New Release ร้อยรัก: วสันต์อ้อนรัก

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release ร้อยรัก: วสันต์อ้อนรัก

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1

ทางเข้าจากประตูรั้วบ้านที่ทอดยาวทำให้เจ้าของรถจากัวร์ป้ายแดงถอดด้ามเรียกสายตาเจ้าของบ้านใหญ่ชาวสเปนที่กำลังจะออกกำลังกายอย่างที่ทำเป็นประจำ ทั้งที่ตอนนี้คือเวลาเช้าตรู่ ทว่าบุตรชายคนเล็กของเขาเพิ่งจะเข้าบ้าน แบบนี้ไม่พ้นไปมัวเที่ยวสำมะเลเทเมาอีกตามเคย
?โซ่"
คนถูกเรียกสะดุ้งวาบ ไม่คิดว่าบิดาจะตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้า ทว่าเมื่อมองนาฬิกาข้อมือก็เห็นเข็มสั้นชี้ที่เลขหก และเข็มยาวชี้ที่ระหว่างเลขสิบสองและเลขหนึ่งก็เข้าใจทันที มันเช้าตรู่พอที่จะให้พ่อของเขาตื่นมาออกกำลังกายแล้วล่ะ และคนที่อยู่ในบ้านนอกจากแม่บ้านแล้วก็คงไม่พ้นมารดาเขานั่นล่ะ
?ครับแด๊ด"
รับคำพลางหมุนกายมองหน้าบิดาด้วยรอยยิ้มอย่างคนไม่รู้สา คนเป็นพ่อที่พอเห็นรอยยิ้มใสซื่อของบุตรชายก็อดไม่ได้จะใจอ่อน แต่เพราะความไม่เป็นโล้เป็นพายของเจ้าลูกชายตัวดีที่ดันไม่ยอมทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งเสียที ทั้งที่เรียนจบมาจากเมืองนอกด้วยเกรดสวยหรูที่ทำให้เขาและภรรยาภาคภูมิใจ แต่เจ้าตัวกลับเอาแต่บอกว่าไม่พร้อมเสียนี่
?แด๊ดตื่นเช้าจังเลยนะครับ ผมขับรถมาทั้งคืน เหนื่อยจัง ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ"
พอเอ่ยจบก็แกล้งโบกมือ พลางปิดปากหาว ทว่าไม่ทันจะได้เดินขึ้นบันไดบ้าน ก็เจอกับมารดาที่เดินลงมาจากห้องนอน แค่เห็นก็ทำให้เขารู้แล้วว่างานกำลังเข้า แล้ววันนี้เขาจะได้นอนไหมเนี่ย ถ้าไม่อยากฟังมารดาบ่น เขาก็ต้องใช้ลูกอ้อนอย่างที่เคย ชายหนุ่มรีบโอบร่างมารดากระชับไว้อย่างออดอ้อน
?หม่ามี้ครับ? เขาเรียกด้วยเสียงอ้อนพลางหอมแก้มมารดา
?ไปไหนมา ทำไมกลับเช้าแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งซะที แล้วก็...?
คนที่ตั้งท่าบ่นได้แต่นิ่งเงียบ เมื่ออีกฝ่ายระดมหอมแก้ม ได้แต่อ่อนอกอ่อนใจกับท่าทีของอีกฝ่าย รู้ว่าลูกไม้นี้ของบุตรชายคนเล็ก...วสันต์ นาร์ซิสโซ เดเซ็นเต้สามารถทำให้คนทั้งบ้านยอมแพ้นั้นเพียงต้องการอ้อนเพื่อขอให้พ้นจากสถานการณ์นี้ไปเสียก่อน
?ราตรีสวัสดิ์นะครับ จุ๊บ?
บอกพลางจุมพิตแก้มมารดาแล้วสาวเท้าขึ้นบันไดไวๆ กว่าอภิชญาจะทันรู้ตัววสันต์ก็ปิดประตูห้องเรียบร้อย ได้แต่ส่ายหน้ากับท่าทีของอีกฝ่าย
อภิชญาเดินเข้าห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารมื้อเช้าง่ายๆ ให้กับสามี เพราะรู้ดีว่าวสันต์ที่เพิ่งกลับมาคงไม่ตื่นง่ายๆ ถ้าไม่บ่ายก็คงไม่ตื่นนั่นล่ะ แม้ว่าวสันต์จะไม่เป็นโล้เป็นพายเพียงใด ทว่านั่นก็คือบุตรชายที่ไม่เคยโตสักที แม้อายุจะเกินกว่าจะใช้คำว่าเด็กชายนำหน้าแล้ว แต่สำหรับนางแล้ว ลูกๆ ก็ยังคงเป็นเด็กไม่เปลี่ยนนั่นล่ะนะ
?ยังไม่โตสินะคะคุณโซ่น่ะค่ะ?
?ก็นั่นสิ ไม่โตซะจนฉันเนี่ยเป็นห่วง อดบ่นไม่ได้ ไม่ยอมหางานทำซะที?
?คุณญาญ่าก็คิดเหมือนคุณอีวานนี่คะ อยากให้ลูกโตซะทีนั่นล่ะค่ะ?
?ก็นั่นสิ?
นางเอ่ยพลางส่ายหน้าน้อยๆ คิดถึงคิมหันต์ และเหมันต์ บุตรชายอีกสองคน คิมหันต์ นิโคลัส เดเซ็นเต้ และเหมันต์ นาตาลีโอ เดเซ็นเต้ ที่ต่างไปทำงานของตัวเอง มีก็แต่เพียงวสันต์ที่ยังคงยังไม่มีแผนการจะหางานทำหรือทำอะไรเป็นรูปเป็นร่าง แม้ว่านางจะว่ากล่าว ตักเตือน และไม่ชอบใจอะไรที่เกี่ยวข้องกับความไม่เอาไหนของบุตรชายคนเล็ก แต่เพราะอีวานที่มีความเชื่อมั่น เพราะความเชื่อใจที่มีต่อบุตรชายตนเอง ทำให้นางได้แต่บ่นไปตามภาษามารดา ทั้งยังยอมใจอ่อนให้อีวานถอยรถใหม่ป้ายแดงให้อีกฝ่ายเอาไปตะลอนแทบทุกวัน
?โซ่ขึ้นไปนอนแล้วล่ะสิ?
?ก็รู้นี่คะ สงสัยต้องให้ตาโอบ่นให้หูชาสักที?
?ญาญ่าของผมคนเดียวก็เอาอยู่ ไม่ต้องถึงมือโอหรอกครับ เมียผมเก่งที่สุด?
?ตามา! อย่ามาพูดดีหน่อยเลย คุณนั่นล่ะตัวดีเลย สนับสนุน ตามใจมาแต่ไหนแต่ไร?
บอกพลางส่ายหน้าน้อยๆ คนฟังได้แต่ส่ายหน้าพลางเอนกายกับเก้าอี้โต๊ะอาหาร จิบกาแฟร้อนๆ ของภรรยาที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอก็ยังคงปรนนิบัติเขาไม่เปลี่ยน แม้กระทั่งชื่อเรียกสุดพิเศษที่เธอใช้เรียก ด้วยเหตุผลว่าไม่ซ้ำใครที่เรียกเขาว่าอีวาน ในขณะที่เธอเรียกเขาว่า ?ตามา? หรือ ?มา? ซึ่งมาจากมาร์คอส...ชื่อกลางของเขานั่นเอง
?ผมได้ยินว่าจะส่งข้าวหอม หลานสาวของญาญ่าไปเรียนต่อเมืองนอกงั้นก็จริงสินะ?
?ต้องบอกว่าพ่อแม่อยากให้ไป เจ้าตัวน่ะอยากไปที่ไหน?
?มหา?ลัยเมืองไทยดีๆ ก็มีเยอะนี่ครับ แล้วทำไมจึงได้ส่งไปซะล่ะ?
?คง...คิดไม่เหมือนตามามั้งคะ?
คนฟังได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย จิบกาแฟอย่างครุ่นคิด เมื่อนึกถึงวสันต์ อดคิดหาวิธีที่จะทำให้บุตรชายคนเล็กเข้าลู่เข้าทางอย่างที่ควรเป็น ทว่าไม่ง่ายเลย เขารู้ดีว่าแม้วสันต์จะไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่ก็ไม่ใช่คนเกเรอะไรจนต้องนึกเป็นห่วงอะไรมากมาย เพียงแต่เขาก็ไม่อยากให้บุตรชายลอยชายไปวันๆ เช่นนี้
?เรียบร้อยแล้วหรือคะคุณอีวาน?
เอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายวางแก้วกาแฟ พริม...แม่บ้านที่เคยทำงานในตำแหน่งแม่บ้านของโรงแรมซึ่งขณะนั้นอีวานดำรงตำแหน่งผู้บริหารสาขาประเทศไทย ขณะนั้นอภิชญาเองก็ทำงานในตำแหน่งเลขานุการ ซึ่งพริมทำงานด้วยความพากเพียร ขยัน และเอาการเอางาน ทำให้อภิชญาขอให้อีวานรับหล่อนมาเป็นแม่บ้าน เมื่อทั้งสองแต่งงานกัน ซึ่งขณะนั้นอภิชญายังคงทำงานในฐานะเลขานุการ ก่อนจะต้องลาออกเมื่อเธอตั้งท้องคิมหันต์ อีวานเป็นห่วงภรรยาจึงได้ขอให้พริมอาศัยอยู่กับทั้งคู่ด้วย และตั้งแต่นั้น พริมจึงเป็นทั้งแม่บ้านและพี่เลี้ยง เพราะอีวานที่ทำงานในตำแหน่งประธานสาขาประเทศไทยนั้นงานหนัก ทว่าในปัจจุบันเป็นหน้าที่ของญาติๆ ซึ่งเขาได้รับเพียงเงินปันผล และเงินบำนาญสำหรับผู้สูงอายุจากประเทศของเขา ซึ่งสามารถใช้จ่ายในประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบาย
?ครับ ขอบคุณมากครับคุณพริม?
อีกฝ่ายได้แต่น้อมรับ ก่อนจะเก็บแก้วกาแฟของสามีภรรยา รวมถึงจานแซนด์วิช ผละไปยังอ่างล้างจานที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยห้องนี้มีขนาดกว้างที่เป็นทั้งห้องครัวและห้องอาหาร ทว่าก็มีการตกแต่งอย่างเป็นสัดส่วน
?ตามาไม่เห็นด้วยที่ข้าวหอมจะไปเรียนต่อเมืองนอกเหรอคะ?
?ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย ข้าวหอมเองก็ภาษาดี แต่ถ้าเจ้าตัวไม่ชอบไปเรียนเมืองนอก ก็ไม่ควรบังคับ?
?เหมือนที่ไม่เคยบังคับตาโซ่ล่ะสิ เจ้าตัวอยากไปอยู่กับอาที่เมืองนอกก็ให้ไป โซ่ก็เลยเป็นคนเดียวที่อ่าน เขียน ภาษาไทยไม่ได้ พูดได้อย่างเดียว?
?ผมก็พูดได้อย่างเดียวนะ อ่านและเขียนเป็นที่ไหนล่ะญาญ่า แล้วผมก็เชื่อว่าโซ่ไม่ใช่คนที่ไม่เอาไหน?
?แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะ เรียนจบมาตั้งหลายปีแล้ว?
?ญาญ่าเองก็ใจอ่อนกับโซ่เหมือนกันไม่ใช่หรือไง แล้วจะมาโทษว่าผมตามใจลูกคนเดียวได้ยังไงล่ะ?
คนฟังได้แต่ค้อน สามีเธอพูดถูก ทั้งเธอทั้งเขาก็ใจอ่อนกับลูกชายคนเล็กด้วยกันทั้งนั้น เพราะดวงตาใสซื่อของวสันต์ที่ทำให้ต้องใจอ่อน ทั้งคำพูดที่ช่างออดอ้อน จนแม้แต่หัวใจชายแกร่งอย่างอีวานก็อดจะยอมแพ้เสียไม่ได้ เป็นต้องยอมตามความต้องการของวสันต์ แม้จะอยากใจแข็ง แต่สิ่งที่วสันต์ขอหรือต้องการก็ไม่เคยทำให้ใครลำบาก หรือเป็นอันตรายใดๆ ทั้งยังไม่เคยสร้างเรื่องราวให้ต้องปวดหัว ไม่เคยนอกลู่นอกทางอย่างบุตรชายบ้านอื่นๆ ที่ลูกบางคนอาจติดยาเสพติด ลักเล็กขโมยน้อย ทำผู้หญิงท้อง ในขณะที่วสันต์อาจจะเที่ยวกลับมาจนเช้า แต่ก็ไม่เคยหาเรื่องเหล่านั้นมาให้เลยสักนิด
?ผมว่าให้เวลาเขาหน่อยเถอะ ผมเชื่อว่าเดี๋ยวก็คงหาตัวเองพบว่าต้องการทำอะไร หรืออยากทำอะไร ตอนนี้ก็ปล่อยให้เขากินเงินปันผล กับรายได้จากหุ้นส่วนที่ทำกับเพื่อนไปก่อน โซ่ไม่ใช่คนคิดไม่เป็น ผมเชื่อแบบนั้นนะ ตอนนี้ก็ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มเถอะ?
?ค่ะ เราก็ได้แต่คอยเตือนไม่ให้เขาออกนอกลู่นอกทางนั่นล่ะค่ะ?
?ไม่มีอะไรทำให้คนอย่างโซ่นอกลู่นอกทางได้หรอก ไม่งั้นก็คงเป็นนานแล้วล่ะ?
?ก็จริงอยู่ แต่ญาญ่าก็อดห่วงลูกไม่ได้อยู่ดี?
ถอนหายใจอย่างครุ่นคิด ก่อนจะมองผ่านหน้าต่างออกไปนอกบ้านอย่างนึกได้ หันมองนาฬิกาข้างฝาก่อนจะบอกอีกฝ่ายที่ยังคงนั่งอย่างสบายอกสบายใจ
?ตามาไปอาบน้ำได้แล้วล่ะ ไหนว่าวันนี้จะไปหาซื้อต้นไม้ด้วยกันไง?
?นั่นสิครับ งั้นผมขึ้นไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน?
เขาตบต้นขาภรรยาเบาๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นบันได อภิชญามองตามแผ่นหลังสามีจนสุดสายตา การมีอีวานอยู่ข้างกายทำให้มีความสุขก็จริง แต่ก็ใช่จะไม่เคยทุกข์ใจ แม้ตอนนี้บุตรชายจะเติบโตกันหมดแล้ว แต่นางก็ยังคงเป็นห่วงอยู่ดี ยิ่งเห็นว่าแต่ละคนยังไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนเสียที ก็ยิ่งนึกห่วงว่าจะมีผู้หญิงที่คิดปอกลอกผู้ชาย คิมหันต์...ลูกชายคนโตที่ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เหมันต์...ลูกชายคนรองที่เอาจริงเอาจัง ทำแต่งานจนไม่สนใจอย่างอื่น และวสันต์...ลูกชายคนเล็กที่ดูยังไงก็ยังไม่โตสักที ถ้ายังเป็นแบบนี้ เมื่อไหร่นางจะได้เห็นหน้าตาของคู่ชีวิตลูกชายทั้งสามและหลานๆ ที่จะส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวและวิ่งไปรอบๆ บ้าน
***************************************************************************************************************
วสันต์พยายามผินหน้าหนีสิ่งที่รบกวนการนอนหลับ ทว่าไอ้หมอนที่เขากำลังหนุนก็ถูกดึงออกแรงๆ คนที่ถูกกวนผุดลุกหมายจะปริปากด่า ทว่าใบหน้าของหลานสาวตัวยุ่งที่ส่งยิ้มทะเล้นอยู่ตรงหน้าทำให้เขาได้แต่ยีผมตัวเอง รู้สึกว่ายังหลับไม่เต็มอิ่ม
เขมจิรามองอาหนุ่มที่ยังมีทีท่างัวเงีย เมื่อชายหนุ่มฟุบหน้ากับหมอนอีกใบที่ไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนของเธอ หญิงสาวได้แต่ยื้อยุดแขนแกร่งของอาหนุ่มที่พยายามขืนกายไว้ ทว่าความช่างตื๊อของหลานสาวทำให้วสันต์ยอมลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง ดวงตาปรือมองอีกฝ่ายก่อนจะแกล้งปิดปากหาวหวอด
?อะไรกันข้าวหอม มีอะไรตั้งแต่เช้าเนี่ย?
?เช้าอะไรคะอาโซ่ นี่มันจะเย็นแล้วนะ ดูนาฬิกาสิคะ นี่มันสี่โมงเย็นแล้วนะคะ?
บอกพลางหยิบนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะข้างเตียงมายื่นตรงหน้าวสันต์ อีกฝ่ายได้แต่เปิดเปลือกตาข้างหนึ่งมองอย่างไม่อยากสนใจ แต่เขารู้ดีว่าหากไม่สนใจจะต้องถูกหลานสาวยื้อยุดให้สนใจจนได้
?อือ...ก็แค่สี่โมงเย็น แล้วนี่มาปลุกอาทำไมล่ะเนี่ย?
?ข้าวหอมมีเรื่องจะปรึกษาอาน่ะสิ?
ใบหน้าหมองเศร้าของคนร่าเริงทำให้วสันต์ต้องหยิบเสื้อคลุมที่พาดไว้เก้าอี้มาสวมก่อนจะผุดลุก ไม่อยากให้หลานสาวตกใจกับสภาพเปลือยเปล่าที่ทั้งร่างมีเพียงผ้าห่มที่คลุมเพียงท่อนล่าง เพราะกลับมาถึงบ้านเช้า และเขาง่วงมากทำให้ล้มตัวลงนอนทันทีที่อาบน้ำเสร็จ
?เรื่องเรียนต่อน่ะหรือ?
เอ่ยถามขณะมัดปมสายรัดเอวเสื้อคลุมอาบน้ำ
?ก็ใช่สิคะ ข้าวหอมไม่อยากไปเมืองนอกนี่?
?รออาแป๊บ ขออาบน้ำก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ?
เขมจิราพยักหน้ารับ ขณะขยับกายไปที่หน้าคอมพิวเตอร์ของอาหนุ่ม วสันต์เปิดเครื่องเสียงให้ดังกระหึ่มภายในห้อง ก่อนจะเข้าห้องน้ำภายในห้อง
?อาโซ่ ข้าวหอมเล่นคอมหน่อยนะ?
หลานสาวตะโกนบอกอาหนุ่มที่อยู่ในห้องน้ำ คนที่กำลังแปรงฟันได้แต่หยุดฟัง ก่อนจะส่งเสียงรับอู้อี้ ขณะที่ฟองยาสีฟันเต็มปาก นึกเป็นห่วงหลานสาวที่ดูจะกังวลเสียจริงๆ ที่กำลังจะถูกส่งไปเรียนต่างประเทศ ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ต้องการ
เขมจิราเปิดคอมพิวเตอร์ของอาหนุ่มได้ก็เข้าโปรแกรมอินเทอร์เน็ตเพื่อจะได้ตามอ่านนิยายออนไลน์แทบจะทันที ไม่สนว่าวสันต์จะเดินออกจากห้องน้ำและกำลังแต่งตัวอยู่สักนิด จนกระทั่งอ่านเสร็จนั่นล่ะจึงได้ผินหน้ามามองอาหนุ่มที่กำลังส่องกระจกเพื่อเซ็ตผมของตัวเองพอดี
?นี่อาโซ่เคยหวีผมบ้างมั้ยเนี่ย ชอบเอานิ้วเขี่ยๆ สางๆ ราวกับว่าเป็นขนอะไรซะอีก?
?รอให้อาเป็นผู้ฉิงนะฮ้าก่อนสิ แล้วอาถึงจะยอมหวีให้ผมเรียบแปล้น่ะนะ แต่ว่าอาไม่มีทางเป็นผู้ฉิงน่ะสิ งั้นอาก็คงไม่มีทางทำแบบนั้น?
เขาพูดพร้อมทำท่าทางเหมือนผู้ชายแต๋วแตก ท่าทางสะดีดสะดิ้ง และพยายามดัดเสียงให้เหมือนผู้หญิง ก่อนจะกลับมาพูดด้วยท่าทางเป็นปกติ เหมือนเมื่อครู่ไม่ได้ทำท่าทางอะไรสักนิด หลานสาวได้แต่หัวเราะคิกกับท่าทางของอาหนุ่ม หากไม่รู้จักมาก่อน คงคิดว่าอาหนุ่มเบี่ยงเบนไปแล้วแน่ๆ
?เอาล่ะ! ไปกันได้แล้ว?
?ไปไหน?
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างงุนงงเมื่อคนเป็นอาชวนโดยไม่หารือ
?ไปหาอะไรกินข้างนอก แล้วจะได้คุยเรื่องนั้นไง ตอนนี้อาหิว ท้องร้องจ๊อกๆ เลย?
?แล้วทำไมไม่ให้ป้าพริมทำอะไรให้ทานล่ะ ออกไปทำไมข้างนอก?
?เดี๋ยวอาเลี้ยงไอติม?
?เฮ้ย! ข้าวหอมไม่ใช่เด็กเล็กๆ นะ เอาไอติมมาล่อเนี่ย?
?อาหิวข้าวนี่ แล้วเราก็จะมาปรึกษาอาเรื่องถูกส่งไปเรียนต่อไม่ใช่รึไง?
วสันต์ถามพลางเลิกคิ้ว อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
?ข้าวหอมมาปรึกษา ไม่ได้จะมาเป็นเพื่อนอาโซ่กินข้าวนี่?
?ก็นั่นไง ไปกินข้าวก่อน แล้วเราค่อยคุยกันเรื่องนี้ เธอก็ไปกินไอติม ระหว่างที่อากินข้าวดีมั้ยล่ะ?
?ข้าวหอมไม่มีอารมณ์กินไอติมหรอกนะ อาเข้าใจสถานการณ์ตึงเครียดรึเปล่าเนี่ย ข้าวหอมกำลังเครียดเรื่องถูกบังคับให้ไปเรียนเมืองนอกนะ?
?อารู้ว่าเธอเครียด แต่ตอนนี้อาหิวข้าว ท้องมันร้อง คิดอะไรไม่ออกหรอก เธอต้องเข้าใจสถานการณ์ของท้องอาด้วย ท้องมันว่าง แล้วจะคิดอะไรออกล่ะ?
?แต่ว่า...?
?ถ้าเธอไม่ไป อาไม่ช่วยนะ เอาสิ?
คนเป็นหลานได้แต่ทำหน้ามุ่ย เอากับอาของเธอสิ ไม่เคยยอมลงให้เธอเลย แล้วพูดแบบนี้เธอจะปฏิเสธอย่างไรได้ เอาเถอะ! อย่างไรเสียวสันต์ก็ไม่เคยผิดคำพูด ทั้งยังคอยช่วยเหลือเธอมาหลายเรื่อง และหลายครั้ง แม้บางครั้งจะดูเหมือนทำลายมากกว่าสร้างสรรค์
เขมจิราจึงได้แต่เดินตามวสันต์ลงมาด้านล่าง เห็นคู่สามีภรรยาที่กำลังนั่งรับลมชมวิวกันบริเวณสวนหน้าบ้าน ทำให้คนที่เพิ่งตื่นเข้ามานั่งร่วมวง ทั้งที่บ่นกับหลานสาวว่าหิวมากมาย
?ตื่นแล้วหรือโซ่ เมื่อคืนไปไหนมาล่ะ?
?ปาร์ตี้บ้านไอ้แจ็คครับ แล้วกว่าจะส่งคนอื่นๆ กลับบ้าน ก็นี่ล่ะ เช้าเลย หม่ามี้ครับ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา?
?อะไรล่ะลูก?
เอ่ยถามเมื่ออีกฝ่ายกอดอย่างอ้อนๆ
?จะเอาอะไรอีกล่ะโซ่?
?อ่า...แด๊ด ผมไม่ได้จะเอาสิ่งของนะ เรื่องเรียนน่ะ?
?เรียนอะไร?
อภิชญาเอ่ยถามบุตรชายคนเล็กที่ยังคงกอดเอวอย่างออดอ้อน เขมจิรานึกขำอาหนุ่มเสียจริงๆ ที่ชอบทำตัวเหมือนเด็กๆ ไม่รู้จักโต
?กลับมาค่อยเล่านะ เดี๋ยวพายัยข้าวหอมไปทานอะไรข้างนอก แล้วจะแวะไปส่งหลานที่บ้าน วันนี้จะไม่เถลไถลครับ สัญญาด้วยเกียรติเดเซ็นเต้? เอ่ยจบพลางชูนิ้วสามนิ้วเหมือนกล่าวคำปฏิญาณลูกเสือ คนเป็นแม่ได้แต่ตีต้นแขนบุตรชายที่กำลังล้อเลียน ลูกชายเธอเคยเรียนวิชาลูกเสือที่ไหนกันเล่า? ก็ในเมื่อเจ้าตัวเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติมาตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้นก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งพักอาศัยกับน้องชายของอีวานที่สเปน
เขมจิราวิ่งตามอาหนุ่มที่ก้าวขายาวๆ ของตัวเองอย่างไม่คิดรอ ราวกับว่าเร่งรีบอะไรนักหนา คนตัวเล็กกว่าเข้าไปนั่งในรถได้ก็ถามด้วยน้ำเสียงขุ่นทันที
?นี่อาจะรีบไปไหนน่ะ เดินยังกะโดนควายขวิด?
?ควายไม่ได้ขวิดอานะยัยข้าวหอม แต่ท้องอามันจะขวิดแล้ว หิวชะมัด?
?แล้วใครให้ไปเอ้อระเหยลอยชายทำตัวเป็นลูกเสือสามัญอยู่ล่ะ?
?ทำไปงั้นแหละ ก็รู้นี่ว่าอาไม่ได้เรียนลูกเสือ?
?ก็จริงอีกนั่นล่ะ เรียนนานาชาติมามีลูกเสือที่ไหนกัน ว่าแต่อาโซ่บอกว่าจะเรียนน่ะ ใช่ภาษาไทยรึเปล่า แล้วอาจะเรียนไปทำไมอ่ะ?
วสันต์เหลือบตามองหลานสาวก่อนจะยิ้มอย่างคนนึกสนุก เขมจิราได้แต่เอียงคอมองอาหนุ่มที่เอาแต่ยิ้มอย่างคนมีความสุข ไม่รู้ว่ากำลังวาดภาพอะไรไว้ในหัว ถึงได้ดูมีความสุขขนาดนั้น
?อากำลังคิดว่าถ้ารู้ภาษาไทยก็จะได้เที่ยวน่ะสิ?
?เที่ยว? ยังไงน่ะ ข้าวหอมไม่เห็นจะเข้าใจเลย?
?ก็เที่ยวเมืองไทยไง อาอ่านภาษาไทยกับเขียนภาษาไทยไม่ได้ พูดเป็นอย่างเดียว เข้าใจรึเปล่าล่ะทีนี้น่ะ?
?อ้อ! ก็แล้วไงล่ะ อ่านออกกับเขียนได้นี่ช่วยอะไร?
คนฟังได้แต่ส่ายหน้า มองใบหน้าหลานสาวที่ดูจะฉงนใจ และไม่เข้าใจความคิดของเขา ก็อดจะหัวเราะไม่ได้ มือใหญ่โยกศีรษะหลานสาวก่อนจะตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม
?บางที่น่ะมันไม่มีภาษาอังกฤษให้อ่าน แล้วถ้าอาไปเที่ยวคนเดียว ไม่ได้ไปกับเพื่อน หรือกับอาโอ อาก็จะได้รู้เรื่องไง อาโดนอาโอเจ้าระเบียบของเราน่ะข่มอยู่เรื่อยเชียว แค่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ก็ทำอวดเบ่ง เดี๋ยวอาจะทำให้ดู?
?อาโอ...จะว่าไปก็ไม่เจอนานแล้วนะคะ ชักคิดถึงแล้วสิ?
วสันต์หรี่ตามองหลานสาวที่ดูจะไม่ทันคิดอะไร แต่เขาน่ะคิดออกเสียแล้วสิว่าจะให้หลานสาวหนีสถานการณ์บีบบังคับที่นี่ไปที่ไหนดี เขายิ้มกริ่ม นึกหน้าพี่ชายคนรองที่คงจะทำหน้ายักษ์ใส่ และคงต้องเตรียมหูไว้รอรับเสียงพี่ชายเสียแล้วสิ ถ้ารู้ว่าตัวการที่ยุแยงหลานสาวให้หนีออกจากบ้านเป็นความคิดของเขาน่ะนะ
เขมจิราไม่รู้ว่าอาหนุ่มคิดอะไร เพราะเมื่อคนขับมาถึงร้านประจำ ก็เดินนำเธอเข้าร้านให้เธอต้องวิ่งตาม รออีกฝ่ายสั่งอาหารจานเดียวง่ายๆ เพียงครู่ ก็มองหน้าอีกฝ่ายราวกับจะถาม
?แล้วของข้าวหอมล่ะ ข้าวหอมก็หิวเป็นนะ?
?อาก็สั่งให้แล้วไง ข้าวไข่เจียว เด็กๆ กินไข่เยอะๆ จะได้ฉลาด?
?อากำลังว่าหนูโง่นะ?
?เปล่านะ อาพูดที่ไหน?
อาหนุ่มทำหน้าใสซื่อก่อนจะยิ้มเผล่ แล้วโยกศีรษะหลานสาวที่ทำหน้ามู่อย่างขัดใจ
?อาล้อเล่นน่ะ อยากกินไรล่ะ สั่งสิ อาเลี้ยง สั่งเต็มที่เลย?
เขมจิราย่นหัวคิ้ว มองร้านอาหารที่เข้ามานั่งก็อดไม่ได้ที่จะถามคนใจป้ำ
?ร้านอาหารจานเดียวง่ายๆ แบบนี้ อาคิดว่าแพงสุดจะกี่บาทล่ะ ทำอย่างกับว่ามานั่งภัตตาคารอิตาเลียน อะไรแบบนั้น?
?ไม่เอาอ่ะ อาไม่ชอบ อาหารอิตาเลียนมันเลี่ยน?
?นี่อามีครึ่งหนึ่งเป็นยูโรเปียนนะ ทำไมถึงได้ไม่ชอบ?
?แต่ครึ่งหนึ่งก็เป็นไทย เอาล่ะ! พอๆ รีบๆ สั่งเลย อากินหมดก่อนแล้วไม่เลี้ยงนะเออ?
?อาโซ่ขี้งก?
ทำปากยื่นใส่อาหนุ่มก่อนหันไปสั่งบริกรเร็วๆ วสันต์ได้แต่หัวเราะกับท่าทีของหลานสาว จะไม่ให้เขานึกขำได้อย่างไร ก็ในเมื่อเจ้าตัวที่บอกว่าเครียดนักหนากับการถูกบังคับ ทว่าเพียงครู่เดียวกลับอารมณ์ดี เป็นหลานสาวช่างต่อปากต่อคำกับเขาได้อีกตามเคย
?นี่อาโซ่ เมื่อไหร่อาจะมีแฟนน่ะ?
?มีสิ แต่เลิกไปแล้ว?
?ไม่ใช่ๆ ข้าวหอมหมายถึงคนที่อาจะแต่งงานด้วย?
คนถูกถามเลิกคิ้วสงสัย
?ถามทำไม อยากเลี้ยงน้องรึไงน่ะเรา อายังไม่เจอว่าที่แม่ของลูกอาเลย ไว้เจอแล้วจะบอกนะ?
?พวกอานี่ยังไงกันก็ไม่รู้ ทั้งอาโป้ง อาโอ แล้วก็อาโซ่ ไม่มีใครคิดจะมีน้องให้ข้าวหอมเลย?
คนฟังได้แต่ปล่อยเสียงหัวเราะ เขาเพิ่งอายุ 27 ปีเท่านั้น จะให้เขารีบไปทำไม รอให้พี่ๆ อีกสองคนของเขามีก่อนเถอะ แล้วเขาค่อยมองหาของตัวเอง ในเมื่อตอนนี้ยังไม่เจอ เขาจะรีบไปทำไมกันเล่า
?ข้าวหอม เรื่องความรักนี่ไปรีบก็ไม่ดีหรอกรู้มั้ย รีบไปก็มีแต่จะทำให้เราร้อนเหมือนอยู่บนเตาเผา ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ถึงเวลามันก็จะมาหาเราเอง ถ้าเราไม่พร้อมจะมีรัก มีไปก็ไม่มีความสุขนักหรอก แต่ถ้าเราพร้อม ไม่ว่าเราจะผิดหวังหรือสมหวัง เราก็พร้อมที่จะรับมือกับมัน ไม่ร้อนรน และก็ยินดีที่จะยอมรับ?
?แม้จะผิดหวัง ก็มีความสุขเหรอ?
?ใช่สิ อกหักก็มีความสุข เพราะเราพร้อมจะรับมือกับความผิดหวัง ใช้สติ ไม่ใช้อารมณ์ไงล่ะ จำไว้นะข้าวหอม ความรักน่ะ ถ้าเราวิ่งตาม เราก็จะเหนื่อย แต่ถ้าเราไม่วิ่งตาม รอให้มันมาหาเอง เราก็จะมีเวลาเหลือเฟือที่จะเตรียมใจพร้อมเพื่อจะเผชิญกับมัน?
?วันนี้อาโซ่พูดมีสาระดีจังเลย?
ข้าวหอมเอ่ยแซวพลางหัวเราะคิก คนถูกแซวจึงเขกศีรษะของหลานสาว คนถูกเขกได้แต่คลำหัวป้อยๆ เมื่อเห็นว่ามีคนมาเสิร์ฟอาหารของเธอและอาหนุ่มก็เลิกสนใจเรื่องอื่นนอกจากอาหารตรงหน้า เช่นเดียวกับคนที่หิวจัด เพราะนอนทั้งวัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วสันต์ นาร์ซิสโซ่ เดเซ็นเต้ มีอดีตที่ไม่น่าจำกับการฝึกงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ การเสนอหน้าเอาความดีมาที่ตนแล้วป้ายความผิดให้คนอื่นทำให้เขาไม่อยากทำงาน ลูกชายคนเล็กขี้อ้อนอย่างวสันต์จึงขอรับแต่เงินปันผลซึ่งแต่ละเดือนมหาศาลเท่านั้นพอ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เอาอ่าวอย่างใครว่าเพราะวสันต์กำลังเรียนเขียนอ่านภาษาไทยให้ได้ แล้วยิ่งกระแสลมแห่งรักกำลังพัดพาความรักมาปะทะหัวใจด้วยนั้น เขายิ่งพยายามมากขึ้น ผู้ชายใบไม้ผลิที่ดูเหมือนจะเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยนั้นแท้จริงแล้วมีความโรแมนติกหวานนัก เพียงแรกเจอ ปรียาอร ผู้หญิงที่เขาบอกกับตัวเองว่าเธอคือคนที่เขาเฝ้ารอมานานนักหนา เปลือกแห่งความไม่รู้จักกันของวสันต์และปรียาอรค่อยๆ ปริแตกออกเผยให้เห็นแก่นแท้ของกันและกัน และแล้วนาฬิกาที่เดินไปข้างหน้าแต่ละวันผ่านแต่ละคืนก็ได้ทำลายกำแพงแห่งการรอคอยให้สิ้นสุดลง ความรัก ความผูกพัน และการปรับตัวทำให้คนทั้งคู่จับจูงโอบอุ้มกันฝ่าฟันอุปสรรคให้มลายหายไป วสันต์ทะนุถนอมทุกห้วงรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวไว้ในขวดโหลแก้วที่ไม่มีใครแตะต้องได้ ในขณะที่ร่างบอบบางของเจ้าหล่อนนั้นเขาก็ตระกองกอดไว้ในอกอุ่นและโลมไล้ไปตามใจปรารถนา

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”