New Release : ลำนำรักราชาปีศาจ 3

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : ลำนำรักราชาปีศาจ 3

โพสต์ โดย Gals »

ลำนำรักราชาปีศาจ ตอน ล่องเรือหรรษากับบรรดาเหล่าปีศาจ

1 วิกฤตการณ์ความอยู่รอดของโรงเรียนที่มาอย่างไม่คาดฝัน

ประเทศสาธารณรัฐเซาส์แลนด์เป็นประเทศเกาะ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปใหญ่
ทางตอนเหนือเป็นที่ตั้งของประเทศนอร์สแลนด์ซึ่งเดิมเป็นประเทศอิสระ ปัจจุบันมีระบบกฎหมาย การปกครองและการศึกษาเป็นของตนเอง โดยประเทศได้ใช้ความมั่งคั่งทางด้านทรัพย์สินและความสามารถทางด้านการติดต่อสื่อสารที่ได้รับจากอุตสาหกรรมต่อเรือมาเป็นภูมิหลัง ทำให้สมาชิกผู้ถือกำเนิดจากประเทศนอร์สแลนด์สามารถยึดครองตำแหน่งเก้าอี้ในสภาส่วนกลางของประเทศเซาส์แลนด์ได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งผู้คนเหล่านี้ก็ยังยืนกรานว่าตนเองเป็น ?ชาวนอร์สแลนด์? อีกด้วย
ณ เมืองแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงของประเทศนอร์สแลนด์ ชื่อว่าสตาร์เครส
เมืองนี้มีความงดงามของทัศนียภาพตามธรรมชาติ บริเวณศูนย์กลางเป็นที่ตั้งของปราสาทหินซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคกลาง ปราสาทสตาร์เครสแห่งนี้เดิมเป็นที่ประทับของพระราชาแห่งประเทศนอร์สแลนด์ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของประเทศสาธารณรัฐเซาส์แลนด์
ในบริเวณลึกสุดของปราสาทมีศูนย์บัญชาการของหน่วยปราบปีศาจ อันเป็นสถานที่ซึ่งไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้
?อย่างนี้นี่เอง นึกไม่ถึงเลยว่าคุณหนูจัสตินจะพยายามทำหน้าที่ในฐานะผู้ปราบปีศาจได้ดีถึงขนาดนี้?
เสียงของเบอร์เน็ตผู้เป็นหัวหน้าหน่วยปราบปีศาจกล่าวขึ้นอย่างสบายๆ ในห้องคุมขังอันเย็นยะเยือก
ใบหน้าของเขาแลดูเหมือนกับพวกนักวิชาการซึ่งเข้ากันได้ดีกับแว่นตารูปวงกลม ชุดที่สวมใส่เป็นชุดแต่งกายแบบลำลองของสุภาพบุรุษ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตกับเนคไทสีขาว มีเสื้อกั๊กสำหรับเปลี่ยนใหม่ทำเป็นลวดลายอันละเอียดอ่อนสีเขียวมะกอกกับสีดำ ถึงการแต่งกายนั้นจะดูเรียบง่ายธรรมดา แต่ทุกสิ่งนับตั้งแต่เสื้อเชิ้ตไปจนกระทั่งถึงกระดุมโลหะที่ติดอยู่บนแขนเสื้อรวมทั้งรองเท้าหนังที่ขัดเสียจนมันวาว เพียงแค่มองแวบเดียวก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นของชั้นสูง
นอกจากนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นนำราคาแพงทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะพรมผืนหนาที่ได้รับการถักทอมาอย่างดี ภาพวาดที่แขวนอยู่บนฝาผนัง ฉากกั้นสำหรับประดับตกแต่งตามสไตล์ของซีกโลกตะวันออกซึ่งวาดเป็นรูปนกกับต้นไม้ด้วยสีสันอันสดใส ตรงหน้าเตาผิงขนาดเล็กก็มีแผ่นหนังปูไว้ หรือแม้แต่เก้าอี้ที่เบอร์เน็ตนั่งก็ทำมาจากไม้มะฮอกกานีซึ่งแกะสลักลวดลายเอาไว้อย่างสวยงาม ที่สำคัญตรงด้านข้างของเขายังมีเด็กหนุ่มรับใช้ ผู้มีใบหน้างดงามจนดูราวกับว่าเป็นเด็กสาวอยู่อีกคนหนึ่งด้วย
แม้จะมีแต่สิ่งของล้ำค่าอยู่เต็มไปหมดก็ตาม แต่สถานที่แห่งนี้ก็เป็นห้องคุมขัง
ภายในห้องนั้นเบอร์เน็ตกำลังสนทนากับลูกน้องคนหนึ่งชื่อยูเรียนโดยคุยผ่านประตูลูกกรงในห้อง ซึ่งได้รับการตกแต่งประดับประดาราวกับว่าเป็นห้องเล็กสำหรับให้ผู้สูงศักดิ์ได้พำนักอยู่ที่นั่น
ส่วนผู้ที่ยืนอยู่บนทางเดินหินอันเย็นยะเยือกซึ่งแตกต่างไปจากบรรยากาศภายในห้องคุมขังอย่างสิ้นเชิงราวกับคนละขั้วก็คือยูเรียน ผู้กองแห่งหน่วยปราบปีศาจนั่นเอง เขาได้กล่าวตอบออกไปว่า
?ครับ นอกจากจัสตินจะสามารถปราบปีศาจอาร์เมอร์ (อาวุธหอก) ระดับสูงสุดซึ่งเป็นลูกน้องของคิวริออสโดยอาศัยพลังของเร็กซ์ที่ถูกผนึกไว้ในหนังสือเวทมนตร์ได้แล้ว เธอก็ยังทำสัญญากับเออร์เดนผู้เป็นปีศาจอาร์เมอร์ และฟิอัสตาร์คัส (ท่านมาควิสแห่งเปลวเพลิง) ลูกน้องของเร็กซ์ โดยผ่านหนังสือเวทมนตร์เล่มนั้นได้อีกด้วย จากนี้ไปเออร์เดนก็คงจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเธออย่างแน่นอน?
?เรื่องมันชักจะยุ่งยากซะแล้วสิ หากถึงคราวจำเป็นขึ้นมาเราจะจัดการกับเธอได้ลำบากมากขึ้น ถ้าสามารถควบคุมหนังสือเวทมนตร์เล่มนั้นได้ล่ะก็ เราคงสามารถจัดการกับพวกนั้นให้หมดไปพร้อมกันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากทำได้ เราก็คงจะทำไปนานแล้ว อย่างน้อยหากฉันมีโอกาสได้ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้นโดยตรงสักหน่อยก็คงจะดี?
เบอร์เน็ตพูดพลางถอนหายใจยาว ก่อนจะเลือกหยิบซิการ์จากในกล่องที่เด็กหนุ่มรับใช้ยื่นส่งมาให้ขึ้นมาหนึ่งมวน
ฝ่ายยูเรียนพอได้ฟังก็ตอบด้วยใบหน้านิ่งเฉยโดยมิได้แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
?จัสตินอาจจะยังขาดประสบการณ์ของผู้ปราบปีศาจอยู่บ้าง แต่หากเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนอื่นโดยทั่วไปแล้วนับว่ามีความกล้าหาญอยู่มาก หากได้รับการฝึกฝนล่ะก็อาจจะพอใช้งานได้นะครับ?
?หือ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เกลียดผู้หญิงอย่างยูเรียนจะพูดเรื่องเช่นนั้นออกมาได้ รึว่านายเกิดนึกสนใจในตัวของแม่สาวน้อยนั่นขึ้นมาซะแล้ว? ไม่ได้หรอกนะ เพราะหากถึงคราวจำเป็นขึ้นมา คนที่จะต้องเป็นผู้กำจัดเธอก็คือนายเองนั่นแหละ?
เบอร์เน็ตกล่าวถึงสิ่งที่น่ากลัวออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย พร้อมกับหยิบมีดสีเงินขึ้นมาตัดปลายซิการ์ทิ้งไป
ยูเรียนมองตามปลายซิการ์ส่วนที่ถูกตัดจนร่วงกลิ้งหล่นลงไปบนโต๊ะเล็กๆ ก่อนจะตอบสั้นๆ ว่า
?ทราบแล้วครับ?
ครั้นจุดไฟแล้วยกซิการ์ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปาก เบอร์เน็ตก็ระบายยิ้มอันสดใสออกมาและกล่าวว่า
?ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเป็นนายล่ะก็ต้องทำได้แน่ ฉันมั่นใจ เพราะนายคุ้นเคยกับการฆ่าอยู่แล้วนี่นา ไม่ว่าจะเป็นการสังหารผู้คนรึว่าปีศาจ สุดท้ายแล้วปัญหามันอยู่ที่ความคุ้นเคยซะเป็นส่วนใหญ่ หากเราคุ้นเคยกับมันล่ะก็ ทุกอย่างจะดำเนินไปได้สวยเอง ตอนแรกไม่ว่าใครก็ยังไม่ค่อยชำนาญกันทั้งนั้นแหละ แต่พอคิดอย่างนั้นขึ้นมาแล้ว การที่จัสตินสามารถจัดการกับปีศาจที่มีพลังร้ายกาจถึงระดับนั้นได้ในครั้งแรก คงต้องถือว่ามีพรสวรรค์มากทีเดียว....อืม ถ้าอย่างงั้นเราก็ขอให้สาวน้อยจัสตินผู้ปราบปีศาจนั่นทำตัวเป็นประโยชน์ต่อไปอีกหน่อยก็แล้วกัน เพราะดูท่าทางคงจะใช้การได้อยู่หลายอย่าง นายคิดว่ายังไง? ยูเรียน?
เบอร์เน็ตพูดติดต่อกันอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนยูเรียนหยุดคิดไปสักพักหนึ่งก่อนจะกล่าวตอบออกมาอย่างช้าๆ ว่า
?เรื่องนี้ผมไม่สามารถตัดสินใจเองได้ หน้าที่ในการคิดคือภารกิจของผู้เป็นหัวหน้า ส่วนผมเป็นเพียงเบี้ยหมากรุกที่คอยรับคำสั่งและปฏิบัติตามเท่านั้น?
?หึหึ ดีมาก เป็นคำตอบแบบกำปั้นทุบดินที่น่าเบื่อดีจริงๆ! ผู้ที่เคยเป็นทหารมาก่อนก็อย่างนี้ล่ะนะ พูดอะไรเข้าใจง่ายก็จริงอยู่ แต่มันออกจะน่าเบื่อเกินไปสักหน่อย ???จริงสิ แล้วตอนนี้ท่านพ่อของจัสตินเป็นยังไงบ้างล่ะ??
ครั้นหัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ยูเรียนก็น้อมศีรษะลงอย่างเป็นทางการ
?ดูเหมือนจะยังหลบซ่อนตัวอยู่ในโลกปีศาจครับ เราไม่อาจทราบได้แน่ชัดว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่ ต้องขอประทานโทษด้วย?
?อย่างงั้นเหรอ อืม....เรื่องการสำรวจโลกปีศาจดูท่าทางเทคโนโลยีของเราจะยังขาดความแม่นยำอยู่นะ คงต้องหาวิธีทำอะไรสักอย่าง ในยามสงครามการที่เราจะถือไพ่เหนืออีกฝ่ายได้นั้น มันขึ้นอยู่กับปริมาณของข้อมูลซะด้วย แต่เอาเถอะ ยังไงก็ตาม มนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่จะไม่สามารถอยู่บนโลกปีศาจได้นานนักหรอก อีกไม่ช้าก็คงต้องปรากฏตัวออกมาเอง ส่วนจัสตินคงจะเป็นห่วงและกำลังตามหาตัวท่านพ่ออยู่แน่ๆ?
?คงจะใช่ครับ บางครั้งเห็นเธอใช้สัญลักษณ์บางอย่างที่ดูคล้ายกับรหัสลับลงประกาศอยู่ในหนังสือพิมพ์ บางครั้งก็พบร่องรอยที่บ่งบอกว่าเธอได้นำเอกสารกับข้อมูลที่ยืมมาจากพวกเราไปใช้ในการตรวจสอบค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับท่านพ่อด้วย?
ยูเรียนตอบไปโดยไม่ลังเล เพราะหน้าที่ของเขาก็คือการเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมของจัสติน ซึ่งเป็นผู้ปราบปีศาจคนใหม่ รวมทั้งคอยให้ความช่วยเหลือ แต่ทว่าดูเหมือนการเฝ้าจับตาดูนั้นจะรวมไปถึงการดำเนินชีวิตประจำวันของเธอด้วย
เบอร์เน็ตอมยิ้มแสดงความสนใจออกมา ขณะนั่งเท้าคางอยู่บนพนักพิงแขนเก้าอี้
?นายนี่ก็พยายามเฝ้าจับตาดูอีกฝ่ายได้ดีเหลือเกินนะ จัสตินมีอะไรบางอย่างเหมือนกับพระราชินีในสมัยที่ยังทรงพระเยาว์ เมื่อครั้งก่อนหน้าจะทรงฉลองพระองค์อยู่ในชุดไว้ทุกข์ เด็กคนนั้นเป็นผู้มีความมุมานะ อีกทั้งฉายแสงส่องประกายเจิดจ้า คงเป็นเพราะว่าเธอมีจิตวิญญาณอยู่นั่นเอง ฉันพอจะเข้าใจอยู่หรอก หากนายจะรู้สึกนึกชอบเขาขึ้นมาก็คงไม่แปลก อ้อ แต่ว่านะ ยูเรียน ไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องของท่านพ่อให้จัสตินรู้หรอก คิดว่านายคงจะเข้าใจดีใช่ไหม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เราจะทิ้งไพ่ตายให้กับเธอ จนกว่าจะถึงตอนนั้นหากเจ้าตัวเขายังมีชีวิตอยู่ก็คงจะดีหรอก ....เอาล่ะ กลับไปเฝ้าติดตามดูเธอต่อได้แล้ว ระวังอย่าให้หนังสือเวทมนตร์เล่มนั้นตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูได้ล่ะ เพราะศัตรูของพวกเรากับพระราชินีนั้นมีอยู่มากมายเป็นภูเขาเลยทีเดียว?

***************

นับระยะทางห่างจากเมืองสตาร์เครสซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการของหน่วยปราบปีศาจออกไปประมาณ 15 กิโล
ที่นี่มีปราสาทหินสวยงามแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ บนผืนแผ่นดินอันเงียบสงบของที่ราบในเขตประเทศนอร์สแลนด์ ปราสาทแห่งนี้คือโรงเรียนของจัสติน มีชื่อว่าโรงเรียนเชอร์สวานคอลเลจ
เดิมเป็นปราสาทของตระกูลท่านดยุคเชอร์สวานที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น แต่ด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้สถานที่แห่งนี้ต้องกลายมาเป็นโรงเรียนชายล้วนซึ่งมีระบบหอพักสำหรับนักเรียนประจำทุกคน ปัจจุบันท่านดยุคเชอร์สวานผู้เป็นเจ้าของ รวมทั้งเป็นท่านพ่อของจัสตินได้หายสาบสูญไปโดยปราศจากร่องรอย ดังนั้นจัสตินผู้เป็นบุตรสาวจึงต้องทำหน้าที่เป็นครูใหญ่คอยบริหารงานอยู่เบื้องหลังร่วมกันกับคุณเลขาฯ เพื่อดำเนินกิจการของโรงเรียนต่อไป
แต่ด้วยเหตุที่จัสตินยังมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น การบริหารงานโรงเรียนจึงออกจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่พอสมควร แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วเธอยังมีโฉมหน้าอื่นๆ อีก
อย่างแรกเลยก็คือโฉมหน้าของสาวใช้ชื่อจาเน็ต ซึ่งเป็นโฉมหน้าที่พวกคุณครูกับเด็กนักเรียนรวมทั้งคนใช้ทั้งหลายได้เห็น
ส่วนอีกโฉมหน้าหนึ่งคือผู้ปราบปีศาจ ทำหน้าที่คอยบังคับบัญชาปีศาจผู้มีพลังมากให้ทำการต่อสู้
และแล้วในช่วงบ่ายวันหนึ่งของฤดูใบไม้ร่วงก็ปรากฏร่างของเธออยู่ในห้องคุณครูใหญ่
หลังจากทำงานของสาวใช้เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วในช่วงแรก ตามปกติก็จะได้เวลาของการตรวจเอกสารที่คุณเลขาฯ เป็นผู้ส่งมาให้ รวมทั้งเป็นเวลาสำหรับการศึกษาเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพิ่มเติม
แต่วันนี้เธอกลับยกกองเอกสารทั้งหมดไปไว้ด้านข้าง เพราะกำลังเผชิญหน้าอยู่กับใครคนหนึ่ง???ซึ่งหากจะพูดกันให้ถูกต้องจริงๆ แล้วก็คงต้องบอกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์
????โธ่ พอแค่นี้เถอะนะ?
ทันทีที่จัสตินกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ก็มีเสียงหวานๆ แบบหล่อลุ่มลึกตอบกลับมาว่า
?ทำไมล่ะ? ฉันยังไม่อยากให้มันจบสิ้นลงแค่นี้เลย จะว่าไปแล้วก็เพิ่งเริ่มต้นเมื่อไม่นานมานี้เองนี่นา....ใจร้อนเหมือนกันนะเธอนี่?
เสียงนั้นช่างหล่อเหลาบาดใจ ฟังแล้วทำให้รู้สึกจั๊กจี้ที่ใบหู อีกทั้งยังอ่อนโยนและลุ่มลึก แต่แฝงไว้ด้วยความมืดอันลึกล้ำเหนือคำบรรยาย
เพียงแค่ได้ฟังก็ทำให้หัวใจต้องสั่นระรัว แม้ในขณะนี้ร่างกายก็แทบจะถูกตรึงเอาไว้ด้วยมนต์สะกดอย่างเหนียวแน่นจนแทบจะขยับเขยื้อนไม่ไหว
(???เราจะยอมทำตามที่อีกฝ่ายพูดไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเขามักจะใช้วิธีนี้อยู่เป็นประจำ)
จัสตินพยายามบอกกับตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะกำหมัดแน่นและเงยหน้าขึ้น
ตรงเบื้องหน้าของเธอมีร่างบุคคลผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่นิ่งๆ พอสายตาของเขาสบเข้ามาหาเธอ ชายหนุ่มผู้นั้นก็แย้มรอยยิ้มออกมาด้วยใบหน้าสีขาวผ่อง ใสแจ๋ว งดงามราวกับรูปปั้นแกะสลัก แต่ในขณะเดียวกันใบหน้านั้นก็ให้ความรู้สึกลึกลับที่เป็นปริศนาซ่อนเร้นอยู่ด้วย
ถูกแล้ว บรรยากาศรอบตัวชายผู้นี้มักจะมีร่องรอยแห่งความมืดที่ไม่ชอบมาพากลแอบแฝงไว้อยู่เสมอ สถานที่ที่เขาอยู่ก็มักเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความมืด ทันทีที่แสงสว่างอันอ่อนโยนซึ่งสาดส่องเข้ามาจากหน้าต่าง เมื่อได้สัมผัสแตะต้องตัวเขาก็มีอันต้องสีสันจืดจางไปในชั่วพริบตา
หรือแม้แต่ดวงตะวันที่ทอแสงอันเจิดจ้าก็ยังต้องยอมสยบต่อหน้าชายหนุ่มผู้นี้ ซึ่งมีนามว่าเร็กซ์
ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็คือปีศาจผู้มีบรรดาศักดิ์สูงสุดในโลกปีศาจ ครั้งหนึ่งเขาถูกจอมขมังเวทผู้ยิ่งใหญ่ผนึกไว้ในหนังสือเวทมนตร์ แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นปีศาจผู้รับใช้ของจัสติน
หลังจากพยายามมองจ้องเร็กซ์ซึ่งมีพลังอำนาจมหาศาลแผ่กระจายออกมาจากรูปร่างอันเพรียวบางของเขา จัสตินก็ต้องพยายามฝืนใจกล่าวต่อไปว่า
?เร็กซ์....แต่ว่านะ ขืนทำอย่างนั้นล่ะก็ มีหวังทุกคนต้องโชคร้ายไปกันหมดแน่ ฉันไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย?
ถึงแม้เด็กสาวจะพยายามเรียกร้องยังไง แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่มีทีท่าตอบสนองกลับมาเอาซะเลย
เร็กซ์ค่อยๆ แย้มรอยยิ้มออกมามากขึ้น พร้อมกับใช้นิ้วแตะที่แก้มของเธอเบาๆ
มือของเขาข้างนั้นเย็นเฉียบ ดวงตาสีแดงยาวรีเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนชวนให้หลงใหล ซึ่งในขณะนี้มันกำลังสะท้อนภาพของเธออยู่ในแววตา
?เธอเพียงแต่ไม่เข้าใจเท่านั้นเอง จัสติน ว่ากำลังถูกรูปลักษณ์ภายนอกหลอกลวงมากจนเกินไป หัดมีความกล้าขึ้นมาอีกหน่อยสิ....รับรองว่าจะได้เห็นความจริงบางอย่างกระจ่างชัดขึ้นมาอย่างแน่นอน?
ถ้อยคำที่น่าอัศจรรย์ใจเหล่านั้นถูกกล่าวขึ้นแผ่วๆ ด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวาน เพียงแค่ฟังก็ทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ เมื่อเสียงนั้นมาผนวกเข้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาสุดขั้วที่เจ้าตัวยื่นเข้ามาใกล้เสียจนทำให้หน้ามืดอยู่ในขณะนั้น จัสตินก็รู้สึกว่าเธอกำลังถูกอีกฝ่ายจู่โจมเข้ามาอย่างหนัก
(อึก....ไม่รู้ว่าเรากำลังเคลิบเคลิ้มหรือว่าหน้ามืดตาลายกันแน่ นี่ถ้าหากเราชอบผู้ชายหน้าตาหล่อเฉียบขาดล่ะก็ ป่านนี้คงจะหลงใหลไปกับการล่อลวงของเร็กซ์ รวมทั้งทุกอย่างก็คงจะดำเนินไปง่ายกว่านี้แล้วล่ะ???อ๊ะ! ไม่ได้นะ ไม่ได้สิ เราจะคิดแบบนั้นไม่ได้เป็นอันขาด! อย่างน้อยเราเองก็มีสิ่งที่ตัวเราเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้อยู่ไม่ใช่เหรอ)
เรื่องที่จัสตินเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้
นั่นก็คือในฐานะเจ้านายของเขา เธอจะต้องไม่หลงใหลไปกับใบหน้าอันงดงามและคำล่อลวงนั่น โดยบอกความจริงกับเร็กซ์ไป เพื่อที่จะสามารถควบคุมราชาปีศาจไม่ให้แผลงฤทธิ์ทำในสิ่งที่เลวร้ายออกไป
คิดแล้วจัสตินก็หันไปมองหน้าเขาใหม่อีกครั้ง ด้วยสายตาที่จริงจังพร้อมกับกล่าวว่า
?ไม่หรอก ในโลกใบนี้ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่เห็นแต่รูปร่างแค่ภายนอกก็รู้ได้ทันทีอยู่เหมือนกัน ยังไงก็ตาม ฉันว่าเจ้าขนมเค้กก้อนนี้ไม่มีทางอร่อยเด็ดขาด!?
พูดพลางปลายนิ้วเธอก็ชี้ไปยังจานเงินใบใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะไม้อันแข็งแกร่ง
สิ่งที่วางอยู่บนจานใบนั้นเป็นวัตถุรูปร่างหน้าตาประหลาดพิลึก ทำเป็นรูปครึ่งวงกลมขนาดใหญ่พอกับที่คนผู้หนึ่งจะโอบเอาไว้ได้ มิหนำซ้ำพื้นผิวของมันยังขรุขระไปตลอดทั้งก้อน รวมทั้งมีสีแดงปนดำผสมกันอยู่เต็มไปหมด
ไม่ว่าจะดูจากตรงไหนก็ล้วนแล้วน่าขยะแขยง ไม่คิดอยากจะลองเอาเข้าปากดูซะเลย
เร็กซ์เหลือบตามองดูเจ้าวัตถุรูปร่างประหลาดนั่นอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ในขณะที่ลูบแก้มของจัสตินเบาๆ
?นั่นคือข้อเท็จจริงที่เธอคิดอย่างงั้นหรือ? มันออกจะแปลกอยู่นะ ในเมื่อเค้กที่ทำออกมาครั้งนี้ก็ฟูดีนี่นา ที่ผ่านมายังไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำได้วิเศษขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ?
?เรื่องนั้นมันก็จริงอยู่ แต่สีสันที่ออกมามันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะ มิหนำซ้ำพอดูให้ดีๆ แล้วผิวหน้าของมันยังมีลวดลายประหลาดเหมือนกับใบหน้าของคนถูกคำสาปยังไงยังงั้น....ฉันว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลอยู่แน่ๆ?
จัสตินยังคงยืนยันความคิดเห็นอยู่อย่างเดิม พร้อมกับพยายามหลบหลีกมือของเร็กซ์ซึ่งคอยแตะเข้ามาบนแก้มอยู่หลายครั้งจนทำให้รู้สึกจั๊กจี้
เจ้าวัตถุรูปร่างหน้าตาประหลาด....ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเจ้าสิ่งที่น่าจะเป็นขนมเค้กอันน่าขยะแขยงก้อนนั้นคือผลงานของเร็กซ์นั่นเอง เขาตั้งใจอบมันขึ้นมาด้วยฝีมือของตนเองโดยไม่ใช้เวทมนตร์ใดๆ ทั้งสิ้น วัตถุดิบที่ใช้ก็แน่นอนว่าคือแป้งสาลี ไข่ไก่ น้ำ เนย แล้วก็ของกินชนิดอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้วัตุประหลาดน่าหวาดกลัวก้อนนั้นถือกำเนิดขึ้นมาได้เลยแม้แต่อย่างเดียว ....เรื่องมันก็ควรจะเป็นไปเช่นนั้น แต่ทว่าในเมื่อสิ่งนั้นถือกำเนิดขึ้นมาแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
?จริงอยู่ว่าฉันเห็นเธอมีพลังมหาศาลแต่กลับไม่มีกะจิตกะใจอยากทำอะไรเลยสักอย่าง มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ดังนั้นถึงได้แนะนำให้ลองทำอาหารดู แต่นึกไม่ถึงเลยนี่ว่าเธอจะไม่มีพรสวรรค์ขนาดนี้....จะบอกว่ายังไงดีล่ะ ยิ่งทำก็ยิ่งดูเหมือนมันจะแย่หนักลงไปกว่าเดิมรึเปล่า??
ขณะที่จัสตินกำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้น เร็กซ์ก็เสกช้อนเงินออกมากลางอากาศ
?ลวดลายที่เห็นอยู่บนผิวหน้าคงเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้นแหละ ไม่เป็นไรหรอก???ถึงรูปลักษณ์ภายนอกจะไม่ถูกใจเธอเท่าไหร่ แต่หากได้ลองชิมดูล่ะก็ รับรองว่าจะต้องฝันหวานจนเคลิบเคลิ้มและลืมตัวไปเลยแน่ๆ ....เอ้า! ลองอ้าปากชิมดูหน่อยสิ?
?ฝันที่พูดถึงนี่หมายถึงสิ่งที่เห็นตอนใกล้จะตายรึเปล่านะ....?
จัสตินบ่นพึมพำออกมาเบาๆ แต่เร็กซ์ก็ไม่มีทีท่าว่าสนใจจะถกปัญหาในหัวข้อนี้ต่อไปเลย เขาเสียบช้อนเงินลงไปบนเค้กที่อุตส่าห์ทำขึ้นมาดังฉึก!
ในตอนนั้นรู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงร้องดัง ?อ๊าาาา???? ขึ้นมา คลับคล้ายคลับคลากับเสียงกรีดร้องเล็กๆ ดังมาจากขนมเค้กก้อนนั้น ทำเอาเด็กสาวถึงกับสั่นสะดุ้ง
ไม่รู้ว่าเร็กซ์ได้ยินเสียงนั้นด้วยรึเปล่า หรือเป็นเพราะว่าไม่อยากจะใส่ใจกันแน่ เขาเพียงแต่ใช้ช้อนตักเค้กชิ้นเล็กๆ สีแดงดำขึ้นมาพร้อมกับกวักมือเรียกเธอเข้าไปด้วยท่วงท่าอันสง่างาม
ครั้นดูใบหน้าของเขาเปรียบเทียบกับเจ้าขนมเค้กชิ้นนั้นแล้ว จัสตินก็ครุ่นคิดอย่างหนัก
(เราจะทำยังไงกับเจ้านี่ดีนะ....? ในเมื่ออีกฝ่ายเขาอุตส่าห์แนะนำมาให้ถึงขนาดนี้ ควรจะลองชิมดูสักหน่อยดีไหมนะ ถึงรูปลักษณ์ภายนอกของมันจะเลวร้ายยังไงก็ตาม แต่การที่จอมขี้เกียจอย่างเร็กซ์ถึงกับอุตส่าห์ตั้งอกตั้งใจทำขึ้นมาก็เป็นเรื่องจริง อีกอย่างวัตถุดิบที่ใช้ก็ไม่ได้มีสิ่งของกินไม่ได้ผสมอยู่เลย นอกจากนี้เราไม่อยากให้คนอื่นต้องพลอยมาเดือดร้อนไปด้วย หากเป็นคนที่ชอบของประหลาดพิลึกพิลั่นล่ะก็ คงจะหลงใหลไปกับความพิสดารอันสุดขั้วของเจ้าขนมเค้กนี่แล้วก็เป็นได้....)
สิ่งสำคัญก็คือ หากปล่อยให้เร็กซ์หมดกำลังใจไปเสียก่อน มีหวังคงได้กลับเป็นจอมขี้เกียจที่ดีแต่เที่ยวหว่านเสน่ห์ล่อลวงเขาไปทั่วด้วยอารมณ์ซังกะตายเหมือนเดิมแน่ ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ไม่เอาด้วยหรอก ยังไงก็ตามเราต้องหาทางหลีกเลี่ยงเรื่องนั้นให้จงได้
ถ้างั้นคำตอบก็เหลืออยู่ข้อเดียวแล้วสินะ
ตอนที่เด็กสาวกำลังจะอ้าปากด้วยใบหน้าแหยๆ ก็ปรากฏว่ามีร่างของใครคนหนึ่งเข้ามาแทรกบังตัวเธอไว้
?เดี๋ยวก่อนครับ ท่านเร็กซ์ ขอผมกินเจ้านั่นหน่อยได้ไหม!? ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ท้องมันก็เกิดร้องจ๊อกๆ หิวโหยขึ้นมาอย่างกะทันหัน....?
?เออร์เดน? เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมจู่ๆ ถึงได้....?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างปุบปับทำให้จัสตินรู้สึกแปลกใจจนต้องกะพริบตาปริบๆ
ผู้ที่เข้ามาแทรกกลางอยู่ระหว่างเธอกับเร็กซ์เพื่อจะปกป้องจัสตินเอาไว้เป็นเด็กหนุ่มผมสีแดงประกาย ดวงตาสีทอง นิสัยท่าทางร่าเริงสนุกสนาน หากดูจากการแต่งกายในชุดทหารสีเทาซึ่งคล้ายกันกับชุดของราชาปีศาจแล้วล่ะก็จะทราบได้ทันทีว่าเขาเป็นปีศาจลูกน้องของเร็กซ์นั่นเอง
เออร์เดนหันไปมองหน้าจัสตินอยู่แวบหนึ่งพลางยิ้มหวานและหลิ่วตาให้
?ไม่ต้องห่วงนะแม่สาวน้อย ในที่นี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง เธอค่อยๆ หาทางหลบหนีไปก่อนเถอะ?
?เอ๋? เอ้อ ขอบคุณนะ ฉันดีใจจริงๆ แต่ว่า....ตอนนี้ฉันเองก็ชักเริ่มจะอยากลองชิมขนมเค้กก้อนนั้นขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ?
จัสตินกล่าวด้วยท่าทางลังเลใจ ฝ่ายเร็กซ์เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก พร้อมกับใบหน้าซึ่งยังอมยิ้มอยู่เหมือนเดิม
?เออร์เดน มัวทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ เมื่อครู่นายเพิ่งจะกินขนมปัง Shotbread ที่คุณเลขาฯ เตรียมไว้ให้เสียจนหมดเกลี้ยง ทำเอาลูนาเอร้องไห้ไปเลยไม่ใช่เหรอ??
?เอ๋? มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอครับเนี่ย แต่ของแค่นั้นมันไม่พอหรอกครับ ก็รสนิยมของแม่สาวน้อยทำให้ผมไม่ได้กินพวกมนุษย์เอาซะเลย นับวันท้องไส้มันก็เริ่มจะร้องจ๊อกๆ ขึ้นมาง่ายๆ แต่เอาเถอะ ถ้าเพื่อแม่สาวน้อยล่ะก็ เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง ตอนนี้ผมเองก็เป็นปีศาจระดับสูงกับเขาแล้วเหมือนกัน หากมีความตั้งใจซะอย่าง ต่อให้ต้องกินหญ้าแถวๆ นั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ เฮ้อ ความรักเนี่ยมันช่างยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน เพิ่งจะได้รู้เป็นครั้งแรกก็เมื่อไม่นานมานี้แหละ จริงไหมครับ ท่านเร็กซ์??
เออร์เดนพูดพลางเอียงคอให้แลดูน่ารัก แต่เร็กซ์กลับอมยิ้มออกกว้างเป็นเชิงเย้ยหยัน
?โฮ่! อย่างงั้นเหรอ ถ้างั้นให้ฉันช่วยเสกนายกลายเป็นหอยทากไปเดี๋ยวนี้เลยไหมล่ะ อยากลองคลานต้วมเตี้ยมแบบนั้นไปตลอดชีวิตเลยรึเปล่า??
?โอ้โห....! เล่นข่มขู่กันตรงๆ จนผมแทบสะดุ้งไปเลยนะครับเนี่ย มิหนำซ้ำจิตสังหารยังรุนแรงอีกต่างหาก ให้ตายเถอะ หมู่นี้ท่านเร็กซ์ดูสดชื่นแข็งแรง พูดจาตรงไปตรงมา เข้าใจง่ายดีจริงๆ เลย?
ภาพของทั้งคู่ที่มองเห็นอยู่ในขณะนั้นช่างเหมือนกับละครตลกซึ่งมีรังสีอำมหิตแผ่กระจายไปทั่ว จนอาจจะทำให้พวกมนุษย์ที่อ่อนแอหรือปีศาจตัวเล็กๆ เป็นลมหมดสติไปเลยก็ได้ แต่ฝ่ายจัสตินเห็นแล้วกลับเอียงคอสงสัยอยู่นิดๆ
(เอ เพราะอะไรกันนะ หมู่นี้นับวันพวกเร็กซ์ดูท่าทางจะสนิทสนมกันมากขึ้นทุกที จนเราเหมือนจะกลายเป็นคนนอกไปเลยรึเปล่านะ?)
คิดแล้วก็ชวนให้เกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมานิดหน่อย โดยหารู้ไม่ว่าอันที่จริงแล้วทั้งสองฝ่ายต่างทะเลาะถกเถียงกันด้วยเรื่องของตัวเธอเองอยู่
(จริงสิ หากเร็กซ์กับเออร์เดนเกิดถกเถียงกันล่ะก็ แน่นอนว่าลูนาเอคงไม่นั่งฟังอยู่เฉยๆ เป็นแน่)
จากประสบการณ์หลายเดือนที่ผ่านมาทำให้เธอต้องเหลือบมองไปยังเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง จังหวะนั้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่เด็กหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่ได้ลุกขึ้นยืนพรวดพราดขึ้นมา เขาคือลูกน้องของเร็กซ์อีกคนหนึ่ง ชื่อว่าลูนาเอนั่นเอง หนุ่มน้อยผู้นี้มีใบหน้างดงาม ผมสีน้ำเงินแกมฟ้า ดวงตาสีคราม รวมทั้งมีท่าทางเย็นชา
หากนิ่งเงียบไม่ปริปากพูดล่ะก็ เขาคงจะดูเหมือนกับเทวดาหรือตุ๊กตาตัวน้อยๆ แต่ทว่าเมื่อมาเจอกับสถานการณ์ที่หัวหน้าและพวกพ้องกำลังลำบากอยู่ ก็แน่นอนว่าเจ้าตัวคงไม่อาจจะทนนิ่งเฉยอยู่ได้
?....ฉันนั่งฟังอยู่นานตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วนะ เออร์เดน! นายเห็นท่านเร็กซ์เป็นใครกันแน่ รู้จักแสดงกิริยามารยาทของความเคารพให้มันมากกว่านี้สักหน่อยสิ เจ้าสัตว์ประหลาด!?
ลูนาเอตวาดเสียงดังฟังชัดด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว แต่ฝ่ายเออร์เดนที่ถูกตวาดกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยท่าทางดีใจอย่างน่าประหลาด
?โอ๊ะโอ๋ เสียใจด้วยนะ ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเรื่องความเคารพอะไรนั่นก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ ในเมื่อฉันคอยติดตามรับใช้ท่านเร็กซ์ด้วยสัญญาที่เราเคยตกลงกันเอาไว้ว่าสักวันฉันจะต้องสังหารท่านให้จงได้ เพราะฉะนั้นคุณชายลูนาเอก็ช่วยกรุณานั่งนิ่งๆ ดื่มชาใส่น้ำตาลต่อไปก่อนก็แล้วกัน ไม่ว่านายหรือท่านเร็กซ์จะพูดยังไงก็ตาม ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เฉพาะกับเจ้าขนมเค้กก้อนนี้เท่านั้นที่ฉันจะไม่มีวันยอมปล่อยให้แม่สาวน้อยต้องกินเข้าไปเป็นอันขาด?
?เออร์เดน....ยอดไปเลย!?

+++++++++++++++++++++++++++++++++
ท่ามกลางชีวิตประจำวันของจัสตินที่ยังคงต้องต่อสู้กับการตามตื๊อเกาะแกะของราชาปีศาจเร็กซ์ผู้หล่อเหลาอยู่นั้น จู่ๆ วันหนึ่งก็ได้มีจดหมายเชิญมาเข้าร่วมแข่งขันทดสอบความสามารถระหว่างโรงเรียนจากสมาคมครูใหญ่ จัสตินจะได้รับการยอมรับในฐานะครูใหญ่ก็ต่อเมื่อโรงเรียนของเธอเป็นผู้ชนะเลิศเท่านั้น เธอกับพวกเร็กซ์รวมทั้งเด็กนักเรียนจึงออกเดินทางด้วยเรือสำราญเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันโดยห้ามใช้พลังเวทมนตร์ใดๆ ทั้งสิ้น! แต่แล้วสถานการณ์กลับพลิกผันเผยให้เห็นแผนการของหน่วยปราบปีศาจและสมาคมนักผจญภัยแห่งกรุงเอลส์บาร่าโดยมิได้คาดฝัน....!?
ติดตามความสนุกสนานตื่นเต้นของนิยายรักแฟนตาซีอันที่มีการเรียกปีศาจออกมาต่อสู้กันของจิฮิโระ คุริฮาระ และมายุ ชินโจได้ในเล่มเลย


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”