New Release BLY แปล : PRIVATE BANKER หัวใจใต้หน้ากาก

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : PRIVATE BANKER หัวใจใต้หน้ากาก

โพสต์ โดย Gals »

“ขอบคุณที่ทำสัญญากับเรานะครับ”
ภายในห้องนั่งเล่นที่มองเห็นทัศนียภาพอ่าวโตเกียว เซโงะลุกขึ้นโค้งคำนับลงต่ำเมื่อลูกค้าโน้มตัวจากโซฟาสีขาวผลิตในอิตาลีมาลงชื่อในเอกสารสัญญาเสร็จสิ้น
กองทุนรวมหุ้นและกองทุนเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ลูกค้าซื้อในสัญญาฉบับนี้เป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีมูลค่าถึงเจ็ดสิบล้าน รอยยิ้มไร้การเสแสร้งจึงผุดขึ้นบนหน้าเซโงะโดยอัตโนมัติ
การได้รับความไว้วางใจและทำให้ลูกค้าตัดสินใจลงทุนหลักสิบล้านได้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสำหรับไพรเวตแบงเกอร์
แม้ทำงานนี้มาได้สามปีแล้ว ความปีติยินดีในช่วงเวลานั้นก็ยังไม่เคยจางหายไป มันเปรียบดังยาเสพติดที่ผลักดันให้เซโงะทุ่มเททำงาน เป็นช่วงเวลาที่แฝงด้วยรสชาติแห่งชัยชนะอันน่าเคลิบเคลิ้ม
หลังสูญเสียแม่ไปในวัยเด็กที่ชนบทแถวคิวชู และพ่อผู้เป็นชาวประมงหนี้ท่วมหัวหายสาบสูญไป ยายก็รับเซโงะไปเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ทุกครั้งที่ได้ทำสัญญากับเศรษฐีในโตเกียว เขามักจะคิดว่าเอาชนะความจนได้แล้ว ชนะตนเองผู้ยากไร้ในอดีตแล้ว
เซโงะอธิบายขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้อย่างละเอียด ก่อนจะโค้งคำนับอีกครั้งแล้วออกจากห้องลูกค้า
เท้าสวมรองเท้าหนังขัดเงาวับก้าวยาวๆ ผ่านทางเข้าออกอาคารคอนโดมิเนียมสูง พอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือชั้นยอดที่สุดในบรรดาของผลิตในประเทศก็พบว่าเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง จากที่นี่ไปถึงย่านมารุโนะอุจิใช้เวลาแค่สิบนาที น่าจะกลับไปรายงานความสำเร็จกับหัวหน้าได้ก่อนพักเที่ยง
วางแผนเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วก็เงยหน้าขึ้น กลิ่นเกลือพลันโชยเตะจมูก สายลมชื้นๆ ในสภาพอากาศฤดูใบไม้ผลิช่วงปลายเดือนเมษายนเจือกลิ่นคาวและกลิ่นชายทะเล
เซโงะพ่นลมหายใจผ่านจมูกดังฮึก่อนเร่งฝีเท้า พื้นที่บริเวณอ่าวโตเกียวซึ่งเจริญพรวดพราดในช่วงสิบปีที่ผ่านมาแห่งนี้มีเศรษฐีใหม่อยู่มากมาย ด้วยเหตุนั้นเขาจึงมาที่นี่บ่อยครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถูกโรคกับกลิ่นน้ำทะเลนี่จริงๆ
กลิ่นนี้แฝงด้วยความยากจน ประสาทรับกลิ่นของเซโงะไม่ได้อ่อนไหวเป็นพิเศษ เพียงแต่สำหรับเขาแล้ว ความยากจนนั้นมีกลิ่นเหมือนทะเล เหมือนกลิ่นลมทะเลพื้นๆ ที่พัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายฝั่งแห่งนั้น
วันนี้อากาศแจ่มใส รอบข้างลมพัดไม่หยุด เซโงะรีบมุดลงทางเข้ารถไฟใต้ดินดั่งจะหนี

เซโงะเดินฝ่าความเบียดเสียดด้านหน้าสถานียูราคุโจ มุ่งหน้าไปทางมารุโนะอุจิ หลังจากก้าวเข้าอาคารสำนักงานสีเงินระยิบระยับก็ขึ้นลิฟต์ตรงไปยังชั้นบนของอาคาร
“เรียบร้อยหรือยังครับ?”
เมื่อโผล่หน้ามาที่ชั้นสำนักงานอันกว้างขวาง ผู้ช่วยชื่อยางิที่รออยู่ก็วิ่งเข้ามาหา เซโงะพยักหน้าตอบเบาๆ
“TOPIX อินเดกซ์ โอเพน ห้าสิบล้าน REIT โอเพน ยี่สิบล้าน”
“ว้าว เจ็ดสิบล้าน ประธานมารุยามะทุ่มสุดตัวเลยนะครับเนี่ย!”
“...ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“พูดแบบนั้นอีกแล้ว อ๊ะ งั้นยอด TOPIX เดือนนี้คุณอิเดนางะน่าจะเป็นที่หนึ่งสินะครับ”
เซโงะนิ่วหน้าเล็กน้อย แต่ดูเหมือนยางิจะเข้าใจไปว่าเป็นสีหน้าถ่อมตัว ลูกน้องจิตใจดีจึงหยิบยกตัวเลขยอดขายที่แข่งขันกันในบริษัทมาพูดให้หัวหน้าคึกคักขึ้น กองทุนเพื่อการลงทุนที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทบนกระดานที่หนึ่ง ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียวถือเป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่สำคัญของทุกธนาคาร การขายได้มากน้อยแค่ไหนจึงส่งผลโดยตรงต่อการประเมินผลงานของเซลส์แมน
“แบบนี้อีกไม่นานคงได้เห็นเมเนเจอร์อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของแผนก PB แห่ง TSSB แล้วสินะครับ”
ลูกน้องดีใจอย่างใสซื่อ เซโงะรับฟังพลางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะและหยิบเอกสารสัญญาออกมา กวาดตามองตัวอักษรสีดำที่พิมพ์อยู่บนหน้าปกอันเคร่งขรึม
TSSB Japan คือธนาคารยักษ์ใหญ่จากต่างชาติที่เคยอยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับเซโงะสมัยมาโตเกียวหมาดๆ แต่ขณะนี้เซโงะในวัยสามสิบสี่ทำงานอยู่ในแผนกไพรเวตแบงกิงของที่นี่
ธนาคารแห่งนี้เริ่มต้นจากองค์กรระบบปิดเล็กๆ ที่บริหารจัดการทรัพย์สมบัติของเหล่าชนชั้นสูงในยุโรป เรียกได้ว่าเป็นของคนรวย โดยคนรวย เพื่อคนรวย และเป็นไพรเวตแบงกิงมาแต่ดั้งเดิม แต่ปัจจุบันนี้ธนาคารหลายแห่งมีบริการด้านการบริหารสินทรัพย์ที่เรียกว่าไพรเวตแบงกิงเพื่อเจาะกลุ่มคนรวยโดยเฉพาะ แผนกไพรเวตแบงกิงของ TSSB ที่เซโงะทำงานอยู่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ยอดเงินขั้นต่ำสุดในการเปิดบัญชีไพรเวตแบงกิงกับ TBSS ซึ่งอยู่ในเครือกลุ่มการเงินยักษ์ใหญ่ของยุโรปคือห้าสิบล้าน เงินลงทุนโดยเฉลี่ยของลูกค้าคือสองร้อยล้าน
แผนกนี้ไม่โยกย้ายพนักงานบ่อยเหมือนแผนกอื่นของธนาคาร โดยพื้นฐานแล้วแบงเกอร์คนหนึ่งจะรับผิดชอบลูกค้ารายเดิมไปตลอด
“ยางิ เรื่องเลื่อนตำแหน่งอย่าเอาไปพูดที่อื่นล่ะ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรกำหนดแน่ชัดทั้งนั้น”
เซโงะกำชับผู้ช่วยที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าตนเสียอีก
ยางิถูกส่งมาเป็นผู้ช่วยของเซโงะทันทีหลังจากจบการฝึกอบรมพนักงานใหม่ ฤดูใบไม้ผลิปีนี้เป็นปีที่สองของยางิที่ธนาคารแห่งนี้
ด้วยความที่เป็นสถาบันการเงินต่างประเทศยอดนิยม พนักงานใหม่ของที่นี่เลยเก่งกาจสามารถทุกคนอยู่แล้ว แต่ยางิเป็นลูกนักการทูตที่เคยใช้ชีวิตในเซี่ยงไฮ้ เขาจึงรู้ลึกเกี่ยวกับสังคมคนญี่ปุ่นในจีน นอกจากเป็นเด็กยุคใหม่ที่ทำงานเก่งแล้วยังมีความทรหดอดทน ยอมทำงานหนักเป็นเพื่อนเซโงะโดยไม่เกี่ยงการทำงานล่วงเวลาจนดึกหรือทำงานในวันหยุด เป็นลูกน้องที่หาได้ยากยิ่งโดยแท้
“เอ๋~~ ผู้จัดการอุจิคาวะตัดสินใจเมื่อไรก็เมื่อนั้นละครับ ผลงานดีแบบนี้อีกไม่นานก็คงกำหนดแน่ชัดเองแหละมั้ง คว้าอันดับหนึ่งประจำเดือนนี้ เลื่อนขั้นเป็นเมเนเจอร์ แล้วรีบๆ ทำให้พวกที่นินทาว่าคุณค้าขายด้วยวิธีหว่านเสน่ห์ใส่พวกคุณนายเหมือนโฮสต์หุบปากกันดีกว่า”
“ยังไงก็ช่างเถอะ”
เซโงะตอบห้วนๆ ใส่ลูกน้องที่หายใจแรงชอบกล รู้ตัวอยู่แล้วว่าโดนคนบางกลุ่มล้อเลียนแบบนั้นเพราะไม่พอใจที่คนที่ย้ายมาจากบริษัทอื่นอย่างตนทำยอดโดดเด่นกว่า
“ไม่โมโหบ้างเหรอครับ? ทุกครั้งที่ทำสัญญาใหญ่ๆ ได้ พวกนั้นจะนินทากันว่าคุณเป็นคู่นอนให้ลูกค้าตอนกลางคืนหรือเปล่า สงสัยจะเป็นเพราะคุณอิเดนางะดูผิวเผินเหมือนพวกขี้เก๊กละมั้ง จะว่าเป็นหนุ่มหล่อที่โดนเพศเดียวกันเกลียดหรือยังไงดีนะ”
“...นั่นชมเหรอ?”
“รูปลักษณ์ภายนอกทำให้คุณเหมือนพวกผู้ดีที่ไม่เคยลำบากน่ะครับ ทั้งที่ความจริงแล้ววิธีค้าขายของคุณออกจะเป็นขาลุยแท้ๆ”
ผู้ช่วยฉีกยิ้มแก่แดด เซโงะเพียงแต่ยักไหล่ให้
ผู้ดีที่ไม่เคยลำบากงั้นหรือ ถ้าความแตกว่าที่จริงเซโงะเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นจนเกือบไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย ยางิที่มาจากชนชั้นสูงขนานแท้จะทำหน้าอย่างไรหนอ
ไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม เมื่อลงมือแก้ไขมันก็ย่อมเห็นผลในระดับหนึ่ง เซโงะไม่ใช่คนบ้านนอกไร้การขัดเกลาเหมือนสมัยเข้ามาโตเกียวใหม่ๆ อีกต่อไปแล้ว
พอเปลี่ยนจากสวมแว่นตามาเป็นคอนแทกต์เลนส์ ใบหน้าที่เคยโดนทักว่ามืดมน ดูไม่ค่อยมีความสุข ก็กลับกลายเป็นดูเฉลียวฉลาด ส่วนเส้นผมตรงลื่นจัดทรงยากนั้นแก้ไขได้ด้วยการไปร้านตัดผมเดือนละครั้ง ทำให้ตอนนี้เขาจัดแต่งทรงผมอย่างดีได้ทุกวัน แถมนับตั้งแต่หันมาสวมสูทที่ตัดพอดีตัว รูปร่างซูบผอมยังเริ่มได้รับคำชมว่าหุ่นดีอีกด้วย
รูปร่างหน้าตาเฉลียวฉลาด ผ่านการขัดเกลา ชายผู้ประสบความสำเร็จ ห่างไกลจากความยากจน นั่นคืออิเดนางะ เซโงะในตอนนี้
เขาอยู่ในสำนักงานบนที่ดินทำเลทองของโตเกียว แต่งกายด้วยสูทที่ดูเรียบร้อยซึ่งถ้าใครดูออกก็จะรู้ว่าตัดเย็บอย่างดี กิริยาท่าทางและการวางตัวนั้นผ่านการฝึกปรือให้เหมาะสมเข้าสังคมกับบรรดาผู้ประสบความสำเร็จ ช่างเป็นการแปลงโฉมที่สมบูรณ์แบบเสียจนน่าหัวร่อ
“แต่จะว่าไปก็มีคำเชิญชวนทำนองนั้นจากลูกค้าอยู่จริงๆ ใช่ไหมครับ พวกที่ใช้สัญญาเป็นเหยื่อล่อ... คุณอิเดนางะเลี้ยงรับรองลูกค้าบ่อยด้วยนี่นา”
“เฮ้ นายก็พลอยเห็นฉันเป็นโฮสต์ไปอีกคนรึไง? ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ก็แค่ลูกค้ากับแบงเกอร์เฉยๆ”
พอเซโงะตอบชัดเจน ผู้ช่วยก็หัวเราะว่า “นั่นสินะครับ” ด้วยสีหน้าเหมือนโล่งอก เซโงะสวนกลับว่า แน่อยู่แล้ว ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีคำเชิญชวนทำนองนั้นอยู่ แต่ขืนหวั่นไหวเพราะโดนลูกค้าติดใจนิดหน่อยก็ทำงานค้าขายไม่ได้กันพอดี บางครั้งเขาก็ตีสนิทให้เข้าใจผิดเพื่อดึงเงินจากลูกค้า การหลบเลี่ยงท่าทียั่วยวนโจ่งแจ้งอย่างสบายๆ พร้อมกับสวมบทบาทแบงเกอร์ผู้รับผิดชอบลูกค้าอย่างเป็นมิตรต่างหากคือมืออาชีพที่แท้จริง
ถึงลูกน้องนิสัยดีจะช่วยโกรธแทน แต่เซโงะคิดว่าพวกที่เหน็บแนมตนว่าค้าขายเหมือนโฮสต์อาจช่างสังเกตเกินคาดก็ได้ เขารู้ตัวดีว่าตนเป็นคนโลภที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ลิ้มรสความสุขแห่งชัยชนะ
ความจริงแล้วเขากล้าจูบหรือแม้กระทั่งมีเซ็กซ์เพื่อให้ได้ทำสัญญา แต่เขาไม่ทำเพราะเล็งเห็นว่าความเสี่ยงที่จะพังพินาศไม่คุ้มกับชัยชนะที่จะได้รับ มันก็เท่านั้นเอง
เซโงะเก็บความจริงที่บอกรุ่นน้องผู้น่ารักไม่ได้นั้นไว้ในใจแล้วถอนหายใจหนึ่งที ทันใดนั้นเลขาฯ หญิงของผู้จัดการทั่วไปก็โผล่หน้ามาจากด้านในชั้นสำนักงาน
“คุณอิเดนางะ ผู้จัดการทั่วไปเรียกค่ะ”
เอาละ ถึงเวลารายงานผลแล้ว เซโงะรีบผละไปจากตรงนั้น

“ไง อิเดนางะ ประธานบริษัทประมงมารุยามะไปถึงขั้นทำประกันรึเปล่า?”
ห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไปอุจิคาวะเป็นห้องกระจกใสเหมือนที่เห็นตามละครโทรทัศน์ต่างประเทศ ระดับบริหารใน TSSB ตั้งแต่ผู้จัดการทั่วไปขึ้นไปจะได้ห้องส่วนตัวแบบนี้ทุกคน
อุจิคาวะถามแบบนั้นทันทีที่เซโงะผลักประตูกระจกเข้ามาด้านใน
ชายคนนี้อายุใกล้ห้าสิบและเริ่มมีผมขาวแซม ทว่าร่างสูงซึ่งกล้ามเนื้อไม่หย่อนคล้อยสักนิดสวมสูทชั้นเลิศพอดีตัว เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานอยู่เสมอ เขามีใบหน้าดูดีอย่างที่สมัยหนุ่มๆ คงจะเนื้อหอมไม่น้อย และวัยที่เพิ่มมากขึ้นก็ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นทวีความเข้ม มีเพียงแววตาที่เฉียบคมไม่เคยเปลี่ยน
เซโงะประหม่าทุกครั้งที่ยืนอยู่ต่อหน้าหัวหน้าผู้ดึงตัวเขามาทำงานที่นี่
ตั้งแต่ทำงานเป็นไพรเวตแบงเกอร์ เซโงะใช้เวลาแต่ละวันด้วยความมุ่งมั่นอยากเป็นเหมือนอุจิคาวะ อยากให้ชายคนนี้ยอมรับ
“...เปล่าครับ”
เซโงะคาดเดาคำถามนั้นไว้แล้ว เขาไม่ได้บอกยางิ แต่เขาตั้งใจจะให้ลูกค้าวันนี้ ‘ซื้อ’ มากกว่านี้
“เกิดอะไรขึ้น ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณนายของประธานคนนั้นกำลังจิตใจอ่อนแอเพราะเพิ่งเสียแม่ไป ถ้าเข้าหาผ่านทางคุณนายต้องไปถึงขั้นทำประกันได้แน่”
ตอนแรกเซโงะเองก็ตั้งใจอย่างนั้น แต่ระหว่างที่พูดคุยกัน อีกฝ่ายดันเอารูปถ่ายแม่ที่เสียไปมาให้ดู เธอดูคล้ายยายที่บ้านเกิดนิดหน่อยจนเขารู้สึกเหมือนโดนมารผจญ ไม่กล้ารุกต่ออีกก้าว แม้แต่เซโงะยังคิดว่าไม่สมเป็นตัวเองเอาเสียเลย
“ฟังนะ ฉันพูดอยู่เสมอใช่ไหม ห้ามนอนกับลูกค้า จงนอนกับเงินซะ”
จงนอนกับเงิน คือคำขวัญสำหรับแบงเกอร์ทุกคนเพื่อเอาตัวรอดในแวดวงที่บูชาผลการทำงานเหนือสิ่งอื่นใด
“ฉันพูดเพื่อตัวนายเองนะ เคลื่อนไหวตามที่ฉันบอกซะ เข้าใจใช่ไหม? อีกห้าร้อยล้านก็จะได้นั่งเก้าอี้เมเนเจอร์แล้ว”
ดวงตาทรงพลังของอุจิคาวะพลันจับจ้องเซโงะ สายตานั้นราวกับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งว่าตนเผลอหวั่นไหวไปกับอารมณ์อ่อนไหวอันตื้นเขิน ทำให้เซโงะรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของชายคนนี้จนกล้ามเนื้อลำคอสั่นระริก เขาคิดอย่างไม่มีเงื่อนไขเลยว่า ต้องเชื่อฟังคำพูดของหัวหน้าคนนี้
อุจิคาวะใส่ใจตนเป็นพิเศษ สาเหตุที่เซโงะถูกหยั่งเสียงให้เลื่อนขั้นเป็นเมเนเจอร์อย่างรวดเร็วผิดปกติทั้งที่เพิ่งย้ายมาทำงานได้สามปีก็เป็นเพราะมีอุจิคาวะหนุนหลังอยู่นั่นเอง
เรื่องเลื่อนตำแหน่งหลุดออกจากปากอุจิคาวะหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้พอดี เขาบอกว่าถ้าทำยอดสามร้อยล้านได้เพิ่มจากสองพันล้านที่เป็นเป้าหมายในไตรมาสนี้ เซโงะจะได้เลื่อนเป็นเมเนเจอร์ในเดือนกรกฎาคม
สำหรับเซโงะที่ย้ายมาจากบริษัทอื่นแล้ว นั่นคือโอกาสทองที่จะไปยืนเทียบเท่ากับพวกลูกหม้อที่ประสบความสำเร็จในธนาคารแห่งนี้
“ครับ ขอโทษครับ”
“อืม เอาเถอะ ได้ REIT มาแล้วใช่ไหมล่ะ? ทำได้ดีมาก แต่ว่าธุระไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก”
อุจิคาวะรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นเซโงะสำนึกผิดอย่างว่าง่าย
“ถึงจะกะทันหันไปหน่อย แต่หลังจากนี้ฉันอยากให้นายช่วยรับรองลูกค้าที่มาจากฮ่องกงน่ะ”
“ฮ่องกง? จากสาขาฮ่องกงหรือครับ?”
ธนาคารที่ใช้ชื่อ TSSB มีสาขาอยู่ทั่วโลก แม้ว่าแต่ละประเทศแทบจะถือเป็นคนละองค์กร แต่สาขาในแถบเอเชียที่อยู่ใกล้กันเริ่มมีการร่วมมือกันมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
“ใช่แล้ว ผู้จัดการสาขาฮ่องกงโทรศัพท์มาเองโดยตรงว่าฝากดูแล VVIP ด้วย”
“VVIP ของสาขาฮ่องกงหรือครับ”
ถึงจะมีจำนวนลูกค้าไม่มาก แต่ที่สาขาฮ่องกงก็มีเศรษฐีอยู่มากมาย ลือกันว่าสินทรัพย์เฉลี่ยของลูกค้าแต่ละคนสูงกว่าสาขาญี่ปุ่นเป็นเท่าตัวด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นถึงระดับ VVIP ก็น่าจะมีทรัพย์สมบัติมหาศาลทีเดียว
“เขาชื่อชิโด อากิระ เงินลงทุนโดยประมาณคือสองล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”
“สองล้าน? จะมาลงที่สาขามารุโนะอุจิหรือครับ? ...ชิโดเนี่ย หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับชิโด ฟุมิอากิครับ”
นามสกุลหายากอย่างชิโดทำให้สมองของเซโงะคาดเดาอย่างนั้น
ชิโด ฟุมิอากิก่อตั้งบริษัทโทรศัพท์ขึ้นมาในรุ่นตนเอง ปัจจุบันขยับขยายเป็นเครือบริษัท IT ระดับแนวหน้าที่มีบริษัท IT และบริษัทมีเดียมากมายในเครือ เขาติดอันดับคนรวยที่สุดในโลก มีทรัพย์สินโดยประมาณถึงหนึ่งล้านล้านเยน
“ถูกต้อง ฉันรีบตรวจสอบดูจนพบว่าชิโด ฟุมิอากิมีลูกชายชื่ออากิระ ดูเหมือนว่าอากิระคนนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่ฮ่องกงมาหลายปีแล้ว รู้มาแค่นี้แหละ”
“ชิโด ฟุมิอากิก็ขึ้นชื่อว่าเกลียดการสัมภาษณ์ซะด้วยนะครับ เขาวางตัวเป็นคนเก็บตัวสุดขีด ไม่ยอมให้เก็บข้อมูลเรื่องส่วนตัวเป็นอันขาดเลย”
“ใช่แล้ว นอกจากนั้นสาขาฮ่องกงเองก็ไม่อยากให้ข้อมูลโดยละเอียด ลูกชายที่ว่านั่นทำอะไรอยู่ที่ฮ่องกงก็ไม่รู้แน่ชัด ไม่รู้ว่าช่วยงานพ่อ ทำธุรกิจอื่น หรือเป็นคุณชายที่เที่ยวเล่นผลาญเงินหนึ่งล้านล้านของชิโด ฟุมิอากิไปวันๆ กันแน่...”
“สรุปว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สาขาฮ่องกงไม่อยากโดนเราแย่งมาสินะครับ แบบนั้นมัน...”
แค่พูดถึงก็ทำให้เลือดเซลส์แมนชักพลุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว
‘ชิโด อากิระ’ เป็นลูกชายของชิโด ฟุมิอากิจริงๆ หากเขากำลังพิจารณาลงทุนสักสองร้อยล้านเยนละก็ ชายคนนี้ถือเป็นปลาตัวใหญ่ยักษ์สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน
“ตามนั้นนั่นแหละ ฉันไม่รู้รายละเอียดหรอกนะ แต่ชิโด อากิระบอกว่าอยากจะถือโอกาสตอนมาญี่ปุ่นแวะมาหาเราด้วย แน่นอนว่าทางฮ่องกงปฏิเสธไม่ได้ ถึงได้โทรมาบอกแบบอิดๆ ออดๆ ทีนี้ฉันเลยอยากยกให้นายเป็นคนต้อนรับเขาน่ะ”
เซโงะสับสนเมื่อโดนหัวหน้าสั่ง
“เอ๋? แต่นั่นมันคำขอจากระดับผู้จัดการสาขาเลยนะครับ”
“ใช่ ฉันอยากรับรองด้วยตัวเองใจจะขาด แต่ดันโดนคุณตามิสุงิเรียกไปหานี่สิ”
“แบบนั้นคงปฏิเสธไม่ได้สินะครับ”
มิสุงิผู้เป็นเจ้าของบริษัทสิ่งทอนั้นเป็นลูกค้าเก่าแก่ของอุจิคาวะ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจและการเมือง นอกจากนั้นยังเป็นลูกค้าของเซโงะสมัยที่ทำงานขายหลักทรัพย์ก่อนหน้านี้ด้วย คุณตาคนนี้ชอบทำงานอดิเรก แต่งกายด้วยชุดกิโมโนอยู่เสมอ เซโงะรู้จักกับอุจิคาวะผ่านทางมิสุงิคนนี้นี่เอง อุจิคาวะสนิทสนมกับมิสุงิมาก หลังจากเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการทั่วไป อุจิคาวะมอบหมายให้ลูกน้องรับช่วงต่อลูกค้าส่วนใหญ่ของเขา แต่เขายังรับผิดชอบดูแลมิสุงิโดยตรงมาจนถึงทุกวันนี้
“นอกจากนั้นในเมื่อเป็นลูกชายชิโด ฟุมิอากิก็น่าจะยังหนุ่ม ให้คนวัยใกล้เคียงกันอย่างนายไปน่าจะคุยกันถูกคอกว่าคนแก่อย่างฉันนะ หมู่นี้นายยิ่งมาแรงอยู่ด้วย”
“คุณอุจิคาวะยังไม่แก่หรอกครับ... ขอบคุณนะครับ”
“ยังไม่ลืมเรื่องเลื่อนตำแหน่งใช่ไหม ถ้าตกชิโดจูเนียร์คนนี้ได้ นายจะยิ่งเข้าใกล้เก้าอี้เมเนเจอร์พรวดพราดเลย”
ทั้งที่อยู่ในห้องสองต่อสอง อุจิคาวะกลับลดเสียงกระซิบกระซาบพลางส่งสายตามาให้ราวกับกำลังเล่นละคร เซโงะเม้มปากพยักหน้ารับ
เซโงะย้ายมาที่นี่เพราะโดนอุจิคาวะชักชวน หากทำผลงานได้ดีจนถึงขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นเมเนเจอร์ก็ย่อมส่งผลต่อผลประเมินของอุจิคาวะไปด้วย นี่เป็นโอกาสตอบแทนบุญคุณอีกฝ่ายที่ปลุกปั้นเซลส์แมนกระจอกๆ ในบริษัทค้าหลักทรัพย์เล็กๆ อย่างตนให้กลายเป็นไพรเวตแบงเกอร์ชั้นนำ
นอกจากนั้นลูกชายมหาเศรษฐีก็ไม่ใช่คนประเภทที่ได้พบบ่อยๆ ความปีติยินดียามที่ได้เขามาอยู่ในกำมือจะรุนแรงเพียงใดหนอ แค่จินตนาการ เซโงะก็สั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นแล้ว
“เอ่อ นัดไว้กี่โมงหรือครับ?”
“เวลานัดคลุมเครือสมเป็นลูกค้ารายใหญ่ เขาบอกมาแค่หลังเที่ยงน่ะ ได้ยินว่าจะตรงมาจากสนามบินเลย”
ไม่ค่อยมีเวลาเลยแฮะ ขณะที่สมองเซโงะคิดเรื่องเตรียมตัว โทรศัพท์บนโต๊ะของอุจิคาวะก็ดังขึ้น
“โอ้ มาแล้วเรอะ เร็วจัง”
อุจิคาวะที่ยกโทรศัพท์แนบหูตอบอย่างนั้นพลางส่งสายตามาทางเซโงะ
“จะไปเดี๋ยวนี้ครับ”
เซโงะตอบพร้อมกับรีบติดกระดุมด้านหน้าชุดสูท
เขารีบกลับมาที่โต๊ะตัวเอง คว้าใบเสนอขายที่พิมพ์เตรียมไว้สำหรับลูกค้าที่มาเยือนกะทันหัน จากนั้นก็ลังเลนิดหนึ่งก่อนจะหยิบแฟ้มข้อมูลการค้นคว้าของตัวเองมาด้วย
ถ้ามีเวลาเตรียมตัวมากกว่านี้อีกหน่อยน่าจะดีกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มั่นใจว่าตนจะทำได้ดี
แม้จะดูแลลูกค้าอย่างใส่ใจจนโดนค่อนขอดว่าค้าขายเหมือนโฮสต์ แต่ความจริงแล้วแค่นั้นไม่ช่วยให้ยอดขายพุ่งหรอก สุดท้ายอาวุธของแบงเกอร์ก็คือความรู้ต่างหาก
เขาภาคภูมิใจที่ตนศึกษาหาความรู้เรื่องสินค้าและสภาพแวดล้อมไม่เคยขาดมาตลอดสิบกว่าปีที่ก้าวเข้าสู่แวดวงการเงิน อย่างไรการพบลูกค้าครั้งแรกก็ไม่ต่างจากการพนัน เมื่ออยู่ตรงนั้นจะดึงให้ลูกค้าพูดได้มากแค่ไหน จะพบความต้องการของลูกค้าและยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดได้หรือไม่ จะทำให้ลูกค้าคิดว่าคราวหน้าก็อยากคุยกับคนนี้อีกได้หรือเปล่า ความรู้และประสบการณ์ในฐานะแบงเกอร์จะมีประโยชน์ก็ตรงนั้นเอง
ตัดสินแพ้ชนะในครั้งเดียว จะชนะให้ดู เซโงะที่อยู่ในลิฟต์หนีบแฟ้มไว้ข้างกายพลางผูกเนกไทใหม่จนแน่น

ชั้นรับรองแขกของสาขามารุโนะอุจิตั้งอยู่ตอนกลางของอาคาร เมื่อลิฟต์เคลื่อนอย่างเอื่อยเฉื่อยจนกระทั่งมาถึงชั้นรับแขก เซโงะก็ก้าวออกมาอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะผ่อนฝีเท้าเมื่อมาถึงหน้าห้องรับรองที่โดนระบุมา
เขาสูดหายใจเบาๆ จากนั้นจึงเคาะและเปิดประตู
ภายในห้องรับรองสไตล์โมเดิร์นที่มีโซฟาบุหนังสีดำสำหรับนั่งคนเดียวเรียงรายอยู่กับโต๊ะกระจก ชายคนหนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่างที่ปิดมู่ลี่เอาไว้ ครั้นได้ยินเสียงเซโงะ เขาจึงหันมาและนิ่วหน้า
“นายเป็นใคร”
ชายหนุ่มอายุไม่น่าต่างจากยางิเท่าไรนัก
ต่อให้คำนึงถึงการที่ช่วงนี้เป็นปลายเดือนเมษายน การแต่งกายของเขาก็ยังถือว่าลวกๆ เกินไปมาก เขาสวมเสื้อยืดยับย่นกับกางเกงเดนิมย้วยๆ มีรูขาดอยู่ทั่ว รองเท้าผ้าใบที่สวมจนเก่าก็ไม่ใช่ของพิเศษอะไร เรือนผมยาวไร้ระเบียบชี้ฟูอยู่ด้านหลังศีรษะ ถ้านี่คือทายาทเศรษฐีคนนั้นละก็ ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ใช่ประเภทที่ใช้เงินไปกับรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนพวกคุณชายคนอื่นๆ
“ขออภัยที่ให้รอครับ ท่านชิโด”
เซโงะวิเคราะห์อย่างรวดเร็วพร้อมกับเข้าไปใกล้ด้วยสีหน้ายิ้มอย่างสุขุม แต่แล้วความรู้สึกแปลกประหลาดก็เข้าเกาะกุมในพริบตาต่อมา
ได้กลิ่นน้ำทะเล
ไม่ใช่กลิ่นลมทะเลที่พัดผ่านหมู่บ้านชาวประมงยากจนอย่างที่เซโงะรู้จัก แต่เป็นกลิ่นหอมที่มีอิสระและยุ่งเหยิงกว่า เซโงะลืมตัวสูดดมกลิ่นนั้นอีกครั้ง
ชายคนนี้ต้องเป็นชิโด อากิระแน่ แต่ว่ากลิ่นที่สัมผัสได้ในขณะนี้ช่างไม่เข้ากับชายหนุ่มผู้มีพ่อเป็นถึงนักธุรกิจติดโผคนรวยระดับโลกเอาเสียเลย ความไม่เข้ากันอันน่าประหลาดนั้นทำให้ในอกของเซโงะปั่นป่วน
“ทางนี้ยังไม่ได้รับเรื่องเหรอ ฉันบอกคุณหลี่ไปแล้วนี่นาว่าอยากพบคนที่ชื่อคุณอุจิคาวะ”
หลี่คือชื่อของผู้จัดการสาขาฮ่องกงที่ต่อสายหาอุจิคาวะ จริงด้วย ชายคนนี้มาจากฮ่องกง กลิ่นนี้คงเป็นกลิ่นลมทะเลที่พัดจากอ่าววิกตอเรียเข้าเกาะฮ่องกงกระมัง
“...ฟังอยู่รึเปล่า?”
พอโดนถามอย่างสงสัย เซโงะจึงตื่นจากภวังค์ ดวงตาที่มองมามีตาดำโต ชวนให้คิดว่าเหมือนแมวยังไงไม่รู้แฮะ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองมาราวกับกำลังประเมินค่า
เซโงะรีบสวมหน้ากากไพรเวตแบงเกอร์มากความสามารถ
กลิ่นอะไรไร้สาระ ชายคนนี้เป็นคนรวยอายุน้อยที่มีพ่อเป็นอภิมหาเศรษฐี นี่คือเหยื่อของวันนี้
“ขออภัยครับ พอดีคุณอุจิคาวะมีนัดที่ปลีกตัวมาไม่ได้ ผมเลยมาแทนน่ะครับ”
เซโงะพูดพลางยื่นนามบัตรให้อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มใช้มือขวาฉวยไปทันที การกระทำซึ่งยากจะเรียกได้ว่ามีมารยาททางธุรกิจนั้นทำเอาเซโงะตัวเกร็งขณะที่ชายตรงหน้าชำเลืองมองนามบัตรในมือ
“อิเดนางะ... เซโงะนี่เอง”
ดวงตาที่คิดว่าเหมือนแมวเมื่อครู่หรี่ลงเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง พอทายาทหนุ่มพึมพำเบาๆ ว่า ใช้วิธีนั้นก็ได้สินะ เซโงะก็สับสนเล็กน้อย
ปฏิกิริยานี่มันอะไรกัน ทายาทของชิโด ฟุมิอากิรู้จักชื่อตนอยู่แล้วงั้นหรือ
“เอ่อ มีอะไรหรือครับ”
“เปล่า ไม่มีอะไร แค่ผิดหวังที่ไม่ใช่คุณอุจิคาวะเฉยๆ”
มาไม้นั้นเหรอ เซโงะยิ้มนุ่มนวลตอบ
“คราวหน้าจะพาคุณอุจิคาวะมาด้วยแน่นอนครับ ตอนนี้เชิญนั่งก่อนดีไหม”
“นายคุยเรื่องสนุกๆ เป็นเหรอ?”
ถ้อยคำวางก้ามนั้นทำเอาเซโงะสะดุ้งไหล่ไหว เมื่อมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ ก็พบกับสายตาหยิ่งยโสของคนที่ดูถูกคนอื่นจนชิน ลำคอของเซโงะสั่นระริก
อะไรกัน กลัวเด็กเมื่อวานซืนพรรค์นี้เนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้
เซโงะยิ้มกว้างขึ้นก่อนเอ่ยอย่างมั่นใจ
“ผมเตรียมเอกสารมาด้วยแล้ว คิดว่ามีค่าควรแก่การอ่านนะครับ”
“เหรอ งั้นให้แค่ห้านาทีก็แล้วกัน”
ทายาทหนุ่มตอบเย็นชาแล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
เซโงะหรี่ตาลงเล็กน้อย ให้แค่ห้านาที งั้นเหรอ
อิมเมจของชายคนนี้ตรงกับด้านลบของคำว่าคุณชายบ้านรวยโดยแท้ ก็แค่เด็กที่เหลิงเต็มที่เพราะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจนเคยตัว อายุน้อยแบบนี้จะมีความรู้ด้านการลงทุนสักแค่ไหนก็ยังน่าสงสัยอยู่
ถึงกระนั้นลูกค้าที่ทำตัววางโตก็ถือเป็นเป้าหมายชั้นดี พวกที่ทำตัวแข็งกร้าวใส่แบงเกอร์นั้น ส่วนใหญ่มักเป็นคนใจปลาซิว ประเภทที่วางท่าอวดดีเพราะกลัวโดนจับได้ว่าตนเองไม่มีความรู้หรือโดนมองออกว่าใจเสาะ คนแบบนี้ขอแค่ประจบสอพลอให้ถูกทางก็จะควบคุมได้ง่าย
“ถ้าอย่างนั้น ก่อนอื่น...”
“เงียบ ฉันดูเอง”
เซโงะที่คิดว่ามีเวลาแค่ห้านาทีจ้องมองชิโด อากิระพลางอ้าปากพูด แต่อีกฝ่ายกลับยื่นฝ่ามือใส่ซึ่งๆ หน้า
เซโงะเผลอทำหน้าเครียด ก่อนจะรีบปั้นหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวินาทีต่อมา
ยกมือสั่งให้หุบปากเนี่ยนะ สำหรับคุณลูกชายอภิมหาเศรษฐีนี่ แบงเกอร์มีค่าเท่ากับหมาหรือไง?
ขอถอนคำวิเคราะห์ในตอนแรกที่ว่าใจปลาซิวนั่นทิ้งไป ชายคนนี้เป็นพวกอีโกสูง ใจร้อน ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง วิธีประจบสอพลอน่าจะใช้ได้ผล แต่ต้องระวัง อย่าทำเกินไป
หลังปรับแนวทางใหม่เสร็จแล้ว เซโงะก็ขึงตามองทายาทหนุ่มที่พลิกใบเสนอขายอย่างรวดเร็วจนน่าสงสัยว่าอ่านจริงแน่หรือ
การวิเคราะห์อย่างละเอียดเป็นทั้งนิสัยและอาวุธของเซโงะ อีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน ทำอย่างไรตนจึงจะเหนือกว่าและชักใยอีกฝ่ายได้ เขาคิดแบบนั้นอยู่เสมอไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับใคร
ขณะเฝ้ามองด้วยความตั้งใจว่าจะควบคุมทายาทคนนี้ให้จงได้ จู่ๆ อีกฝ่ายก็ขยับปาก
“ใบเสนอขายน่าเบื่อขนาดนี้ นายคิดจะให้ฉันซื้ออะไรไม่ทราบ?”
ช่างเป็นจุดเริ่มต้นที่เลวร้ายเกือบที่สุดในประสบการณ์ที่ผ่านมา แบบนี้ท่าทางจะตึงมือไม่ใช่เล่น
“กรุณาอธิบาย...”
“ตัวเด่นเหมือนจะเป็น J-REIT โอเพนตัวนี้ แต่นี่มันห่วยแตกไม่ใช่รึไง นอกจากธรรมดาสุดๆ แล้วยังต้นทุนสูงอีก เดิมทีการลงทุนอสังหาฯ ก็มั่นคงกว่าลงทุนหุ้นอยู่แล้ว จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างให้ช่วยวิเคราะห์ด้วยเหรอ?”
“อย่างนี้นี่เอง”
เซโงะตอบรับไปก่อนเพราะตัดสินใจแล้วว่าการตอบโต้ถ้อยคำดูหมิ่นที่พูดขึ้นขัดจังหวะทางนี้ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก
REIT คือทรัสต์เพื่อการลงทุนประเภทหนึ่ง โดยจะรวบรวมเงินจากนักลงทุนไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แล้วนำรายได้จากค่าเช่าหรือกำไรจากการขายมาจ่ายปันผลให้กับนักลงทุน REIT ที่มีตัว J นำหน้าหมายถึงลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่น โดย REIT แต่ละตัวจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่นในฐานะนิติบุคคล
REIT ที่ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ขายนั้นกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วยการผสม REIT หลายตัวเข้าด้วยกัน ทำให้ผลตอบแทนมีความมั่นคง
นายทายาทคนนี้คงอยากบอกว่า เดิมทีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็มีความเสี่ยงต่ำอยู่แล้วเมื่อเทียบกับหุ้น เพราะอย่างนั้นเลยไม่รู้สึกถึงความจำเป็นที่จะจ่ายเงินให้ธนาคารจัดแพ็กเกจให้ สู้ซื้อ J-REIT เองโดยตรงยังได้กำไรมากกว่าอีก
คำพูดนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวมั่นใจในทักษะการลงทุนของตัวเองในระดับหนึ่ง และดูเหมือนจะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุนด้วย
กรณีของลูกค้าแบบนี้ ใช้วิธีเสนอทางเลือกหลายๆ ทางเพื่อชี้นำให้คิดว่า ‘เลือกด้วยตัวเอง’ จะดีกว่า คนที่มั่นใจในตัวเองมักมีแนวโน้มว่าจะประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป งั้นก็น่าจะชอบผลิตภัณฑ์ที่ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง
ถ้าอย่างนั้นใบเสนอขายสำหรับคนทุกประเภทแบบนี้คงไม่ตอบโจทย์ เซโงะหยิบเอกสารจากแฟ้มของตนเองออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ผมมีผลิตภัณฑ์ที่อยากแนะนำเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือจากในเอกสารนั้นด้วยครับ”
พูดจบปุ๊บ กระดาษก็ถูกคว้าหมับไปจากมือ
ชายคนนี้ทำตัวหลุดกรอบสามัญสำนึกไม่น้อย คำพูดคำจาก็ด้วย ไหนจะเรื่องนามบัตรเมื่อกี้นี้อีก ไม่ได้เติบโตมาในระบบการศึกษาของญี่ปุ่นหรือไงนะ ถ้าโตมาในญี่ปุ่นก็คงแปลกแยกมากทีเดียว
ไม่เคยมีใครสอนมารยาทสังคมให้คุณชายเลยหรือไง เซโงะอ้าปากขณะนึกระอาเล็กน้อย
“หุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียของพาชิดะครับ ก่อนอื่น...”
“อะไรเนี่ย สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแท้ๆ แต่ผลตอบแทนแย่เกินไปแล้ว”
อีกฝ่ายอ่านเอกสารเร็วกว่าที่คิด เซโงะร้อนใจเล็กน้อยจนพูดเสียงดังขึ้น
“เอกสารทางนั้นดูลำบากนิดหน่อยครับ เชิญดูกราฟทางนี้ดีกว่า”
“เฮดจ์ ค่าเงิน?”
“ครับ ใช่แล้ว ทางนี้มุ่งเน้นไปที่การป้องกันความเสี่ยงเงินเยนแข็งค่า โดยค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่ต่ำที่สุดเท่าที่ผ่านมาคือ...”
“อา ยังไงจู่ๆ แนวรับคงไม่ลงไปทะลุห้าสิบห้าดอลล์พรวดพราดอยู่แล้ว จะว่าไปก็มีหลักประกันสูงจริงๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เก็บค่าบริการเยอะขนาดนี้แต่เลือกไม่ได้ว่าจะรับปันผลเป็นดอลล์หรือเยนเนี่ยนะ ไม่อยากจะเชื่อเลย”
คำพูดเล่นงานจุดอ่อนนั้นทำเอาเซโงะเบิกตาโต ดูเหมือนอีกฝ่ายทำความเข้าใจประเด็นทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ระหว่างที่เซโงะไม่อาจตอบได้ในทันทีนั้นเอง ทายาทหนุ่มก็โพล่งขึ้น
“ธนาคารญี่ปุ่นมีแต่ผลิตภัณฑ์กระจอกสำหรับคนแก่อย่างที่คิดเลย ให้พนักงานขายหน้าตาดีอย่างนายมาตีหน้าเป็นมิตรขูดรีดค่าบริการแพงๆ จากลูกค้า เสียเวลาจริงๆ”
“เอ่อ”
“ไม่มีของน่าสนใจกว่านี้มาขายรึไง”
ชิโด อากิระโยนใบเสนอขายทิ้งก่อนจะยืนขึ้น จะกลับแล้วหรือนี่ พอเซโงะรีบร้อนลุกตาม ทายาทหนุ่มก็แสยะยิ้มให้
“อย่างเช่น นายไงล่ะ”
“หา?”
เซโงะไม่เข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายพูดอะไร นาย? มีผลิตภัณฑ์ชื่อนั้นอยู่ด้วยหรือ
“เรื่องเสนอขายช่างมันเถอะ ฉันเกลียดการกินข้าวคนเดียว แต่ดันไม่ค่อยมีคนรู้จักในญี่ปุ่น”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“กินข้าวไงล่ะ กินข้าว”
“เรื่องนั้น... ได้แน่นอนครับ”
เซโงะตอบอย่างใจลอย เพิ่งเข้าใจในที่สุดว่าชายจอมหยิ่งคนนี้พูดอะไร แต่เขาจะปล่อยให้การพบกันวันนี้จบลงโดยไม่ได้อะไรเลยไม่ได้
“ได้แน่นอนงั้นเหรอ กระตือรือร้นกับคนหนุ่มที่เพิ่งเจอหน้าไม่เบาเลยนี่นา บอกไว้ก่อนล่ะว่าห้ามคุยเรื่องงาน เอาเถอะ ไว้ถ้ามีอารมณ์อาจจะชวนเร็วๆ นี้แหละ”
“ท่านชิโด”
“อ้อ นายดึงไว้ได้เกินห้านาทีนะ ฉันขอชมจุดนั้นก็แล้วกัน ไปละ”
ทายาทหนุ่มพูดเสริมแถมท้าย จากนั้นเท้าในรองเท้าผ้าใบซอมซ่อก็ก้าวอาดๆ จากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เซโงะพูดอะไรอีก

วันนั้นเซโงะจำไม่ค่อยได้ว่าตนจัดการงานหลังจากนั้นอย่างไร รู้ตัวอีกทีก็กำลังก้าวเดินไปในมารุโนะอุจิยามราตรีด้วยฝีเท้าหนักอึ้ง
ความพ่ายแพ้ยับเยินยังกดทับอยู่บนไหล่แม้ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว
ตนอ่านทางผิดพลาด ทั้งยังโดนเล่นทีเผลอจนหมดหนทางตอบโต้ เนื่องจากยังช็อกไม่หาย เซโงะจึงออกมาจากบริษัททั้งที่ยังไม่ได้รายงานอุจิคาวะที่ออกไปข้างนอก



+++++++++++++++++++++++++
อิเดนางะ เซโงะที่ทำงานในธนาคารยักษ์ใหญ่ในเครือต่างประเทศได้รับมอบหมายให้รับรองชิโด อากิระ ทายาทเศรษฐีที่กำลังพิจารณาลงทุนสองร้อยล้าน ทว่าชิโดซึ่งเป็นพวกคนรวยที่เซโงะจงเกลียดจงชังกลับไม่เผยช่องโหว่สักนิด ทำให้การล่อหลอกเพื่อทำผลงานเลื่อนตำแหน่งของเซโงะต้องชะงัก ขณะที่กำลังผิดหวังเซโงะก็ได้พบชิโดอีกครั้งโดยไม่คาดฝัน ทั้งยังโดนจี้ปมในใจจนหลุดปากเรียกว่า “คนรวยเฮงซวย” แต่ชิโดกลับขบขันและจูบเซโงะเอาดื้อๆ แถมวันต่อมายังเปิดบัญชีใหม่ & ฝากเงินห้าสิบล้านอีกต่างหาก นี่มันค่าตัวหรืออะไรกัน…

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”