New Release BLY แปล : ป่วยรักช่วยรักษาหน่อยครับ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : ป่วยรักช่วยรักษาหน่อยครับ

โพสต์ โดย Gals »

อิเคโนอุเอะ คาซึกิเอียงคอพลางร้อง “เอ๊ะ?” เขานึกว่าตัวเองฟังผิด แต่วาคามิยะ โคสุเกะที่อยู่ตรงหน้าก็พูดทวนซ้ำคำเดิม
“หนังสือสั่งโยกย้ายให้ไปทำงานสาขาอื่นออกมาแล้ว ฉันจะไปสาขาคันไซตั้งแต่เดือนหน้า”
“...เอ๊ะ?”
หูตัวเองเพี้ยนไปแล้วรึเปล่า คนรักถึงกำลังพูดเรื่องประหลาด
ใช่ เป็นเรื่องประหลาด ก็ตอนนี้เป็นเดือนพฤษภาคม ปกติการย้ายไปประจำการสาขาอื่นต้องเป็นสิ้นปีงบประมาณนี่นา หนังสือสั่งโยกย้ายไปประจำสาขาอื่นจะประกาศภายในเดือนมีนาคม และเร่งรีบวุ่นวายกันเพื่อไปทำงานในสภาพแวดล้อมใหม่ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป แล้วราวช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดโกลเดินวีกก็เริ่มคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมใหม่แล้วได้หยุดพักหายใจ นี่สิถึงเป็นสามัญสำนึกปกติทั่วไป
บริษัทที่คาซึกิกับโคสุเกะทำงานด้วยกันเป็นบริษัทเครื่องสำอางซึ่งเน้นขายสินค้าออนไลน์เป็นหลัก การย้ายไปประจำสาขาอื่นกระจุกอยู่ช่วงสิ้นปีงบประมาณเหมือนบริษัททั่วไป คาซึกิที่อยู่แผนกวางแผนส่งเสริมการขายยังว่าไปอย่าง แต่โคสุเกะที่อยู่ฝ่ายขายนั้นจะถูกย้ายไปที่ไหนเมื่อไรก็ไม่รู้ เพียงแต่หนึ่งเดือนครึ่งก่อนหน้านี้ทั้งคู่แคล้วคลาดปลอดภัย ไม่มีหนังสือสั่งโยกย้ายมาถึงจึงสบายใจกัน
ทั้งสองคนเป็นคู่รักเกย์ที่เพิ่งจะตกลงปลงใจกันเมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ คาซึกิเพิ่งมาถึงห้องโคสุเกะในบ่ายวันเสาร์อย่างเบิกบาน เพราะเตรียมวางแผนต้อนรับวันหยุดยาวช่วงฤดูร้อน ครั้งแรกต่อจากนี้
โคสุเกะก้มศีรษะให้พลางเอ่ย “ขอโทษ” คาซึกิได้แต่มองด้านหลังศีรษะนั้นอย่างเหม่อลอย
ถึงอีกฝ่ายขอโทษ แต่หนังสือสั่งโยกย้ายก็ไม่ถูกยกเลิก เดิมทีก็ไม่ใช่ความผิดของโคสุเกะ พวกเขาเริ่มใช้ชีวิตเป็นพนักงานบริษัทที่สำนักงานใหญ่โตเกียวโดยย่างเข้าสู่ปีที่ห้าแล้ว ปีนี้ทั้งคู่จะอายุยี่สิบเจ็ดปี โคสุเกะคงใกล้ย้ายไปประจำสาขาไหนสักแห่งแล้ว แต่เพิ่งจะโล่งใจว่าครั้งนี้ไม่ต้องย้ายได้ไม่ทันไร เขาจึงพยักหน้ารับอย่างง่ายดายไม่ได้
“...จริงเหรอ...?”
“จริง”
โคสุเกะที่มีใบหน้าคมเข้มสมชายทำสีหน้าขมขื่น เขาห่อร่างกายบึกบึนและสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรลงจนดูแห้งเหี่ยวเล็กน้อยก่อนถอนหายใจ ท่าทางนั้นยิ่งทำให้ดูเป็นเรื่องจริงมากขึ้นทีละน้อย
จะย้ายไปประจำสาขาอื่นจริงๆ ต้องพลัดพรากจากกัน
“ทะ ทำไมถึงไปช่วงเวลาแบบนี้...”
“ได้ยินมาว่าสาขาคันไซมีคนไม่พอ หยุดงานคนหนึ่งเพราะพักฟื้นจากอาการป่วย ส่วนอีกคนลาคลอด ดูเหมือนไม่ได้คาดไว้ เลยต้องให้ใครสักคนจากสำนักงานใหญ่ไปด่วน แล้วฉันก็ถูกเลือก”
“ถ้าป่วยหรือลาคลอด ไม่นานก็กลับมาทำงานได้ไม่ใช่เหรอ ถ้าคนไม่พอ แค่จ้างพนักงานชั่วคราวแล้วทนไปก่อนก็ได้...”
“ไม่ได้หรอก สองคนนั้นเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของฝ่ายขาย และดูเหมือนจะไม่มีเวลาสอนงานคนที่จ้างเข้ามาใหม่ด้วย”
“งั้นทำไมไม่ใช่การไปทำงานนอกสถานที่ระยะยาวล่ะ? ถ้าไปช่วยกู้สถานการณ์ ให้ไปทำงานนอกสถานที่ชั่วคราวก็ได้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าโยกย้ายไปเลย ต่อให้พนักงานที่หยุดกลับมาทำงาน โคสุเกะก็กลับมาสำนักงานใหญ่ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
“...ฉันก็ไม่เข้าใจตรงนั้นเหมือนกัน”
โคสุเกะอธิบายอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่มีท่าทีสงบอย่างเตรียมใจได้แล้ว คงเป็นเมื่อวานหรือเมื่อวานซืนที่หนังสือสั่งโยกย้ายมาถึงมือ ต่างจากโคสุเกะที่มีเวลาค่อยๆ คิด คาซึกิที่เพิ่งได้ฟังเมื่อครู่นี้ไม่อาจยอมรับได้เลย
“ไม่ต้องเป็นนายก็ได้นี่”
“ก็จริงนะ แต่มีหนังสือสั่งโยกย้ายออกมาแล้ว”
ถ้าปฏิเสธการโยกย้ายจะเป็นอย่างไรนั้น แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว N&D เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างรวดเร็วแม้เทียบในวงการเดียวกัน แถมมีสวัสดิการดีเทียบเท่าบริษัทขนาดใหญ่ ถ้าลาออกเพราะไม่อยากโยกย้ายคงไม่มีเรื่องอะไรดีแน่
“ทำไมถึงไม่ยอมบอกทันทีล่ะ...”
คาซึกิจ้องมองแผ่นพับบริษัทนำเที่ยวที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเศร้าสลด แม้ไม่ใช่ว่าโยกย้ายไปแล้วจะไปเที่ยวช่วงหยุดยาวในฤดูร้อนไม่ได้ แต่ถ้าโคสุเกะต้องอุดช่องว่างจากการหยุดงานของคนสองคนเพียงลำพัง ก็ไม่ต้องคิดเลยว่าจะลาพักร้อนรวดเดียวหลายวันติดกันได้ ถึงในหัวจะเข้าใจว่าควรตัดใจ แต่ยิ่งตั้งตารอก็ยิ่งรู้สึกเสียดายมากเกินไปจนรู้สึกทรมาน
ทว่าสิ่งที่ทรมานยิ่งกว่านั้นคือต้องห่างจากโคสุเกะตั้งหลายร้อยกิโลเมตร คาซึกิคอตกด้วยความเจ็บปวดที่ถูกพรากจากแฟนหนุ่มซึ่งเพิ่งคบกันหมาดๆ แม้จะอดกลั้นไว้ ดวงตาก็รื้นน้ำอยู่ดี เพราะโคสุเกะพิเศษสำหรับคาซึกิ
“คาซึกิ...”
โคสุเกะอ้อมโต๊ะมากอดเบาๆ คาซึกิถูกกอดไว้ในอ้อมอกที่กว้างกว่าตัวเองซึ่งมีร่างผอมบางมากนัก จึงพิงร่างเหมือนอย่างตอนปกติ มือใหญ่ช่วยลูบผมกระดกของคาซึกิ ถูกโอ๋แบบนี้ทำให้คาซึกิกลายเป็นคนขี้เหงาไปเสียแล้ว
“สาขาคันไซเนี่ย ถ้าจำไม่ผิดอยู่โกเบใช่ไหมนะ...”
“ใช่ กลับทุกอาทิตย์...คิดว่าคงไม่ไหว แต่จะพยายามกลับมาเท่าที่ทำได้ อย่าพูดว่าจะเลิกกันเลยนะ”
“ใครจะไปพูดกันล่ะ เจ้าบ้า!”
คาซึกิฉุนขึ้นมาเลยฟาดเข้าที่หลังโคสุเกะ เขาเข้าไปกอดแน่นๆ แล้วสูดกลิ่นกายของโคสุเกะเต็มปอด ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะรู้สึกคิดถึงกลิ่นของเพศเดียวกันขนาดนี้ กระทั่งถูกสารภาพรักเมื่อเดือนมกราคม
“คนที่ทำให้ฉันเป็นเกย์ก็คือโคสุเกะใช่ไหมล่ะ สัญญากันแล้วนี่ว่าจะรับผิดชอบอย่างดีจนกว่าฉันจะพูดว่าไม่ไหวแล้ว คงไม่ใช่ว่าลืมแล้วใช่ไหม ยังผ่านไปไม่ถึงสามเดือนเลยนะ”
“ไม่มีทางลืมหรอก”
โคสุเกะยื่นหน้ามามองหน้าคาซึกิ ดวงตาเจือความเร่าร้อน คาซึกิเองก็รู้สึกร้อนขึ้นมาทีละน้อย
พวกเขาจูบกันเหมือนถูกดึงดูดโดยกันและกัน ลิ้นของโคสุเกะแทรกผ่านแนวฟันเข้ามาทันที พอลิ้นหนากวาดไปทั่วอย่างเร่าร้อนก็รู้สึกดี ร่างกายของคาซึกิเคลิบเคลิ้มจนหมดเรี่ยวแรงเสมอ คาซึกิชอบจูบของโคสุเกะมาตั้งแต่แรก
ทั้งสองคนผละริมฝีปากออกก่อนจ้องมองกันในระยะห่างที่จมูกสัมผัสกัน คาซึกิรู้สึกอย่างล้ำลึกว่าช่างเป็นผู้ชายที่ดีจัง
“รักนะ”
“อืม...”
อยากตอบว่าฉันก็ด้วย แต่คาซึกิยังเขินอายจึงทำได้เพียงพยักหน้า
“ไปโกเบตั้งแต่เดือนหน้าเหรอ...”
คาซึกิมองโคสุเกะที่พึมพำเจือถอนหายใจแล้วจู่ๆ ก็เริ่มกังวลขึ้นมา
“โคสุเกะ...”
“อะไร?”
“คิดว่าไม่ต้องพูดเรื่องแบบนี้ก็ได้ แต่ว่า...”
“อืม?”
“อย่านอกใจล่ะ”
“จะไปทำได้ยังไงล่ะ”
โคสุเกะตอบกลับมาด้วยสีหน้าระอาทันที คาซึกิจึงสบายใจ
“นอกจากคาซึกิแล้ว คนที่ดึงดูดความสนใจฉันในแง่นั้นไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นมาเด็ดขาด ไม่ต้องกังวลไม่เข้าท่าก็ได้ แล้วเดิมทีก็ไม่ว่างไปทำอะไรแบบนั้นใช่ไหมล่ะ”
“นั่นสินะ”
ขอโทษที คาซึกิหัวเราะ ตกใจตัวเองที่แม้เพียงแวบเดียวเขาก็กังขาว่าโคสุเกะจะนอกใจ ไม่เคยกังวลแบบนี้กับพวกคนรักในอดีตมาก่อนเลย มันน่าเขินที่รู้สึกว่าโคสุเกะนั้นพิเศษจริงๆ ด้วย
“คาซึกิต่างหาก เรื่องนั้น...เป็นยังไงล่ะ”
“อะไร?”
“ดูเหมือนสนิทสนมกับเด็กใหม่ที่ชื่อโคโมริอะไรนั่นน่าดูไม่ใช่เหรอ?”
“โคโมริ? โคโมริทำไมเหรอ?”
ตั้งแต่เข้าเดือนพฤษภาคม พนักงานใหม่ที่ฝึกอบรมพนักงานใหม่เสร็จสิ้นถูกจัดเข้าไปประจำตามแต่ละแผนก มีผู้ชายมายังแผนกวางแผนส่งเสริมการขายอย่างที่ไม่มีมานาน นั่นคือหนุ่มน้อยหน้าอ่อนตัวเล็กที่ดูคล้ายนักศึกษา ชื่อว่าโคโมริ โชตะ
“โคโมรินั่น ไม่ใช่ว่าหมายตาคาซึกิอยู่หรอกเหรอ? ฉันได้ยินประมาณนั้นมาจากคนอื่น...”
“หา?”
เนื่องจากคาซึกิเป็นคนสอนงานจึงใช้เวลาอยู่ด้วยกันนาน แต่ไม่เคยมีบรรยากาศ ‘สนิทสนม’ อย่างที่โคสุเกะพูดเลย เดิมทีคาซึกิก็ไม่ใช่เกย์ ถึงตอนนี้คบกับโคสุเกะที่เป็นเพศเดียวกัน แต่ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ชอบเพศเดียวกันอยู่แต่เดิม ต่อให้โคโมริเข้ามาจีบด้วยความตั้งใจแบบนั้นก็แค่ปฏิเสธไป ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นได้ทั้งนั้น
“ใครมาพูดเรื่องบ้าๆ แบบนั้นให้โคสุเกะฟังกัน?”
“เปล่า แค่ได้ยินมานิดหน่อยว่าโคโมริติดนายหนึบ หรือไม่ก็พึ่งพานายสุดๆ...”
“แค่นั้นก็คิดว่าหมอนั่นหมายตาฉันงั้นเหรอ?”
“คิดว่าเป็นไปได้ นายยังมีส่วนที่น่ารักด้วยไม่ใช่แค่สวย แถมมีช่องโหว่อีก”
มีช่องโหว่ตรงไหนกัน คาซึกิไม่เข้าใจจึงทำหน้าบึ้ง คำพูดแบบนั้นใช้พูดกับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ
“เพราะคาซึกิใจดี ถ้ารุ่นน้องที่ตัวเองเอ็นดูแสดงความรู้สึกมุ่งมั่นรักเดียวใจเดียว อาจไขว้เขวไปก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้”
ทั้งที่ภายในใจคาซึกิชัดเจนขนาดพูดชี้ชัดได้ แต่ทำไมโคสุเกะถึงไม่เข้าใจ
คงเป็นเพราะเขายอมรับคำสารภาพรักของโคสุเกะ
คาซึกิมีชีวิตอยู่มายี่สิบหกปี ไม่เคยมีความรักกับคนเพศเดียวกัน มีโคสุเกะเป็นคนแรก
หากพูดว่าทำไมถึงได้คบกับโคสุเกะ...จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างคือคืนวันนั้นในเดือนมกราคม

“งั้นเจอกันวันจันทร์”
“เหนื่อยหน่อยนะ”
พวกเขาแยกกับพวกเพื่อนร่วมงานตรงหน้าร้านเหล้าแล้วเดินโซเซไปบนถนนด้วยความเมานิดหน่อย ข้างๆ คาซึกินั้นมีโคสุเกะ บังเอิญอะพาร์ตเมนต์ที่เขาอาศัยอยู่ใกล้กับโคสุเกะซึ่งเข้าบริษัทมารุ่นเดียวกัน หลังจากดื่มกับพวกเพื่อนร่วมงานแบบนี้เลยกลับบ้านด้วยกันตามธรรมชาติ
พอเหลือบมองโคสุเกะก็พบว่าสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยทั้งที่ปริมาณเหล้าที่ดื่มเข้าไปน่าจะมากกว่าตัวเขาเอง ระดับสายตาสูงกว่าประมาณห้าเซนติเมตรนั้นมองตรงไปยังข้างหน้า เครื่องหน้าสมชายหล่อเหลาประกอบกับร่างกายซึ่งมีกระดูกใหญ่กำยำให้ความรู้สึกพึ่งพาได้ อายุยี่สิบหกปีเหมือนคาซึกิ โสด สูงร้อยแปดสิบเซนติเมตร เป็นพนักงานขายที่โดดเด่นเป็นที่ชื่นชอบ ทัศนคติในการทำงานเอาจริงเอาจัง แต่ไม่ใช่คนหัวแข็ง กลับมีส่วนที่นุ่มนวลพอเหมาะพอดี
เนื่องจากสถานที่ทำงานมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โคสุเกะจึงเนื้อหอมมาก
(ถ้าพูดจากระดับความเนื้อหอม เราก็เนื้อหอมพอประมาณนะ...)
คาซึกิก็เนื้อหอม ไม่ได้หลงตัวเองแต่เป็นความจริง
ทั้งที่เป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ผิวขาวและผมออกสีน้ำตาล เครื่องหน้าได้รูปสะดุดตา ด้วยเหตุนี้จึงได้รับความเอ็นดูเหมือนตุ๊กตาบิสก์ตั้งแต่เด็ก ส่วนสูงเพิ่มขึ้นพรวดพราดช่วงเติบโต พอสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร คราวนี้ก็เริ่มถูกเด็กผู้หญิงยกยอปอปั้นว่าเหมือนเจ้าชาย มีแฟนสาวไม่เคยขาด เนื้อหอมตลอด เพราะมีผู้หญิงรายล้อมอยู่เสมอเลยใช้ชีวิตนักเรียนนักศึกษาอย่างร่าเริงสนุกสนาน ดังนั้นตอนได้งานที่บริษัทเครื่องสำอาง N&D ซึ่งมีพนักงานผู้หญิงมากกว่าจึงยอมรับได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงอะไร
เนื่องจากผอมเพรียวทั้งร่างทำให้มักถูกมองว่าอ่อนแอ หากให้พูดว่าไม่พอใจไหมก็คงไม่พอใจ ต่อให้ฝึกร่างกายแค่ไหนก็ไม่มีกล้ามจึงทำอะไรไม่ได้ อายุยี่สิบหกปีแล้วเขาเลยยอมตัดใจว่าร่างกายของตัวเองเป็นแบบนี้ ที่จริงอยากเป็นชายกำยำเหมือนโคสุเกะที่เดินอยู่ข้างๆ ในเวลานี้มากกว่า
“วาคามิยะเนี่ยเป็นผู้ชายที่ดีจริงๆ เนอะ”
คาซึกิเผลอพึมพำความในใจ โคสุเกะเหลือบมองลงมาแวบหนึ่งก่อนจะตอบกลับอย่างเขินอายว่า “พูดอะไรน่ะ”
“...อิเคโนอุเอะ”
“อะไร?”
โคสุเกะชี้นิ้วไปยังสวนสาธารณะเล็กๆ ที่อยู่นอกเส้นทางมุ่งสู่สถานรถไฟใต้ดิน
“แวะหน่อยไหม ให้สร่างเมา”
ลมหายใจที่ออกจากปากเป็นสีขาวจางๆ เป็นค่ำคืนสิ้นเดือนมกราคม ยังมีเวลาอีกหน่อยก่อนรถไฟเที่ยวสุดท้าย แต่ว่าชอบอะไร ผู้ชายด้วยกันถึงต้องไปสวนสาธารณะตอนกลางคืน
แต่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ ถึงไม่ได้เมาขนาดต้องทำให้สร่างคาซึกิก็ยังตามโคสุเกะเข้าสวนสาธารณะไป ในพื้นที่มีต้นไม้ใบเขียวปลูกไว้เพียงเล็กน้อย มีชิงช้ากับกระดานลื่น และม้านั่งทำจากไม้สองตัววางเรียงกัน
โคสุเกะซื้อกาแฟกระป๋องจากเครื่องขายของอัตโนมัติตรงทางเข้าสวนสาธารณะ ก่อนจะยื่นให้คาซึกิหนึ่งกระป๋อง
“ฉันเลี้ยง”
โคสุเกะหยุดคาซึกิที่กำลังจะหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อโคตแล้วหัวเราะหึ
คาซึกิรู้สึกเจ็บใจอยู่ในใจว่า โธ่เว้ย เท่ชะมัด แตกต่างจากคาซึกิที่เป็นเจ้าชายแค่ใบหน้า โคสุเกะมีความเท่จากแก่นแท้พร้อมสรรพ อย่างตอนเปิดประตูให้ผู้หญิง ถือของให้ หรือตอนให้ยืมร่มโดยไม่สนว่าตัวเองจะเปียก ทำเรื่องเท่ๆ เหมือนกับไม่ได้คิดอะไรและไม่ยัดเยียด แล้วก็ตรงที่ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่นั่นก็เท่อีกเหมือนกัน คาซึกิเจ็บใจในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน พร้อมกันนั้นก็ย้อนกลับมาพิจารณาตัวเองทุกครั้งว่าอยากจะเอาเป็นตัวอย่าง
โคสุเกะนั่งลงบนม้านั่งพร้อมกาแฟกระป๋องในมือ คาซึกิก็นั่งลงข้างๆ กัน เปิดกระป๋องที่ถือแล้วอุ่นมือก่อนจิบกาแฟน้ำตาลน้อย ส่วนกาแฟของโคสุเกะไม่มีน้ำตาล รู้ดีแม้กระทั่งความชอบของคาซึกิ จริงๆ เลย...ชักอยากงอนขึ้นมาแล้ว
ทั้งคู่ดื่มกาแฟโดยไม่มีใครพูดอะไรไปสักพัก
คนรอบข้างต่างพูดกันว่า เขากับโคสุเกะที่อายุเท่ากันและเข้างานมารุ่นเดียวกันมีความสัมพันธ์เหมือนเป็นคู่แข่งแม้อยู่ต่างแผนก บ้างก็บอกว่าแบ่งความสนใจจากพนักงานหญิงกันไปคนละส่วน บ้างก็บอกว่าใครจะทิ้งผลงานไว้ได้ดีกว่า
แม้รู้ว่าถูกเปรียบเทียบกันมาตลอดตั้งแต่เข้าบริษัท ทว่าพวกเจ้าตัวก็เฉยกันมาก เพราะอยู่คนละแผนกจึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากันในบริษัท แต่ถ้าเดินสวนกันก็ทักทาย หรือถ้ามีเวลาก็หยุดยืนคุยกัน เนื่องจากคาซึกิทำงานอยู่แผนกวางแผนส่งเสริมการขาย เรื่องราวหน้างานของงานขายที่ได้ฟังจากโคสุเกะจึงเป็นข้อมูลดิบที่มีค่ามาก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เปิดอกคุยกันได้ทุกเรื่องขนาดที่จะเรียกว่าเพื่อนสนิท อย่างไรก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง นั่งดื่มกาแฟกันเงียบๆ แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดบรรยากาศกระอักกระอ่วน เพราะคาซึกิยอมรับในความเป็นมนุษย์ของโคสุเกะและมีความรู้สึกที่ดีให้นั่นเอง คาซึกิคิดเอาเองว่าโคสุเกะก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน
“อิเคโนอุเอะ ตอนนี้มีคนที่คบกันอยู่ไหม?”
มาถามเอาป่านนี้เนี่ยนะ
“ไม่มีหรอก”
แค่เรื่องที่ตั้งแต่เข้าสู่วัยทำงานมา เขาไม่มีผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กันแบบนั้น โคสุเกะน่าจะรู้
สถานที่ทำงานเป็นเหมือนฮาเร็มที่มีแต่ผู้หญิง แต่เพราะแบบนั้นพวกผู้หญิงที่เข้าทำงานเพราะอยากทำงานที่ N&D จึงมีแต่ประเภทบ้างาน มีส่วนน้อยที่โดนความรักดึงดูดความสนใจไปจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถ้าอย่างนั้นวางแผนนัดบอดแล้วหาผู้หญิงนอกบริษัท...คาซึกิก็ไม่ใช่ประเภทฝักใฝ่เรื่องความรักขนาดนั้น ที่ผ่านมาที่เขามีแฟนสาวไม่เคยขาดก็เพราะไม่ปฏิเสธผู้หญิงที่มาสารภาพรักเท่านั้น ไม่เคยชอบใครสักคนแล้วเข้าหาเองเลย ผลลัพธ์คือนับตั้งแต่สามปีก่อนที่เลิกกับแฟนสาวสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็ใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างว่างๆ มาตลอด
ระหว่างคุยเล่นกันก็น่าจะเคยพูดอย่างนั้นไปหลายครั้งแล้ว แต่ทำไมตอนนี้ถึงถามเรื่องแบบนั้นเหมือนจะตรวจสอบให้แน่ใจล่ะ
“...อิเคโนอุเอะคิดยังไงกับฉัน?”
ช่วงที่กาแฟเหลือประมาณครึ่งหนึ่ง จู่ๆ โคสุเกะก็ปรับโทนเสียงให้ต่ำลงแล้วเอ่ยถาม
“ยังไง...เนี่ย เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วนี่ คิดว่าเป็นผู้ชายที่ดีนะ สูงกว่าฉันตั้งห้าเซ็นต์ แถมไหล่กว้าง อกหนา แขนมีกล้ามดูยกกล่องลังได้เยอะ น่าอิจฉาเลยแหละ หน้าตาก็ดีใช้ได้ แต่แพ้ฉันนะ”
คาซึกิพูดอย่างได้ใจ ถึงไม่ชนะโคสุเกะเลยแม้แต่เรื่องเดียวก็ไม่ดูถูกตัวเอง เขามีความมั่นใจในตัวเองพอประมาณ โคสุเกะก็ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่พูดนั่นพูดนี่เปรียบเทียบความสามารถกับคนอื่น เขาคิดว่าคงเพราะอย่างนั้นอีกฝ่ายถึงได้เป็นที่รักของทุกคน
“สำหรับอิเคโนอุเอะ ฉันเป็นเพื่อน...สินะ”
“ก็เป็นเพื่อนน่ะสิ”
“ไม่มีทางเป็นได้มากกว่านั้นเลยเหรอ?”
“เอ๊ะ...?”
มากกว่านั้นคืออะไร เพื่อนสนิทเหรอ?
“อิเคโนอุเอะ คืออย่าตกใจไปนะ”
“อืม อะไรเหรอ?”
“...ไม่สิ คงตกใจแหละนะ”
พูดจางึมงำไม่สมกับเป็นโคสุเกะที่มีภาพลักษณ์กระฉับกระเฉงและพูดจาฉะฉานไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามเลย มีเรื่องทุกข์ใจที่พูดยากขนาดนั้นเลยเหรอ
“คือ...”
หลังจากเว้นช่วงไปสักพักโคสุเกะก็ดื่มกาแฟกระป๋องดังอึกๆ จนหมดแล้วหันหน้ามาทางคาซึกิ
ไฟริมถนนสาดส่องบนใบหน้าองอาจของโคสุเกะ ดวงตาจริงจังจนดูน่ากลัวจ้องมองคาซึกิโดยไม่ละสายตา หลังจากรู้จักกันมาก็จะสี่ปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นสีหน้าตึงเครียดขนาดนี้ของโคสุเกะมาก่อนเลย จู่ๆ คาซึกิก็เครียดขึ้นมานิดหน่อย
“ชอบนะ”
“...เอ๊ะ?”
นึกว่าฟังผิด เพราะอีกฝ่ายเอ่ยคำที่เขาคาดไม่ถึงมาก่อน
“ฉันชอบนายมาตั้งแต่ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกแล้ว”
“...เอ๊ะ?”
คาซึกิอ้าปากค้างครึ่งหนึ่ง ได้แต่มองหน้าโคสุเกะ ไม่ได้อยู่ในบรรยากาศที่จะพูดเล่นออกไปได้เลยว่า ล้อเล่นใช่ไหม
“ขอโทษที ตกใจสินะ จู่ๆ มาพูดแบบนี้...”
โคสุเกะหลบสายตาแล้วก้มหน้าลง บีบกระป๋องเปล่าในมือใหญ่
“แต่ว่าฉันเอาจริงนะ”
เขาจ้องมายังคาซึกิอีกครั้ง ดวงตาที่ซื่อตรงนั้นสัมผัสได้ถึงความตั้งใจอันแรงกล้า ร่างกายขยับไม่ได้ราวกับถูกยึดไว้
“ถ้าเป็นไปได้ ช่วยคบกับฉันได้ไหม”
คาซึกิได้รู้เป็นครั้งแรกในตอนนี้เองว่า ถ้าตกใจมากเกินไป คนเราจะอยู่ในสภาพความคิดหยุดทำงาน

ที่อิเคโนอุเอะ คาซึกิกับวาคามิยะ โคสุเกะพบกันเป็นวันปฐมนิเทศเข้าบริษัท หรือวันที่ 1 เมษายนเมื่อประมาณสี่ปีก่อน
บริษัท N&D จำกัด (Night & Day) มีประวัติยาวนานถึงสามสิบปีในฐานะบริษัทผลิตเครื่องสำอางธรรมชาติปลอดสารเคมี เดิมทีขายสินค้าโดยให้พนักงานเฉพาะทางไปเยี่ยมตามบ้านเป็นหลัก แต่ประมาณสิบห้าปีก่อนเปลี่ยนเป็นขายสินค้าทางไปรษณีย์โดยสั่งทางอินเทอร์เน็ต จากกระแสของยุคสมัยและการแพร่หลายของอินเทอร์เน็ตบริษัทจึงใหญ่โตขึ้นในชั่วอึดใจ ปัจจุบันก็ขยายช่องทางขายไปยังต่างประเทศเช่นกัน เติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ครบวงจรที่มีสินค้าชุดชั้นในสตรีและอาหารเพื่อสุขภาพด้วย
ช่วงหางานคาซึกิไม่ได้หวังทำงานในแวดวงนี้ แม้รู้จักชื่อบริษัท N&D จากในโฆษณา แต่ก็รู้สึกว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เพียงแต่เขาลองท้าทายด้วยการสมัครบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง แล้วบังเอิญที่นี่เสนอรับเข้าทำงานอย่างไม่เป็นทางการเป็นที่แรกเท่านั้น
สิ่งที่รู้ก่อนเข้าบริษัทมีแค่ อาจเพราะเป็นบริษัทเครื่องสำอาง อัตราส่วนชายหญิงจึงต่างกันสุดขั้ว มีพนักงานชายอยู่เพียงน้อยนิด ประมาณนี้มั้ง พอพูดเรื่องนี้พวกเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็มีทั้งคนอิจฉาว่า ‘สภาพแวดล้อมสุดยอดไปเลยแฮะ ยิ่งเป็นนายคงเนื้อหอม’ กับคนที่กลัวๆ ว่า ‘สถานที่ทำงานมีแต่ผู้หญิงเนี่ย ไม่น่ากลัวเหรอ?’ อย่างละครึ่ง
คาซึกิไม่ได้รู้สึกทั้งสองอย่างนั้นเลย ถึงเป็นสถานที่ทำงานที่มีผู้หญิงเยอะ แต่ก็ไม่ใช่ประเภทฝักใฝ่ความรั.ือรือ ถึงมีพนักงานชายน้อยก็คงมีแผนกที่จำเป็นต้องใช้แรงผู้ชาย นอกจากนี้เป็นเพราะรูปร่างหน้าตา เขาจึงถูกป้อยอมาตั้งแต่เด็กๆ เลยไม่รู้สึกกลัวผู้หญิงด้วย
พอเข้าพิธีปฐมนิเทศก็แค่ตกใจนิดหน่อยที่มีพนักงานใหม่เป็นผู้หญิงล้นหลาม แต่ที่ตกใจมากคือพนักงานใหม่ชายมีแค่ตัวเองกับโคสุเกะ ทำให้เริ่มพูดคุยกับโคสุเกะอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วก็สนิทกัน
ช่วงระหว่างฝึกอบรมพนักงานเข้าใหม่ พวกเขาจับกลุ่มไปไหนมาไหนกันสามคนกับซาซากิ เรียวโกะที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันบ่อยๆ เรียวโกะเป็นคนสวยไม่มีที่ติและมีรูปร่างผอมเพรียว เป็นผู้หญิงที่มีความประสงค์แรงกล้าเปี่ยมล้นว่าจากนี้ไปจะทำงานที่ N&D อย่างแข็งขัน เธอออกตัวว่าความรักเป็นอุปสรรคในการทำงาน ตั้งใจเรียนรู้อยู่เสมอ และมุ่งมั่นจะพัฒนาไปข้างหน้า
คิดว่าเพราะเรียวโกะเป็นแบบนี้จึงสามารถเป็นเพื่อนกับสองหนุ่มพนักงานใหม่ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญจากเหล่าพนักงานหญิงรุ่นพี่ว่าเป็นปีที่มีของดีเยอะ หรือก็คือคาซึกิกับโคสุเกะนั่นเอง
พอฝึกอบรมเสร็จสิ้นคาซึกิก็ถูกจัดให้ไปอยู่แผนกวางแผนส่งเสริมการขาย ส่วนโคสุเกะอยู่ฝ่ายขาย และเรียวโกะอยู่ฝ่ายโฆษณา
หลังจากนั้นแต่ละคนก็คบหากับคนในแผนกเป็นหลัก ตอนที่มีการรวมตัวของรุ่นเดียวกันจึงพยายามเข้าร่วมเท่าที่จะทำได้ แล้วรายงานสารทุกข์สุกดิบกัน




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อิเคโนอุเอะ คาซึกิถูกวาคามิยะ โคสุเกะที่เป็นเพื่อนร่วมงานสารภาพรัก คาซึกิคล้อยตามความจริงจังและความหล่อเหลาอันไร้ที่ติของเขาจึงได้คบกับผู้ชายเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา คาซึกิเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องเป็นฝ่ายรับ แต่โคสุเกะผู้เป็นสุภาพบุรุษกลับดูพอใจกับการสัมผัสเพียงผิวเผินเท่านั้น ทว่าคาซึกิไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายอดทนทำเป็นเท่แทบตาย... ในเวลานั้นเองโคสุเกะก็ต้องย้ายไปทำงานที่โกเบเพราะการโยกย้ายตำแหน่งพนักงาน ด้วยความเหงาที่ต้องแยกจากกัน ในที่สุดความรักที่มากไปของโคสุเกะจึงดูท่าจะเริ่มคลั่งแล้ว!?

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”