายคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ ประคองอะไรบางอย่างหันหลังให้เขาอยู่ ก่อนจะเหลียวกลับมาเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด
?....จูโชเหรอ?
เขา.... ซาจูโชกลั้นหายใจเพราะสายตาเย็นเยียบนั้น สีหน้านั้นนิ่งเรียบปราศจากอารมณ์ใดๆ ราวกับถูกมัจจุราชเข้าสิง....
?....พะ.... พี่....?
ซาเอนจุนค่อยๆ วางใครบางคนที่ประคองอยู่ในวงแขนให้นอนลงกับพื้น จูโชมองตามร่างนั้นอย่างลืมตัวจึงได้รู้ว่านั่นก็คือลูกชายคนโตทายาทของตระกูลหลักที่สนิทสนมกับพี่ชายของเขา แม้จะเรียกได้ว่าเป็นผู้สืบทอดตระกูล แต่เขามีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด เป็นคนที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำของตระกูล ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสีผิวที่ซีดขาวอยู่แล้วหรือไม่ ตอนนี้เขาซึ่งหมดสติอยู่จึงดูเหมือนเพียงแค่หลับไป
....ถ้าหากจะไม่มีมีดของพี่แทงทะลุหน้าอกของเขาอยู่
เอนจุนค่อยๆ ดึงดาบนั้นออกมา เลือดกระฉูดออกมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าสีอ่อนจะถูกย้อมเป็นสีแดง แต่สีหน้าของเอนจุนก็ยังคงนิ่งเรียบไม่เปลี่ยนไปเลย
ตอนนั้นเอง ใครสักคนด้านหลังจูโชที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงก็วิ่งผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วดุจสายลม
?........!?
หญิงสาวที่ปล่อยผมดำเป็นมันเงายาวสยายเข้ามาเกาะเอนจุนแล้วตะโกนอะไรบางอย่างออกมา
เธอพูดอะไรบางอย่างกับจูโช แต่จูโชไม่ค่อยเข้าใจ เขาดูเหมือนกับคนที่เพ้อเพราะพิษไข้มองแต่ใบหน้าของพี่ชาย
เอนจุนสะบัดดาบที่เปื้อนเลือดของลูกชายคนโตของตระกูลหลัก แล้วเก็บเข้าฝักโดยไม่ได้เช็ด
?ทายาทของตระกูลหลักตายหมดแล้ว? เสียงนั้นคมกริบราวกับดาบที่แวววาวภายใต้แสงจันทร์
?....ต่อไปนี้ ข้าจะเป็นผู้นำของตระกูลซา....?
จูโชรู้สึกเพ้อราวกับว่าเสียงนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นดิน และคิดเพ้อไปว่า.... ถ้าเป็นพี่เอนจุนก็คงเป็นได้.... สำหรับการยืนอยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดที่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้แม้แต่จะหวังมาก่อน ....ในสภาพที่อาบไปด้วยเลือดของคนทั้งตระกูล

พวกผู้คนในตระกูลที่ได้ยินเรื่องโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่พากันหมอบอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มนามว่า ?ซาเอนจุน? ที่ที่ผ่านมาไม่เคยให้ความใส่ใจ
กว่าเรื่องที่คาดไม่ถึงอย่างการที่ชายหนุ่มจากตระกูลสายรองได้กลายมาเป็นประมุขของตระกูลซาซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลสีทั้งเจ็ดจะไปถึงเมืองหลวงนั้น เวลาก็ผ่านไประยะหนึ่งแล้ว

บทนำ

เด็กสาวคนหนึ่งกำลังพักมือจากการเก็บผลไม้และของป่า แหงนหน้ามองต้นไม้ที่เรียงรายกันอยู่ เธออายุราว 16-17 ปี หน้าตาหมดจด แต่ที่น่าประทับใจคือลักษณะพิเศษที่ดูราวกับน้ำใสก้นท้องทะเลมากกว่าจะเรียกว่าเป็นคนสวย อาภรณ์ที่สวมใส่แม้จะเรียบง่ายแต่กิริยาท่าทางของเด็กสาวผู้นั้นกลับดูต่างจากสาวชาวบ้านทั่วไป
บรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงค่อยๆ เข้ามาเยือนอย่างเต็มตัว เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวรู้สึกว่าแม้แต่สีของท้องฟ้าก็ยังเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลที่ผันแปรนับตั้งแต่มาอยู่ที่ภูเขานี้
วันที่เธอหนีจากเงื้อมมือของปู่น้อยมาได้อย่างเฉียดฉิว โดยมีโรเอนเซพามายังกระท่อมหลังเล็กบนเขาชุนเคนแห่งนี้ เหมือนเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว

?ฟังให้ดีนะ ชุนกิ?
ย่าผู้ที่ชุนกิรักที่สุดถูกปู่น้อยขังเอาไว้เพื่อให้ชุนกิหนีมาได้
?อ่านดวงดาว คำนวณเวลา และเมื่อ ?เวลานั้น? มาถึง.... ?
ตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว

?ท่านชุนกิ!?
ชุนกิได้ยินเสียงเรียกอย่างกะทันหัน แล้วอยู่ๆ เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ลงมาจากต้นไม้
?ลงมาถึงนี่เชียวเหรอ! แสดงว่าขาของท่านชุนกิแข็งแรงขึ้นเยอะเลยนะ!? เด็กหนุ่มที่วัยเพิ่งจะพ้นหลักสิบมาไม่กี่ปีหัวเราะอย่างร่าเริง แล้วจับมือเด็กสาวขึ้นมา
?นิ้วถูกใบไม้บาดเหรอ กลับไปบ้านแล้วข้าจะปรุงยาให้นะ โยชุนเก็บสมุนไพรใหม่มาพอดี ....ทั้งที่ตอนที่เพิ่งมาถึงมืออย่างกับเจ้าหญิงแท้ๆ....? เด็กหนุ่มไหล่ตกอย่างผิดหวัง
ชุนกิใช้นิ้วชี้เรียวบางแตะที่ริมฝีปากของเขาแล้วส่ายหน้า ชุนกิไม่สามารถสื่อสารเป็นคำพูดได้ จึงทำได้เพียงเท่านี้ แต่เด็กหนุ่มก็เข้าใจความหมายที่ชุนกิต้องการจะสื่อเป็นอย่างดีเสมอ
?....ถ้ามีสมุนไพรที่ทำให้ท่านชุนกิสามารถออกเสียงได้ก็ดีสินะ?
ชุนกิยิ้มบางๆ รู้สึกดีกับจิตใจที่อ่อนโยนของเด็กหนุ่มที่พูดอย่างนั้น
เมื่อเก็บของป่าได้เต็มตะกร้าแล้ว เด็กหนุ่มก็หันหลังย่อตัวให้ชุนกิ
?ท่านชุนกิ เก็บผลไม้คงจะเหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ เอาล่ะ ขี่หลังข้าเถอะ ถ้าท่านชุนกิเดินเองจากนี่กว่าจะขึ้นเขาไปถึงบ้านได้คงเลยมื้อเที่ยงไปมากโข ไม่ต้องเกรงใจหรอก!?
โยชุนผู้เป็นน้องชายของโชรินบอกว่า ตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้วโชรินสูงขึ้นมากเหมือน ?หน่อไม้หลังฝนตก? และตอนนี้ก็สูงในระดับที่ชุนกิเองยังต้องแหงนมองบ้างแล้ว
ชุนกิพยักหน้าอย่างว่าง่ายตามข้อเสนอแสนใจดีนั้น ตามธรรมดาที่ผ่านมาสำหรับชุนกิแล้ว การขี่หลังเพศตรงข้ามเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในความคิดมาก่อนเลย แต่กับเด็กหนุ่มแข็งแรงที่อายุน้อยกว่าคนนี้เป็นคนที่ยกเว้นเป็นคนที่สอง
เมื่อลุกขึ้นยืนอย่างง่ายดายเหมือนให้เด็กเล็กๆ ขี่หลังแล้ว โชรินก็ออกวิ่งเร็วประดุจสายลม เป็นการวิ่งขึ้นเขาที่ลาดชันด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง ใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวของตอนที่ชุนกิเดินลงมา เพียงไม่นานก็ถึงกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ใกล้ยอดเขา ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่ได้หายใจหอบเลย
แล้วอยู่ๆ ก็มีเด็กหนุ่มอีกคนยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างที่มีควันไฟจากการหุงต้มลอยออกมา
?หัวหน้า ท่านชุนกิ กลับมาแล้วเหรอ อาหารมื้อเที่ยงเพิ่งเสร็จพอดีเลย อ๊ะ เก็บของป่ามาได้เยอะเลยนี่ แบบนี้มื้อเย็นคงเอามาใช้ได้บ้างนะ อ้าว อันที่เป็นจุดสีแดงสีเหลืองนั่นมันเห็ดพิษนี่นา!?
หมัดของโชรินลอยออกไป ก่อนที่ชุนกิจะรู้สึกสะดุ้งกับความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตัวเอง
?เจ้าบ้าโยชุน! ตั้งใจจะทำให้ผู้หญิงอายหรือไง ทั้งที่ท่านชุนกิอุตส่าห์ลำบากลำบนไปเก็บของป่ามาเพื่อพวกเราแท้ๆ ไม่ขอบคุณแล้วยังจะพูดแบบนั้นอีกเหรอ! เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยแอบบอกทีหลังก็ได้! แบบนี้เจ้าคงห่างไกลจากเส้นทางที่จะเป็นโจรมีคุณธรรม ?แร้งแห่งมณฑลซา? ที่เก่งกล้ารุ่นที่สองอีกเยอะเลย!?
?อ๊ะ ข้ายังไม่รู้จักคิดดีพอ ขออภัยด้วยนะ ท่านชุนกิ?
ชุนกิที่ลงจากหลังโชรินแล้วโบกมือทั้งสองข้าง และรีบก้มหัวต่ำแทนการขอโทษ แต่ในใจนั้นคิดว่าทั้งที่เจอเห็ดที่ดูหน้าตาน่าอร่อยแล้วแท้ๆ แต่กลับเป็นเห็ดพิษไปซะนี่.... ช่างมีการค้นพบใหม่ๆ ได้ทุกวันเลยจริงๆ ด้วยเหตุนี้ทุกๆ วันจึงเป็นเรื่องสนุกมากสำหรับชุนกิ
ชุนกิจ้องมองสองพี่น้องที่สดใสร่าเริงทุกวันยิ้มๆ แล้วอยู่ๆ เมื่อมองลงไปด้านล่างเชิงเขา สีหน้าของชุนกิก็เปลี่ยนเป็นสง่างามและห้าวหาญในพริบตา
เกือบ 1 ปีมาแล้วที่ชุนกิได้ใช้เวลาอยู่กับ ?ผู้คุ้มครอง? ที่โรเอนเซเลือกอย่างสงบสุข แต่ถึงกระนั้นชุนกิก็ไม่มีทางที่จะอยู่ที่นี่ตลอดไปได้
สายลมพัดผ่านมา ภาพที่ลอยขึ้นมาเมื่อชุนกิหลับตาก็คือรอยยิ้มที่อ่อนโยนของซาโคคุจุน พี่ชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่า 2 ปี ที่เคยให้ชุนกิขี่หลังตอนที่ชุนกิขาแพลงเมื่อสมัยยังเด็ก...
ชุนกิเริ่มเคลื่อนไหวไปพร้อมกับสายลมนั้น
?เมื่อเวลานั้นมาถึง....เจ้าจะรู้ว่าควรจะทำสิ่งใด?
เวลา ?นั้น? ใกล้เข้ามาแล้ว.... ชุนกิหายใจเอาความคิดที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้เก็บไว้ในใจ ก่อนที่จะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา

***

เทยูชุนประทับตราผู้แทนผู้ว่าราชการมณฑลลงในเอกสารพลางขมวดคิ้วมองดูงานที่กองพะเนิน มีรายงานเข้ามาว่าระยะนี้เกิดความวุ่นวายขึ้นในแต่ละท้องที่ของมณฑลซาอยู่บ่อยๆ ยูชุนจึงต้องส่งกองทหารประจำมณฑลไปยังท้องที่ที่ควรควบคุมสถานการณ์อย่างเร่งด่วน แต่เพราะอย่างนั้นจึงทำให้การคุ้มกันโคเรนซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลซาซึ่งเป็นพื้นที่ที่สำคัญที่สุดทำได้ไม่เต็มที่ สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะต้องทำตามคำขอของตระกูลซาที่เรียกร้องขอให้สนับสนุนกองทัพส่วนตัว ส่วนขุนนางพลเรือนประจำมณฑลที่ควรจะอยู่ช่วยในการบริหารงานก็ถูกส่งไปร่วมกับกองทัพประจำมณฑล ขุนนางประจำมณฑลที่มีน้อยอยู่แล้วจึงยิ่งลดลง อีกทั้งยังต้องเตรียมพิธีเข้ารับตำแหน่งของผู้ว่าราชการประจำมณฑล จึงทำให้โคเรนในปัจจุบันอยู่ในสภาพที่วุ่นวาย ขาดแคลนบุคลากรในการจับตาดูความเคลื่อนไหวของของตระกูลซาที่น่าสงสัย และส่งไปคุ้มกันพวกผู้ว่าราชการประจำมณฑลใหม่ที่ควรจะได้รับการปกป้อง ซึ่งล้วนแต่เป็นงานที่ต้องแข่งกับเวลา
การกระทำที่ผ่านมาของตระกูลซาบ่งบอกถึงความสามารถของคนที่ทำตัวเป็นผู้นำของตระกูลในปัจจุบัน แม้ว่าจะไม่ได้แสดงตนเปิดเผยแต่เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนเป็นผู้สั่งการอยู่
ตึก.... เสียงฝีเท้าที่ดังก้องขึ้นมาทำให้ยูชุนหยุดมือจากเอกสาร
แววตาของเขาที่ปกติแล้วจะอ่อนโยนอบอุ่นกลับเพิ่มความระแวดระวังขึ้นมาอย่างกะทันหัน แค่เสียงฝีเท้าก็พอจะเดาได้ว่าผู้มาเยือนคือใคร อย่างเช่นถ้าเป็นพวกทหารที่ลาดตระเวนจะเดินวน เสียงฝีเท้าจะดังและไม่สม่ำเสมอ แต่ถ้าเป็นคนของตระกูลซาจะค่อยๆ เดินช้าๆ อย่างคนวางท่าใหญ่โต โดยมีเสียงฝีเท้าอีกหลายเสียงที่อยู่รอบๆ เดินอย่างเร่งรีบ ....แต่เสียงฝีเท้านี้
เสียงก้องเพียงเสียงเดียวที่เป็นจังหวะเนิบๆ สม่ำเสมอ มุ่งตรงอย่างไม่มีวอกแวก มายังชั้นบนสุดของหอคอยแห่งนี้ที่เดิมทีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ เสียงฝีเท้าที่ดังก้องกังวานราวกับฮ่องเต้เสด็จพระราชดำเนินท่ามกลางการรอเข้าเฝ้าฯ ของผู้คนต่างๆ
ยูชุนค่อยๆ วางพู่กันลง แล้วเม้มปากเข้าหากัน
(....นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเจ้างั้นเหรอ)
ยูชุนมองเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่งจริงๆ ถึงจะอยู่บนยอดหอคอยอย่างโดดเดี่ยว แต่มีข้อมูลรายงานเข้ามาหายูชุนมากมาย รวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นที่คินกะก่อนหน้านี้เขาก็รู้หมดแล้ว
ในที่สุดเสียงฝีเท้านั้นก็หยุดลงอีกฟากของประตูเหล็กที่หนาทึบ
?ขังตัวเองอยู่ในที่แบบนี้มานานเกินครึ่งปีแล้ว ยังไม่เบื่ออีกเหรอ เทยูชุน?
น้ำเสียงที่เขาคุ้นเคยดีแต่ฟังแล้วช่างต่างจากแต่ก่อนมากนัก น้ำเสียงไพเราะที่เมื่อก่อนเคยถูกคิดว่าไม่เด็ดขาด แต่ตอนนี้กลับแฝงไว้ด้วยความทรงพลังและเย็นยะเยือกราวกับคมมีดที่ถูกขัดจนวาววับ
ยูชุนหายใจติดขัดขึ้นมาเล็กน้อย
?ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะเบื่ออยู่หรอก เพราะแม้จะอยู่ในสถานที่เช่นนี้ก็ยังมีแต่เรื่องเดือดร้อนเข้ามามากมาย อยากจะมีวันหยุดพักผ่อนสักหน่อย ว่าแต่ท่านซาซาคุจุนเถอะ ...มีธุระอะไร??
เสียงหัวเราะขำๆ คือปฏิกิริยาตอบรับต่อถ้อยคำประชดประชันของยูชุน ที่ไม่สามารถเห็นหน้าอีกฝ่ายจากทางหน้าต่างลูกกรงที่อยู่ติดกับด้านบนของบานประตูเหล็ก มีเพียงเสียงทุ้มนุ่มที่ส่งมาถึง
?ท่านคงมีความสุขมากสินะ ที่บอกว่าอยากจะเบื่อ ข้าเองก็อยากจะลองพูดดูสักครั้งเหมือนกัน?
?ไปเที่ยวที่คินกะมา ท่าทางจะสนุกมากไม่ใช่หรือไง??
?เป็นการฆ่าเวลาน่ะ? เสียงใสๆ นั้นไม่ปฏิเสธ
?สุดท้ายเรื่องที่มาก่อนก็ยังเป็นการแก้เบื่อไม่เปลี่ยน ....เทยูชุน ข้าน่ะเบื่อมาก ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรสักอย่าง ถึงจะสนใจเรื่องอะไรขึ้นมา แต่เดี๋ยวเดียวก็เบื่อ ความเบื่อนี่ ข้าเองก็คิดว่าเป็นจุดอ่อน การที่มองอะไรออกล่วงหน้าก็ไม่ดีสินะ เพราะทำให้อะไรๆ มันน่าเบื่อไปซะหมด ทำให้ข้ามองเห็นทุกอย่างในโลกนี้เหมือนฟองอากาศที่ว่างเปล่า เดี๋ยวเดียวก็แตกหายวับไป....ข้าเคยรู้สึกแปลกใจจริงๆ นะว่าคนบนโลกนี้อยู่กันได้ยังไงโดยไม่เบื่อ?
เสียงดังกริ๊งของอะไรบางอย่างดังข้ามประตูเหล็กมา เสียงใสกังวานนั้นทำให้ยูชุนขมวดคิ้ว
?ท่านซาคุจุน.... ของที่อยู่ในมือท่านตอนนี้คือ....?
?ท่านคิดว่าเป็นอะไรล่ะ??
เสียงดังกรุ๊งกริ๊งเป็นเสียงแห่งความรื่นเริงที่เหมือนจะสะท้อนสภาพภายในจิตใจของซาคุจุน
?ท่านซาคุจุน?
?ฮึๆ ถึงอยากจะบอก แต่ว่าเรื่องนี้ข้าบอกไม่ได้หรอก มันเป็นของเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ข้าระลึกถึงคนที่ข้ารู้สึกดีด้วยน่ะ?
น้ำเสียงหลงใหลจนชวนขนลุกทำให้ยูชุนเห็นภาพซาคุจุนหยิบของที่อยู่ในมือเข้ามาใกล้ริมฝีปากอย่างหลงใหลขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
?นี่ ยูชุน น่าแปลกจังเลยนะ ที่ผ่านมาข้าไม่เคยคิดเลยว่าแค่เอาหินที่มีอยู่ในโลกมารวมกัน แล้วเอามาประดับไว้ที่ผมของคนคนหนึ่ง จะทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าคิดว่าพิเศษได้ขนาดนี้?
ยูชุนถอนหายใจ ?ความรักเหรอ?
?ใช่ รักแรกไงล่ะ ทั้งยังเพิ่งจะเกิดขึ้นในปีที่ 29 ที่ข้าเกิดมาในโลกใบนี้ ช่วงวัยแห่งความสดใสของข้าทำไมช่างมาถึงช้าจังเลยนะ ช่วยอวยพรให้ข้าหน่อยสิ?
?แต่นางมีญาติสนิทชิดใกล้ที่น่ากลัว เลิกรักน่าจะดีกว่าใช่ไหมล่ะ?
?อือ ข้ารู้ เพราะข้าไปทักทายเป็นการส่วนตัวมาแล้ว แต่พฤติกรรมไร้มารยาทอย่างนั้นจะให้คิดยังไงดีล่ะ เขาควรจะถูกม้าเตะสักครั้งนะ ช่วยไปเตือนเพื่อนร่วมรุ่นของท่านอย่างนั้นด้วยก็ดี?
ยูชุนอึ้ง ....พยายามจับต้นชนปลาย จนพอจะรู้ว่าเรชินไปขวางทางรักของซาคุจุน แต่ว่าถ้าเรชินลงมือ ตอนนี้ซาคุจุนจะยังมีชีวิตอยู่หรือ ....ไม่สิ ตอนนี้ตระกูลโคยังไม่ได้ใช้อำนาจของตระกูลโค เรื่องนั้นยูชุนรู้ดี มีแต่ตัวโคเรชินเองมากกว่าที่จะลงมือกับซาซาคุจุน แต่เรื่องนั้นยูชุนไม่อาจเตือนได้ เพราะในพจนานุกรมของโคเรชินไม่มีคำกลางๆ อย่างคำว่า ?ตักเตือน? อยู่ในนั้น
ยูชุนลืมสถานการณ์ในปัจจุบันจึงเผลอยิ้มออกมา (คนที่ชอบลุยมุทะลุอย่างเรชินไม่ใช่คนที่จะควบคุมตัวเองเพื่อใคร) การที่เขาไม่ลงมือ ซึ่งแสดงให้เห็นด้วยการที่เรชินไม่ฆ่าซาคุจุนก็เพราะความรักหลานสาวนั่นเอง การที่เขาส่งจดหมายมาว่า ?ขอฝากด้วยจริงๆ? ซึ่งไม่สมกับเป็นตัวเขาเลยนั้น เป็นเพราะความรักที่มีต่อหลานสาวอีกเช่นกัน คนที่จะสามารถช่วยหลานสาวของเรชินได้มีแต่ยูชุนซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ว่าราชการประจำมณฑล
โคชูเร หลานสาวคนโตของตระกูลโคที่ได้เป็นขุนนางหญิงคนแรกของประเทศไซอุน และเป็นเด็กสาวที่ทำให้หัวหน้าเก่าอย่างเอนเซที่เกือบจะออกจากราชการได้กลับมาทำงานอีกครั้งหลังความวุ่นวายก่อนหน้านี้
?เป็นเพราะมีคนบอกว่าให้พยายามต่อไปน่ะ?
เขาคิดว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว แต่ตอนที่เขากลับมาก้มหัวขอโทษ ยูชุนไม่รู้จะขอบคุณชูเรอย่างไรดี และการที่ชูเรได้รับตำแหน่งผู้ว่าราชการประจำมณฑล คนที่ยินดียิ่งกว่าใครก็คือตัวของเอนเซเอง
เขาคาดหวังต่อพวกผู้ว่าราชการประจำมณฑลคนใหม่ที่ยังอ่อนต่อโลกมากจริงๆ....
?....ท่านอย่าไปยุ่งกับหัวหน้าที่รักของพวกเราเพราะอยากจะฆ่าเวลาเลย น่าจะรีบคิดดูใหม่อีกครั้งให้ดีแล้วคืน ?ดอกไม้? ที่อยู่ในมือนั่นไปเถอะ?
?....ฆ่าเวลา...เหรอ....?
ความเงียบเข้าปกคลุมเล็กน้อย ด้านนอกประตู ดูเหมือนซาคุจุนจะก้มหน้า เสียงปิ่นปักผมดังกรุ๊งกริ๊ง
?มีแต่คราวนี้ที่ข้าไม่คิดอย่างนั้น ข้าไม่จัดว่านั่นเป็นการฆ่าเวลา? น้ำเสียงกลั้วหัวเราะของซาคุจุนหายไปอย่างไม่รู้ตัว
?ข้าคิดว่าเป็นโชคดีจริงๆ ที่ข้าได้พบกับหญิงผู้นั้น....และซอนั่น ช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ข้าได้ฟังเสียงซอของนาง มันไม่น่าเบื่อเลย แม้ตัวข้าเองยังแปลกใจจนกลัวเลย?
ยูชุนขมวดคิ้ว ....กลัว?
ซาคุจุนพูดต่อไปโดยไม่ใส่ใจกับความเงียบของอีกฝ่าย
?ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครหรืออะไรที่ทำให้ข้าไม่เบื่อได้อย่างนั้น คนที่สีซอสุดโปรดของข้าได้มีแต่นางเท่านั้น ข้าอาจจะไม่ได้พบกับความผูกพันขนาดนั้นอีกแล้ว ข้าคิดว่านี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เพราะฉะนั้นข้าจึงรู้สึกว่าถ้าหากเบื่อเสียงนั้น ข้าคงไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว?
ดูเหมือนว่าซาคุจุนจะคิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ยูชุนเข้าใจความรู้สึกของจิตใต้สำนึกของเขาได้อย่างถูกต้อง ....ที่ยูชุนบอกว่าเป็นรักแรกดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ ในขณะที่เจ้าตัวยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองดีนัก
ทำไมถึงได้รู้สึกกลัว..... และด้วยเหตุใดจึงคิดว่านั่นจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
(ชายผู้นี้....)
ยูชุนประมวลข้อมูลเกี่ยวกับซาคุจุนใหม่ แล้วถอนใจเงียบๆ ในที่สุดก็ก้มหน้าลง
?กลับมาเข้าเรื่องเดิมของเราดีกว่า ...ตกลงว่าท่านมีธุระอะไร?
เสียงที่อยู่อีกฟากของประตูเล็กกลับมากลั้วหัวเราะเล็กน้อยเหมือนเดิม ราวกับเพิ่งคิดได้
?อ๋อ นั่นสินะ เป็นธุระของท่านปู่น่ะ เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ ด้วย?
ยูชุนรู้สึกเหมือนมองเห็นใบหน้าที่คมเข้มของซาคุจุนที่อยู่อีกฟากของประตูกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
?ดูเหมือนว่าท่านปู่อยากจะรีบปิดกั้นเมืองโคเรนเอาไว้ทุกทาง ตราบใดที่อำนาจการเป็นตัวแทนของผู้ว่าราชการประจำมณฑลยังอยู่ในมือท่าน?
ตอนนี้ยูชุนมีอำนาจในการปิดกั้นโคเรน เมืองหลวงประจำมณฑลซาได้จริงๆ ยูชุน ยูชุนตาวาว ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน
?ช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้ไหม ผู้ว่าราชการประจำมณฑลคนใหม่ยังไม่ได้เข้ามายังโคเรนไม่ใช่เหรอ?
?ก็เพราะอย่างนั้นล่ะมั้ง? หรือจะบอกว่าเป็นเพราะเรื่องนั้นรังควานจิตใจของปู่ข้าแต่แรกดีน้า?
?....แล้วถ้าข้าปฏิเสธล่ะ??
?คงจะเกิดอะไรหลายอย่างขึ้นในโคเรนล่ะมั้ง ....อ๋อ ท่านมีเรื่องที่อยากจะทำบ้างหรือเปล่าล่ะ? ข้าจะพยายามทำตามที่ท่านหวังให้ได้อย่างเต็มที่ รสนิยมของท่านคงไม่ได้เลวร้ายเท่าท่านปู่ข้าหรอก ข้าน่าจะทำให้เป็นจริงได้นะ ฮึๆ ลองบอกมาสิ ข้าว่าคงไม่มีเรื่องอะไรที่ข้าทำไม่ได้หรอกมั้ง??
?........?
?ท่านเองก็จวนจะหมดประโยชน์แล้ว นี่ไง ถ้าหากข้าไขกุญแจที่คล้องไว้ด้านในประตูนี้ให้ ท่านก็จะเลือกวิธีตายได้ตามใจชอบ ถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไปคงมีแต่จะเฉาตายใช่ไหมล่ะ? ดูเหมือนว่าท่านปู่จะตั้งใจไว้ว่าอย่างนั้นแหละนะ?
ยูชุนกำหมัดแน่น น้ำเสียงอ่อนโยนคล้ายกับเสียงร้องเพลงดังสะท้อนจากอีกฟากของประตู
?ไม่เป็นไรหรอก เทยูชุน พวกคนสำคัญของท่านน่ะ ถึงแม้จะถูกปิดกั้นก็ต้องหาทางเข้าเมืองมาได้อยู่ดี จริงไหมล่ะ? เรื่องแค่นั้นคงไม่ต้องให้ช่วยหรอกมั้ง ....เอาล่ะ ตอนนี้ถึงท่านจะดึงดันไปก็เปล่าประโยชน์ คนฉลาดอย่างท่านคงจะรู้ดีอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ข้าไม่ได้ต้องการคำตอบหรอก แต่ท่านจัดการกับความรู้สึกของตัวเองให้ได้ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินก็แล้วกัน ข้าไปล่ะ?
กริ๊ง....เสียงอัญมณีดังกังวานตามมา


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คณะของโคชูเรซึ่งได้รับมอบตำแหน่งผู้ว่าราชการประจำมณฑลซาตามคำสั่งของฮ่องเต้กำลังเดินทางไปยังโคเรน เมืองหลวงของมณฑลซา แต่ถ้าไม่สามารถเข้ารับตำแหน่งทันภายในระยะเวลาที่กำหนดก็จะถูกถอดจากตำแหน่ง ชูเรจึงต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการด้วยฝีมือของตระกูลซา ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ในท้องถิ่นที่ไม่ต้องการให้ผู้ว่าราชการประจำมณฑลคนใหม่เข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ แล้วคนที่ปรากฏตัวต่อหน้าชูเรก็คือซาซาคุจุน ชายอันตรายที่กระซิบบอกรักด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาด....!? อย่าพลาดตอนจบที่คาดไม่ถึง พบกับแฟนตาซีหลากสีสันเล่ม 5 ได้เลย!
รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”