New Release BLY แปล : รักทุกครั้งมีเพียงนาย

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : รักทุกครั้งมีเพียงนาย

โพสต์ โดย Gals »

1

พอเปิดประตูทางเข้า ลมหนาวเยือกพัดทะลุเข้ามาผ่านปกเสื้อสูท
นากาโมริ คาซึฮะห่อไหล่ตามสัญชาตญาณพลางพึมพำขึ้นในใจ ‘แน่ล่ะ ก็เดือนมกราคมนี่’ พื้นที่สาธารณะในออฟฟิศเป็นหลังคากระจก แสงแดดส่องถึงตลอดเวลา ในวันที่อากาศแจ่มใสจึงเผลอลืมความหนาวเย็นข้างนอกไปเสียสนิท
“วันนี้ขอบคุณมากที่อุตส่าห์เดินทางมาถึงที่นี่นะครับ”
สามีภรรยาผู้รับเหมาเดินตามออกมานอกประตูทางเข้า คาซึฮะกล่าวอำลาด้วยรอยยิ้ม
“ทางผมต่างหาก ขอบคุณที่พูดคุยด้วยนานเลย”
“แล้วทางเราจะติดต่อไปอีกครั้ง ยังไงช่วยพิจารณาด้วยนะครับ”
‘สตูดิโอออกแบบสถาปัตยกรรม W’ ที่คาซึฮะทำงานอยู่หันหน้าออกสู่ถนนสายหลัก อาคารข้างเคียงมีทั้งตึกแฟชั่นของร้านบูติกเก๋ไก๋ ร้านคาเฟกึ่งแกลเลอรี ทว่าอาคารสำนักงานของสตูดิโอออกแบบสถาปัตยกรรมที่ทำจากแก้ว คอนกรีต และเหล็กแห่งนี้ ถือว่าโดดเด่นสะดุดตามากที่สุด จนเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของละแวกนี้เลยทีเดียว
คาซึฮะเดินตามหลังคู่สามีภรรยาลงบันไดซึ่งราวจับทำจากเหล็กดัดวิจิตรงดงาม หลังมองส่งรถของทั้งคู่เคลื่อนออกไปจากลานจอดรถแล้ว ในที่สุดก็หายใจทั่วท้องเสียที
“นากาโมริซัง ขอบคุณที่ทำงานเหนื่อยนะครับ”
“พวกเราขอไปพักก่อนนะครับ”
เมื่อกลับเข้ามาในออฟฟิศก็เป็นเวลาพักกลางวันพอดี รุ่นน้องสองคนกำลังจะออกไปรับประทานอาหารกลางวัน ทั้งคู่ถือเสื้อโคตกันหนาวในมือพร้อม
สมัยอยู่โตเกียว วันไหนอากาศแจ่มใสคาซึฮะสามารถออกไปร้านคาเฟใกล้ๆ ตอนกลางวันได้โดยไม่ต้องใส่เสื้อโคต ทว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยในเมืองต่างจังหวัดแบบนี้ เมืองนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง โดดเด่นเรื่องรักษาศิลปะวัฒนธรรม แต่ในฤดูหนาว แม้แต่ใจกลางเมืองยังมีหิมะทับถมหนา เย็นยะเยือกไปถึงกระดูก
ก่อนออกไปพักกลางวัน สรุปเนื้อหาการประชุมเมื่อครู่คร่าวๆ สักหน่อยดีกว่า คาซึฮะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และเช็กกล่องจดหมายเข้าในคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้คิดอะไร การประชุมเมื่อครู่กินเวลานานจึงมีอีเมลใหม่สะสมอยู่หลายฉบับ
คาซึฮะไล่สายตาอ่านหัวเรื่องเพื่อเลือกเฉพาะอีเมลฉบับเร่งด่วน แล้วสายตาก็สะดุดที่อีเมลแปลกๆ ฉบับหนึ่ง ระหว่างอีเมล ‘ประกาศเกี่ยวกับการจัดซื้อวัสดุบ้านพักอิวาซากิ’ กับ ‘นำส่งประมาณการใบเสนอราคา’ มีอีเมลหัวเรื่อง ‘ไม่ได้เจอกันนานเลย’ คั่นอยู่ตรงกลาง
“...เอ๋?”
สงสัยคงเป็นอีเมลขยะ คาซึฮะคิดในใจขณะเหลือบมองชื่อผู้ส่ง แล้วมือซึ่งกำลังเลื่อนเคอร์เซอร์ไปยังปุ่มลบก็หยุดชะงัก
นิชินะ โทโมยูกิ - IW บริษัทออกแบบก่อสร้าง
มองผิดไปหรือเปล่า คาซึฮะประหลาดใจ แต่นั่นคือชื่อชายที่ตนเคยคบหาด้วยสมัยเป็นนักศึกษาจริงๆ
คาซึฮะกับนิชินะเจอกันสมัยเรียนปริญญาโท และเลิกรากันตอนคาซึฮะได้งานที่บ้านเกิด
นิชินะเป็นคนเพศเดียวกันคนเดียวที่คาซึฮะเคยมีความสัมพันธ์แบบโรแมนติกด้วย กระทั่งตอนนี้ก็ยังคิดถึงเขาบ้างเป็นครั้งคราว แต่อีกฝ่ายน่าจะลืมตนไปนานแล้ว หรือต่อให้ยังไม่ลืม ก็คงจดจำในทางไม่ค่อยดีนัก คาซึฮะลังเลที่จะเปิดอ่านอีเมล
นิชินะเป็นผู้ชายสดใส ดวงตาแข็งกร้าว คิ้วเข้ม ริมฝีปากหนา แม้รูปร่างหน้าตาไม่ได้หล่อเหลาชวนตะลึง แต่แค่ยืนอยู่ตรงนั้นคนรอบข้างก็หันมาสนใจแล้วว่า ‘นั่นใครน่ะ’ ซึ่งตรงข้ามกับคาซึฮะโดยสิ้นเชิง แม้คาซึฮะเคยถูกทาบทามให้ไปถ่ายแบบหน้าแฟชั่นของนิตยสารประจำเมือง หรือเป็นนายแบบให้แค็ตตาล็อกร้านเสริมสวย แต่ความประทับใจของคนรอบข้างที่มีต่อตนช่างอ่อนจาง อาจเพราะนิชินะเป็นหนุ่มที่มีทั้งพรสวรรค์และความสามารถ นั่นคงขับเคลื่อนเสน่ห์บางอย่างให้ดึงดูดใจคนรอบข้าง
แม้เลิกรากันไปแล้ว แต่คาซึฮะยังเห็นชื่อนิชินะปรากฏอยู่ตรงโน้นตรงนี้ทั่ววงการ และรับรู้ถึงความสำเร็จของเขาโดยตลอด การที่เขาทำงานอยู่ IW บริษัทออกแบบก่อสร้าง ก็เป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ว่าเขาคือสถาปนิกระดับแนวหน้า คาซึฮะจับจ้องชื่อผู้ส่งอีเมลอยู่พักใหญ่
หลังเลิกรากันไป ทั้งคู่ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย เสียงก็ไม่ได้ยิน นิชินะเป็นคนอีโกสูง ตอนแรกคาซึฮะคิดตื้นๆ ว่า ...ถึงเลิกกันไปแล้ว แต่คงได้เจอกันบ้าง ได้ติดต่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันเป็นครั้งคราว ทว่าความหวังนั้นกลับถูกทุบทำลายย่อยยับ
คาซึฮะเป็นฝ่ายตัดสินใจบอกเลิกแท้ๆ แต่พอเห็นนิชินะตอบตกลงอย่างง่ายดายและไม่แสดงท่าทีอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย ก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมา นึกย้อนกลับไป ตอนนั้นตนหลงตัวเองจนน่าอาย ปักใจเชื่อว่าอีกฝ่ายต้องเหนี่ยวรั้งเอาไว้แน่ๆ อุตส่าห์กลุ้มใจอยู่ตั้งนานว่าต้องทำอย่างไรให้เขายอมเลิกราแต่โดยดี
ทว่าในความเป็นจริง เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น งั้นไปล่ะ คาซึฮะบอกทิ้งท้ายก่อนออกจากห้องของนิชินะ แล้วทุกอย่างก็จบลงเลย
หลังกลับมาอาศัยอยู่บ้านเกิดและเพิ่งเริ่มทำงานช่วงแรกๆ เพื่อนที่เคยอยู่ห้องวิจัยเดียวกันสมัยเรียนปริญญาโทนัดรวมตัวจัดงานเลี้ยงรุ่นบ้าง นัดฉลองกันบ้าง ทุกครั้งที่ตนตกลงว่าจะเดินทางไปโตเกียวเพื่อเจอเพื่อนๆ นิชินะจะปฏิเสธมาร่วมงานเสมอ ตอนรู้ตัวว่าโดนหลบหน้า คาซึฮะหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
แต่แล้วคาซึฮะก็สามารถตัดใจจากนิชินะได้โดยสมบูรณ์
ตอนนี้เวลาได้ยินชื่อนิชินะ แม้ยังเจ็บแปลบหัวใจนิดหน่อย แต่คาซึฮะสามารถจัดการความรู้สึกเรื่องที่โดนอีกฝ่ายตัดขาดอย่างไร้เยื่อใยได้ง่ายขึ้นแล้ว เอาจริงๆ คู่รักที่เลิกรากันไป มีสักกี่คู่เชียวที่สามารถรักษาความสัมพันธ์อันดีเอาไว้ได้
ยิ่งเวลาผ่านไปงานก็เริ่มกินเวลาส่วนตัวมากขึ้น ส่วนเพื่อนร่วมห้องวิจัยสมัยเรียนปริญญาโทที่สนิทสนมกันต่างก็มุ่งมั่นเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง การติดต่อจึงค่อยๆ ขาดหายไป พอรู้ตัวอีกทีคาซึฮะไม่ได้เจอใครเลยมาสองปีแล้ว วาตานุกิ เพื่อนร่วมรุ่นที่สนิทที่สุดเป็นคนเดียวที่นานๆ ทียังติดต่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันบ้าง แต่วาตานุกิก็งานยุ่งยิ่งกว่าคาซึฮะอีก ช่วงนี้จึงขาดการติดต่อไปเช่นกัน
คาซึฮะเปิดอีเมลด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ข้อความทักทายอย่างเป็นทางการเพื่อติดต่อธุระกระโจนเข้าสู่สายตา แวบหนึ่งคาซึฮะคิดว่าหรือส่งอีเมลผิด ทว่าหลังสิ้นสุดคำทักทายอย่างเป็นทางการ ประโยค ‘อาจกะทันหันไปหน่อย แต่ผมมีกำหนดการจะเดินทางไปที่นั่นเร็วๆ นี้ หากไม่เป็นการรบกวน นากาโมริซังพอจะสละเวลาไปกินข้าวกับผมสักมื้อได้ไหมครับ’ ก็ทำให้ประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
หรือเป็นอีเมลหลอกลวงของมิจฉาชีพที่ทำได้เนียนสุดๆ กัน คาซึฮะสงสัย แต่ในอีเมลมีเบอร์โทรศัพท์มือถือ กับเบอร์ติดต่อของบริษัทอยู่ด้วย
คาซึฮะลองตรวจสอบเว็บไซต์ของ IW บริษัทออกแบบก่อสร้างเพื่อความแน่ใจ พบว่าแอดเดรสของอีเมลตรงกับข้อมูลแอดเดรสส่วนตัวของนิชินะบนเว็บไซต์
ในหน้ารายชื่อสถาปนิกของบริษัท มีชื่อ ประวัติการทำงาน และรูปถ่ายใบหน้าของสถาปนิกเรียงราย
นิชินะในภาพขาวดำที่คอนทราสต์คมชัดมองตรงมาทางนี้ ผมหยักศกหน่อยๆ ถูกจัดทรงแบบลวกๆ แม้ทรงผมยังเหมือนสมัยก่อนไม่เปลี่ยน แต่ว่าดูมีสไตล์ขึ้น ราวกับช่างผมมืออาชีพมาจัดทรงให้
ดวงตาแข็งกร้าว เห็นแล้วชวนนึกถึงความหลัง
อิจิฮะ เสียงของนิชินะที่เรียกตนหวนกลับเข้ามาในโสตประสาท
นิชินะเป็นผู้ชายที่ไม่ใส่ใจรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง เขาตัดผมเองแบบลวกๆ ฤดูหนาวสวมเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีเทา ฤดูร้อนสวมเสื้อยืด ส่วนท่อนล่างใส่กางเกงยีนเหี่ยวๆ ตัวเดิมตลอดทั้งปี แต่กลับจู้จี้เรื่องเนื้อสัมผัสว่า ‘ต้องเป็นเนื้อผ้านี้เท่านั้น’ เสื้อสเวตเตอร์กับเสื้อยืดล้วนเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์จากอังกฤษ จริงอยู่ว่าเนื้อผ้านุ่มจนไม่อยากเชื่อ แต่ราคาก็แพงหูฉี่เช่นกัน นิชินะบอกว่า “ฉันจ่ายเงินให้กับวัสดุและดีไซน์ที่ไม่ล้าสมัยง่ายๆ” สินค้าติดตลาดของแบรนด์เก่าแก่นั้นใช้ได้ยาวนานจริงๆ แต่ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าที่สวมใส่เท่านั้น รวมถึงสิ่งของรอบๆ ตัวด้วย หากนิชินะตัดสินใจเลือกอะไรแล้ว จะใช้แต่สิ่งนั้นไม่ยอมเปลี่ยน
“สำหรับฉันแล้ว ต้องเป็นอิจิฮะเท่านั้น”
ด้วยเหตุนี้คาซึฮะจึงเชื่อคำพูดนั้นโดยไม่สงสัยอะไร
จากความทรงจำหนึ่งเชื่อมไปสู่อีกความทรงจำหนึ่ง ดั่งกำลังพลิกหน้าหนังสือที่เคยอ่านในอดีต เมื่อภาพเหตุการณ์ตอนเลิกรากันหวนกลับเข้ามาในสมอง คาซึฮะเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
ตอนนั้นที่คาซึฮะตัดสินใจว่าจะกลับบ้านเกิดและบอกเลิกอีกฝ่าย นิชินะก็สวมเสื้อสเวตเตอร์สีเทากับกางเกงยีนเหมือนทุกที ผมดำหยักศกของเขายาวมาก ถ้ามือใหญ่เสยผมหน้าขึ้น ดวงตาแข็งกร้าวจะปรากฏให้เห็น ตอนคาซึฮะบอกว่าเลิกกันเถอะ สายตาคู่นั้นจ้องกลับมาเขม็ง จากนั้นนิชินะก็ลบความรู้สึกออกไปทั้งหมดและเบนหน้าหนี
นับจากวันนั้นผ่านมาเจ็ดปีแล้ว
กาลเวลาคงทำให้ความรู้สึกของนิชินะอ่อนลง พอหวนนึกถึงอดีตจึงอยากเจอขึ้นมาละมั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คาซึฮะก็ดีใจ
ทุกครั้งที่ได้ยินหรือได้เห็นผลงานของเขา คาซึฮะรู้สึกประทับใจเสมอว่าสุดยอดจริงๆ ถ้ามีโอกาสได้พบปะพูดคุยกัน เอ่ยชมกันแบบซึ่งๆ หน้า แน่นอนว่าตนก็อยากเจอ
คาซึฮะอ่านอีเมลจากนิชินะอีกครั้งก่อนจะปรับท่านั่งบนเก้าอี้ใหม่ และพิมพ์ประโยคตอบกลับอย่างสุภาพว่าขอบคุณที่อุตส่าห์ติดต่อมา หากเวลาว่างตรงกันก็อยากเจอ จากนั้นจึงกดส่ง
สถาปนิกผู้มีส่วนร่วมในโครงการออกแบบโรงละครแห่งชาติยิ่งใหญ่ระดับเอเชีย กับนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับท้องถิ่น ทั้งสองอยู่กันคนละโลก แต่ความรู้สึกของตนในตอนนี้ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนครั้งอดีตแล้ว แม้อยู่กันคนละโลก แต่ไม่มีใครเหนือกว่าหรือด้อยกว่า ไม่มีบนหรือล่าง แค่แตกต่างกัน มันก็เท่านั้น
เจ็ดปีก่อนก็มีความคิดนี้อยู่ในหัว เพียงแต่หัวใจไม่อาจยอมรับได้อย่างบริสุทธิ์เหมือนกับตอนนี้ ช่วยไม่ได้ ตอนนั้นตนยังเด็กและอยู่ใกล้ชิดนิชินะมากเกินไป
หลังยืนยันว่าอีเมลส่งเรียบร้อยแล้ว คาซึฮะก็ส่งข้อความไปหาวาตานุกิที่นึกถึงขึ้นมาด้วย
วาตานุกิเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่รู้ว่าคาซึฮะกับนิชินะคบกันสมัยเรียน คาซึฮะกับวาตานุกิสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาปริญญาตรี ตอนคบกับนิชินะ พวกเขาไปดื่มสังสรรค์ด้วยกันสามคนบ่อยๆ เนื่องจากคาซึฮะได้งานที่บ้านเกิดจึงค่อนข้างห่างจากกลุ่มเพื่อนในโตเกียว แต่วาตานุกิที่ชอบเป็นตัวตั้งตัวตีน่าจะยังติดต่อกับเพื่อนร่วมห้องวิจัยอยู่บ้าง
ตอนพิมพ์บอกวาตานุกิผ่านแอปพลิเคชันแชตที่ใช้ประจำว่า ‘นิชินะส่งอีเมลมา อาจได้เจอกันเร็วๆ นี้’ คาซึฮะเพิ่งรู้ตัวว่าแอบระริกระรี้ในใจ
ตอนตัดสินใจเลิกกันคาซึฮะไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเป็นห่วงเป็นใยความรู้สึกของนิชินะนัก เพราะอีกฝ่ายไม่ได้พยายามเหนี่ยวรั้งไว้ทำให้คิดไปว่านิชินะอาจไม่ได้ยึดติดกับตัวเองอย่างที่คิด แต่การกระทำของตนก็เห็นแก่ตัวเกินไปจริงๆ นิชินะย่อมโมโห หากได้ขอโทษ ตนต้องสบายใจขึ้นแน่
คาซึฮะสรุปเนื้อหาการประชุมอย่างอารมณ์ดี หลังทำเสร็จแล้วคิดว่า เอาละ ไปพักดีกว่า จังหวะกำลังจะลุกจากเก้าอี้ สมาร์ตโฟนก็ดังขึ้นพอดี ข้อความมาจากวาตานุกิ
ดูเหมือนอีกฝ่ายก็กำลังพักกลางวัน ‘ตอนนี้คุยได้ไหม?’ ข้อความส่งมาเช่นนี้ ต้องเป็นเรื่องนิชินะแน่ คาซึฮะโทรศัพท์หาวาตานุกิด้วยความรู้สึกแช่มชื่น เสียงคุ้นเคยดังขึ้นทันที ‘ไง นากาโมริ ไม่ได้คุยกันนานเลย’
จากนั้นคาซึฮะก็ได้ฟังเรื่องราวที่คาดไม่ถึง

2

ในเมืองใหญ่ ย่านการค้าจะกระจายตัวอยู่ใกล้ๆ สถานี ทว่าในเมืองต่างจังหวัดซึ่งเป็นสังคมรถยนต์ ประชากรจะกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่รอบๆ ปราสาทเก่าไม่ต่างจากในอดีต
ร้านอาหารอิตาเลียนที่คาซึฮะมักใช้รับรองบริษัทคู่ค้าอยู่ค่อนข้างไกลจากสถานีเช่นกัน คาซึฮะส่งแผนที่ร้านไปให้นิชินะและบอกให้เขานั่งแท็กซี่ไป
คาซึฮะตื่นเต้นแต่เช้า
นับจากวันนั้นที่ได้รับอีเมลไม่คาดฝัน ก็ผ่านมาประมาณสิบวันแล้ว
ระหว่างนั้นทั้งสองคนติดต่อกันอีกหลายครั้ง และในที่สุดก็ตัดสินใจพบกันในคืนวันเสาร์ ต่างฝ่ายต่างติดต่อกันผ่านอีเมลด้วยข้อความเชิงธุรกิจ ไม่ได้พูดคุยกันโดยตรงแม้แต่ครั้งเดียว หลังได้ฟังเรื่องราวของนิชินะจากวาตานุกิ คาซึฮะก็ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่
ถึงอย่างนั้น ถ้ามีโอกาสได้เจอนิชินะ ตนก็ดีใจ
คาซึฮะมีนัดคุยงานที่บ้านลูกค้าจนถึงเย็น หลังจากคืนรถที่บริษัทเรียบร้อยก็นั่งแท็กซี่มุ่งหน้าไปที่ร้าน คาซึฮะนั่งรอในห้องส่วนตัวที่จองไว้ได้สักพัก ในที่สุดชายร่างสูงก็ปรากฏตัวขึ้นโดยมีพนักงานช่วยนำทางมาให้ นิชินะนั่นเอง อาการตื่นเต้นทำเอาท้องไส้หดตัวปั่นป่วนไปหมด
“สวัสดีครับ”
คาซึฮะลุกขึ้นยืน ขณะสับสนไม่รู้จะทักทายอย่างไรดีอยู่นั้น นิชินะก็เอ่ยทักทายก่อน เสียงแบริโทน นุ่มลึกปลุกความทรงจำในอดีตให้พวยพุ่งขึ้นมาในคราวเดียว
รูปลักษณ์ภายนอกของนิชินะแทบไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อเจ็ดปีก่อน ผมดำหยักศกหน่อยๆ ถูกจัดทรงลวกๆ ดวงตาเฉี่ยวใต้ผมหน้ามองตรงมาทางนี้ พอโดนสายตาแข็งกร้าวจับจ้อง คาซึฮะก็รู้สึกเหมือนโดนจับตรึง นี่ก็เหมือนสมัยก่อนเช่นกัน
“...ไม่ได้เจอกันนานเลย นิชินะซัง”
ไม่ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร คาซึฮะสามารถเอ่ยความรู้สึกออกมาได้เพียงเท่านี้
นิชินะสวมเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีเทากับกางเกงยีน ราวกับกระโดดข้ามเวลามาเจ็ดปี ทว่าสีหน้าที่จับจ้องตนอยู่แลดูสับสนเล็กน้อย
ตอนนี้ตนดูเป็นอย่างไรในสายตานิชินะ คาซึฮะนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง และยืดหลังตรงโดยไม่รู้ตัว อย่างน้อยนี่คงไม่ใช่ ‘ไม่ได้เจอกันนานเลย’ สำหรับอีกฝ่าย
‘ฉันโดนสั่งให้ปิดปากเงียบ แต่คิดว่ายังไงก็ต้องบอกนาย เลยกะว่าจะติดต่อไปหาเร็วๆ นี้พอดี’
เรื่องมันซับซ้อน วาตานุกิเกริ่นไว้แค่นั้น แล้วคืนนั้นก็โทรมาหาคาซึฮะอีกครั้ง
‘ความปกติในการทำงานของสมองระดับสูง นายก็คงเคยได้ยินใช่ไหม?’
“วาตานุกิเล่าให้ฟังว่า อาการบาดเจ็บของคุณไม่ได้รุนแรงมาก”
“ครับ”
เนื่องจากคาซึฮะสั่งอาหารคอร์สเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว พนักงานจึงรับแค่ออร์เดอร์เครื่องดื่ม หลังพนักงานออกไปจากห้องส่วนตัว คาซึฮะก็เริ่มเอ่ยเข้าเรื่อง นิชินะพยักหน้าเล็กน้อย
“ร่างกายไม่ได้เป็นอะไรเลยครับ”
นิชินะประสบอุบัติเหตุราวๆ หนึ่งเดือนก่อน รถแท็กซี่ที่นั่งกลับบ้านประสานงากับรถยนต์อีกคัน เขาถูกหามขึ้นรถพยาบาล
โชคดีที่บาดเจ็บแค่เล็กน้อย แป๊บเดียวก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว วาตานุกิบอกจากปลายสาย แล้วน้ำเสียงก็ทุ้มต่ำลง
‘สรุปสั้นๆ คือ ‘สูญเสียความทรงจำ’ ฉันได้ยินมาอีกที ไม่แน่ใจว่าข้อมูลถูกต้องไหม เหมือนเกิดความปกติในส่วนของการนึก เขารู้ว่าตัวเองเป็นใคร ด้านการทำงานไม่มีปัญหา แต่ความทรงจำเกี่ยวกับผู้คนรอบตัวหายเกลี้ยง ตอนแรกเขาจำฉันไม่ได้เลย’
“วาตานุกิ... แนะนำว่าควรอธิบายสถานการณ์ให้นากาโมริซังฟังด้วย ผมเลยขอร้องให้เขาช่วยอธิบายให้คุณฟัง”
ทั้งที่ก่อนประสบอุบัติเหตุนิชินะก็น่าจะติดต่อกับวาตานุกิตลอด แต่เหมือนยังไม่รู้สึกว่าเป็นความจริง ถึงขนาดตะขิดตะขวงใจที่จะเรียกห้วนๆ ตอนเอ่ยชื่อ ‘วาตานุกิ’ เลยตะกุกตะกักเล็กน้อย
“ได้ยินมาว่าคุณจำวาตานุกิได้แล้ว”
นิชินะขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนเงียบไปสักพัก
“...ประมาณ เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์”
สูญเสียความทรงจำ มันรู้สึกอย่างไรนะ คาซึฮะจินตนาการไม่ออก
นิชินะที่คาซึฮะรู้จัก กับนิชินะที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนเดียวกันก็จริง แต่ความรู้สึกกลับแตกต่าง นิชินะที่ตนรู้จักเป็นคนสดใส เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ พูดจาชัดถ้อยชัดคำ พอเห็นเขาพูดอย่างลังเลและแสดงปฏิกิริยาไม่เด็ดขาดแบบนี้ คาซึฮะรู้สึกอัศจรรย์ใจบอกไม่ถูก มนุษย์เราอาจเปลี่ยนไปได้ตามสภาพแวดล้อมและกาลเวลาที่แปรผัน แต่ในกรณีของนิชินะ ดูเหมือนความทรงจำที่ขาดหายไปส่งผลกระทบใหญ่หลวงทีเดียว ขนาดได้ฟังเรื่องราวจากวาตานุกิมาล่วงหน้าแล้ว คาซึฮะยังอดช็อกไม่ได้ว่า ‘เขาจำฉันไม่ได้จริงๆ’
“หมอที่รักษาบอกว่าไม่ต้องกังวลจนเกินไป เดี๋ยวจะค่อยๆ นึกออกเอง ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ผ่านไปไม่นานผมจำเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศ กับพนักงานบริการทำความสะอาดได้แล้วครับ เหมือนคนที่เจอบ่อยๆ ในชีวิตประจำวันจะนึกออกได้ง่ายกว่า ...แต่กับคนที่ไม่ได้เจอกันพักใหญ่ จะนึกออกค่อนข้างยาก ขนาดคนในครอบครัว ผมยังนึกไม่ออกเลย เพราะไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน”
น้ำเสียงของนิชินะมีอารมณ์หงุดหงิดผสมอยู่เล็กน้อย
หรือก็คือสำหรับนิชินะแล้ว คนอย่างคาซึฮะที่ขาดการติดต่อไปนานถึงเจ็ดปีนั้นไม่ต่างอะไรกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ซึ่งท่าทีของนิชินะในตอนนี้ก็เหมือนปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าจริงๆ
‘ฉันว่าเขาคงอ่านเจอในไดอารีหรืออะไรสักอย่างแหละ เมื่อวันก่อนเขาถามฉันว่า เขากับคนที่ชื่อนากาโมริ คาซึฮะเป็นอะไรกัน ฉันคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันควรพูด เลยตอบไปว่า ไปถามเจ้าตัวน่าจะดีกว่า ที่จริงฉันควรอธิบายสถานการณ์ให้นายเข้าใจก่อนเขาติดต่อไป แต่ช่วงนี้ฉันเองก็ยุ่งๆ เลยบอกช้าไป ต้องขอโทษด้วยจริงๆ’
จากนั้นนิชินะก็ส่งอีเมลมาหา และอยู่ตรงหน้าคาซึฮะในตอนนี้
“คุณจำเรื่องผมไม่ได้เลยสินะครับ?”
แม้เตรียมเอาใจไว้แล้ว แต่พอเห็นนิชินะพยักหน้าด้วยท่าทีรู้สึกผิด คาซึฮะก็รู้สึกผิดหวังจนตัวเองยังประหลาดใจ
แม้ตอนเลิกกันนิชินะไม่ได้แสดงท่าทีมีเยื่อใย แต่คาซึฮะคงแอบคาดหวังอยู่ลึกๆ ว่าตนคงเป็นคนพิเศษสำหรับเขา หากเจอหน้ากันเขาต้องนึกอะไรออกแน่ๆ
“แล้วเรื่องงาน ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
พนักงานนำเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยและอาหารเรียกน้ำย่อยมาเสิร์ฟ คาซึฮะจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องงาน
“ได้ยินวาตานุกิบอกว่า ไม่มีผลกระทบต่องานมากนัก”
“ครับ ผมสูญเสียความทรงจำไปเพียงบางส่วน แทบไม่ส่งผลกระทบอะไรต่องานเลย อีกอย่าง ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ผมประสบอุบัติเหตุหลังจบโปรเจกต์ใหญ่พอดี เดิมทีผมวางแผนจะหยุดพักผ่อนอยู่แล้ว หมอก็แนะนำให้หยุดพัก หลังปรึกษากับหัวหน้าและแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ ผมได้รับอนุญาตให้หยุดพักฟื้นหกเดือนครับ”
นิชินะหยิบแก้วทรงหรูหราขึ้นมาจิบเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย ท่าทางของเขายังเหมือนสมัยก่อนไม่เปลี่ยน
ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่านิชินะไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย แต่กิริยาท่าทางในการกินอาหารกับรสนิยมการกินทำให้คนรอบข้างมองออกทันทีว่ามาจากตระกูลผู้ลากมากดี
การเคลื่อนไหวของมือไหลลื่นไม่ต่างจากสมัยก่อน คาซึฮะมองเพลินไม่ต่างจากสมัยก่อนเช่นกัน
“...หลังออกจากโรงพยาบาลผมกลับไปแมนชันของตัวเอง ไล่ดูข้อมูลทั้งหมดในคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่า บางคนผมเห็นแล้วนึกออกแทบจะทันที ขณะที่บางคนพยายามเค้นสมองเท่าไรก็นึกไม่ออก แปลกมากเลยนะครับ ตอนนี้ก็เหมือนกัน”
วิธีการพูดของเขาแตกต่างจากนิชินะเมื่อเจ็ดปีก่อนเล็กน้อย มันก็แน่นอนอยู่แล้ว สมัยก่อนเขาไม่พูดจาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแบบนี้ คงเพราะอายุมากขึ้นทำให้วิธีแสดงออกอ่อนโยนลงละมั้ง คาซึฮะแอบมองหาร่องรอยของอดีตคนรักโดยไม่รู้ตัว
“ผมเห็นชื่อของคุณครั้งแรกในกลุ่มอีเมลเพื่อนสมัยเรียน แต่ไม่มีร่องรอยบอกว่าเคยติดต่อคุณเป็นการส่วนตัวเลย ทั้งยังไม่มีชื่อคุณอยู่ในบันทึกกันลืมอะไรด้วย เพราะงั้นตอนแรกผมเลยคิดว่าคงเป็นแค่เพื่อนร่วมรุ่นที่อยู่ห้องวิจัยเดียวกัน แต่เมื่อวันก่อนผมเจอภาพหมู่สมัยเรียนปริญญาโท พอเห็นหน้านากาโมริซังในภาพถ่าย ผมก็สงสัยขึ้นมา ...คำสารภาพของผมอาจเสียมารยาทไปหน่อย คือคุณตรงสเปกผมมาก งั้นทำไมผมถึงไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับคนคนนี้เลย ถ้าเป็นผมจะต้องพยายามเข้าไปตีสนิทคุณแน่ ผมเลยเดาว่าตัวเองน่าจะเคยทำเรื่องเสียมารยาท ถึงได้โดนคนคนนี้เกลียดขี้หน้า”
คุณตรงสเปกผมมาก ประโยคนี้ทำเอาใบหูของคาซึฮะร้อนผ่าว นี่คือนิชินะจริงๆ เขาเป็นคนคิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้น นั่นทำให้คาซึฮะหวั่นไหวได้เสมอ
“ผมคาใจเลยลองหาภาพถ่ายตอนนำเสนอผลงานวิจัยกับตอนทำเวิร์กชอป แต่ไม่เจอเฉพาะรูปของคุณ แถมชื่อไฟล์รูปถ่ายที่ควรเรียงลำดับตามหมายเลขยังหายไปเป็นหย่อมๆ ด้วย ผมเลยลองสันนิษฐานด้วยตัวเอง อาจฟังดูไร้สาระหน่อยนะครับ แต่ผมสงสัยว่า หรือผมลบเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคุณไป ผมลองกู้คืนรายชื่อในโทรศัพท์ที่ลบทิ้งไปแล้วด้วย เจอเบอร์ที่บันทึกชื่อว่าอิจิฮะ แต่หมายเลขนั้นปิดให้บริการไปแล้ว”
ตอนคำว่า ‘อิจิฮะ’ ชื่อเรียกแสนคิดถึงโพล่งออกจากปากของนิชินะ คาซึฮะถึงกับกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว นิชินะจับจ้องคาซึฮะเขม็ง
“...อาจเป็นการคาดเดาที่เสียมารยาท ‘อิจิฮะ’ เป็นชื่อเล่นของ ‘คาซึฮะ’ ชื่อของนากาโมริซังใช่ไหมครับ”
นิชินะค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองเดาถูก ประกอบกับปฏิกิริยาของวาตานุกิที่บอกว่า ‘ไปถามเจ้าตัวน่าจะดีกว่า’ เขาจึงปักใจเชื่อและเดินทางมาที่นี่
คาซึฮะเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอยู่แล้ว แน่นอนว่าเล่าออกจากปากของตัวเองย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อถึงเวลาต้องเอ่ยปากออกไปจริงๆ ก็ต้องอาศัยความกล้าเหมือนกัน
“...นั่นเป็นชื่อเรียกเฉพาะตอนอยู่กันสองคนครับ”
แม้น่าจะคาดเดาไว้แล้ว แต่พอได้ยินคำตอบของคาซึฮะ นิชินะก็เบิกตาเล็กน้อย
“หลังจบจากมหาวิทยาลัย K คุณมาเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยของผม เราสองคนเลยได้รู้จักกัน ...และคบกันประมาณปีครึ่งครับ”
นิชินะเบนสายตาไปทางอื่น
เขาวางมือบนก้านแก้ว ทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง การได้รู้ว่าคนที่เพิ่งเจอหน้าเป็นครั้งแรกแท้จริงแล้วคืออดีตคนรัก อีกทั้งคนคนนี้ยังรู้ชีวิตส่วนตัวที่ตัวเองจำไม่ได้อีก มันไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์เลย
ผ่านไปสักพักนิชินะก็หยิบส้อมกับมีดขึ้นมา ไหล่ของเขาผ่อนคลายลง พอพบว่าข้อสันนิษฐานของตัวเองถูกต้อง เรื่องคาใจเลยหายไปเปลาะหนึ่งละมั้ง คาซึฮะเองก็เริ่มลงมือกินอาหารเรียกน้ำย่อยตามเขา ปกติคาซึฮะเป็นคนเจริญอาหาร กินได้ทุกที่ทุกเวลา แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยรู้สึกอยากอาหารเท่าไร
“หลายคนที่ผมเคยคบหาด้วยในช่วงไม่กี่ปีนี้ พอได้ดูรูปถ่ายหรือพบเจอก็พอจะนึกออกครับ มีแต่เรื่องของคุณที่นึกยังไงก็นึกไม่ออก...”
ซุปตามมาหลังอาหารเรียกน้ำย่อย นิชินะพึมพำด้วยสีหน้าผิดหวัง
“ก็เรื่องมันผ่านมาตั้งเจ็ดปีแล้วนี่ครับ”
คาซึฮะพูดเพื่อปรับบรรยากาศให้ดีขึ้น ทว่าความจริงที่ว่าเขานึกไม่ออกเฉพาะเรื่องตน ทำเอาคาซึฮะจมดิ่งไม่รู้จบ หลายคนที่ผมเคยคบหาด้วยในช่วงไม่กี่ปีนี้ ผ่านมาจนป่านนี้แล้วหัวใจยังจะมีปฏิกิริยากับประโยคนั้นอีก
“ยิ่งไม่เจอกันนานก็ยิ่งนึกออกยาก ต่อให้ไม่สูญเสียความทรงจำก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน จะเรียกว่าเป็นเรื่องปกติก็ได้นะครับ”
คาซึฮะพยักหน้ากับคำพูดของนิชินะ แต่ตนยังจำได้ คาซึฮะคิดในใจด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย และคงไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
“ตอนนี้นากาโมริซังทำงานอยู่ที่นี่สินะครับ?”
อาหารจานหลักถูกเสิร์ฟตามมาต่อเนื่อง นิชินะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ใช่ครับ บ้านเกิดของผมเป็นร้านรับเหมาก่อสร้าง ส่วนตัวผมก็อยากทำงานด้านสถาปัตยกรรมเลยเลือกเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่จริงผมตั้งใจจะกลับมาทำงานบริษัทสร้างบ้านที่บ้านเกิดตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว แต่ผมสนุกกับงานวิจัยตอนปีสี่มากๆ จึงตัดสินใจเรียนต่อ”
แล้วหลังจากนั้นคาซึฮะก็ได้พบกับนิชินะที่มาจากมหาวิทยาลัยอื่น
ทั้งสองกินอาหารไปพลาง พูดคุยสัพเพเหระไปพลาง ท่วงท่าการกินอันสง่างามของนิชินะชวนให้คาซึฮะหวนนึกถึงอดีต กิริยาท่าทางเฉพาะตัวยังเหมือนเดิม แต่ดูสงบนิ่งลงผันแปรตามอายุที่มากขึ้น อีกทั้งวิธีพูดยังอ่อนโยนและไหลลื่น ดูผ่อนคลายแบบผู้ใหญ่
“นากาโมริซัง”
เมนูเนื้อจานสุดท้ายถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ นิชินะยืดหลังตรงทำให้พอเดาออกว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“หากไม่เป็นการรบกวน ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับ ว่าเราเริ่มคบกันได้ยังไง แล้วทำไมถึงเลิกกัน?”
อีกฝ่ายจ้องมองมาด้วยสายตาจริงจัง คาซึฮะวางผ้าเช็ดปากในมือลงบนตัก
“หมอบอกว่า หากความทรงจำสำคัญกลับมาอันหนึ่ง ความทรงจำอื่นๆ มักจะกลับตามมาเหมือนลูกโซ่ เรื่องของคุณต้องสำคัญต่อผมมากแน่ๆ ผมอยากนึกให้ออก”
ต้องสำคัญต่อผมมากแน่ๆ คาซึฮะไม่สามารถตอบสนองประโยคนี้ได้ในทันที แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับตน แต่สำหรับเขา เหมือนไม่ได้เป็นแบบนั้น
คาซึฮะยิ้มขมขื่นพลางส่ายศีรษะ
“เสียใจด้วยครับ ผมว่าผมไม่ได้สำคัญกับคุณมากขนาดนั้น ที่เราเลิกกันเพราะผมตัดสินใจกลับบ้านเกิด แต่คุณไม่ได้รั้งเอาไว้ เราเลิกกันง่ายมากครับ นี่เป็นความจริง”
“แล้วเรามาคบกันได้ยังไง?”
“เรื่องนั้น...”
คาซึฮะสะดุดเล็กน้อย
“...เหมือนพอรู้ตัวอีกที ก็คบกันแล้วครับ”
นิชินะเอียงศีรษะงุนงงกับคำตอบกำกวมของคาซึฮะ
“ฉันไม่หวั่นไหวกับผู้หญิง แล้วคุณล่ะ?”
“...คุณเป็นผู้ชายคนเดียวที่ผมเคยคบด้วย”
“ฉันคนเดียว?”
“ครับ”
พอรู้ตัวอีกทีนิชินะก็แทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ แล้ว คาซึฮะรู้สึกกระหายน้ำกะทันหันจึงดื่มไวน์ที่เหลือจนหมดแก้ว
“ขอโทษที่เสียมารยาท นากาโมริซัง คุณแต่งงานแล้วหรือยัง”
นิชินะจ้องมองนิ้วมือ คาซึฮะไม่ได้สวมแหวน แต่คนแต่งงานแล้วแต่ไม่สวมแหวนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ยังครับ”
นิชินะทำหน้าโล่งอก คาซึฮะจับมือตัวเองโดยไม่รู้ตัว แหวนที่เขาเคยมอบให้เป็นของขวัญ ตนยังเก็บไว้อยู่
“แล้วคบกับใครอยู่หรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีครับ”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
ใบหน้าของนิชินะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คาซึฮะใจสั่น
อิจิฮะ เสียงเรียกของนิชินะดังก้องในสมอง
ฉันหลงรักนายตั้งแต่แรกเห็น นิชินะเคยบอกตนเช่นนั้น
พอสบตากับอิจิฮะ หลังจากนั้นในสายตาฉันก็ไม่มีใครอื่นอีกเลย ต่อให้เจอกันอีกครั้งก็จะยังเป็นเหมือนเดิม ฉันจะต้องหลงรักนายตั้งแต่แรกเห็นแน่นอน
ไม่มีตรรกะรองรับหรอก ความรักก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คาซึฮะทำงานอยู่สตูดิโอออกแบบสถาปัตยกรรม ตลอดชีวิตเคยมีคนรักเพศเดียวกันเพียงคนเดียว วันหนึ่งนิชินะ อดีตคนรักก็ติดต่อมาในรอบเจ็ดปี ที่จริงนิชินะประสบอุบัติเหตุสูญเสียความทรงจำบางส่วนจนจำคาซึฮะไม่ได้ รวมถึงเหตุผลที่เลิกกันด้วย คาซึฮะรู้จักกับนิชินะสมัยเรียนปริญญาโทและถูกความคลั่งไคล้ของเขาดึงดูดจนตกหลุมรัก แต่การอยู่เคียงข้างชายที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์มันช่างทุกข์ทรมาน สุดท้ายจึงได้ขอเลิก... แม้นิชินะไม่มีความทรงจำในอดีต แต่คาซึฮะก็มองเห็นว่าสายตาของเขาถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ มาให้ และนั่นทำให้หัวใจของคาซึฮะสั่นไหวอีกครั้ง...?

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”